คลังเก็บป้ายกำกับ: XIAOMI_MI_5

หลุดภาพ Hand On เครื่องจริง Xiaomi Mi 8 พร้อมคลิปสปอยล์โมดูล GPS แบบคู่รุ่นแรกของโลก ก่อนเปิดตัวที่จีนบ่ายนี้!!

Xiaomi กำลังจะเปิดตัว Xiaomi Mi 8 และ Mi 8 SE ในช่วงบ่ายของวันนี้แล้ว โดยหลังจากที่เราได้เห็นภาพเรนเดอร์ของสมาร์ทโฟนดังกล่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด SlashLeaks เว็บไซต์ที่ชอบปล่อยภาพหลุดสมาร์ทโฟนได้โพสต์ภาพ Hand On เครื่องจริงหลุดออกมาให้เห็นกันบ้าง

Xiaomi Mi 8

สำหรับภาพ Hand On ของ Xiaomi Mi 8 ที่หลุดมานั้น เผยให้เห็นเฉพาะด้านหน้าเครื่องเท่านั้น โดยมาพร้อมจอแบบ FullView ที่มีรอยบากขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางด้านบนตรงกับภาพเรนเดอร์ที่เผยออกมาก่อนหน้านี้

และบนแผ่นฟิล์มที่แปะอยูบนหน้าจอก็มาพร้อม 3 คุณสมบัตืเด่นที่เห็นบนหลังกล่องแพ็คเกจจิ้งไปเมื่อวันก่อนนั่นก็คือ ติดตั้งกลัองหลังคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI, ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 845 และ Dual GPS

ในส่วนของโมดูล GPS แบบคู่นั้นยังไม่มีข้อมูลว่าดีหรือต่างจากแบบเดี่ยวยังไง ล่าสุดก็มีคลิปวิดีโอที่สปอยล์ออกมานิดนึงว่าระบบ GPS แบบเดิมนั้นมักจะนำทางไม่ค่อยแม่นสักเท่าไร แตสำหรับผู้ใช้  Mi 8 จะไม่เจอปัญหานี้อย่างแน่นอนจากการติดตั้งโมดูล GPS  แบบคู่ และจะเปิดเผยข้อมูลในวันเปิดตัว

ทั้งนี้ Xiaomi จะเปิดตัว Xiaomi Mi 8, Mi 8 SE รวมถึง Mi Band 3 และ MIUI 10 ที่เมืองเซิ่นเจ้น ประเทศจีน ตั้งแต่เวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นตรงกับบ้านเราเวลา 13.oo น. สามารถติดตามชมงานเปิดตัวได้ที่นี่ >>> http://bit.ly/2JnBasu

ที่มา : Gsmarena

คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Xiaomi ได้ที่นี่ >>> http://bit.ly/2G47X0l

 

from:http://mobileocta.com/xiaomi-mi-8-the-worlds-first-gps-module-before-launching-in-china-this-afternoon/

Xiaomi Mi 6 ถูกทดสอบเรื่องความแข็งแรง ทั้งมีดกรีด ลนไฟ และดัดโค้งด้วยมือเปล่า (มีคลิป!!)

Xiaomi-Mi6-test

ถึงแม้สมาร์ทโฟนแบรนด์ Xiaomi ยังไม่ขยายตลาดไปทั่วโลกเหมือนกับ Huawei และ ZTE แต่ชื่อเสียงของ Xiaomi ก็เป็นที่รู้จักของสาวกแอนดรอยด์ทั่วไป และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Mi 6 ซึ่งทาง Zack Nelson เจ้าของช่อง JerryRigEverything บนเว็บไซต์ YouTube ก็ไม่พลาดที่จะนำมาทดสอบ หลังจากที่เขาเคยจับ Mi 5 หักคามือมาแล้ว

Xiaomi-Mi-5-test

การทดสอบ Xiaomi Mi 6 ของ JerryRigEverything ใช้มาตรฐานเดียวกับที่เขาทดสอบสมาร์ทโฟนทุกรุ่นก่อนหน้านี้ เริ่มจากหาความแข็งแรงของจอแสดงผล เพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการป้องกันรอยขีดข่วน ซึ่งได้ผลออกมาว่าจอแสดงผลของ Mi 6 ทนทานต่อการขีดข่วนในระดับ 6 ตามค่าความแข็งแบบโมห์สเกล (ระดับเดียวกับ Galaxy S8 ที่ Zack Nelson เคยทดสอบด้วยวิธีเดียวกัน)

Xiaomi_Mi6_test

Xiaomi-Mi-6-test

หลังจากนั้น Zack Nelson ก็ใช้ปลายมีดกรีดไปยังชิ้นส่วนสำคัญรอบบอดี้ Xiaomi Mi 6 รวมทั้งใช้ไฟลนจอแสดงผล และดัดโค้งตัวเครื่องด้วยมือเปล่า ส่วนจะหักคามือเหมือนกับ Mi 5 หรือไม่ ติดตามชมได้จากคลิปวีดีโอด้านล่าง

ที่มา – JerryRigEverything

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=182552

Xiaomi อธิบายว่าทำไม Mi 6 ถึงไม่มีช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

Xiaomi-Mi6

Xiaomi Mi 6 กลายเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอีกหนึ่งรุ่น ที่ไม่มีช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีทั้ง iPhone 7 และ Moto Z ที่ไร้ช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร เช่นเดียวกัน และต่อไปนี้คือคำอธิบายของ Xiaomi ถึงเหตุผลที่ต้องตัดช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไป

สมาร์ทโฟนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการบูรณาการสูงและพื้นที่ภายในเป็นสิ่งที่มีค่า การถอดช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไป ช่วยให้สมาร์ทโฟนประหยัดพื้นที่ภายใน เพื่อใช้ติดตั้งส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไปแทน อย่างเช่น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น อีกทั้งการเล่นเสียงผ่านพอร์ต USB Type-C กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม

ดูเหมือนเหตุผลของ Xiaomi จะคล้ายกับ Apple ที่มองว่าช่องเสียบแจ๊คหูฟัง เป็นส่วนเกิน และกินพื้นที่ภายในโดยไม่จำเป็น เนื่องจากรูกลมๆ ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา

Xiaomi Mi 6 มากับแบตเตอรี่ 3,350mAh เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับ Xiaomi Mi 5 ที่มีความจุ 3,000mAh อีกทั้งยังมากับกล้องดิจิตอลเลนส์คู่ ซึ่งเป็นไปได้ที่การตัดช่องเสียบแจ๊คหูฟังออกไป ทำให้มีพื้นที่วางโมดูลกล้องเพิ่มอีกชิ้น

ทั้งนี้ Xiaomi Mi 6 ยังแถม Adapter มาให้ในกล่อง ช่วยแปลงพอร์ต USB Type-C ให้รองรับหูฟังที่ใช้แจ๊ค 3.5 มิลลิเมตรแบบเดิมได้

ที่มา – AndroidCentral

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=182312

Xiaomi Mi 5S เปิดตัวแล้ว มากับชิป Snapdragon 821 และสแกนนิ้วด้วยระบบ Ultrasonic

xiaomi-mi-5s-rosegold

ตามคาด Xiaomi Mi 5S เปิดตัวอย่างทางการแล้ว มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือด้วยคลื่น Ultrasonic ตามที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจาก Qualcomm® Snapdragon Sense™ ID ให้ความแม่นยำกว่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบเดิม และยังมาพร้อมจอแสดงผลที่ไวต่อการสัมผัส (คล้าย 3D Touch) แต่สองจุดเด่นที่ไม่มีตามข่าวลือก็คือ กล้องดิจิตอลเลนส์คู่ กับจอแสดงผลแบบขอบจอโค้ง

xiaomi-mi-5s

Xiaomi Mi 5S ผลิตออกมาให้เลือก 4 สี (สีขาว, สีเทา, สีทอง และ สีโรสโกลด์) ยังคงใช้โลหะเป็นวัสดุหลัก และนำเส้นเสาอากาศกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ลบออกไปในรุ่น Mi 5 ตอบสนองการทำงานด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 จอแสดงผล Full HD 1080p กว้าง 5.15 นิ้ว แบบเดียวกับ Mi 5 แต่เพิ่มเทคโนโลยีรับรู้แรงกด กล้องดิจิตอลตัวหลักยังคงใช้กล้องตัวเดียวเหมือนเดิม (ไม่มีกล้องเลนส์คู่อย่างที่ลือกัน) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX378 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ถ่ายเซลฟี่ผ่านกล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล

xiaomi-mi-5s-ultrasonic

xiaomi-mi-5s-grey

xiaomi-mi5s

xiaomi_mi5s

Xiaomi Mi 5S มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น คือ RAM 3GB + ROM 64GB ราคา 1,999 หยวน หรือราว 10,360 บาท และ RAM 4GB + ROM 128GB ราคา 2,299 หยวน หรือราว 11,915 บาท

ที่มา – Gizchina

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=159938

เผยเสปก Xiaomi Mi 5S ใช้ชิป Snapdragon 821 แรม 6GB จอกว้าง 5.15 นิ้ว รองรับ 3D Touch

Xiaomi-Mi

จัดหนัก!! สมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi Mi 5S เปิดเผยสเปกออกมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างทางการ โดยจะมากับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 พร้อมจีพียู Adreno 530 ความจำ RAM 6GB ความจุในตัว 256GB แบบ UFS 2.0 แบตเตอรี่ 3490 mAh พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C กล้องดิจิตอล 16 ล้านพิกเซล โฟกัสภาพในระบบ PDAF บันทึกวีดีโอระดับ 4K Ultra HD จอแสดงผล กว้าง 5.15 นิ้ว และรองรับเทคโนโลยี 3D Touch ไวต่อแรงกดหนัก-เบา

Xiaomi-Mi-5S-Spec

Xiaomi-Mi5S-Spec

ที่มา – AndroidPure

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=158410

Xiaomi เปิดบริการ Mi Pay รองรับ 20 ธนาคาร และร้านค้าปลีกกว่า 4 ล้านแห่ง

Mi-Pay

Xiaomi ร่วมกับ UnionPay เปิดตัวบริการชำระเงินผ่านมือถือ Mi Pay รองรับสมาร์ทโฟน Mi 5 บนระบบปฏิบัติการ MIUI 8 ทำงานร่วมกับชิป NFC และแอพพลิเคชั่น Mi Wallet ปัจจุบันมีร้านค้าร่วมให้บริการกว่า 4 ล้านแห่งในประเทศจีน และสนับสนุนบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตจากธนาคารชั้นนำถึง 20 แห่ง

MiPay

นอกจาก Mi Pay จะสามารถใช้แทนเงินสดในการจับจ่ายซื้อของ ยังสามารถใช้แทนบัตรโดยสารในเมืองสำคัญได้อีกด้วย และคาดว่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคต ก็จะสนับสนุนบริการ Mi Pay ด้วยเช่นกัน

Xiaomi-Mi-Pay-Banks

ที่มา – Xiaomi

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=157386

[Review] รีวิว Xiaomi Mi 5 เรือธงจากจีนแผ่นดินใหญ่ หัวใจ Snapdragon 820

รอกันมานานกับ Xiaomi Mi 5 สมาร์ทโฟนเรือธงจากผู้ผลิตแบรนด์จีน Xiaomi หลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ภาคต่อของ Mi 4 ก็ปรากฏตัวแล้ว โดย Mi 5 ใช้การผสมผสานกันระหว่าง กระจก โลหะ และ สเปคที่จัดเต็ม แถมราคาก็ไม่ได้โหดร้ายจนกระเป๋าฉีกแบบสมาร์ทโฟนเรือธงบางเจ้า แต่การใช้งานจริงของ Mi 5 นั้นจะดีแบบราคาหรือไม่นั้น มาชมรีวิวของ Mi 5 กันเลยดีกว่าครับ

ก่อนที่จะเริ่มการรีวิวก็ขอบอกก่อนว่า Xiaomi ได้เปิดตัว Mi 5 มาด้วยกัน 3 รุ่น Standard, High และ Pro ที่แตกต่างกันที่ ความเร็วของ CPU, RAM, ROM และ วัสดุที่ใช้ โดยก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่องรุ่น Standard กันไปแล้ว แต่ครั้งนี้รุ่นที่เรานำมารีวิวนั้นเป็นรุ่น High ที่มาพร้อมกับ RAM 3GB และ ROM 64GB ครับ

สเปคของ Xiaomi Mi 5 รุ่น High มีดังนี้

  • OS: Android 6.0 Marshmallow with MIUI 7
  • หน้าจอ: IPS LCD 5.15 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 820 quad-core 2.15GHz
  • GPU: Adreno 530
  • RAM: 3GB
  • หน่วยความจำภายใน: 64GB ไม่รองรับ microSD การ์ด
  • กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล, f/2.0, PDAF, 4-axis OIS, เซนเซอร์ 1.12 µm
  • กล้องหน้า: 4 ล้านพิกเซล, f/2.0, เซนเซอร์ 2.0 µm
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi: 802.11 a/b/g/n/ac
    • Bluetooth: 4.2
    • GPS: A-GPS, GLONASS, BDS
    • NFC
    • IR Blaster
    • USB Type-C
    • Fingerprint sensor
  • SIM: รองรับ 2 ซิม Full NetCom 3.0 (dual-SIM dual-active)
  • เครือข่าย:
    • 2G: 800/850/900/1800/1900/2100
    • 3G: 850/900/1900/2000/2100
    • 4G: 1800/1900/2100/2300/2500/2600
  • แบตเตอรี่: 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้ รองรับ QC 3.0
  • สัดส่วน: 144.6 x 69.2 x 7.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 129 กรัม

ดีไซน์

หากว่าใครที่ติดตาม Xiaomi มาตลอด ก็คงจะสังเกตุเห็นได้ว่า Mi 5 นั้นมีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็คือปุ่มโฮมที่ทำหน้าที่เป็นตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย เพราะก่อนหน้านี้ Xiaomi นั้นใช้ปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังเครื่องมาโดยตลอด

ขนาดตัวเครื่องของ Mi 5 มีขนาดที่กำลังพอดีมือ ด้วยหน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ซึ่งมีขนาดที่กำลังดี ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ จนเกินไป และด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 129 กรัม ทำให้สามารถถือได้เป็นระยะเวลานาน​โดยไม่เมื่อย แต่ตัวเครื่องค่อนข้างจะลื่น

การผสมผสานกันระหว่าง กระจก และ โลหะ ทำให้ Mi 5 นั้นดูมีความพรีเมี่ยม พร้อมทั้งด้านหลังยังมีขอบโค้ง แต่อย่าให้หน้าตาหลอกคุณ.. เพราะกระจกด้านหลังของ Mi 5 ให้ความรู้สึกเหมือนกับพลาสติกมากกว่าที่จะเป็นกระจก และงานประกอบก็ยังไม่เนี๊ยบเท่าที่ควร ฝาหลังกับขอบข้างดูเหมือนมีร่องอยู่เล็กน้อย และถ้าหากว่าซื้อสีดำมาละก็ เตรียมใจกับลายนิ้วมือให้พร้อมเลยครับ เพราะติดง่ายมาก

ถ้ามอง Mi 5 แบบผ่านๆ ก็เหมือนจะเห็นภาพซ้อนกับ Galaxy S7 อยู่พอสมควร อาจจะเพราะปุ่มโฮมที่เพิ่มเข้ามา ส่วนด้านข้างของปุ่มโฮมก็คือ ปุ่ม recent apps และ ปุ่ม back แบบ capacitive ซึ่งปุ่มทั้ง 2 ไม่ได้ทำเป็นสัญลักษณ์ให้เห็น แต่ว่าเป็นเพียงแค่ไฟ LED จุดเล็กๆ เท่านั้น ใช้แรกๆ ก็อาจจะไม่คุ้น

ด้านบนก็จะเจอกับ โลโก้ mi, ไฟ LED, เซนเซอร์วัดระยะ และ วัดแสง, ลำโพงสนทนา และ กล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล

ขอบเครื่องโลหะของ Mi 5 ทั้ง 4 ด้าน นั้นไม่มีการปล่อยให้ว่างเปล่า ซึ่งถูกใช้งานทั้งหมด

  • ด้านบน: รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, IR Blaster และ รูไมโครโฟนตัวที่ 2
  • ด้านขวา: ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มพาวเวอร์
  • ด้านล่าง: รูไมโครโฟนสนทนา, USB Type-C และ ลำโพง
  • ด้านซ้าย: ช่องเสียบถาดซิม รองรับ 2 ซิม แบบ nanoSIM

สิ่งที่ขาดหายไปของ Mi 5 ก็คือ ไม่มีช่องให้ใส่ microSD การ์ด แต่ว่าสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาและเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในตอนนี้เลยก็คงจะไม่พ้นเรื่องการรองรับ Full NetCom 3.0 ที่ทำให้ Mi 5 รองรับ 4G/3G พร้อมกันได้ทั้ง 2 ซิมนั่นเองครับ ถ้าหากว่าอยากรู้จักเกี่ยวกับ Full NetCom 3.0 เพิ่มเติมก็อ่านได้จากลิ้งค์นี้เลย

หน้าจอ

ถึงแม้ว่าเรือธงในตอนนี้ใช้หน้าจอความละเอียด Quad HD กันเกือบหมดแล้ว (ยกเว้น Z5 Premium ที่เป็น 4K) แต่ Mi 5 นั้นยังใช้หน้าจอ Full HD อยู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วก็คิดว่า Full HD นั้นพอเพียงต่อการใช้งานสำหรับสมาร์ทโฟนในตอนนี้แล้ว เพราะนอกจากที่เราจะมองความแตกต่างแทบจะไม่ออก ก็ยังช่วยประหยัดแบตได้อีกด้วย

หน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p ของ Mi 5 นั้นเป็น IPS LCD ซึ่งให้สีสันที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้เลยก็ว่าได้ มุมมองของหน้าจอก็กว้าง สามารถมองได้ชัดเจนในเกือบทุกมุม และมีความสว่างที่เพียงพอกับการสู้แสงแดดจ้าๆ

การปรับแสงอัตโนมัติของ Mi 5 ก็ทำได้อย่างดี ระหว่างการใช้งานนั้นแทบจะไม่ต้องไปปรับความสว่างด้วยตัวเองเลยครับ แต่ที่ติดใจก็คือขอบการหลอกตาของขอบข้าง ที่ตอนแรกนึกว่า Mi 5 จะไร้ขอบ แต่ดันมีขอบดำซะงั้น

ประสิทธิภาพการทำงาน

ถ้าจะให้หาจุดที่ทำให้ Mi 5 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง ก็คงจะหนีไม่พ้นชิป Snapdragon 820 ที่ขับเคลื่อนเจ้า Mi 5 ซึ่งเป็นชิปเรือธงที่แรงที่สุดจากทางค่าย Qualcomm ในตอนนี้ และเมื่อเทียบกับ Snapdragon 810 ก็ถือว่ามีการพัฒนามาเยอะมาก สำหรับผล benchmark ต่างๆ ของ Mi 5 จาก AnTuTu, Geekbench และ 3D Mark ก็ได้ตามนี้เลย

ด้วยความช่วยเหลือจาก Snapdragon 820 ทำให้ Mi 5 นั้นมีความลื่นไหล เปิดแอพได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และ RAM 3GB ก็ถือเยอะพอสำหรับการใช้งาน แต่ว่าก็ยังเจอกับปัญหาแอพค้าง และปิดตัวเองอยู่บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งก็คงจะเป็นที่รอมมากกว่าครับ

การเล่นเกมที่มีกราฟฟิคสูงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Mi 5 เพราะชิป Snapdragon 820 นั้นมาพร้อมกับ GPU Adreno 530 สามารถเล่น Asphalt 8 ได้อย่างสบายๆ

ตัวสแกนลายนิ้วมือที่ทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมของ Mi 5 นั้นสามาถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากๆ เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครเลย

กล้อง

Xiaomi Mi 5 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งภายในงานเปิดตัว นาย Hugo Barra ก็ได้อวดกล้องของ Mi 5 ว่ามาพร้อมกับกันสั่นถึง 4 แกน และกันสั่น 4 แกน ก็ถือว่าสามารถช่วยในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี

แอพกล้อง MIUI ของ Mi 5 นั้นดูเรียบง่าย เลื่อนไปทางขวาจะมี filter ให้เลือก สำหรับคนที่ชอบความสร้างสรรค์ ส่วนเลื่อนไปทางซ้ายก็จะมีโหมดให้เลือกใช้อยู่ 9 โหมด ด้วยกัน

http://imgur.com/a/oU4zg/embed

ภาพจากกล้องหลังเมื่อถ่ายในที่มีแสงนั้นได้ภาพที่สวย คมชัด และมี dynamic range ที่กว้าง ได้สีที่สมจริง ไม่เว่อร์จนเกินไป แต่เมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อย จะเห็นได้ชัดว่าภาพนั้นมี noise ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน

กล้องหน้าของ Mi 5 มีความละเอียดอยูที่ 4 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งถือว่าน้อยเกินไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงในสมัยนี้ โหมดของกล้องหน้าก็มีเพียงแค่โหมด beautify อยู่ 3 ขั้น low, medium และ high แต่ว่าเราสามารถที่จะเลือกเปิดลูกเล่นอย่าง การเช็คอายุและเพศ ได้ แถมยังมีโหมด magic mirror ที่เอาไว้เช็คความเป๊ะของหน้าเรา ด้วยการให้คะแนน

ซอฟต์แวร์

MIUI 7 ของ Mi 5 ถูกพัฒนาอยู่บน Android 6.0 Marshmallow แต่ว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าใช้ iOS มากกว่า เพราะหน้าตาที่คล้ายกับทางฝั่งผลไม้นั่นเอง ซึ่งสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนหลายๆ เจ้าก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่เป็น Android ก็เลยสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลง launcher เอา

เนื่องจากว่า Mi 5 รุ่นที่ได้นำมารีวิวนั้นเป็นเครื่องจากจีน ทำให้ไม่มี Google Play Service อยู่ในเครื่องเลย เราเลยจำเป็นที่จะต้องทำการลงเอาเอง ซึ่งระหว่างการลงก็พบปัญหาอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น contacts นั้นไม่ sync หรือ โหลดแอพไม่ได้ ก็แนะนำว่าถ้าซื้อ Mi 5 ก็ควรจะลงรอมอินเตอร์ไปเลย เพราะว่ามาพร้อมกับ Google Play Service แบบครบครันครับ

ถึงแม้ว่า MIUI 7 ของ Mi 5 จะเป็น Android 6.0 แล้ว แต่ว่าฟีเจอร์บางอย่างของ Android 6.0 ก็ยังขาดหายไปอยู่บ้าง อย่างเช่น Google Now on Tap เป็นต้น

Theme

ขาดไม่ได้เลยกับฟีเจอร์ theme ในตอนนี้ เพราะว่าแต่ละคนก็มีสไตล์ความชอบเป็นของตัวเอง โดยแอพ theme ของ Mi 5 นั้นเป็นภาษาจีน ซึ่งก็มี theme ให้เลือกอยู่มากมาย มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินให้เราสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามใจชอบครับ แต่ว่าเราต้องมี Mi Account ในการดาวน์โหลด

Notification bar

แถบการแจ้งเตือนของ Mi 5 แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนแรกจะเป็นการแจ้งเตือน ในส่วนที่สองนั้นจะเป็นปุ่ม quick settings ต่างๆ พร้อมทั้งยังสามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ด้วย

เราสามารถที่จะเปลี่ยนปุ่ม quick settings ต่างๆ ได้ด้วยการไปที่ Settings > Notifications > Toggle positions ครับ

ปุ่ม

การที่ Mi 5 นั้นทำปุ่ม capacitive เป็นเพียงแค่จุดไฟนั้นไม่ใช่ว่าจะทำให้สับสนแต่อย่างใด แต่เพราะว่าเราสามารถที่จะสลับด้านของปุ่ม recent apps และ ปุ่ม back โดยตอนแรกนั้น ปุ่ม recent apps จะอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนปุ่ม back จะอยู่ทางด้านขวา แต่ถ้าใครไม่ชินก็เปลี่ยนให้ ปุ่ม back มาอยู่ทางด้านซ้ายแทนได้ครับ

แบตเตอรี่

Mi 5 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ท่ีไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งถ้าใช้งานปกติก็สามารถอยู่ได้แบบเต็มวัน โดยมีเวลาการใช้งาน screen-on time อยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง ถ้าหากว่าใช้ไม่เยอะก็สามารถอยู่ได้วันกว่าๆ เลยทีเดียว

พอร์ตการชาร์จของ Mi 5 นั้นเป็น USB Type-C ที่รองรับการชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 แต่ว่าตัวชาร์จที่แถมมานั้นเป็นแค่ Quick Charge 2.0 แต่ยังสามารถชาร์จได้ไว ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก การชาร์จจาก 0 – 100 ใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 75 – 80 นาที

สรุป

Xiaomi Mi 5 แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ Xiaomi ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเรานำสเปคของ Mi 5 มาเทียบกับราคาของมัน ก็ไม่ต้องบอกเลยว่า Xiaomi นั้นน่ากลัวขนาดไหน เพราะว่าด้วยสเปคที่จัดเต็ม แต่ว่าราคาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางบางเจ้า ทำให้ Mi 5 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว การทำงานของ Mi 5 ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหล และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ว่าก็ยังมีบางจุดที่ยังคงต้องปรับปรุงอยู่บ้างครับ ถ้าหากว่าใครซื้อมาก็แนะนำว่าให้ลงรอมอินเตอร์เลยนะครับ เพราะจะประหยัดเวลาชีวิต และสะดวกสบายมากขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อดี:

  • หน้าจอคมชัด สีสันสวยงาม
  • แบตอึด อยู่ได้เต็มวัน
  • กล้องหลังได้ภาพที่คมชัดในที่มีแสง
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานได้เร็วและแม่นยำ
  • สเปคจัดเต็ม ใช้งานได้อย่างลื่นไหล
  • รองรับ Full NetCom 3.0

ข้อเสีย:

  • ไม่รองรับ microSD การ์ด
  • ถ่ายภาพตอนแสงน้อยจะมี noise เยอะมาก
  • MIUI ยังคาดฟีเจอร์หลักๆ ของ Android อยู่
  • งานประกอบยังไม่ค่อยดีนักก

from:http://droidsans.com/review-xiaomi-mi-5

IHS เผยยอดขายสมาร์ทโฟนของ Xiaomi ในไตรมาสแรกปี 2016 ทำได้น้อยกว่าปีที่แล้ว

ตามรายงานล่าสุดของนักวิเคราะห์นาย Kevin Wang จากบริษัทวิจัยตลาด IHS Technology ได้เปิดเผยว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของ Xiaomi ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 สามารถทำยอดขายไปได้สูงถึง 14.8 ล้านเครื่อง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้เป็นตัวเลขยอดขายที่เกิดขึ้นจากในประเทศจีนและในต่างประเทศด้วย

ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยครับว่ายอดขาย 14.8 ล้านเครื่องภายในไตรมาสเดียวเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ แต่ทว่าเมื่อนำมาเทียบกับช่วงเดียวกันนี้ของปีที่แล้วกลับพบว่าทาง Xiaomi กลับไม่มีการเติบโตด้านยอดขายขึ้นเลย

เพราะเมื่อช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 ทาง Xiaomi สามารถทำยอดขายได้ถึง 14.98 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่ายอดขายที่เกิดขึ้นในปี 2016 นี้นั่นเองครับ

thumb

ทั้งนี้ในรายงานยังได้กล่าวถึงยอดขายตลอดทั้งปี 2015 ของทาง Xiaomi ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงทีเดียวครับ โดย Xiaomi สามารถขายสมาร์ทโฟนไปได้ทั้งหมด 70 ล้านเครื่อง ซึ่งถึงแม้ว่าทางบริษัทจะตั้งเป้าไว้ที่ 80 ล้าน แต่อย่างไรซะ 70 ล้านเครื่องนี่ก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆแล้วนะครับ

 

 

 

from:https://www.appdisqus.com/2016/04/20/ihs_xiaomi_shipped_148_million_phones_in_q1_2016.html

ฝาหลังเซรามิก Xiaomi Mi 5 ถูกท้าทายด้วย กุญแจ ตะไบ เลื่อย และสว่าน!! ผลปรากฎว่าไม่ระคายแม้แต่น้อย?

สำหรับวัสดุที่นำมาใช้ทำสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นนั้น หากจะแตกต่างกันชัดเจนก็คือวัสดุที่นำมาใช้ทำฝาหลัง ที่จะมีทั้ง พลาสติก อะลูมิเนียม และวัสดุพิเศษอื่น ๆ เพื่อทำให้เบา แข็งแกร่ง ทนทาน ระบายความร้อนได้ดี ราคาถูก ตามแต่แบรนด์จะเลือกชูจุดเด่นด้านใด ซึ่งในปัจจุบันจะเลือกทั้งหมดนั้นก็เป็นไปได้ยาก แต่ความวัสดุที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นก็คือ เซรามิก ซึ่งมีความโดนเด่นมีความแข็ง มากกว่าวัสดุอื่น ๆ ที่เคยนำมาทำฝาหลังสมาร์ทโฟน ล่าสุด Xiaomi Mi 5 เรือธงตัวใหม่จาก Xiaomi ก็ได้เลือกใช้เซรามิกนี่หละครับ ตัดหน้า iPhone 7 ที่มีข่าวลือว่าจะเลือกใช้เซรามิกเป็นฝาหลังเช่นกัน

002

 

เพื่อทดสอบความแข็งของฝาหลังเซรามิก Xiaomi Mi 5  ทีมงาน Alex Wang จึงได้ทำคลิปทดสอบด้วย กุญแจ ตะไบ เลื่อย และสว่าน ผลปรากฏว่า ฝาหลังเซรามิกของ Xiaomi Mi 5  ไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยครับ

.

.

 

น่าเสียดายที่ในคลิปไม่ได้ทดสอบความเหนียวโดยการทำหล่นทางที่สูงด้วย เพราะโดยคุณสมบัติของเซรามิกจะด้อยเรื่องความเหนียวพอสมควร อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ ก็ใช้คลิปนี้เป็นตัวตัดสินใจได้นะครับว่า Xiaomi Mi 5 ที่มีมากกว่าความสวยนี้คุ้มค่าที่จะซื้อมาลอง ขูด ขีด และเจาะดูหรือไม่? หรือจะซื้อมาใช้งานปกติก็ไม่ต้องใส่ฝาหลังยังได้เลยครับ

 

ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ Xiaomi Mi 5 >> คลิก!!

 

from:https://www.appdisqus.com/2016/03/31/ceramic-xiaomi-mi-5-test.html

โชว์ความแกร่ง.. Xiaomi Mi 5 รุ่นบอดี้เซรามิค จะเลื่อย สว่าน หรือตะไบ ก็ไม่ทำให้เกิดริ้วรอย

ตอนนี้สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปของแต่ละค่ายนั้นต่างเน้นวัสดุที่แข็งแกร่ง งานประกอบขึ้นรูปที่เนี้ยบ และดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอดี้โลหะควบคู่ไปกับกระจกที่หลายๆ ค่ายนิยมกัน แต่ Xiaomi นั้นเลือกที่จะใช้เซรามิกใน Mi 5 PRO ที่อัดสเปคมาเต็มเหนี่ยว หน่วยความจำ 128GB และ RAM 4GB  ซึ่งหลายคนก็ยังสงสัยว่ามันจะคุ้มค่าพอไหม ที่จะจ่ายเงินเพิ่ม Mi 5 PRO กับบอดี้เซรามิก.. ผมว่าหากคุณได้ชมวิดีโอจาก Alex Wang ก็คงจะได้คำตอบว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้ม

Alex Wang หนุ่ม Youtuber เค้าไปได้เครื่อง Mi 5 PRO มาจากไหนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เค้าทดลองทำกับบอดี้เซรามิกของตัวเครื่องนั้นอาจะบาดตาบาดใจใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการเอากุญแจมาครูด เอา่ตะไบมาสี เอาเลื่อยมาหั่น หั่น หั่น แถมสุดท้ายยังเอาสว่านมาถู~ (ตอนแรกจะเรียกเจาะ แต่ดูจากในคลิปแล้วเหมือนพี่แกจะเน้นถูมากกว่า)

ผ่านพิธีกรรมทรมานแบบซาดิสทั้งหมดทั้งมวลแล้ว Xiaomi Mi 5 PRO ก็ไม่เกิดริ้วรอยที่ฝาหลังแต่ประการใด.. ตอนนี้ตัดสอนใจได้รึยังครับว่าจะจ่ายเงินเพิ่มดีไหม ^ ^

 

source : phonearena

from:http://droidsans.com/xiaomi-mi-5-pro-survive-key-saw-and-drill-with-no-scratch