คลังเก็บป้ายกำกับ: TOUCHWIZ

Samsung ออกอัพเดตแก้ปัญหา TouchWiz กระตุกใน Galaxy S8 และ S8+

TouchWiz คือหน้าตาอินเตอร์เฟสของมือถือ Samsung มาช้านานมีอยู่ในมือถือของ Samsung แทบทุกรุ่น แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของ TouchWiz คือ อาการกระตุกหน่วงหรือ Lag ระหว่างการใช้งาน ที่ไม่ว่าจะอัพเกรด hardware สเปกสูงแค่ไหนก็ยังกระตุกไม่หายขาด แม้กระทั่งรุ่นท็อปตัวปัจจุบันอย่าง Galaxy S8 และ S8+ ก็ยังมีให้เห็น ล่าสุด Samsung ออกอัพเดตมาแก้ปัญหานี้ของ TouchWiz แล้ว

Samsung เพิ่งออกอัพเดตใหม่ของ TouchWiz Home เวอร์ชัน 6.1.09.2 โดยจาก changelog หรือรายการปรับปรุงของอัพเดตนี้ มีการแก้ไขเรื่อง Lag ของ TouchWiz ตอนที่มีการลากนิ้วขึ้นหรือลงเพื่อเปลี่ยนสลับระหว่างหน้า Home และหน้า Apps นอกจากนั้นก็มีการปรับตัวอักษรชื่อของ App ให้อ่านงายขึ้นในกรณีที่ Wallpaper เป็นสีขาว ซึ่งหลังจากอัพเดตแล้วทาง SamMobile แจ้งว่า อาการ Lag นั้นไม่ค่อยมีและรู้สึกว่าเร็วขึ้นแล้ว

TouchWiz-Home-Update-6.1.09.2-262x540 สำหรับคนใช้ Galaxy S8 และ S8+ ที่สนใจสามารถอัพเดต TouchWiz Home เวอร์ชันใหม่ได้แล้วผ่านทาง Galaxy Apps หรือ Play Store ครับ

ที่มา: SamMobile

from:https://droidsans.com/samsung-releases-touchwiz-home-update-fixing-lag/

อัพเดต Nougat ของ S7 เปลี่ยนชื่อ TouchWiz เป็น Samsung Experience

รอมแอนดรอยด์ 7.0 หรือ Nougat สำหรับ Galaxy S7 และ S7 edge ออกเบต้าเป็นเวอร์ชันที่สามแล้ว ซึ่งพบว่าส่วนติดต่อผู้ใช้ TouchWiz ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Samsung Experience 8 แทนแล้ว

samsung_experience-hero

TouchWiz เป็นส่วนติดต่อผู้ใช้ (พูดง่ายๆ คือหน้าตาของระบบ)  ที่ซัมซุงใช้กับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตตระกูล Galaxy มาอย่างยาวนาน ช่วงหลังๆ จะเป็นโทนสีฟ้า แต่ใน Samsung Experience 8 นี้จะเน้นสีขาวเป็นหลัก และเน้นความเรียบง่ายมากขึ้น

สำหรับการเปลี่ยนแปลงอื่นในอัพเดตนี้ก็เช่น เพิ่ม Samsung Pass, เพิ่มแอพ Samsung Note, เพิ่มปุ่มตั้งความสว่างอัตโนมัติใน Quick Settings และย้ายปุ่มปิดแอพทั้งหมด (Close All) ในหน้าจอ Recent Apps ไปไว้ด้านล่าง เป็นต้น

ที่มา: Android Authority

from:http://www.thaiappupdate.com/2016/12/10648/

ซัมซุงเลิกใช้ชื่อ TouchWiz เปลี่ยนชื่อรอมเป็น Samsung Experience

คนที่เคยใช้ Samsung Galaxy คงคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์ TouchWiz ที่ซัมซุงใช้กับ “รอม” และ UI ของตัวเอง แต่ล่าสุดในรอม Android Nougat รุ่นเบต้าของ Galaxy S7 ดูเหมือนว่าซัมซุงทิ้งชื่อ TouchWiz ไปซะแล้ว

ในหน้า Software Info ของรอมรุ่นทดสอบล่าสุด ซัมซุงตั้งชื่อรอมเป็น Samsung Experience (ตัวย่อ SE) แทนคำว่า TouchWiz และระบุเลขเวอร์ชันเป็น “SE 8”

ช่วงหลังดูเหมือน Samsung เลิกทำตลาดด้วยแบรนด์ TouchWiz มาสักระยะหนึ่งแล้ว สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ดูเรียบง่าย และแตกต่างจาก Android ต้นฉบับน้อยลง

ที่มา – Android Central

from:https://www.blognone.com/node/87975

หลุดมาแล้ว TouchWiz เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับ Galaxy Note 7 (ชมคลิป)

Screen Shot 2559-06-28 at 3.19.07 PM

ไม่ใช่แค่การออกแบบและฮาร์ดแวร์เท่านั้นที่ Samsung Galaxy Note 7 จะได้รับการปรับปรุงใหม่ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเว็บไซต์ในอิตาลี HDBlog ปล่อยคลิปวีดีโอทดลองใช้ TouchWiz User Interface เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด แต่ยังเป็น Beta เชื่อว่าจะถูกนำไปติดตั้งให้กับ Galaxy Note 7 เป็นรุ่นแรก

Note-7-flashfly

HDBlog ได้ทดสอบ TouchWiz UI ใหม่ กับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S7 เผยให้เห็นหน้าตาที่ดูเรียบง่ายสบายตาขึ้น ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็ว และมีการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ให้กับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ Samsung เอง ซึ่งกลุ่มนักพัฒนาในเว็บไซต์ xda-developers.com ยังมีการแจกไฟล์ APK ให้ผู้ที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปทดลองใช้งานด้วย

ที่มา –   hdblog 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=150042

เอาจริง Samsung จับมือ Google ช่วยกันพัฒนา Touchwiz ให้ดีกว่า iOS ใน Galaxy รุ่นต่อไป

อย่างที่รูกันว่า Samsung และ Apple เป็นคู่กัดกันมานานล่าแต่ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่า Apple จึงคลองตลาดส่ะส่วนใหญ่ จึงทำให้ Samsung ต้องหาทางสู้และพี่แกก็คิดการใหญ่ด้วยการที่อาจจะจับมือกับ Google ด้วยที่หวังว่าจะร่วมมือกันพัฒนา Touchwiz ให้ดีเทียบเท่าหรือดีกว่า ios ของ Apple หลายคนคงสงสัยว่าเจ้า Touchwiz นี้คืออะไรงั้นเราไปดูกันดีกว่า

galaxy-note-5-launcher-apk-696x392

Touchwiz คือชื่อของระบบอินเตอร์เฟสที่ช่วยให้เราสั่งการและใช้งานสมาร์ทโฟนของเราให้สะดวกมากขึ้น ทั้งยังสามารถปรับแต่งธีมให้สวยงามโดยเจ้า Touchwiz ของ Samsung นี้ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆจะว่าไปมันก็ใช้งานได้ดีทีเดียว แต่อย่างว่ามันก็ยังเทียบกับของ ios ไม่ได้อยู่ดี

1

จากสื่อจีนรายงานว่า Samsung มีแผนจะร่วมมือกับวิศวกรของ Google ให้ช่วยออกแบบพัฒนาเจ้า Touchwiz ให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม จากที่ก่อนหน้านี้ที่ Touchwiz ยังมีการทำงานที่ไม่ค่อยตามทันนิ้วของเราพอสมควร เพราะจากที่ Samsung ได้ลงแอพต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานของผู้ใช้ทุกคนมามากเกินไปและบางแอพก็ไม่สามารถลบทิ้งได้ ทำให้สมาร์ทโฟนเกิดอาการหน่วงมากในบางที ก็หวังว่า Samsung และ Google จะสามารถเปลี่ยนประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีได้

ที่มา : sammobile.com

 

from:http://notebookspec.com/samsung-with-google-to-make-touchwiz/328362/

[ข่าวลือ] ซัมซุงดึงทีมงานกูเกิลช่วยปรับแต่ง TouchWiz เป้าหมายคือลื่นกว่า iOS

มีข่าวลือออกมาหลายระลอกว่า ซัมซุงอาจจับมือกับกูเกิลเพื่อพัฒนา TouchWiz ให้ดีขึ้น ข่าวล่าสุดมาจากเว็บ ITHome ของจีน บอกว่ากูเกิลส่งวิศวกรเข้ามาช่วยซัมซุงปรับแต่งโค้ดของ TouchWiz ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และเป้าหมายสูงสุดคือสร้างประสิบการณ์ใช้งานที่ไม่ติดขัดล่าช้า (non-delayed operating experience) และ “ลื่นกว่า iOS” ด้วย

ตามข่าวบอกว่าซัมซุงจะยังคงรักษารูปลักษณ์ของ TouchWiz เหมือนเดิม ส่วนที่ดึงกูเกิลเข้ามาช่วยเน้นเฉพาะการรีดประสิทธิภาพเท่านั้น

นอกจากนี้ ITHome ยังรายงานว่าซัมซุงกำลังพิจารณานำ micro SD กลับมาใน Galaxy S7 ตรงตามข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้านี้

ที่มา – ITHome (ภาษาจีน) via SamMobile

Samsung, Touchwiz, Rumor, Android

from:https://www.blognone.com/node/76013

[ข่าวลือ] Google อาจยื่นมือเข้าช่วยปรับปรุง Samsung TouchWiz !

Samsung TouchWiz คือ UI/UX หรือหน้าตาและประสบการณ์ใช้งานของแอนดรอยด์จาก Samsung ที่มีมาช้านานและผ่านการปรับปรุงมาแล้วหลายครั้ง โดยล่าสุดใน Samsung Galaxy Note 5 และ S6 edge+ ก็มาพร้อมกับ TouchWiz เวอร์ชันใหม่ที่ Samsung พยายามปรับลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แต่นั่นก็ยังกิน RAM มากมายถึงแม้มือถือทั้ง 2 รุ่นจะมี RAM ถึง 4GB ก็ตามจน Google อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้

โดยมีข่าวลือข่าวหลุดออกมาจากทาง Samsung Vietnam ว่า Google อาจจะยื่นมาเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการกิน RAM ของแอนดรอยด์จาก Samsung ซึ่งเป้าหมายที่จะปรับปรุงหรือรื้อใหม่เป็นอย่างแรกคือ TouchWiz นั่นเอง โดย Google ตั้งใจจะทำให้ UX นั้นสามารถทำงานได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะช่วย Samsung แก้ไข bug ต่างๆที่มาจากฟีเจอร์หลายๆอย่างที่ Samsung ทำขึ้นมาเองด้วย

หลายคนอาจจะคิดว่าข่าวนี้เป็นไปได้ยาก เพราะ Google เองก็มี UX ของตัวเองที่ดีและใช้งานได้ง่ายอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมาช่วยแก้ไขงาน Samsung ด้วย? เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมือถือ Android จาก Samsung นั้นมีจำนวนคนใช้งานมากที่สุด จนมันเป็นเหมือนสัญลักษณ์และตัวแทนของ Android ในความคิดของคนจำนวนมาก ดังนั้นถ้า TouchWiz มันห่วย Android ก็จะโดนมองว่าห่วยด้วย และ Google คงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น แต่อย่างไรข่าวลือก็คือช่าวลือ ถึงแม้มันจะน่าสนใจถ้า Google มาช่วยปรับหน้าตาของ TouchWiz จริงๆ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไงหนอ?

รูปจากข่าวเก่า

 

ที่มา: SamMobile

from:http://droidsans.com/google-might-help-samsung-optimize-touchwiz-ux

[บทความแปล] บทพิสูจน์”นักฆ่าเรือธง”การปะทะกันระหว่าง OnePlus 2 และ Samsung Galaxy S6

ต้องบอกเลยว่าการมาของเจ้า OnePlus 2 ได้เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆได้ไม่น้อยเลยครับ คือตั้งแต่ช่วงที่มีข่าวลือหรือภาพหลุดออกมาก็เริ่มมีคนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากแล้ว ถึงแม้ว่าภาพหลุดเหล่านั้นหรือข่าวที่ลือๆกันจะตรงบ้างไม่ตรงบ้างก็ตาม แต่ด้วยสเปคของมันนั้นนับว่าเป็นสเปคที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “Flagship Killer” (นักฆ่าเรือธง) ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะมีผู้ให้ความสนใจ แต่ทว่าการที่เราจะบอกว่าอะไรดีหรือไม่ดี เราก็จำเป็นต้องมีการพิสูจน์จริงไหมล่ะครับ ซึ่งจากที่ดูแล้วในตอนนี้เรือธงที่ดูจะเห็นภาพกันมากที่สุดคงจะไม่พ้นเจ้า Galaxy S6 ครับ ดังนั้นวันนี้เราเลยจับเอาเจ้า OnePlus 2 และ Galaxy S6 มาเปรียบเทียบกันให้เห็นกันชัดๆไปเลยว่า สรุปแล้ว OnePlus 2 จะเป็น Flagship Killer ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างจริงๆหรือไม่

OnePlus 2 VS Samsung Galaxy S6

การออกแบบ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-5-of-25-840x473

เรื่องของการออกแบบนั้นถือเป็นเรื่องหลักๆเลยครับสำหรับทั้ง 2 อุปกรณ์ เพราะแน่นอนว่ารูปลักษณ์ภายนอกคือสิ่งแรกที่คนเราจะมองเห็น แต่ขอพูดถึง Galaxy S6 ก่อนแล้วกันนะครับ

สำหรับการมาของ Galaxy S6 หากยังจำกันได้ล่ะก็ ก่อนหน้านี้เคยมีดราม่าให้เป็นที่พูดถึงกันอยู่พักหนึ่งเลย ตรงส่วนของการออกแบบที่ยังคงหน้าตาคล้ายๆกับเครื่องในตระกูล Galaxy S อยู่ ซึ่งไม่มีอะไรให้แฟนๆต้องร้อง”ว้าว”ตรงจุดนี้เลยครับ แต่ทั้งนี้ Galaxy S6 ได้เลือกใช้โลหะในการนำมาทำเป็นตัวเครื่อง รวมทั้งมีกระจกรอบตัวเครื่องทั้งสองด้าน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนเลยทีเดียว เพราะ Galaxy S6 ได้กลายเป็นเครื่องแรกในตระกูล Galaxy S ที่ทำจากโลหะ แต่นั่นก็นำมาซึ่งดราม่าอีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องของฝาหลังที่ไม่สามารถเปิดออกได้อีกต่อไป ถึงขั้นที่มีผู้ใช้บางรายมองว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการก้าวถอยหลังเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากฝาหลังจะเปิดไม่ได้แล้ว ฟีเจอร์สำคัญๆอย่างการถอดแบตเตอรี่หรือการเพิ่มความจุก็ได้จางหายไปพร้อมกับการมาของตัวเครื่องที่เป็นโลหะอีกด้วยครับ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-10-of-25-840x473

นอกจากนี้ในส่วนขของหน้าจอขนาด 5.1 นิ้วทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่เล็กไปหรือไม่ใหญ่ไปเวลาใช้งานครับ เรียกว่าเป็นความพอดีคงจะไม่ผิดนัก และหากใครที่กำลังกังวลกับเรื่องกระจกรอบๆตัวเครื่องที่อาจทำให้มีแต่รอยนิ้วมือเต็มไปหมดอยู่ล่ะก็ ไม่ต้องเป็นกังวลไปครับ เพราะจากที่ได้ลองใช้งานดูแล้ว มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นแน่ๆ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-8-of-25-840x473

คราวนี้เรามาพูดถึง OnePlus 2 กันบ้าง หลังจากที่เราดูๆไปแล้วจะเห็นได้ชัดว่า OnePlus 2 เครื่องนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าครับ หากนำมาเทียบกับตัวออริจินอลของมันนะครับ และด้วยการที่มันมาพร้อมกับความเป็นโลหะในตัว ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ให้ความรู้สึก”พรีเมี่ยม”กับผู้ใช้ได้ไม่น้อย อีกทั้งฝาหลังอันเป็นเอกลักษณ์ที่คล้ายกับหินทรายสีดำ ทำให้มันโดดเด่นและดูมีความแตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วๆไปในตลาดครับ ถึงแม้ว่ามันจะมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วเหมือนกับบรรพบุรุษของมันก็ตาม แต่เจ้า OnePlus 2 เครื่องนี้จะมีรอยเท้าที่เล็กกว่าแน่ๆ เพราะว่ามันถูกพัฒนาให้จับถนัดมือขึ้นนั่นเองครับ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-9-of-25-840x473

ในส่วนของการออกแบบและจัดวางปุ่มต่างๆรอบๆตัวเครื่องนั้นถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี อย่างปุ่ม Alert Slider ที่เป็นปุ่มใหม่อยู่บริเวณด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะทำหน้าที่เป็นที่เปิด/ปิดเสียง ทำให้เราเปลี่ยนไปสู่โหมดสั่นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Back และ Recent Apps อยู่เคียงข้างกับปุ่ม Home ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ที่ทำให้เราสามารถปลดล็อคหน้าจอได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าหน้าจอจะดับอยู่ก็ตามครับ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-4-of-25-840x473

และสุดท้ายในส่วนล่างของตัวเครื่องเราจะเห็นว่ามีการนำ USB Type-C มาใช้เป็นช่องเสียบสายชาร์จแล้ว ซึ่งนี่อาจจะเป็นข่าวร้ายของใครหลายๆคนที่มีสายชาร์จ microUSB อยู่เยอะๆครับ เพราะมันจะไม่สามารถใช้งานกับเครื่องนี้ได้เลย

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-3-of-25-840x473

หากจะให้สรุปเรื่องของการออกแบบ คงต้องบอกว่าทั้งคู่ถูกแบบมาอย่างดีทีเดียวครับ หากเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนๆของทั้งคู่ เพราะจะเห็นได้ว่าทั้งสองเครื่องนั้นมีการเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่พรีเมี่ยมขึ้น โดย Galaxy S6 จะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องนี้แตกต่างจากรุ่นก่อนๆหากเปรียบเทียบกันด้วยความรู้สึกเวลาสัมผัส ถึงแม้จะต้องเสียฟีเจอร์สำคัญๆไปบางอย่าง แต่มันก็แลกมาด้วยความงามที่คุณคู่ควร ส่วน OnePlus 2 หากมองในแง่ของ Android ถือว่าเสียเปรียบที่ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือเพิ่มความจุได้ แต่ฝาหลังของมันสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเลิอกใช้ฝาหลังในสไตล์ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด

จากที่เคยเป็นพลาสติกกันมาก่อน ถึงเวลานี้มันทั้งคู่ได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นโลหะที่ดูหรูหราไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่า OnePlus 2 จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ แต่ใช่ว่ามันจะจับไม่ถนัดมือซะทีเดียว การจะตัดสินใจในเรื่องของการออกแบบภายนอกดูจะไม่ใช่โจทย์ที่ง่ายเลยครับ เพราะทั้งสองเครื่องนั้นถูกออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

หน้าจอ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-17-of-25-840x473

สำหรับ Galaxy S6 จะมาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED  5.1 นิ้ว Quad HD ซึ่งทำให้ได้ความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 577 ppi และอย่างที่เราทราบกันดีว่าเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Super AMOLED นั้นจะช่วยให้หน้าจอสามารถแสดงสีต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยให้ตัวหนังสือ วิดีโอหรือเกมส์ออกมาคมชัดอีกด้วย บวกกับความลละเอียด Quad HD และความหนาแน่นของพิกเซลในหน้าจอขนาดกลาง ทำให้การแสดงผลและคุณภาพของภาพที่ได้ไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน ไปจนถึงขั้นดีเยี่ยมเลยครับหากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอืนๆ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-14-of-25-840x473

แต่ในทางกลับกันหน้าจอ OnePlus 2 จะเป็นหน้าจอ LTPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว 1080p ซึ่งการเลือกใช้หน้าจอแบบนี้ อาจจะไม่ได้ดีเทียบเท่ากับ Galaxy S6 ครับ แต่ที่แน่ๆมันทำให้ราคาของเครื่องดูน่าครอบครองมากขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ใช้หลายๆคนอาจจะมองว่าตัวเลือกนี้เป็นข้อด้อยของ OnePlus 2 เมื่อเทียบกับ Galaxy S6 แต่เอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีการแสดงผลที่แย่เลยนะครับ เพียงแค่มันมีความสว่างมากขึ้น บวกกับสีที่อาจจะฉูดฉาดขึ้นมานิดหน่อย เชื่อว่ามันไม่ได้ทำให้หน้าจอดูแย่แน่นอน เพราะปกติแล้วมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราๆยังไม่สามารถบอกความแตกต่างได้เลยระหว่างหน้าจอแบบ Full HD และ Quad HD ดังนั้นจึงบอกได้เลยครับว่า หน้าจอของ Galaxy S6 และ OnePlus 2 มันไม่ได้ไกลกันแบบที่หลายคนคิด

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-13-of-25-840x473

ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นคนที่ดซีเรียสมากๆเรื่องสเปค OnePlus 2 อาจจะต้องตกไปในส่วนของหน้าจอ แต่ถ้ามองเรื่องของการใช้งานแล้วนั้น OnePlus 2 ไม่ได้แย่เลย เพราะมันแค่มีความอิ่มตัวของสีที่มากกว่า ซึ่งนั่นก็หมายถึงชีวิตที่มีสีสันมากกว่านะครับ ดังนั้นขอสรุปว่า OnePlus 2 มอบหน้าจอทีดีมาพร้อมกับราคาที่เหมาะสม แต่ Quad HD เป็นอะไรที่เหมาะกับการถูกเรียกเป็นเรือธงมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่า Galaxy S6 เหมาะกับคำนี้ครับ

การแสดงผล

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-2-of-25-840x473

ในส่วนของการแสดงผลดูเหมือนจะเป็นการฟาดฟันกันของ The Best เลยครับ ระหว่าง octa-core Qualcomm Snapdragon 810 และ Samsung octa-core Exynos 7420

โดยทาง OnePlus 2 จะเลือกใช้เป็น octa-core Qualcomm Snapdragon 810 ที่ Clocked ไปถึง 1.8 Ghz มาพร้อมกับ Adreno 430 GPU และ RAM 4 GB เรียกได้ว่าแรงสุดๆครับ หากจะตำหนิคงเป็นเรื่องของ Oxygen OS ที่ทำให้เกิดบั้กขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งน้อยมากๆจนถึงไม่มีเลย หลังจากที่ลองทดสอบแล้วพบว่า การเล่นเกมส์ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น รวมถึงการใช้งานในการทำงานต่างๆ หรือการสลับแอพก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลยครับ เร็วตามที่คาดไว้

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-12-of-25-840x473

ในทางกลับกันทาง Samsung มอบความเชื่อมั่นให้กับการผลิตชิพเซทด้วยตัวเองครับ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแสดงผลที่เหล่าผู้ใช้ต้องการ Samsung ได้เลือกใส่ octa-core Exynos 7420 ลงไปใน Galaxy S6 ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า มันทำหน้าที่ของมันได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับ RAM 4 GB ดังนั้นการใช้งาน Multitasking จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับมันแน่นอน หากกังวลเรื่องของความเร็วละก็ Galaxy S6 ก็ไม่ต่างอะไรกับซุปเปอร์คาร์ในตลาดสมาร์ทโฟนเลย เพราะมันได้ถูกตัดฟีเจอร์บางอย่างที่เคยเป็นที่กังขาเรื่องความเร็วของเครื่องก่อนหน้านี้ออกไปบ้างแล้ว หรือไม่มันอาจจะถูกซ่อนมาอย่างดีก็เป็นได้

ในส่วนของการทำงานและการแสดงผล OnePlus 2 ถือเป็นคู่แข่งชั้นยอดของเหล่าเรือธงในตลาดได้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันเลยครับ ขนาดว่าคู่แข่งเป็น Galaxy S6 ดูแล้ว OnePlus 2 ก็ไม่ได้หวั่นอะไรเลย อาจจะมีเฉียดๆกันไปบ้างในส่วนของ Oxygen OS ที่ต้องมีการแก้บั๊กนิดหน่อย แต่หากจับมาลงสนามแข่งแล้วเชื่อว่า OnePlus 2 จะเป็นเหมือนพระเอกที่ไม่ได้ร่ำรวยเท่ากับตัวร้าย ถึงมันจะไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งที่พระเอกจะชนะ แต่การได้ที่สองด้วยเวลาอันฉิวเฉียดเพียงเสี้ยววินาที เชื่อว่าฉากแบบนี้เรียกน้ำตาใครต่อใครไหลท่วมจอกันมาแล้วนักต่อนัก

ฮาร์ดแวร์

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-7-of-25-840x473

หากเราตะเรียกสมาร์ทโฟนสักเครื่องว่าเป็น Flagship Killer แล้วล่ะก็ แน่นอนครับว่ามันควรจะต้องมาพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหมดที่สูสีหรือดีกว่า และ OnePlus 2 ก็เป็นเครื่องหนึ่งครับที่มาพร้อมกับอะไรหลายๆอย่างภายใน อย่างแรกเลยในส่วนของตัวสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ภายใต้ปุ่ม Home จริงๆแล้วมันทำงานได้ค่อนข้างจะดีทีเดียว แต่บางครั้งมันก็มีปัญหาเกิดขึ้นขณะที่เราพยายามกดปุ่ม Home หรือขณะที่เราจะสแกนลายนิ้วมือ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครับ มาในบางโอกาสเท่านั้น

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-20-of-25-840x473

อีกส่วนหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือเจ้า Alert Slider หรือปุ่มที่มีไว้เปิด/ปิดเสียงแจ้งเตือนต่างๆที่เราเคยกล่าวถึงในช่วงแรกๆนั่นแหละครับ ซึ่งเจ้าฟีเจอร์นี้จริงๆแล้วเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะมากๆกับการจัดการกับเสียงการแจ้งเตือนใน Android Lollipop ครับ หากว่าคุณไม่ใช่คนที่จะเปิดสั่นตลอดเวลาแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยพิสูจน์ได้เลยว่ามันมีประโยชน์มากๆครับ นอกจากนี้การใช้งานมันก็ง่ายมากๆ แทบไม่ต้องมองเลย หากเราคลำไปเจอมันก็สามารถจัดการกับเสียงแจ้งเตือนต่างๆได้แล้ว แบบว่าไม่ต้องหยิบออกจากกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ OnePlus 2 ยังรองรับการใช้งาน 2 SIMs ถึงแม้ว่าฟีเจอร์นี้จะไม่สำคัญเท่าไรนักสำหรับบางคน แต่การต้องเดินทางบ่อยๆฟีเจอร์นี้ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดีทีเดียว โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศนะครับ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-25-of-25-840x473

USB Type-C เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมครับสำหรับการชาร์จ แต่ทว่ามันยังไม่ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Fast-charging ซึ่งมันขัดกันกับ Snapdragon 810 นิดหน่อยที่มันรองรับ Quick Charging 2.0 นอกจากนี้ OnePlus 2 ยังไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ดังนั้นเก็บสายชาร์จของคุณไว้ดีๆครับ ในส่วนของแบตเตอรี่ OnePlus 2 มาพร้อมกับความจุ 3,300 mAh ทำให้สามารถใช้งานแบบเปิดหน้าจอได้ติดต่อกันนาน 5 ชม.ครับ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-21-of-25-840x473

คราวนี้มาดูในส่วนของ Galaxy S6 กันบ้างครับ อย่างแรกเลยมันมาพร้อมกับ Wireless Charging หรือการชาร์จแบบไร้สายที่ถูก Built-in มาไว้ในเครื่องเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Fast-charging ทำให้การชาร์จแบตเต็มสามารถทำได้ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ด้วยความที่มันมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2,550 mAh นั่นอาจจะไม่เพียงพอให้ผู้ใช้อย่างเราๆ พา Galaxy S6 เดินทางไปกับเราได้ตลอดวัน

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-24-of-25-840x473

์NFC อาจจะไม่ใช่อะไรที่สำคัญที่เราต้องพูดถึงมากนัก แต่ด้วยการมาของ Samsung Pay มันจะทำให้ NFC เริ่มมีบทบาทขึ้นมาครับ ซึ่งแน่นอนว่า Galaxy S6 รองรับ NFC และที่น่าประหลาดใจอย่างมากคือ OnePlus 2 กลับไม่มี เอาเป็นว่าหากใครที่ไม่ต้องการใช้ NFC แล้วล่ะก็ใช้ OnePlus 2 ได้เลยครับ แต่ด้วยการที่ OnePlus 2 ไม่รองรับการใช้งาน NFC นั้นทำให้มันไม่สามารถรองรับการใช้จ่ายในทุกๆระบบเลยนั่นเองครับ (ในไทยตอนนี้อาจยังไม่สำคัญมากนัก) แต่หากใครที่ซื้อไว้เผื่ออนาคตล่ะก็ Galaxy S6 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าตรงจุดนี้

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-16-of-25-840x473

ในส่วนของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่บริเวณส่วนบนของปุ่ม Home ใน Galaxy S6 มีความเร็วพอๆกับใน OnePlus 2 ครับ หลังจากที่เราได้ทดสอบดูแล้วพบว่ามีความเร็วพอๆกันทีเดียว และอย่างที่เรารู้กันว่า Samsung ต้องการให้สมาร์ทโฟนทำอะไรได้ทุกอย่าง ดังนั้นใน Galaxy S6 เครื่องนี้จึงมาพร้อมกับเซนเซอร์ Heart rate ที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งจะถูกใช้ในส่วนของ S Health ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่เลวเลยกับการวัดจังหวะการเต้นของหัวใจ แต่ก็ต้องบอกว่า Galaxy S6 ไม่ได้เป็นอะไรที่เหมาะกับการเป็นเครื่องมือด้านสุขภาพและฟิตเนส สำหรับใครที่ซีเรียสหรือจริงจังเรื่องฟิตเนสมากๆนครับ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-6-of-25-840x473

สำหรับฮาร์ดแวร์นั้น จริงๆแล้วมีข้อดีข้อเสียต่างกันนะครับ อยู่ที่ผู้ใช้แล้วว่าจะชอบแบบไหน อย่างเซนเซอร์วัดระดับการเต้นหัวใจ VS ปุ่มเปิด/ปิดเสียง, ชาร์จเต็มเร็ว VS แบตความจุมากกว่า และ 2 SIMs VS NFC แต่อย่าลืมมองเรื่องราคาด้วยนะครับ

กล้อง

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-22-of-25-840x473

มาถึงจุดนี้กันแล้วครับในส่วนของกล้อง เชื่อว่าคงมีหลายๆคนที่ให้ความสำคัญตรงส่วนนี้อย่างมาก และการที่จะเป็น Flagship Killer ได้ OnePlus 2 ก็ควรที่จะต้องผ่านตรงจุดนี้ไปให้ได้ครับ

อย่างแรกเลยต้องเรียนแบบนี้ครับว่ามันไม่เหมาะที่จะเริ่มการใช้งานในส่วนของกล้องใน OnePlus 2 ด้วยแอพกล้องที่ให้มากับตัวเครื่องเลย เพราะจริงๆแล้วมันเป็นแอพ Google Camera ที่ถูกโมดิฟายมาแล้วเท่านั้น ซึ่งทำให้โหมดต่างๆหายไปบ้าง และนั่นก็ทำให้การตั้งค่าต่างๆแบบ Manual เข้ามาแทนที่ ซึ่งจริงๆแล้วเรือธงหลายๆรุ่นในปีนี้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ Manual control มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เรียกว่าเป็นแบบ RAW เลยน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะนั่นจะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบหรือจริงจังกับการถ่ายรูปได้จัดหนักกับเต็มกับกล้องในสมาร์ทโฟนได้มากที่สุดนั่นเอง

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-18-of-25-840x473

ทั้งนี้ Auto focus ใน OnePlus 2 ได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ OIS กลับถูกคั่นไว้ด้วยแอพกล้องทำให้ Shutter speed ช้าลงไป ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับการรักษาความเสถียรอย่างมาก ถึงแม้ว่าเราจะได้รับรายงานมาว่าแอพกล้องจะได้รับการอัพเดททั้งในส่วนของ Manual control และการตั้งค่าต่างๆ แต่เอาจริงๆนะครับมันจะยังไม่ได้รับการอัพเดทในวันสองวันนี้แน่นอน

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-19-of-25-840x473

ซึ่งหากจับกล้องของ Galaxy S6 มาเทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องของการรักษาความเสถียรของแสงและความละเอียดระดับ 16MP ที่ไม่ได้มีแต่ Manual control นั้น เรามองว่า Galaxy S6 นาจะดูดีกว่า ไหนจะมีโหมดต่างๆเข้ามาช่วยบวกกับเซนเซอร์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างใจนึกเลยทีเดียวครับ พูดง่ายๆว่าภาพที่ได้มานั้นแทบไม่ต้องเอาไปผ่านแอพต่างๆในท้องตลาดก็ยังอยู่ได้สบายๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด กล้องของ Galaxy S6 นั้นมาพร้อมกับความเร็วในการเข้าถึงเพียงไม่ถึงวินาที โดยการกปุ่ม Home 2 ครั้งติดกัน เท่านี้เหล่าช่างภาพทั้งหลายก็พร้อมจับภาพช็อตเด็ดๆได้แล้ว

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OnePlus 2

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-1-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-2-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-3-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-4-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-5-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-6-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-7-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-8-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-9-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-oneplus-2-camera-samples-aa-10-of-10-792x446

แน่นอนครับสำหรับภาพถ่ายแล้วคุณภาพย่อมสำคัญที่สุด แต่น่าเสียดายที่ OnePlus 2 อาจทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก จริงๆแล้วภาพที่ได้จากกล้องของ OnePlus 2 นับว่ามีความคมชัดในระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ แต่ดูจะเหมาะกับการโพสต์รูปในโซเชียลมีเดียต่างๆมากกว่า เพราะหากเราลองซูมเข้าไปใกล้ๆนิดเดียว เราก็จะเริ่มสังเกตุเห็นว่าภาพเริ่มแตกแล้วครับ ซึ่งแตกต่างจากภาพที่ได้จาก Galaxy S6 ที่เหมาะกับนักถ่ายภาพทั้งหลาย แต่ทั้งนี้ภาพแบบ Oversaturation ที่ได้จากกล้องของ OnePlus 2 ก็ถือเป็นจุดเด่นสำหรับใครที่มองหาความสดครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy S6

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-1-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-2-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-3-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-4-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-5-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-6-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-7-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-8-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-9-of-10-792x446
oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-galaxy-s6-camera-samples-aa-10-of-10-792x446

ปกติแล้วทุกๆบริษัทจะให้ความสำคัญในส่วนของ HDR อย่างมาก และ OnePlus 2 ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่ในทางกลับกันมันก็ไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของ HDR ใน Galaxy S6 ได้เลย เพราะภาพที่ได้จาก Galaxy S6 ในโหมด HDR นั้นเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างเยอะกว่า อย่างที่เราบอกไปในข้างต้นว่าทาง OnePlus 2 มี Shutter speeds ที่ช้า..ถึงช้ามาก ดังนั้นทำให้เจ้า OIS ไม่สามารถทำงานตามหน้าที่ของมันได้ดีเท่าที่ควร การถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงน้อยจึงเป็นไปด้วยความยากลำบากกว่าปกติครับ เพราะเราต้องถือมันค้างไว้แบบนั้นสักแปปนึงก่อน ที่สำคัญหากว่าเราจับเครื่องไม่นิ่งล่ะก็ ภาพที่ได้จะมีโอกาสเบลอสูงมากๆ แตกต่างจากใน Galaxy S6 ที่สามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่า ถึงแม้จะไม่ใช่กล้องที่ดีที่สุด แต่มั่นใจได้เลยว่ามันไม่ยากเท่ากับการใช้ OnePlus 2

ดังนั้นตรงจุดนี้สรุปได้ว่ากล้องของ OnePlus 2 ฆ่า Galaxy S6 ไม่ตายรับประกันเลย

ซอฟท์แวร์

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-5-of-25-840x473

เดินทางกันมาจนถึงในช่วงท้ายกันแล้วในส่วนของซอฟท์แวร์ ขอเริ่มด้วย Samsung ก่อนเลยนะครับ หลังจากที่ทาง Samsung ได้เอาอะไรหลายๆอย่างที่เราเรียกว่า Bloatware ออกไป อีกทั้งแอพ Built-in ต่างๆยังสามารถเลิอกที่จะปิดการใช้งานได้ งานนี้ก็เลยกลายเป็นหมือนกับสวรรค์ของผู้ใช้เลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่าเป็นซอฟท์แวร์ที่น่าเข้าถึงที่สุดของ Samsung เลย และด้วยการทำงานของ Lollipop เบื้องหลังและเบื้องหน้าที่สามารถปรับแต่งได้ ยิ่งทำให้มันเข้าถึงได้ง่ายกว่ารุ่นก่อนๆมากขึ้นมากทีเดียว

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-23-of-25-840x473

และพูดถึงซอฟท์แวร์ก็คงจะต้องพูดถึงฟีเจอร์อย่าง Multitasking ด้วยครับ สำหรับใครที่ต้องการทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันฟีเจอร์อย่าง S Window นับเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนเหล่านี้ได้ดีที่สุด

oneplus-2-review-aa-26-of-38-840x473

มาพูดถึงซอฟท์แวร์ของทาง OnePlus กันบ้างดีกว่า ในส่วนของ Oxygen OS ถือเป็นซอฟท์แวร์ที่ดีในระดับหนึ่งทีเดียว เพราะมันประกอบไปด้วย Gesture ต่างๆและความสามารถในการสั่งการและเข้าถึงที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งมันยังจะมาพร้อมกับ Marshmallow หากว่าทาง Google ปล่อยออกมาแล้ว ซึ่งหากใครที่เป็นห่วงหรือกังวลเรื่องความปลอดภัยก็นับว่าเหมาะทีเดียว นอกจากนี้มันยังมีฟีเจอร์อย่าง Shelf ที่เปรียบเหมือน Homescreen เสริม ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดแอพและคอนแทคต่างๆที่ใช้เป็นประจำไว้ที่นี่ได้นั่นเองครับ

oneplus-2-review-aa-27-of-38-840x473

หากเทียบกันตรงนี้ OnePlus ทำได้ไม่เลวเลยครับในส่วนของ Oxygen OS แต่ TouchWiz จาก Samsung อาจจะทำได้ดีกว่าตรงที่มันมาพร้อมกับประโยชน์ใช้สอยที่มากกว่า อีกทั้งตอนนี้ทาง Oxygen OS ยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อยในส่วนของบั๊ก แต่เชื่อว่าหลังจากการอัพเดทแล้วบั๊กดังกล่าวน่าจะถูกแก้ไขไปในที่สุดครับ

ราคาและบทสรุป

ราคาถือเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของทุกผลิตภัฑฑ์ ซึ่ง OnePlus ทราบถึงจุดนี้ดี แต่หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ OnePlus 2 ถือว่ามาในราคาที่สูงกว่า แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนักโดยจะมาที่ราคา 329$ หรือประมาณ 11,000 บาท ซึ่งมันยังเป็นอะไรที่ถูกมากนะครับหากนำมาเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับ High-end อื่นๆ ซึ่งนั่นรวมถึง Galaxy S6 ด้วย นอกจากนี้ราคาของ OnePlus 2 หากนำไปเทียบกับสมาร์ทโฟน Mid-range จากค่ายอื่นๆแล้ว ก็ต้องยอมรับครับว่า OnePlus 2 กินขาดทำลายเรียบ

oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6-aa-1-of-25-840x473

เรามาสรุปกันเลยดีกว่าครับ จากที่เราอธิบายไปด้านบนทั้งหมดระหว่าง OnePlus 2 และ Galaxy S6 เราคงจะพอได้เห็นภาพกันบ้างแล้วใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่า OnePlus 2 จะมาพร้อมกับราคาที่ถูกกว่า Galaxy S6 มาก แต่การที่จะต่อกรกับเครื่องระดับเรือธงอย่าง Galaxy S6 อาจจะยังไม่ใกล้เคียงเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของทั้ง 2 เครื่องนั้นจะพอๆกัน แต่ในส่วนของฮาร์ดแวร์และหน้าจอ ทำให้ทาง Galaxy S6 ได้ขึ้นมานำหน้าอยู่นิดหน่อย แต่พอมาจนถึงเรื่องของกล้องแล้ว OnePlus 2 ได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเรียบร้อย ตรงนี้เรายังไม่ได้รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆที่สมาร์ทโฟนจาก Samsung มีมากกว่าอย่างพวก Fast charging, Wireless charging และประโยชน์การใช้จ่ายผ่าน NFC นะครับ

ถึงแม้ว่าฟีเจอร์ต่างๆอย่าง USB Type-C และ Alert Slider จะทำให้ OnePlus 2 ดูเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในระดับเดียวกัน แต่หากเอามาเทียบกับ Galaxy S6 ตรงๆงานนี้อาจจะเป็นมวยคนละรุ่นอยู่ครับ แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เองครับว่าจะสามารถจ่ายได้แค่ไหนกับสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง เพราะราคาของเจ้า OnePlus 2 ก็น่าสนใจเสียเหลือเกิน ทั้งนี้เราต้องประเมินตัวเราเองบวกกับความคุ้มค่าที่จะได้รับครับ แต่เอาจริงๆ OnePlus 2 อาจจะคุ้มค่ามากกว่าเงินที่เสียไปครับ

 

 

ที่มา : androidauthority

from:http://www.appdisqus.com/2015/09/19/oneplus-2-vs-samsung-galaxy-s6.html

ช็อตต่อช็อต เมื่อเทียบ UI ระหว่าง Galaxy S6 กับ Galaxy S5 จาก TouchWiz

ไม่เพียงแค่ในส่วนของฮาร์ดแวร์เท่านั้นที่ได้รับการปรับปรุงจาก Samsung กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S6 แต่รวมถึง UI จาก TouchWiz ด้วยเช่นกันที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น ภาพเคลื่อนไหวและการออกแบบวัตถุก็สามารถทำได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย

galaxy-s6-s5-fronts

ซึ่งเราคงจะได้เห็นแล้วจากทิศทางการทำงานด้วย Lollipop แต่ความแตกต่างของการออกแบบอินเตอร์เฟซเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง GS5 นั้นจะเห็นได้ว่ามีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

โดยจากภายในงาน Mobile World Congress 2015 ที่ Samsung ได้มีการเปิดให้สามารถทดลองใช้งาน Galaxy S6 ได้นั้นทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าการออกแบบร่วมกับ TouchWiz นั้นมีความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

รูปภาพเปรียบเทียบระหว่าง Galaxy S6 และ Galaxy S5

tw-dialer

tw-messenger

tw-contacts

 

tw-calcuator

tw-camera

tw-camera-settings

tw-camera-modes

tw-folder

tw-gallery

tw-health

tw-notifications

tw-settings

tw-weather

tw-calendar

ที่มา: Androidcentral

from:http://www.appdisqus.com/2015/03/04/pictures-galaxy-s6-touchwiz-versus-previous-generation.html

เลิกบันเดิล! ซัมซุงมีแผนปรับฟีเจอร์บน TouchWiz ให้ดาวน์โหลดกันเองตามใช้จริง

ถ้าจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ซัมซุงเพิ่งประกาศว่าจะเร่งปรับปรุงให้ซอฟต์แวร์ของ Galaxy S6 ลื่นได้ระดับ Nexus ซึ่งข้อมูลล่าสุดที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่าซัมซุงนั้นเริ่มรู้ตัวว่าฟีเจอร์มหาศาลที่เพิ่มขึ้นทุกรุ่นนั้นเป็นตัวถ่วงทำให้เครื่องบวม และช้าลง จนมีแผนจัดการกับเรื่องนี้ออกมาบ้างแล้ว

จากรายงานที่ออกมาระบุว่าซัมซุงจะโละฟีเจอร์ใน TouchWiz ออกจำนวนหนึ่ง และทำให้ฟีเจอร์จำนวนหนึ่งสามารถดาวน์โหลดได้เองโดยผู้ใช้ (แต่เดิมฟรีโหลดมากับเครื่อง) ซึ่่งภายหลังระบุว่าฟีเจอร์ที่เหลืออยู่นั้น จะกลายเป็นแบบดาวน์โหลดเองทั้งหมดโดยผู้ใช้เลย แต่อาจมีตัวช่วยสำหรับให้เลือกฟีเจอร์ที่ต้องการตอนติดตั้งเครื่องก็เป็นได้

แม้ยังไม่มีการยืนยันจากซัมซุง แต่ถ้ามาแนวนี้จริงก็เป็นนิมิตหหายอันดีครับ

ที่มา – SamMobile

Samsung, TouchWiz,

from:http://www.blognone.com/node/65242