คลังเก็บป้ายกำกับ: TEARDOWN

ชำแหละ iPhone 12 เผยให้เห็นโมเด็ม Qualcomm X55 5G และแบตเตอรี่ขนาด 2815 mAh

Apple เปิดตัวมือถือซีรีส์ iPhone 12 ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และกำลังจะเริ่มวางจำหน่ายในหลายๆ ประเทศในอีกไม่นานนี้ (รวมถึงในบ้านเราด้วย) ถ้าใครที่กำลังจดๆ จ้องๆ เตรียมจะซื้อมือถือซีรีส์ดังกล่าวอยู่ แต่ไม่มีข่าวคราวซักทีว่าจะขายเมื่อไหร่…ก็มานั่งดูการชำแหละตัวเครื่อง iPhone 12 กันไปพลางๆ ก่อน ว่าข้างในของมันประกอบไปด้วยอะไรบ้างครับ

การชำแหละเครื่อง iPhone 12 ในครั้งนี้ ไม่ได้มาจากเจ้าเก่าอย่าง JerryRigEverything หรือ iFixit แต่เป็นการชำแหละโดย Channel จากจีนที่มีชื่อว่า Century Weifeng Technology ซึ่งในคลิปวิดีโอดังกล่าว นอกจากจะเผยให้เห็นถึงไส้ในของ iPhone 12 แล้ว ยังมีการเอาไปเปรียบเทียบกับ iPhone 11 ด้วย ว่ามีอะไรแตกต่างกันมากแค่ไหน

เมื่อแงะตัวเครื่องออกมาแล้ว จะเห็นว่าภายในของ iPhone 12 มีการจัดวางชิ้นส่วนต่างๆ ที่ดูคล้ายกับ iPhone 11 แต่จะมีบางส่วนที่แตกต่างกันบ้างอย่างเช่นบอร์ดของ iPhone 12 มีขนาดที่ใหญ่กว่าเนื่องจากต้องเพิ่มโมเด็ม 5G เข้าไปด้วยนั่นเอง โดยโมเด็มดังกล่าวเป็นรุ่น Qualcomm X55 ที่เคยมีข่าวลือออกมาก่อนหน้าการเปิดตัวนั่นเอง

แต่ถึงแม้ว่าบอร์ดจะใหญ่ขึ้น แต่ชิ้นส่วนอื่นๆ ก็ถูกลดขนาดลงไป อย่างเช่นแผงหน้าจอ OLED มีขนาดที่บางลง, มอเตอร์ Taptic Engine มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และสุดท้ายคือแบตเตอรี่ก็ยังมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมถึง 15% โดย iPhone 12 มีแบตเตอรี่ขนาด 2815 mAh ในขณะที่ iPhone 11 มีแบตเตอรี่ขนาด 3110 mAh ทำให้รวมๆ แล้ว iPhone 12 บางกว่า iPhone 11 ถึง 11% และเบากว่าถึง 16%

ส่วนฝาหลังมีแผงแม่เหล็กวงกลมสำหรับใช้กับอุปกรณ์เสริม MagSafe ทั้งหลายแหล่นั่นเอง

จากการชำแหละเครื่องเพื่อดูเครื่องในของ iPhone 12 คราวนี้ น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ Apple ไม่เลือกใช้โมเด็ม 5G รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Qualcomm X60 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมแบบ 5nm ซึ่งกินไฟน้อยกว่า แต่กลับเลือกใช้โมเด็มรุ่น X55 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 7nm และเปิดตัวไปตั้งแต่ปีที่แล้วแทน

 

ที่มา : Century Weifeng Technology via MyFixGuide

from:https://droidsans.com/iphone-12-teardown-revealed-qualcomm-x55-5g-modem-2815-mah-battery/

iFixit ชำแหละ Apple Watch Series 6 ให้คะแนนซ่อม 6 เต็ม 10 เผยแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ง่าย

หลังจากที่ได้มีการเปิดตัว Apple Watch Series 6 และ Apple Watch SE เราก็ได้เห็นทั้งดีไซน์ กับฟีเจอร์ต่าง ๆ กันไปแล้ว และล่าสุดทาง YouTuber ชื่อดังอย่าง iFixit ก็ได้ปล่อยคลิปชำแหละ Apple Watch Series 6 ให้ชาวเน็ตได้ดูกัน ทำให้เราได้เห็นส่วนประกอบใหม่ ๆ ที่อยู่ด้านในตัวอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ตัวใหม่ที่มีความจุมากขึ้น และสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย แถมยังมากับมอเตอร์สั่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเช่นกัน

ทาง iFixit ก็ได้มีการแกะ Apple Watch Series 6 ออกเพื่อดูว่ามีส่วนประกอบอะไรด้านในบ้างซึ่งเราก็จะได้เห็นเซ็นเซอร์ใหม่ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเซ็นเซอร์ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด แต่เซ็นเซอร์สำหรับฟีเจอร์ Force Touch ที่เคยมีใน Apple Watch รุ่นก่อน ๆ กลับโดนตัดทิ้งไปซะแล้ว

นอกจากนี้เรายังได้เห็นแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับตัวมอเตอร์สั่นตัวใหม่ที่จะมาช่วยให้ตัวเรือนสั่นแรงขึ้น เมื่อหมุนเม็ดมะยม หรือมีการแจ้งเตือนต่าง ๆ อีกทั้งเรายังได้เห็นแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเดิมถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ในรุ่นหน้าปัด 44 มม. ส่วนรุ่นหน้าปัดขนาด 40 มม. ก็มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นกว่า 9.5 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ Apple Watch Series 6 กับ Series 5 มีระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่อยู่ที่ 18 ชั่วโมงเท่ากัน ในขณะที่ Series 6 มีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ Apple Watch Series 6 มีขนาดใหญ่ขึ้นน่าจะเป็นเพราะว่าหน้าจอรุ่นใหม่มีความสว่างกว่ารุ่นเก่านั่นเอง

iFixit บอกว่า Apple Watch Series 6 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เองอย่างไม่ยากเย็น เพราะเมื่อแงะเปิดตัวเรือนออกมาได้แล้ว ก็จะเจอกับแบตเตอรี่นอนให้เห็นแบบชัดเจน ก็แค่พลิกตัวแบตขึ้นมาจากนั้นก็ใช้ไขควงหมุนคลายล็อคสายไฟออกก็เรียบร้อยครับ

แต่ส่วนที่เปลี่ยนยากก็คือหน้าจอ ซึ่ง iFixit บอกว่าหน้าจอของ Apple Watch Series 6 เปลี่ยนค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ถึงกับทำไม่ได้เลย เพราะมันมีทั้งชิ้นส่วนที่ถูกติดเอาไว้ด้วยกาว แถมยังมีสายไฟที่แสนจะเปราะบางเชื่อมอยู่ด้วย คือถ้ามือไม่นิ่งจริงอาจเสี่ยงทำสายไฟขาดได้ แล้วต้องมานั่งเชื่อมใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ทาง iFixit ได้ให้คะแนนความง่ายในการซ่อมของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้เอาไว้ที่ 6 คะแนน โดยมีข้อดีอยู่ที่การเปลี่ยนหน้าจอที่สามารถทำได้เอง (แต่ค่อนข้างยาก) และแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนง่าย แต่ส่วนที่ยากก็คือน้อตแบบสามแฉกที่เอาออกยากในหลาย ๆ จุด และสายไฟหลายแห่งที่ต้องใช้ฝีมือในการเชื่อมสูง หากทำขาดระหว่างซ่อมนั่นเองครับ

Source: iFixit

from:https://droidsans.com/ifixit-teardown-apple-watch-series-6-gives-6-repairability-score/

แกะกันชัดๆ ชิ้นส่วนภายในของกล้องมือถือ 108 ล้านพิกเซล กว่าจะมาเป็น Mi Note 10 มีอะไรข้างในบ้าง

สำหรับ Mi Note 10 สมาร์ทโฟนรุ่นแฟล็กชิพของเสียวหมี่ เขาได้จัดทำคลิปการถอดชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของมือถือ เพื่อให้เห็นชิ้นส่วนของอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่เสียวหมี่ใส่ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการนำนวัตกรรมกล้องมือถือที่ให้ความละเอียดสูงที่สุดในโลก 108 ล้านพิกเซล มาใส่ไว้ในเครื่องมันถูกวางเรียงไว้เป็นเช่นไร

เพราะนอกจากเลนส์กล้อง 108 ล้านพิกเซลแล้ว ใน Mi Note 10 ยังมีเลนส์ telephoto ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และ 12 ล้านพิกเซล เลนส์ ultra-wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และเลนส์ Macro กล้องทั้ง 5 ตัวนี้จะทำให้การซูมลื่นไหลตั้งแต่ระยะซูม 0.6 ถึง 50 เท่าก็สามารถทำได้

โดยนายอินทัช พงษ์เกษม ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท เสียวหมี่ ประเทศไทย จำกัด ให้ข้อมูลไว้ว่า “จุดขายของ Mi Note 10 Series ทั้ง Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro คือความเป็นที่สุดของกล้องมือถือที่มอบความคมชัดระดับ 108 ล้านพิกเซล เทียบเท่าความละเอียดเซนเซอร์กล้องสตูดิโอถ่ายงานระดับโลก ถือเป็นความละเอียดสูงสุดเท่าที่เทคโนโลยีของกล้องมือถือเคยมีมา และถือเป็นมือถือที่มีกล้องความละเอียดสูงที่สุดในตลาดตอนนี้

ซึ่งวันนี้เราจะทำการเปิดเครื่อง Mi Note 10 แบบให้เห็นกันทุกชิ้นส่วนว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เราโดดเด่น อย่างแรกเลยคือ ระบบเซนเซอร์ เราใช้ Samsung ISOCELL Bright HMX ที่มีความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.33 นิ้ว และยังรองรับเทคโนโลยีรวมพิกเซลจาก 4 เป็น 1 เพื่อเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นในสภาวะแสงน้อย พร้อมระบบป้องกันการสั่น OIS แบบ 4 แกน

การรวมตัวของสุดยอดนวัตกรรมเรือธงนอกจากจะทำให้ภาพสวยคมชัดสว่างสดใส แล้วยังสามารถผลิตภาพพิมพ์ระดับบิลบอร์ดที่มีขนาดความสูงถึง 4.24 เมตร ด้วยความละเอียด 12032 x 9024 พิกเซล ได้เลยทีเดียว โดยสาเหตุที่เรานำสมาร์ทโฟน Mi Note 10 มาแยกชิ้นส่วน เพราะเราตั้งใจที่จะทำให้ทุกคนเห็นถึงประสิทธิภาพและความประณีตในการนำอุปกรณ์แต่ละชิ้นมาประกอบเป็น Mi Note 10 และนั่นคือความคุ้มค่าลงตัวที่จะทำให้คุณหลงรักมันได้”

ก็มาดูคลิปวีดีโอกล่องเครื่องส่องภายในของ Mi Note 10 กันดูนะครับ

ข่าว: แกะกันชัดๆ ชิ้นส่วนภายในของกล้องมือถือ 108 ล้านพิกเซล กว่าจะมาเป็น Mi Note 10 มีอะไรข้างในบ้าง มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/01/03/xiaomi-mi-note-10-teardown.html

iFixit ชื่นชม Mac Pro ที่ออกแบบมาให้ง่ายในการอัพเกรดด้วยตัวเอง และให้คะแนนความง่ายในการซ่อมแซม 9 เต็ม 10

iFixit ผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จัดการชำแหละ Mac Pro อย่างเต็มรูปแบบแล้ว หลังจากที่เคยลองขูดชีส ให้เราได้ชมกันก่อนหน้านี้ และเมื่อชำแหละ Mac Pro เสร็จเรียบร้อย ก็ให้คะแนนความง่ายในการซ่อมแซมถึง 9 เต็ม 10 ซึ่งหมายถึง Mac Pro ถูกออกแบบมาให้ซ่อมแซมได้ง่ายมากๆ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple

คะแนนที่ได้จาก iFixit ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไรนัก เนื่องจาก Mac Pro ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานอัพเกรดฮาร์ดแวร์ส่วนใหญ่ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Apple อยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่การถอดฝาทาวเวอร์ออกจากด้านบน เพื่อเข้าถึงฮาร์ดแวร์ภายในได้อย่างสะดวกจากทุกด้าน

ส่วนประกอบเกือบทั้งหมดของ Mac Pro สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ เพียงใช้หัวแม่มือในการปลดสลักต่างๆ ยกเว้นส่วนของ CPU และ Power Supply ที่ต้องใช้สกรูช่วยคลายน๊อต

ความจำ SSD เป็นชิ้นส่วนเดียวของ Mac Pro ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจาก Mac Pro สามารถถอดเคสออกได้อย่างง่ายดาย คงไม่ดีแน่ถ้าจะมีบุคคลอื่นเข้ามาถอด SSD ออกไป ดังนั้น การขยายความจุ SSD ต้องทำการอัพเกรดผ่านบริการของ Apple

ที่มา – iFixit
https://www.flashfly.net/wp/278271

from:https://www.flashfly.net/wp/278271

iFixit ชำแหล่ะ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว เพื่อมองหาความแตกต่างของ Magic Keyboard

iFixit จัดการชำแหล่ะ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ในเบื้องต้นแล้ว ก่อนจะเปิดเผยการชำแหล่ะอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อดูรายละเอียดของ Magic Keyboard โดยเฉพาะ และยังตรวจสอบระบบระบายความร้อน และแบตเตอรี่ขนาด 100Wh

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว คือ มาพร้อม Magic Keyboard ใหม่ และ Apple ได้อธิบายว่า Magic Keyboard ใหม่​ มีกลไกแบบกรรไกรที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น มีการขยับขึ้นลงของปุ่มที่ระยะ 1 มม. ให้ความรู้สึกที่มั่นคงขณะกด Magic Keyboard ใหม่ ยังมาพร้อมปุ่ม Escape จริงๆ และปุ่มลูกศรรูปตัว T กลับหัว รวมถึง Touch Bar และ Touch ID เพื่อมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโน้ตบุ๊ค Mac

iFixit ตั้งข้อสังเกตว่ากลไกแบบกรรไกรของ Magic Keyboard แกะออกได้ไม่ยาก ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานจะสามารถแกะออกมาทำความสะอาดภายในได้เอง โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนคีย์บอร์ดกับทางศูนย์บริการ ปุ่มกดยังมีขนาดเดียวกับ Magic Keyboard แบบสแตนด์อะโลน แต่บางกว่า จนสามารถนำปุ่มมาสลับแทนได้ ขณะที่ระยะการเดินทางของปุ่มเพียง 1 มม. ก็ให้ความรู้สึกที่ดี

iFixit ยังพบว่า MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว มีพื้นที่ภายในเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ที่ในอนาคต Apple อาจจะทำให้มีขนาดเล็กลง นอกจากนี้ยังสังเกตว่า เจ้าของ MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุด อาจสามารถเปลี่ยนความจำ RAM และ SSD ได้เอง ซึ่งไม่ใช่สไตล์ของ Apple มาระยะหนึ่งแล้ว

ที่มา – 9to5mac
https://www.flashfly.net/wp/274801

from:https://www.flashfly.net/wp/274801

iPhone 11 Pro Max มีต้นทุนเฉพาะฮาร์ดแวร์ราว 14,916 บาท จากการชำแหละชิ้นส่วนของ TechInsights

TechInsights ได้ชำแหละ iPhone 11 Pro Max เพื่อตรวจสอบราคาฮาร์ดแวร์ของ iPhone ที่ดีที่สุดของ Apple และพบว่าชิ้นส่วนทั้งหมดของ iPhone 11 Pro Max มีมูลค่ารวม 490.50 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 14,916 บาท ขณะที่ราคาขายปลีกเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 33,444 บาท

จอแสดงผล ขนาด 6.5 นิ้ว ของ iPhone 11 Pro Max มีราคา 66.50 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,022 บาท แบตเตอรี่ ราคา 10.50 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 319 บาท โมดูลกล้องหลัง 3 ตัว ราคา 73.50 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,236 บาท ชิ้นส่วนอื่นๆ อย่างชิปประมวลผล ชิปโมเด็ม ความจำ มีราคา 159 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 4,838 บาท ส่วนแผงวงจรการเดินสายไฟ และส่วนประกอบอื่นๆ ราคา 181 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 5,507 บาท

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนข้างต้นของ iPhone 11 Pro Max ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ค่าใช้จ่ายในระหว่างการผลิต ค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ iPhone มีราคาสูงกว่าต้นทุนวัตถุดิบมากกว่าเท่าตัว

ที่มา – iPhoneHacks
https://www.flashfly.net/wp/270862

from:https://www.flashfly.net/wp/270862

iPad 10.2 นิ้ว ถูกชำแหละแล้วโดย iFixit พบความจำแรมสูงกว่ารุ่นก่อน แบตเตอรี่เท่าเดิม

iFixit ผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้จัดการชำแหละ iPad 10.2 นิ้ว หรือ iPad รุ่นที่ 7 ให้ได้เราเห็นโครงสร้างภายในแล้ว โดยให้คะแนนการซ่อมแซมเท่ากับรุ่นก่อน คือ 2 จาก 10 ซึ่งหมายถึงการซ่อมแซมไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้จอแสดงผล LCD จะถอดเปลี่ยนได้ง่ายก็ตาม แต่ต้องถอดแผงกระจกด้านหน้าออกก่อน

จากการชำแหละของ iFixit ทำให้เราพบว่า iPad รุ่นที่ 7 ได้รับ RAM 3GB สูงกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย ที่มี RAM 2GB โดยที่แบตเตอรี่มีขนาดเท่าเดิม 32.9Whr รหัสรุ่น A1484 ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้มาตั้งแต่ iPad รุ่นที่ 5 จนถึงรุ่นล่าสุด ถึงแม้จะมีขนาดจอแสดงผลใหญ่ขึ้นจาก 9.7 นิ้ว เป็น 10.2 นิ้ว

iPad รุ่นที่ 7 ยังใช้ชิปประมวลผล Apple A10 Fusion เหมือนกับ iPad รุ่นที่ 6 แต่จอแสดงผลใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย รองรับ Smart Keyboard และราคามีราคาถูกกว่าเดิมด้วย เริ่มต้นที่ 10,900 บาท (รุ่นก่อนเริ่มต้นที่ 11,500 บาท)

ที่มา – iFixit
https://www.flashfly.net/wp/269225

from:https://www.flashfly.net/wp/269225

iPhone 11 Pro Max ถูกชำแหละแล้ว พบฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์ Bilateral Wireless Charging

iFixit จัดการชำแหละ iPhone 11 Pro Max เรียบร้อยแล้ว แล้วพบขั้วต่อแบตเตอรี่สองตัว ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนใน iPhone เชื่อมโยงไปยังขดลวดสำหรับการชาร์จไร้สาย และเป็นไปได้ที่จะช่วยให้ iPhone 11 Pro Max รองรับฟีเจอร์ Bilateral Wireless Charging

ฟีเจอร์ Bilateral Wireless Charging ช่วยให่ iPhone สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นอย่างเช่น AirPods, Apple Watch หรือแม้แต่ iPhone โดยไม่ต้องต่อสายใดๆ เพียงนำอุปกรณ์เหล่านั้นมาวางบนด้านหลัง

คาดกันว่า iPhone รุ่นใหม่ในปี 2019 จะรองรับฟีเจอร์ Bilateral Wireless Charging แต่ Apple ตัดสินใจถอดฟีเจอร์นี้ออกไปก่อนเปิดตัว แต่ถ้า การค้นพบของ iFixit ถูกต้อง ก็มีความเป็นไปได้ที่ Apple จะปล่อยซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ เพื่ออัพเดทให้ iPhone 11 Pro Max รองรับฟีเจอร์ Bilateral Wireless Charging ได้ในอนาคต

จากการชำแหละ iPhone 11 Pro โดย iFixit ก็พบฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์ Bilateral Wireless Charging เช่นเดียวกัน แต่สำหรับ iPhone 11 ถูกอ้างว่าไม่รองรับฟีเจอร์เดียวกัน และไม่มีการติดตั้งฮารดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับ Bilateral Wireless Charging

ที่มา – MacRumors
https://www.flashfly.net/wp/268685

from:https://www.flashfly.net/wp/268685

ชำแหละ iPhone 11 Pro โดย iFixit พบความแผงวงจรที่ชี้ว่าอาจสนับสนุนเทคโนโลยี Bilateral Wireless Charging (ชมคลิป!!)

iFixit ได้ลงมือชำแหละ iPhone 11 Pro พร้อมกับถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube ซึ่งพบสิ่งที่น่าสนใจอย่างแผงวงจรที่อยู่ใต้แบตเตอรี่ ยังไม่ชัดเจนว่าทำหน้าที่อะไร แต่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Bilateral Wireless Charging ที่ช่วยให้ iPhone ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นได้แบบไร้สาย

นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo และ Mark Gurman จาก Bloomberg เคยรายงานว่า iPhone 11 series จะมาพร้อมเทคโนโลยี Bilateral Wireless Charging แต่ตัดสินใจยกเลิกก่อนเปิดตัวทางการ Ming-Chi Kuo ให้เหตุผลว่าประสิทธิภาพการชาร์จไร้สายแบบย้อน ยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ Apple

from:https://www.flashfly.net/wp/268681

ชำแหละ Samsung Galaxy Note 10+ สำรวจทุกชิ้นส่วนภายใน พบแผงวงจรหลักวางซ้อนกัน และระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่

Zack Nelson เจ้าของช่อง JerryRigEverything ใน YouTube เคยนำ Samsung Galaxy Note 10+ (เวอร์ชั่น 5G) มาทดสอบความทนทานแล้ว ตามที่เราเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ และล่าสุดเขาได้นำเครื่องเดียวกันมาชำแหละให้ดูส่วนประกอบทั้งหมดที่อยู่ภายใน

วิธีชำแหละของ Zack Nelson เริ่มจากงัดด้านหลังของ Galaxy Note 10+ ออกมาก่อน ซึ่งต้องใช้ทักษะและความพยายามพอสมควร เมื่อถอดแผงด้านหลังของสมาร์ทโฟนออกมาได้แล้ว ก็จะสามารถถอดชิ้นส่วนทุกอย่างได้ โดยใช้หัวสกรูฟิลลิปส์คลายสกรูออกทั้งหมด 14 ตัว

สิ่งแรกที่ Zack Nelson ถอดออกมาคือแผ่นขดลวดสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมสีดำ และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นขดลวดวงกลมฝังอยู่ภายใน และยังมีขดลวดสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายขนาดเล็กสำหรับปากกา S Pen ด้วย ทำให้หัวปากกา S Pen มีการพันขดลวดเอาไว้

จากนั้น Zack Nelson ก็ค่อยๆ ถอดชิ้นส่วนภายในออกมาทีละชิ้น ซึ่งทำให้เขาค้นพบว่าแผงวงจรหลักของ Galaxy Note 10+ แบ่งเป็น 2 แผ่นวางซ้อนกัน ก่อนจะถอดโมดูลกล้องมาตรวจสอบกลไกปรับขนาดรูรับแสง

Zack Nelson ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะงัดแบตเตอรี่ออกมาได้ ซึ่งเขายอมรับว่าแบตเตอรี่ของ Galaxy Note 10+ ถูกติดตั้งไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีแผ่นช่วยดึงเหมือนแบตเตอรี่ของ iPhone ที่ถอดออกได้ง่ายกว่า และกว่าจะถอดแบตเตอรี่ของ Galaxy Note 10+ ออกมาได้ก็ทำให้แบตเตอรี่นั้นโค้งงอเพราะแรงงัด

อีกชิ้นส่วนที่น่าสนใจก็คือแผ่นทองแดงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ซึ่งพบได้ในเกมมิ่งสมาร์ทโฟนอย่าง Razer Phone 2 หรือ Black Shark 2 จึงมั่นใจได้ว่า Galaxy Note 10+ จะตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างยาวนาน ถึงแม้จะไม่ได้วางอยู่ในตำแหน่งเกมมิ่งสมาร์ทโฟนโฟนก็ตาม

ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่จะไปชมกันว่า Zack Nelson รื้อชิ้นส่วน Samsung Galaxy Note 10+ ออกมาได้อย่างไร และประกอบกลับเข้าไปโดยที่สมาร์ทโฟนยังสามารถเปิดใช้งานได้ปกติ

from:https://www.flashfly.net/wp/264705