คลังเก็บป้ายกำกับ: REALME_X50_PRO

เทียบสเปคมือถือเรือธงต้นปี 2020 | Galaxy S20 Ultra vs Mi 10 Pro vs realme X50 Pro vs Xperia 1 Mark II

เริ่มต้นปี 2020 มาไม่ถึง 2 เดือนดี ก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงมาเปิดตัวออกมาแล้วถึง 4 รุ่นด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro, Xperia 1 Mark II และล่าสุด realme X50 Pro โดยวันนี้ผมเองจะมาเขียนสเปคเปรียบเทียบของมือถือทั้ง 4 รุ่นแบบคร่าวๆ ว่าแต่ละรุ่นมีสเปคต่างกันแค่ไหน หรือมีฟีเจอร์อะไรเด่นกว่ารุ่นอื่นบ้าง

สเปค Galaxy S20 Ultra | Mi 10 Pro | Xperia 1 Mark II | realme X50 Pro

Galaxy S20 Ultra Mi 10 Pro Xperia 1 Mark II realme X50 Pro
หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว
ความละเอียด Quad HD+ Full HD+ Ultra HD (4K) Full HD+
ค่ารีเฟรชเรท 120 Hz 90 Hz Motion Blur Reduction ทำงานเหมือน 90 Hz 90 Hz
ชิปเซ็ต  Exynos 990 Snapdragon 865 Snapdragon 865 Snapdragon 865
RAM 12GB 8GB | 12GB 8GB 6GB | 8GB | 12GB
ความจุ 128GB รองรับ MicroSD Card 128GB | 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card 256GB รองรับ MicroSD Card 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card
หน่วยความจำ UFS 3.0 UFS 3.0 UFS 2.1 UFS 3.0
กล้องหลัง

4 ตัว

  • Wide: 108MP f/1.8, PDAF, OIS
  • Telephoto: 48MP f/3.5, PDAF, OIS
    • Hybrid Optic Zoom 10x
    • Space Zoom 100x
  • Ultra Wide: 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
  • เซนเซอร์ DepthVision (ToF)
4 ตัว

  • Wide: 108MP f/1.7
  • Telephoto ระยะใกล้: 12MP f/2.0 ซูม 2x
  • Telephoto ระยะไกล: 8MP f/2.0 ซูม 10x Digital Zoom 50x
  • Ultra Wide: 20MP f/2.2

4 ตัว

  • Wide: 12MP f/1.7, Dual PDAF, OIS
  • Telephoto: 12MP f/2.4, PDAF, OIS
  • Ultra Wide: 12MP f/2.2, Dual PDAF
  • เซนเซอร์ 3 มิติ ToF

4 ตัว

  • Wide: 64MP f/1.8
  • Telephoto: 12MP f/2.5 Digital Zoom 20x
  • Ultra Wide: 8MP f/2.3, PDAF มุมกว้าง 119 องศา
  • Depth Sensor: 2MP f/2.4
กล้องหน้า 40MP, PDAF, f/2.2 20MP f/2.0 8MP f/2.0  

  • Wide: 32MP, f/2.5
  • Ultra Wide: 8MP f/2.2 
แบตเตอรี่ 5,000 mAh 4,500 mAh 4,000 mAh 4,200 mAh
ระบบชาร์จไว 45W 50W 21W 65W
ลำโพง สเตอริโอ สเตอริโอ สเตอริโอ สเตอริโอ
รูหูฟัง ไม่มี ไม่มี มี ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ไม่รองรับ IP65/68 ไม่รองรับ
ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.0 Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 11 Android 10 Android 10 ครอบทับด้วย realme UI

 

หน้าจอ

มือถือเรือธงในปี 2020 จะใส่ค่ารีเฟรชเรทหน้าจอมาให้ที่ 90 Hz – 120 Hz เกือบหมดทุกรุ่นแล้ว ซึ่งทั้ง Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ก็มาตามนัด ให้หน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 90 Hz – 120 Hz กันถ้วนหน้า แต่สำหรับ Xperia 1 II ดูเหมือนจะอินดี้กว่าเค้าอีกแล้ว เพราะให้หน้าจอรีเฟรชเรทมาแค่ 60 Hz เท่านั้น แต่ก็ถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี Motion Blur Reduction ซึ่งจะลดอาการเบลอของภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอลงไป ทำให้ฟิลลิ่งเหมือนกับใช้งานจอ 90 Hz ยังไงยังงั้น และยังเหนือกว่ารุ่นอื่นก็คือ Xperia 1 II มีความละเอียดหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ Ultra HD หรือ 4K เลยทีเดียว

Xperia 1 II มากับจอ OLED 4K รองรับ HDR

แต่ถ้าใครต้องการมือถือที่มีหน้าจอแบบครบเครื่องทั้งรีเฟรชเรทสูง ความละเอียดสูง การแสดงผลระดับสูง ก็ต้องหันมาดู Galaxy S20 Ultra ซึ่งสามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ QHD+ หรือ 2K แถมยังมีรีเฟรชเรทสูงถึง 120 Hz อีกด้วย

Galaxy S20 Ultra ที่มีค่ารีเฟรชรทสูง 120Hz

ส่วนใครที่ไม่ค่อยถูกใจมือถือหน้าจอที่มีขอบโค้ง เพราะรู้สึกว่ามีปัญหากับเหล่ากระจก และฟิล์มกันรอย รวมถึงชอบทัชลั่นจากการที่อุ้งมือไปโดนขอบจอแบบไม่ตั้งใจ ทั้ง 4 รุ่นนี้ ก็จะมี Galaxy S20 Ultra และ Mi 10 Pro เท่านั้น ที่ใช้หน้าจอแบบ Curved Display ซึ่งคราวนี้ต้นตำรับจอโค้งอย่าง Galaxy S20 Ultra ได้ลดความโค้งของขอบจอลงไปเหลือแค่ราวๆ กระจก 2.5D เท่านั้น ในขณะที่ Mi 10 Pro ดูจะมีหน้าจอที่โค้งที่สุดแล้ว

 

ประสิทธิภาพการใช้งาน

ทั้ง Mi 10 Pro, Xperia 1 II และ realme X50 Pro ต่างมาพร้อมกับชิปตัวท็อป Snapdragon 865 ที่การันตีความแรง ใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมปรับสุด เฟรมเรทไม่มีตกอย่างแน่นอน ขณะที่ Galaxy S20 Ultra (ในตลาดส่วนใหญ่) เลือกใช้ชิปที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง Exynos 990 ที่แม้ว่าประสิทธิภาพความแรงจะไม่ได้ต่างอะไรกับของ Qualcomm มาก แต่เรื่อง GPU หรือการเล่นเกม ในส่วนนี้อาจจะต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่า Galaxy S20 Ultra จะเล่นเกมหรือใช้งานอื่นๆ สู้มือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 865 ไม่ได้นะครับ เพราะเอาจริงๆ ถ้าไม่ได้เอามาวัดคะแนนกัน ก็แทบไม่มีความแตกต่างในการใช้งานอยู่แล้ว

Galaxy S20 Ultra เวอร์ชั่นขายไทย จะมีเพียงแค่รุ่น RAM 12GB เท่านั้น ซึ่งความจุขนาดนั้น ผมกล้ายืนยันได้เลยว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบเหลือๆ อย่างแน่นอน ส่วน Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ก็มี RAM ให้เลือกหลายขนาด และสูงสุดที่ 12GB ให้เลือกใช้เช่นกัน ขณะที่ Xperia 1 II นั้น มีเพียงแค่รุ่น 8GB เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม RAM 8GB สำหรับการใช้งานในปี 2020 ผมยังมองว่าเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะ

สเปคอีกหนึ่งอย่างที่จะเข้ามาช่วยให้การใช้งานมือถือรวดเร็วและลื่นไหลก็คือความจุเครื่องนั่นเอง โดย Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ต่างใช้หน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ซึ่งมีความเร็วในการอ่าน-เขียนเร็วปรี๊ด ทำให้การย้ายไฟล์ คัดลอกไฟล์ เร็วกว่า รวมถึงการเปิดแอปต่างๆ ก็ยังเร็วกว่าด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว UFS 3.0 น่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับมือถือเรือธงในปี 2020 ไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม Xperia 1 Mark II กลับใช้ UFS 2.1 ที่มีความเร็วน้อยกว่า UFS 3.0 ราวๆ 2 เท่า (ผู้ใช้บางคนอาจไม่สนเรื่องนี้นัก ก็พอมองข้ามไปได้ครับ)

 

กล้องหลัง

สมาร์ทโฟนทั้ง 4 รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ ต่างมาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวด้วยกันทั้งหมด แต่สเปคและประเภทของเลนส์ จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากใครไม่อยากเลื่อนขึ้นไปอ่านสเปคกล้องด้านบน ผมเขียนสรุปตรงนี้ให้อ่านง่ายๆ กันอีกรอบแล้วครับ

Galaxy S20 Ultra Mi 10 Pro Xperia 1 II realme X50 Pro
จำนวนกล้อง 4 ตัว 4 ตัว 4 ตัว 4 ตัว
กล้องหลัก 108MP f/1.8 108MP f/1.7 12MP f/1.7 64MP f/1.8
กล้อง Telephoto 48MP f/3.5 12MP f/2.0

8MP f/2.0

12MP f/2.4 12MP f/2.5
กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา 20MP f/2.2 12MP f/2.2 มุมกว้าง 124 องศา 8MP f/2.3 มุมกว้าง 119 องศา
กล้อง Depth Sensor DepthVision (ToF Sensor) ไม่มี ToF Sensor 2MP f/2.4
Optical Zoom 10x 2x 3x
Digital Zoom  100x 50x 10x 20x
ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K 8K 4K 4K

 

ใน 4 รุ่นนี้ จะมีเฉพาะ Galaxy S20 Ultra และ Xperia 1 II เท่านั้นที่ให้เซ็นเซอร์ 3 มิติ สำหรับการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอมาด้วย แต่รุ่น Mi 10 Pro และ realme X50 Pro จะใช้แค่กล้อง 2D ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ทำให้ภาพที่ออกมาอาจจะตัดขอบ และเบลอหลังได้ไม่เนียนเท่า 2 รุ่นแรก

Xiaomi Mi 10 Pro

ส่วนฟีเจอร์การซูม เดี๋ยวนี้แทบจะเป็นจุดขายของมือถือเรือธงกันไปแล้ว โดยใครที่ต้องการระยะซูมโหดๆ Galaxy S20 Ultra ก็ตอบโจทย์สุดๆ เพราะใส่มาให้แบบจัดเต็มกับฟีเจอร์ Space Zoom ที่สามารถซูมได้ (โคตร) ไกลที่ 100x รองลงมาเป็น Mi 10 Pro ที่ดันระยะ Digital Zoom ได้ไกลสุด 50x ถัดมาเป็น realme X50 Pro ที่มีระยะซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 20x และสุดท้ายคือ Xperia 1 II ที่ซูมได้เต็มที่ 10x



กล้องหน้า

กล้องเซลฟี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องของใครหลายๆ คน ซึ่งจุดนี้ ดูเหมือนว่า realme X50 Pro จะถือไพ่เหนือกว่าอีก 3 รุ่นที่เหลือ เพราะใส่กล้องหน้ามาให้ถึง 2 ตัว ความละเอียด 32MP + 8MP ทำให้การถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอทั้งภาพและวิดีโอเซลฟี่ละลายพื้นหลังได้เนียนกว่ารุ่นที่เหลืออย่างแน่นอน แถมกล้องทั้ง 2 ตัว ยังเป็นเลนส์ Wide และ Ultrawide ทำให้สามารถเก็บภาพได้ในมุมกว้างกว่า ซึ่งเหมาะกับการถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่มด้วย

realme x50 Pro

ส่วนอีกรุ่นที่มีกล้องเซลฟี่ดีไม่แพ้กันก็คือ Galaxy S20 Ultra ที่ถึงแม้จะมีกล้องแค่ตัวเดียว แต่ก็มีความละเอียดสูงปรี๊ดถึง 40MP แถมยังมี PDAF เข้ามาช่วยในการโฟกัสภาพให้เร็ว และแม่นยำมากขึ้น

 

แบตเตอรี่

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยนี้ ความจุแบตเตอรี่แทบจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ของการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือเลยก็ว่าได้ โดยหากว่ากันด้วยเรื่องของความจุ ตรงนี้ Galaxy S20 Ultra กินขาดเลยครับ เพราะมาพร้อมกับแบตขนาด 5,000 มิลลิแอมป์ อีกทั้งยังรองรับชาร์จไวอีก 45W ชาร์จแป๊บเดียว ได้แบตเล่นแบบเพลินๆ เป็นชั่วโมง แต่ถ้าเน้นชาร์จไวที่สุด คงหนีไม่พ้น realme X50 Pro อีกตามเคย เจ้านี้จัดเต็มตลอดเรื่องชาร์จไว โดยรอบนี้อัดมาให้ถึง 65W ชาร์จเพียงแค่ 35 นาที เต็ม!

realme X50 Pro มากับระบบชาร์จไว SuperDart 65W

ส่วนอีกรุ่นที่ถึงแม้ว่าจะชาร์จไวไม่เท่าแต่สูสี ก็คือ Mi 10 Pro ที่ให้แบตเตอรี่มา 4500 mAh พร้อมระบบชาร์จ 50W ที่เอาจริงๆ ก็แทบจะใช้เวลาชาร์จห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่สำหรับ Xperia 1 II น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เน้นทั้งขนาดแบตเตอรี่และระบบชาร์จไวเท่าไหร่ เพราะให้มาแค่ 4000 mAh และระบบชาร์จก็ให้มาแค่ 21W เท่านั้น

 

เลือกซื้อรุ่นไหนดี?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สมาร์ทโฟนที่เรานำมาเปรียบเทียบทั้ง 4 รุ่นนั้น ถือว่าสามารถทำมาใช้งาน เล่นโซเชียล ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ 4K เล่นเกมลงแรงค์ได้แบบสบายๆ ไม่เจอกับอาการกระตุกอย่างแน่นอน เพราะต่างเป็นมือถือระดับท็อปๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งใครที่กำลังมองหามือถือเรือธงรุ่นใหม่มาจับจองสักเครื่องก็ต้องมานั่งพิจารณาว่าตัวเองอยากได้ฟีเจอร์ไหนมากที่สุด เพราะแต่ละรุ่นก็มีฟีเจอร์เด่นที่ต่างกันพอสมควร

  • อยากได้มือถือครบเครื่อง สเปค จอ กล้อง แบตอึด ชาร์จไว กันน้ำ แถมระบบซูมไกลลิ่ว 100x แน่นอนว่าต้องเลือก Galaxy S20 Ultra
  • อยากได้มือถือกล้องสูสีกับ Galaxy S20 Ultra ซูมไกลๆ 50x พร้อมสเปคแรงหายห่วง แต่ราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง ก็ต้องเลือก Mi 10 Pro
  • อยากได้มือถือจอความละเอียดสูง 4K กล้องเทพ (รอการทดสอบจริงอีกที) และยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. พร้อมระบบเสียงเทพๆ ก็ต้องเลือก Xperia 1 II
  • อยากได้มือถือแรงๆ กล้องดีทั้งหน้าทั้งหลัง ชาร์จแบตเตอรี่ (โคตร) ไว แต่ราคาเป็นมิตรที่สุด ก็ต้องเลือก realme X50 Pro

อย่างน้อยก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ ในการเลือกซื้อมือถือเรือธงปี 2020 ในช่วงนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนเรื่องราคาน่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมีแค่รุ่น Galaxy S20 Ultra เท่านั้นที่ประกาศราคาในไทย ก็เลยไม่ได้เอามาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจด้วยนะครับ แต่คาดว่าแค่สเปค และฟีเจอร์ของมือถือแต่ละรุ่น หลายๆ คนก็น่าจะมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วล่ะครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://droidsans.com/android-flagship-devices-2020-comparison/

realme เปิดตัว realme X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง AI 4 เลนส์ รองรับ 5G ทั้งแบบ 5G NSA และ 5G SA

realmeเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง 5G รุ่นแรก realme X50 Pro 5G พร้อมประกาศกลยุทธ์ใหม่ด้าน AloT realme X50 Pro 5G จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดผ่านช่องทางออนไลน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Speed of the Future” เปิดประสบการณ์ความเร็วแห่งอนาคต เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 รองรับ 5G ทั้งแบบ 5G NSA และ 5G SA พร้อมกล้องหลัง AI 4 เลนส์ ความละเอียด 64MP จอแสดงผลแบบ AMOLED อัตรา Refresh rate ที่ 90 Hz และระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ทร’ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ซึ่งจากความสำเร็จที่ผ่านมา

ในปี 2563 realme มุ่งมั่นเดินหน้านำเสนอสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AloT เพื่อการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ภายในงาน คุณ Emilio Álvarez ยังได้เผยแผนกลยุทธ์และทิศทางด้าน AloT ของ realme ในอนาคตอีกด้วย

realme X50 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 รองรับ 5G ทั้งแบบ 5G NSA และ 5G SA พร้อมกล้องหลัง AI 4 เลนส์ ความละเอียด 64MP จอแสดงผลแบบ AMOLED อัตรา Refresh rate ที่ 90 Hz และระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ทร’ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ซึ่งจากความสำเร็จที่ผ่านมา ในปี 2563 realme มุ่งมั่นเดินหน้านำเสนอสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AloT เพื่อการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ภายในงาน คุณ Emilio Álvarez ยังได้เผยแผนกลยุทธ์และทิศทางด้าน AloT ของ realme ในอนาคตอีกด้วย

สมาร์ทโฟน 5G และอุปกรณ์ AIoT ตัวขับเคลื่อนสู่การเป็น ‘ผู้นำด้านเทคโนโลยีตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่’  

คุณ Emilio Álvarez กล่าวว่า realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในซึ่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 realme มียอดการส่งออกสมาร์ทโฟนทั้งหมดมากกว่า  10 ล้านเครื่อง    ถูกจัดอันดับเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มียอดขายเป็นอันดับ 7 ของโลกและถือเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ในปี 2562 realme ได้เข้าสู่ 25 ตลาดทั่วโลก ด้วยยอดการขนส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมดมากกว่า 25 ล้านเครื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 ได้มียอดขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 500% ส่งผลให้ realme ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นสมาร์ทโฟน
หลักของโลก ในปีนี้ realme มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าภายใต้แนวคิด “Popularizer of Tech Trendsetters’ Lifestyle” ผสมผสานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AloT โดยมุ่งเน้นตอบโจทย์การใช้งานของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น

realme มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าตามคอนเซ็ปต์ “Dare to Leap” พร้อมที่จะมอบผลิตภัณฑ์ 5G เพื่อคนรุ่นใหม่ ภายในปี 2563 realme ได้เดินหน้าเครือข่าย 5G ทั่วโลกเพื่อสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ 5G ที่ครบวงจร ครอบคลุมทุกกลุ่มราคาเพื่อตอบโจทย์และเปิดประสบการณ์ใหม่ของผู้ใช้งานทั่วโลก นอกจากนี้ realme ยังมีการร่วมมือที่ดีกับพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ โรงงานผลิตเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและนักพัฒนาแอพลิเคชั่นเพื่อร่วมกันพัฒนา 5G ระดับโลกและผลักดันอีโคซิสเต็ม 5G

ในส่วนของอุปกรณ์ loT ทาง realme ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป, ครอบครัว และผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เพื่อสร้าง UNI Smart AloT ยกระดับชีวิตด้วยเทคโนโลยีสำหรับคนรุ่นใหม่  ในอนาคต realme จะเปิดตัวสมาร์ทแพลตฟอร์ม realme Link ที่มาในสมาร์ทโฟนเพื่อรองรับเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ AIoT อาทิ สมาร์ททีวี, สมาร์ทวอทช์,หูฟังบลูทูธ และลำโพงอัจฉริยะ โดย realme จะผสานระบบ AI เพื่อสร้างระบบอีโคซิสเต็ม AIoT ที่สมบูรณ์แบบ

สมาร์ทโฟนเรือธง 5G รุ่นแรก พร้อมเดินหน้าภายใต้คอนเซ็ป “Dare to Leap”

ในฐานะผู้นำที่เหนือกว่าในยุค 5G ล่าสุด realme ได้เปิดตัว realme X50 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่รองรับ 5G ตัวเครื่องมาพร้อมวัสดุโลหะและโทนสีแบบ Low-saturation มาพร้อมกัน 2 สีที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง Moss Green และ Rust Red สำหรับหน้าจอและฝาหลังมาพร้อมกระจกกันรอย 3D Corning Gorilla Glass 5 และการป้องกันพื้นผิวกระจกแบบ AG ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพจึงทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจในความทนทานและตัวเครื่องที่จับถือสะดวกกระชับมือ นอกจากนี้ realme X50 Pro 5G ยังมาพร้อมขุมพลังหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 รองรับ 5G พร้อมแรม LPDDRS5 และ UFS 3.0 ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานเร็วแรงไหลลื่นมากยิ่งขึ้น

realme X50 Pro 5G มาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 65W SuperDart ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นและชาร์จได้เร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh เต็มได้ภายใน 35 นาที realme X50 Pro 5G ยังมาพร้อมกับ realme UI บนพื้นฐาน Android 10 ภายใต้ดีไซน์แบบ “Real design” รูปแบบการทำงานที่เรียบง่ายสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง   อีกทั้งรองรับฟีเจอร์อัจฉริยะอีกมากมาย อาทิ เทคโนโลยี NFC, ระบบมอเตอร์แบบ Tactile Engine Motor, ระบบ Dual-band GPS, ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos และรองรับ Hi-Res เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานในทุกด้าน

 

นอกจากนี้ realme X50 Pro 5G ยังมาพร้อมหน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว โดยมีอัตราส่วนหน้าจอ 20:9 อัตรา Refresh rate ที่ 90 Hz และ Sampling rate ที่ 180Hz ซึ่งเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปมีอัตรา Refresh rate เพิ่มขึ้นถึง 50% มอบความรวดเร็วลื่นไหลตอบสนองต่อการสัมผัสขณะเล่นเกมอย่างดี realme X50 Pro 5G ยังมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่สามารถปลดล็อคด้วยความเร็วเพียง 0.27 วินาที เท่านั้น

ในส่วนของกล้อง realme X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหน้าคู่แบบ Ultra-wide-angle โดยเลนส์หลักมาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX616 ความละเอียด 32MP ค่ารูรับแสง f/2.5 และกล้องความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม Ultra-wide-angle ที่ให้มุมมองกล้องกว้างถึง 105 องศา สำหรับกล้องหลัง realme X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ โดยเลนส์หลักมาพร้อมความละเอียด 64MP แบบ Ultra-wide-angle และการอัพเกรดโหมดการถ่ายภาพ  ‘Nightscape 3.0’ และ ‘Ultra Nightscape Mode’ ที่จะช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพไม่ว่าจะถ่ายภาพในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน อีกทั้งมาพร้อมเลนส์ Ultra wide-angle ความละเอียด 8MP ที่มีมุมมองกว้างถึง 119 องศา และพร้อมระยะโฟกัสวัตถุ 3 เซนติเมตร และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP สามารถซูมแบบ optical ได้ถึง 5 เท่า และซูมแบบ Hybrid ได้ 20 เท่า นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเลนส์ Portrait รองรับระบบ ‘ ฟิลเตอร์สี’ ช่วยให้การถ่ายภาพของคุณนั้นง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้น  อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพวิดีโอที่มีคุณภาพระดับความคมชัดถึง 4K และระบบกันสั่น UIS และ UIS Max ช่วยให้การถ่ายวิดีโอคมชัดป้องการสั่นไหวของภาพ คุณภาพเทียบเท่ากับกล้องถ่ายภาพมืออาชีพ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดใช้งานเอฟเฟคต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเบลอฉากหลัง, การถ่ายวีดีโอแบบ Ultra-wide-angle  หรือเอฟเฟคอื่นๆ ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการถ่ายวีดีโอมากยิ่งขึ้น

realme X50 Pro 5G วางจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นความจุ 8GB + 128 GB ราคา €599, ความจุ 8GB + 256GB ราคา €669 และความจุ 12GB + 256GB ราคา €749 พร้อมวางจำหน่ายในเดือนเมษายนผ่านช่องทางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ realme ในยุโรป

ข่าว: realme เปิดตัว realme X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง AI 4 เลนส์ รองรับ 5G ทั้งแบบ 5G NSA และ 5G SA มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/02/26/realme-x50-pro-5g-launch-event.html

เปิดตัว realme X50 Pro 5G มือถือเรือธงกล้องหน้าคู่ กล้องหลังซูม 20x พร้อมระบบชาร์จสุดไว 65W

หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวหลุดของ realme X50 Pro ออกมามากมายไปหมด ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดตัวของมือถือรุ่นนี้ซักที โดยจุดเด่นของ realme X50 Pro นอกจากจะมีสเปคระดับเรือธงแล้ว ยังมีทั้งกล้องเซลฟี่ 2 ตัว ที่เป็นเลนส์แบบ Ultrawide, กล้องหลัง 4 ตัว ที่ซูมได้ 20x และยังมีระบบชาร์จ SuperDart 65W อีกต่างหาก ส่วนสเปค และฟีเจอร์เต็มๆ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง…มาดูกันครับ

ดีไซน์ตัวเครื่อง

realme X50 Pro 5G มีตัวเครื่องที่ทำจากวัสดุที่เป็นกระจกแบบ 3D AG Glass เคลือบด้วยสารป้องกันรอยนิ้วมือถึง 6 ชั้น มีสีให้เลือก 2 สี คือ สีแดง Rust Red และสีเขียว Moss Green

หน้าจอของมือถือรุ่นนี้เป็นแบบหน้าจอเจาะรูสำหรับวางกล้องเซลฟี่คู่ ทำให้ขอบจอทั้ง 4 ด้าน บางเฉียบ ทำให้มีพื้นที่หน้าจอมากถึง 92% เลยทีเดียว

ประสิทธิภาพ

realme X50 Pro 5G มีสเปคโดยรวมที่อยู่ในระดับเรือธง ด้วยชิปรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 865 ที่แรงกว่า และกินพลังงานน้อยกว่าชิป Snapdragon 855 และ 855+ ของปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 5G ด้วยโมเด็ม Snapdragon X55 อีกด้วย

realme X50 Pro 5G ยังมากับเสาอากาศแบบ 360° ทำให้มันสามารถรับสัญญาณ 4G / 5G ได้รอบด้าน ไม่ว่าผู้ใช้งานจะจับมือถือด้านไหนก็ยังรับสัญญาณได้แบบไม่ขาดหาย หมดปัญหาเล่นเกมแล้วมือบังเสาสัญญาณให้เน็ตหลุด เน็ตหาย

RAM แบบ LPDDR5 มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 8GB และ 12GB ที่เพิ่มความเร็วมากกว่าเดิมถึง 29% และกินพลังงานน้อยกว่า 14% ส่วนหน่วยความจำแบบ Dual Channel UFS 3.0 + เทคโนโลยี Turbo Write + เทคโนโลยี HPB ทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นขึ้น เร็วขึ้น ทั้งการอ่าน-เขียนข้อมูล รวมถึงการเปิดแอปต่างๆ ให้เร็วกว่าเดิม

ระบบระบายความร้อน

realme X50 Pro 5G มากับระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Cooling ร่วมกับฟิล์มแบบ Graphite, เจลระบายความร้อน และขดทองแดง ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนเกินไปเมื่อมีการใช้งานเป็นเวลานานๆ

ระบบชาร์จไว SuperDart 65W

ชาร์จไวสุดๆ ด้วยระบบชาร์จไว SuperDart 65W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4200 mAh ตั้งแต่ 0 – 100% ได้ในเวลาเพียง 32 นาที แถมยังปลอดภัยด้วยระบบ Five Dimensional Safety Protection

และถ้าใครรีบจนไม่มีเวลาชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม ก็ขอเวลาแค่ 3 นาที เท่านั้น realme X50 Pro 5G ก็มีพลังพอที่จะดูหนังได้อีก 100 นาที, โทรศัพท์ได้ 4 ชม. หรือฟังเพลงได้ถึง 40 เพลง

หน้าจอ Super AMOLED 90Hz

realme X50 Pro 5G มากับหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ที่มีรีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz เพิ่มความลื่นไหลในการเลื่อนหน้าจอ / การเคลื่อนไหวของเกมต่างๆ และยังมีค่า Response สูงถึง 180Hz ทำให้การเล่นเกมต่างๆ มีความแม่นยำ และรวดเร็วในการสัมผัสในส่วนต่างๆ ของหน้าจอมากขึ้นอีกด้วย

กล้องหลัง 4 ตัว

realme X50 Pro 5G มีกล้องหลังให้มา 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 64MP + กล้อง Tele 12MP ซูมสูงสุด 20x + กล้อง Ultrawide & Macro 8MP + กล้องขาวดำ

มากับความสามารถในการซูมแบบ Hybrid ได้ถึง 20x ด้วยกล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Smooth Zoom ที่จะทำให้เราสามารถซูมภาพได้แบบลื่นๆ เหมือนกับกล้องระดับโปรอีกด้วย

การถ่ายภาพในที่มืด ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาด้วยโหมด Ultra Nightscape ที่ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยออกมาได้แบบสว่างสดใส รายละเอียดครบๆ แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วยเลย

กล้องเซลฟี่คู่

กล้องเซลฟี่ของ realme X50 Pro 5G ให้มาถึง 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 32MP (IMX616) เลนส์ Wide และกล้องตัวที่สองความละเอียด 8MP เลนส์ Ultrawide และด้วยกล้องเซลฟี่คู่ ทำให้มันสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Live Focus ด้วยกล้องหน้าได้แบบเนียนๆ

ลำโพงคู่

realme X50 pro 5G ยังมากับลำโพงคู่ Super Linear Dual Speaker พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Audio เพิ่มความกระหึ่ม และเพิ่มมิติของเสียงที่ได้จากตัวมือถืออีกด้วย

ราคา

realme X50 Pro 5G จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่น ตามหน่วยความจำ ดังนี้

  • realme X50 Pro 5G (8GB / 128GB) : ราคา 599 ยูโร หรือราวๆ 20,535 บาท
  • realme X50 Pro 5G (8GB / 256GB) : ราคา 669 ยูโร หรือราวๆ 23,000 บาท
  • realme X50 Pro 5G (12GB / 256GB) : ราคา 749 ยูโร หรือราวๆ 25,700 บาท

realme X50 Pro 5G จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศอินเดียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนโซนยุโรปจะเริ่มขายตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ส่วนในบ้านเราต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันอีกรอบนึงนะครับ

from:https://droidsans.com/realme-x50-pro-official-launch/

มือถือลึกลับจาก realme มาพร้อมชิป Snapdragon 865 ทำคะแนนสูงสุดใน AnTuTu คาดเป็น realme X50 Pro

หากใครยังจำกันได้วันงานเปิดตัวชิปเซ็ต Snapdragon 865 ของ Qualcomm เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าแบรนด์ realme เตรียมเป็นเจ้าแรกๆ ที่จะได้ใช้ชิปนี้ไปใช้กับมือถือเรือธงของตนเอง และล่าสุดก็ได้มีคะแนน AnTuTu ของมือถือลึกลับแบรนด์ realme โผล่มากวาดคะแนนไปได้เกือบๆ 575,000 คะแนน ถือเป็นคะแนนที่สูงเกินกว่าชิปรุ่นปีที่แล้วได้ทำไว้ โดยคาดว่าน่าจะเป็นมือถือระดับเรือธงที่ใช้ชิป Snapdragon 865 นั่นเอง

มือถือลึกลับรุ่นนี้มีรหัสรุ่นว่า “realme RMX2071” ทำคะแนนจากเว็บไซท์ AnTuTu ไปได้ถึง 574,985 ซึ่งถือเป็นคะแนนในฝั่งมือถือ Android ที่มากที่สุดในตอนนี้ โดยเชื่อว่ามือถือลึกลับรุ่นดังกล่าวจะใช้ชิปเซ็ตระดับไฮเอนด์ Snapdragon 865 และวางจำหน่ายในชื่อ realme X50 Pro นั่นเอง (แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจาก realme นะครับ)

นอกจากนี้ Digital Chat Station แหล่งข่าวสายไอทีชื่อดังจากประเทศจีน ที่มักจะปล่อยข่าวหลุดเกี่ยวกับมือถืออยู่บ่อยๆ (แถมแม่นซะด้วย) รายงานว่า เรือธงตัวใหม่ของ realme ที่ใช้ชิป Snapdragon 865 จะมาพร้อมกับหน้าจอเจาะรูแบบ Punch Hole สำหรับใส่กล้องหน้า บริเวณมุมบนซ้ายของจอ โดยคาดว่าจะใส่มาให้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใช้กล้องหน้าคู่แบบ Huawei P40 Pro แต่จะเน้นไปที่ความละเอียดพิกเซลสูงๆ แทน

สเปคในส่วนอื่นๆ ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมออกมา แต่เชื่อว่าหน้าจอของ realme รุ่นลึกลับนี้ จะมาพร้อมกับค่ารีเฟรชเรท 120Hz, กล้องหลัง 4 ตัว อาจเลือกใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL Bright HMX ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล

realme ได้ออกมายืนยันแล้วว่าจะเข้าไปร่วมงาน MWC 2020 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่า realme น่าจะนำเอามือถือลึกลับรุ่นดังกล่าวที่ใช้ชิป Snapdragon 865 มาโชว์ในงานนี้ก็เป็นได้

 

ที่มา: gizmochina 

from:https://droidsans.com/mysterious-realme-device-trumps-antutu-benchmark-chart/