คลังเก็บป้ายกำกับ: PP_GROUP

PP Group เผยยอดขาย Longchamp โต 100% นำกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ขายเพิ่ม ชึ้ตลาดแบรนด์หรูยังโตดี

PP Group ตัวแทนจำหน่าย Longchamp รายเดียวในไทย เผยยอดขาย Longchamp เติบโต 100% ในปีนี้ เหตุครึ่งปีแรกเติบโต 80% เตรียมเพิ่มสินค้าไลฟ์สไตล์-ปรับปรุงสาขาเดิม ย้ำตลาดแบรนด์หรูยังโตดี

longchamp

Longchamp โตต่อเนื่องในตลาดไทย

สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ บริษัท พีพี ลุกซ์ จํากัด เล่าให้ฟังว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2022 ยอดขายของ Longchamp ในประเทศไทยที่มีบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียว เติบโตถึง 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2021 เนื่องจากในปี 2021 ตลาดรวมแทบไม่เติบโต และบริษัทมีการปูพรมสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง

ทำให้ปี 2022 บริษัทจะตั้งเป้ายอดขาย Longchamp เติบโต 100% แม้จะมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทอ่อนตัวทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น โดยบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องการปรับราคา แต่จะพยายามคงราคาเดิมเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยเช่นเดิม

“ตั้งแต่โควิด-19 ระบาด PP Group กระทบไม่มาก เช่น ปี 2020 ที่มีโควิด-19 ระบาดเราเติบโตราว 10% จากปี 2019 ส่วนปี 2021 เราเติบโตได้เล็กน้อยในขณะที่ตลาดรวมสินค้าหรู หรือ Luxury เกิดการชะลอตัว ยิ่งยอดขายหลักของเรามาจากคนท้องถิ่นเป็นหลัก การที่นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาจึงไม่กระทบนัก”

เสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ต PP Group

สำหรับยอดขาย Longchamp ของ PP Group จะคิดเป็นราว 25% จากยอดขายทั้งหมด ถือเป็นแบรนด์ที่สร้างยอดขายให้บริษัทมากที่สุด โดยปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์หรูทั้งหมด 9 แบรนด์ เช่น Givenchy, Loewe, MCM, Maison Kitsune, Tory Burch และ Off-White เป็นต้น

“ด้วยราคา, ฟังก์ชัน และกระแสจากซีรีส์ ทำให้ Longchamp ยังถูกพูดถึง และเป็นที่ต้องการกับลูกค้าทุกวัยในไทย โดยตอนนี้อายุเฉลี่ยของลูกค้าอยู่ที่ 30-40 ปี ราว 50% และต้องบอกว่าปี 2022 น่าจะเติบโต และมากที่สุดตั้งแต่ทำตลาดแบรนด์ Longchamp มาเมื่อ 8 ปีก่อน”

ทั้งนี้ PP Group เตรียมปรับปรุงหน้าร้าน Longchamp ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา อยู่ในกรุงเทพทั้งหมดให้อยู่ในแนวคิดใหม่ พร้อมกับนำสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เช่น เสื้อผ้า กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้สินค้า และสื่อสารแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยสินค้าเครื่องแต่งกายอีกทางหนึ่ง

ยอดขายออนไลน์คืออีกช่องทางสำคัญ

ในทางกลับกัน PP Group มีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2018 เริ่มต้นในแบรนด์ Longchamp ก่อนขยายไปที่แบรนด์อื่น ซึ่งจากการปูพรมมาก่อนโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้มีความพร้อมในช่องทางนี้ และปัจจุบันยอดขายจากออนไลน์คิดเป็น 20% จากช่องทางทั้งหมด

“เรื่องการขยายสาขา Longchamp จาก 6 แห่งเราก็ศึกษาอยู่ แต่ด้วยช่องทางออนไลน์ของเราค่อนข้างแข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตในอนาคต ลูกค้าจากต่างจังหวะก็เข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น จึงไม่แปลกที่เรายังให้ความสำคัญกับช่องทางนี้ ผ่านการชูเรื่องสินค้าแท้ และส่งฟรี”

ด้านภาพรวมตลาดสินค้าแบรนด์หรู หรือ Luxury สุวดี มองว่า ปี 2022 ตลาดนี้ยังเติบโตต่อเนื่องแม้จะมีปัจจัยลบต่าง ๆ เข้ามา โดยครึ่งแรกของปี 2022 ผู้คนที่มีกำลังซื้อต่างกลับมาจับจ่ายซื้อสินค้าอีกครั้ง ส่วนครึ่งหลังของปี 2022 กระแสดังกล่าวยังคงอยู่ สังเกตจากการถูกพูดถึง และความต้องการของสินค้าหรูยังมีอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิงจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท พีพี ลุกซ์ จำกัด มีรายได้ และกำไรสุทธิดังนี้

  • ปี 2021 รายได้รวม 916 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16 ล้านบาท
  • ปี 2020 รายได้รวม 834 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12 ล้านบาท
  • ปี 2019 รายได้รวม 829 ล้านบาท กำไรสุทธิ 62 ล้านบาท

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post PP Group เผยยอดขาย Longchamp โต 100% นำกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ขายเพิ่ม ชึ้ตลาดแบรนด์หรูยังโตดี first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/longchamp-thailand-100-pct-growth/

ไม่เข้าออนไลน์ไม่ได้แล้ว PPGroup ทำ E-Commerce หวังเสิร์ฟลูกค้าต่างจังหวัด

ด้วยมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซที่ ecommerce IQ เปิดเผยข้อมูลว่าในปี 2016 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย สูงถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นธุรกิจแฟชั่น ประมาณ 390 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 13,650 ล้านบาท ทั้งยังเป็นกลุ่มสินค้าทีมีอัตราการเติบโตสูงถึง 49%ทำให้ผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมอย่าง PP Group จะลองเข้ามาเป็นผู้เล่นบ้างแล้ว

สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ และโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ PP Group เล่าให้ฟังว่า จากแนวโน้มการเติบโตของอีคอมเมิร์ซทำให้เราตัดสินใจลงทุนพัฒนาเว็บไซต์ ขึ้นมา โดยเลือก Longchamp เป็นสินค้ากลุ่มแรกในการทำตลาด

ธุรกิจของ พีพี กรุ๊ป คือเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ Céline (เซลีน), Emilio Pucci (เอมิลิโอ ปุชชี่), Givenchy (จีวองชี่), Loewe (โลเอเว่), Longchamp (ลองฌอมป์), MCM (เอ็มซีเอ็ม), Roger Viiver (โรเฌร์ วิวิเยร์), Tod’s (ท็อดส์) และ Tory Burch(ทอรี่ เบิร์ช) ซึ่งเป็นสินค้า Hi-End ทั้งสิ้น ภาพรวมธุรกิจก็เติบโตดี ปีที่แล้วโต 40% ยอดขายรวม 1,000 ล้านบาท และปีนี้ลงทุนอีก 200 ล้านบ้านในการทำสาขาเพิ่มและกิจกรรมส่งเสริมการขาย จึงตั้งเป้าปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาทหรือประมาณ 20%

ส่วนเหตุผลที่สนใจเรื่อง E-Commerce เพราะเทรนด์ดิจิทัลโตขึ้น เราก็ต้องปรับตัว ยิ่งแบรนด์ Luxury จะมีเรื่องของ Emotional เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าเรื่องของ Functional เพียงอย่างเดียว แม้ว่าราคาสินค้าจะสูงแต่เพื่อให้ประทับใจ การทำ E-Commerce ของเราต้องไม่ละเลยเรื่องนี้

“ไม่ใช่แค่ลูกค้าส่ังออนไลน์ จ่ายเงินและจบ แต่เราเน้นดูแลหลังการขายให้ดี ประทับใจ อยากกลับมาซื้อซ้ำ นั่นเป็นหัวใจหลักที่เราเริ่มเข้าออนไลน์ช้า แต่ก็ถือว่าเป็นการเปิดตลาดลูกค้าใหม่และยังคงรักษาลูกค้าเก่าไว้”

ด้านช่องทางดิจิทัล มีการทดลองขายผ่าน Line มาระยะหนึ่ง ในสินค้า Longchamp และ MCM เพื่อตอบโจทย์คนที่เข้ามาในเมืองไม่ได้ และตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ ก็เลยเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา ส่วนการเลือกขาย Longchamp เพียงแบรนด์เดียวก่อน เพราะสินค้าตอบโจทย์คนหมู่มากและเหมาะกับตลาดเมืองไทย รวมทั้งราคาก็เป็นที่เอื้อมถึง ซึ่งตอนที่ทดลองทำออนไลน์ก็มียอดขายในส่วนออนไลน์เข้ามา 80% ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ คนจะเดินเข้าสาขามากกว่า

ด้าน Target จะเป็นผู้หญิง อายุ  25-40 ปี ช่วงเวลาก่อน 11.00 โมง จะมีลูกค้าเข้ามาช้อปเยอะ และเราทำเว็บออกมาแบบ Responsive ทำให้รองรับการเข้าใช้งานทั้งมือถือและคอม แน่นอนว่า 80% ลูกค้าใช้งานผ่านมือถือ แต่ Tablet และ Desktop ก็เรียงตามลำดับ ขณะนี้มีสินค้ากว่า 100 SKU ที่จำหน่ายผ่านเว็บ แต่ก็จะเพิ่มจำนวนสินค้าให้มากขึ้น และเพิ่มในส่วนของสินค้าผู้ชายด้วย รวมทั้งใช้กลยุทธ์ Pre Launch เพื่อกระตุ้นตลาดร่วมด้วย คิดว่าน่าจะช่วยให้ยอดขายผ่านออนไลน์อยู่ที่ 5% จากยอดขายทั้งหมดในปีหน้า

ส่วนแบรนด์ที่มองไว้เพิ่มเติมว่าจะมาขายออนไลน์คงเป็น MCM เพราะสินค้า Luxuary ยังไงก็ต้องช่องทาง Offline ก่อน เพราะเรื่องบริการเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเรามีสาขาของ Longchamp ในกรุงเทพ 5 สาขาเป็น Flagship Store ที่ Emporium กับ Siam Paragon

แม้ว่าจะมีหลายแบรนด์จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce  แต่ก็ยังมั่นใจว่าจุดแข็งของเราสร้างแรงดึงดูดได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จึงมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้, การดูแลลูกค้าออนไลน์ระดับเดียวกับซื้อผ่านหน้าร้าน ทั้งการส่งซ่อม เปลี่ยนสินค้า รวมทั้งบริการหลังการขายอื่นๆ, มีสินค้า Exclusive เฉพาะออนไลน์เท่านั้น และราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 4,000-40,000 บาท ถือว่าเหนือกว่าร้านรับหิ้วแน่นอน

เรียกได้ว่าแบรนด์ใหญ่งัดทุกกลยุทธ์มาสู้กับร้านรายย่อยบนช่องทางออนไลน์อย่างแท้จริง มั่นใจได้เลยว่าของปลอม ของก็อปบนช่องทางออนไลน์ที่คนกังวลจะลดลงได้แน่นอน เพราะตัวแทนนำเข้าและเจ้าของแบรนด์หันมาจับตลาดนี้กันมากขึ้นแล้ว

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/05/pp-group-ecommerce/