คลังเก็บป้ายกำกับ: OPPO_RENO

OPPO Find X6 รุ่นเล็กราคาเบา ๆ มีลุ้นเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ส่วน OPPO Reno 11 Series อาจไม่มีรุ่น Pro+ แล้ว

OPPO ดูเหมือนกำลังจะพิจารณาทิศทางของ Reno Series กันใหม่ จากปกติที่มักจะเปิดตัวกัน 3 รุ่นได้แก่ รุ่นมาตรฐาน, รุ่น Pro และ Pro+ แต่ใน Reno 11 Series คาดว่าทางแบรนด์จะตัดรุ่นท็อปสุดออกไป ให้เหลือแค่เพียง 2 รุ่นเท่านั้น แต่จะมีการเปิดตัวเรือธงรุ่นเล็กเข้ามาแทนที่ในช่วงราคานั้น ๆ แทน

OPPO Reno10 Pro + Colors

OPPO Reno 10 Pro+ 

OPPO Reno 11 Pro+ อาจโดนตัดออกไปจากไลน์อัปในปีหน้า ซึ่งแหล่งข่าวบอกว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะมีผลกับแค่ในตลาดจีนเป็นหลัก แต่อาจมีสิทธิ์ที่จะปรับแผนในตลาดโลกด้วย ทั้งนี้ยังไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมทางแบรนด์ตัดรุ่น Pro+ ออกไป แต่สื่อนอกคาดการณ์ว่าเป็นเพราะตัวเครื่องอาจทำยอดขายในจีนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยตัดสินใจไปต่อแค่ 2 รุ่นเท่านั้น

และด้วยความที่รุ่น Pro+ มักจะมาสเปคที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นรุ่นเรือธงได้แล้ว OPPO อาจจะขยับสถานะของรุ่นนี้ขึ้นมานิดหน่อย และเปลี่ยนให้กลายเป็นมือถือเรือธงรุ่นเล็ก ภายใต้ซีรีส์ชูโรงอย่าง Find X Series โดยคาดว่าจะเริ่มกันที่ Find X6 Series เป็นครั้งแรก

OPPO Find X6

โดย OPPO Find X6 Series รุ่นเล็กสุดคาดว่าจะมาพร้อมกับชิปประมวลผลอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 นี้ และด้วยความที่รุ่นนี้ใช้ชิปเก่า ก็อาจมีสิทธิที่จะตั้งราคาขายมาต่ำกว่า 2 รุ่นบนอย่าง Find X6 และ Find X6 Pro มาก ๆ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าเรือธงรุ่นเล็กจะมีชื่อว่าอะไร ต้องรอการยืนยันจากทาง OPPO อีกที

ทั้งนี้ Reno 10 Series รุ่นปัจจุบันที่กำลังจะวางขายในไทยเร็ว ๆ นี้ ยังคงมี 3 รุ่นครบ ๆ ทั้ง Reno 10, 10 Pro และ 10 Pro+ เหมือนเดิม แถมยืนยันแล้วว่าจะเข้าไทยทั้งหมด 3 รุ่นเลยด้วย เพราะผ่านการรับรองจาก กสทช. ครบหมดแล้ว ส่วนจะมากันเมื่อไหร่ ติดตามดูรายละเอียดในเพจ OPPO Thailand ให้ดีนะ

 

ที่มา: GizmoChina

from:https://droidsans.com/oppo-reno-pro-plus-to-replace-with-budget-find-x-variant/

OPPO เปิดเผยรายชื่อสมาร์ทโฟนจำนวน 11 รุ่นที่จะได้อัปเดต Android 14  ภายในเร็ว ๆ นี้

OPPO ประกาศรายชื่อสมาร์ทโฟน 11 รุ่นที่จะได้อัปเดต Android 14 โดยเป็นระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุด คาดว่าจะมาถึงในเดือนสิงหาคมเร็ว ๆ นี้ ประกอบไปด้วยมือถือซีรีส์ OPPO Find จำนวน 3 รุ่น , Reno 4 รุ่น และสมาร์ทโฟนซีรีส์ A-series อีก 4 รุ่น ตามรายงาน 

แม้ว่ารายชื่อมือถือเหล่านี้จะอยู่ในกำหนดการที่จะได้รับอัปเดตของเดือนสิงหาคมนี้ แต่ก็อาจจะมีบางรุ่นที่เกิดความล่าช้าไปจากนี้บ้างเล็กน้อยค่ะ

รายชื่อมือถือที่จะได้อัปเดต Android 14

สำหรับรายการทั้งหมดได้รับการยืนยันโดย Oppo Benelux จากโซนเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ ดังนั้นการอัปเดตจึงอาจแตกต่างกันไปบ้างในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกค่ะ น่าจะมีความล่าช้าอยู่บ้าง เพราะยังไม่มีการกำหนดวันที่ที่ชัดเจน และถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเราจะมาอัปเดตให้อีกที

 

 

ที่มา : gsmarena

from:https://droidsans.com/oppo-confirms-11-devices-set-to-receive-android-14-update/

เปิดตัว OPPO Reno10, Reno10 Pro และ Reno10 Pro+ กลับมาอย่างปัง ได้กล้องซูมทุกรุ่น เริ่มต้นราว 12,300 บาท

หลังจากที่แฟน ๆบ่นอุบกันมาหลายครั้ง เพราะในรุ่นที่แล้ว OPPO แอบเก็บกล้องดี ๆ ไว้ให้เพียงรุ่นท็อปอย่างเดียว แต่ล่าสุด OPPO ฟังเสียงประชาชน กลับมาพร้อมกับ OPPO Reno10 Series สุดปังทั้ง 3 รุ่น ที่ได้ทั้งกล้อง Ultrawide และกล้อง Telephoto ซูมแบบ Optical ซึ่งเปิดตัวที่จีนมาในราคาแค่ราว ๆ 12,300 บาทเท่านั้น

เปิดตัว OPPO Reno10

OPPO Reno10 รุ่นมาตรฐานมาพร้อมจอแสดงผล AMOLED แบบโค้งขนาด 6.7 นิ้ว บนความละเอียด Full HD+ (2412 x 1080) รองรับรีเฟรชเรท 120Hz และ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz มาตรฐานสี DCI P3 รองรับคอนเทนต์ HDR10+ ความสว่างจอสูงสุด 900 nits

OPPO Reno10 Screen

ด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้ใช้ชิประดับกลาง – บนอย่าง Snapdragon 778G ส่วนความจุมีให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ 8GB + 256GB, 12GB + 256GB ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้จะได้ RAM LPDDR4X และ ROM UFS2.2 ส่วนรุ่นท็อปสุด 12GB + 512GB จะได้ LPDDR5 และ UFS3.1 มากับแบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 80W ชาร์จจาก 0 – 100% ใช้เวลาเพียง 29 นาทีเท่านั้น

OPPO Reno10 Camera 2

ส่วนกล้องถ่ายภาพ ในรุ่นนี้เลือกใช้เซนเซอร์หลักความละเอียด 64MP มาพร้อมทีเด็ดอย่างกล้องซูม Telephoto ที่ซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และให้กล้อง Ultrawide มาที่ 8MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ 4K@30fps ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 32MP แต่น่าเสียดายที่ถ่ายวิดีโอได้แค่ 1080p@30FPS เท่านั้น ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังรองรับกันสั่น gyro-EIS ด้วย

สเปค OPPO Reno10

OPPO Reno 10 Specs

  • หน้าจอโค้ง AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2412) รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+
  • CPU : Snapdragon 778G
  • RAM (LPDDR4x) : 8/12GB (LPDDR5 เฉพาะรุ่น 12/512GB)
  • ความจุ (UFS 2.2) : 256/512GB (UFS3.1 เฉพาะรุ่น 12/512GB)
  • กล้องหลัง
    – กล้องหลักความละเอียด 64MP (f/1.7), กันสั่น EIS
    – กล้อง Telephoto ความละเอียด 32MP (f/2.0) ซูม Optical 2 เท่า
    – กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.4) + กันสั่น EIS
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6 (802.11ax), BT 5.2, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ, accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
  • แบตเตอรี่ : 4600 mAh รองรับชาร์จไว SUPERVOOC 80W
  • ระบบเสียง: ลำโพงเดี่ยว ระบบเสียง Hi-Res
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย ColorOS 13.1
  • ขนาด / น้ำหนัก : 162.4 x 74.2 x 7.58 มม. / 180 กรัม

เปิดตัว OPPO Reno10 Pro

OPPO Reno10 Pro

สำหรับรุ่น Pro นั้น ยังคงใช้ดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นมาตรฐานเกือบ 100% มาพร้อมจอ AMOLED แบบโค้ง ขนาด 6.74 นิ้วเหมือนกัน แต่จะได้จอความละเอียดที่ดีกว่าเป็น 1.5K (1240 x 2772) รองรับรีเฟรชเรท 120Hz และ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz และ HDR10+ ส่วนความสว่างจะได้รับการอัปเกรดให้สว่างสุด ๆ ที่ 1400 nits

ด้านประสิทธิภาพ รุ่น Pro จะขยับมาใช้ชิป Dimensity 8200 ส่วนความจุมีให้เลือกทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ 16GB + 256GB และ 16GB + 512GB ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้จะได้ RAM LPDDR5 และ ROM UFS3.1 มากับแบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 100W ซึ่งรวดเร็วกว่ารุ่นมาตรฐาน ชาร์จจาก 0 – 100% ใช้เวลาเพียง 27 นาทีเท่านั้นและใครที่ชอบเล่นเกม รุ่นนี้มีมอเตอร์การสั่นแบบ X-axis linear 4D มาให้ด้วย

กล้องถ่ายภาพของรุ่นนี้จะมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลภาพอย่าง Marisilicon X ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้สวยกว่าเดิม โดยกล้องหลังจะได้ใช้เซนเซอร์ระดับเรือธงอย่าง Sony IMX890 ความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS มาพร้อมกล้อง Telephoto IMX709 ซูม Optical ได้ 2 เท่า + กล้อง Ultrawide IMX355 8MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ 4K@30fps เช่นกัน ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 32MP ถ่ายวิดีโอได้แค่ 1080p@30FPS

สเปค OPPO RENO10 PRO

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (1240 x 2772) รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+
  • CPU : Dimensity 8200
  • RAM (LPDDR5) : 16GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256/512GB
  • กล้องหลัง + ชิป MariSilicon X
    – กล้องหลัก IMX890 50MP (f/1.7), กันสั่น OIS+EIS
    – กล้อง Telephoto IMX709 32MP (f/2.0) ซูม Optical 2 เท่า
    – กล้อง Ultrawide  IMX355 8MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า : IMX709 32MP (f/2.4) + กันสั่น EIS
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6 (802.11ax), BT 5.3, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ, accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
  • แบตเตอรี่ : 4600 mAh รองรับชาร์จไว SUPERVOOC 100W
  • ระบบเสียง: ลำโพงเดี่ยว ระบบเสียง Hi-Res
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย ColorOS 13.1
  • ขนาด / น้ำหนัก : 163.0 x 74.0 x 7.68 มม. / 186 กรัม

เปิดตัว OPPO Reno10 Pro+

OPPO Reno10 Pro +

สำหรับรุ่นท็อปสุดนั้น จะใช้จอแสดงผลที่เหมือนกับรุ่น Reno10 Pro เป๊ะ ๆ แต่จะได้รับการอัปเกรดด้านประสิทธิภาพมาใช้ชิประดับเรือธงอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ประกบคู่มากับ RAM LPDDR5 และ ROM UFS3.1 2 รุ่นความจุ ได้แก่ 16GB + 256GB และ 16GB + 512GB  ให้แบตเตอรี่มาเยอะกว่าเล็กน้อยที่ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 2.0 เต็มไว 0 – 100% ภายใน 27 นาที มาพร้อมลำโพงคู่ระบบเสียง Hi-Res และมอเตอร์การสั่นแบบ X-axis linear 4D

กล้องถ่ายภาพโดยรวมแล้วยังคงคล้ายกับรุ่น Pro ซึ่งกล้องหลังประกอบไปด้วย กล้องหลัก IMX890 50MP มีกันสั่น + กล้อง Ultrawide IMX355 8MP + กล้องซูมที่ได้รับการอัปเกรดมาใช้เซนเซอร์แบบ Periscope OmniVision OV64B ความละเอียดสูง 64MP รองรับการซูม Optical 3 เท่า และ Digital 120 เท่า มีกันสั่น OIS รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@60FPS ส่วนกล้องหน้ายังคงเหมือนเดิม 32MP มีชิป ISP Marisilicon X ช่วยในการประมวลผลภาพ

สเปค OPPO RENO10 PRO+

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (1240 x 2772) รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+
  • CPU : Snapdragon 8+ Gen 1
  • RAM (LPDDR5) : 16GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256/512GB
  • กล้องหลัง + ชิป MariSilicon X
    – กล้องหลัก IMX890 50MP (f/1.7), กันสั่น OIS+EIS
    – กล้อง Periscope OmniVision OV64B 64MP (f/2.5) ซูม Optical 3 เท่า, กันสั่น OIS
    – กล้อง Ultrawide  IMX355 8MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า : IMX709 32MP (f/2.4) + กันสั่น EIS
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6 (802.11ax), BT 5.2, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ, accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
  • แบตเตอรี่ : 4700 mAh รองรับชาร์จไว SUPERVOOC 100W
  • ระบบเสียง: ลำโพงคู่สเตอริโอ
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย ColorOS 13.1
  • ขนาด / น้ำหนัก : 162.9 x 74.0 x 8.28 มม. / 194 กรัม

ราคา และวันวางจำหน่าย

OPPO Reno10 ทั้งสามรุ่นเปิดให้สั่งจองกันแล้วในประเทศจีน และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2023 นี้ ส่วนราคาวางจำหน่าย และตัวเลือกสีมีให้เลือกดังนี้

ราคา OPPO Reno 10

OPPO Reno10 Colors

มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่สีทอง Brilliant Gold, สีฟ้า Colorful Blue และสีดำ Moon Sea Black และมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นความจุ ได้แก่

  • 8GB + 256GB ราคา 2,499 หยวน (ราว 12,300 บาท)
  • 12GB + 256GB ราคา 2,799 หยวน (ราว 13,755 บาท)
  • 12GB + 512GB ราคา 2,999 หยวน (ราว 14,730 บาท)

ราคา OPPO Reno 10 Pro

OPPO Reno10 Pro

มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่สีทอง Brilliant Gold, สีฟ้า Colorful Blue และสีดำ Moon Sea Black และมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นความจุ ได้แก่

  • 16GB + 256GB ราคา 3,499 หยวน (ราว 17,190 บาท)
  • 16GB + 512GB ราคา 3,899 หยวน (ราว 19,156 บาท)

ราคา OPPO Reno 10 Pro+

OPPO Reno10 Pro + Colors

มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่สีทอง Brilliant Gold, สีม่วง Twilight Purple และสีดำ Moon Sea Black และมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นความจุ ได้แก่

  • 16GB + 256GB ราคา 3,899 หยวน (ราว 19,156 บาท)
  • 16GB + 512GB ราคา 4,299 หยวน (ราว 21,125 บาท)

ส่วนตลาด Global รวมถึงในไทย มีข่าวแว่วมาว่าจะทำตลาดกันครบ ๆ ทั้ง 3 รุ่นเช่นกัน และอาจเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หากใครสนใจ ต้องรอติดตามกันให้ดี แต่อาจมาพร้อมตัวเลือกความจุ และตัวเลือกสีไม่ครบเท่าในประเทศจีนนะ

 

ที่มา: OPPO China (1) (2) (3)

from:https://droidsans.com/oppo-reno-10-series-launched-in-china/

รวมข้อมูลมือถือ OPPO แยกรุ่นอย่างไร Find N, Find X, Reno, A แตกต่างกันตรงไหนบ้าง

มือถือยี่ห้อยอดฮิตอีกค่ายคือ OPPO ที่คนไทยเราคงรู้จักและคุ้นเคยกันอย่างดี เพราะได้ทำการตลาดและวางขายในประเทศไทยมาอย่างยาวนานแล้ว โดย OPPO เป็นค่ายนึงที่น่าจะมีการออกมือถือรุ่นใหม่บ่อยที่สุด ติดตามในเว็บดรอยด์แซนเราก็จะเห็นข่าวเผยสเปคออกมาไม่เว้นกันเลยทุกสัปดาห์ ในเมื่อมือถือมีมากมายขนาดนี้ แล้วมันมีความแตกต่างยังไงกันบ้างล่ะ คราวนี้เราเลยจะอธิบายการแบ่งซีรีส์มือถือของออปโป้ให้อ่านกันครับ

OPPO Find N – นวัตกรรมจอพับของออปโป้

หากมาดูรุ่นระดับสูงสุด ของค่าย ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก OPPO Find N Series ที่เป็นมือถือจอพับ พร้อมออกมาสู้ค่ายมือถือแอนดรอยด์เจ้าใหญ่รายอื่น ๆ รุ่นนี้เค้าได้เปิดตัวไปเมื่อธันวาคม ปี 2021 กับสเปคระดับสูงของตอนนั้น Snapdragon 888, 120 Hz AMOLED , กล้อง 50 MP แต่ไม่ได้มีวางขายในไทย โดยตอนนี้ก็ใกล้ถึงช่วงเปิดตัวรุ่นถัดไปแล้ว ซึ่งก็คือ OPPO Find N2 นั่นเองครับ

OPPO Find X – มือถือเรือธงของค่าย

หากใครอยากได้มือถือเรือธงจาก OPPO ตอนนี้ก็ต้องหันมามองตระกูล OPPO Find X ที่จะพกเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด กล้องระดับเทพ ชิปตัวแรงมาให้เราได้ใช้กัน โดยเวลาเปิดตัวมาก็จะพกรุ่นย่อยมาด้วยกัน ได้แก่ Find X Pro, Find X, และ Find X Lite แต่เวลาเข้ามาขายในไทยจะเป็นรุ่นท็อปสุด Find X Pro เท่านั้นครับ

Find X Pro – มือถือท็อปสุดของตระกูลเรือธง

รุ่นนี้จะเป็นมือถือที่เราเห็นเข้ามาขายในไทย แล้วก็จะมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใครอยากได้มือถือกล้องเทพ ประมวลผลรวดเร็ว หน้าจอขนาดใหญ่ สวยงามที่สุด ก็ต้องมาลองจับเจ้ารุ่นนี้กัน แต่แน่นอนว่าราคาก็จะดุเอาเรื่องอยู่เช่นกันนะ มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO Find X5 Pro

Find X – ตัวกลางตระกูลเรือธง

ถัดมาเป็น Find X ตัวธรรมดาพื้นฐานของค่าย แม้จะอยู่ตระกูลเดียวกัน แต่ว่าชิปข้างในจะใช้กันคนละตัว อาจใช้เป็นชิปเรือธงรุ่นเก่าแทน ทำให้แรงอยู่แต่ไม่ถึงกับแรงที่สุดของยุค และสเปคจอก็จะลดหลั่นลงมาเล็กน้อย เช่นไม่ได้เป็นแบบ LTPO หรือความสว่างน้อยลงมา แต่ว่ายังดีที่สเปคกล้องจะให้มาเหมือนกับตัว Pro มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO Find X5

Find X Lite – ตัวเริ่มต้นเรือธง

ขยับลงมาหน่อยจะได้เป็นรุ่น Find X Lite มือถือตัวเริ่มต้นที่ใช่ชื่อเรือธงแต่สเปคอาจจะหาได้ทั่วไปหน่อย เนื่องจากขยับมาใช้ชิประดับกลางค่อนบนแทนชิปเรือธง จอลดสเปคลงมาค่อนข้างเยอะ ส่วนกล้องก็ใช้เหมือนที่พวกมือถือระดับกล้างทั่วไปใช้กัน มีรุ่นล่าสุดคือ Find X5 Lite

OPPO Reno Series – มือถือรองเรือธง

มาถึงตระกูลยอดฮิตอย่าง OPPO Reno กันบ้าง (แต่ก่อนใช้ชื่อว่า OPPO R) ซีรีส์นี้เป็นมือถือระดับกลางค่อนบน จนเรียกได้ว่าเป็นรองเรือธงได้เลย มีจุดเด่นเน้นเป็นกล้องถ่ายของเค้า ที่จะใส่พวกตัวชิปประมวลผลพิเศษ และฟีเจอร์อะไรต่าง ๆ มาให้ ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ที่อยากได้กล้องมือถือสวย ๆ ไว้ใช้งาน เวลาเปิดตัวออกมาจะแบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ OPPO Reno Pro+, OPPO Reno Pro, และ OPPO Reno ธรรมดา และ OPPO Reno Z ที่จะมีความแตกต่างหลักอยู่ที่ชิป และกล้อง

OPPO Reno Pro+ (Plus) – รุ่นน้องเรือธงตัวจริง

รุ่นนี้จะเป็นมือถือระดับสูงพอควร ด้วยชิปตัวแรงใหม่ล่าสุด แบตความจุเยอะ ชาร์จไว และกล้องคุณภาพดีแม้สเปคไม่เท่าซีรีส์ Find X แต่ก็ยังได้ตัวประมวลภาพ MariSilicon X มาช่วยทำให้ภาพถ่ายได้สวยงามไปอีก เป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนอยากได้มือถือแรง กล้องสวย แต่ไม่อยากจ่ายแพงถึงขั้นเรือธง มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO Reno9 PRO+

OPPO Reno Pro – มือถือเร็วแรงกล้องสวย

ลดรุ่นมาก็ลดสเปคลงนิดหน่อย อย่างชิปภายในจะไม่ได้เป็นเรือธงแล้ว แต่จะใช้ชิประดับกลาง-สูง ที่มีคุณภาพดี ใช้แล้วเร็วแรงเกินการใช้งาน ส่วนหน้าจอ แบต ชาร์จ ยังมีเหมือนกับรุ่น Plus แต่ลดสเปคกล้อง อาจตัดลงมาเหลือ 2 ตัว เป็นต้น แต่หลัก ๆ แล้วไม่ต่างกันมาก มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO Reno9 PRO

OPPO Reno – มือถือจอสวย แรงกลาง ๆ

ลงมาอีกหน่อยจะได้เป็น OPPO Reno ธรรมดา จอดีพอกันกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีกล้องลดมาจากรุ่น Pro อีกที และเริ่มหันไปใช้ชิประดับกลางธรรมดาแล้ว ทำให้เป็นมือถือที่พอการใช้งานได้ทั่วไป ไม่เน้นอะไรมาก แต่จะมีจุดแข็งเป็นจอที่สวยครับ มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO Reno9

OPPO Reno Z – มือถือดีไซน์เด่น

ในตระกูล Reno ถ้าต่อท้ายด้วยตัว Z จะถือเป็นตัวล่างสุด สเปคไม่มีอะไรมาก จอ 60Hz ธรรมดา กล้องตัวหลักชัดดี ส่วนกล้องอื่นก็อาจให้มาเล่น ๆ เช่นพวกกล้องขาวดำ กล้องมาโครความละเอียดต่ำ ส่วนชิปก็เป็นระดับกลางค่อนล่าง พอการใช้งานทั่วไป แต่จะมีจุดเด่นที่ดีไซน์ จะมีการปรับเครื่องให้มีสีสันสวยงาม เล่นกับแสง แล้วก็โปรโมทโฆษณาเยอะ ๆ มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO Reno8 Z

OPPO A

มาถึงซีรีส์มือถือที่มีจำนวนเยอะมหาศาล ตัวดีตัวโดนของค่ายกันแล้ว คือ OPPO A นั่นเอง ตระกูลนี้มีไว้สำหรับมือถือระดับกลาง ลงไปถึงระดับเริ่มต้นเลย โดยมีการซอยแยกย่อยรุ่นละเอียดไปหมด ออกมือถือใหม่มาจำนวนมาก เป็นซีรีส์เน้นราคาที่เข้าถึงง่าย สเปคแรงพอการใช้งานพื้นฐาน แบตเยอะหลัก 5000mAh มีการแบ่งตระกูลจากเลขหลักสิบ เช่น A90, A70, A50 เป็นต้น แล้วรุ่นใหม่ที่ออกมาก็จะปรับเลขหลักหน่วยแทนครับ

OPPO AX Pro – รุ่นกลางสเปคดีที่สุดของตระกูล A

รุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่มีแค่เลขหลักหน่วยอย่างเดียว แถมพ่วงคำว่า Pro มาด้วย แต่ว่าสเปคมาเหนือกว่ารุ่นหลักสิบขึ้นไปอย่างมาก ถือว่าเทพที่สุดเลยทีเดียว หน้าจอเป็น OLED FHD+ 120Hz กล้องชัดหลัก 100MP แต่กล้องอื่นให้มาเหมือนตกแต่งเฉย ๆ ไม่ค่อยจำเป็น ส่วนชิปใช้เป็นระดับกลางตัวสูงขึ้นมาหน่อย เป็นตระกูลที่เพิ่งเปิดไลน์มาใหม่ มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO A1 Pro

OPPO A90 – มือถือระดับกลาง สเปคน่าใช้

หากต้องการมือถือในซีรีส์ A ที่สเปคดีสุด ก็ต้องมาดู หลัก A90 ที่แม้จอจะเป็น 60/90Hz แต่จะมีการตอบสนองต่อสัมผัสสูงขึ้นมาจากรุ่นอื่นอยู่ มีความละเอียดระดับ FHD+ แถมยังมีโอกาสได้เป็น AMOLED ด้วย ส่วนกล้องอาจจะมีหลายตัวขึ้นมาหน่อย พร้อมใส่กล้องหน้าความละเอียดสูง 16MP พวกนี้ได้ ขับเคลื่อนด้วยชิประดับกลาง ราว Snapdragon 680 แต่ดูเหมือนรุ่นใหม่ ๆ ต่อไปนี้อาจมากับสเปคเทพขึ้นแล้ว มีรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวเป็น OPPO A96

OPPO A70 – มือถือจอ HD

ถัดมาหลัก A70 จะมีการปรับลดสเปคจอ ความละเอียดอยู่ที่ HD แต่ยังมีโอกาสได้จอ 90Hz อยู่ แต่จะตอบสนองต่อการสัมผัสน้อยลงมาบ้างในบางรุ่น ส่วนชิปข้างในจะขยับไปใช้ชิประดับกลางจาก MediaTek บ้าง แต่ยังมีโอกาสได้ใช้ชิปตัวเดียวกันกับ A90 Series อยู่ เรื่องกล้องหลังอาจไม่ต่างกันมากจาก A90 แต่ว่ากล้องหน้าตันอยู่แค่ 8MP มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO A77s

OPPO A50 – มือถือความแรงพอใช้ทั่วไป

OPPO A50 จะหันไปเจอชิปเริ่มต้น พวก Helio GXX / MTXXX อะไรแบบนี้บ้างแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ก็ขยับไปใช้พวก Dimensity 700 ระดับกลางทั่วไปแล้ว ทำให้แต่เดิมที่เชื่อมต่อได้แค่ 4G จะขยับขยายมา 5G แล้ว ลดระดับกล้องเหลือความละเอียดราว 13MP และมีกล้องอื่น ๆ เล็ก ๆ 2MP แถมมาด้วย กล้องหน้าส่วนใหญ่ก็ 8MP แต่บางทีอาจมี 16MP หลุดมาบ้าง และจะเริ่มมีบางรุ่นที่ไม่ได้ชาร์จไวครับ มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO A58

OPPO A10 – น้องเล็กของค่าย

หลัก 10 จะเจอชิป Helio GXX เหมือนกัน แต่ลด RAM ROM ไปบ้าง หน้าจอความละเอียดได้ LCD HD+ แต่ปกติแล้ว 60Hz แม้มีการปรับเพิ่มถึง 90Hz ในรุ่นใหม่ ๆ บ้างแล้ว กล้องอาจมีมาให้ตัวเดียว กล้องหน้า 5MP แต่แบตแน่นอนว่าให้มาเยอะ 5000mAh แต่ไม่มีชาร์จไวให้นะ มีรุ่นล่าสุดเป็น OPPO A17K

ทั้งนี้ ระดับของ OPPO A มาการออกรุ่นใหม่ ๆ และทยอยอัปเกรดสเปคกันไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ารุ่นไหนจะมีสเปคประมาณใด ให้คาดการณ์เอาจากช่วงเปิดตัว และเลขหลักหน่วย ยิ่งเลขสูง เปิดตัวไม่นาน ก็จะมีสเปคดีขึ้น จนอาจเกินตามปกติที่เคยมีมาได้ครับ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการอธิบายซีรีส์มือถือของ OPPO ซึ่งดูจากซีรีส์หลักแล้วไม่ค่อยซับซ้อน มีการแบ่งไลน์กันชัดเจน แต่อาจจะมามึน ๆ เวลาดูพวกตระกูล A หน่อย เพราะจัดสเปคสับไปมาในแต่ละเวอร์ชัน ทำให้ดูแค่หลักเลขแล้วไม่การันตีว่าเป็นรุ่นดีที่สุด ก็หวังว่าจะพอเห็นภาพเวลาเลือกซื้อมือถือ OPPO กันต่อไปครับ

from:https://droidsans.com/oppo-smartphone-series-explained/

ย้อนรอย OPPO Reno Series มือถือสายกล้องจาก Selfie Expert สู่ The Portrait Expert เตรียมต้อนรับ OPPO Reno7 Series 5G

ถ้าเอ่ยถึงชื่อมือถือ OPPO คาดว่าหลาย ๆ คนต้องนึกถึงเรื่องของกล้องหน้าที่มักจะจัดเต็มมาให้ทั้งสเปคและฟีเจอร์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจสายเซลฟี่ ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดของตัวกล้องเองหรือฟีเจอร์หลากหลายที่จะช่วยให้การเซลฟี่ออกมาเนียนใสเป็นธรรมชาติถูกใจหนุ่ม ๆ สาว ๆ โดย อีกไม่นานนี้ OPPO ก็กำลังจะเปิดตัวมือถือใหม่ที่มีกล้องเทพ ๆ ทั้งหน้าและหลังอย่างซีรีส์ Reno7 ออกมาด้วย…แต่ก่อนที่มือถือรุ่นดังกล่าวจะมาถึง เรามาลองย้อนรอยกันหน่อยดีกว่าว่า OPPO เคยมีนวัตกรรมเจ๋ง ๆ ในด้านการถ่ายภาพแบบไหนมาแล้วบ้าง

OPPO F Series จุดเริ่มต้นมือถือสายกล้องหน้า Selfie Expert

OPPO F1 

OPPO เริ่มเน้นพัฒนามือถือเอาใจสายเซลฟี่รุ่นแรก ๆ มาตั้งแต่ปี 2016 เริ่มจาก OPPO F1 Series ที่เปิดตัวมากับฉายา Selfie Expert ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 8MP พร้อมโหมด Beauty เกลี่ยผิวใสแบบเนียน ๆ ได้ใจสาว ๆ แถมยังมากับค่าตัวที่แสนจะคุ้มค่าอีกด้วย

OPPO F5

ในช่วงปลายปี 2017 เป็น OPPO F5 ซึ่งคราวนี้เป็นมือถือซีรีส์ OPPO F ที่มีกล้องเซลฟี่ได้รับการอัปเกรดมาใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ด้วยฟีเจอร์ A.I. Beauty ช่วยให้การเกลี่ยผิวหน้ามีความเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม เพราะระบบ AI จะตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้กว่า 200 ตำแหน่ง เพื่อทำการปรับแต่งแสงสีให้เหมาะกับใบหน้าที่สุด ไม่ออกมาขาววอกหน้าลอยคนละสีกับคอ หรือผิวเนียนจนเหมือนกระดาษ แถมยังถ่ายเซลฟี่แบหน้าชัดหลังเบลอได้เนียน ๆ อีกต่างหาก

OPPO F7

หลังจากนั้นในปี 2018 ก็มี OPPO F7 ตามออกมาอีก รุ่นนี้มากับฟีเจอร์ AI Beauty 2.0 อัปเกรดให้ระบบ AI แต่งใบหน้าได้ฉลาดกว่าเดิม เพราะสามารถแยกแยะได้แล้วว่าเป็นใบหน้าของผู้หญิงหรือผู้ชาย หากหนุ่ม ๆ ลุคคมเข้ม แต่อยากจะเกลี่ยหน้าเนียนก็ทำได้แบบที่หนวดไม่โดนลบหาย และปากไม่โดนทาจนแดงเหมือนรุ่นที่แล้ว พร้อมกับเสริมพลังของกล้องเซลฟี่ 25MP ด้วยการใส่เซนเซอร์ HDR เข้ามาช่วยในการปรับแต่งแสงสีพร้อมเพิ่มมิติโดยรวมให้กับการถ่ายเซลฟี่ด้วย

นอกจากนี้ดีไซน์ตัวเครื่อง OPPO F7 ยังถูกออกแบบมาให้มีความพรีเมี่ยมทั้งหน้าจอขอบโค้ง 2.5D และฝาหลัง Glossy Unique Design เป็นผิวกระจกมันวาว ส่วนเครื่องสีดำ Diamond Black จะโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยฝาหลังแบบ Diamond Cut ที่เป็นลวดลายหน้าตัดเหมือนกับเพชรยังไงยังงั้น

OPPO F9

OPPO F9 Series เปิดตัวออกมาหลังจากรุ่นก่อนไม่กี่เดือน อัปเกรดด้วยกล้องเซลฟี่ความละเอียดสูง 25MP, เซนเซอร์ HDR และฟีเจอร์ AI Beauty 2.1 ที่ฉลาดขึ้นมาอีกขั้น พร้อมกับฟีเจอร์ AR Sticker มาให้ใช้เล่นกับการถ่ายเซลฟี่ได้สนุก ๆ อีกด้วย 

จุดเด่นอีกอย่างของ OPPO F9 นอกจากเรื่องกล้องแล้ว ยังมีระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge ที่ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 5 นาที ก็สามารถคุยโทรศัพท์ได้ยาว ๆ ถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

OPPO F11 Pro

และในปี 2019 ก็มี OPPO F11 Pro ออกมา โดยรุ่นนี้มีรูปร่างหน้าตาที่ดูหรูหราพรีเมี่ยมมากขึ้น แถมยังมีกล้องหน้าป๊อปอัพ Rising Camera ความละเอียด 16MP ที่มีระบบ AI Beauty ฉลาดกว่าเดิม สามารถถ่ายภาพได้แบบชัดเจนสว่างไสวแม้ในที่แสงน้อย

นอกจากนี้ OPPO F11 Pro ยังเริ่มอัปเกรดจากมือถือเน้นกล้องหน้าอย่างเดียว มาเป็นมือถือที่มีจุดเด่นอยู่ที่การถ่ายภาพแบบ Portrait เป็นครั้งแรกของค่าย ด้วยกล้องหลังความละเอียดสูง 48MP ที่ใช้เทคโนโลยี 4 in 1 Pixel Binding ทำให้ถ่ายภาพแสงน้อยได้วามกว่าเดิม ซึ่งความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยของมือถือรุ่นนี้ ทำได้ดีทั้งการถ่ายภาพปกติ, ถ่ายเซลฟี่ และการถ่ายแบบ Portrait เลยล่ะ

OPPO Reno Series อัปเกรดเทคโนโลยีการถ่ายภาพด้วยมือถือ

OPPO Reno / Reno 10x Zoom

มือถือซีรีส์ใหม่อย่าง OPPO Reno Series เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยรุ่นแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2019 ด้วยสเปคต่าง ๆ ที่จัดเต็มทั้งหน้าจอ AMOLED, สแกนนิ้วใต้จอ, ลำโพงคู่, กล้องหลัง 48MP และกล้องหน้าป๊อปอัพดีไซน์สุดเท่สุดแหวกแนว Pivot Rising Camera เหมือนครีบฉลาม

นอกจากนี้ยังมี OPPO Reno 10x Zoom ที่มากับกล้องหลังสุดเทพซูมแบบ Hybrid ได้สูงสุดถึง 10 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้สุด ๆ ถึง 60 เท่ากันไปเลย

OPPO Reno2 Series

มือถือภาคต่ออย่าง OPPO Reno2 Series ก็มาเปิดตัวในบ้านเราเมื่อช่วงปลายปี 2019 โดยมีทั้งรุ่น Reno2 F และ Reno2 ที่จัดเต็มในด้านการถ่ายภาพทั้งจากกล้องหลังและกล้องเซลฟี่อีกเช่นเคย

OPPO Reno3 Series

และในปี 2020 OPPO Reno3 Pro ก็เข้ามาเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในบ้านเรา โดยคราวนี้จัดเต็มเรื่องการถ่ายเซลฟี่แบบสุด ๆ เพราะเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่มากับกล้องหน้าความละเอียดสูงปรี๊ดถึง 44MP แถมยังเป็นกล้องหน้าคู่บวกเซนเซอร์จับความลึก 2MP มาให้เพื่อช่วยในการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอเนียนเป็นธรรมชาติกว่าเดิม พร้อมมีโหมด Ultra Night Selfie ให้หน้าตาออกมาสดใสวิ้งวับ แม้อยู่ในที่แสงน้อย ด้วยความสามารถของระบบ AI

ส่วนกล้องหลังก็เทพไม่แพ้กัน เพราะให้มาถึง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP + กล้อง Telephoto 2X ความละเอียด 13MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้อง Monochrome 2MP มากับโหมดซูมแบบ Hybrid 5X และซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20X


OPPO Reno4

ในปี 2020 ทาง OPPO ก็เปิดตัว Reno4 Series 5G ในประเทศไทย ด้วยสโลแกน Clearly the Best You โดยมาให้เลือกทั้งรุ่นราคาย่อมเยา Reno4 Z 5G ที่มีจุดเด่นตรงกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดกล้องหลัก 48MP และยังมากับกล้องหน้าคู่ 16MP + 2MP ไว้ถ่ายเซลฟี่กันได้แบบงาม ๆ

และยังมีตัวท็อปอย่าง Reno4 Pro 5G มาเปิดตัวในปีเดียวกัน ซึ่งรุ่นนี้จะจัดเต็มมากกว่าทั้งด้านสเปคเครื่องและสเปคกล้องหน้า-หลัง โดยกล้องหน้าให้มาทั้งหมด 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP พร้อมระบบกันสั่น OIS และ EIS คู่กับฟีเจอร์ Ultra Steady Video 3.0 เพิ่มความเนียนสุด ๆ ให้กับการถ่ายวิดีโอ 

OPPO Reno4 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น มากับจุดเด่นอยู่ที่ฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพแบบ Portrait หรือหน้าชัดหลังเบลอซึ่งใช้ระบบ AI ในการประมวลผลภาพวัตถุและภาพพื้นหลัง ทำให้สามารถแยกความลึกของภาพได้เนียนและเป็นธรรมชาติกว่า

โดยเฉพาะฟีเจอร์ AI Color Portrait ที่จะใส่ลูกเล่นสนุก ๆ ได้มากกว่าแค่การทำให้พื้นหลังเบลอ เพราะฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีขาว-ดำ ในขณะที่วัตถุด้านหน้ายังคงสีสันเดิมไว้ เพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพมากขึ้นไปอีก แถมฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้กับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังก็ได้อีกต่างหาก

OPPO Reno5 Series

เมื่อช่วงต้นปี 2021 ทาง OPPO ก็จัดเต็มด้วยการเปิดตัวพร้อมวางจำหน่าย OPPO Redno5 Series ถึง 3 รุ่น ได้แก่ Reno5, Reno5 5G และตัวท็อป Reno5 Pro 5G ด้วยสโลแกน Picture Life Together ซึ่งมือถือซีรีส์นี้มีจุดเด่นอยู่ที่กล้องหน้า-กล้องหลังงาม ๆ อีกเช่นเคย

แต่เจ๋งขึ้นมาอีกขั้นด้วยฟีเจอร์ในการถ่ายภาพแบบ Portrait แบบใหม่ เช่นฟีเจอร์ AI Mixed Portrait ที่สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายหรือวิดีโอแบบเท่ ๆ ติสท์ ๆ ได้จากหลังกล้อง ไม่ต้องเอาไปแต่งต่อบนคอมพิวเตอร์หรือแอปอื่น ๆ ให้ยุ่งยาก โดยฟีเจอร์ AI Mixed Portrait จะเป็นการนำภาพนิ่งหรือวิดีโอมาซ้อนกัน อย่างเช่นเอาคลิปวิดีโอกราฟิกงาม ๆ มาเป็นพื้นหลัง แล้วถ่ายวิดีโอที่เป็นรูปร่างคนมาทับอีกทีนึง จากนั้นระบบ AI จะตัดขอบรูปร่างออกเพื่อให้วิดีโอกราฟิกด้านหลังเด่นขึ้นมา หรือจะเอาไปใช้จินตนาการสร้างสรรค์เป็นรูปแบบอื่น ๆ ก็ได้

หรือจะเป็นโหมด Dual View Video ที่เหมาะสุด ๆ สำหรับ vloger เพราะโหมดนี้จะทำให้เราสามารถบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าและกล้องหลังไปพร้อม ๆ กันได้เลย

OPPO Reno6 Series

สุดท้ายกับ OPPO Reno6 Series ที่พึ่งวางขายในบ้านเราไปตั้งแต่ช่วงกลางปีจนถึงช่วงปลายปี 2021 นี่เอง มีทั้ง OPPO Reno6 Z 5G, Reno6 5G และ Reno6 Pro 5G ซึ่งคราวนี้มากับความสามารถในการถ่าย Portrait ได้แบบเนียน ๆ ทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอ

พร้อมลูกเล่น Bokeh Flare Portrait ที่จะทำให้แสงระยิบระยับจากพื้นหลังดูเป็นธรรมชาติเหมือนถ่ายจากกล้องระดับมืออาชีพ แถมยังทำได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอีกด้วยนะเออ!

จากมือถือที่เริ่มต้นด้วยการเป็น Selfie Expert ในซีรีส์ F และได้ถูกพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็น Portriat Expert สำหรับซีรีส์ Reno ในปัจจุบัน จะเห็นว่า OPPO เค้าเน้นไปที่ประสิทธิภาพของเรื่องกล้องหน้าและกล้องหลังแบบจัดเต็มสุด ๆ จนมือถือค่ายนี้เรียกว่าได้ใจผู้ใช้งานที่ชอบถ่ายภาพ + วิดีโองาม ๆ ไปแบบเต็ม ๆ

และสำหรับใครที่กำลังรอการมาถึงของมือถือภาคต่ออย่าง OPPO Reno7 Series ที่พึ่งเปิดตัวในจีนไปเมื่อตอนปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็คาดว่าจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในอีกไม่นานนี้ด้วย แน่นอนว่าสเปคต่าง ๆ โดยเฉพาะจุดเด่นในเรื่องการถ่ายภาพ Portrait เนี่ย…ยังจัดหนักจัดเต็มอยู่แน่นอน โดยกำหนดการเปิดตัวของ OPPO Reno7 Series แบบ Global ก็คือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ส่วนการเปิดตัวในบ้านเราต้องรออัปเดตกันอีกที แต่ไม่นานเกินรอแน่นอนครับ

 

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3AecElV, https://bit.ly/33NOTVk

from:https://droidsans.com/oppo-reno-series-selfie-expert-portrait-expert/

เปิดตัว OPPO Reno5 4G ใช้ Snapdragon 720G กล้องหลัง 4 ตัว

ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ OPPO ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ OPPO Reno5 5G มีทั้งหมด 3 โมเดล ได้แก่ Reno5 5G, Reno5 Pro 5G และ Reno5 Pro+ แต่สำหรับคนที่ไม่ต้องการ 5G, OPPO ก็ได้เปิดตัวรุ่น 4G ออกมาเป็นทางเลือกด้วย

OPPO เปิดตัว OPPO Reno5 4G โดยมีสเปกดังนี้

  • หน้าจอ AMOLED 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ 2400 x 1080 พิกเซล รีเฟรชเรต 90Hz
  • มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
  • ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 720G รองรับการเชื่อมต่อ 4G
  • แรมชนิด LPDDR4x 8GB
  • ความจุภายในเครื่อง 128GB รองรับการเพิ่มความจุด้วย microSD

กล้องหลังของ OPPO Reno5 4G มีทั้งหมด 4 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลักความละเอียด 44 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์โมโนโครมความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล

ตัวเครื่องแบตเตอรีความจุ 4,310mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 50W ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1 ไม่เพียงแค่เปิดตัว คาดว่า OPPO จะเปิดตัว OPPO Reno5 ทุกรุ่นแบบ Global ในเร็ว ๆ นี้ โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศจีนจะใช้ชิป Dimensity 1000+ ส่วนรุ่นที่วางจำหน่ายแบบ Global ใช้ Snapdragon 765G แทน

ข่าว: เปิดตัว OPPO Reno5 4G ใช้ Snapdragon 720G กล้องหลัง 4 ตัว มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/12/30/oppo-reno5-4g-unveiled.html

เปิดตัว OPPO Reno 5 Pro+ มาพร้อม Snapdragon 865 กล้องหลัง 50MP

ในการเปิดตัว OPPO Reno 5 และ OPPO Reno 5 Pro นั้นทาง OPPO บอกว่ายังมีรุ่น Pro+ เหลืออยู่อีก (ยังไม่แน่ใจว่าทำไมต้องแยกกัน) ซึ่งวันนี้ OPPO ก็ได้เปิดตัวเรือธงรุ่นใหม่อย่าง OPPO Reno 5 Pro+ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

OPPO Reno 5 Pro+

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล รีเฟรชเรตหน้าจอ 90Hz ความสว่างหน้าจอ 1,100nits
  • ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 865
  • แรมมีให้เลือกระหว่าง 8GB และ 12GB
  • ความจุภายในเครื่องมีให้เลือกระหว่าง 128GB และ 256GB ชนิด UFS 3.1 ไม่รองรับ microSD

กล้องหลังของของ OPPO Reno 5 Pro+ มีความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ของ Sony IMX766 รูรับแสงขนาด f/1.8 มีกันสั่นภายในตัว + กล้อง Telephoto 13MP + กล้อง Ultra-wide 16MP + กล้องมาโคร 2MP ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 32ล้านพิกเซล

ตัวเครื่องมีแบตเตอรีความจุ 4,500 mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 2.0 65W รวมถึงการชาร์จให้อุปกรณ์อื่นหรือ Reverse Charge ด้วย รองรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ระบบเสียง Doly Atmon มาพร้อมกับ Android 11 ครอบด้วย ColorOS 11

ราคา

  • รุ่นความจุ 8/128GB ราคา 3,999 หยวน หรือราว 18,400 บาท
  • รุ่นความจุ 12/256GB ราคา 4,499 หยวน หรือราว 20,700 บาท

เริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 18 มกราคมนี้

ข่าว: เปิดตัว OPPO Reno 5 Pro+ มาพร้อม Snapdragon 865 กล้องหลัง 50MP มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/12/24/oppo-reno-5-pro-plus-unveiled.html

เผยสเปค OPPO Reno 5 Series มาพร้อมจอขอบโค้ง และกล้องหลัง 4 ตัว 64MP เตรียมเปิดตัววันที่ 10 ธันวาคมนี้

ใกล้เผยโฉมเต็มทีแล้วสำหรับมือถือ OPPO Reno 5 Series หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับสเปคหลุดออกมา ล่าสุดก็ได้มีข้อมูลและภาพเรนเดอร์อย่างเป็นทางการเผยออกแล้วทั้งหมด 2 รุ่น คือ Reno5 5G และ Reno5 Pro 5G โดยทั้งคู่มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP และหน้าจอแบบขอบโค้งในรุ่น Pro นอกจากนี้ยังเผยถึงวันเปิดตัวด้วยคือ วันที่ 10 ธันวาคมนี้ครับ

OPPO ได้เปิดเผยสเปคคร่าวๆของ OPPO Reno 5 Series อย่างเป็นทางการแล้วผ่านเว็บไซต์ของ OPPO เอง และยังเปิดให้พรีออเดอร์แบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ JD.com ของจีนด้วย ซึ่งจากข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า OPPO จะมาเปิดตัวรุ่นใหม่นี้พร้อมกันถึง 3 รุ่น คือ Reno5 5G, Reno5 Pro 5G และ Reno5 Pro Plus 5G แต่ในตอนนี้พึ่งเปิดให้สั่งจองแค่เพียงรุ่น Reno5 5G กับรุ่น Reno5 Pro 5G เท่านั้น

(OPPO Reno5 5G)

ซึ่ง Reno5 5G กับ Reno5 Pro 5G มีความคล้ายกันอยู่หลายจุด เช่น รองรับ 5G, หน้าจอรีเฟรช 90Hz, โมดูลกล้องหลังสี่เหลี่ยมผืนผ้า 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP, RAM 8GB กับ 12GB, หน่วยความจำ 128GB กับ 256GB, รองรับชาร์จไว 65W, พอร์ต USB Type-C และรูหูฟังขนาด 3.5 รวมไปถึงมีการเจาะรูบริเวณมุมซ้ายของหน้าจอเพื่อวางกล้องเซลฟี่เหมือนกันทั้งสองรุ่น

(OPPO Reno5 Pro 5G)

สำหรับความแตกต่างจะอยู่ที่ Reno5 5G จะใช้หน้าจอ OLED แบบแบนราบขนาด 6.43 นิ้ว และคาดว่าจะใช้ชิป Snapdragon 765G, Reno5 Pro 5G จะใช้หน้าจอ OLED ขอบโค้งขนาดใหญ่กว่านิดหน่อยที่ 6.55 นิ้ว พร้อมชิป Dimensity 1000+

ส่วนรุ่นท็อปสุดอย่าง Reno5 Pro Plus 5G ที่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้พรีออเดอร์ด้วยอาจจะมาพร้อมกับชิปที่แรงกว่าอย่าง Snapdragon 865


ทั้งสองรุ่นจะมีสีให้เลือกด้วยกันถึง 3 สี ได้แก่ Galaxy Dream, Aurora Blue และ Moonlight Nigh โดยยังคงฝช้ดีไซน์ฝาหลังคล้ายกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Reno4 Series อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยราคาและสเปคอื่นๆ ออกมา เอาเป็นว่าใครที่สนใจมือถือซีรีส์นี้ต้องมารอติดตามกันในงานเปิดตัวแบบออนไลน์ วันที่ 10 ธันวาคมนี้ครับ

 

ที่มา : GSMArena via OPPO

from:https://droidsans.com/oppo-reno-5-series-specs-images-revealed-launch-in-december/

หลุดสเปคเพิ่มเติม OPPO Reno 5 คาดเตรียมเปิดตัวภายในเดือนธันวาคม 2020

แม้ว่าตอนนี้มือถือ OPPO Reno 5 จะยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีชื่อโผล่อยู่ในรายชื่อของมือถือที่ผ่านการรับรองจาก กสทช. เรียบร้อยแล้ว แถมล่าสุดยังมีข้อมูลสเปคเพิ่มเติมหลุดออกมาอีกด้วย โดยจะมีทั้งรุ่นที่ใช้เครือข่าย 4G และ 5G แถมยังมีรุ่นท็อปที่จะมากับชิป Snapdragon 870 ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับ OPPO โดยเฉพาะอีกด้วย 

โดยจากข้อมูลที่หลุดออกมานั้นบอกว่ามือถือรุ่น Reno 5 จะมีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย คือรุ่น 4G ที่ใช้ชิป Snapdragon 720G รองรับการชาร์จไว SuperVOOC 50W และรุ่น 5G จะใช้ชิป Snapdragon 765G ที่รองรับการชาร์จไว SuperVOOC 65W

OPPO Reno 5

ยังมี Reno 5 Pro ที่ใช้ชิป Snapdragon 765G สำหรับเครื่องที่ขายแบบ Global กับรุ่นที่ใช้ชิป Dimensity 1000+ สำหรับขายในจีนด้วย

OPPO Reno 5 Pro

ส่วนตัวท็อป Reno 5 Pro+ จะมาพร้อมกับชิป Snapdragon 870 ซึ่งเป็นชิปรุ่นพิเศษที่พัฒนามาสำหรับ OPPO โดยเฉพาะ (ประสิทธิภาพประมาณ Snapdragon 865+ รุ่นอัปเกรด) มีกล้องหลังใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX689 ความละเอียด 48MP โดยคาดว่ารุ่นท็อปนี้จะวางขายเฉพาะในจีนเท่านั้นค่ะ

นอกจากนี้ทางแหล่งข่าวยังวิเคราะห์ว่าการที่ OPPO รีบเปิดตัว Reno 5 Series ภายในปี 2020 ก็เพราะหวังว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับมือถือซีรีส์นี้มากขึ้นนั่นเอง (อย่างที่ Samsung เคยเปิดตัว Galaxy A51 และ A71 เมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า)

แฟนๆ OPPO ก็ต้องมารอดูกันว่ามือถือซีรีส์ OPPO Reno 5 ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนธันวาคมนี้ จะออกมาเป็นอย่างไร น่าใช้แค่ไหน และจะเอาเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเรากี่รุ่นบ้าง

 

ที่มา : GizmoChina (1,2)

from:https://droidsans.com/rumors-oppo-reno5-series-global-launch-in-december/

หลุดสเปค OPPO Reno 5 มาพร้อมจอ OLED 6.4 นิ้ว, ชิป Dimensity 800 5G, แบต 4200mAh, ชาร์จไว 65W

มีข่าวลือออกมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้วว่า สมาร์ทโฟนจากซีรีส์ Reno 5 ของ OPPO จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น คือ OPPO Reno 5, OPPO Reno 5 Pro และ OPPO Reno 5 Pro Plus ซึ่งล่าสุดก็ได้มีข้อมูลสเปคแบบชุดใหญ่ของ Reno 5 เผยออกมาแล้ว โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอ 6.4 นิ้ว ชิป Dimensity 800 5G แบต 4200mAh รองรับชาร์จไว 65W

ข้อมูลสเปคของ OPPO Reno 5 ดังกล่าว มีที่มาจากเอกสารบนหน้าเว็บไซต์ของ TENAA (กสทช.ประเทศจีน) เผยให้เห็นรายละเอียดที่สำคัญของตัวเครื่อง ได้แก่ จอภาพขนาด 6.4 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 4200mAh รองรับชาร์จไว 65W มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS บน Android 11 และมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.1×73.4×7.9 มม.

นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมจาก Digital Chat Station นักปล่อยข่าวหลุดชื่อดังอีกด้วยว่า OPPO Reno 5 เลือกใช้พาแนลจอเป็น OLED ที่มีรีเฟรชเรท 60Hz และมีอัตราตอบสนองการสัมผัส 180Hz ในขณะที่ชิปเซ็ตเป็น Dimensity 800U จาก MediaTek โดยมีความเร็วอยู่ที่ 2.4GHz และรองรับ 5G ในตัว

กล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ OPPO Reno 5 ประกอบด้วย กล้องหลัก 64 MP + กล้อง Ultra-wide 8MP + กล้องมาโคร 2MP + กล้องจับความลึก 2MP

สเปค OPPO Reno5 (ไม่เป็นทางการ)

  • หน้าจอ : OLED ขนาด 6.43 นิ้ว, ความละเอียด Full HD+, อัตรารีเฟรช 60Hz
  • ชิป : MediaTek Dimensity 800 5G
  • กล้องหลัง :
    -Main 64 MP
    -Ultra Wide 8 MP
    -Macro 2 MP
    -Mono 2 MP
  • เซ็นเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
  • แบตเตอรี่ : 4200mAh, รองรับชาร์จไว 65w
  • ขนาด:  159.1 x 73.4 x 7.9 มม.
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS บน Android 11

น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีทั้งรูปภาพตัวเครื่อง OPPO Reno 5 รวมถึงข้อมูลเรื่องราคาและการวางจำหน่าย แต่มีการคาดการณ์ว่า สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO นี้จะพร้อมวางขายในช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่ก็ต้นปีหน้า ยังไงแล้วเราคงต้องรอติดตามไปพร้อม ๆ กันค่ะ

 

ที่มา : GSMArena, Digital Chat Station

from:https://droidsans.com/oppo-reno5-specs-leaks/