คลังเก็บป้ายกำกับ: ONEPLUS_6T

OnePlus 11 เวอร์ชั่น Global ปรากฎบนแอป Geekbench มาพร้อมชิป Snapdragon 8 Gen 2 และ RAM 16GB ก่อนเปิดตัว 7 ก.พ.นี้

OnePlus 11 เปิดตัวแล้วในประเทศจีนไปเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา และกำลังจะเปิดตัวในตลาดโลกอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 ในงาน Cloud 11 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย

ล่าสุดมีผลทดสอบประสิทธิภาพของ OnePlus 11 เวอร์ชั่น Global ปรากฎบนแอป GeekBench พร้อมยืนยันสเปกออกมาแล้ว

สำหรับสเปกของ OnePlus หมายเลขรุ่น CPH2451 ที่ปรากฎบนแอป GeekBench 5 ซึ่งคาดว่าจะเป็น OnePlus 11 เวอร์ชั่น Global ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.02GHz

มาพร้อมชิปเซ็ท Snapdragon 8 Gen 2 SoC จับคู่กับ RAM 16GB, รันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 740 GPU และเป็นผลทดสอบสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา

ส่วนคะแนนทดสอบประสิทธิภาพนั้นได้ 1468 คะแนน สำหรับ Single-Core และ 4965 คะแนน สำหรับ Multi-Core ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ที่มา : Gsmarena

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/oneplus-11-global-variant-appears-on-geekbench/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=oneplus-11-global-variant-appears-on-geekbench

OnePlus หยุดปล่อยอัปเดตให้ OnePlus 6 แล 6T อย่างเป็นทางการ หลังครบวาระ 3 ปี ตามกำหนด

ตัวแทนของ OnePlus ได้ยืนยันผ่านคอมมูนิตีอย่างเป็นทางการว่า OnePlus 6 และ 6T ได้สิ้นสุดระยะเวลาการสนับสนุนทางด้านซอฟต์แวร์แล้ว หลังเปิดตัวในพฤษภาคมและตุลาคมปี 2561 ตามลำดับ โดยนับแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่มีการปล่อยอัปเดตออกมาให้อีก ทั้งในส่วนของระบบปฏิบัติการและแพตช์ความปลอดภัยประจำเดือน

สำหรับ OnePlus 6 นั้นออกจากโรงงานมาพร้อม Android 8.1 Oreo ในขณะที่ OnePlus 6T มากับ Android 9 Pie การอัปเดตครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ได้จบลงใน OxygenOS 11.1.2.2 บนพื้นฐาน Android 11 พ่วงมากับแพตช์ความปลอดภัยเดือนธันวาคม

เดิมที OnePlus รับประกันการอัปเดตซอฟต์แวร์ 3 ปีเฉพาะแพตช์ความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว ส่วนระบบปฏิบัติการการันตีที่ 2 ปีในเรือธง แม้จะมีการปรับนโยบายใหม่ ขยายเวลาเพิ่มขึ้นอีกอย่างละ 1 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่มีผลย้อนหลังไปถึงแค่ซีรีส์ OnePlus 8 ดังนั้นตั้งแต่ซีรีส์ OnePlus 7 ลงไปยังยึดตามกรอบเวลาเดิม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ OnePlus 6T ได้รับการอัปเดตเพียง 2 เวอร์ชันเท่านั้น

 

ที่มา : OnePlus

from:https://droidsans.com/oneplus-6-6t-end-software-support/

ช่างภาพชาวอินเดีย อวดถ่ายภาพมดและแมลงขนาดเล็ก โดยใช้สมาร์ทโฟนรุ่นเก่า

Sasi Kumar ช่างภาพและนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวอินเดีย วัย 20 ปี ได้แชร์ภาพถ่ายที่ทำให้เราได้เห็นโลกใบจิ๋วของมดและแมลงตัวเล็กๆ ซึ่งรูปภาพทั้งหมดถ่ายโดยกล้องของสมาร์ทโฟน OnePlus 6T และ Redmi Note 3 ที่เสริมด้วยเลนส์มาโคร

Sasi Kumar ใช้เวลาว่างเดินไปตามทุ่งหญ้ารอบเมือง เพื่อจับภาพแมลงต่างๆ โดยเขาเปิดเผยว่า ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เนื่องจากต้องค่อยๆ ขับกล้องเข้าใกล้แมลงเหล่านั้น ถ้าหากรีบร้อนเกินไป แมลงก็จะหนีไป อีกทั้งแมลงยังไม่อยู่กับที่เป็นเวลานาน จึงมีโอกาสพลาดช้อตสำคัญได้ง่าย รวมถึงสายลมที่พัดแรง เสียงดัง และพื้นที่ที่ไม่มั่นคง ก็เป็นอุปสรรคสำคัญในการถ่ายภาพเหล่านี้

ทั้งนี้ OnePlus 6T เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2018 มาพร้อมกล้องคู่หลัง 16 + 20 ล้านพิกเซล ส่วน Redmi Note 3 เปิดตัวในอินเดีย เดือนมกราคม 2016 มาพร้อมกล้องหลังตัวเดียว 16 ล้านพิกเซล และใช้ชิป Snapdragon 650

ที่มา – PetaPixel
https://www.flashfly.net/wp/281228

from:https://www.flashfly.net/wp/281228

อัพเดท Oxygen OS เวอร์ชั่นใหม่ สำหรับ OnePlus 6 และ OnePlus 6T เพิ่มฟีเจอร์ Screen Recorder สำหรับอัดวิดีโอบนหน้าจอ

OnePlus ปล่อยแพทช์อัพเดท Oxygen OS รุ่นใหม่เวอร์ชั่น 9.0.7 สำหรับ OnePlus 6 และ 9.0.15 สำหรับ OnePlus 6T ซึ่งมีทั้งการปรับปรุงความปลอดภัยของเดือนมิถุนายน และการปรับปรุงส่วนอื่นๆ แถมยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Screen Recorder สำหรับอัดวิดีโอบนหน้าจอได้โดยไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมอีกด้วย

แน่นอนว่าการอัพเดทแพทช์ตัวดังกล่าวนี้ก็จะมาพร้อมกับแพทช์รักษาความปลอดภัยล่าสุดของเดือนมิถุนายน (2019/6) และยังมีการปรับปรุงความลื่นไหลของการหมุนหน้าจออีกด้วย นอกจากนี้พระเอกของเราในแพทช์อัพเดทนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฟีเจอร์อัดคลิปหน้าจอหรือ Screen Recorder ที่ OnePlus เอามาใส่ในรุ่น 6 และ 6T จนได้ หลังจากที่มีให้ใช้แค่ในรุ่นใหม่อย่าง OnePlus 7 Pro เท่านั้น




ใส่วนการเปิดใช้งาน Screen Recorder ก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เลื่อนแถบการแจ้งเตือนลงมา จากนั้นก็คลิ๊กไปที่ไอคอนรูปดินสอ ขั้นตอนสุดท้ายก็คือเลื่อนไอคอน Screen Recorder ไปไว้ที่แถบด้านบน จากนั้นเวลาเราจะบันทึกคลิปหน้าจอมือถือก็แค่กดที่ปุ่มดังกล่าวเท่านั้น

แพทช์อัพเดทนี้ทาง OnePlus ก็ประกาศว่าจะปล่อยแบบสุ่มเหมือนที่ทำมาตลอดนะครับ มุด VPN ไปก็ไม่น่าจะทำให้ได้รับการอัพเดทไวขึ้นแต่อย่างใด แต่ถ้ารอไม่ไหวจริงๆ.. ใน Google PlayStore ก็จะมีแอปที่ชื่อว่า Oxygen Updater ซึ่งจะคอยแจ้งเตือน หาก OnePlus มีการอัพเดทอะไรใหม่ๆ เข้ามา

Oxygen Updater (Free+, Google Play) →

และหลังจากดาวน์โหลดแพทช์เสร็จแล้ว ก็สามารถเข้าไป install อัพเดทได้เลยที่ Settings > System  > System Updates > ตัวเฟือง > Local Upgrade > คลิ๊กไปที่ไฟล์ที่เราเพิ่งดาวน์โหลดมา เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วครับ 🙂

from:https://droidsans.com/oxygenos-9-0-15-ota-for-the-oneplus-6t-and-oxygenos-9-0-7-ota-for-the-oneplus-6/

เผยโฉม OnePlus 7 จากภาพเรนเดอร์ทางการ ดีไซน์ในภาพรวมยังดูคล้าย OnePlus 6T

เราเคยนำเสนอ ภาพเรนเดอร์ทางการของ OnePlus 7 Pro ให้ได้ชมกันแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งมาพร้อมจอแสดงผลแบบ Full Screen ไร้รอยบาก เพราะใช้กล้องเซลฟี่แบบป๊อปอัพ แต่สำหรับ OnePlus 7 ที่จะได้รับการเปิดตัวพร้อมกันในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ กลับมีดีไซน์ที่ต่างออกไป และยังมีส่วนคล้ายกับ OnePlus 6T

ภาพเรนเดอร์ของ OnePlus 7 แสดงให้เห็นว่ายังมีรอยบากแบบหยดน้ำบนจอแสดงผล สำหรับวางกล้องเซลฟี่เหมือนกับที่เราได้เห็นในปีที่แล้วกับ OnePlus 6T และยังมาพร้อมกล้องคู่หลังเหมือนกันด้วย ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง 2 รุ่นนี้ก็คือ OnePlus 7 ย้ายแฟลชมาไว้ในกรอบกันชนกล้อง ขณะที่ OnePlus 6T วางแยกไว้ด้านล่างกรอบ

สเปก OnePlus 7 vs OnePlus 7 Pro (ยังไม่ทางการ)

ที่มา – WinFuture
https://www.flashfly.net/wp/250582

from:https://www.flashfly.net/wp/250582

รวม 15 รุ่นมือถือได้ทดสอบ Android Q Beta มี ASUS, Nokia, Huawei, OnePlus, Oppo, Realme, Sony, Vivo และ Xiaomi

ในงาน Google I/O 2019 หลังจากได้มีการแนะนำฟีเจอร์ต่างๆ ของ Android Q บนเวทีไปเรียบร้อย แน่นอนว่า Google Pixel ที่เข้าร่วม Beta Program สามารถไปอัพเดทได้ทันที และในรอบนี้ Google ได้เปิดให้มือถืออีก 15 รุ่นได้เข้าร่วมการทดสอบตัวเบต้าด้วย ได้แก่ ASUS, Essential, Nokia, Huawei, LG, OnePlus, Oppo, Realme, Sony, Tecno, Vivo และ Xiaomi

รายชื่อมือถือที่เข้าร่วมโครงการ Android Q Beta 3

  • Asus ZenFone 5Z
  • Essential PH-1
  • HMD Global Nokia 8.1
  • Huawei Mate 20 Pro
  • LG G8 ThinQ
  • OnePlus 6T
  • Oppo Reno
  • Realme 3 Pro
  • Sony Xperia XZ3
  • Tecno Spark 3Pro
  • Vivo X27
  • Vivo NEX S
  • Vivo NEX A
  • Xiaomi Mi Mix 3 5G
  • Xiaomi Mi 9

ในการจะเข้าร่วมทดสอบ Android Q Beta นั้นแต่ละแบรนด์ก็จะมีวิธีการต่างกันไป บางรุ่นก็จะให้ไปลงทะเบียนอัพเดท หรือบางรุ่นก็จะให้ไปโหลด ROM ตัวเต็มมาแฟลชเอาเอง หากใครสนใจก็ลองไปดูได้ที่ https://developer.android.com/preview/devices จากนั้นก็คลิกไปที่รุ่นที่เราใช้งานอยู่เพื่อดูวิธีการทำได้เลย

ที่มา : google

from:https://droidsans.com/android-beta-3-add-15-phone-model-in-the-beta-test/

เปรียบเทียบกล้องเซลฟี่ของ Galaxy S10+, Huawei P30 Pro, iPhone XS Max, Pixel 3, OnePlus 6T, และ LG G8 มาดูกันว่ารุ่นไหนจะทำคะแนนสูงที่สุด

กล้องหน้าของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักที่ผู้ใช้งานให้ความสำคัญพอๆ กับกล้องหลัง ด้วยความนิยมการถ่ายภาพแนวเซลฟี่ที่เพิ่มสูงขึ้น และตอนนี้เรามีตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของสมาร์ทโฟนเรือธงที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในตลาดตอนนี้มาเปรียบเทียบพร้อมกัน 6 รุ่น

เว็บไซต์ Phonearena ได้นำสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S10+, Huawei P30 Pro, Apple iPhone XS Max, Google Pixel 3, OnePlus 6T, และ LG G8 ThinQ มาเปรียบเทียบคุณภาพของกล้องหน้า เพื่อหาคำตอบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นไหนจะถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดีที่สุด พร้อมให้คะแนนในแต่ละรุ่น

แต่ก่อนจะเลื่อนลงไปชมการเปรียบเทียบ เรามาดูกันก่อนว่าสเปกกล้องหน้าของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นเป็นอย่างไรกันบ้าง

  • Samsung Galaxy S10+ มาพร้อมกล้องคู่หน้า ตัวหลัก 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 กล้องรอง RGB Depth ช่วยจับระยะชัดลึก 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2
  • Huawei P30 Pro กล้องหน้าเลนส์เดียว 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0
  • iPhone XS Max กล้องหน้าเลนส์เดียว 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2
  • Pixel 3 มาพร้อมกล้องคู่หน้า 8 ล้านพิกเซล ประกอบด้วยกล้องมุมกว้าง 107 องศา รูรับแสง F2.2 วางคู่กับกล้องเทเลโฟโต้ รูรับแสง F1.8
  • OnePlus 6T กล้องหน้าเลนส์เดียว 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 (เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX 371)
  • LG G8 ThinQ กล้องหน้าเลนส์เดียว 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7

ภาพแรก

ถ่ายภาพเซลฟี่ในช่วงกลางวัน เป็นการถ่ายภาพทั่วไปในสภาพแสงปกติ และไม่มีการเปิดโหมด HDR จากนั้น Phonearena ได้นำภาพที่ได้มา Crop เพื่อพิจารณารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเทคะแนนให้ Samsung Galaxy S10+ เป็นผู้ชนะในภาพนี้ ด้วยคะแนน 9 เต็ม 10

ภาพที่สอง

เป็นการถ่ายเซลฟี่ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของโหมด HDR จากเรือธงทั้ง 6 รุ่น และเป็นอีกครั้งที่ Samsung Galaxy S10+ ทำคะแนนได้ดีที่สุดในฉากนี้ ด้วยคะแนน 8 เต็ม 10

ภาพที่สาม

ถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม โดยมี 2 คนในภาพเดียว ซึ่งหลายคนก็นิยมถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ และ Phonearena ตัดสินว่า Samsung Galaxy S10+ จะถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มออกมาดีที่สุด ด้วยคะแนน 8 เต็ม 10

ภาพที่สี่

ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมด Portrait ที่ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยโหมด Portrait จะเน้นไปที่ใบหน้าบุคคลให้โดดเด่น พร้อมละลายฉากหลัง แต่ดูเหมือนจะมีสมาร์ทโฟนบางรุ่น ที่ทำให้กรอบแว่นตาของนายแบบหายไปบางส่วน และยังเป็น Samsung Galaxy S10+ ที่สามารถทำคะแนนได้ดีที่สุดในฉากนี้ ด้วยคะแนน 8 เต็ม 10

ภาพที่ห้า

ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน โดยทีมงานของ Phonearena พยายามใช้แสงจากหลอดไฟสีแดงเข้ามาช่วย และผลปรากฏว่า OnePlus 6T ได้รับคะแนนสูงที่สุดในฉากนี้ ด้วยคะแนน 7.5 เต็ม 10 เฉือน Pixel 3 ที่ได้คะแนน 7 เต็ม 10 ส่วน Galaxy S10+ ที่ทำได้ดีมาตลอดในช่วงตอนกลางวัน ฉากนี้ได้รับคะแนนไป 3.5 เต็ม 10

ภาพที่หก

ยังเป็นการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน แต่ใช้แสงแฟลชช่วยเพิ่มความสว่าง และ OnePlus 6T ยังให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ด้วยคะแนน 9 เต็ม 10

สรุปคะแนน

ถึงแม้ Samsung Galaxy S10+ จะทำคะแนนได้ดีที่สุดในหลายภาพ แต่ก็มาเสียคะแนนไปกับภาพถ่ายในช่วงเวลากลางคืน ทำให้ Pixel 3 ซึ่งไม่เคยชนะใครในภาพถ่ายชุดนี้เลยมีคะแนนรวมมากที่สุด 43.5 คะแนน อันดับ 2 เป็นของ Galaxy S10+ ได้รับ 38.5 คะแนน รองอันดับ 2 ได้แก่ Huawei P30 Pro กับ 36 คะแนน แซงหน้า iPhone XS Max ที่ได้ 35 คะแนนไปแบบเฉียดฉิว OnePlus 6T นั่งอยู่ในอันดับที่ 5 จากคะแนน 33 และ LG G8 รั้งท้ายด้วยคะแนน 28 เต็ม 60

ที่มา – Phonearena
https://www.flashfly.net/wp/249084

from:https://www.flashfly.net/wp/249084

ดีลสุดร้อนแรง ให้คุณเป็นเจ้าของ OnePlus 6T ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นกับสมาร์ตโฟนสุดคุ้มค่าประจำ Summer นี้

OnePlus แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับเรือธง ที่ได้รับการการันตีจากผู้ใช้งานจริง รวมไปถึงสื่อไอทีทั้งไทยและต่างประเทศว่าเป็นสมาร์ตโฟนแห่งความคุ้มค่า และในครั้งนี้ OnePlus  ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษประจำ Summer นี้

ให้คุณได้เป็นเจ้าของ OnePlus 6T ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น กับราคาสุดโดนใจโดย    OnePlus 6T ปรับลดราคา 1,000 บาททุกรุ่น

·      รุ่น 6GB + 128GB เหลือเพียง 17,999 บาท จาก 18,999 บาท

·      รุ่น 8GB + 128GB เหลือเพียง 19,999 บาท จาก 20,999 บาท

·      รุ่น 8GB + 256GB เหลือเพียง 21,999 บาท จาก 22,999 บาท

ทั้งนี้ OnePlus 6T มาพร้อมกับ In-Display Fingerprint Screen เทคโนโลยีการปลดล็อคหน้าจอสมาร์ตโฟนที่รวดเร็วและแม่นยำภายใน 0.34 วินาที ด้วยชิปเซ็ตขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 845 ด้วยความเร็ว 2.8 GHz เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และความเร็วแรงแบบเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ OnePlus 6T มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดชัด 16 ล้านพิกเซล และกล้องหลังคู่ความละเอียดชัด 16+20 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ OnePlus 6T ยังมากับดีไซน์ที่ทันสมัยด้วยหน้าจอ แบบWaterdrop รอยบากทรงหยดน้ำ ทำให้เพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 6.41 นิ้ว พร้อมกับความจุแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้นถึง 3,700 mAh และยังอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่อย่าง Nightscape ที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพถ่ายตอนกลางคืนได้คมชัดทุกรายละเอียด และสวยงามมากยิ่งขึ้น

OnePlus 6T มีให้เลือกเป็นเจ้าของ 2 สีด้วยกันคือ Mirror Black สีดำเงาสุดคลาสสิค และ Midnight Black สีดำด้าน สุดเท่ห์ สุขุมอย่างมีระดับ โดยข้อเสนอนี้มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 11 พฤษภาคม 2562 ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ OnePlus ได้ที่ AIS, JD Central และPower Buy พร้อมกับโปรโมชั่นตามช่องทางการจำหน่ายอีกมากมาย

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OnePlus Thailand ได้ที่ Facebook Fanpage : OnePlus TH Official ได้ตามลิ้งค์นี้https://www.facebook.com/OnePlusTHOfficial/

from:https://www.flashfly.net/wp/248465

ดีลสุดร้อนแรง ให้คุณเป็นเจ้าของ OnePlus 6T ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นกับสมาร์ตโฟนสุดคุ้มค่าประจำ Summer นี้

 

OnePlus แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับเรือธง ที่ได้รับการการันตีจากผู้ใช้งานจริง รวมไปถึงสื่อไอทีทั้งไทยและต่างประเทศว่าเป็นสมาร์ตโฟนแห่งความคุ้มค่า และในครั้งนี้ OnePlus  ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษประจำ Summer นี้

ให้คุณได้เป็นเจ้าของ OnePlus 6T ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น กับราคาสุดโดนใจโดย    OnePlus 6T ปรับลดราคา 1,000 บาททุกรุ่น

  • รุ่น 6GB + 128GB เหลือเพียง 17,999 บาท จาก 18,999 บาท
  • รุ่น 8GB + 128GB เหลือเพียง 19,999 บาท จาก 20,999 บาท
  • รุ่น 8GB + 256GB เหลือเพียง 21,999 บาท จาก 22,999 บาท

OnePlus 6T

ทั้งนี้ OnePlus 6T มาพร้อมกับ In-Display Fingerprint Screen เทคโนโลยีการปลดล็อคหน้าจอสมาร์ตโฟนที่รวดเร็วและแม่นยำภายใน 0.34 วินาที ด้วยชิปเซ็ตขุมพลังQualcomm Snapdragon 845 ด้วยความเร็ว 2.8 GHz เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และความเร็วแรงแบบเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ OnePlus 6T มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดชัด 16 ล้านพิกเซล และกล้องหลังคู่ความละเอียดชัด 16+20 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ OnePlus 6T ยังมากับดีไซน์ที่ทันสมัยด้วยหน้าจอ แบบ Waterdrop รอยบากทรงหยดน้ำ ทำให้เพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 6.41 นิ้ว พร้อมกับความจุแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้นถึง 3,700 mAh และยังอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่อย่างNightscape ที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพถ่ายตอนกลางคืนได้คมชัดทุกรายละเอียด และสวยงามมากยิ่งขึ้น

OnePlus 6T มีให้เลือกเป็นเจ้าของ 2 สีด้วยกันคือ Mirror Black สีดำเงาสุดคลาสสิค และ Midnight Black สีดำด้าน สุดเท่ห์ สุขุมอย่างมีระดับ โดยข้อเสนอนี้มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 11 พฤษภาคม 2562 ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ OnePlus ได้ที่ AIS, JD Central และ Power Buy พร้อมกับโปรโมชั่นตามช่องทางการจำหน่ายอีกมากมาย

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OnePlus Thailand ได้ที่ Facebook Fanpage : OnePlus TH Official ได้ตามลิ้งค์นี้ https://www.facebook.com/OnePlusTHOfficial/

 

from:http://mobileocta.com/hot-deal-make-it-easier-for-you-to-own-oneplus-6t-with-this-smart-phone-worth-every-summer/

ทดสอบกล้องหลัง Samsung Galaxy S10 เปรียบเทียบกับ Smartphone เรือธงอีก 6 รุ่นเรือธง ใครจะดีที่สุด มาดูกัน

งานที่ใครหลายคนน่าจะรอคอยอยู่ วันนี้เราจัดมาให้ได้ชมกันอีกครั้งกับการเปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่าง Galaxy S10+ และเหล่ามือถือเรือธงค่ายต่างๆ โดยเราได้ขนมาเทียบให้ดูอย่างจุใจถึง 6 รุ่นยอดฮิตในท้องตลาดด้วยกัน ซึ่งใน Galaxy S10 เค้าก็เคลมว่ามีการพัฒนาความสามารถในด้านภาพถ่ายเพิ่มเติมขึ้นอีกเพียบ มีกล้องให้ใช้ได้ถึง 3 กล้อง ทั้ง Ultra Wide, Wide, และ Tele แต่จะดีแค่ไหนเดี๋ยวเรามาดูกันครับ

เนื่องจากทุกวันนี้ เวลาเราจะเลือกซื้อโทรศัพท์ Smartphone สักเครื่องนึง ปัจจัยหลักๆอย่างแรกๆที่คนทั่วๆไปจะถามมาเยอะที่สุดก็คือคุณภาพกล้องเป็นยังไงบ้าง ดีแค่ไหน สวยแค่ไหน แสงน้อยเป็นยังไง เปรียบเทียบกับรุ่นโน้นรุ่นนี้ ซึ่งการตอบก็อาจจะไม่ตรงใจนักเพราะคำว่าสวยของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบสีตรงจริง บางคนอาจจะชอบสีสดๆเกินจริง เป็นต้น การทดสอบรอบนี้ ทาง Droidsans ก็เลยจะทดสอบโดยเอารูปมาให้ดูเปรียบเทียบกันเอง แล้วให้คนอ่านตัดสินใจเองครับ ทางเราจะเสริมในรายละเอียดต่างๆเพิ่มให้ โดยจะบอกว่าแสงของจริงสภาพแสงเป็นยังไง แล้วควรดูอะไรในภาพ

มาเริ่มกันเลยครับ

โทรศัพท์ Smartphone เรือธงที่จะเอามาเปรียบเทียบในครั้งนี้มีดังนี้ครับ

1. Samsung Galaxy S10
2. Samsung Galaxy Note 9
3. Apple iPhone Xs Max
4. Huawei Mate 20 Pro
5. Google Pixel 3
6. Xiaomi Mix 3
7. OnePlus 6T

และเพื่อให้เป็นการทดสอบที่เห็นผลชัดขึ้น ทางเราจะเลือกฉากที่มีสภาพสีหรือแสงที่ซับซ้อนเพื่อให้ยากต่อการตัดสินใจวัดแสงหรือของกล้อง เพื่อดูว่ากล้องแต่ละตัวจะตัดสินใจออกมายังไง แล้วการเปรียบเทียบในครั้งนี้ก็จะเทียบกันเฉพาะกล้องหลัก (กล้องหลัง) โดยเฉพาะครับ และการถ่ายทุกภาพจะใช้โหมดอัตโนมัติทั้งหมด เพราะเวลาคนใช้งานเอาไปใช้จริง ก็คงจะใช้โหมดนี้เป็นมาตรฐานครับ

ภาพเต็มความละเอียด

https://photos.app.goo.gl/nLKRQ8z8L1v3mJ1c7

ดูภาพจาก Gallery ด้านล่างไม่สะดวกเนื่องจากผ่าน Google AMP กดที่  เพื่อดู Gallery เต็มๆ

 

รูปที่ 1
เป็นฉากกลางแจ้ง ย้อนแสง โดยจะมีตึกอยู่ด้านหน้า แล้วท้องฟ้าที่มีดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลัง ฉากนี้ถ้าดูด้วยตาเปล่าแล้ว ตึกด้านหน้าจะมืด เพราะย้อนแสงมาก ฉากนี้เพื่อจะดูว่าฉากที่มีความต่างของแสงมากแบบนี้ กล้องจะทำยังไงให้ท้องฟ้าด้านหลังและตึกด้านหน้าออกมาได้ภาพที่สมดุล







โดยรวมแล้วก็ถือว่าสอบผ่านได้ทุกตัวครับ ไม่มีภาพไหนที่มืดจนไม่เห็นตัวตึก หรือฟ้าสว่างจะไม่เห็นรายละเอียด จุดที่ต่างก็พวก White Balance และความหนักเบาในการทำ HDR

รูปที่ 2
รูปนี้เป็นฉากที่ย้อนแสง แต่จะไม่ได้ย้อนตรงๆแบบภาพแรกซะทีเดียว จะมีการสะท้อนแสงอาทิตย์ที่พื้นด้วย ฉากนี้ให้ดูรายละเอียดด้านตัวดึกด้านใน เพราะด้านในอยู่ในส่วนเงามืด แล้วก็ดูแสงอาทิตย์ที่สะท้อนที่พื้น ว่าการโทนแสงอาทิตยที่สะท้อนเป็นอย่างไรบ้าง รายละเอียดพื้นหายเป็นปื้นๆมั้ย การไล่โทนแสงดูเนียนธรรมชาติมั้ย







ฉากนี้ขอพูดเฉพาะของ Samsung Galaxy S10 ที่ทำออกมาได้ดีที่สุด คือการบาลานซ์โทนมืดและสว่างชองภาพทำได้ดี รวมไปถึงการไล่โทนแสงอาทิตย์ที่สะท้อนบนพื้น ทำออกมาได้เนียนตาที่สุดและเก็บรายละเอียดบนพื้นได้ดีที่สุดครับ

รูปที่ 3
รูปนี้เป็นฉากที่วัด Dynamic Range ของสี โดยสีที่จะมีปัญหาเยอะที่สุดคือสีแดง ก็เลยใช้สตรอเบอรี่สีแดงเป็นตัวทดสอบ แสงอาทิตย์ธรรมชาติลอดผ่านหน้าต่าง และสีของสตรอเบอรี่แต่ละลูกก็แดงไม่เท่ากัน เป็นการวัด AI ของกล้องด้วยว่าจะมองว่าฉากนี้เป็นอะไร และจะเร่งสีแดงขึ้นมาหรือไม่ แล้วถ้าเร่งขึ้นมาแล้วจะทำให้ Dynamic Range ชองสีหายไปหรือไม่ แล้วสีแดงของแต่ละลูกมีความต่างกันให้เห็นได้ชัด หรือว่าแดงไปหมด







ฉากนี้ยังไม่มีรูปไหนที่เหมือนของจริงเป๊ะ แต่จะมีใกล้เคียงที่สุดก็คือ Samsung Galaxy S10 แต่ก็ยังสดไปนิด ทำให้การไล่โทนสีแดงที่ต่างกันยังไม่ชัดนัก ส่วนของ iPhone Xs Max ไล่โทนได้ดีที่สุด แต่ก็สีแดงคล้ำไปหน่อย ส่วนของ Huawei Mate 20 Pro ก็สดเกินจริงไปมาก แล้วของ OnePlus 6T ออกมาอมม่วงไปหน่อย ส่วนของ Pixel 3 มืดเกินไป ถ้าสว่างกว่านี้ อาจจะออกมาดีที่สุดแทน

รูปที่ 4
รูปนี้เป็นฉากที่ย้อนแสงจากหน้าต่าง โดยมีหน้าจอคอมพิวเตอร์เปิดอยู่ เป็นการวัดคล้ายๆกับรูปที่ 1 แต่รูปนี้จะดูว่ารายละเอียดนอกหน้าต่างจะสามารถเก็บได้อยู่หรือไม่ และแสงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะสีจะเป็นอย่างไรและมืดเกินไปหรือไม่






ฉากนี้ถือว่ายากพอสมควร เพราะย้อนแสงมาก และด้านนอกก็แสงสว่างมาก แต่ภาพจาก iPhone Xs Max เป็นตัวเดียวที่เก็บรายละเอียดด้านนอกหน้าต่างไม่ได้เลย แต่จะเก็บรายละเอียดด้านในสว่างครบถ้วน ส่วน Mate 20 Pro เน้นเก็บแสงด้านนอกให้ครบไว้ก่อน ด้านในเลยมืดไปนิด ส่วน Mix 3 ถือว่าทำสมดุลระหว่าด้านนอกและด้านในได้ดี แต่ Note 9 ดูมีปัญหาในการทำ HDR นิดหน่อย ตรงจุดแจกันทางซ้ายมือของหน้าจอ จะมี Halo (ขอบสีขาว) รอบตัวแจกันเลย ซึ่งดูผิดธรรมชาติไปหน่อย ส่วน OnePlus 6T ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน เก็บรายละเอียดครบ แต่ก็ดูภาพแบนไปนิดนึง เพราะความต่างระหว่างแสงด้านนอกกับด้านใน โดน HDR บีบ ทำให้ส่วนสว่างด้านนอก กับส่วนมืดด้านใน เกือบจะเท่าๆกัน ไม่ตรงกับที่ตาเห็นนัก ส่วน Pixel 3 ก็ดูคอนทราสจัดจ้าน ตรงกับที่ตาเห็นตามแสงจริง โดยแทบไม่ได้ปรับช่วยในส่วนมืดขึ้นมา เพื่อต้องการเก็บภาพให้ตรงความจริงที่สุด โดยที่รายละเอียดนอกหน้าต่างยังพอมีอยู่ ส่วน S10 ถือว่าทำสมดุลได้ดี ด้านในสว่าง และยังเก็บรายละเอียดนอกหน้าต่างได้ครบ และ HDR ไม่ดูหลอกตา

รูปที่ 5
รูปนี้สภาพแสงเป็นแสงธรรมชาติจากริมหน้าต่าง และมีแสงสี Warm Tone ผสมเข้ามาด้วยนิดหน่อย รูปนี้จะดูว่าสภาพแสงผสมแล้วการปรับ White Balance จะเป็นอย่างไร







รูปนี้คงจะพูดแค่บางจุด คือสีเขียวจาก iPhone Xs Max ดูซีดไปหน่อย เพราะว่าสีโทนอมเหลืองของผักมันหายไป กลายเป็นเขียวอย่างเดียว ส่วนของ Mate 20 Pro ก็เร่งสีมากจนจัดจ้านเกินจริงไปมาก แต่ก็มีหลายๆคนชอบ ส่วนของ OnePlus 6T ก็เหลืองเกินไป

รูปที่ 6
รูปนี้เป็นรูปในโบสถ์ โดยให้ดูว่ารายละเอียดในโบสถ์และรายละเอียดการเก็บแสงตรงจุดที่มีดวงไฟส่องสว่างว่าทำได้ขนาดไหน







รูปฉากนี้ ของ iPhone Xs Max ถือว่าออกมาสีตรงใกล้เคียงกับที่ตาเห็นมากที่สุด ส่วนของ Note 9 ออกมาสว่างไปนิด จนรายละเอียดในส่วนที่โดนแสงไฟหลายๆจุดหายไปครับ

รูปที่ 7
รูปนี้จะคล้ายๆรูปที่ 3 ที่เป็นสตรอเบอรี่สีแดง แต่รูปนี้จะต่างกันที่แสงจะเป็นแสง Warm tone อย่างเดียว ไม่มีแสงจากริมหน้าต่าง และเชอรี่ก็จะไม่แดงเท่า เพราะออกไปทางอมม่วงมากกว่านิดหน่อย แต่เชอรี่กล่องนี้จะมีหลากหลายโทนสี แตกต่างกันพอสมควร รูปนี้ก็จะดูว่า White balance เป็นอย่างไรกับไฟ Warm tone และการไล่โทนสีของเชอรี่ แสดงความต่างได้มากน้อยขนาดไหน หรือว่าเร่งสีจนเห็นความต่างของโทนสีน้อยไปหรือไม่ฃ







รูปฉากนี้ เนื่องจากแสงในรูปนี้จะเป็นแสงจากไฟ Warm tone เท่านั้น และเชอรี่ก็สีแดงแทบจะเต็มฉาก เลยทำให้การจัดการ White Balance ทำได้ยากขึ้น มีโอกาสหลอกกล้องได้ไม่ยากเลย โดยรูปจาก Samsung ทั้ง Note 9 และ S10 ออกโทนอมเหลืองมากไปนิดครับ แต่ของ Note 9 จะหนักกว่าตรงสีสตรอเบอรี่ที่กล่องด้านหลังจากสีแดงกลายเป็นสีส้มไปเลย ส่วนการไล่โทนสีของเชอรี่ รูปจาก Pixel 3 ดูตรงกับที่ตาเห็นที่สุด ส่วนของ OnePlus 6T อมม่วงไปพอสมควร และของ iPhone Xs Max สีแดงของเชอรี่ดูออกชีดๆไปหน่อย ส่วนของ Mate 20 Pro ดูเร่งสีจนสดเกินจริงไปมาก ทำให้การไล่โทนสีแดงทำได้ไม่ค่อยดีนัก

รูปที่ 8
รูปนี้เป็นรูปแสงน้อย แต่จะมีไฟในร้าน Apple Store ที่จะยังสว่างอยู่ รูปนี้ลองดูว่าความสมดุลระหว่างไฟในร้านกับนอกร้าน โทนสี รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆว่าเป็นอย่างไรบ้าง







ฉากนี้ ดูจากรายละเอียดใน Apple Store จะเห็นว่าภาพจาก Note 9 มีการทำ HDR แต่ออกมาดูผิดธรรมชาติ เพราะตรงร้าน Apple Store ดูเหมือนภาพวาดไปเลย ส่วนภาพจาก Pixel 3 จะดูเหลืองกว่าที่ตาเห็นไปนิดนึง ส่วนภาพจาก Mate 20 Pro ดูรู้ว่าเป็น HDR แต่ทำออกมาแล้วดูสวยเลยครับ

รูปที่ 9
รูปนี้เป็นรูปแสงน้อยอีกหนึ่งรูป รูปนี้แสงจะน้อยกว่ารูปที่ 8 ให้ดูสมดุลระหว่างการลด Noise และรายละเอียดตามตัวตึกเป็นอย่างไรบ้าง ดูว่าจะมีปัญหาลด Noise เยอะจนรายละเอียดหาย หรือว่ารายละเอียดมาครบแต่ Noise ก็มาเยอะหรือเปล่า แล้วดูว่าสีสันของไฟยามค่ำคืนเป็นอย่างไร








ฉากนี้ รูปจาก Pixel 3 จะมีเพิ่มมา 1 รูป คือรูปที่เป็นโหมด Night Sight ซึ่งรูป Night Sight ทำได้ดีกว่ารูปปกติชัดเจนที่เรื่อง Noise ของภาพ แต่ที่เด่นจริงๆก็คือ Mate 20 Pro ส่วนนึงก็คงเป็นเพราะ AI ที่มองว่าเป็นโหมดกลางคืน ก็เลยใช้โหมดถ่ายภาพกลางคืนเลย แล้วก็ปรับ HDR ออกมาได้สมดุลดีด้วย

สรุป
จากภาพทดสอบ จะเห็นว่ากล้องจาก Samsung Galaxy S10 ทำได้ดีขึ้นกว่า Note 9 พอประมาณ หลายๆภาพก็ทำได้โดดเด่นที่สุด แต่ถ้าวัดกันที่แสงน้อย ทาง Huawei Mate 20 Pro ยังดูเด่นกว่า เพราะ Mate 20 Pro มีโหมดถ่ายภาพกลางคืน แต่เวลาใช้งานจริงก็ต้องถือให้นิ่งพอประมาณ และจะไม่ค่อยสะดวก ถ้าฉากที่ถ่ายมีการเคลื่อนไหวเยอะๆ แต่ภาพจาก Mate 20 Pro หลายๆภาพก็มีการเร่งสีอย่างมาก จนหลายๆภาพดูผิดธรรมชาติไป แต่ที่น่าสนใจคือ Xiaomi Mix 3 ที่โดยรวมแล้ว ถึงจะไม่มีภาพไหนที่โดนเด่นที่สุด แต่ก็ไม่มีภาพไหนที่ออกมาไม่ดีหรือมีจุดบกพร่องชัดเจนใดๆเลย รวมไปถึงกล้องหน้าที่ทำออกมาได้ดีมาก ดูธรรมชาติไม่หลอก (แต่ไม่มีผลทดสอบในครั้งนี้)

อยากได้ทดสอบของตัวไหนบ้าง คอมเม้นท์ไว้เลยครับ แล้วอดใจรอติดตามผลทดสอบในรูปแบบใหม่เร็วๆนี้นะครับ

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-s10-camera-comparison/