คลังเก็บป้ายกำกับ: MICROSD_CARD

Micron เผย เตรียมผลิต microSD Card ขนาด 1.5TB ยังไม่มีกำหนดเปิดตัว!

Micron เตรียมผลิตไมโคร SD การ์ดที่มีความจุมากถึง 1.5TB […] More

from:https://www.iphonemod.net/first-1-5-tb-microsd-card-expensive-micron-embedded.html

Samsung เปิดตัว microSD Card รุ่นใหม่ PRO Plus และ EVO Plus อ่านเขียนไวสุด 160MB/s

Samsung Electronics เปิดตัว microSD Card รุ่น PRO Plus และ EVO Plus ที่ได้รับการปรับปรุงและออกแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปจนถึงระดับ Professional โดย microSD Card ซีรีส์ใหม่นี้ จะสามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุด 160MB/s เลยทีเดียว

การ์ดหน่วยความจำรุ่น PRO Plus ออกแบบมาสำหรับการใช้งานสาย Content Creator มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 160MB/s และสามารถเขียนข้อมูลแบบต่อเรื่องได้สูงสุดที่ 120MB/s มีความจุให้เลือกสามขนาด ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB

ส่วนรุ่น EVO Plus จะเจาะไปที่กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป มีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่ 130MB/s แรงกว่ารุ่นก่อนหน้า 1.3 เท่า โดยการ์ดหน่วยความจำรุ่น EVO Plus จะมีความจุให้เลือก 4 ขนาด ได้แก่ 64GB, 128GB, 256GB และ 512GB

โดย microSD Card รุ่นใหม่ของ Samsung อย่างทั้ง PRO Plus และ EVO Plus เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้น และผู้ที่ต้องการบันทึกภาพความละเอียดสูง อาทิ ภาพถ่าย วิดีโอความละเอียด 4K ฯลฯ นอกจากนี้ ยังทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ท้าทาย เพราะ Samsung ได้เพิ่มเลเยอร์ป้องกันเพิ่มขึ้นอีก 2 ชั้น (จากเดิมมีแค่ 4) รวมเป็น 6 ชั้น ทำให้ microSD Card ทั้งสองรุ่นสามารถทนน้ำ อุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงมาก รังสีเอกซเรย์ การสึกกร่อน การตกจากที่สูง และผลกระทบของสนามแม่เหล็กโลกอีกด้วย ในส่วนนี้ Samsung รับประกันยาวนานถึง 10 ปีด้วยกัน

การ์ดหน่วยความจำ EVO Plus รุ่นล่าสุด วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ JIB, Advice และ IT City ในตัวเลือกความจุ

  • 64GB ราคา 275 บาท
  • 128GB ราคา 555 บาท
  • 256GB ราคา 1,220 บาท
  • 512GB ราคา 2,690 บาท

ส่วนรุ่น PRO Plus ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดการวางจำหน่ายออกมาแต่อย่างใดครับ

 

ที่มา: Samsung | อีเมลประชาสัมพันธ์

from:https://droidsans.com/samsung-unveils-new-micro-sd-card-pro-plus-evo-plus/

Samsung ออก microSD card และ SD card ซีรีส์ “EVO Plus” และ “PRO Plus” รุ่นใหม่ – ทนทานและเร็วกว่าเดิม

Samsung เปิดตัว microSD card และ SD card รุ่นใหม่ในซีรีส์ “EVO Plus” และ “PRO Plus” (ใช้ชื่อเดิม) มีความจุเริ่มต้นที่ 32GB ไปจนถึงสูงสุดที่ 512GB บนความเร็วมาตรฐาน Class 10 ทนน้ำ ทนอุณหภูมิ ทนรังสีเอกซเรย์ ทนสนามแม่เหล็ก เหมือนรุ่นก่อนหน้า พร้อมเพิ่มคุณสมบัติใหม่อีก 2 ประการ คือ ทนการสึกหรอ และทนการตกหรือกระแทก รับประกันยาว ๆ 10 ปี

Samsung microSD card : EVO Plus | PRO Plus

microSD card ซีรีส์ EVO Plus ถ่ายโอนข้อมูลได้ 130 MB/s เร็วขึ้นกว่าเดิม 30 MB/s หรือคิดเป็น 1.3 เท่า นำไปใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กล้องวงจรปิด พีซี หรือแม้แต่เครื่อง Nintendo Switch ก็สามารถนำไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่ซีรีส์ PRO Plus จะมีความเร็วอ่านและเขียนข้อมูลเพิ่มขึ้นมากอีกสเตปหนึ่ง เป็น 160 MB/s และ 120MB/s ตามลำดับ ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มครีเอเตอร์ที่ทำงานด้านวิดีโอเป็นหลัก บันทึกไฟล์ได้ถึงระดับ 4K ลื่นไหล ไม่มีสะดุด

Samsung SD card : EVO Plus | PRO Plus

ส่วน SD card ซีรีส์ EVO Plus และ PRO Plus นั้น นอกจากขนาดแบบฟูลไซซ์ที่เน้นการใช้งานร่วมกับกล้องถ่ายภาพเป็นหลัก กับตัวเลือกความจุที่แตกต่างกันเล็กน้อยแล้ว ที่เหลือจะเหมือนกับ microSD card ซีรีส์ EVO Plus และ PRO Plus ข้างต้นทุกประการ

Samsung จะเริ่มวางขาย EVO Plus และ PRO Plus รุ่นใหม่ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปในบางประเทศ microSD card เริ่มต้นที่ 18.99 เหรียญ (ประมาณ 620 บาท) ส่วน SD card เริ่มต้นที่ 8.99 เหรียญ (ประมาณ 290 บาท)

 

ที่มา : Samsung

from:https://droidsans.com/samsung-new-evo-plus-pro-plus-microsd-card/

Huawei ไม่สามารถใช้การ์ด microSD ในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป โดยถูกลบออกจาก SD Association

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Huawei ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ หลังจากถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชี Entity List ส่งผลให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ของ Huawei จะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์จาก Google รวมไปถึงชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์จากบริษัทในอเมริกา และล่าสุด SD Association ก็ได้ตัดความสัมพันธ์กับ Huawei อีกด้วย

SD Association เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ทำหน้าที่ออกมาตรฐานการ์ดความจำ SD ตั้งแต่ขนาดปกติ รวมไปถึง microSD ที่ใช้ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และยังทำหน้าที่ออกแบบพอร์ตสำหรับอ่านการ์ดความจำที่กำหนดมาตรฐานขึ้นมา

กรณี Huawei ถูกลบชื่อออกจาก SD Association นั่นหมายถึงสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ของ Huawei จะไม่สามารถใช้การ์ดความจำ microSD ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม Huawei ยืนยันกับว่า สมาร์ทโฟนในปัจจุบันของ Huawei จะไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ แต่ไม่มีความคิดเห็นสำหรับสมาร์ทโฟนที่จะออกมาในอนาคต

Huawei อาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้ microSD กับอุปกรณ์ของตัวเองมากนัก เนื่องจากมีการพัฒนาการ์ดความจำของตัวเองในรูปแบบ NanoMemory ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า microSD

นอกจากนี้ Huawei ยังถูกจำกัดแบบชั่วคราวจาก Wi-Fi Alliance ตามคำสั่งแบนของสหรัฐฯ รวมถึง JEDEC องค์กรที่กำหนดมาตรฐานเซมิคอนดักเตอร์ ก็บอกว่า Huawei ยินดีถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกชั่วคราวหลังจากถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ นั่นหมายถึง อุปกรณ์ของ Huawei จะไม่สนับสนุนมาตรฐานเหล่านี้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง แต่ยังสามารถนำมาตรฐานต่างๆ ไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้

ที่มา – 9to5google
https://www.flashfly.net/wp/252502

from:https://www.flashfly.net/wp/252502

การ์ดความจำ microSD ความจุ 1TB พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ราคาราว 14,300 บาท เหมาะสำหรับบันทึกวีดีโอ 4K

SanDisk เปิดตัวการ์ดความจำ microSD ความจุ 1TB ที่งาน Mobile World Congress 2019 ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และวันนี้พร้อมวางจำหน่ายอย่างทางการแล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ของ SanDisk และ Amazon ราคา 450 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 14,300 บาท

การ์ดความจำ microSD ความจุ 1TB จาก SanDisk เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการบันทึกวีดีโอความละเอียดสูง อย่างระดับ 4K ด้วยอัตราความเร็ว UHS คลาส 3 (U3) และความเร็ววิดีโอคลาส 30 (V30) ให้ความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุด 160MB/s และมีความเร็วสำหรับเขียนข้อมูลสูงสุด 90MB/s

SanDisk ยังบอกว่าการ์ดรุ่นใหม่ มีความทนทานสูง กันน้ำ กันกระแทก และ กันรังสีเอ็กซ์ จึงสามารถนำไปใช้กับ Action Camera หรือ Drone เพียงแค่ใช้ Adapter ให้ได้ขนาดตามมาตรฐานอุปกรณ์ต่างๆ

ที่มา – PetaPixel
https://www.flashfly.net/wp/251547

from:https://www.flashfly.net/wp/251547

SanDisk เปิดตัวการ์ด microSD ขนาด 1TB มีความเร็วที่สุดในโลก พร้อมรับจองทันที แต่ก็มีคู่แข่งเปิดตัวด้วยเช่นกัน

Western Digital เปิดตัวการ์ดความจำภายใต้แบรนด์ SanDisk ที่งาน Mobile World Congress 2019 โดยมีความจุมากถึง 1TB และอ้างว่ามีความเร็วที่สุดในโลก 160MB/s สำหรับการอ่าน ซึ่งมีความเร็วเท่ากับการ์ดขนาด 400GB ของ SanDisk ที่มีวางจำหน่ายแล้ว

SanDisk เริ่มเปิดรับจองการ์ด microSD ขนาด 1TB ในราคา 449.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 14,090 บาท และยังมีรุ่น 512GB ให้เลือกด้วยในราคา 199.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 6,260 บาท

พร้อมกันนี้ Micron ก็ได้เปิดตัวการ์ด microSD ขนาด 1TB ในงานเดียวกันด้วย แต่มีความเร็วสูงสุด 100MB/s สำหรับการอ่าน ซึ่งช้ากว่า SanDisk และจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 2 ปี 2019

ที่มา – 9to5toys
https://www.flashfly.net/wp/243176

from:https://www.flashfly.net/wp/243176

microSD Card – เร็วที่สุดในโลก ระดับ 160MB/s – 90 MB/s ความจุ 1TB ในราคา 14,000 บาท ซื้อกันไหม ?

เรียกได้การ์ดหน่วยความจำอย่าง microSD Card เริ่มมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดขึ้นเรื่อยๆ จากกที่เทคโนโลยีกล้องและมือถือมีความเติบโต ทั้งในส่วนของภาพนิ่งและวีดีโอ ล่าสุดทาง Sandisk หนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีหน่วยความจำของโลก ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง SanDisk Extreme UHS-I microSDXC ที่เป็น microSD Card เร็วที่สุดในโลก มาพร้อมความจุสูงระดับ 1TB ทีเดียว

โดย SanDisk Extreme UHS-I microSDXC จะมีในเลือกอยู่ 2 ความจุก็คือ 512GB กับ 1TB จัดได้ว่าเป็นขนาดที่เทียบเท่ากับฝั่งที่เป็น SSD ของคอมพิวเตอร์กันแล้ว แต่ขนาดนั้นเล็กและบางเบากว่ามากๆ มาพร้อมคุณสมบัติความเร็วที่ 160MB/s ในการอ่าน และ 90MB/s ในการเขียน นับได้ว่าเป็นความเร็วที่สูงกว่ามาตรฐาน UHS-I ที่กำหนดความเร็วในการอ่าน 100MB/s รวมถึงการ์ดรุ่นนี้ยังอยู่ใน Class 2 (A2) ทำ IOP ที่การอ่าน 4000 IOPS และเขียน 2000 IOPS แล้ว

ที่ถึงแม้ว่าอาจจะดูไม่เร็วมากเมื่อเทียบกับ SSD ซึ่งนั่นจะเป็นระดับ 3,000 MB/s (โครงสร้างของ SSD ซับซ้อนก่อน) แต่ก็จัดว่าเป็น microSD Card ที่มีความเร็วมากที่สุดในโลกแล้ว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานกับกล้องระดับมืออาชีพแน่นอน สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,200 บาท กับความจุ 512GB และ 449.99 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,000 บาท สำหรับความจุ 1TB

สายมืออาชีพเน้นความจุเน้นความเร็วควรจัดอย่างยิ่ง แต่ก็แอบเสียวเหมือนกันถ้ากรณีเสียไฟล์หายหมดคงมีร้องกัน ถ้าไม่ได้ Backup เอาไว้ก่อน ฮา

ที่มา : theverge

 

 

from:https://notebookspec.com/memory-cards-are-about-to-get-much-faster-with-new-microsd-express-spec/473747/

Samsung เตรียมเปิดตัว EVO Plus microSD Card ความจุ 512GB ครั้งแรก ในราคาหมื่นนิดๆ

Samsung ประกาศเตรียมเปิดตัว EVO Plus microSD Card ความจุ 512GB เป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความจุเริ่มต้นที่ 32GB, 64GB, 128GB และสูงสุดที่ 256GB

โดยเว็บไซต์  Samsung ประเทศเยอรมันได้ลงข้อมูลสเปกของ EVO Plus microSD Card ความจุ 512GB พร้อมราคา แต่ยังไม่เผยวันเปิดตัวออกมาในตอนนี้ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารแจ้งวันเปิดตัวและวันวางจำหน่ายได้

สำหรับราคาของ EVO Plus microSD Card ความจุ 512GB ที่ปรากฎบนเว็บไซต์ Samsung ประเทศเยอรมันนั้นมาพร้อมราคา 289.90 ยูโรหรือประมาณ 10,960 บาท ซี่งเป็นราคาที่สูงมากถ้าเทียบกับความจุขนาด  128GB  ที่มีราคาเพียง 99.90 ยูโรหรือประมาณ 3,378 บาท เรียกว่าแพงขึ้นเป็น 3 เท่าเลยก็ได้

ในส่วนสเปก EVO Plus microSD Card ความจุ 512GB มาพร้อมความเร็วในการอ่านและเขียนที่ 100MB/s, สามารถโอนถ่ายข้อมูลวิดีโอความละเอียด 4K โดยใช้เวลาโอนถ่ายเพียง 38 วินาที, บันทึกไฟล์วีดีโอระดับ FHD ได้นานถึง 78 ชั่วโมง รวมทั้งเก็บไฟล์ภาพได้มากถึง 150,300 ภาพ และ Samsung ยังมีการรับประกันผลิตภัณฑ์สูงสุด  10 ปีอีกด้วย

ที่มา : Gsmarena

คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Samsung ได้ที่นี่ >>> http://bit.ly/2EHw8Gk

from:http://mobileocta.com/samsung-launches-evo-plus-512gb-microsd-card-for-the-first-time-at-a-fraction-of-the-price/

Samsung – เปิดตัว microSD Card รุ่นใหม่อย่าง Pro Endurance ที่มาพร้อมกับขนาด 128 GB และสามารถใช้ในการบันทึกข้อมูลไฟล์วีดีโอได้ยาวนานถึง 43,800 ชั่วโมง

สำหรับ microSD Card ของทาง Samsung นั้นต้องยอมรับว่าของเขาดีจริงๆ ครับ โดยล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้นั้นทาง Samsung ได้เปิดตัว MicroSD Card รุ่นใหม่อย่าง Pro Endurance ซึ่งเน้นการใช้งานทางด้านมืออาชีพเป็นหลัก โดยที่น่าสนใจนั้นก็คือมันมาพร้อมกับความทนทานที่สามารถใช้ในการบันทึกไฟล์วีดีโอผ่านอุปกรณ์แบบต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 43,800 ชั่วโมง รองรับมาตรฐาน UHS-I ในขณะที่ความเร็วในการเขียนข้อมูลนั้นอยู่ที่ 30 MB/s และ 100 MB/s สำหรับการเขียนข้อมูลแบบลำดับครับ

ด้วยความที่เป็น microSD Card สายถึก ดังนั้นแล้ว Pro Endurance จึงมาพร้อมกับมาตรฐานในการกันนำ IPX7 สามารถใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิที่อุณหภูมิ -25 องศาเซลเซียส ถึง 85 องศาเซลเซียส และเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส ถึง 85 องศาเซลเซียส ผ่านการรองรับมาตรฐานการ X-ray ในระดับเครื่อง X-ray ของสนามบิน และมาตรฐานการป้องกันแม่เหล็กที่ระดับสูงสุด MRI ครับ

ตัวการ์ดนั้นจะมีวางจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นแบ่งตามขนาดคืออยู่ที่ 32 GB, 64 GB และ 128 GB ซึ่งแต่ละขนาดความจุนั้นจะมีความทนทานในการใช้งานต่างกันไปอย่างรุ่นขนาด 32 GB จะมีความทนทานใช้งานต่อเนื่อง 17,520 ชั่วโมง, รุ่นขนาด 64 GB จะมีความทนทานใช้งานต่อเนื่อง 26,280 ชั่วโมงและรุ่นขนาด 32 GB จะมีความทนทานใช้งานต่อเนื่อง 43,820 ชั่วโมง สำหรับด้านราคานนั้นจะอยู่ที่ $25 หรือประมาณ 800 บาทในรุ่นขนาด 32 GB, $45 หรือประมาณ 1,450 บาทในรุ่นขนาด 64 GB และ $90 หรือประมาณ 2,885 บาทในรุ่นขนาด 128 GB พร้อมวางจำหน่วยเรียบร้อยแล้วครับ

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/the-samsung-pro-endurance-128-gb-microsd-is-rated-to-record-a-massive-43800-hours-of-video-footage/439518/

Buyer’s Guide – วิธีการเลือกซื้อ microSD Card ให้เหมาะสมกับการใช้งานต่างๆ เน้นความคุ้มค่า จะได้ไม่ซื้อผิด

คงต้องยอมรับกันครับว่าปัจจุบันนั้น microSD Card เข้ามามีบทบาทในการใช้งานมากขึ้นจากที่เมื่อก่อนผู้ใช้งานจะอยู่ในกลุ่มผู้ที่เล่นกล้อง ทว่าในปัจจุบันนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องเกมคอนโซล, แท็บเล็ตและที่ลืมไม่ได้เลยนั้นกับสมาร์ทโฟนต่างก็ใช้งาน microSD Card ในการเก็บข้อมูลกันทั้งนั้น ในสมัยก่อนนั้นการเลือกซื้อ microSD Card นั้นไม่ค่อยยากเท่าไร

เนื่องจากยังไม่มีมาตรฐานอะไรต่างๆ มาให้เราเลือกซื้อจนสับสนมากนักแต่ด้วยยุคเวลาที่เปลี่ยนไปนั้น microSD Card เริ่มมีมาตรฐานเข้ามาควบคุมมากขึ้นและเราจะมาดูกันครับว่าเพื่อให้กหารใช้งาน microSD Card ของคุณเหมาะสมกับอุปกรณ์มากที่สุดนั้นจะมีหลักการอย่างไรบ้าง

สำหรับ SD Card ที่เราๆ ท่านๆ จะได้เห็นกันในทุกวันนี้จะมีขนาดที่แตกต่างกันอยู่ 3 ขนาดด้วยกันครับ แต่ละอุปกรณ์นั้นก็จะมีการใช้งาน SD Card ในขนาดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์นั้นๆ โดยที่ SD Card ทั้ง 3 ขนาดนั้นจะประกอบไปด้วย

  • Standard SD cards: SD (SDSC), SDHC, SDXC, SDIO — 32 x 24 x 2.1-1.4mm
  • miniSD cards: miniSD, miniSDHC, miniSDIO — 21.5 x 20 x 1.4mm
  • microSD cards: microSD, microSDHC, microSDXC — 15 x 11 x 1mm

แต่ละ SD Card จะแตกต่างกันอย่างไรนั้นไปชมรูปทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ

อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นในบทความนี้เราจะเน้นเรื่องของการเลือกซื้อ microSD Card เป็นหลักเนื่องจากว่าอุปกรณ์ในยุคปัจจุบันนี้นั้นนิยมใช้ microSD Card มากกว่าครับ ถ้าพร้อมแล้วติดตามกันต่อได้เลยครับ

มาตรฐานของ microSD Card นั้นได้ถูกกำหนดโดยหน่วยงาน SD Association ซึ่งสเปคของเจ้า microSD Card นั้นก็ได้มีการกำหนดออกมาตั้งแต่ในเดือนกรกฎาคมของปี 2005 ที่ผ่านมา โดยจะแบ่งมาตราฐานของ microSD Card ทั้งหมดเอาไว้ 3 มาตรฐานอันประกอบไปได้ microSD, microSDHC และ microSDXC ซึ่งจะแตกต่างกันไปดังสเปคต่อไปนี้ครับ

  • microSD: มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 2 GB อัตราการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 25MB/s และใช้ระบบไฟล์ได้ 3 แบบคือ FAT12, FAT16 หรือ FAT16B ครับ
  • microSDHC: มีความจุอยู่ระหว่าง 4 GB ถึง 32 GB อัตราการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ระหว่าง 50 MB/s ถึง 150 MB/s และใช้ระบบไฟล์ FAT32
  • microSDXC: มีความจุอยู่ระหว่าง 32 GB ถึง 200 GB อัตราการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ระหว่าง 50 MB/s ถึง 312 MB/s และใช้ระบบไฟล์ exFAT

microSD Card ทั้ง 3 มาตรฐานนั้นจะมีขนาดที่เหมือนกันทั้งหมดซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้สับสนว่าเวลาที่ทำการเลือกซื้อนั้นควรจะซื้อ microSD Card รุ่นไหนมาใช้งาน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนทางหน่วยงาน SD Association จึงได้มีการกำหนดให้บน microSD Card นั้นมีสัญลักษณ์สำรับใช้ในการบ่งบอกถึงสเปคของ microSD Card รุ่นนั้น โดยสัญลักษณ์แต่ละอย่างนั้นก็จะมีแตกต่างกันไปตามสเปคซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ

สำหรับวิธีการดูตารางด้านบนเพื่อเทียบกับสเปค์ว่าจะเป็นตัวไหนที่เราต้องการนั้น ขอยกตัวอย่างตาม microSD Card ดังรู้ข้างล่างต่อไปนี้ครับ

จากรูปของ microSD Card ทางด้านบนนี้จะเห็นได้ว่ามีสัญลักษณ์ microSDXC ซึ่งเป็น microSD Card ที่มีความจุมากที่สุดและความเร็วสูงสุดในจำนวนประเภทของ microSD Card ทั้ง 3 แบบ ขนาดความจุของ microSD Card ตัวนี้จะอยู่ที่ 64 GB ตามมาด้วยสัญลักษณ์ตัวเลข 10 ในตัวอักษร C ทำให้ทราบได้ว่าเป็น microSD Card ที่เป็น Class 10 พร้อมด้วยตัวเลข 1 ที่อยู่ในตัวอักษร U ดังนั้นแล้ว microSD card ตัวนี้จะมีสเปคคือความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 10 MB/s เหมาะสำหรับใช้งานในการบันทึกไฟล์วีดีโอทั้งความละเอียด 720p, 1080p และ 4K เป็นต้นครับ

หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าสัญลักษณ์ตัวเลขที่อยู่ในตัวอักษร U นั้นคืออะไรเรามีคำตอบให้ครับ โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวนั้นคือ Ultra High Speed (UHS) ซึ่งเป็นการบ่งบอกมาตราฐานความเร็วของ microSD Card ที่มากกว่า Class 10 ปกติตัวอย่างเช่นตัวเลข 1 ที่อยู่ในตัวอักษร U นั้นก็๋จะหมายความว่า microSD Card รุ่นนั้นๆ มีความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 10 MB/s หรือตัวเลข 3 ที่อยู่ในตัวอักษร U นั้นจะหมายความว่า microSD Card รุ่นนั้นๆ มีความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 30 MB/s เป็นต้นครับ

 

สำหรับสัญลักษณ์ตัว V ที่จะระบุเอาไว้บน microSD Card นั้นจะเป็นสัญลักษณ์ที่บอกเกี่ยวกับ “Video Speed” ซึ่งทำให้ทราบได้ว่า microSD Card นั้นๆ จะเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อบันทึกไฟล์วีดีโอที่ความละเอียดแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่นหากบน microSD Card นั้นมีสัญลักษณ์ V90 อยู่ล่ะก็นั่นหมายความว่า microSD Card นั้นๆ จะมาพร้อมกับความเร็วในการเขียนข้อมูลที่ 90 MB/s โดยเหมาะกับการใช้งานบันทึกไฟล์วีดีโอความละเอียด 8K ที่ 60 fps หรือ 120 fps เป็นต้นครับ

หมายเหตุ – ส่วนมากแล้วตัวอักษร V นั้นมักจะเห็นกันบน SD card ขนาดปกติมากกว่าครับ

อย่างไรก็ตามแต่เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานซึ่งในปัจจุบันนั้นเรามักจะใช้ microSD Card กับสมาร์ทโฟนเพื่อลงแอปพลิเคชันต่างๆ มาขึ้นทางหน่วยงาน SD Association จึงได้ทำการเพิ่มสัญลัักษณ์ใหม่ขึ้นมาอีกเพื่อบ่งบอกถึง “Application Class” โดย ณ ปัจจุบันนี้จะเป็นเป็น 2 สัญลักษณ์คือ A1 และ A2 โดยทั้ง 2 สัญลักษณ์นั้นมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ

จะเห็นได้ครับว่าสัญลักษณ์ A แล้วตามด้วยตัวเลขนั้นจะเป็นการบ่งบอกถึงความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลแบบสุ่ม โดย A1 นั้นจะมีความเร็วในการอ่านข้อมูลต่ำสุดอยู่ที่ 1500 iOPS และความเร็วในการเขียนข้อมูลต่ำสุดอยู่ที่ 500 IOPS ส่วน A2 นั้นจะมีความเร็วในการอ่านข้อมูลต่ำสุดอยู่ที่ 4000 iOPS และความเร็วในการเขียนข้อมูลต่ำสุดอยู่ที่ 2000 IOPS ซึ่งสัญลักษณ์นี้นั้นก็จะสามารถช่วยให้เรารู้ได้ว่า microSD Card ตัวไหนที่มีประสิทธิภาพในการใช้แอปพลิเคชันที่ถูกบันทึกอยู่ใน microSD Card ได้มากกว่ากันครับ

เอาล่ะครับเมื่อเราทราบความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ แล้วนั้นเราขอแนะนำ microSD Card บางรุ่นที่ประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคารวมไปถึงเหมาสมกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ดังต่อไปนี้ครับ

microSD Card ที่มีประสิทธิภาพต่อการใช้งานโดยรวมมากที่สุด

Samsung Evo Select 64GB MB-ME64GA/AM ราคาประมาณ 750 บาท หรือ SanDisk Ultra 64GB SDSQUAR-064G-GN6MA ราคาประมาณ 650 บาท

สำหรับ Samsung นั้นคงต้องยอมรับในประสิทธิภาพของเขาครับว่าดีจริงๆ เพราะ NAND flash ที่ทาง Samsung ผลิตนั้นมีการใช้งานอย่างกว้างขวางมากๆ ในปัจจุบัน โดยในรุ่น Select นี้นั้นเจ้า microSD Card จะมาพร้อมกับความเร็วในการอ่านข้อมูลแบบลำดับอยู่ที่ 100 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลอยู่ที่ 60 MB/s ซึ่ง microSD Card ของทาง Sandisk ที่เราแนะนำไว้เป็นตัวเลือกนั้นก็มาพร้อมกับความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลแบบลำดับเท่ากันกับของ Samsung แต่ราคานั้นจะถูกกว่านิดหน่อยครับ

microSD Card ที่มีประสิทธิภาพในการการใช้งานสูงมากที่สุด

Samsung Evo Select 128GB MB-ME128GA/AM ราคาประมาณ 1,470 บาท หรือ SanDisk Extreme SDSQXAF-128G-GN6MA ราคาประมาณ 2,100 บาท

Samsung Evo Select 128 GB นั้นจะมาพร้อมกับความเร็วในการอ่านข้อมูลแบบลำดับอยู่ที่ 100 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลอยู่ที่ 90 MB/s ในขณะที่ SanDisk Extreme SDSQXAF-128G-GN6MA จะมาพร้อมกับความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลแบบลำดับเท่ากันกับของ Samsung สิ่งที่แตกต่างกันนั้นก็คือเรื่องของราคาที่ของทาง Samsung จะมีราคาถูกกว่าครับ

microSD Card ที่มีความจุในการเก็บข้อมูลสูงมากที่สุด

SanDisk Ultra 400GB SDSQUAR-400G-GN6MA ราคาประมาณ 6,500 บาท

สำหรับท่านที่ต้องการความจะแบบสะใจกันไปข้างกันล่ะก็ SanDisk Ultra 400GB SDSQUAR-400G-GN6MA ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะมากับความจุสูงถึง 400 GB โดยที่ความเร็วในการอ่านข้อมูลแบบลำดับอยู่ระหว่าง 95 MB/s ถึง 100 MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนข้อมูลแบบลำดับสูงสุดนั้นไม่ได้มีการเผยข้อมูลออกมา อย่างไรก็ตามราคาของมันนั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับที่โหดเช่นเดียวกันแต่เมื่อแลกกับขนาดความจุสูงขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มครับ

หมายเหตุ – ราคาทั้งหมดเป็นราคาอ้างอิงจากเว็บ Amazon สำหรับราคาจำหน่ายในเมืองไทยนั้นอาจแตกต่างกันไปตามร้านดังนั้นแล้วขอแนะนำให้ผู้ที่สนใจสอบถามราคาจากทางร้านก่อนจะดีที่สุดครับ

ที่มา : techspot

from:https://notebookspec.com/microsd-card-buying-guide/434836/