คลังเก็บป้ายกำกับ: MARK_CUBAN

นักลงทุนชื่อดังเตือน “เรียนคอมไป ก็ใช่ว่ารอด ถ้าทำได้แค่เขียนโค้ด อีก 20 ปีก็ตกงาน เพราะ AI”

“เพราะการเขียนโค้ด มันก็เป็นแค่คณิตศาสตร์แบบหนึ่ง ซึ่งเรากำลังฝึกให้ AI ทำได้ทั้งหมด” ดังนั้น คนจบสายคอมพิวเตอร์ก็จะตกงาน เพราะทางรอดของงานในอนาคตไม่ใช่แค่เขียนโค้ด แต่ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Domain Knowledge 

computer science
computer science Photo: Shutterstock

จบคอมก็ไม่รอด เพราะหุ่นยนต์ AI แย่งงานได้หมด

ในยุคที่วงการไอทีรุ่งเรือง หนึ่งในสาขาวิชายอดฮิตของคนยุคนี้คือ การเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็น วิศวะคอมพิวเตอร์ (Computer Engineering) หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) เพราะเมื่อจบออกไป มีงานในตลาดรองรับอยู่มากมาย แต่ดูเหมือนว่าความรุ่งเรืองนี้อาจอยู่อีกไม่นานนัก เพราะหุ่นยนต์ AI สามารถทำแทนได้หลายอย่าง จนดูเหมือนว่าเรียนจบสายคอมพิวเตอร์ ก็ใช่ว่าจะรอดจากการ disrupt ของเทคโนโลยี

ล่าสุด Mark Cuban นักลงทุนชื่อดังไปร่วมพูดคุยกับ Steve Case ผู้ก่อตั้ง AOL (ซึ่งถือเป็นบุคคลที่บุกเบิกวงการอินเทอร์เน็ตเป็นคนแรกๆ ของโลก) ใน Recode Decode รายการ Podcast ของ Kara Swisher เจ้าแม่แห่งวงการไอที

  • หนึ่งในประเด็นที่ Cuban ถกเถียงไว้อย่างดุเดือดคือ ยุคนี้หลายคนบอกว่าเรียนจบสายคอมพิวเตอร์มา จะหางานดีๆ ได้ไม่ยาก จริงอยู่ว่านี่คือความจริงแห่งยุคสมัย แต่ในยุคถัดไปจากนี้สัก 20 ปี อาจไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
  • Cuban บอกว่า “ในอีก 20 ปีหลังจากนี้ ถ้าคุณเป็นนักเขียนโค้ด คุณอาจจะตกงาน เพราะการเขียนโค้ดก็คือคณิตศาสตร์แบบหนึ่ง ซึ่งเรากำลังฝึกให้ AI ทำได้ทั้งหมด”
Mark Cuban
Mark Cuban Photo: Shutterstock

 

ทางรอดของงานในอนาคต ต้องมีความรู้แบบ Domain Knowledge

การจะอยู่รอดในอนาคตต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Domain Knowledge

  • คำถามก็คือ Domain Knowledge คืออะไร?

Domain Knowledge คือ ความรู้เชิงลึกในศาสตร์สาขาใดสาขาหนึ่ง แตกต่างจากความรู้แบบทั่วไป (General Knowledge) แต่คำๆ นี้เมื่อใช้ในบริบทของการทำงาน หรือการหาความรู้จะหมายถึง การมีความรู้แบบข้ามสาย-ข้ามศาสตร์ และที่สำคัญคือเมื่อผสมผสานกันออกมาแล้วได้เป็นความรู้สายใหม่

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ถ้าคุณมีความรู้แบบ General Knowledge เป็นคนเขียนโค้ด-เขียนซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ แถมยังมีความรู้แบบ Domain Knowledge ในสายปรัชญา คุณอาจเป็นนักเขียนโค้ดที่สั่งให้หุ่นยนต์ AI ทดลองโมเดลในการตัดสินใจผ่านกรณีฉุกเฉินต่างๆ และในท้ายที่สุดก็นำไปใช้กับวงการรถยนต์ในอนาคตที่จะเป็นรถยนต์แบบไร้คนขับ ซึ่งหุ่นยนต์ AI จะเป็นคนตัดสินใจแทนมนุษย์ในหลายๆ สถานการณ์นั่นเอง

ที่มา – Vox

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/ai-took-jobs-by-mark-cuban/

มาดูสตาร์ทอัปจากซานฟราน ที่กล้าปฏิเสธเงินร้อยล้านจากรายการ Shark Tank และ Mark Cuban

3 พี่น้องผู้กล้าปฏิเสธข้อเสนอจาก “Shark Tank” ยืนยันว่าไม่เสียใจแน่นอนที่ตัดสินใจเช่นนั้น โดยพวกเธอกล่าวไว้ใน KGO-TV ว่า “ใครจะไปรู้ได้ล่ะ ถ้าเราขายแอปให้กับพวกเขา มันก็อาจจะแตกต่างออกไป แต่ในที่สุดแล้ว พวกเราก็ทำได้อยู่ดี ถึงจะไม่มีพวกเขา” 

ABC_shark_tank_coffee_bagel_2_jtm_150113_4x3_992-620x465

ใน Shark Tank ตอนล่าสุด มหาเศรษฐี Mark Cuban ได้เสนอเงินเกือบ 100 ล้าน เพื่อซื้อกิจการ Coffee Meets Bagel ของสามพี่น้อง แต่พวกเธอบอกว่า “ณ จุดนี้ เราจะไม่รับการเสนอซื้อจากใครก็ตาม แม้กระทั่ง Mark Cuban”

“เหตุผลก็คือ เรารู้ว่าเราจะสร้าง Coffee Meets Bagel ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นได้ และเรายินดีที่จะมีเขาเป็นผู้ลงทุนให้ เพราะเขาเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ฉลาด และมีความรู้จริงในด้านนี้”

สามพี่น้องหวังว่าจะระดมเงินลงทุนให้ได้ราวๆ 15 ล้านบาท แลกกับการถือหุ้น 5% ในบริษัท

แอปหาคู่เดทจาก Coffee Meets Bagel เปิดให้ใช้ฟรี แต่จะเก็บค่าบริการก็ต่อเมื่อลูกค้าต้องการบริการในระดับพรีเมี่ยม โดยสามารถล็อกอินเข้าใ้ช้งานผ่าน Facebook ได้ และฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “open sesame” ที่มีค่าใช้จ่าย “95 beans” เพื่อเปิดเผยว่าใครมีเพื่อนร่วมกับคุณบ้าง

ก่อนหน้านี้ กิจการของพวกเธอได้รับเงินลงทุนมาแล้วมากกว่า 84 ล้านบาท จากบริษัทเงินทุนหลายๆ แห่ง รวมทั้งจากหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง match.com ด้วย

ถึงแม้ว่า Mark Cuban และคณะกรรมการคนอื่นๆ จะประทับใจกับรายได้และการระดมทุนของธุรกิจนี้มาก แต่ก็ปฏิเสธที่จะลงทุน เนื่องจากยังไม่เห็นแผนการใช้เงินที่ชัดเจน นอกเหนือจากการจ่ายให้กับนักพัฒนาแล้ว พวกเธอระบุว่าแบ่งเงินเดือนไว้ให้ตัวเองคนละ 3 ล้านบาทต่อปี ส่วนเงินลงทุนอื่นๆ ก่อนหน้านี้มาจากเงินส่วนตัวของพวกเธอเอง

shark-tank-panel

ในปี 2013 ธุรกิจของพวกเธอทำเงินได้เกือบ 3 ล้านบาท และเพียงแค่ 5 เดือนแรกของปี 2014 ทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านบาท รวมๆ แล้วทั้งปี 2014 พวกเธอน่าจะทำได้ 30 ล้านบาท

สำหรับปี 2015 Coffee Meets Bagel  ตั้งเป้าไว้ที่ 300 ล้านบาท แน่นอนว่าต้นทุนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากต้องหาลูกค้าให้ได้ถึง 4 ล้านราย เพราะจากสถิติแล้ว ผู้ใช้งานแต่ละคนจะจ่ายเงินราวๆ 80 บาท คาดกันว่าค่าใช้จ่ายทางการตลาดจะสูงถึง 90 ล้าน ไปจนถึง 12 ล้าน เลยทีเดียว

ที่มา : Yahoo News

from:http://thumbsup.in.th/2015/01/the-san-francisco-startup-that-wouldnt-bite-on-30m-shark-tank-tease/