Samsung Galaxy A (2016) กับกระจก Gorilla Glass 4 สุดแกร่ง?

Samsung Galaxy A5 (2016) และ Samsung Galaxy A7 (2016) เป็นสมาร์ทโฟนที่ผมต้องขอชมทาง Samsung เลยนะครับ เพราะมีราคาที่ไม่แพง และมาพร้อม Design ที่สวยงามมากๆ ไม่แพ้รุ่นระดับเรือธงของค่ายเลยทีเดียวครับ แถมยังมาพร้อมสเปคที่น่าสนใจ และการใช้งานที่รวดเร็วและลื่นไหล ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเป็นยอดนิยม ไปที่ไหนก็เห็นใช้สมาร์ทโฟน Series นี้กันเยอะมากๆ เป็นความพรีเมี่ยมที่ทุกคนเอื้อมถึง บางคนบอกว่ามันสวยกว่า Samsung Galaxy S6 เสียอีกนะครับเนี่ย รวมทั้งกล้องก็ยังเป็นอีกหนึ่งจุดขายอีกด้วยครับ ถ่ายง่ายและออกมาดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง คุณภาพเสียงดี และแบตเตอรี่ที่อึดแถมยังมี Fingerprint scanner ที่ปุ่ม Home ทั้งคู่อีกด้วย ใครสนใจไปอ่านรีวิว Samsung Galaxy A5 (2016) และ Samsung Galaxy A7 (2016) กันได้ตามลิงค์นี้เลย

รีวิว Samsung Galaxy A5 (2016) และ Samsung Galaxy A7 (2016)

สำหรับอีกหนึ่งจุดเด่นนอกจาก Design ที่สวยงามและพรี่เมี่ยม รวมทั้งสเปคที่ดี และกล้องคุณภาพสูงแล้วแล้วที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือความแข็งแกร่งครับ ด้วยตัวเรือนขอบโลหะ Aluminium Alloy 6061 ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน และกระจก โดยถึงแม้ว่าจะเป็นกระจกแต่ว่า Samsung Galaxy A (2016) ไม่ได้เลือกใช้กระจกธรรมดานะครับ แต่ว่าเป็นกระจกสุดแกร่งรุ่นใหม่ Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้นอกจากดูหรูหราแล้ว ยังแข็งแกร่งทนทานต่อริ้วรอยต่างๆนานาที่เกิดในชีวิตประจำวันมากๆเลยครับ

สำหรับกระจก Gorilla Glass 4 เป็นกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ซึ่งสามารถกันรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยลดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ซึ่งทนทานยิ่งกว่ากระจก Gorilla Glass รุ่นก่อนๆมากเลยครับ โดยทางผู้ผลิต Corning ได้รับประกันว่ากระจก Gorilla Glass 4 มีความทนทานกว่าเดิมถึง 2 เท่าและมีอัตราส่วนที่จะรอดจากการตกกระแทกในความสูง 1 เมตรถึง 80% เลยทีเดียวในสถานการณ์จำลองที่ทาง Corning ได้ออกแบบขึ้นมา โดยมีความบางของกระจกเพียงแค่ 0.4 มม. เท่านั้นช่วยให้สามารถผลิตสมาร์ทโฟนให้มีความบางลงได้มากขึ้นอีกด้วย

แต่ก็ต้องบอกใว้ก่อนนะครับว่ากระจก Gorilla Glass 4 ก็ไม่ใช่ว่าจะแข็งแกร่งตกไม่แตกหรือเป็นรอยอะไรขนาดนั้น เพราะมันมีโอกาสที่จะเสียอยู่นะครับ อย่างสถานการณ์จำลองก็ยังประเมินใว้ที่ 80% ก็ขึ้นอยู่กับความแรง องศา และวัตถุที่กระทบกับสมาร์ทโฟนอีกด้วย

สำหรับข้อมูลเชิงลึก Gorilla Glass 4 มีความแข็ง (Mohs hardness scale) เท่ากับ Quartz ซึ่งถือเป็นระดับ 7 ใน 10 ระดับ โดยความแข็งระดับ 10 จะเท่ากับเพชร ทำให้ทนต่อรอยขีดข่วนจากหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ ทองแดง พวงกุญแจ หัวเข็มขัด ไทเทเนียม มีด ตะปู หินอ่อน พลาสติก จะแพ้ก็พวกอัญมณีเนื้อเเข็งเช่น เพชร โกเมน บุษราคัมเป็นต้น อย่างไรตามในฝุ่นบางทีก็มี Quartz ขนาดเล็กมากๆ ซึ่งถ้ามีแรงกดทับให้เสียดสีกับหน้าจอก็อาจทำให้เกิดรอยขึ้นได้ (ยังไงซะอย่างที่ผมเคยบอกเสมอครับ ริ้วรอยบนหน้าจอสมาร์ทโฟนก็มักมาจากฝุ่นในกระเป๋ากางเกงของเรานี่ละครับ ยิ่งถ้าไปเที่ยวทะเลนี่ตัวดีเลยเจอทรายเข้าไปอันตรายทีเดียว ยังไงซะก็ควรติดฟิล์มกันรอยเอาใว้ซักหน่อยนะครับ)

จะเห็นได้เลยนะครับว่า Samsung Galaxy A5 (2016) และ Samsung Galaxy A7 (2016) ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงมาก ไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงเลยละ ใครที่กำลังมองสมาร์ทโฟนที่ทั้งสวย สเปคดี และแข็งแกร่ง นับเป็นตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เลยนะครับ

from:https://www.appdisqus.com/2016/06/01/samsung-galaxy-a-2016-and-gorilla-glass-4.html

สมาร์ทโฟนจาก Samsung ที่เลือกใช้กระจกสุดแกร่ง CORNING Gorilla Glass 4 มีรุ่นอะไรบ้าง? มาดูกันเลย!!!

สำหรับกระจกป้องกันรอยขีดข่วน CORNING Gorilla Glass 4 นั้นมีจุดเด่นตรงที่ออกแบบมาเพื่อหน้าจอสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่หน้าจอระบบสัมผัสประเภทต่างๆ (เช่น Tablet หรือหน้าจอ Notebook เป็นต้น) ที่ทาง CORNING อ้างว่าแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของกระจกหน้าจอที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โอกาสแตกกระจายลดลงสูงถึง 80% โดยมีการนำ Fiber Optic มาใช้ในการผลิตอีกด้วย และมีความบางเพียง 0.4 มม. เท่านั้นซึ่งบางกว่า CORNING Gorilla Glass 3 ที่มีความบางอยู่ 0.7 มม. เท่ากับว่านอกจากจะป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีมากเช่นเคยแล้ว CORNING Gorilla Glass 4 ยังแข็งแรงและทนทาน รวมทั้งบางเฉียบยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

มาดูกันครับว่าสมาร์ทโฟนจาก Samsung มีรุ่นไหนบ้างที่เลือกใช้ กระจก CORNING Gorilla Glass 4 นี้กันบ้าง เพื่อนๆ AppDisqus ก็อาจกำลังใช้สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกระจกชนิดนี้กันอยู่ก็เป็นได้นะครับ สามารถคลิ๊กที่ชื่อรุ่นเพื่อเข้าไปอ่านรีวิวโดยทีมงาน AppDisqus กันได้เลยนะครับ

Samsung GALAXY S6 edge

สเปคของ Samsung Galaxy S6 edge

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 17(700), 18(800), 19(800), 20(800), 26(850)
• ขนาดตัวเครื่อง 142.1 x 70.1 x 7 มม. น้ำหนัก 132 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.1 นิ้วความละเอียด 1440 x 2560 pixels (577 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
• Heart Rate
• Fingerprint sensor (PayPal certified)
• Samsung Pay (Visa, MasterCard certified)
• Wireless charging (Qi/PMA)
• Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Exynos 7420 Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2.1 GHz Cortex-A57
• GPU Mali-T760
• RAM 3GB
• หน่วยความจำภายในจะมีให้เลือกสามความจุ 32/64/128GB
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP, LE, apt-X
• NFC
• Infrared Port
• Micro USB 2.0, MHL 3 TV-out, USB Host
• GPS, GLONASS, Beidou
• เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2
• กล้องความละเอียด 16 MP, F 1.9, 2988 x 5312 pixels, optical image stabilization, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, Auto HDR, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 2160p@30fps, 1080p@60fps, 720p@120fps, HDR, dual-video rec.
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP, 1080p@30fps, dual video call, Auto HDR
• แบตเตอรี่ความจุ 2600 mAh
• มีให้เลือกสี่สีได้แก่ White Pearl, Black Sapphire, Gold Platinum, Green Emerald

Samsung GALAXY S6

สเปคของ Samsung Galaxy S6

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 17(700), 18(800), 19(800), 20(800), 26(850)
• ขนาดตัวเครื่อง 143.4 x 70.5 x 6.8 มม. น้ำหนัก 138 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.1 นิ้วความละเอียด 1440 x 2560 pixels (577 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
• Heart Rate
• Fingerprint sensor (PayPal certified)
• Samsung Pay (Visa, MasterCard certified)
• Wireless charging (Qi/PMA)
• Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Exynos 7420 Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2.1 GHz Cortex-A57
• GPU Mali-T760
• RAM 3GB
• หน่วยความจำภายในจะมีให้เลือกสามความจุ 32/64/128GB
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP, LE, apt-X
• NFC
• Infrared Port
• Micro USB 2.0, MHL 3 TV-out, USB Host
• GPS, GLONASS, Beidou
• เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2
• กล้องความละเอียด 16 MP, F 1.9, 2988 x 5312 pixels, optical image stabilization, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, Auto HDR, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 2160p@30fps, 1080p@60fps, 720p@120fps, HDR, dual-video rec.
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP, 1080p@30fps, dual video call, Auto HDR
• แบตเตอรี่ความจุ 2550 mAh
• มีให้เลือกสี่สีได้แก่ White Pearl, Black Sapphire, Gold Platinum, Blue Topaz

Samsung GALAXY Note 4

สเปคของ Samsung GALAXY Note 4

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 17(700), 20(800)
• ขนาดตัวเครื่อง 153.5 x 78.6 x 8.5 มม. น้ำหนัก 176 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.7 นิ้วความละเอียด 1440 x 2560 pixels (515 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• S Pen stylus
• Heart Rate
• Fingerprint sensor (PayPal certified)
• Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Exynos 5433 Quad-core 1.3 GHz Cortex-A53 & Quad-core 1.9 GHz Cortex-A57
• GPU Mali-T760
• RAM 3GB
• หน่วยความจำภายใน 32GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 128GB
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.1, A2DP, EDR, LE
• NFC
• Infrared Port
• Micro USB 2.0, MHL 3 TV-out, USB Host
• GPS, GLONASS, Beidou
• เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, gesture, UV, heart rate, SpO2
• กล้องความละเอียด 16 MP, 5312 x 2988 pixels, optical image stabilization, autofocus, LED flash, Dual Shot, Simultaneous HD video and image recording, geo-tagging, touch focus, face/smile detection, panorama, HDR
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 2160p@30fps, 1080p@60fps, optical stabilization, dual-video rec.
• กล้องหน้าความละเอียด 3.7 MP, 1440p
• แบตเตอรี่ความจุ 3220 mAh
• มีให้เลือกสี่สีได้แก่ Frosted white, Charcoal black, Bronze Gold, Blossom Pink

Samsung GALAXY ALPHA

สเปคของ Samsung Galaxy Alpha

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
• 4G LTE 800 / 850 / 900 / 1800 / 1900 / 2100 / 2600
• ขนาดตัวเครื่อง 132.4 x 65.5 x 6.7 มม. น้ำหนัก 115 กรัม
• Fingerprint sensor (PayPal certified)
• Heart Rate
• หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4.7 นิ้วความละเอียด HD 720P 720 x 1280 pixels (312ppi) กระจกหน้าจอเคลือบ TBC
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 4.4.4 KitKat ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• ชิบเซ็ต Exynos 5 Octa 5430
• CPU Quad-core 1.8 GHz Cortex-A15 & quad-core 1.3 GHz Cortex-A7
• GPU Mali-T628 MP6
• RAM 2GB
• หน่วยความจำภายใน 32GB (เหลือให้ใช้ประมาณ 25.8GB) ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, DLNA, Wi-Fi Direct, Wi-Fi hotspot
• Bluetooth 4.0 with A2DP, EDR, LE, NFC, microUSB 2.0
• GPS รองรับ GLONASS
• กล้องความละเอียด 12MP, 4128 x 3096 pixels, autofocus, LED flash
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 4K 2160P 30fps, Full HD 1080P 60fps, HD 720P 120fps
• กล้องหน้าความละเอียด 2.1MP, บันทึกวีดีโอ 1080P
• แบตเตอรี่ความจุ  1860 mAh
• มีให้เลือกห้าสีได้แก่ Charcoal Black, Sleek Silver, Dazzling White, Frosted Gold, Scuba Blue

Samsung Galaxy A8

 

สเปคของ Samsung Galaxy A8

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800)
• ขนาดตัวเครื่อง 158 x 76.8 x 5.9 มม. น้ำหนัก 151 กรัม
• Fingerprint sensor
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.7 นิ้วความละเอียด 1080 x 1920 pixels (386 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Exynos 5430 Octa Core Cortex-A15 1.8 GHz & Quad-Core Cortex-A7 1.3 GHz
• RAM 2GB
• หน่วยความจำภายใน 32GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 128GB
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, WiFi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.1, A2DP, EDR, LE
• NFC
• Micro USB 2.0
• GPS, GLONASS
• เซนเซอร์ Accelerometer, proximity, compass
• กล้องความละเอียด 16 MP, 5312 x 2988 pixels, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama, HDR
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p@30fps
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP, 1080p
• แบตเตอรี่ความจุ 3050 mAh
• มีให้เลือกสามสีได้แก่ Pearl White, Midnight Black, Champagne Gold

Samsung Galaxy A5

สเปคของ Samsung Galaxy A5

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800)
• ขนาดตัวเครื่อง 139.3 x 69.7 x 6.7 มม. น้ำหนัก 123 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5 นิ้วความละเอียด 720 x 1280 pixels (294 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
• GPU Adreno 306
• RAM 2GB
• หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 64GB
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP, EDR, LE
• NFC
• Micro USB 2.0
• GPS, GLONASS
• เซนเซอร์ Accelerometer, proximity, compass
• กล้องความละเอียด 13 MP, 4128 x 3096 pixels, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p@30fps
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP
• แบตเตอรี่ความจุ 2300 mAh
• มีให้เลือกหกสีได้แก่ Pearl White, Midnight Black, Platinum Silver, Soft Pink, Light Blue, Champagne Gold

Samsung Galaxy A3

สเปคของ Samsung Galaxy A3

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800)
• ขนาดตัวเครื่อง 130.1 x 65.5 x 6.9 มม. น้ำหนัก 110 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 4.5 นิ้วความละเอียด 540 x 960 pixels (245 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
• GPU Adreno 306
• RAM 1.5GB
• หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 64GB
• Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP, EDR, LE
• NFC
• Micro USB 2.0
• GPS, GLONASS, Beidou
• เซนเซอร์ Accelerometer, proximity, compass
• กล้องความละเอียด 8 MP, 3264 x 2448 pixels, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p@30fps
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP
• แบตเตอรี่ความจุ 1900 mAh
• มีให้เลือกหกสีได้แก่ Pearl White, Midnight Black, Platinum Silver, Soft Pink, Light Blue, Champagne Gold

Samsung Galaxy A7

สเปคของ Samsung Galaxy A7

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800)
• ขนาดตัวเครื่อง 151 x 76.2 x 6.3 มม. น้ำหนัก 141 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด 1080 x 1920 pixels (401 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.0 GHz Cortex-A53
• GPU Adreno 405
• RAM 2GB
• หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 64GB
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, WiFi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP, EDR, LE
• NFC
• Micro USB 2.0
• GPS, GLONASS
• เซนเซอร์ Accelerometer, proximity, compass
• กล้องความละเอียด 13 MP, 4128 x 3096 pixels, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p@30fps
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP
• แบตเตอรี่ความจุ 2600 mAh
• มีให้เลือกสามสีได้แก่ Pearl White, Midnight Black, Champagne Gold

Samsung Galaxy E7

สเปคของ Samsung Galaxy E7

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800)
• ขนาดตัวเครื่อง 151.3 x 77.2 x 7.3 มม. น้ำหนัก 141 กรัม
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด 720 x 1280 pixels (267 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 4.4.4 KitKat ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
• GPU Adreno 306
• RAM 2GB
• หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 64GB
• Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP
• NFC
• Micro USB 2.0
• GPS, GLONASS
• เซนเซอร์ Accelerometer, proximity
• กล้องความละเอียด 13 MP, 4128 x 3096 pixels, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p@30fps
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP
• แบตเตอรี่ความจุ 2950 mAh
• มีให้เลือกสี่สีได้แก่ Black, White, Brown, Blue

Samsung Galaxy E5

สเปคของ Samsung Galaxy E5

• 3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
• ขนาดตัวเครื่อง 141.6 x 70.2 x 7.3 มม.
• หน้าจอ Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors ขนาด 5.0 นิ้วความละเอียด 720 x 1280 pixels (294 ppi)
• กระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4
• Android 4.4.4 KitKat ครอบทับด้วย TouchWiz UI
• CPU Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
• GPU Adreno 306
• RAM 1.5GB
• หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 64GB
• Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, hotspot
• Bluetooth 4.0, A2DP
• NFC
• Micro USB 2.0
• GPS, GLONASS
• เซนเซอร์ Accelerometer, proximity
• กล้องความละเอียด 8 MP, 3264 x 2448 pixels, autofocus, LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama
• บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p@30fps
• กล้องหน้าความละเอียด 5 MP
• แบตเตอรี่ความจุ 2400 mAh
• มีให้เลือกสามสีได้แก่ Black, White, Brown

ที่มา corninggorillaglass

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/10/corning-gorilla-glass-4-for-samsung.html

Corning เปิดตัวกระจกหน้าจอมือถือ Gorilla Glass 4 ทนทานจอแตกถึง 80%

Corning ผู้ผลิตหน้าจอกระจกสมาร์ทโฟนชื่อดังได้เปิดตัวกระจกรุ่นใหม่ Gorilla Glass 4 ที่มีความทนทานกว่ารุ่นเดิมนอกจากจะป้องกันรอยขีดข่วนแล้ว ยังทนทานต่อการตกกระแทกอีกด้วย โดยกระจก Gorilla Glass 4 นั้นมีความทนทานกว่าหน้าจอกระจกทั่วไปถึง 2 เท่า มีความบางเพียง 0.4 มม.บางกว่ารุ่นก่อนถึง 0.3 มม. ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ใช้กระจก Gorilla Glass 4 มีความบางลงไปอีก

จากการทดสอบความทนทานต่อการตกกระแทกของ กระจก Gorilla Glass 4 ที่ความสูง 1 เมตรบนกระดาษทรายละเอียด 180-grit พบว่ามีความทนทานมากกว่าเดิมถึง 80% ซึ่งตอนนี้ทาง Corning ได้ส่งมอบ Gorilla Glass 4 ให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบางรายแล้ว คาดว่าจะได้ออกสู่ตลาดกันในช่วงต้นปีหน้า

ที่มา – theverge

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=107249

ถึงเวลาก้าวเข้าสู่ยุคของกระจก Gorilla Glass 4 ด้วยการทดสอบสุดหินมากมายเพื่อทดสอบทั้งความแข็งแรงและยืดหยุ่น มีคลิปด้านใน

ทุกวันนี้กระจก Gorilla Glass 3 เป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในทุกวันนี้ที่มีจุดเด่นเรื่องความแข็งแรง กันรอยขีดข่วนได้ดีแต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่กระจกกอริล่ารุ่นใหม่จะเผยโฉมให้เราเห็นนั่นก็คือ Gorilla Glass 4 ที่จะถูกนำมาทดสอบโดยเจ้าพ่อแห่งนักพิสูจน์เรื่องงมงายจากทีมงาน Mythbuster โดยคุณ อดัมและเจมี่ (Adam and Jamie)

แอดมินเชื่อว่าต้องถูกใจเพื่อนๆที่ชื่นชอบคลิปที่ทำลายสิ่งของแน่ๆ เพราะพิธีกรทั้ง 2 ได้ทำคลิปเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของกระจก Gorilla Glass 4 กับกระจกแบบอื่นโดยนำกุญแจมาขีดที่หน้าจอจึงพบได้ว่าไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนและได้จัดจำเป็นแบบ Drop test ด้วยลูกตุ้มน้ำหนักเหวี่ยงมากระแทกหน้าจอโดยตรง แล้วยังมีการนำแก้วหลอมเหลวมาหยดลงในน้ำเพื่อให้เย็นตัวแล้วมาทดสอบเรื่องความแข็งแรงอีกด้วย และอีกส่วนนึงได้นำกระจกของหน้ารถทั้ง 2 แบบมาทดสอบความแข็งแรง ซึ่งกระจก A จะเป็นแบบอื่น ส่วนแบบ B จะเป็นกระจก Gorolla Glass 4 มีทั้งนำค้อนปอนด์มาทุบและใช้ปืนลมมายิง ส่วนผลการทดสอบเป็นยังไงก็เชิญหาความสำราญได้ในคลิปแรกครับ

ส่วนในคลิปที่สองก็ได้มีการพูดถึงประวัติของแก้วและมีการนำเครื่องใช้ที่ทำมาจากแก้วต่างๆมาโชว์ และได้พูดถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะนำตัว Gorilla Glass 4 มาเป็นส่วนประกอบเช่น ใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) โดยได้นำมาพันดับแท่งดินสอเพื่อทดสอบให้เห็นว่าแก้วตัวใหม่นี้มีความยืดหยุ่นสูงมาก ถึงแม้จะพันหลายรอบแล้ว ไฟตรงปลายแก้วก็ยังไม่ดับไป แล้วก็มีการนำแผ่นแก้วทั้ง 2 แบบมาทดสอบความยืดหยุ่นอีกด้วย

บอกได้เลยว่าปีหน้านี้ ถ้าค่ายมือถือต่างๆได้เลือกนำกระจกกอริล่า 4 นี้มาผลิตสินค้า น่าจะช่วยให้หน้าจออุปกรณ์ต่างๆแตกกยากขึ้นได้นั้นเองครับ

Credit : androidauthority

from:http://www.appdisqus.com/2014/11/21/its-time-for-glass-age-with-2-clips.html

Corning ปล่อยทีเซอร์ “โลกกำลังเข้าสู่ยุคของแก้ว” ต้อนรับการมาของ Gorilla Glass 4

ในวันนี้ Corning ผู้นำเทคโนโลยีทางด้านกระจกกันรอยขีดข่วนบนสมาร์ทโฟน ได้เปิดตัวกระจก Gorilla Glass รุ่นที่ 4 ที่มีดีไม่ใช่แค่กันรอยขีดข่วน เพราะในรุ่นที่ 4 สามารถกันการตกแตกได้แล้ว นอกจากนี้ยังได้ปล่อยวิดีโอทีเซอร์เพื่อต้อนรับการมาของ Gorilla Glass 4 อีกด้วย โดยเนื้อหาของวิดีโอจะเป็นพูดถึงยุคสมัยปัจจุบันที่กำลังเข้าสู่ “ยุคสมัยของแก้ว”

โดยวิดีโอจะมีอยู่ด้วยกันสองส่วน โดยในส่วนแรกจะกล่าวถึงที่มาที่ไปทำไมในโลกปัจจุบันถึงเป็นยุคสมัยของแก้ว (The Glass Age) ซึ่งได้เล่าย้อนเรื่องราวในสมัยอารยธรรมของมนุษย์ช่วงแรกว่าผ่านยุคอะไรมาบ้างก่อนที่จะมาถึงในยุคของแก้ว โดยไล่ย้อนมาตั้งแต่ ยุคหิน (Stone Age) ยุคโลหะทองสัมริด (Bronze Age) ยุคเหล็ก (Iron Age) และเรื่อยๆ มาจนถึงยุคสมัยของแก้ว (The Glass Age)

เชื่อว่าหลายท่านคงสงสัย ทำไม “แก้ว” มันมีอะไรที่น่าพิสมัยอะไรขนาดนั้นถึงทาง Corning ถึงยกให้แก้วเป็นตัวผลักดันของยุคสมัยนี้ ซึ่งในวิดีโอได้บอกให้เราลองนึกถึงโลกที่ปราศจากแก้วดู โลกจะเป็นยังไง ต่อมาในคลิปก็จะบอกว่าเพราะแก้วนี้เป็นวัสดุที่สำคัญมากในวงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเครื่องใช้ เครื่องประดับ ในวิทยาศาสตร์ ในวงการอุตสาหกรรมเป็นต้น

ต่อมาได้มีการพัฒนาทำให้แก้วสามารถยืดหยุ่นบิดงอได้ หลายๆ คนอาจจะสงสัยการทำให้แก้วงอได้นี้ทำไปทำไม มีประโยชน์อะไร ซึ่งในวิดีโอได้ยกตัวอย่างของสาย optical fiber (ใยแก้วนำแสง) ที่แสดงให้เห็นประโยชน์ของแก้วที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งช่วยทำให้หลักการการส่งข้อมูลสูงด้วยแสงนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริง ทำให้การส่งข้อมูลข้ามโลกเป็นไปได้อย่างง่ายดาย โดยใยแก้วนำแสงในปัจจุบันสามารถส่งข้อมูลได้ความเร็วสูงถึง 1.05 petabits ต่อวินาที (1000 terabits ต่อวินาที) หรือเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ สามารถดาวน์โหลดวิดีโอความละเอียดสูง (HD) ได้ 17000 วิดีโอต่อ 1 วินาที

ช่วงท้ายคลิปของส่วนแรกจะมีการพูดถึงกระจกที่งอได้ของ Corning ที่สามารถกลับคืนตัวเป็นปกติหลังจากงอได้ ทาง Corning ได้ตั้งชื่อให้กับกระจกตัวนี้ว่า Willow Glass จุดเด่นของมันอยู่ที่ความบางเบา มีความยืดหยุ่นสูง สามารถคืนตัวได้และทนทานต่อการขีดขวน โดยทาง Corning มีแผนจะส่งมอบให้ผู้ผลิตในปี 2016

วิดีโอในส่วนที่สอง จะพูดถึงนวัตกรรมเกี่ยวกับความทนทานของแก้ว ไม่ว่าจะเป็นการทนรอยขีดข่วนซึ่งรวมไปถึงแรงกระแทก โดยทดสอบบนมือถือด้วยการนำลูกเหล็กปล่อยลงมาให้กระแทกกับหน้าจอมือถือในความสูงประมาณ 1 เมตร ซึ่งปรากฏว่ามือถือที่ใช้กระจกของ Corning ไม่แตกจ้าาาา (เลียนแบบหนูนา) นอกจากนี้ยังทดสอบความแข็งแรงของกระจกด้วยปืนลูกเหล็กอัดแรงดันสูง ระหว่างกระจกธรรมดาหนาๆ เอาสองแผ่นประกบกัน กับกระจกหนาธรรมดาที่ถูกปกป้องด้วยกระจกจาก Corning ส่วนผลจะเป็นอย่างไรดูได้ตามวิดีโอด้านบน

ถึงแม้ว่ากระจกจาก Corning จะได้รับความนิยมยังไง แต่ก็ไม่อาจที่จะดึงให้ Apple นำมันมาใช้ใน iPhone 6 ได้ เพราะ Apple เลือกใช้กระจกแบบที่ทำมาจากแซฟไฟร์ (sapphire) ซึ่งเป็นแร่ที่มีความแข็งรองลงมาจากเพชรแทน ซึ่ง Vertu ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสุดหรูราคาแพงก็เลือกแซฟไฟร์แทนกระจกจาก Corning เช่นกัน

ที่มา digitaltrends 

from:http://droidsans.com/corning-release-video-to-promote-gorilla-glass

Corning เปิดตัว Gorilla Glass 4 ที่มาพร้อมกับความสามารถกันการตกกระแทก

Corning ผู้นำด้านเทคโนโลยีในกระจกบนสมาร์ทโฟน โดย Gorillla Glass ถือเป็นผลิตภัณฑ์จาก Corning ที่ได้รับความไว้ใจจากเหล่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลก เนื่องจาก Gorilla Glass สามารถทนทานต่อแรงขีดข่วนและแรงกดได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะยังไม่เพียงพอต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เพราะ Gorilla Glass ยังไม่สามารถกันการแตกของหน้าจอที่มาจากการทำตกได้ จนทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนต้องไปซื้อและติดตั้งกันรอยแบบนิรภัยเพื่อป้องกันการตกแตกของหน้าจอเพิ่มเติม

ในวันนี้ Corning ได้ทำให้ฝันของผู้ใช้หลายๆ ท่านเป็นจริง เพราะได้เปิดตัว Gorilla Glass รุ่นที่ 4 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่หลายๆ คนนั้นรอคอย นั่นก็คือ “กันการตกกระแทก”

ทาง Corning ได้เคลมว่า Gorilla Glass 4 สามารถช่วยปกป้องหน้าจอจากการตกได้มากกว่าผู้ผลิตกระจกรายอื่นถึง 2 เท่า โดย Corning ได้อ้างอิงผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ Gorilla Glass 4 ช่วยทำให้หน้าจอสมาร์ทโฟนมีอัตราการรอดจากการตกแตกจากที่สูง 1 เมตรสูงถึง 80% โดยพื้นผิวที่ทำการทดสอบเป็นพื้นผิวที่ขุรขระ ไม่ราบเรียบ โดยจำลองให้เหมือนในชีวิตประจำวันมากที่สุด (จำลองให้คล้ายพื้นขุรขระของคอนกรีต)

ซึ่งนอกจากจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ตัว Gorilla Glass 4 ยังบางกว่ารุ่นก่อนถึง 0.3 มิลลิเมตร โดยรุ่นเก่ามีความหนา 0.7 มม. แต่ในรุ่นใหม่หนาเพียง 0.4 มม เท่านั้น โดยทาง Corning ได้เผยว่า เริ่มส่งมอบให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบางรายแล้ว และน่าจะได้เห็น Gorilla Glass 4 บนสมาร์ทโฟนเร็วสุดในไตรมาสหน้า

ที่มา GSM Arena

from:http://droidsans.com/corning-unveiled-gorilla-glass-4

Corning ปล่อยวีดีโอทดสอบกระจกลิงตัวใหม่แล้ว Gorilla Glass 4 กระจกจอที่ออกแบบมาเพื่อการตกกระแทกพื้น

Corning ปล่อยวีดีโอทดสอบกระจกลิงตัวใหม่แล้ว Gorilla Glass 4 กระจกจอที่ออกแบบมาเพื่อการตกกระแทกพื้น

 

ไม่ถึงหนึ่งปีดี หลังจากที่ Corning มีการเปิดตัว Corning Gorilla Glass 3 ครั้งแรก ก็มาถึงเทคโนโลยีกระจกจอรุ่นถัดไปแล้วครับ กับกระจกลิง 4 ที่ออกแบบมาเพื่อหน้าจอสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่รองรับกับหน้าจอแบบสัมผัส ที่ทาง Corning กล่าวว่าแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของกระจกจอที่มีอยู่ในตลาด หลังการทดสอบของพวกเขาในการปล่อยตัวเครื่องที่ใช้กระจกจอ Gorilla Glass 4 จากระดับความสูงหนึ่งเมตร บนพื้นผิวที่หยาบ ปรากฏอัตราการแตกของกระจกลดลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์

 

Gorilla Glass ทั้งสามรุ่นก่อนหน้านี้ ได้รับการใช้ในอุปกรณ์มากกว่า 1,395 รุ่น และมีการจัดส่งออกไปแล้วรวมกว่า 3 พันล้านชิ้น ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา และ Corning ก็คาดว่า Gorilla Glass 4 ก็จะยังคงเป็นสินค้าที่ผู้ผลิตต่างๆ ต้องการเพื่อไปเลือกใช้กับอุปกรณ์ของตัวเองต่อๆ ไป แต่ยังไม่มีการระบุรุ่นที่เฉพาะเจาะจงใว่าจะเป็นค่ายไหนหรือตัวเครื่องรุ่นใด จะนำไปใช้ก่อนกันครับ

androidcentral

from:http://www.appdisqus.com/2014/11/20/corning-gorilla-glass-4-video-test.html