คลังเก็บป้ายกำกับ: GALAXY_TAB_S4

รีวิว | Galaxy Tab S6 แทบเล็ตเรือธงปากกาเทพ สเปคแรง จอสวย เสียงดี แถมแบตอึด

ถึงแม้ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดแทบเล็ต Android ดูจะเหงาหงอยเนื่องจากตอนนี้มีแทบเล็ต Android เหลืออยู่แค่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือแบรนด์ดังอย่าง Samsung ที่ยังคงปล่อยแทบเล็ตออกมาทุกปี ซึ่งล่าสุดก็คือ Galaxy Tab S6 ที่พึ่งเปิดตัวไปหยกๆ โดยคราวนี้ Samsung มาแปลกกว่าเดิมด้วยการจัดสเปคให้แทบเล็ตรุ่นดังกล่าวแบบเต็มที่ไม่มีกั๊กเหมือนรุ่นก่อนๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น.. มาดูกันครับ

ที่บอกว่าคราวนี้ Samsung ไม่กั๊กสเปคของแทบเล็ตเหมือนก่อนแล้ว เพราะว่า Galaxy Tab S6 เป็นแทบเล็ตระดับเรือธงที่เป็นเรือธงจริงๆ ด้วยชิป Snapdragon 855 ซึ่งเป็นชิประดับไฮเอนด์ของปี 2019 ไม่เหมือนรุ่นก่อนๆ ที่มักจะใส่ชิปตกรุ่นไปแล้ว 1 ปี มาให้ เช่น Galaxy Tab S3 เปิดตัวปี 2017 แต่ใช้ชิป Snapdragon 820 ของปี 2016 หรือ Galaxy Tab S4 เปิดตัวปี 2018 แต่ใช้ชิป Snapdragon 835 ของปี 2017 นอกจากนี้ Galaxy Tab S6 ยังเป็นแทบเล็ตรุ่นแรกของโลกอีกด้วยที่มาพร้อมกับหล้องหลังคู่ (แต่ดันตัดแฟลชทิ้ง)

Galaxy Tab S6 จะมีให้เลือก 2 รุ่น แบ่งออกเป็นหน่วยความจำคือรุ่น 6GB / 128GB และ 8GB / 256GB ซึ่งรุ่นที่เราเอามารีวิวให้ดูก็คือรุ่น 6GB / 128GB นะครับ ส่วนสเปคเต็มๆ ของมันก็ตามนี้เลย

สเปค GALAXY TAB S6

  • หน้าจอ sAMOLED ความละเอียด 2K (1600 x 2560) ขนาด 10.5 นิ้ว
  • CPU : Snapdragon 855
  • GPU : Adreno 640
  • RAM : 6GB / 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB (UFS 3.0) รองรับ MicroSD Card 1TB
  • กล้องหลัง : เลนส์หลัก 13MP (f/2.0) + เลนส์กว้าง 123° 5MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า : 8MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : LTE : Cat.20 (DL up to 2.0Gbps), Wi-Fi : 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), MIMO, Bluetooth® v 5.0, USB type-C
  • เซ็นเซอร์ : Pressure sensor, Gyro sensor, RGB light sensor, Fingerprint sensor (บนหน้าจอ), Geomagnetic sensor, Hall sensor
  • ระบบเสียง : ลำโพง 4 ตัว Tuned by AKG, Dolby Atmos, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 7040 mAh รองรับการชาร์จไว 15W
  • ระบบ Android 9 ครอบด้วย One UI
  • ขนาด / น้ำหนัก : 244.5 x 159.5 x 5.7 มม. / 420 กรัม
  • สีที่วางจำหน่าย : สีเทา Mountain Grey, สีฟ้า Cloud Blue, สีชมพู Rose Blush

แกะกล่อง

ภายในกล่อง Galaxy Tab S6 ก็จะมีของทั่วไป ที่มักจะให้มากับมือถือ / แทบเล็ตทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น..

  • ตัวเครื่อง Galaxy Tab S6 (ถ้าไม่มีแสดงว่าโดนหลอก)
  • S Pen
  • ที่คีบเปลี่ยนหัวปากกา พร้อมหัวสำรอง 2 อัน
  • หูฟัง In-Ear แบบ USB-C พร้อมจุกหูฟัง 2 ขนาด
  • สายชาร์จ USB-C > USB-A
  • หม้อแปลง 15W
  • ข็มจิ้มซิม
  • คู่มือ

น่าเสียดายที่ไม่มีฟิล์มกันรอยและเคสแถมมาให้ด้วย เพราะฉะนั้นต้องไปหาซื้อกันเองนะจ๊ะ

ดีไซน์ตัวเครื่อง

Galaxy Tab S6 มีตัวเครื่องเป็นโลหะชิ้นเดียว โดยเครื่องที่ได้มารีวิวเป็นสีชมพู Rose Blush ซึ่งเป็นสีแบบด้าน ดูพรีเมี่ยมและแข็งแรงทนทานดี (แต่ไม่ได้ลองงอเครื่องให้ดูหรอกนะ…)

ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power, ปุ่มปรับเสียง และช่องใส่ซิมที่ใส่ MicroSD Card ได้ด้วย

ด้านซ้ายมีแค่พอร์ทสำหรับเสียบกับเคสคีย์บอร์ด

ด้านบนมีลำโพง 2 ตัว

ด้านล่างมีลำโพงอีก 2 ตัว และพอร์ท USB-C ส่วนรูหูฟัง 3.5 มม. โดนตัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้ตัวเครื่องบางลงไปได้อีกนิดนึง

หน้าจอขนาด 10.5 นิ้ว มีขอบที่บางลงกว่ารุ่น Tab S4 เล็กน้อย ส่วนน้ำหนักของ Tab S6 อยู่ที่ 420 กรัม ถ้าถือเทียบกับ Tab S4 ที่ 483 กรัม จะรู้สึกได้เลยว่ามันเบากว่า และถือด้วยมือเดียวได้สบายกว่า

หน้าจอ 2K

Galaxy Tab S6 มีหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 10.5 นิ้ว ใหญ่เต็มตา แถมด้วยความละเอียดระดับ 2K และยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราดูคอนเทนท์ที่เป็น 4K HDR ภาพที่ได้จะตื่นตาตื่นใจ สวยงามสุดๆ บริเวณที่เป็นสีดำก็จะดำสนิทไปเลย

ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าจะหาวิดีโอ HDR จากไหนมาดู ก็เข้าไปใน YouTube และพิมพ์ว่า HDR Video ก็จะมีตัวเลือกมาให้ดูเพียบเลยล่ะ…ซึ่งน่าแปลกที่ Galaxy Tab S6 รองรับการดูวิดีโอแบบ HDR บน YouTube แต่ Tab S4 กลับไม่รองรับ ทั้งๆ ที่หน้าจอของทั้งคู่มีสเปคเดียวกัน

หรือใครอยากจะดูหนังแบบเป็นเรื่องเป็นราว ใน Netflix ก็มีทั้งหนัง และซีรีส์แบบ HDR ให้ดูเยอะเหมือนกันนะ (ดูแบบ HDR แล้วจะติดใจจนเซ็งว่าทำไมไม่ทำภาพแบบนี้ทุกเรื่อง)

สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ

หลังจากที่ Samsung ได้ตัดระบบปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนม่านตาที่เคยใช้ใน Tab S4 ทิ้งไป ในรุ่นนี้ก็ได้ใส่ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอมาให้แทน ซึ่งก็มีความรวดเร็วและแม่นยำดี โดยเซ็นเซอร์ดังกล่าวเป็นแบบ Optical ที่ใช้กับมือถือรุ่นอื่นๆ ในตลาด ไม่ได้ใช้แบบ Ultrasonic เหมือนใน Galaxy S10 และ Note 10 นะครับ

ประสิทธิภาพเครื่อง และการเล่นเกม

สเปคของ Tab S6 คราวนี้เรียกว่าจัดเต็ม ไม่ได้ใช้ชิปตกรุ่นเหมือนก่อน เพราะใส่ชิปตัวแรงอย่าง Snapdragon 855 มาให้ บวกกับ RAM อีก 6GB (ถ้าตัวท็อปก็ 8GB) ทำให้การใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่นเน็ต เล่นโซเชียล ดูหนัง ทำงาน วาดรูป ฯลฯ ลื่นสุดๆ โดยวัดประสิทธิภาพจากแอป AnTuTu ได้คะแนนออกมาตามนี้

ส่วนความจุแบบ UFS 3.0 ก็ทั้งอ่านทั้งเขียนได้แบบรวดเร็วทันใจสุดๆ ทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอป Androbench ออกมาได้คะแนนตามนี้เลย

สำหรับการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเล่นเกมสเปคโหดขนาดไหนทั้ง ROV, PUBG, Asphalt 9 ก็สามารถปรับกราฟฟิคได้สุด และเล่นได้ลื่นๆ ไม่มีอาการกระตุก เฟรมเรทก็ไม่มีตกให้หงุดหงิด

ROV ปรับสุดได้ทุกอย่าง เฟรมเรทไม่ตกไปกว่า 59 – 60 fps เลย

Shadowgun Legends ปรับกราฟฟิค Ultra / 60 fps เล่นได้ลื่นปรื๊ดๆ

PUBG ปรับกราฟฟิคสุด ทั้ง HDR และเฟรมเรทที่ Extreme ก็ยังเล่นได้ลื่นๆ

ลำโพงและระบบเสียง

Galaxy Tab S6 ยัดลำโพงที่ปรับแต่งเสียงโดยแบรนด์ระดับโลกอย่าง AKG มาให้ถึง 4 ตัว แบ่งเป็นด้านบน 2 ตัว และด้านล่างอีก 2 ตัว พร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos ที่จะยิ่งเพิ่มความแน่น ความกระหึ่มให้มากขึ้นไปอีก ถ้าเอาไปเทียบกับ Tab S4 จะเห็นความแตกต่างของเสียงได้แบบชัดๆ เลยว่า Tab S6 มีเสียงจากลำโพงที่ดีกว่ามาก (มากๆ เลยอะ) เสียงทุ้ม มีมิติ แถมดังกว่าอีกต่างหาก คือใช้แค่ลำโพงจากตัวเครื่องก็ไม่ต้องไปหาลำโพงบลูทูธมาต่อเพิ่มเลยล่ะ

เสียงกระหึ่มบึ้มบั้มแบบไม่ต้องต่อลำโพงเสริม

ส่วนใครที่อยากฟังคนเดียว ในกล่องเค้าก็มีหูฟังที่ใช้กับพอร์ท USB-C แถมมาให้ด้วยนะ แต่ใครที่จะใช้หูฟังของตัวเองที่เป็นแจ๊คเสียบกับรู 3.5 มม. ก็ต้องไปหาซื้อตัวแปลงมาใช้กันเองเด้อ

One UI และ DeX

หน้าตาการใช้งาน One UI ของ Galaxy Tab 6 ก็แทบจะไม่ต่างกับมือถือ Samsung Galaxy ทั่วไป (แค่ขยายขนาดหน้าจอ) โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ปุ่ม Navigation แบบเดิม (Back, Home, Recent Apps) หรือจะเป็นแบบ Gestures ใช้นิ้วปัดเอาแทนก็ได้



แต่จะมีข้อติอยู่เรื่องนึงก็คือเวลาดูวิดีโอในแอป YouTube มันจะไม่ปรับทิศทางของหน้าจออัตโนมัติเหมือนตอนเปิดในมือถือ ยกตัวอย่างเช่น ใช้งานในแนวตั้งโดยปิดระบบ Auto Rotate (หมุนจออัตโนมัติ) เอาไว้ พอเข้าไปดูวิดีโอใน YouTube ที่เป็นวิดีโอแนวนอน พอกดดูแบบเต็มจอ มันก็จะแสดงผลในแนวตั้งแทน ไม่ได้หมุนจอเป็นแนวนอนให้อัตโนมัติ เราก็เลยต้องไปกดเปิดระบบ Auto Rotate ซะก่อน จากนั้นค่อยหมุนจอเองอีกที วิดีโอถึงจะปรับเป็นแนวนอนให้…ซึ่งปัญหานี้ใน Tab S4 ก็เป็นเหมือนกัน (ไม่แน่ในว่าแทบเล็ต Android รุ่นอื่นเป็นด้วยรึเปล่า)

กดให้เล่นวิดีโอเต็มจอแล้วไม่หมุนให้

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ DeX นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก สำหรับการใช้งานที่จริงจังขึ้นมาหน่อย เพราะโหมดนี้ จะเปลี่ยนหน้าตาของ UI ให้คล้ายกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ปกติ โดยเราสามารถต่อเมาส์ + คีย์บอร์ด ผ่าน USB-C Hub, ต่อแบบไร้สายด้วยบลูทูธ หรือจะใช้กับ Keyboard Book Cover Case ก็สะดวกดีเหมือนกัน

หน้า UI โหมด DeX

โหมด DeX จะเปลี่ยนการทำงานของเมาส์ ให้สามารถใช้ได้เหมือนกับบนคอมพิวเตอร์เลย เพราะปกติการใช้เมาส์กับมือถือหรือแทบเล็ต Android เวลาคลิกขวา มันจะกลายเป็นการกด Back แต่การคลิกขวาใน DeX จะโชว์ตัวเลือกอื่นๆ อย่างเช่น Copy, Paste ฯลฯ เหมือนบนคอมพิวเตอร์ ทำให้ใช้งานแอปประเภท Word หรือ Excell สะดวกกว่า

โหมด DeX เปิดหลายหน้าต่างได้

ใช้งานแอป Word / Excell ได้คล้ายๆ บนคอมพิวเตอร์

เมื่อเราเปิดใช้งานโหมด DeX จะมีบางแอปที่สามารถขยายหน้าต่างให้เต็มจอได้ และจะมีบางแอปที่ไม่สามารถขยายเต็มจอได้ ส่วนมากก็จะเป็นแอปที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในแนวตั้งนั่นเอง

ตัวอย่างแอปที่ขยายเต็มจอไม่ได้ เพราะออกแบบมาให้ใช้กับจอแนวตั้งเท่านั้น

ปากกา S Pen รุ่นใหม่

ตั้งแต่ Galaxy Tab S3 – S4 ที่มีปากกา S Pen มาให้ด้วย เราจะต้องหาที่เก็บปากกาเอาเอง เพราะมันแท่งใหญ่เกินไปที่เอามาเสียบไว้ในเครื่องเหมือนกับมือถือ Galaxy Note แถมรุ่นก่อนๆ ก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรเลย ใช้แค่วาดรูป หรือจดๆ เขียนๆ เท่านั้น แต่สำหรับปากกา S Pen ของ Tab S6 จะมีลูกเล่นเหมือนกับ Note 10 ก็คือฟีเจอร์ Air Actions ให้เราได้ตวัดปากกา เพื่อสลับกล้องหน้า – หลัง, กดปุ่มชัตเตอร์ระยะไกล, เปลี่ยนโหมดกล้อง, กดเปลี่ยนสไลด์ตอนพรีเซนต์งาน, เปลี่ยนเพลง, เปลี่ยนวิดีโอ ฯลฯ ซึ่งการใช้งาน Air Actions เหล่านั้นต้องใช้พลังงานด้วย ทำให้ S Pen รุ่นนี้ต้องชาร์จไฟจากตัว Tab S6 เอาไว้นั่นเอง

แต่สำหรับการใช้งานประเภทขีดๆ เขียนๆ พวกนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเพิ่มนะครับ ต่อให้แบตปากกาหมดก็ยังเขียนหน้าจอได้อยู่

ฟีเจอร์ Air Actions ที่ใช้สั่งการได้ทั้ง YouTube, Spotify, กล้อง ฯลฯ

ส่วนการชาร์จไฟให้ S Pen เราก็แค่เอาปากกาดังกล่าวไปแปะไว้ที่ด้านหลังเครื่องของ Tab S6 ตรงที่เป็นร่องสำหรับชาร์จไฟที่เป็นแม่เหล็ก ซึ่งแม่เหล็กก็มีแรงดูดแน่นพอสมควรจนสะบัดแล้วไม่หลุดออกจากเครื่องแน่นอน (ถ้าสะบัดแรงกว่านี้ เครื่องจะหลุดมือแทน) โดย S Pen จะสามารถใช้งานได้ยาวๆ ถึง 10 ชม. และเอามาแปะชาร์จแค่ 10 นาที ก็เต็มแล้ว

เอา S Pen แปะชาร์จไว้หลังเครื่อง

แต่ถ้าใครที่ไม่ใช้เคสแบบมีที่ครอบปากกา ก็อาจจะเกิดความรำคาญได้ เพราะเวลาถือเล่นแล้วนิ้วมันชอบจะไปโดนปากกาให้หลุดออกจากแถบชาร์จ พอปากกามันเคลื่อนออกแล้วโดนแม่เหล็กดูดกลับมา หน้าจอมันก็จะหม่นลงไปแล้วแจ้งเตือนว่าปากกากำลังชาร์จอยู่…เป็นบ่อยมาก จนสุดท้ายต้องถอดปากกาไปเก็บไว้ที่อื่นแทน

ถือแล้วนิ้วชอบไปโดนปากกาเคลื่อนออกจากแถบชาร์จ

พอปากกาโดนแม่เหล็กดูดกลับไปที่เดิมหน้าจอก็จะหม่นลง และมีแจ้งเตือนว่ากำลังชาร์จปากกาอยู่

สำหรับการใช้งาน S Pen เพื่อขีดๆ เขียนๆ ก็ยังคงความเทพอยู่เหมือนเดิม ด้วยความสามารถในการรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ ทำให้การวาดภาพกับแอปที่รองรับปากกาหลายระดับอย่าง SketchBook มีความเป็นธรรมชาติมาก กดปากกาหนักลายเส้นก็เข้ม กดเบาๆ ลายเส้นก็จาง ทำให้ระบายสีแบบแรเงาได้เหมือนใช้ดินสอหรือปากกาจริงๆ แถมหัวปากกากับลายเส้นก็แทบจะติดกันเป๊ะๆ ไม่หน่วงแบบหัวปากกาไปไกลแล้ว แต่เส้นยังตามมาไม่ถึง (ยกเว้นแอป Adobe Photoshop Sketch ที่เส้นหน่วงมาก)

เวลาจะจดงานใช้แอป Samsung Note ก็แสนจะสะดวก เพราะแค่เราหยิบปากกาขึ้นมาจ่อตรงหน้าจอแล้วกดปุ่มทีนึง มันก็จะขึ้นโหมด Screen off memo ให้เขียนบนหน้าจอได้เลย โดยที่ไม่ต้องปลดล็อค ซึ่งหน้าจอก็จะเป็นสีดำ ส่วนลายเส้นปากกาจะเป็นสีขาว ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้เยอะเลยด้วย และหลังจากจดเสร็จแล้วมันก็จะถูกบันทึกอยู่ในแอป Samsung Note ให้เปิดดู หรือเขียนต่อได้

เขียนโดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ

กล้องหลังคู่

Galaxy Tab S6 เป็นแทบเล็ตรุ่นแรกที่ใส่กล้องหลังมาให้ 2 ตัว โดยกล้องหลักมีความละเอียดอยู่ที่ 13MP และกล้องรองเป็นเลนส์ Wide ความละเอียด 5MP ทำให้แทบเล็ตรุ่นนี้ถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังเบลอสวยกว่าแทบเล็ตรุ่นอื่นๆ ในตลาด (ส่วนตัวคิดว่ามันเกินความจำเป็นไปหน่อย เพราะไม่น่าจะมีใครซื้อแทบเล็ตมาเพื่อเน้นการถ่ายรูปอยู่แล้ว)

คุณภาพของรูปก็ถือว่าใช้ได้ โดยกล้องของ Tab S6 ยังมีระบบ AI จำแนก Scene มาให้ด้วย ส่วนในสภาพแสงน้อยพบว่าจัดการกับเหล่า Noise ได้ไม่ดีนัก แต่พอเปิด Night Mode แล้วก็จัดการกับ Noise ไปได้บ้างเล็กน้อย








โหมด Photo ปกติ




Night Mode

และจากการที่ Tab S6 มีกล้องหลังมาให้ 2 ตัว ทำให้การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอออกมาพอใช้ได้เลย แถมยังมีเอฟเฟ็คท์ให้เลือกเล่นด้วย




Potrait Mode

กล้องหน้า

กล้องหน้าความละเอียด 8MP ถือว่าพอใช้เช่นกัน โดยมีทั้งฟิลเตอร์ให้เลือกเล่นพอหอมปากหอมคอ, มีโหมดบิวตี้ 3 ระดับ, สติ๊กเกอร์ และมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Live Focus) มาให้ด้วย







แบตเตอรี่

ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ของ Tab S6 จะให้มาน้อยกว่า Tab S4 นิดหน่อยที่ 7040 mAh ต่อ 7300 mAh แต่ก็เรียกว่าใช้งานได้แบบเหลือเฟือเพราะชิป Snapdragon 855 มีระบบจัดการการใช้พลังงานที่ดีขึ้นกว่า Snapdragon 835 ของ Tab S4 อยู่แล้ว ทดลองดูซีรีส์ Netflix ประมาณ 5 ชั่วโมง, เล่นเกม ROV + PUBG ซักเกือบๆ ชั่วโมง (เล่นนานกว่านี้ไม่ไหวเพราะเมื่อยมือ) เล่นเน็ต เล่นโซเชียล ระหว่างวันด้วย 4G ฯลฯ จนถึงค่ำๆ ยังเหลือแบตเตอรี่เกือบ 50% เลยทีเดียว

ส่วนเวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟกลับ ด้วยหม้อแปลงขนาด 15W ที่แถมมาให้กับแทบเล็ต ชาร์จไฟตั้งแต่ 4% – 100% ใช้เวลาราวๆ 2 ชม. กว่าๆ

สรุป

ข้อดี

  • หน้าจอสวย
  • ลำโพงเสียงดี (มาก)
  • สเปคแรงหายห่วง
  • ปากกา S Pen ยังคงใช้ได้ดีเหมือนรุ่นก่อนๆ แถมมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใช้
  • แบตเตอรี่อึดมาก
  • โหมด DeX ค่อนข้างดี และใช้งานได้จริง
  • น้ำหนักเบาลง (เทียบกับ Tab S4)

ข้อติ

  • ที่เก็บปากกา S Pen เกะกะนิ้ว เวลาถือใช้งาน
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ชาร์จนาน
  • One UI ยังปรับแต่งให้ใช้กับแทบเล็ตไม่ค่อยดีในบางแอป
  • ราคาค่อนข้างสูง

Galaxy Tab S6 เป็นแทบเล็ต Android ที่ถือว่าทรงพลังและครบเครื่องสุดๆ ในตลาดแล้วตอนนี้ เหมาะทั้งการใช้งานเพื่อความบันเทิง หรือใช้งานจริงจังด้วยโหมด DeX ซึ่งทั้งหมดนั่นก็แลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงถึง 25,900 บาท / ตัวท็อป 28,900 บาท ถ้าใครที่อยากได้แทบเล็ต Android แรงๆ ซักตัวด้วยงบที่ไม่จำกัดและใช้งานไปยาวๆ อีก 2 – 3 ปี…ก็บอกได้เลยว่า Galaxy Tab S6 คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ครับ

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-tab-s6-review/

ใช้งานมือถือ Galaxy บนหน้าจอ Galaxy Tab ไปพร้อมๆ กันด้วยแอป Samsung Flow

Samsung พึ่งเปิดตัวสุดยอดแทบเล็ตเรือธงระดับไฮเอนด์อย่าง Galaxy Tab S6 ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน หลังจากนั้นไม่นานทาง Samsung ก็ได้ปล่อยอัพเดทให้กับแอป Samsung Flow เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพของแทบเล็ตให้สารพัดประโยชน์มากกว่าเดิม เพราะคราวนี้ผู้ใช้ Galaxy Tab S6 และรุ่นอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อกับมือถือ Galaxy เพื่อแสดงผลหน้าจอมือถือบนหน้าจอแทบเล็ตเพื่อใช้งานอุปกรณ์ทั้ง 2 ไปพร้อมๆ กันได้เลย

ปกติแล้วแอป Samsung Flow เป็นแอปที่จะเชื่อมต่อระหว่าง PC เข้ากับมือถือหรือแทบเล็ตของ Samsung ทำให้เราสามารถรับส่งไฟล์ระหว่าง PC ได้ง่ายๆ หรือจะให้หน้าจอมือถือไปโชว์บนหน้าจอ PC เพื่อใช้เมาส์สั่งการแทนก็ยังได้

Samsung Flow บน Windows 10

แต่ล่าสุดใน Samsung Flow เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้แอปนี้สามารถโชว์หน้าจอของมือถือ Galaxy (รุ่นที่รองรับ) บนหน้าจอแทบเล็ต Galaxy Tab ได้เหมือนกับบน PC ทำให้เราใช้งานมือถือบนหน้าจอแทบเล็ตได้พร้อมๆ กันเลย แถมยังรับ-ส่งไฟล์ระหว่าง 2 อุปกรณ์ได้ง่ายๆ ด้วย ซึ่งการใช้งานก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ก่อนอื่นก็ไปดาวน์โหลดแอป Samsung Flow มาติดตั้งในมือถือและแทบเล็ตซะก่อน (ตอนนี้แนะนำว่าให้ดาวน์โหลดจาก Play Store เพราะเป็นเวอร์ชั่นใหม่กว่า Galaxy Store) จากนั้นให้เปิดบลูทูธบนอุปกรณ์ทั้ง 2 ซะด้วย

Samsung Flow (Free, Google Play) →

พอเปิดใช้งาน Samsung Flow ครั้งแรกบนแทบเล็ต มันก็จะสแกนหาอุปกรณ์ขึ้นมา ก็ให้เรากดเลือกที่มือถือของเราซะ (มือถือแบรนด์อื่นที่ไม่รองรับ แม้จะมีชื่อโผล่ขึ้นมา แต่เชื่อมต่อไม่ได้นะครับ.. ลองให้แล้ว) เมื่อกดแล้วก็ให้เลือกเชื่อมต่อโดย Bluetooth

กด OK ยืนยันทั้งบนมือถือและแทบเล็ตเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งคู่

ในหน้าจอนี้เราสามารถส่งข้อความหรือไฟล์ต่างๆ ระหว่างมือถือและแทบเล็ตหากันได้เลย โดยกดที่เครื่องหมาย + ตรงมุมซ้ายล่าง เพื่อส่งไฟล์

และถ้าหากเราต้องการจะให้หน้าจอมือถือโผล่ขึ้นมาบนแทบเล็ต ก็ให้กดที่เครื่องหมาย Smart View มุมขวาบน ก็เรียบร้อย

แค่นี้เราก็สามารถใช้งานมือถือได้จากหน้าจอแทบเล็ตไปพร้อมๆ กันได้แล้ว และถ้าหากใครอยากใช้แอปอื่นๆ ของแทบเล็ตควบคู่ไปด้วย ก็แค่กดปุ่ม Recent Apps ของแทบเล็ต > กดที่ไอค่อน Samsung Flow > Open in pop-up view แค่นี้ก็ใช้งานอุปกรณ์ทั้ง 2 เครื่องไปพร้อมๆ กันได้แล้ว

เวลาที่หน้าจอมือถือมาอยู่บนจอแทบเล็ตแบบนี้ หน้าจอมือถือตัวจริงจะถูกละระดับความสว่างลงไปจนสุด เพื่อประหยัดพลังงานของหน้าจอ แต่เราก็สามารถเลือกได้นะครับว่าต้องการให้ปิดแสงหรือเปิดแสงรึเปล่า (เร่งแสงได้จากมือถือเลย)

ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ทั้งบน UI ของ Galaxy Tab ปกติ หรือจะใช้กับโหมด DeX ก็ได้นะครับ อ้อ…แล้วพวกเสียงต่างๆ จากมือถือ ทั้งเสียง Notification หรือเสียง Multimedia ต่างๆ ก็จะมาดังอยู่ที่แทบเล็ตนี้ด้วย แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถรับสายจากมือถือผ่านแทบเล็ตได้ เพราะมันจะขึ้นเตือนให้เรารับสายจากมือถือแทนนั่นเอง

ใช้กับ DeX ก็ได้

ก็นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่นับว่ามีประโยชน์สำหรับผู้ที่ใช้ Galaxy Tab ในการใช้งานแทนโน้ตบุ๊ค เพราะไม่ต้องคอยควักมือถือเข้าๆ ออกๆ มาดูให้เสียเวลา แต่เช็คเอาจากจอแทบเล็ตได้เลย โดยจากที่ทดสอบกับ Galaxy Tab S4 และ Tab S6 เชื่อมต่อกับมือถือ Galaxy Note 8 และ Note 10 สามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาครับ ส่วนแทบเล็ตรุ่นอื่นๆ ที่ตามข้อมูลของแอปบอกว่ารองรับ ก็จะมี..

  1. Tab S4
  2. Tab S3
  3. Tab S2
  4. Tab A (2018, 10.5)
  5. Tab A2
  6. Tab Active 2
  7. Tab A 10.1
  8. Tab A (2017)

แทบเล็ตตามรายชื่อด้านบน ยังไม่ได้ทดสอบนะครับ ว่าจะใช้งานฟีเจอร์นี้ได้รึเปล่า ถ้าใครมีรุ่นไหนแล้วใช้ได้ไม่ได้ยังไง ก็มาบอกกันด้วยล่ะ

from:https://droidsans.com/%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%96%e0%b8%b7%e0%b8%ad-galaxy-%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%ad-galaxy-tab/

ใช้งานมือถือ Galaxy บนหน้าจอ Galaxy Tab ไปพร้อมๆ กันด้วยแอป Samsung Flow

Samsung พึ่งเปิดตัวสุดยอดแทบเล็ตเรือธงระดับไฮเอนด์อย่าง Galaxy Tab S6 ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน หลังจากนั้นไม่นานทาง Samsung ก็ได้ปล่อยอัพเดทให้กับแอป Samsung Flow เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพของแทบเล็ตให้สารพัดประโยชน์มากกว่าเดิม เพราะคราวนี้ผู้ใช้ Galaxy Tab S6 และรุ่นอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อกับมือถือ Galaxy เพื่อแสดงผลหน้าจอมือถือบนหน้าจอแทบเล็ตเพื่อใช้งานอุปกรณ์ทั้ง 2 ไปพร้อมๆ กันได้เลย

ปกติแล้วแอป Samsung Flow เป็นแอปที่จะเชื่อมต่อระหว่าง PC เข้ากับมือถือหรือแทบเล็ตของ Samsung ทำให้เราสามารถรับส่งไฟล์ระหว่าง PC ได้ง่ายๆ หรือจะให้หน้าจอมือถือไปโชว์บนหน้าจอ PC เพื่อใช้เมาส์สั่งการแทนก็ยังได้

Samsung Flow บน Windows 10

แต่ล่าสุดใน Samsung Flow เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้แอปนี้สามารถโชว์หน้าจอของมือถือ Galaxy (รุ่นที่รองรับ) บนหน้าจอแทบเล็ต Galaxy Tab ได้เหมือนกับบน PC ทำให้เราใช้งานมือถือบนหน้าจอแทบเล็ตได้พร้อมๆ กันเลย แถมยังรับ-ส่งไฟล์ระหว่าง 2 อุปกรณ์ได้ง่ายๆ ด้วย ซึ่งการใช้งานก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ก่อนอื่นก็ไปดาวน์โหลดแอป Samsung Flow มาติดตั้งในมือถือและแทบเล็ตซะก่อน (ตอนนี้แนะนำว่าให้ดาวน์โหลดจาก Play Store เพราะเป็นเวอร์ชั่นใหม่กว่า Galaxy Store) จากนั้นให้เปิดบลูทูธบนอุปกรณ์ทั้ง 2 ซะด้วย

Samsung Flow (Free, Google Play) →

พอเปิดใช้งาน Samsung Flow ครั้งแรกบนแทบเล็ต มันก็จะสแกนหาอุปกรณ์ขึ้นมา ก็ให้เรากดเลือกที่มือถือของเราซะ (มือถือแบรนด์อื่นที่ไม่รองรับ แม้จะมีชื่อโผล่ขึ้นมา แต่เชื่อมต่อไม่ได้นะครับ.. ลองให้แล้ว) เมื่อกดแล้วก็ให้เลือกเชื่อมต่อโดย Bluetooth

กด OK ยืนยันทั้งบนมือถือและแทบเล็ตเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งคู่

ในหน้าจอนี้เราสามารถส่งข้อความหรือไฟล์ต่างๆ ระหว่างมือถือและแทบเล็ตหากันได้เลย โดยกดที่เครื่องหมาย + ตรงมุมซ้ายล่าง เพื่อส่งไฟล์

และถ้าหากเราต้องการจะให้หน้าจอมือถือโผล่ขึ้นมาบนแทบเล็ต ก็ให้กดที่เครื่องหมาย Smart View มุมขวาบน ก็เรียบร้อย

แค่นี้เราก็สามารถใช้งานมือถือได้จากหน้าจอแทบเล็ตไปพร้อมๆ กันได้แล้ว และถ้าหากใครอยากใช้แอปอื่นๆ ของแทบเล็ตควบคู่ไปด้วย ก็แค่กดปุ่ม Recent Apps ของแทบเล็ต > กดที่ไอค่อน Samsung Flow > Open in pop-up view แค่นี้ก็ใช้งานอุปกรณ์ทั้ง 2 เครื่องไปพร้อมๆ กันได้แล้ว

เวลาที่หน้าจอมือถือมาอยู่บนจอแทบเล็ตแบบนี้ หน้าจอมือถือตัวจริงจะถูกละระดับความสว่างลงไปจนสุด เพื่อประหยัดพลังงานของหน้าจอ แต่เราก็สามารถเลือกได้นะครับว่าต้องการให้ปิดแสงหรือเปิดแสงรึเปล่า (เร่งแสงได้จากมือถือเลย)

ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ทั้งบน UI ของ Galaxy Tab ปกติ หรือจะใช้กับโหมด DeX ก็ได้นะครับ อ้อ…แล้วพวกเสียงต่างๆ จากมือถือ ทั้งเสียง Notification หรือเสียง Multimedia ต่างๆ ก็จะมาดังอยู่ที่แทบเล็ตนี้ด้วย แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถรับสายจากมือถือผ่านแทบเล็ตได้ เพราะมันจะขึ้นเตือนให้เรารับสายจากมือถือแทนนั่นเอง

ใช้กับ DeX ก็ได้

ก็นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่นับว่ามีประโยชน์สำหรับผู้ที่ใช้ Galaxy Tab ในการใช้งานแทนโน้ตบุ๊ค เพราะไม่ต้องคอยควักมือถือเข้าๆ ออกๆ มาดูให้เสียเวลา แต่เช็คเอาจากจอแทบเล็ตได้เลย โดยจากที่ทดสอบกับ Galaxy Tab S4 และ Tab S6 เชื่อมต่อกับมือถือ Galaxy Note 8 และ Note 10 สามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาครับ ส่วนแทบเล็ตรุ่นอื่นๆ ที่ตามข้อมูลของแอปบอกว่ารองรับ ก็จะมี..

  1. Tab S4
  2. Tab S3
  3. Tab S2
  4. Tab A (2018, 10.5)
  5. Tab A2
  6. Tab Active 2
  7. Tab A 10.1
  8. Tab A (2017)

แทบเล็ตตามรายชื่อด้านบน ยังไม่ได้ทดสอบนะครับ ว่าจะใช้งานฟีเจอร์นี้ได้รึเปล่า ถ้าใครมีรุ่นไหนแล้วใช้ได้ไม่ได้ยังไง ก็มาบอกกันด้วยล่ะ

from:https://droidsans.com/samsung-flow-show-phone-on-tablet-display/

สเปค Samsung Galaxy Tab S5 โผล่บน Geekbench คราวนี้มาพร้อมชิประดับไฮเอนด์ Snapdragon 855 และ RAM 6GB

แทบเล็ตซีรีส์ S รุ่นล่าสุดที่ Samsung พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้ก็คือรุ่น Galaxy Tab S5e ซึ่งมีสเปคอยู่ในระดับกลางๆ และใช้ชิป Snapdragon 670 เท่านั้น.. แต่ล่าสุดได้มีสเปคของแทบเล็ตระดับไฮเอนด์อย่าง Galaxy Tab S5 โผล่ขึ้นมาบนเว็บ Geekbench โดยระบุเอาไว้ว่ามันใช้ชิปตัวแรงอย่าง Snapdragon 855 ซะด้วย

ก่อนหน้านี้ไม่นานเราได้ยินข่าวลือกันมารอบนึงแล้วว่าแทบเล็ตระดับเรือธงรุ่นใหม่ของ Samsung อย่าง Galaxy Tab S5 จะมาพร้อมกับสเปคระดับไฮเอนด์ ที่ใช้ชิปอย่าง Snapdragon 855 บ้างแล้ว จากที่ปกติ Galaxy Tab S รุ่นที่ผ่านๆ มา มักจะใช้ชิปที่ตกรุ่นไปแล้ว 1 ปี (Galaxy Tab S3 เปิดตัวปี 2017 ใช้ชิป Snapdragon 820 ของปี 2016, Tab S4 เปิดตัวปี 2018 ใช้ชิป Snapdragon 835 ของปี 2017) แต่เนื่องจากปีนี้การแข่งขันแทบเล็ตต่างๆ เริ่มจะมาแรง ด้วยแทบเล็ต iPad Mini ที่มากับชิปไฮเอนด์รุ่นล่าสุดของ Apple อย่าง A12 แต่มีราคาเริ่มต้นแค่ 13,900 บาท เท่านั้น ทำให้ Samsung ต้องเริ่มปรับตัวด้วยการใส่ชิปแรงๆ มาให้แทบเล็ตเรือธงของตัวเองบ้าง

Galaxy Tab S5e

สำหรับข้อมูลผลทดสอบ Benchmark ของ Galaxy Tab S5 ที่มีรหัสว่า SM-T865 บอกว่าแทบเล็ตรุ่นนี้มี RAM อยู่ที่ 6GB, ใช้ระบบ Android 9 Pie และใช้ชิปตัวท็อปของปี 2019 อย่าง Snapdragon 855 ซึ่งทำคะแนน Single-core ไปได้ 3,506 คะแนน และ Multi-core 9,788 คะแนน (จริงๆ แล้วถือว่าคะแนนต่ำกว่ามือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 855 เพราะรุ่นอื่นๆ คะแนนขึ้นไปเกินหมื่นทั้งนั้น)

ส่วนสเปค + ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Galaxy Tab S5 ในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่เด็ดพอจะเอามาสู้กับแทบเล็ตคู่แข่งบ้างนอกจากชิป Snapdragon 855 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าจอ, ระบบเสียง, ปากกา S Pen, ฟีเจอร์ DeX ฯลฯ แต่คาดว่าดีไซน์น่าจะยังคงคล้ายๆ กับ Galaxy Tab S5e ที่มีขอบจอบางลงกว่าเดิม แถมยังมีตัวเครื่องที่บางและเบาลงอีกด้วย (เพราะโดนตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ทิ้งไป ก็เลยลดความหนาลงได้อีก)

ลองได้มีผลคะแนน Geekbench หลุดออกมาแบบนี้แล้ว ก็คาดว่าอีกไม่นานเราน่าจะได้เห็นตัวจริงเสียงจริงของ Galaxy Tab S5 กันเร็วๆ นี้แหละ (ถ้า Samsung จะเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกับ Tab S4 ก็คือช่วงต้นเดือนสิงหาคม ก่อนการเปิดตัว Galaxy Note แค่แป๊บเดียว) ส่วนเรื่องของราคาก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะยังคงแรงเหมือนเดิมรึเปล่า หรือจะลดราคาลงมาเพื่อสู้กับ iPad ของ Apple และเหล่าแทบเล็ตจาก Huawei ด้วย

 

ที่มา : Gizmochina, Geekbench

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-tab-s5-appears-on-geekbench-powered-by-snapdragon-855/

Huawei แซง Samsung ขึ้นอันดับ 2 ตลาดแทบเล็ตโลก ขณะ Apple ยังคงครองอันดับ 1

ถึงแม้ว่าหลังๆ มานี้ ตลาดแทบเล็ตจะไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ จนปัจจุบันมีแค่ไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ยังคงผลิตแทบเล็ตมาป้อนตลาดกันอยู่ ซึ่งล่าสุดก็ได้มีข้อมูลออกมาแล้วว่าตอนนี้ Huawei พุ่งขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2 ของตลาดแทบเล็ตแซงหน้า Samsung ไปเรียบร้อย

สำหรับข้อมูลดังกล่าวได้มาจากเว็บไซท์ Digitime Research ที่ได้ทำการสำรวจตลาดแทบเล็ตในไตรมาสแรกของปี 2019 พบว่ายอดรวมในการส่งออกแทบเล็ตทั้งหมดอยู่ที่ราวๆ 37.15 ล้านเครื่อง ถือว่าลดลงจากไตรมาสแรกของปี 2018 ถึง 12.9% แต่จำนวนส่งออกต่อปีกลับมีจำนวนมากกว่าของปี 2018 อยู่ 13.8% ซึ่งส่วนหนึ่งได้มาจากอานิสงส์ของ iPad รุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปนั่นเอง

ส่วนแบรนด์แทบเล็ตที่ตอนนี้ครองตลาดอยู่ในอันดับก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Apple (เนื่องจาก iPad Mini และ iPad Air ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเพราะสเปค+ราคาที่มาถูกทางสุดๆ) ส่วนอันดับ 2 มีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วก็คือ Huawei ที่ขึ้นมาแทนที่ทำให้ตอนนี้ Samsung ร่วงลงไปอยู่ในอันดับที่ 3 แทน

MediaPad M5

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่าแทบเล็ตขนาดเล็กที่มีหน้าจอประมาณ 7 – 8 นิ้ว จะขายได้ไม่ดีนัก เพราะยอดส่งออกตกลงไปถึง 6.7% เทียบกับปีที่แล้ว เป็นเพราะว่าตอนนี้ผู้บริโภคหันมาสนใจแทบเล็ตที่มีหน้าจอใหญ่ 10 นิ้วขึ้นไปมากกว่านั่นเอง

ในปีนี้ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าเจ้าตลาดทั้ง 3 จะมีอะไรมาแข่งกันอีกบ้าง ไม่ว่าจะเป็น Huawei MediaPad M6 หรือ Samsung Galaxy Tab S5 ที่เห็นว่าคราวนี้อาจจะอัดสเปคมาให้ในระดับไฮเอนด์เพื่อสู้กับตลาดแทบเล็ตที่ซบเซาลงเรื่อยๆ ต่อไป

ที่มา : Pocketnow, Digitimes

from:https://droidsans.com/huawei-overtakes-samsung-tablet/

Samsung Galaxy Tab S4 เครื่องศูนย์ไทยได้รับอัพเดท Android 9 พร้อม One UI แล้ว

หลังจากที่ Samsung ได้ทะยอยปล่อยอัพเดท Android 9 พร้อม One UI ให้กับมือถือหลายๆ รุ่นในบ้านเราไปแล้วทั้ง Galaxy S, Note และ A ล่าสุดก็ถึงคราวของแทบเล็ตระดับไฮเอนด์อย่าง Galaxy Tab S4 ที่จะได้กินพายกับเค้าบ้างแล้วล่ะ

เฟิร์มแวร์ล่าสุดเวอร์ชั่น T835DXU2BSD1 / T835OLM2BSD1 / T835XXU2BSD1 ของ Galaxy Tab S4 มีขนาดอยู่ที่ 1469.84 MB (1.4GB) ซึ่งจะมีทั้งการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของเดือนมีนาคม 2019 และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีใน Android 9 และ One UI

ฟีเจอร์ใหม่หลังจากอัพเดทเป็น Android 9

One UI

  • เปลี่ยนรูปแบบของคอนเท้นท์, การตั้งค่า และข้อมูลอื่นๆ ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • เปลี่ยนตำแหน่งปุ่มต่างๆ เวลาที่ลากแถบด้านบนลงมา ให้เลื่อนลงมาต่ำกว่าเดิมให้กดใช้ได้ง่ายๆ
  • เพิ่ม Night Mode เปลี่ยนสีเมนูและพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อประหยัดพลังงานและไม่แยงตาเกินไปเมื่อใช้งานตอนกลางคืน
Night Mode

Notifications

  • ตอบข้อความจากแถบแจ้งเตือนได้เลย (Facebook Messenger ก็ใช้ได้)
  • โชว์รูปภาพของคนที่แชทในแถบแจ้งเตือนด้วย
  • กดปิดการแจ้งเตือนของแต่ละแอปได้จากแถบเลย

SAMSUNG KEYBOARD

  • Emoji แบบใหม่
  • Adaptive Theme Keyboard เปลี่ยนสีคีย์บอร์ดให้เข้ากับสีของแอปโดยอัตโนมัติ (ที่คีย์บอร์ดกดเลือกที่เมนูตั้งค่ารูปเฟือง > Keyboard layout and feedback > Keyboard themes > Adaptive theme )
  • Floating keyboard คีย์บอร์ดลอย กดเลือกเพื่อหดคีย์บอร์ดลงแล้วลากไปไว้ตรงไหนของจอก็ได้ (กดปุ่ม 3 จุด ที่คีย์บอร์ด > Modes > Floating keyboard)
  • ตั้งค่าการสัมผัสและการกดค้างได้เอง (กดที่รูปเฟือง > Smart Typing > Keyboard touch and hold delay)

DEVICE CARE (DEVICE MAINTAINANCE เดิม)

  • การตั้งค่า Performance Mode (แสงสว่างหน้าจอ, ประสิทธิภาพ CPU ฯลฯ) เอาเข้าไปรวมอยู่ใน Power mode
  • เอาการตั้งค่า Edge panel สำหรับ Device maintanance ออกไปแล้ว

Settings

  • เปลี่ยนรูปแบบการจัดวางใหม่ ให้หาง่ายขึ้น

SAMSUNG DEX (จริงๆ ฟีเจอร์นี้ Tab S4 ทำได้แต่แรกอยู่แล้ว)

  • ใช้แทบเล็ตได้อิสระ ในขณะที่เปิดโหมด DeX กับจอนอก
  • แค่เสียบสาย USB Type – C เข้ากับจอนอก ก็สามารถใช้งาน DeX ได้เลยโดยไม่ต้องมี DeX Dock

Phone

  • เลือกดูประวัติการโทรได้ตามวันที่
  • บันทึกประวัติการโทรได้ถึง 2,000 ครั้ง (จากเดิม 500 ครั้ง)

Contacts

  • เมนูรายชื่อผู้ติดต่อแบบใหม่ที่ดูง่ายกว่าเดิม

Camera

  • เพิ่มโหมด Scene optimizer เพื่อปรับสีให้เหมาะกับการถ่ายภาพในขณะนั้น

Gallery

  • การแต่งภาพด้วย Photo Editor Pro สามารถทำได้จาก Gallery ได้โดยไม่ต้องออกจากแอปก่อน

MY FILES

  • เพิ่มโหมดสอดส่องหน่วยความจำเข้ามาให้จัดการพื้นที่ได้ง่ายๆ
  • ซ่อนหรือโชว์โฟลเดอร์จากหน้า Home ของแอป My File ได้ (กดปุ่ม 3 จุด > Settings > Edit My Files home)

ฟีเจอร์อื่นๆ

  • เข้า Kids Home ได้จากแถบ Quick Panel ด้านบน
  • รองรับไฟล์ภาพแบบ HEIF

ใครที่ใช้แทบเล็ตปากกาเทพ Galaxy Tab S4 อยู่แล้วยังไม่ได้รับการอัพเดทก็ให้เข้าไปกดเองได้เลยที่ Setting (การตั้งค่า) > Software update (อัพเดทซอฟท์แวร์) > Download and install (ดาวน์โหลดและติดตั้ง) จากนั้นก็กดดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาด 1.4GB และรอติดตั้งกันได้เลยจ้า

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-tab-s4-android-9-pie-update/

แท็บเล็ตเรือธง Galaxy Tab S5 เตรียมเปิดตัวภายในปี 2019 พร้อมชิปตัวแรง Snapdragon 855

เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Samsung ได้เผยโฉมแทบเล็ตรุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy Tab S5e ซึ่งเป็นแทบเล็ตที่มีสเปคอยู่ในระดับกลางเท่านั้น แถมยังไม่มี S pen ให้มาเหมือนกับรุ่น Tab S3 และ S4 อีกด้วย แต่ถ้าใครที่กำลังเล็งๆ อยากจะได้แทบเล็ต Android ตัวใหม่สเปคแรงๆ ก็อดใจรอกันไว้หน่อยเพราะตัวท็อปอย่าง Galaxy Tab S5 ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้จะมาพร้อมกับชิป Snapdragon 855 เลยล่ะ

Galaxy Tab S5e ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน (แต่ยังไม่วางจำหน่าย) จะอยู่ในซีรีส์เดียวกันกับ Galaxy Tab S ซึ่งเป็นแทบเล็ตระดับเรือธงนี่แหละ แต่เนื่องจากมันเป็นรุ่นลดสเปค (มีตัว e ตามหลังเหมือน S10e) ทำให้สเปคต่างๆ ของมันยังไม่จัดอยู่ในขั้นพรีเมี่ยมเพราะให้มาแค่ Snapdragon 670 เท่านั้นเอง

Galaxy Tab S5e

แต่สำหรับ Galaxy Tab S5 ที่ไม่มีตัว e มาด้วยแบบนี้ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นแทบเล็ตตัวท็อปที่อัดสเปคมาให้แบบจุใจเหมือนเหล่า Tab S รุ่นที่ผ่านๆ มา ซึ่งตามข้อมูลที่ได้มาล่าสุด Tab S5 จะเป็นแทบเล็ตที่มาพร้อมกับชิปตัวแรงของปี 2019 อย่าง Snapdragon 855 อีกด้วย ไม่เหมือนรุ่นก่อนๆ ที่มักจะใช้ชิปตกรุ่นไปแล้วอย่างเช่น Tab S3 ที่เปิดตัวปี 2017 ก็ใช้ชิป Snapdragon 820 ของปี 2016 ส่วนรุ่น Tab S4 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2018 ก็ใช้ชิป Snapdragon 835 ของปี 2017

Galaxy Tab S3

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า Galaxy Tab S5 อาจจะใช้ระบบปลดล็อคเครื่องสแกนนิ้วมือบนหน้าจอเหมือนกับ Galaxy S10 อีกด้วย (แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็น Ultrasonic หรือ Optical) เนื่องจากตอนนี้ Samsung เลิกใช้ระบบสแกนม่านตาที่เคยมีใน Galaxy Tab S4 ไปแล้วนั่นเอง และก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็น Tab S5 มาพร้อมกับขอบจอบางสุดๆ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ Infinity-O เหมือน Galaxy S10 ด้วยก็ได้นะ

ส่วนเรื่องของสเปคอื่นๆ รวมถึงวันเปิดตัวในตอนนี้ยังไม่ข้อมูลออกมาเพิ่มเติมนะครับ แต่คาดว่า Galaxy Tab S5 น่าจะยังไม่เปิดตัวในเร็วๆ นี้แน่นอน เพราะ Galaxy Tab S4 ก็พึ่งจะมีอายุอานามได้แค่ครึ่งปีกว่าๆ เท่านั้นเอง อาจจะไปเปิดตัวในช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วในเดือนสิงหาคม หรืออาจจะช้าหน่อยก็ในงาน IFA 2019 ช่วงเดือนกันยายนเลยก็ได้.. เอาไว้ถ้ามีข้อมูลแล้วเราจะมาอัพเดทให้ครับ

 

ที่มา : Phonearena

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-tab-s5-snapdragon-855-rumor/

ทดสอบใช้ Galaxy Tab S4 + Keyboard Cover ทำงานแทนโน๊ตบุ๊คได้รึเปล่า?

วางขายกันไปตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้หลายคนก็น่าจะได้ลองจับลองใช้กันไปแล้วด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกันออกไป ซึ่งจุดเด่นที่หลายๆคนตัดสินใจเลือกใช้ Galaxy Tab S4 ก็คงไม่พ้นเรื่องการใช้ปากกา และความบันเทิงที่ลำโพงเสียงดี จอใหญ่สวยเต็มตา และแบตที่แสนอึด แต่เรื่องนึงที่หลายคนน่าจะอยากรู้คือถ้าเกิดว่าเอาเจ้า Tab S4 ไปใช้ทำงานแบบจริงจัง มันจะเวิร์ครึเปล่า วันนี้จะเอาประสบการณ์ที่ลองมาบอกเล่ากันครับ

โดยการทดสอบใช้ Galaxy Tab S4 ครั้งนี้เรียกว่าได้ใช้แบบเต็มๆ ไม่มี Notebook มาเป็นตัวสำรองเลย เนื่องจาก MacBook Pro ที่ซื้อมาได้ไม่ถึงปีบอร์ดเจ๊งไปแบบงงๆ (เหมือนต้องการให้ได้เข้าไปลองใช้บริการ Apple Store ยังไงอย่างงั้น ไว้จะมาเล่าประสบการณ์การเข้ารับบริการให้ฟังอีกทีนะ) เลยขอลองทำงานแบบฝากชีวิตไว้กับ Tablet ตัวนี้ ลองใช้ Samsung Dex แบบเต็มที่ดูว่าจะไปรอดได้ขนาดไหนครับ

ซึ่งงานนี้ก็คงไม่ได้รีวิวแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยครบทุกมุมขนาดนั้นนะครับแค่มาแชร์ประสบการณ์เท่าที่ได้ลองเท่าที่ได้ใช้งาน เน้นเรื่องการใช้คีย์บอร์ดเป็นหลักเท่านั้นครับ ซึ่งรีวิวการใช้งานอื่นๆนี้ลองไปดูที่พี่พัดรีวิวเอาไว้แล้วได้เลยครับ

Samsung Dex Mode บริหารพื้นที่หน้าจอ Tablet ได้ดีกว่า

ส่วนตัวรู้สึกว่า UI/UX และดีไซน์ต่างๆของ Android Tablet ทำออกมาไม่ค่อยน่าใช้เท่าไหร่ บริหารพื้นที่บนหน้าจอไม่ค่อยคุ้มค่านัก แต่เมื่อปรับมาเป็น UI/UX แบบ Samsung Dex แล้วมันถนัดมากกว่า ให้ความรู้สึกคล้าย Microsoft Windows ปนกับ Android ในหลายๆส่วน เปิดหลายแอปพร้อมกันได้ ซึ่งถ้าตัวหลายๆแอปที่ไม่ได้รองรับการใช้งาน Tablet ก็จะเปิดเป็นหน้าจอเล็กขนาดใกล้เคียงมือถือให้ คงความสวยงามดูดีได้ระดับนึง ส่วนการทำงานอื่นๆ ยังไงลองดูฟีเจอร์ต่างๆที่เคยรีวิวไปแล้วได้จากคลิปที่ทำด้วย Galaxy Note 9 นี้นะครับ ฟีเจอร์เหมือนกันนะ



Chrome เปิดไซต์เวอร์ชั่น Desktop ใช้งานได้คล้าย Notebook

การทำงานบน Desktop สำหรับคนที่ไม่ต้องใช้งานโปรแกรมเฉพาะ เช่น โปรแกรมด้านการคำนวน การแพทย์ หรือเขียนโปรแกรมต่างๆ ต้องบอกว่าแทบจะทุกอย่างสามารถหาใช้งานผ่าน Web Browser ได้หมด และเราสามารถเลี่ยงการเปิดหน้าเว็บเป็นจอสำหรับมือถือได้ด้วยการกดเลือกแสดงผล ไซต์เวอร์ชั่นเดสก์ท็อป ทำงานได้เทียบเท่าการใช้งานบนพีซีได้เลยทันที เท่าที่ลองมามีเพียงไม่กี่บริการที่เมื่อเลือกการแสดงผลโหมดนี้ จะไม่สามารถทำงานได้เหมือน PC โดยบริการดังกล่าวมักจะเป็นของ Google เองที่จะพยายามผลักดันให้มาใช้ตัวแอปมากกว่านั่นเอง


ทำงานเอกสารด้วย Google Docs / Sheets / Presentation ก็เพียงพอ

สำหรับคนที่ใช้งานด้านเอกสาร ต้องทำรายงานอะไรอยู่ตลอดเวลา น่าจะติดการใช้งาน Microsoft Office ทั้ง Word, Excel, และ PowerPoint กันพอสมควร แต่ส่วนตัวพยายามเลิกใช้งานทั้งสามตัวนี้มาได้สักพักแล้ว เพราะไม่อยากเสียค่ารายเดือนเพื่อใช้งาน Office 365 ที่ราว 2-300 บาท โดยไม่จำเป็น ซึ่งก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา มีความเด่นที่การทำงานร่วมกันจากหลายคนหลายอุปกรณ์ พร้อมกันได้แบบ real-time และสามารถส่งงานให้คนอื่นตรวจหรือแสดงความคิดเห็นได้เลยทันทีอีกต่างหาก ซึ่งในช่วงแรกที่ Galaxy Tab S4 วางจำหน่าย บริการ Google Docs จะยังไม่รองรับภาษาไทยดีนัก มีการตัดคำไทยประหลาดๆ แต่หลังจากวางขายไม่นานทาง Google ก็แก้ไขการตัดคำไทยให้เรียบร้อย ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบจนทดแทน Microsoft Word ได้เกือบ 100% เลยล่ะครับ ส่วน Google Sheets (บริการที่เทียบเท่า Excel) ก็สามารถทำงานได้ดี ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการทำงานในเซลล์เบื้องต้นมาให้ครบ แต่ถ้าใครเป็นผู้ใช้ระดับสูงของ Excel อีกหลายๆฟีเจอร์ Google Sheets ก็จะยังไม่มีให้นะครับ ส่วน Presentation อันนี้อาจจะยังเทียบ PowerPoint ไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เพียงพอสำหรับการทำพรีเซนต์ทั่วไป เอาขึ้นหน้าจอใหญ่พร้อมสลับการแสดงผลหน้าจอเปิดปิดมุมมองคนพรีเซนต์และคนดูได้ครับ

มีบางคนบอกว่าสามารถใช้งานบน Galaxy Tab S4 ได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าบริการ แต่ที่เจอคือเปิดไฟล์อ่านข้อมูลต่างๆได้ฟรีจริง แต่ถ้าต้องการสร้างหรือแก้ไข จะต้องสมัครใช้บริการก่อนเท่านั้น ซึ่งยังหาไม่เจอว่าทำอย่างไรถึงจะฟรีครับ ถ้าใครมีวิธีฝากมาบอกกันหน่อยละกันนะ อย่างไรก็ดี Microsoft Office ถ้าหาคนแชร์ได้ครบ 6 คน ไปสมัครใช้งานเป็นแบบ Family Package ก็คุ้มค่าดีเหมือนกันนะครับ เดือนละ 290 บาท ตกเฉลี่ยต่อคนไม่ถึงเดือนละ 50 บาทเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับบริการอื่นๆ ที่เสียเงินอย่างสตรีมดูหนังหรือเพลงเลยครับ ถ้าเราจ่ายให้กับสิ่งบันเทิงได้ ก็น่าจะจ่ายให้กับสิ่งที่ทำงานให้เราได้เหมือนกันเนอะ ^^

ใช้ S Pen ทำงาน สะดวกและคล่องตัวกว่า

ในช่วงหลังๆมาเราได้เห็นแอปที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับปากกาบน Android มากขึ้น เราสามารถโหลดเอกสาร PDF มากรอกข้อมูลและเซ็นลงบน Galaxy Tab S4 ได้แบบไม่ต้องปริ้นท์ออกมาให้เปลืองกระดาษ และจัดเก็บไว้เป็นหลักฐานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหล่นหายไปที่ไหน หรือสำหรับคนที่ต้องทำการคอมเม้นท์งานเยอะๆ การจับภาพหน้าจอแล้ววาดเขียนลงไปทันทีก็เป็นอะไรที่ยังทำได้สะดวกกว่าด้วยปากกา ด้วยหัวที่แหลมเขียนได้แม่นยำกว่านั่นเอง ยังไม่นับรวมถึงเหล่านักวาดเขียนตกแต่งภาพที่วันนี้ก็มีแอปรองรับมากขึ้นเรื่อยๆ ทำงานแยกเลเยอร์ได้อย่างมืออาชีพพอสมควรเลยครับ

แนะนำแอปปากกาเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานร่วมกับ Galaxy Tab S4

Adobe Draw : วาดเขียนภาพออกมาเป็น Vector

Adobe Fill & Sign : แอปกรอกเอกสารที่ทำงานได้ตอบโจทย์ที่สุดตัวนึง

Artflow : วาดเขียนตกแต่งภาพแบบมี Layer

Bamboo Paper : สมุดจดโน๊ตคล้ายๆ Samsung Note แต่ทำงานข้ามยี่ห้อได้และเขียนได้ลื่นมาก

ประสบการณ์การใช้งาน Galaxy Tab S4 อื่นๆ ที่อยากแชร์

  • ทำงานจริงจังน่าต่อ 2 จอ ทำบนจอใหญ่เป็นหลัก ไม่งั้นต้องเพ่งให้ปวดตา
  • เสียบต่อพ่วง USB Hub ไปชาร์จไปได้
  • สามารถเสียบใช้งาน Mouse – Keyboard ภายนอกได้
  • เรียกใช้งานแอปแอนดรอยด์ใน Dex Mode ได้เกือบทั้งหมด ที่เจอปัญหาส่วนมากจะเป็นพวกเกมส์
  • เสียบต่อ Ext.HDD ได้แต่ต้องเสียบไฟเข้าไปด้วย ไม่งั้นไฟไม่พอให้ HDD ทำงานได้
  • มี file manager สำหรับการต่อพ่วงอ่านข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นได้
  • ถ้าต้องการดึงไฟล์จากวง LAN ทำได้แต่ต้องลงแอปอื่น ที่มากับเครื่องไม่รองรับ
  • รองรับการลากวางไฟล์
  • แบตอึดมาก เอาไปใช้ต่างประเทศเสียบซิมปล่อยสัญญาณ นำทางทั่วไป เล่นเน็ตหาข้อมูล ดูหนัง ดูซีรีย์ ระหว่างเดินทาง ยาวได้ทั้งวัน
  • มีหูฟังให้สามารถเสียบต่อได้ เหมาะสำหรับการใช้งานดูหนังยาวๆ ไม่ต้องกลัวแบต Bluetooth หมด

ใช้งาน Dex Mode ได้แม้ไม่ได้เสียบต่อจอนอก กดปรับได้จากใน Shortcut บน Notification ได้เลย

สามารถเลือกตั้งค่า Dex Mode เพิ่มเติมได้มากมาย โดยเข้าไปที่ “การตั้งค่า” > “คุณสมบัติขั้นสูง” > “Samsung Dex”

มี file manager ใช้งานได้เหมือน PC ลากวางก๊อปไฟล์ได้หมด จะต่อ Ext.HDD ก็ได้*

 

ข้อควรรู้ก่อนซื้อ Galaxy Tab S4 เพื่อมาทำงาน

  • ไม่สามารถเก็บภาพใน Clipboard เพื่อวางในเอกสารได้
  • Keyboard Cover ลำบากสำหรับคนพิมพ์สัมผัส ตำแหน่งเลย์เอาท์ไม่เหมือน Full Keyboard ช่วงตัว ง, ข, ช จะพิมพ์ยากมาก
  • น้ำหนักเมื่อรวม Keyboard Cover แล้วกลายเป็นถือแล้วรู้สึกไม่สบายที่จะแบกไปมาเหมือนกัน (483+363.7= 846.7 กรัม)
  • ไม่มีแอปสร้างสรรค์แบบครบถ้วนอย่าง Photoshop หรือ Illustrator ต้องหาแอปทดแทนและใช้งานรวมกันหลายตัว

Shortkey คีย์ลัดน่ารู้สำหรับการใช้งาน Galaxy Tab S4 + Keyboard Cover

  • กลับไปหน้า Home : 🔍+ Enter
  • ย้อนกลับ (Back) : 🔍+ Backspace
  • สลับแอป : Alt + Tab
  • ดูโนติ : 🔍+ N
  • ดู Shortcut ทั้งหมด : 🔍+ /
  • สลับคีย์บอร์ภาษาไทย : Shift + Space
  • ล็อคหน้าจอ : 🔍+ L
  • หน้ารวมแอป : 🔍

สรุป Galaxy Tab S4 + Keyboard Cover ใช้แทน PC Desktop ได้รึเปล่า

ต้องบอกว่าตลอด 1-2 สัปดาห์ ที่ได้ลองใช้ Galaxy Tab S4 แทน MacBook Pro ที่พังไป ประทับใจที่มันใช้ทดแทนกันได้ดีในระดับนึงเลย แต่ถามว่าจะเอามาใช้แทนเลยได้มั้ย ส่วนตัวจะติดทุกข้อที่เขียนใน “ข้อควรรู้ก่อนซื้อ Galaxy Tab S4 มาทำงาน” แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวบ่อยๆ ไม่ได้มีโปรแกรมเฉพาะทางที่ต้องใช้งานบน Desktop ไม่ได้อยากเล่นเกมจริงจังที่มีเฉพาะใน PC หรือ Mac มันก็ใช้ทำงานได้โอเคเลยล่ะ แต่ก็แนะนำว่าควรหาสายมาต่อขึ้นจอใหญ่เพื่อไม่ให้เสียสายตานะ และสำหรับคนที่ชอบจด ขีดๆเขียนๆ ตัวนี้ก็จัดว่าเวิร์คไม่ใช่น้อย เอาไปใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่งานก็ดีที่แบตอึด ลำโพงเสียงดี หน้าจอสวยครบทุกความต้องการจาก Tablet ตัวนึง จะติงนิดหน่อยก็เรื่องราคาที่แอบแรงกว่าคู่แข่งไปหลายพันอยู่ ถ้าหาโปรมาซื้อในราคาที่ถูกลงได้ก็น่าจะดีขึ้นเยอะครับ

 

ใครมีอะไรจะแชร์หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม มาพูดคุยกันได้ในคอมเมนต์เลยนะครับ

from:https://droidsans.com/review-galaxy-tab-s4-keyboard-cover-notebook-replacement/

รีวิว Samsung Galaxy Tab S4 ทดสอบด้านวาดรูปเพียวๆ (มีคลิป)ยังคงความยอดเยี่ยมเช่นเคย!!

กลับมารีวิว Tab S4 กันอีกครั้ง ครั้งนี้จะเน้นไปในด้านการใช้ S-pen ในการวาดรูปสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวาดรูปโดยเฉพาะค่ะ ซื้อมาแล้วจะคุ้มมั้ยกับราคา 23,900 บาท ที่ต้องจ่ายไป

มาดูตัวเครื่องโดยรวมกันค่ะ หน้าจอขนาด 10.5 นิ้ว Super AMOLED ถือเป็นขนาดที่กำลังดี ความละเอียดสูง 2560 x 1600 พิกเซล Ram 4GB Rom 64GB เพิ่มหน่วยความจำเพิ่มเติมได้ถึง 400GB ผ่านช่องการ์ด Micro SD แบตเตอรี่ความจุขนาด 7,300 mAh ใช้งานได้ยาวๆ ทั้งวัน ไม่ต้องชาร์จแบตฯ เพิ่มระหว่างวันสามารถดูวีดีโอต่อเนื่องถึง 16 ชั่วโมงเลยทีเดียว มีระบบสแกนม่านตาที่ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วด้วยค่ะ กล้องหน้า 8 ล้าน กล้องหลัง 13 ล้าน ชาร์จผ่านพอร์ต USB Type C ที่รองรับ USB 3.1  ส่วนลำโพงนี่ชอบมากเป็นการส่วนตัว เสียงสเตอริโอรอบทิศสี่ตัว ระบบ Dolby Atmos เสียงดังกระหึ่มเปิดดังเสียงไม่แตกพร่า ดูหนังฟังเพลงไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่มด้วย

มาดู S-Pen กันบ้างค่ะ ตัวปากกา S-pen ของซัมซุงทำได้ถูกใจผู้ใช้งาน ตรงที่ไม่ต้องชาร์จแบตฯ น้ำหนักเบา ขนาดเท่าปากกาจริง รองรับแรงกดได้เป๊ะเลยทีเดียว สำหรับคนที่นำมาเพื่อใช้วาดรูป การรองรับแรงกดสำคัญมากๆ ค่ะ การทำเส้นเล็กเส้นใหญ่ หรือลงน้ำหนักเส้น หนัก-บาง จากแรงกดปากกา ซึ่ง Tab S4 ทำได้ดีในส่วนนี้ หัวปากกามีขนาดเล็กเหมือนหัวปากกาจริง ใครชอบขีดใช้เขียนตัวอักษรน่าจะชอบตรงนี้

ข้อดีของการใช้แท็ปเล็ตวาดรูป คือขนาดของมันค่ะ..วาดง่ายกว่าใช้มือถือ เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนกว่า แบ่งหน้าจอเพื่อดูรูปตัวอย่างในเครื่องเดียว เพราะถ้าใช้มือถือแล้วมาแบ่งหน้าจอวาดพื้นที่ที่เล็กอยู่แล้วก็โดนกินเนื้อที่ไปด้วย การแบ่งหน้าจอของตัว Galaxy Tab S4  สามารถแบ่งหน้าจอและปรับระดับได้ตามต้องการ อยากให้หน้าจอซ้ายขวา บนล่าง ปรับระดับให้ฝั่งไหนเล็กใหญ่ปรับได้ตามต้องการ ไม่งอแงเหมือนรุ่นเก่าๆ ที่ลากแล้วไม่ค่อยไปตามที่ลากเท่าไหร่



สรุปความคุ้มค่า..ส่วนตัวคิดว่าราคามันสูงไปนิด ถ้าจะเอามาใช้แค่วาดรูป แต่ถ้ามองโดยรวม ความสามารถและประสิทธิภาพของ Tab S4 ทำอะไรได้มากกว่าแค่จะเอามาวาดรูป เพราะสามารถทำงานได้หลากหลายสไตล์ โดยการซื้ออุปกรณืเสริม เช่นการใช้งาน Samsung DeX ผ่านหน้าจอแยก ดูผ่านหน้าจอใหญ่ โดยใช้แท็ปเล็ตเป็นทัชแพด หรือแป้นพิมพ์แบบสัมผัสได้ อีกด้วย

คลิปทดสอบการใช้ Samsung Galaxy Tab S4 ในการวาดรูป

ข่าว: รีวิว Samsung Galaxy Tab S4 ทดสอบด้านวาดรูปเพียวๆ (มีคลิป)ยังคงความยอดเยี่ยมเช่นเคย!! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2018/10/31/review-samsung-tab-s4-drawing-with-spen.html

Samsung เปิดตัว Galaxy Watch และ Galaxy Tab S4 ทางการ ในงาน Thailand Mobile Expo 2018

 

ซัมซุง เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “กาแลคซี่ วอทช์” (Galaxy Watch) และ “กาแลคซี่ แท็บ เอส4” (Galaxy Tab S4) ชูฟีเจอร์ครบครันตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ กาแลคซี่ วอทช์ นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะที่จะมาเป็นผู้ช่วยให้กับทุกช่วงเวลาในชีวิต ทั้งการดูแลสุขภาพ ตรวจจับการออกกำลังกายได้มากถึง 39 รูปแบบ มาพร้อมดีไซน์หรูหราสุดพรีเมี่ยมในขนาด 46 มม. และ 42 มม. แบตเตอรี่คงทนใช้งานได้ยาวนาน กาแลคซี่ แท็บ เอส 4 ที่จะมาเป็นทั้งผู้ช่วยในการทำงาน และเพื่อนรู้ใจเพื่อความบันเทิง ทำงานแบบ Work Smart ด้วย DeX ที่ทำให้คุณสามารถทำงานได้เสมือนบนหน้าจอพีซี และยังมาพร้อมกับ S Pen เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยซัมซุงได้เนรมิตพื้นที่สำหรับผู้เข้าชมงานเพื่อทดสอบฟีเจอร์สุดโดนของสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะ กาแลคซี่ โน้ต 9 พร้อมกันนี้ยังนำเสนอสิทธิพิเศษมากมายผ่าน กาแลคซี่ กิฟท์ (Galaxy Gift) และ ซัมซุง เพย์ (Samsung Pay) และยังขนทัพโปรโมชั่นพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ทั้งผ่อน 0% 10 เดือน ซัมซุงผ่อนให้ฟรี 1 เดือน เมื่อซื้อกาแลคซี่ โน้ต 9 พร้อมโปรของแถมสุดพิเศษ เช่น  Note 9 LINE smart case กระจกกันรอยซิลิโคนเต็มจอ ฯลฯ และกลับมาอีกครั้งกับโปรโมชั่น “เก่าแลกใหม่” แลกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นยอดฮิต รวมทั้งโปรโมชั่นจับคู่ในราคาสุดพิเศษ

  • “กาแลคซี่ วอทช์” มาพร้อมดีไซน์สุดพรีเมี่ยมในขนาด 46 มม. และ 42 มม. โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นสุดอัจฉริยะ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการดูแลสุขภาพ ตรวจจับการออกกำลังกายได้มากกว่า 39 รูปแบบ แบตเตอรี่คงทนใช้งานได้นานกว่า
  • ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วย “กาแลคซี่ แท็บ เอส 4” กับการนำระบบ DeX มาใช้งานเป็นครั้งแรกในแท็บเล็ตทำให้ทำงานได้เสมือนพีซี และยังตอบโจทย์เอนเตอร์เทนเมนต์หลากหลายรูปแบบ มาพร้อมกับสุดยอดนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของซัมซุง อย่าง S Pen
  • ขนทัพโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ทั้งผ่อน 0% 10 เดือน ซัมซุงผ่อนให้ฟรี 1 เดือน เมื่อซื้อกาแลคซี่ โน้ต 9 พร้อมของแถมสุดพิเศษ กลับมาอีกครั้งกับโปรโมชั่น ‘เก่าแลกใหม่’ แลกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปยอดฮิตในราคาสุดพิเศษ พร้อมด้วยโปรจับคู่สุดพิเศษนำมือถือหรือแท็บเล็ตซื้อกาแลคซี่ โน้ต 9 พร้อมกับ กาแลคซี่ วอทช์ รับส่วนลดเพิ่ม 3,000 บาท

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “จากความสำเร็จของซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 9 สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมรุ่นล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวไปในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้กระแสตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างดีเยี่ยม ซัมซุงจึงสานต่อความสำเร็จนี้ด้วยการเปิดตัว ซัมซุง กาแลคซี่ วอทช์ นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ และ กาแล็คซี่ แท็บ เอส 4 ในตลาดประเทศไทย ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาอัจฉริยะ ที่จะช่วยเติมเต็มความสามารถของการใช้งานสุดยอดสมาร์ทโฟน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานระดับบน ซึ่งมีความต้องการใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาเพื่อเป็นตัวช่วยในการทำงานและการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ จึงต้องการเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุด”

กาแลคซี่ วอทช์” นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ ที่เป็นได้มากกว่านาฬิกา โดดเด่นด้วยฟีเจอร์สุดล้ำที่จะมาเป็นผู้ช่วยให้กับทุกช่วงเวลาในชีวิต ทั้งการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย ที่สามารถตรวจจับการออกกำลังกายได้มากกว่า 39 รูปแบบ ดูแลคุณภาพชีวิตโดยการเก็บสถิติการนอน มีมาตรฐานป้องกันน้ำระดับ 5 ATM สามารถสวมใส่ขณะว่ายน้ำได้ กาแลคซี่ วอทช์ ยังมาพร้อมดีไซน์อันหรูหราพรีเมี่ยม ที่เข้ากับการแต่งกายของคุณในทุกโอกาส ไม่ว่าจะไปเที่ยว ผจญภัย ใส่ออกงาน หรือในโอกาสใดๆ ก็ตาม และยังคงทนแข็งแรงระดับเดียวกับอุปกรณ์ที่ใช้ทางการทหาร (Military-grade durability) หน้าจอทำด้วยกระจก Gorilla Glass Dx+ ป้องกันรอยขีดข่วน แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน และเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน กาแล็คซี่ วอทช์ จะทำหน้าที่เป็น Digital Assistant ของคุณ ทั้งการจัดลำดับสิ่งที่ต้องทำหรือนัดสำคัญ รวมไปถึงการแจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น Samsung Health เพื่อการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กาแลคซี่ วอทช์ มีให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 46 มม. ราคา 12,900 บาท ในสีเงิน (Silver) และขนาด 42 มม. ราคา 11,900 บาท ในสีดำ(Midnight Black) และสีชมพูโรสโกลด์ (Rose Gold) พร้อมของแถมสุดพิเศษเฉพาะในงาน

“กาแลคซี่ แท็บ เอส 4” ที่จะมาเป็นทั้งผู้ช่วยในการทำงาน และเพื่อนรู้ใจเพื่อความบันเทิง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงนำระบบ DeX มาใช้งานบนแท็บเล็ต ทำให้ กาแลคซี่ แท็บ เอส 4 สามารถทำงานได้เสมือนบนพีซี สามารถพิมพ์งานต่างๆได้อย่างสะดวกเพียงต่อเข้ากับอุปกรณ์เสริม Book Cover Keyboard และยังสามารถต่อแท็บเล็ตให้แสดงภาพบนจอคอมพิวเตอร์ได้ด้วยสาย HDMI เพียงเส้นเดียว กาแลคซี่ แท็บ เอส 4 ยังมาพร้อมกับ S Pen ปากกาสุดอัจริยะจากซัมซุงที่วาดเขียนและจับถนัดมือได้ราวกับปากกาจริง ทำให้สามารถจดบันทึกหรือแก้งานทำงานได้รวดเร็วดังใจนึก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งกว่าเดิม นอกจากการทำงานแล้ว ด้านความบันเทิงก็ไม่น้อยหน้า ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 10.5 นิ้ว สัดส่วน 16:10 ที่มอบมุมมองรับชมที่กว้างกว่า กาแลคซี่ แท็บ เอส 3 ถึง 11 เปอร์เซ็นต์ พร้อมสำหรับความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยระบบเสียง Dolby Atmos ปรับแต่งโดย AKGบนลำโพงถึง 4 ตัวที่อยู่ในทุกขอบ ทำให้ได้เสียงที่สมจริงราวกับอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ และยังถูกพัฒนาให้เข้ากับการก้าวสู่ยุค IoTโดยการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น SmartThings เพื่อที่จะควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือ Samsung Flow เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลบนหลากหลายอุปกรณ์ของซัมซุงที่คุณเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ยังมี Knox แพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยที่มอบความปลอดภัยในระดับทหาร มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหล ชิปเซ็ตอันทรงพลัง Qualcomm® Snapdragon™ 835 Octa Coreกล้องหน้าพร้อมแฟรช 13MP AF + 8.0MP แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,300 mAh หรือเทียบเท่ากับการดูวิดีโอต่อเนื่องนานถึง 16ชั่วโมง และระบบ fast charge ที่ทำให้ใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด วางจำหน่ายในราคา 23,900 บาท พร้อมของแถมสุดพิเศษภายในงาน

นอกจาก กาแล็คซี่ แท็บ เอส 4 แล้ว ซัมซุงยังแนะนำ “กาแลคซี่ แท็บ เอ” (Galaxy Tab A) แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงขั้นสุดที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.5 นิ้ว ไร้ปุ่มโฮม ขอบจอที่บางลง เพิ่มพื้นที่การดูหนังให้เต็มอิ่มจุใจมากขึ้น ระบบเสียงรอบทิศทางด้วยเทคโนโลยี Dolby Atmos เต็มอิ่มกับความบันเทิงได้ตลอดวัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 7300 mAh. หรือเทียบเท่ากับการดูหนังได้ยาวนานต่อเนื่อง 14.5 ชั่วโมง นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ ตามแนวคิดของผลิตภัณฑ์คือ “บันเทิงขั้นสุด สนุกได้ทุกวัน” วางจำหน่ายในราคา 13,900 บาท

ในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป” ครั้งนี้ ซัมซุงยังได้เนรมิตพื้นที่ แบ่งโซนกิจกรรมและบริการต่างๆ ออกเป็น พื้นที่ทดสอบฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะ กาแลคซี่ โน้ต 9 สมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดเด่นที่ S Pen ใหม่ มาพร้อมความสามารถในการสั่งงานแบบรีโมทคอนโทรล รวมทั้งความสามารถของกล้องที่ผสานความอัจฉริยะของ AIร่วมกับฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ดีที่สุดในตระกูลกาแลคซี่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ศูนย์บริการเปิดให้บริการซ่อมและให้คำปรึกษา ได้แก่

1. Smart Service สำหรับลูกค้าใหม่ในงาน ทั้งการอัพเกรดซอฟท์แวร์ ตั้งค่าเครื่อง โอนย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่า และการให้คำแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
2. Fast Service บริการวินิจฉัยอาการเสียและซ่อมผลิตภัณฑ์ที่พบปัญหาเกี่ยวกับซอฟท์แวร์ภายใน30 นาที
3. Drop off service บริการส่งฟรีทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ให้บริการสมาชิก Galaxy Gift zone พบกับร้านอาหารแบรนด์ชั้นนำที่ขนมาให้ลูกค้าซัมซุง ได้อิ่มอร่อยกันแบบฟรีๆ อาทิ นาเอะกิ ซูชิ ฮ่องกง นู้ดเดิ้ล ดากาชิ Bonjour  พร้อมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง Samsung In-Ear Fit แบตเตอรี่สำรองแบบพกพา และบัตรกำนัลส่วนลดมากมายสำหรับลูกค้า Samsung Pay ซื้อไอศกรีมฮาเก้น-ดาส ขนาด 100 มล. ในราคา 39 บาท จากราคาปกติ 109 บาท เฉพาะในงานนี้เท่านั้น

พลาดไม่ได้กับกองทัพสินค้าสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ดีไวซ์ และโปรโมชั่นสุดแรง นำโดยโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ สมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่ โน้ต โดย “กาแลคซี่ โน้ต 9” มาพร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% 10 เดือน* ซัมซุงยังผ่อนให้ฟรี เดือน และยังมีของแถมสุดพิเศษLINE Smart Case และกระจกกันรอยซิลิโคนแบบเต็มจอ สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่น “กาแลคซี่ โน้ต 8” รับฟรีซาวด์บาร์รุ่น HW-N400/XT มูลค่า 6,990 บาท  เป้ล้อลากซ่อนสาย มูลค่า 1,500 บาท และกระจกกันรอยเต็มจอลงโค้งมูลค่า 990 บาท สมาร์ทโฟน “กาแลคซี่ เอส 9 และ “เอส 9 พลัส” ผ่อน 0% 10 เดือนซัมซุงผ่อนให้ฟรี 2 เดือน หรือเลือกรับส่วนลดเพิ่ม 3,000 บาท เมื่อนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเก่ามาแลกซื้อ และยังรับฟรี Standing Protective Cover และฟิล์มกันรอยลงโค้ง สมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่ เอ นำโดย “กาแลคซี่ เอ 8 สตาร์” รับฟรี FUJIFILM Instax Share SP-2 ฟรี มูลค่า 5,990 บาท พร้อมกระจกกันรอยแบบใส และยังสามารถนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเก่ามาแลกรับส่วนลดได้ถึง 2,000 บาท รับเป้ล้อลากซ่อนสายมูลค่า 1,500 บาท เมื่อซื้อกาแลคซี่ แท็บ เอส 4 เอส 3 และ เอ 7 โปรโมชั่นจับคู่สุดพิเศษ! นำมือถือหรือแท็บเล็ต ซื้อกาแลคซี่ โน้ต 9 พร้อมกับ กาแลคซี่ วอทช์ รับส่วนลดเพิ่ม 3,000 บาท พร้อมของแถมมากมายประกอบด้วย Dual Wireless Charger มูลค่า 2,590 บาท เป้ล้อลากซ่อนสายมูลค่า 1,500 บาท Line Smart Case มูลค่า 990 บาท สายนาฬิกาแบบหนัง กระจกกันรอยซิลิโคนเต็มจอ และฟิล์มกันรอยแบบใส โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษทั้งหมดนี้เฉพาะในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป” ระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และพิเศษสุดๆ ในวันศุกร์ที่ 28 กันยายน เตรียมพบกับไอดอลเกิร์ลกรุ้ป BNK48 รุ่น 2 แบรนด์แอมบาสเดอร์ “กาแลคซี่ เจ” ที่จะมาสร้างสีสันให้กับบูธซัมซุง เวลา 17.00-18.00 น. สามารถดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่www.samsung.com/th/mobileexpo/

*โดยให้เครดิตเงินคืนผ่านบัตรที่ท่านชำระ

**มูลค่าสูงสุด 7,580 บาท

^เพื่อเข้าร่วมโปรเก่าแลกใหม่ และบริษัทรับซื้อ เป็นผู้มีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวในการตรวจ ประเมินสภาพและราคา และรับซื้อเครื่องเก่า (มือสอง) อีกทั้งเครื่องเก่า (มือสอง) ต้องเป็นเครื่องที่ใช้งานได้ตามปกติ และไม่มีปัญหาหรือข้อบกพร่อง หรือสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ที่https://www.kaitorasap.com/tradeinprogram/

^^โดยที่การใช้สิทธิ์ผ่อน 0% นั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารกำหนด
^^^บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรณีมีข้อพิพาทหรือโต้แย้ง คำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด

from:http://www.flashfly.net/wp/230394