คลังเก็บป้ายกำกับ: FINVEST

บริการ Wealth PLUS บนแอป K PLUS และแอป FinVest ตัวช่วยในการลงทุน มีเงินแค่ 1,000 บาท ก็ลงทุนได้

บริการ Wealth PLUS บนแอป K PLUS และแอป FinVest เครื่องม […] More

from:https://www.iphonemod.net/wealth-plus-finvest-from-kbank-imod.html

วิเคราะห์จุดเด่น: ซื้อตรงกองทุนต่างประเทศบนแอป FinVest โอกาสทำกำไร ที่มากกว่าการลงทุนผ่าน feeder fund

ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ โอกาสทำกำไรดีๆ ที่ไม่ง่าย

ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะเหมาะกับการเข้าไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศมากเท่ากับช่วงเวลานี้อีกแล้ว เพราะตลาดการลงทุนต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณบวกตอบรับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากพิษการระบาดของโควิด-19 สืบเนื่องมาจากการที่หลายๆ ประเทศเริ่มให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเปิด อุตสาหกรรมเริ่มกลับมาเดินหน้า

ไม่ใช่แค่นั้น การลงทุนในต่างประเทศช่วงนี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตของนักลงทุน เนื่องจากตลาดการลงทุนภายในประเทศในตอนนี้ยังถูกกดดันจากภาวะโควิด-19 ของไทยที่ยังมีอัตราการติดเชื้อสูง ทำให้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะหดตัว

นอกจากปัจจัยระยะสั้นเรื่องการฟื้นตัวจากโควิด-19 แล้ว เมื่อพิจารณาภาพที่ยาวไปกว่านั้น ตลาดต่างประเทศเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพเติบโตและทำกำไรได้มากกว่า 

เพราะบริษัทศักยภาพสูงที่ลงทุนในนวัตกรรมทันสมัย เช่น เทคโนโลยีทางการแพทย์ พลังงานสะอาด ไปจนถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน ยังกระจุกตัวอยู่ในต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ตลาดหุ้นและตลาดกองทุนต่างประเทศจึงมีความหลากหลายและเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนในกองทุนต่างประเทศในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำกำไร และกระจายความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังหดตัว 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนต่างประเทศก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกวันนี้หากพูดถึงการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ เราจะนึกถึง feeder fund ซึ่งมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องของตัวเลือกในการลงทุนในกองทุนที่ไม่หลากหลาย และนักลงทุนจะไม่ได้กำไรกลับเข้ากระเป๋าแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะค่าธรรมเนียมที่ซ้ำซ้อน 

finvest

แต่ตอนนี้ นักลงทุนไทยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดเหล่านี้ จากการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ FinVest แอปลงทุนแรกในประเทศไทยที่มีฟีเจอร์ Offshore ให้ลูกค้าสามารถลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศได้โดยตรง ติดปีกซื้อตรงกองทุนทั่วโลก เพิ่มทางเลือกในการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ เพิ่มทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

FinVest ติดปีกซื้อตรงกองทุนทั่วโลก

FinVest คือ แอปพลิเคชั่นการลงทุนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และ กลุ่มโรโบเวลธ์ ที่จะช่วยติดปีกให้นักลงทุนเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในช่วงตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างแท้จริง 

ด้วยฟีเจอร์ Offshore บนแอป FinVest เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายกองทุนทั่วโลกโดยตรงได้ ทำให้นักลงทุน สามารถซื้อกองทุนได้มากกว่า 1,000 กองทุน ที่ครอบคลุมธีมการลงทุนเด่นตามเมกะเทรนด์ทั่วโลก จากบลจ. ชั้นนำระดับโลกถึง 33 บลจ.

นักลงทุนชาวไทยจะมีโอกาสได้ซื้อกองทุนต่างประเทศหลากหลายกองทุน ในหลากหลายธีมการลงทุน จากหลากหลายบลจ. ทั่วโลกได้แบบง่าย ครบ จบที่แอป FinVest ที่เดียว

สรุปจุดเด่น ซื้อตรงกองทุนต่างประเทศกับ FinVest ดีกว่าแค่ไหน?

ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยแล้วว่า ซื้อตรงกองทุนต่างประเทศมีข้อดีอย่างไร แตกต่างจากการลงทุนในกองทุนต่างประเทศผ่าน feeder fund ในประเทศมากแค่ไหน Brand Inside จะพาไปเจาะลึกหาคำตอบว่า ทำไม FinVest ถึงเป็นทางเลือกในการติดปีกทำกำไรในกองทุนต่างประเทศของนักลงทุนที่ดีกว่า

ปลดล็อกศักยภาพการทำกำไร ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน

การลงทุนกองทุนต่างประเทศรูปแบบเดิมที่เราคุ้นเคยคือการลงทุนผ่าน feeder fund หรือพูดง่ายๆ คือการลงทุนในกองทุนในไทยที่ถือหน่วยลงทุนของกองทุนแม่ในต่างประเทศอีกต่อหนึ่งทำให้เราต้องเสียค่าธรรมเนียมที่ซ้ำซ้อน 2 ต่อ คือ ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการของทั้งกองทุนในไทยและกองทุนแม่ 

การลงทุนตรงจะเข้ามาแก้ปัญหาการจ่ายค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน ไม่ต้องสูญเงินลงทุนไปกับค่าบริหารจัดการของ feeder fund อีกต่อไป นักลงทุนจึงอาจประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 1%-1.5% ของมูลค่าหน่วยลงทุน เพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ

เพิ่มทางเลือกในการทำกำไร จัดสรรการลงทุนได้ตามสไตล์ของตัวเอง

จริงๆ แล้วกองทุนในต่างประเทศค่อนข้างมีความหลากหลายกว่ากองทุนในไทยอยู่มาก ผู้ลงทุนจะมีอิสระและจัดสรรการลงทุนได้อย่างอิสระเพราะไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่กองทุนที่ feeder fund เลือกมาให้ แต่สามารถเลือกบลจ. ที่ตัวเองเชื่อมั่นและชื่นชอบในสไตล์การลงทุนจากทั่วโลก 

เพราะ FinVest เปิดให้นักลงทุนชาวไทยสามารถซื้อกองทุนโดยตรงจาก 33 บลจ. ชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Baillie Gifford, Schroder, BlackRock, UBS, Invesco, Matthews Asia, Nikko ARK, หรือ BNY Mellon ที่ต่างก็มีสไตล์ในการเลือกหุ้น การจัดการพอร์ตการลงทุน การบริหารจัดการความเสี่ยง และการตั้งเป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป

ไม่ใช่แค่นั้น เพราะฟีเจอร์ Offshore บนแอป FinVest ยังสร้างอิสระให้นักลงทุนได้เลือกกองทุนต่างประเทศที่มีธีมการลงทุนที่หลากหลายกว่า feeder fund ในไทย สามารถเลือกการลงทุนได้หลากหลายโดยอิงตาม Megatrend หรือความสนใจส่วนบุคคล ไม่ต้องอิงกับกองที่ feeder fund เลือกมาให้ 

สะดวก ครบ จบ: แอปใช้ง่าย ซื้อได้ในที่เดียว ไม่ต้องแลกเงินให้ยาก

FinVest มอบประสบการณ์แบบสะดวก ครบ และจบในแอปเดียวให้กับนักลงทุนตั้งแต่เริ่มเปิดบัญชีไปจนถึงการขายทำกำไร เพราะ FinVest เปิดให้นักลงทุนสมัครได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว แถมยังมีตัวเลือกให้ผูกบัญชีได้กับหลายธนาคาร

นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถซื้อขายได้คล่องตัว เพราะไม่ต้องแลกสกุลเงินต่างประเทศเพื่อทำการซื้อขาย สามารถใช้เงินไทยซื้อตรงกองทุนต่างประเทศได้ทันทีไม่แตกต่างกับการซื้อกองทุนแบบ feeder fund ทั่วไป 

แถมแอปพลิเคชั่นยังออกแบบมาให้ใช้ง่าย จะกดซื้อกดขายก็ทำได้คล่องตัวเข้าไปอีก เพราะแอปพลิเคชั่นถูกออกแบบมาอย่างดีโดยคำนึงถึง User Experience เป็นสำคัญ

มีผู้เชี่ยวชาญช่วยชี้ช่องทำกำไร

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือเก่าหรือมือใหม่ก็สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้ เพราะ FinVest มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ค่อยจับสัญญาณการลงทุนทั่วโลกให้ไม่พลาดโอกาสในการลงทุน หากคุณเป็นมือใหม่ก็จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำโดยมืออาชีพ แต่ถ้าเป็นมือเก๋าที่มีประสบการณ์ก็สามารถใช้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญของ FinVest เป็นผู้ช่วยในการอัพเดตสถานการณ์ในตลาดการลงทุน 

ที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก FinVest สามารถชี้เป้าการลงทุนได้อย่างเป็นกลางและแม่นยำ โดยมีตัวอย่างคำแนะนำในการเข้าซื้อกองทุนที่ให้ผลประกอบการน่าประทับใจก่อนหน้านี้ เช่น 

  • แนะนำกอง ONEUGGRA เมื่อเดือนมกราคม 2564 มีผลการดำเนินงาน YTD โต 14.55%
  • แนะนำกอง PWIN เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีผลการดำเนินงาน YTD โต 8.72%
  • แนะนำกอง PRINCIPAL VNEQA เมื่อเดือนเมษายน 2564 มีผลการดำเนินงาน YTD โต 45.75%

(จากข้อมูลผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 13 กันยายน 2564)

เห็นได้ชัดว่าการลงทุนตรงในกองทุนต่างประเทศกับ FinVest มีข้อได้เปรียบเหนือการลงทุนผ่าน feeder fund หลายด้าน หากใครสนใจจะลงทุนตรงในกองทุนต่างประเทศแต่ยังไม่มีตัวเลือกว่าจะลงทุนในกองทุนแนวไหนดี วันนี้ Brand Inside เตรียมข้อมูลธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ศักยภาพเติบโตสูง และเกาะกระแส Megatrends ที่มาแรงตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก FinVest มาฝาก

5 กองทุนแนว Thematic Investment ที่สอดคล้อง Megatrends ระดับโลก

การลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศกับ FinVest มีความได้เปรียบตรงที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหมวดหมู่การลงทุนที่ยังไม่ครอบคลุมในตลาดหุ้นไทย หรือมี feeder fund ไทยจำนวนไม่มากเข้าไปถือหน่วยลงทุนของกองแม่จนทำให้นักลงทุนมีทางเลือกจำกัด 

FinVest จะทำให้ผู้ใช้สามารถลงทุนในธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำยุคที่หลากหลาย สามารถถือหน่วยลงทุนของกองทุนระดับโลกได้โดยตรง ครอบคลุมทั้งบล็อกเชน เทคโนโลยีทางการเงิน พลังงานสะอาด เทคโนโลยีสุขภาพ  ฯลฯ

ธีมการเดินทางอัจฉริยะ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ คือหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีการพูดถึงกันมากที่สุดในยุคนี้ โดยในปัจจุบันหลายบริษัททั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ ไปจนถึงสตาร์ทอัพให้ความสนใจที่จะพัฒนายานยนต์แห่งอนาคตกันเป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่เหล่านักลงทุนจะมองว่านี่คือการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตสูง 

รถยนต์ไร้คนขับของ Argo AI (แน่นอนว่าใช้รถของ Ford)

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธีมนี้ สามารถลงทุนในกองทุน RobecoSAM Smart Mobility ซึ่งมาในธีมการลงทุน “การเดินทางอัจฉริยะ” 

มีการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์แห่งอนาคตหลายอย่างทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตรถยนต์ไร้คนขับ และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า โดยกองทุนนี้มีการเติบโตถึง 61.3% ในปี 2563

ธีมพลังงานสะอาด

ในช่วงที่ผ่านมา พลังงานสะอาด กลายเป็นธุรกิจที่ถูกมองว่าจะมีศักยภาพในอนาคตเพราะสังคมตระหนักได้ว่าหากไม่เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้วิกฤติสิ่งแวดล้อมก็จะบานปลายจนสายเกินแก้ จึงมีธุรกิจเข้ามาลงทุนพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธีมนี้ สามารถลงทุนในกองทุน Schroder ISF Global Energy Transition ซึ่งมาในธีมการลงทุน “พลังงานสะอาด” 

เน้นลงทุนระยะยาวใน 3050 บริษัทที่มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานสะอาดบนโลก ทั้งผู้ผลิตไฟฟ้า เทคโนโลยีและอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ระบบสายส่งไฟฟ้า อุปกรณ์กักเก็บพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น โดยกองทุนนี้มีการเติบโตถึง 91.9% ในปี 2563

ธีมบล็อกเชน

คนทั่วไปรู้จักบล็อกเชนเพียงบางด้าน เช่น การนำมาใช้ในเรื่อง Cryptocurrency เช่น Bitcoin หรือ Etherium แต่จริงๆ แล้วระบบการจัดการข้อมูลบนบล็อกเชนที่กระจายการคำนวณออกไปและไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้มีประโยชน์ในการจัดการข้อมูลในเรื่องอื่นๆอีก ในอนาคตมีแนวโน้มว่าหลายๆ อุตสาหกรรมจะเริ่มปรับใช้เทคโนโลยีนี้กันมากขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธีมนี้ สามารถลงทุนในกองทุน BNY Mellon Blockchain Innovation ซึ่งมาในธีมการลงทุน “บล็อกเชน”

เน้นการลงทุนใน 3050 บริษัทที่นำนวัตกรรมบล็อกเชนมาปรับใช้ เช่น บริษัทที่ลงทุนมีทั้งที่ถือ Bitcoin โดยตรงเช่น Grayscale, ผู้พัฒนา app ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อขาย Bitcoin ได้เช่น Square หรือ Coinbase, ธนาคารที่ให้คนถือ Cryptocurrency กู้เงินอย่าง Silvergate, ผู้ผลิตชิปประมวลผลเพื่อทำ mining อย่าง NVIDIA, และกลุ่มอุตสาหกรรม IT Social Energy เป็นต้น โดยกองทุนนี้มีการเติบโตถึง 46.19% ในปี 2563

ธีมเทคโนโลยีสุขภาพ

ตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายปี 2019 เราได้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีสุขภาพเพราะเป็นเทคโนโลยีที่ข้องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่เราอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะช่วยให้เราปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ หรือทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น นวัตกรรมด้านสุขภาพจึงเป็นอีกหนึ่งธีมการลงทุนที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคตเพราะมนุษย์ทุกคนล้วนต้องการให้ความเป็นอยู่ของตัวเองดีขึ้น

Pfizer Vaccine Covid-19

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธีมนี้ สามารถลงทุนในกองทุน Schroder ISF Healthcare Innovation

ซึ่งมาในธีมการลงทุน “เทคโนโลยีสุขภาพ” ยิ่งใครสนใจกระแสวัคซีนโควิด19 ที่ตอนนี้มีหลายแบรนด์ที่กำลังมาแรง กองทุนนี้น่าจะตอบโจทย์มาก เพราะปัจจุบันถือหุ้นในบริษัท Johnson & Johnson, AstraZeneca, Pfizer ด้วย

นอกจากนี้กองทุนฯ ยังลงทุนใน 5070 บริษัทเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยมีกลยุทธ์ในการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมย่อย คือ การรักษาโดยเทคนิคพิเศษ (เช่น พันธุกรรม) เทคโนโลยีทางการแพทย์ (เช่น หุ่นยนต์ผ่าตัด) การบริการทางการแพทย์ (เช่น Telehealth) การนำข้อมูลดิจิตอลเพื่อวิเคราะห์ร่างกาย และการดูแลสุขภาพ โดยกองทุนนี้มีการเติบโตถึง 42.5% ในปี 2563

ธีมธุรกิจเติบโตโดดเด่นทั่วโลก 

ถ้าใครลงทุนในกองทุนมาสักพักคงไม่มีทางไม่รู้จักกองทุนอย่าง ONEUGGRA กองทุนชื่อดังที่ให้ผลตอบแทนหวือหวาจนโด่งดังขึ้นมา

โดย FinVest เปิดโอกาสให้นักลงทุนชาวไทยได้เข้าไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน Baillie Gifford Long Term Global Growth ซึ่งเป็นกองแม่ของ ONEUGGRA โดยตรง

กองทุนนี้เน้นการลงทุนใน 3060 บริษัท ที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่น มีความสามารถแข่งขันเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมในระยะยาวแบบไม่จำกัดภูมิภาค อุตสาหกรรม หรือมูลค่าตลาดของธุรกิจนั้นๆ ซึ่งในปี 2563 กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนถึง 95.62%

ภาพจาก Shutterstock

หากใครยังลังเลในการลงทุนตรงกองทุนต่างประเทศกับ FinVest เรามีข่าวดีมาแจ้งว่า 5 กองทุนรวมต่างประเทศที่แนะนำกันในวันนี้มีโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหน่วยลงทุน (Frontend fee) แบบไม่มีเพดาน บนแอปพลิเคชั่น FinVest ระหว่างวันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2564

สรุป

ฟีเจอร์ Offshore บนแอป FinVest จะช่วยติดปีกซื้อตรงกองทุนทั่วโลกให้กับนักลงทุนไทย เพิ่มศักยภาพทำกำไร เพิ่มตัวเลือกในการกระจายความเสี่ยง เพราะเมื่อรวมกับกองทุน Onshorecผู้ใช้สามารถเข้าถึงมากกว่า 1,000 กองทุน จาก 33 บลจ. ชั้นนำทั่วโลก ทำให้ไม่พลาดโอกาสในการลงทุนในธีมการลงทุนที่ครอบคลุม Megatrends ระดับโลก ที่มีตัวเลือกให้ลงทุนน้อยหากลงทุนผ่าน feeder fund ในไทย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด บล็อกเชน ไปจนถึงเทคโนโลยีสุขภาพ

ย้ำกันอีกรอบ นักลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนกองทุนต่างประเทศโดยตรงแบบง่าย ๆ ได้ทันทีผ่านแอป FinVest ขั้นต่ำเพียง 30,000 บาท และหากซื้อขายระหว่างวันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2564 ฟรี! ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหน่วยลงทุน (Frontendfee) แบบไม่มีเพดาน สำหรับ 5 กองทุนแนะนำ

สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้โอกาสเพิ่มกำไรด้วยการลงทุนตรงกองทุนต่างประเทศกับ FinVest และเข้าใจตลาดการเงินโลกยุคโควิด-19 ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom ในหัวข้อ “ติดปีกการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ” ในวันที่ 5 ต.ค. 64 เวลา 19.0020.20 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

สามารถลงทะเบียนภายในวันที่ 3 ต.ค. 64 เพื่อรับลิงก์ zoom เข้าร่วมงานได้ที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/13e659c0 

สัมมนานำโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน – คุณกิตติ สุทธิอรรถศิลป์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงาน Strategic Initiatives & Industry Utility ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คุณชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Robowealth และมุมมองจากตัวแทนนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ – คุณพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บมจ. Proud Real Estate 

ดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้ FinVest App. เพิ่มโอกาสทำกำไรกับการซื้อกองทุนทั่วโลกโดยตรงได้แล้ววันนี้ ที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/8e8e9224  

อย่าลืมกด Follow Facebook FinVest รวมทั้งเว็บไซต์ https://bit.ly/39kNkxJ เพื่อติดตามความรู้ด้านการลงทุนและเทรนด์เด่น กองทุนที่ไม่ควรพลาด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post วิเคราะห์จุดเด่น: ซื้อตรงกองทุนต่างประเทศบนแอป FinVest โอกาสทำกำไร ที่มากกว่าการลงทุนผ่าน feeder fund first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/finvest-offshore-invest-worldwide/

FinVest เปิด ซื้อขายกองทุนต่างประเทศโดยตรง จาก 33 บลจ. ชั้นนำ ไม่เสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน

FinVest แอปพลิเคชันเพื่อการลงทุนด้วยความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และกลุ่มโรโบเวลธ์ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เพิ่มทางเลือกและโอกาสทำกำไรให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้เองโดยตรงมากกว่า 1,000 กองทุนจาก 33 บลจ.ชั้นนำทั่วโลกได้เป็นแอปฯ แรกในประเทศไทย รับเทรนด์เศรษฐกิจสัญญาณบวกและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากการเติบโตของตลาดกองทุนรวมต่างประเทศที่มีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท มั่นใจตอบโจทย์นักลงทุนไทยด้วยตัวเลือกหลากหลายครอบคลุม ทันเมกะเทรนด์ระดับโลก ไม่เสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน

finvest

พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า  เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไทยที่หดตัว จึงทำให้แนวโน้มการลงทุนกองทุนต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนเมษายน 2564 กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ FIF (ไม่รวม Term Fund) ได้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่าระดับ 1 ล้านล้านบาท และภาพรวมครึ่งปีแรกมีเงินไหลเข้าสะสมถึง 1.9 แสนล้านบาท  

สำหรับฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ Offshore ที่พัฒนาขึ้นร่วมกันของ ลู อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) กลุ่มโรโบเวลธ์ ช่วยตอกย้ำจุดเด่นของ FinVest ที่เป็น Open Architecture ซึ่งเป็นการคัดเลือกกองทุนรวมจาก บลจ.ชั้นนำทั่วโลกมาให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อโดยตรงได้เอง ทำให้ไม่เสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนและสะดวกครบจบภายในแอปเดียว แตกต่างจากการลงทุนแบบเดิมที่การซื้อขายมีข้อจำกัด เนื่องจากสถาบันการเงินจะขายเฉพาะกองทุนรวมของ บลจ. ที่อยู่ในเครือเท่านั้น 

การลงทุนแบบ Open Architecture ใน FinVest  ทำให้นักลงทุนเข้าถึงรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายทั่วโลก ซึ่งในบางหมวดธุรกิจเป็นกลุ่มที่ยังไม่ครอบคลุมในตลาดหุ้นไทย เช่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนและยังตอบโจทย์นักลงทุนสมัยใหม่ที่ต้องการความหลากหลาย และต้องการเปิดโอกาสลงทุนในต่างประเทศด้วยวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง สามารถบริหารการลงทุนให้สอดคล้องทันสถานการณ์

โจอันนา แทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลู อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการลงทุนระดับโลกในเครือผิงอันกรุ๊ป (Ping An Group) กล่าวว่า การพัฒนาฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนต่างประเทศ เป็นการทำงานร่วมกันโดยนำจุดแข็งของทั้ง 3 องค์กร มาพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการลงทุนแบบดิจิทัลในประเทศไทยที่มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้เชื่อมต่อ FinVest เข้ากับระบบซื้อขายหน่วยลงทุนในต่างประเทศเพื่อลงทุนได้โดยตรง และยังสามารถใช้สกุลเงินบาทซื้อกองทุนต่างประเทศได้ทันที โดยระบบจะทำการแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราต่างประเทศให้แบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการซื้อขายในทุกขั้นตอน นอกจากการลงทุนในต่างประเทศจะมีผลตอบแทนที่น่าจูงใจแล้ว FinVest ยังช่วยให้การซื้อขายกองทุนต่างประเทศง่ายขึ้นและมีตัวเลือกที่หลากหลาย นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถลงทุนกองทุนต่างประเทศโดยตรงด้วยจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในไทย

ทั้งนี้ FinVest ได้รับการพัฒนาระบบให้ใช้งานง่าย โดยคำนึงถึง User Experience และ User Interface ที่ใช้งานได้ง่าย ซึ่ง ลู อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับซื้อขายกองทุนในต่างประเทศ รวมทั้งความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี มาพัฒนาฟีเจอร์การซื้อขายกองทุนต่างประเทศ บน FinVest ให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความง่ายและความสะดวกต่อการใช้งาน

นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรโบเวลธ์ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech ที่เป็นผู้ดูแลการให้บริการแพลตฟอร์ม FinVest กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน FinVest ประมาณ 130,000 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 26 – 30 ปี และส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทที่มีความสนใจในการลงทุน ทั้งยังพบว่าผู้ใช้บริการ FinVest กว่า 80% ลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศผ่านธีมการลงทุนประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับการแนะนำโดยตรงจากแอปฯ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนไทยสนใจการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีในการนำเสนอฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนต่างประเทศโดยตรง หรือ Offshore เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนต่างประเทศให้แก่นักลงทุนไทย ให้ผู้ใช้บริการ FinVest สามารถซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้ตรง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนอีกต่อไป และ FinVest จะแลกเงินบาทเป็นเงินตราต่างประเทศให้แบบอัตโนมัติ โดยใช้อัตราแรกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกกองทุนรวมที่น่าสนใจในรูปแบบ Thematic Investment เน้นการให้ข้อมูลการลงทุนอย่างเป็นกลางผ่านการคัดเลือกโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนร่วมกับผู้บริหารใน Product Screening Committee ที่ช่วยกันคัดเลือกกองทุนจาก 33 บลจ.ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อกองทุน ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 30,000 บาทเท่านั้น 

พิเศษ! ช่วงเปิดตัวฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศโดยตรงบน FinVest ระหว่างวันนี้-15 พฤศจิกายน 2564 ฟรี! ค่าธรรมเนียมจากการขายหน่วยลงทุน (Front-end-fee) แบบไม่มีเพดาน สำหรับ 5 กองทุนแนะนำ ดังนี้ 

  • กองทุน Robeco Smart Mobility จาก UOBAM เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยี ยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับ 
  • กองทุน Global Energy Transition จาก Schroder ISF เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดระดับโลก 
  • กองทุน Blockchain Innovation จาก BNY Mellon เน้นลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลากหลายอุตสาหกรรม 
  • กองทุน Healthcare Innovation จาก Schroder ISF เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ รวมทั้ง Johnson & Johnson, AstraZeneca, Pfizer
  • กองทุน Worldwide Long Term Global Growth Fund จาก Baillie Gifford  เน้นลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นจากทั่วโลก และมีความสามารถในการแข่งขันสูง

finvest

finvest

finvest

finvest

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post FinVest เปิด ซื้อขายกองทุนต่างประเทศโดยตรง จาก 33 บลจ. ชั้นนำ ไม่เสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/finvest-direct-investment-in-offshore-mutual-funds/

เตรียมลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Apple, Tesla,หรือ Google ได้ง่าย ๆ ผ่านกองทุน กับแอป Fin​Vest

อ่านหัวข้อแล้วหมิ่นเหม่เหมือนจะเป็นการลงทุนแชร์ลูกโซ่ขายฝัน แต่นี่เป็นบริการใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ ธ.กสิกร, โรโบเวลธ์, และลู โกลบอล ที่จะทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยแอป FinVest ที่คัดสรรกองทุนที่น่าสนใจมาให้เราเลือกได้ง่ายๆ พร้อมกรองหาได้ว่าตัวไหนมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ชอบ บริษัทที่ใช่ และเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 1,000 บาท เท่านั้น

FinVest คืออะไร

FinVest คือ แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการลงทุน หรือจะบอกว่าเป็นแอปบนสมาร์ทโฟนของเรา ทั้ง Android และ iOS ก็ไม่ผิดนัก ก่อตั้งโดยความร่วมมือของ 3 บริษัท ได้แก่

  1. ธนาคารกสิกรไทย ผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งในไทย
  2. ลู อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัทลูแฟ๊กซ์โฮลดิ้ง ในเครือ ผิงอันกรุ๊ป กลุ่มบริษัทสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในจีน ซึ่งมีทีมงานพัฒนาด้านเทคโนโลยีการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก
  3. บลน. โรโบเวลธ์ จำกัด บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech

ให้บริการด้านการซื้อขายกองทุนรวม โดยกองทุนรวมนี้จะเป็นการที่เราเอาเงินไปฝากให้เหล่ามืออาชีพในบลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน) ดูแลเงินของเราแทนตัวเราเองที่อาจจะไม่มีเวลาและความเชี่ยวชาญนัก ซึ่งเค้าจะเอาไปลงทุนด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือตราสารหนี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

เหตุผลที่คนไม่กล้าลงทุน > มีความเสี่ยง, ยุ่งยาก, เสียเวลาเยอะ, สำหรับคนรวยเท่านั้น

แม้จะรู้ว่าบลจ.ต่างๆนี้ จะมีเหล่ามืออาชีพคอยดูแลอยู่ แต่หลายคนก็จะยังไม่วางใจที่จะเอาทรัพย์สินไปให้เค้าบริหารจัดการนัก โดยกลัวในเรื่องของความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจนทำให้เงินของเค้าร่อยหรอลงไป ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร  หรือแม้ว่าเค้าจะก้าวข้ามความกังวลในเรื่องความเสี่ยงได้ และอยากจะลองเริ่มลงทุน การที่ต้องมานั่งศึกษารวบรวมข้อมูลว่า – เราควรจะต้องเอาเงินเราไปลงทุนในกองทุนไหน ของบลจ.ใด มีใครเป็นผู้จัดการกองทุน ตรวจสอบจากสถานะการเงิน ลักษณะการลงทุน ความเสี่ยงของกองทุน ผลตอบแทนที่ได้ตลอดระยะเวลาเปิดกองมา และอื่น ๆ –  ซึ่งแน่นอนว่าจะเสียเวลาเยอะ และปวดหัวสำหรับคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานความรู้เรื่องการลงทุนมาก่อน จนอาจทำให้เลิกสนใจในการลงทุนกันไปเลย

FinVest มาช่วยแก้ปัญหาที่ทำให้หลายคนยังไม่กล้าลงทุน

FinVest ช่วยตอบโจทย์ปัญหานี้ด้วยการรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ กองทุนรวมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ทั้ง  Onshore (ในประเทศ) และ Offshore (นอกประเทศ) เพิ่มความหลากหลายและโอกาสการลงทุนให้มากขึ้น จากเดิมการไปซื้อหุ้น หรือกองทุน ที่ลงทุนในบริษัทต่างประเทศโดยตรงเป็นไปได้ยาก หรือหากทำได้มูลค่าการลงทุนต่อครั้งก็จะสูง แต่ด้วยแอป FinVest นี้ จะ “ติดปีกการลงทุน” ทำให้เราลงทุนได้แบบไม่มีพรมแดน ไปได้แม้ในกองทุนต่างประเทศ* ซึ่งถูกคัดสรรมาจากทีมงานของ FinVest ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน มานำเสนอให้เราทั้งบทวิเคราะห์และประเมินมาเป็นค่าตัวเลขเพื่อการพิจารณาได้ง่าย และที่โดดเด่นกว่าบริการอื่นในตลาด คือ มีฟิลเตอร์ให้เลือกได้ว่าอยากจะลงทุนในอุตสาหกรรมไหน เช่น การแพทย์ เทคโนโลยี หรือ โครงสร้างพื้นฐาน ก็สามารถกดดูได้ทันที ปรับแต่งการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อผลตอบแทนที่ต้องการ และที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น คือ สามารถเปิดใช้บริการได้ง่าย ๆ ผ่าน K PLUS* ไม่ต้องเตรียมเอกสาร หรือไปธนาคารให้เสียเวลา ทำทุกอย่างได้เสร็จสรรพผ่านแอปได้เลย และเริ่มลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 1,000 บาท เท่านั้น

*เตรียมเปิดให้บริการต้นปี 2564

ฟีเจอร์เด่นของ FinVest ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มการลงทุนอื่น

FinVest อาจจะไม่ใช่แอปแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยเหลือเหล่านักลงทุน แต่เป็นแอปที่เพียบพร้อมที่สุดตัวนึงของตลาด ที่จะมาช่วยติดปีกให้คนที่อยากจะลงทุน สามารถเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น สะดวกกว่า และเข้าใจการลงทุนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดย FinVest จะประกอบไปด้วย 3 ฟีเจอร์หลัก ดังนี้

แนะนำกองทุน Featured Funds 

ฟีเจอร์หน้าแนะนำกองทุนที่น่าสนใจในหน้าแรก

หมดปัญหากับการต้องศึกษากองทุนมากมายแสนซับซ้อนเพราะ Finvest ได้ทำการรวบรวมกองทุนที่น่าสนใจ และดูมีศักยภาพที่สุดมาให้นักลงทุนได้เลือกสรรกัน โดยทีมลงทุนของ Finvest จะมีการประชุมทุก ๆ 2 สัปดาห์เพื่อเลือกกองทุนที่ดีที่สุดมาให้นักลงทุนได้เลือกซื้อตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์เทรนด์ตลาดที่คิดว่ามีแนวโน้มที่จะโตมากที่สุด ไปจนถึงเลือกเทรนด์การลงทุนที่เหมาะกับทุก ๆ ความต้องการของนักลงทุน

คอนเท้นต์ข้อมูล และบทวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจ

หน้าคอนเท้นต์เชิงวิเคราะห์เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ความรู้ และข้อมูลน่าจะเป็นหนึ่งใน Painpoint หลัก ๆ ที่ทำให้คนไทยไม่กล้าเริ่มลงทุน เกิดมาจากความซับซ้อนและข้อมูลมากมายที่อาจส่งผลต่อการผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ จะตามข่าวการลงทุนก็ยากไปหมด แต่ Finvest เข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยหน้าคอนเทนต์จากทีมกองทุนของ Finvest ที่ได้รวมข้อมูลเชิงวิเคราะห์ และสาระน่าสนใจเกี่ยวกับวงการลงทุนมารวมให้ในที่เดียว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสละเวลาเพียงบทความละ 2-3 นาที เพื่ออ่านข้อมูลเหล่านี้เพื่อประกอบกับการตัดสินใจลงทุนได้ อีกทั้งตัวคอนเท้นต์ยังมีการแนะนำกองทุนที่น่าสนใจอ้างอิงจากทีมการลงทุนในบทวิเคราะห์อีกด้วยมีประโยชน์มาก ๆ 

ระบบหน้า Filter และการจัดอันดับกองทุน ง่ายต่อการอ่าน

ฟีเจอร์กรองประเภทกองทุนเพื่อความสะดวกในการหา

อีกปัญหาของนักลงทุนที่เจอในแอปต่างๆ จะเป็นเรื่องของ User-interface ที่ดูแล้วซับซ้อน ใช้งานยาก ทั้งกราฟกับตัวเลข เขียว แดง เต็มไปหมด แต่ Finvest ได้ทำการดีไซน์หน้า UX/UI ให้ง่ายต่อการอ่าน/ใช้งาน มาพร้อมระบบตัวกรองกองทุนทำให้สามารถจำแนกประเภทของกองทุนได้ตาม ประเภทสินทรัพย์ หรือประเทศของบริษัทที่ต้องการลงทุน เช่นผู้ลงทุนต้องการที่จะซื้อกองทุนเกี่ยวกับสายเทคโนโลยี หรือทองคำก็สามารถเลือกได้ในหน้าตัวกรองนั่นเองครับ 

ลงทุนในบริษัท Tech ชั้นนำของโลก ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

เชื่อว่าหลาย ๆ ครั้งที่ทุกคนตามข่าวสาย Tech ก็น่าจะมีโมเม้นต์ที่เจอข่าวบริษัทที่ตัวเองชื่นชอบมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นแล้วรู้สึกอยากลงทุนกับแบรนด์พวกนี้กันใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็เตรียมทุบกระปุกหมูกันได้เลยเพราะใน Finvest ก็มีกองทุนสาย Tech มากมายที่รวมเอาบริษัทสายเทคโนโลยีระดับ World-Class รวมมาไว้ในกองทุนเดียว แถมยังจำแนกประเภทอุตสาหกรรมอย่างชัดเจนให้เรา ๆ สามารถเลือกลงทุนกันได้สบาย ๆ เลย โดยหลังจากที่เราได้ไปส่องกองทุนสาย Tech ที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มเติบโตสูง ๆ มาก็พบว่าถ้าเลือกตัวดี ๆ ถูกต้อง ก็จะได้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 55.59% ต่อปี ถ้าปีที่แล้วลงทุนไป 100,000 บาท ปีนี้เราจะได้กำไรมากกว่า 55,000 บาทเลยทีเดียว

ฟีเจอร์ Filter ทำให้เราสามารถหากองทุนสาย Tech ได้ในทันที

หน้า Funds Fact Sheet ของกองทุนสายเทคโนโลยีที่มีการถือหุ้นบริษัทสาย Tech มากมาย

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมแบบนี้ คือความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงในหุ้นเดี่ยว ๆ จัดการดูแลด้วยตัวคนเดียวมาก ยกตัวอย่าง เช่น หากเรามีการถือหุ้น Tesla เอาไว้ และบริษัทเจอข่าวในเชิงลบจนมูลค่าตกฮวบฮาบ ราคากองทุนที่เราลงไว้ก็จะลดลงไม่มาก เพราะสัดส่วนของหุ้น Tesla ที่กองทุนซื้อไว้อาจมีน้อย หรือหุ้นส่วนอื่นมีราคาดีขึ้นหักล้างกันไปได้

กองทุนรวมด้านเทคโนโลยีที่เราลองกรองและค้นหาดู จะมี KFHTECH-A ที่น่าสนใจ โดยจะนำเงินในกองทุนไปลงใน 5 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เป็นหลัก ได้แก่ Microsoft, Apple, Amazon, Tencent และ Alphabet ซึ่งรายละเอียดส่วนที่ว่ากองทุนนั้นๆ เอาเงินไปลงที่ไหนอย่างไรบ้างนี้ เราสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ใน Funds Fact Sheet โดยข้อมูลจะถูกอัปเดตให้ผู้ลงทุนได้เห็นกันทุก ๆ 3-4 เดือน หรือเลือกลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งได้เองนะครับ กองทุนเหล่านี้จะมีการผสมผสานเงินทุนไปลงยังแหล่งต่างๆ หุ้นของหลายบริษัท แต่จะจำกัดอยู่ในอุตสาหกรรมที่ระบุเอาไว้ เพื่อกระจายความเสี่ยงให้ไม่สูงเกินไปนั่นเอง

สมัครง่ายไม่ต้องไปธนาคาร ใช้แค่บัตรประชาชน

7 ขั้นตอนการสมัคร Finvest 

อ่านมาจนถึงตรงนี้ คิดว่าน่าจะเริ่มสนใจและอยากลองกันบ้างแล้ว แต่เพื่อน ๆ อาจจะคิดว่าต้องใช้เวลา และเอกสารมากมายในการเปิดพอร์ตลงทุน แต่ Finvest สามารถสมัคร และเริ่มลงทุนโดยใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น แถมใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน สามารถสมัคร และทำเรื่องทุกอย่างได้จบในมือถือไม่ต้องเดินทางไปไหนเลยครับ

สามารถไปดาวน์โหลดมาลองใช้งานกันได้แล้วทั้งใน Google Play Store และ iOS App Store และ Huawei App Gallery

และขอยก Quote ที่น่าสนใจซึ่งเราได้ยินมาจากในงานเปิดตัว FinVest มาฝากกัน

“จริงอยู่ว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนอะไรเลย เสี่ยงยิ่งกว่า”

เพราะนั่นจะทำให้คุณขาดประสบการณ์และความรู้ที่จำเป็นต่อชีวิตด้านนี้ไปนั่นเอง ขอให้มีความสุขและได้กำไรจากการลงทุนกันทุกคนครับ 😁

from:https://droidsans.com/finvest-launched-new-group-funds-investment-application/

เปิดศึก 2 แอปพลิเคชันซื้อกองทุน FinVest กับ TrueMoney ที่ใช้ “ความง่าย” เป็นจุดขาย

ในยุคนี้คนไทยหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเกิดจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่น้อยลงทุกวัน การเก็บเงินไว้ในบัญชีเงินฝาก ไม่ได้ทำให้เงินที่มีงอกเงยขึ้นมา

แต่อย่าลืมว่าการลงทุนก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่คนไทยคุ้นเคย จากข้อมูลจำนวนนักลงทุนในประเทศไทย พบว่า ประเทศไทยมีผู้ที่เคยลงทุนเพียง 2% จากประชากรเกือบ 70 ล้านคน หรือคิดเป็นเพียง 3 ล้านคนเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่คนไทยไม่ลงทุน มีหลายประการ ส่วนใหญ่เป็นความเชื่อ หรือทัศนะคติที่มีต่อการลงทุน ที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

    • เข้าใจว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลานานในการลงทุน
    • ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน ไม่รู้ว่าจะหาข้อมูลจากที่ไหน ไม่กล้าถามคนรู้จัก
    • คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องของคนที่มีเงินเท่านั้น หรือคิดว่าหากจะลงทุนต้องใช้เงินจำนวนมากๆ
    • ไม่มีเงิน ที่จะนำมาใช้เพื่อการลงทุน

ความจริงแล้วเหตุผล 3 ประการแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเข้าใจ และทัศนคติที่มีต่อการลงทุน หากสร้างความเข้าใจใหม่ ก็จะมีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนได้ เพราะอย่าลืมว่าในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วๆ ไป อยู่ที่ราว 0.25% เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยได้เลย ไม่ว่าจะมีเงินเก็บมาแค่ไหนก็ตาม

แต่กระแสความต้องการในการลงทุนของคนไทยมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับการลงทุนในกองทุนเปิดตัวในช่วงเวลาที่ใกล้กัน คือ FinVest และ TrueMoney Wallet

FinVest เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่เกิดจากความร่วมมือของ ธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และ โรโบเวลธ์ โดยมีจุดเด่น คือ การแก้ Pain Point ของการลงทุน

    • คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการลงทุน ใช้ภาษาที่อ่านง่าย ใครๆ ก็อ่านแล้วเข้าใจ
    • มีการจัดกองทุนแนะนำโดยคณะกรรมการ ที่จะมีการประชุมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
    • สามารถลงทุนได้ใน 16 บลจ. ภายในประเทศ
    • ลงทุนในกองทุนต่างประเทศได้โดยตรงเป็นครั้งแรก ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Open Architecture
Start Invest บน TrueMoney Wallet

ส่วน TrueMoney Wallet ก็เป็นอีกแอปพลิเคชันที่สามารถซื้อกองทุนได้ โดยใช้ชื่อฟีเจอร์การซื้อกองทุนนี้ว่า Start Invest ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Ascend Wealth บริษัทในเครือของ Ascend Money ที่มี Ant Financial เป็นเจ้าของ โดยจุดเด่นของการลงทุนผ่าน TrueMoney Wallet คือ

    • ความง่ายในการลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet
    • มีกองทุนแนะนำที่คัดเลือกตามความสนใจ และช่วงเวลา
    • มีคอนเทนต์เรื่องการลงทุนให้ศึกษา สร้างความคุ้นเคยก่อนการลงทุน โดยยังไม่ต้องเปิดบัญชีกองทุนก็ได้
    • สามารถลงทุนได้ใน 10 บลจ. ในประเทศ รวม 600 กองทุน

FinVest ปะทะ TrueMoney Wallet ใครได้เปรียบกว่ากัน

จะสังเกตได้ว่าทั้ง FinVest และ TrueMoney Wallet ใช้ความง่ายในการลงทุน เป็นจุดขายเหมือนกันทั้งคู่ โดยเฉพาะการมีคอนเทนต์เรื่องการลงทุนให้อ่าน มีการแนะนำกองทุนที่น่าสนใจมาให้เหมือนๆ กัน คำถามที่เกิดขึ้นคือ สองแอปพลิเคชันลงทุนนี้ ใครเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่ากัน

ความจริงแล้วทั้ง FinVest และ TrueMoney Wallet มีจุดเด่นเป็นของตัวเองนอกเหนือจากความง่าย FinVest ได้เปรียบตรงที่เป็นแพลต์ฟอร์มที่เป็น Open Architecture คือ สามารถลงทุนในกองทุนต่างประเทศได้โดยตรงเป็นครั้งแรก โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง หรือการซื้อกองทุน ที่มีวัตถุประสงค์ลงทุนในต่างประเทศแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ TrueMoney Wallet ยังทำไม่ได้

นอกจากนี้ FinVest ยังมีกองทุนให้เลือกจาก 16 บลจ. มากกว่า TrueMoney Wallet ที่ลงทุนได้เพียง 10 บลจ. เท่านั้น

แต่ในขณะเดียวกันอย่าลืมว่า TrueMoney Wallet อาจตอบโจทย์เรื่องความคุ้นเคยกับตัวแอปพลิเคชันมากกว่า เพราะเป็นแอปพลิเคชันที่ทำได้หลายอย่าง ทั้งจ่ายบิล เติมเงิน ชำระค่าสินค้าในร้านสะดวกซื้อ หรือจะเติมเงินบัตรรถไฟฟ้า MRT ก็ยังทำได้

ดังนั้นแล้วความคุ้นเคยของผู้ใช้งานจึงมีมากกว่า รวมถึงฐานผู้ใช้งานเดิมของ TrueMoney Wallet ก็มีมากถึง 15 ล้านคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่น่ายาก ที่จะดึงดูดคนกลุ่มนี้ให้เริ่มลงทุนกับ Start Invest บน TrueMoney Wallet ได้

นอกจากนี้กลุ่มผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet เดิม เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่มีจำนวนมาก ดังนั้นการดึงดูดให้คนกลุ่มนี้หันมาเริ่มลงทุน อาจง่ายกว่าก็เป็นไปได้

ความง่าย คือสิ่งที่คนไม่เคยลงทุน จะได้ประโยชน์มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในทางธุรกิจการแข่งขันคือสิ่งที่ทั้งสองแอปพลิเคชันต้องการทำ เพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ให้เข้ามาใช้แอปพลิเคชันของตัวเองในการเปิดบัญชีเพื่อลงทุน แต่ความจริงแล้วในอีกมุมหนึ่ง ความง่าย คือสิ่งที่คนทั่วไปจะได้ประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยลงทุนมาก่อน ซึ่งการลงทุนนี้อาจช่วยสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า มากกว่าการเก็บเงินไว้ในบัญชีเพียงอย่างเดียว แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่อย่าลืมว่า การไม่คิดที่จะลงทุนเลย คือความเสี่ยงที่มากที่สุดเช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/finvest-vs-truemoney-wallet-invest-war/

รู้จักกับ FinVest แพลตฟอร์มลงทุนดิจิทัล ที่ใช้ฟีเจอร์และคอนเทนต์เป็นตัวสร้างแบรนด์

ในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ อายุเฉลี่ยของคนไทยจะเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 78 ปี ในขณะที่อายุเฉลี่ยของประชากรโลกอยู่ที่ 73 ปี แต่ในทางกลับกันความมั่งคั่งเฉลี่ยของคนไทยกลับน้อยกว่าความมั่งคั่งเฉลี่ยของประชากรโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกับการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการลงทุน

ที่ผ่านมาคำว่า การลงทุน” ที่คนไทยเข้าใจ มักผูกติดอยู่กับความยุ่งยาก ไม่เข้าใจ ต้องถามเพื่อนๆ หรือคนรู้จักที่ไว้ใจ ต้องใช้เวลาในการศึกษา ไม่รู้จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินเพื่อลงทุนเท่าไหร่ ทำให้หลายๆ คน ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลงทุน เพราะเข้าใจว่าการลงทุนคือเรื่องของคนที่มีเงินเท่านั้น 

ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนของนักลงทุนในประเทศไทย มีเพียง ล้านคน หรือคิดเป็นราวๆ 5ของประชากร 70 ล้านคนทั่วประเทศ 

แต่ความจริงแล้ว การลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป เพราะปัจจุบันใครๆ ก็สามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิมด้วยช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะ FinVest แพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัล ภายใต้แนวคิด ติดปีกการลงทุนให้คุณ” (Your Wings Your Ways) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และ โรโบเวลธ์

FinVest กับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ติดปีกการลงทุน

ในยุคนี้การสร้างแบรนด์ให้มีความแตกต่าง เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับคนทั่วไปเป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่ชื่อที่ใช้เรียก โลโก้ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่อยากให้คนทั่วไปรับรู้ 

หลายคนจึงอาจจะสงสัยว่า FinVest มีที่มาจากอะไร ความจริงแล้วคำว่า FinVest มีที่มาจากคำภาษาอังกฤษ คำ คือ Finance และคำว่า Investment เมื่อรวมกันจึงกลายเป็นคำว่า FinVest เพื่อสื่อถึงความเป็นแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนดิจิทัล หรือจะมองในอีกมุมก็ได้ว่า FinVest เป็นการเล่นคำ ของคำว่า Fin (ฟิน) และ Investment เพื่อสื่อว่าการลงทุนเป็นเรื่องง่ายๆ ใครๆ ก็ลงทุนได้แบบฟินๆ ก็ได้เช่นกัน 

ส่วนโลโก้ของแบรนด์ FinVest เอง ตัวอักษร ก็มีลักษณะเหมือนปีก สื่อถึงการติดปีกให้กับการลงทุน ติดปีกให้กับผู้ที่ไม่เคยลงทุน หรือคนที่เคยมองว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก และไกลตัว การติดปีกจึงเป็นเหมือนการสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนทั้งมือเก่าและใหม่ ให้เข้าถึงช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ที่ความหลากหลาย และมีโอกาสมากกว่านั่นเอง และที่พิเศษการติดปีกยังสื่อถึง การพานักลงทุนลัดฟ้าไปลงทุนได้ในกองทุนต่างประเทศทั่วโลกได้อีกด้วย

ฟีเจอร์การลงทุน หัวใจหลักของการสร้างแบรนด์

นอกจาก FinVest จะมีกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนแล้ว ฟีเจอร์การใช้งานของ FinVest ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ ที่จะช่วยเสริมแนวคิดติดปีกการลงทุน

ฟีเจอร์แรกที่น่าสนใจคือ ฟีเจอร์แนะนำกองทุนที่น่าสนใจ และคอนเทนต์เกี่ยวกับการลงทุน สำหรับการแนะนำกองทุนที่น่าสนใจนี้ จะได้รับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการ ที่มีการประชุมร่วมกันเป็นประจำสัปดาห์ละ ครั้ง นอกจากนี้ยังมีคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่เป็นประโยชน์ มีจุดเด่นสำคัญคือ กระชับ ง่ายต่อการอ่าน และทำความเข้าใจ และยังใช้ภาษาทั่วๆ ไป เหมือนกับการให้เพื่อนเป็นผู้อธิบายเรื่องการลงทุน 

เพราะโดยธรรมชาติของคนส่วนใหญ่แล้ว เพื่อน หรือคนที่ไว้ใจ จะเป็นผู้ที่นักลงทุนมือใหม่ เชื่อใจในการถามคำถามเกี่ยวกับการลงทุนมากที่สุด 

หลังจากอ่านคอนเทนต์เกี่ยวกับการลงทุนที่น่าสนใจแล้ว นักลงทุนก็สามารถซื้อ-ขายกองทุนได้จากแอปพลิเคชัน FinVest โดยตรง โดยสามารถเลือกกองทุนได้หลากหลายตามความต้องการ โดย FinVest เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัล แบบ Open Architecture สามารถลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ ของบลจ.ชั้นนำ 15 แห่งในประเทศไทย (ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90ของอุตสาหกรรม) รวมถึงสามารถลงทุนในกองทุนต่างประเทศได้โดยตรงเป็นครั้งแรก ตามความต้องการของนักลงทุนแต่ละคน ซึ่งการลงทุนในกองทุนต่างประเทศได้โดยตรง เป็นสิ่งที่แอปพลิเคชันการลงทุนอื่นๆ ยังไม่สามารถทำได้ 

ส่วนวิธีการสมัครใช้งาน FinVest ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FinVest กรอกเบอร์โทรศัพท์ พร้อมรับรหัสผ่าน OTP เลือกเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหน่วยลงทุน โดยการกรอกข้อมูล และยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายรูปบัตรประชาชน พร้อมรูปถ่ายคู่กับบัตรประชาชน หลังจากนั้นจึงทำแบบประเมินความเสี่ยงจำนวน 12 ข้อ ก็พร้อมที่จะลงทุนได้ทันที

สร้างแบรนด์ด้วยความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร

แน่นอนว่าการสร้างแบรนด์สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ซึ่งกรณีของ FinVest ที่เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัล ก็ได้สร้างความต่างจากแอปพลิเคชันการลงทุนอื่นๆ โดยเชื่อมโยงทั้งแนวคิดติดปีกการลงทุน (Your Wing Your Waysเข้ากับการสร้างจุดเด่นด้วยฟีเจอร์แนะนำกองทุน พร้อมคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนมือใหม่ ช่วยเปลี่ยนความคิดของคน ที่เคยคิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก และไกลตัว ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย อ่านง่าย ใช้ภาษาทั่วๆ ไป 

นอกจากนี้ยังสร้างทางเลือกให้กับนักลงทุนที่มากกว่า ด้วยแฟลตฟอร์มการลงทุนแบบ Open Architecture สามารถลงทุนในกองทุนที่หลากหลาย ทั้งในประเทศ จำนวน 15 บลจ. และสามารถลงทุนในกองทุนต่างประเทศตามความต้องการของนักลงทุนแต่ละคนได้โดยตรงเป็นครั้งแรก 

โดยสรุปแล้วการสร้างแบรนด์ของ FinVest จึงเป็นการสร้างแบรนด์ผ่านความแตกต่าง ทั้งด้านฟีเจอร์ คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการลงทุนแบบง่ายๆ ไม่เหมือนใคร และโอกาสที่จะเข้าถึงกองทุนต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 

อยากรู้จัก FinVest มากขึ้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3pI0A6x  

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/finvest-digital-investment-platform/

KBank เปิดตัวแอป FinVest ซื้อขายกองทุนในไทยและทั่วโลก ตั้งเป้ามูลค่าลงทุน 14,000 ล้านบาท

KBank จับมือ Lu International และ Robo Wealth ร่วมกันให้บริการแพลตฟอร์ม FinVest ซื้อขายกองทุนรวมจาก บลจ. ชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้โดยตรง เตรียมเปิดให้ลงทุนผ่านกองทุนรวมในต่างประเทศได้ต้นปีหน้า

FinVest คือ แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการลงทุน ทำให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FinVest และสามารถเปิดบัญชีได้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยลูกค้าเลือกผูกบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารไทยพาณิชย์ได้ เน้นความหลากหลาย สามารถลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ของ บลจ. ในประเทศไทย 15 บลจ. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของอุตสาหกรรม และ บลจ. จากทั่วโลกผ่านแอปฯ FinVest ได้โดยตรง ตั้งเป้าในปีแรกมียอดเปิดบัญชี 120,000 บัญชี และมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 14,000 ล้านบาท 

พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า ปี 2563 ตลาดการเงินในประเทศไทยมีมูลค่า 44 ล้านล้านบาท มีการลงทุนในกองทุนรวมอยู่ 4.8 ล้านล้านบาท หรือราว 10% พบว่าผู้ลงทุนในกองทุนรวมมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ และชอบทำรายการลงทุนบนช่องทางดิจิทัล มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งการลงทุนในรูปแบบ Open Architecture มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี การพัฒนาแพลตฟอร์ม FinVest ในรูปแบบดิจิทัล เป็นการเสริมศักยภาพการลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยในประเทศไทย สามารถลงทุนในกองทุนรวมได้ทั่วโลกผ่าน FinVest ได้โดยตรง

KBank ได้ร่วมกับ ลู อินเตอร์เนชันแนล (Lu International) ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท ลูแฟ๊กซ์ โฮลดิ้ง (Lufax Holding) ในเครือผิงอันกรุ๊ป (Ping An Group) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีจุดแข็งในการบริหารจัดการด้านการลงทุน และมี บลน. โรโบเวลธ์ จำกัด บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech เป็นผู้ดูแลการให้บริการแพลตฟอร์ม FinVest เพื่อให้เข้ากับตลาดทุนไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก...

ชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) โรโบเวลธ์ จํากัด บอกว่า ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยสมบูรณ์ แต่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนการลงทุนเพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อชีวิตหลังเกษียณ จากประชากร 70 ล้านคนในประเทศไทย มีน้อยกว่า 5% ที่เป็นผู้ลงทุนโดยตรงในตลาดหลักทรัพย์หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม เนื่องจากคนทั่วไปมักกังวลเรื่องความเสี่ยง คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก ทำให้ต้องใช้เวลามาก และมีความเข้าใจผิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น

การให้บริการบนแพลตฟอร์ม ‘FinVest’ จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนเข้าถึงช่องทางลงทุนที่มีประสิทธิภาพได้ โดยการได้รับข้อมูลวิเคราะห์การลงทุนในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย นำไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ที่ได้ผ่านการคัดเลือกโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญร่วมกับผู้บริหารใน Product Screening Committee โดยโรโบเวลธ์จะให้บริการการเปิดบัญชี ซื้อขายหน่วยลงทุน ตลอดจนศูนย์บริการลูกค้า ผ่านแพลตฟอร์ม ‘FinVest’ ซึ่งเชื่อมต่อกับ Robowealth Open API ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของบริษัท

วิธีสมัครใช้งาน “FinVest” 

ดาวน์โหลดแอป FinVest จาก iOS App Store Google Play Store และ Huawei App Gallery: finvest

  • ลูกค้าใหม่: ดาวน์โหลดแอป FinVest และกรอกเบอร์มือถือและใส่รหัสแบบใช้งานครั้งเดียว (OTP) เพื่อใช้งานแอปฯ ในการหาข้อมูลและชี้เป้าการลงทุนบนแอปฯ ได้ทันที และเมื่อกรอกข้อมูลการสมัคร พร้อมถ่ายภาพบัตรประชาชนและถ่ายภาพตนเอง เพื่อยืนยันตัวตน จึงสามารถเปิดบัญชีสำหรับซื้อขายกองทุนได้
  • ผู้ใช้งาน odini: แค่ดาวน์โหลดแอป FinVest และกรอกเบอร์มือถือที่ใช้งานกับ odini เพื่อใส่รหัสแบบใช้งานครั้งเดียว (OTP) ก็สามารถใช้บริการซื้อขายกองทุนได้ทันที 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/kbank-finvest/