คลังเก็บป้ายกำกับ: ENTERPRISE_3D_PRINTER

4 เทคโนโลยีเกี่ยวกับ Internet of Things ที่กำลังเป็นที่ต้องการทั่วโลกในเวลานี้

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

Internet of Things หรือ IoT เป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวางมาก ดังนั้นการเลือกว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีส่วนใดของ IoT ขึ้นมาตอบสนองความต้องการของตลาดดีจึงกลายเป็นเรื่องอยากสำหรับธุรกิจต่างๆ และเหล่านักพัฒนา ทางเว็บไซต์ dataconomy จึงได้นำเสนอ 4 เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด IoT ได้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวเพราะบางประเด็นที่มานำเสนอนั้นไม่ได้ตอบตลาดขององค์กรปลายทาง แต่กลับตอบโจทย์ของการช่วยเร่งให้การพัฒนา IoT นั้นเกิดขึ้นได้รวดเร็วแทน

ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอสรุปเอาไว้อย่างย่นย่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

IoT Security ความปลอดภัยสำหรับระบบ IoT

เพราะทุกๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ IoT นั้นจำเป็นต้องมีความปลอดภัยที่เพียงพอในการนำไปใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็น IoT สำหรับผู้บริโภคหรือภาคธุรกิจก็ตาม และความปลอดภัยนั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การป้องกันการโจมตี แต่ครอบคลุมไปถึงทั้งประเด็นทางด้าน Physical, สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล, ความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล และอื่นๆ อีกมากมาย และในการประยุกต์ใช้ IoT ในแต่ละกิจกรรมนั้นก็มีแง่มุมเหล่านี้ที่ต้องคิดแตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ที่จะทำการพัฒนาแนวคิดและกระบวนการในการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของระบบ IoT นี้เป็นผู้ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างมากในเวลานี้

รายงาน Security Report ของ Cisco เมื่อปี 2014 นั้นระบุเอาไว้ว่าโลกของเราในเวลานั้นยังขาดบุคลากรทางด้านความปลอดภัยมากถึง 1 ล้านคน และการมาของ IoT ก็อาจเพิ่มตัวเลขนี้ให้เติบโตขึ้นไปอีกก็เป็นได้

 

Industrial IoT การนำ IoT มาใช้ในการผลิตและอุตสาหกรรม

การนำ IoT มาใช้ในธุรกิจการผลิตและอุตสาหกรรมนั้นจะเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่มุมของการนำ IoT มาใช้ในระบบ Logistic ทั้งการจัดการ Warehouse, การพัฒนาหุ่นยนต์จัดเก็บสินค้าเข้าคลัง, การเชื่อมต่อยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเข้ากับระบบ ERP และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าการนำ IoT มาใช้ในการผลิตและอุตสาหกรรมนี้จะช่วยสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่แทบจะไร้ขีดจำกัดได้เลยทีเดียว

รายงานจาก IoT Analytics และ Boston Consulting Group นั้นก็ระบุว่าในประเทศเยอรมนี ตำแหน่งงานทางด้าน IoT จะมีเพิ่มขึ้นอีกถึง 350,000 ตำแหน่งภายในเวลาเพียง 10 ปี ส่วนในไทยเราก็คงต้องประเมินกันต่อไปครับ

 

3D Printing การพิมพ์ 3 มิติเพื่อสร้างแบบจำลองอุปกรณ์ IoT

3D Printing ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยี IoT เป็นของตนเองแล้ว เพื่อช่วยให้การสร้างอุปกรณ์ตัวอย่างหรือ Prototype นั้นสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นที่สุด 3D Printer ที่สามารถออกแบบวัตถุต่างๆ และพิมพ์ขึ้นมาด้วยวัสดุที่ต้องการให้สามารถฝังชิปสำหรับการทำ IoT นั้นจึงเข้ามามีบทบาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างผลิตภัณฑ์ IoT ที่ต้องถูกสวมใส่โดยผู้ใช้งาน และผู้ผลิตต้องทำการผลิตออกมาให้มีความน่าใช้ที่สุดทั้งในแง่ของรูปทรง, สัมผัส, น้ำหนัก, การใช้งาน และความสวยงาม

 

Agriculture and IoT การนำ IoT มาประยุกต์ใช้ในการเกษตร

การปรับปรุงกระบวนการทางการเกษตรและการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรนััน ถือเป็นการจัดการกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เพราะอาหารนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทุกๆ ชีวิต ในปีที่ผ่านมานี้บริษัท AgTech ระดมทุนได้กว่า 2,060 ล้านเหรียญ ในขณะที่บริษัท Precision Agriculture Technologies เองก็ระดมทุนได้มากกว่า 400 ล้านเหรียญ ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยี IoT จะเข้ามามีบทบาทต่อเกษตรกรทั้งในแง่การทำให้การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์มีความสะดวกและง่ายดายขึ้น, มีผลผลิตดีขึ้น, ช่วยลดค่าใช้จ่ายลง และมีข้อมูลในการตัดสินใจใดๆ มากขึ้นไปด้วยพร้อมๆ กัน เป็นการยกระดับการผลิตในภาคของเกษตรกรรมอย่างชัดเจน

 

สำหรับในประเทศไทย ถ้ามีใครที่กำลังทำ Internet of Things หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ ทางด้านธุรกิจอยู่ และอยากแบ่งเปันเรื่องราวหรือประสบการณ์เหล่านี้ ก็สามารถส่งเรื่องของคุณหรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ info@techtalkthai.com ได้เลยนะครับ

 

ที่มา: http://dataconomy.com/profitable-iot-niches-the-race-is-on/ 

from:https://www.techtalkthai.com/4-hot-technologies-related-to-internet-of-things-2016/

Gartner เผย 10 แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับปี 2016

เป็นแนวโน้มที่ Gartner ได้ออกมาประกาศทุกปี และทางทีมงาน TechTalkThai ก็เห็นว่ามีความน่าสนใจสำหรับผู้อ่าน จึงขอหยิบยกมาสรุปให้ได้อ่านกันที่นี้ โดยในปีนี้ Gartner จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ทำให้ธุรกิจค่อยๆ ตอบโจทย์ของ Digital Business ได้สำเร็จภายในปี 2020 ได้เป็นหลัก และถือเป็นอีกการทำนายแนวโน้มที่มีเทคโนโลยีค่อนข้างหลากหลาย ดังต่อไปนี้ครับ

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

 

1. The Device Mesh

เป็นแนวโน้มที่ต่อยอดไปอีกจาก Internet of Things โดยประเด็นแรกคือการที่ผู้ใช้งานแต่ละคนจะมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Mobile Device, Wearable, เครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้าน, อุปกรณ์บนรถยนต์ และอุปกรณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ Sensors ในระบบ Internet of Things นั่นเอง

นอกจากนี้ระบบ Back-end สำหรับ Internet of Things ที่ปัจจุบันยังมีการแยกขาดจากกันสำหรับแต่ละผู้ผลิตนั้น ทาง Gartner ก็ได้ทำนายไว้ว่า Device Mesh จะทำให้ระบบ Internet of Things ต่างๆ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้อีกด้วย

 

2. Ambient User Experience

Device Mesh จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง Ambient User Experience โดยการนำเสนอ User Experience นั้นจะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ตอนที่ผู้ใช้งานกำลัง Interact กับผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตเป็นรายๆ อีกต่อไป แต่ผู้ผลิตจะต้องมุ่งเน้นการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ในการที่ผู้ใช้งานจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยประกอบขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์ Internet of Things ที่หลากหลายให้กลายเป็นประสบการณ์เพียงหนึ่งเดียว โดยประเด็นนี้จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างหลักๆ สำหรับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แต่ละราย และการพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับองค์กร ซึ่งการออกแบบ Mobile Application ก็จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับองค์กร และอาจมีบางส่วนที่ Augmented Reality หรือ Virtual Reality มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

3. วัตถุดิบสำหรับ 3D Printing

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 3D Printing นั้นได้ก้าวไปถึงการพัฒนาวัตถุดิบสำหรับใช้พิมพ์ที่หลากหลายขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบสำหรับใช้พิมพ์ที่ทำจาก Advanced Nickel Alloy, Carbon Fiber, แก้ว, Conductive Ink, อุปกรณ์ไฟฟ้า, ยา หรือแม้แต่วัตถุทางชีวภาพ ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้ก็จะทำให้สามารถสร้างความต้องการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และเติมเต็มความต้องการในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ทั้งอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ, เภสัชศาสตร์, รถยนตร์และยานพาหนะ, พลังงาน และการทหาร และทำให้การเติบโตของอุปกรณ์ 3D Printer สำหรับองค์กรนั้นเติบโตขึ้นถึง 64.1% ต่อปีไปจนถึงปี 2019 และจะยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องไปอีกถึง 20 ปีนับจากวันนี้

 

4. Information of Everything

เป็นก้าวที่พัฒนาต่อจาก Internet of Things และ Big Data Analytics ที่ในอนาคตเมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างหรือการใช้ชีวิตของมนุษย์นั้นได้ทำการสร้างข้อมูลขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ข้อมูลที่ถูกเก็บบันทึกอยู่แยกกันเหล่านี้ก็จะถูกนำมาผสานรวมกันเพื่อค้นหาความหมายหรือความรู้ต่างๆ จากข้อมูลเหล่านี้

 

5. Advanced Machine Learning

การทำ Machine Learning จะเติบโตก้าวหน้าต่อไปด้วยการทำ Deep Neural Nets (DNNs) ที่พัฒนาไปถึงขั้นกลายเป็นระบบที่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ได้ด้วยตัวเอง และมาทดแทนการจำแนกและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันโดยอัตโนมัติ และทำให้ Hardware หรือ Software ต่างๆ ในอนาคตสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ใน Environment ที่ติดตั้งใช้งานอยู่ได้อย่างครอบคลุม และจะกลายเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่องค์กรใช้เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันได้

 

6. ผู้ช่วยและสิ่งของที่สามารถเรียนรู้และโต้ตอบได้

ต่อเนื่องจากการพัฒนาของระบบ Machine Learning ก็จะทำให้เกิดหุ่นยนต์ที่มีความชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์, ยานยนตร์อัตโนมัติ, ผู้ช่วยส่วนตัว (Virtual Personal Assistant/VPA) และผู้ให้คำแนะนำที่สามารถทำงานได้เองและโต้ตอบกันได้ ซึ่งระบบผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Google Now, Microsoft Cortana หรือ Apple Siri นั้นก็จะมีความชาญฉลาดมากขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของระบบเหล่านี้ และการโต้ตอบกันได้ในลักษณะนี้ก็จะกลายเป็น User Interface หลักของการทำ Ambient User Interface และทำให้การพูดมาแทนการกดปุ่มต่างๆ ทางหน้าจอได้ และเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาต่อเนื่องยาวนานไปอึกถึง 20 ปี

 

7. Adaptive Security Architecture

การเติบโตของโลกที่ระบบ IT มีความซับซ้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ และมีการสร้างรายได้จากการ Hack ได้อย่างเป็นรูปเป็นร่างนั้น ทำให้ภัยคุกคามที่มีต่อองค์กรนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบรักษาความปลอดภัยโดยการกำหนดกฎในแบบเดิมๆ นั้นใช้ไม่ได้อีกแล้ว และการที่องค์กรมีการสร้างบริการบน Cloud หรือ API เพื่อเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์หรือลูกค้านั้นก็จะมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีมากขึ้น ซึ่งผู้นำทางด้านระบบ IT ขององค์กรก็ต้องคอยตรวจสอบและตอบโต้ภัยต่างๆ ในขณะที่ก็ยังคงละทิ้งการป้องกันภัยแบบเดิมๆ ไปไม่ได้ ระบบ Application ที่ป้องกันตัวเองได้ และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มาเติมเต็มสถาปัตยกรรมแบบ Adaptive Security Architecture

 

8. Advanced System Architecture

เพื่อตอบรับการมาของ Device Mesh และ Advanced Machine Learning รวมถึงอุปกรณ์ที่สามารถเรียนรู้และโต้ตอบได้ Advanced System Architecture จะเป็นสถาปัตยกรรมที่มาตอบโจทย์ความต้องการพลังในการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าต่อพลังงานสูง โดย FPGA จะกลายเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับการสร้างสถาปัตยกรรมการประมวลผลในรูปแบบเดียวกับสมองมนุษย์นี้ และมีความเร็วมากกว่า 1 Teraflops ได้โดยใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า ทำให้ในอนาคตอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ Internet of Things เองก็จะมีความสามารถในการทำ Machine Learning ได้ด้วย ในขณะที่ GPU ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทอยู่

 

9. Mesh App และ Service Architecture

ด้วยการมาของ Internet of Things และ Mobile ที่ต้องการใช้ Back-end ที่มีประสิทธิภาพสูงและยืดหยุ่น สถาปัตยกรรมแบบ 3-tier จะค่อยๆ กลายเป็นสถาปัตยกรรมแบบ App & Service Architecture แทน ด้วยบริการ Software-defined Application นี้ก็จะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งานระบบที่มีประสิทธิภาพ, ความยืดหยุ่น และความรวดเร็วได้ถึงแบบ Web-scale ในขณะที่สถาปัตยกรรมแบบ Microservice ก็จะยังคงตอบโจทย์การพัฒนา Application ที่เพิ่มขยายได้ทั้งแบบ On-premise และ Cloud อีกทั้ง Container ก็จะกลายมาเป็นเทคโนโลยีหลักที่เป็นพื้นฐานของสถาปัตยกรรม Microservice นั่นเอง

 

10. Internet of Things Platforms

เทคโนโลยีและมาตรฐานต่างๆ สำหรับระบบ Internet of Things จะถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่างยิ่งขึ้น ทั้งการบริหารจัดการ, การรักษาความปลอดภัย และความสามารถต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนาระบบ Internet of Things มาใช้งาน และจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการทำ Device Mesh และ Ambient User Experience นั่นเอง

 

ที่มา: http://www.gartner.com/newsroom/id/3143521 

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-predicted-10-technology-it-trends-2016/