คลังเก็บป้ายกำกับ: BIXBY

Bixby เวอร์ชั่นใหม่มาแล้ว ซัมซุงยกระดับความสามารถ Bixby อินเตอร์เฟสอัจฉริยะของซัมซุง ฉลาดขึ้นและมอบทางเลือกให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้น

ซัมซุงได้ประกาศอัปเดต Bixby ใหม่ซึ่งยกระดับการออกแบบวิธีการใช้งานของผู้ใช้ ไปจนถึงประสิทธิภาพ และขีดความสามารถของผู้ช่วยอัจฉริยะและแพลตฟอร์ม เพิ่มความสามารถของ Bixby ในการจดจำภาษาที่ดีล้ำยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและออกแบบการใช้งานสมาร์ทโฟนของตัวเองได้มากขึ้น

Bixby

“เมื่อซัมซุงเปิดตัว Bixby เป็นครั้งแรกในฐานะผู้ช่วยผ่านการสั่งงานด้วยเสียง เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับดีไวซ์ ซึ่งจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรมของซัมซุงกาแล็คซี่ได้” ยองจิพ คิม รองประธานคณะกรรมการบริหารและหัวหน้าทีม AI ธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์กล่าว

“ในวันนี้ซัมซุงได้เปิดตัวการอัปเดตเพื่อสร้างอินเตอร์เฟสให้ฉลาดล้ำยิ่งขึ้นและสามาถปรับเปลี่ยนได้ จึงทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและออกแบบการใช้งานสมาร์ทโฟน
ของตนได้มากยิ่งขึ้น”

ควบคุมและออกแบบวิธีการใช้งานบนสามาร์ทโฟนได้มากขึ้น

การอัปเดตของ Bixby มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงใหม่มากมาย เพื่อให้ผู้ใช้ได้ปรับแต่งวิธีการใช้งานของตัวเองได้ตามต้องการมากขึ้น รวมไปถึง Bixby Text Call[1] ที่เปิดใช้งานได้ในภาษาอังกฤษไปแล้ว ทุกวันนี้ผู้ใช้ภาษาอังกฤษจึงสามารถรับสายโทรศัพท์ได้จากทุกที่ โดยการพิมพ์ข้อความ ซึ่ง Bixby จะแปลงเป็นข้อความเสียงแล้วสื่อสารกับผู้โทรเข้าโดยตรงแทนตัวผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับเปลี่ยนเสียงพูดของ Bixby Text Call ในแบบของตัวเองได้ โดยใช้ Bixby Custom Voice Creator[2] บันทึกประโยคต่างๆ เพื่อให้ Bixby วิเคราะห์และสร้างเสียงต้นฉบับเป็นเสียงพูดและน้ำเสียงของตัวเองได้ด้วยเทคโนโลยี AI ปัจจุบันมีให้บริการในภาษาเกาหลี โดยมีแผนจะพัฒนาให้สามารถใช้ร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ ของซัมซุงที่นอกเหนือไปจากการโทร และสำหรับผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนคำพูดที่ใช้เป็นเสียงปลุก ตอนนี้ Bixby รองรับการเปลี่ยนแปลงวลี Custom Wake-up[3] ในการตั้งค่าของ Bixby อีกด้วย โดยได้เพิ่มทางเลือกใหม่ให้สร้างวลีที่ใช้เป็นเสียงปลุกได้ในแบบของตัวเอง

จากผู้ช่วยอัจฉริยะสู่แพลตฟอร์มอัจฉริยะ

วันนี้ Bixby สามารถให้ความต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้นและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งกว่าเดิมด้วยการนำสถานการณ์ [4] ใหม่ๆ มาใช้ เช่น การเล่นเพลงโดยอิงจากประเภทของการออกกำลังกายใน Samsung Health หรือการบันทึกกำหนดการต่างๆ ลงในปฏิทิน ตอนนี้ Bixby สามารถเข้าใจจุดประสงค์และดำเนินการตามคำร้องขอต่างๆ ได้ต่อเนื่องดียิ่งขึ้นโดยการทำความเข้าใจกับบริบทและสร้างความเชื่อมโยงกับคำพูดต่างๆ ที่ใช้ในการสื่อสารก่อนหน้านั้น ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ Bixby สามารถเริ่มออกกําลังกายบน Samsung Health ก่อนจากนั้นจึงขอให้ Bixby เล่นเพลง[5]ที่เหมาะกับการออกกำลังกายมากที่สุดโดยการพูดว่า “Play music for this workout” (เล่นเพลงสำหรับการออกกำลังกายนี้)

จดจำภาษา ประมวลผล และตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากฟีเจอร์ใหม่ที่ดีเยี่ยมเหล่านี้แล้ว ซัมซุงยังได้ขยับขยายความสามารถของ Bixby ในการรองรับเทคโนโลยี AI ในตัวเครื่อง[6] โดยผู้ใช้สามารถใช้คำสั่งหลักๆ ได้ในแบบออฟไลน์ทั้งหมด เช่น การตั้งเวลา กาจับเวลา การบันทึกภาพหน้าจอ หรือการเปิดไฟฉาย จากการผสานเทคโนโลยี AI ในดีไวซ์เข้ากับแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ (Native Application)[7] ซัมซุงสามารถขยายฟีเจอร์ด้านภาษา[8]และขีดความสามารถต่างๆ ด้วยการสั่งงานขั้นสูงด้วยเสียงพูด โดยใช้เทคโนโลยี AI การอัปเดตของ Bixby เหล่านี้จะสามารถทำงานได้ด้วยนวัตกรรมอันทรงพลังที่พบได้ในซัมซุงกาแล็คซี่ รวมถึงประสิทธิภาพระดับชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ทำให้แอปพลิเคชัน AI ในตัวเครื่องที่สามารถทำงานได้

การเปิดให้อัปเดต

อัปเดตสำหรับ Bixby จะเริ่มเปิดให้กับผู้ใช้ซัมซุงกาแล็คซี่ในเดือนกุมภาพันธ์[9]ผ่านการอัพเดทซอฟต์แวร์ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ได้ที่ www.samsung.com/global/galaxy/apps/bixby


[1] Bixby Text Call เปิดให้ใช้งานได้เฉพาะในบางรุ่น รวมถึง Galaxy S23, S23+, S23 Ultra, Z Fold4 และ Z Flip4. สำหรับภาษาเกาหลี ฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้ในสมาร์ทโฟนที่ใช้ One UI 4.4.1 หรือใหม่กว่า และสำหรับภาษาอังกฤษใช้งานได้ในสมาร์ทโฟนที่ใช้ One UI 5.1 หรือใหม่กว่า.

[2] Bixby Custom Voice Creator เปิดให้ใช้งานได้เฉพาะในบางรุ่น รวมถึง Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra. ฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้ในสมาร์ทโฟนที่ใช้ One UI 5.0 หรือใหม่กว่า. ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้อาจแตกต่างกันในอุปกรณ์แต่ละรุ่น. แอปพลิเคชันนี้สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านเมนูการตั้งค่าใน Bixby หรือแอปพลิเคชัน Samsung Phone (แอปที่ติดตั้งมาให้ในตัวอุปกรณ์).

[3] ณ ปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ในภาษาเกาหลีและใช้ได้เฉพาะในอุปกรณ์บางรุ่น รวมถึง Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra. กำหนดการที่แน่ชัดและรายละเอียดของการเปิดให้อัพเดทอาจแตกต่างกันในตลาดแต่ละประเทศและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

[4] ในปัจจุบัน สถานการณ์ทั้ง 8 รูปแบบเปิดให้ใช้งานได้ในภาษาเกาหลี จะรองรับภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมในระยะต่อไป

[5] ณ ปัจจุบัน แอปพลิเคชันเพลงที่รองรับได้แก่ Melon, Bugs, Genie และ FLO

[6] การเปิดให้ใช้งานด้านการรองรับเทคโนโลยี AI ในตัวอุปกรณ์อาจแตกต่างกันในตลาดแต่ละประเทศและอุปกรณ์แต่ละรุ่น

[7] แอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ในตัวอุปกรณ์ที่สามารถรองรับการใช้งาน ได้แก่แอปที่จำเป็นต้องมีการรองรับเทคโนโลยี AI ในตัวเครื่องเท่านั้น

[8] ในปัจจุบัน โหมด On-device รองรับภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส อิตาเลียน เยอรมัน และเกาหลี

[9] กำหนดการที่แน่ชัดและรายละเอียดของการเปิดให้อัพเดทอาจแตกต่างกันสำหรับผู้ใช้แต่ละรายและในตลาดแต่ละประเทศ

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/samsung-enhances-the-capabilities-of-bixby-samsungs-intelligent-interface/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=samsung-enhances-the-capabilities-of-bixby-samsungs-intelligent-interface

Bixby เพิ่มฟีเจอร์ใช้ AI เลียนเสียงของผู้ใช้ แล้วคุยโทรศัพท์แทนเรา

ซัมซุงออกอัพเดตใหญ่ให้ Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวบนอุปกรณ์ตระกูล Galaxy ของใหม่ที่สำคัญคือฟีเจอร์ Text Call ที่เคยเปิดตัวในเกาหลีเมื่อเดือนธันวาคม 2022 ตอนนี้ออกเวอร์ชันภาษาอังกฤษแล้ว

Text Call คือการให้ Bixby สนทนาด้วยเสียงทางโทรศัพท์แทนผู้ใช้ (ที่อาจไม่สะดวกรับสาย เช่น กำลังประชุมอยู่) โดยผู้ใช้มีหน้าที่พิมพ์ข้อความที่อยากตอบ จากนั้น Bixby จะแปลงเป็นเสียงพูดแล้วไปคุยกับคนที่โทรมาให้แทน ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Custom Voice Creato ผู้ใช้สามารถอัดเสียงตัวเองเป็นตัวอย่างฝาก Bixby เอาไว้ แล้วแปลงเป็นเสียงพูดที่คล้ายๆ กับเสียงเราได้ ตอนนี้ฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะภาษาเกาหลีเท่านั้น

ฟีเจอร์อื่นของ Bixby ที่เพิ่มเข้ามารอบนี้ยังมี on-device AI ขยายคำสั่งที่คุยได้แบบออฟไลน์ เช่น เปิดไฟฉาย จับภาพหน้าจอ ตั้งเวลา โดยรองรับการใช้งานใน 6 ภาษาคือ อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เกาหลี

ที่มา – Samsung

No Description

from:https://www.blognone.com/node/132735

MKBHD รีวิวผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียง แชมป์คือ Google Assistant ส่วน Alexa แย่ที่สุด

Marcus Brownlee หรือ MKBHD ยูทูบเบอร์คนดัง รีวิวแอพผู้ช่วยส่วนตัวผ่านการสั่งงานด้วยเสียง (voice assistant) บนสมาร์ทโฟน 4 ตัวคือ Google Assistant, Siri, Bixby, Alexa เปรียบเทียบกันอีกครั้งในเวอร์ชันปลายปี 2022 ผลคือ Google Assistant ยังเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดิม

แอพทั้ง 4 ตัวทำงานพื้นฐาน เช่น ตั้งเวลา รายงานสภาพอากาศ ตอบคำถามข้อมูลทั่วไปได้ค่อนข้างดี (ยกเว้น Siri ตั้งเวลาได้ทีละอัน) ความเด่นในด้านอื่นคือ Google Assistant และ Bixby ควบคุมการทำงานของมือถือด้วยเสียงได้ดีที่สุด สามารถสั่งถ่ายภาพได้ และเปิดซีรีส์ตอนที่ระบุจากแอพ Netflix แล้วเล่นได้ทันที (Siri ทำได้แค่เปิดแอพ Netflix เท่านั้น)

คุณภาพของการสนทนา Google Assistant ทำได้ดีที่สุด สามารถตอบคำถามอย่างต่อเนื่องได้อย่างถูกต้องต่อกัน ซึ่งแอพตัวอื่นไม่สามารถทำได้เลย อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือการค้นหารูปสัตว์ หากสั่งว่า show me the pictures of dogs จะค้นหารูปใน Google Image Search แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคำว่า my dogs จะค้นหารูปหมาจากใน Google Photos ของเราแทน

ส่วน Alexa ทำงานได้แย่ที่สุดบนสมาร์ทโฟน เหตุผลเป็นเพราะการที่ไม่ได้ผูกกับแพลตฟอร์มอย่างแนบแน่น อีกทั้งยังแอบมีโฆษณาของ Amazon แทรกมาเรื่อยๆ ด้วย

from:https://www.blognone.com/node/132032

ซัมซุงโชว์ฟีเจอร์ Bixby Text Call ถอดเสียงโทรศัพท์เป็นข้อความ พิมพ์ตอบแล้วอ่านกลับเป็นเสียง

ซัมซุงโชว์ฟีเจอร์ใหม่ของรอม One UI 5.0 ที่จะออกตัวจริงในเร็วๆ นี้ ฟีเจอร์ที่ว่าคือ Bixby Text Call เป็นการใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby (ที่หลายคนลืมชื่อนี้ไปแล้ว) ช่วยคุยโทรศัพท์แทนเรา

หากมีคนโทรมา แล้วเราไม่สะดวกรับสาย เราสามารถกดเลือก Text Call แล้ว Bixby จะถอดเสียงพูดของคู่สายมาเป็นข้อความ ให้เราพิมพ์ตอบเป็นข้อความได้ จากนั้น Bixby จะอ่านออกเสียงให้คู่สนทนาฟังเอง

ซัมซุงบอกว่าฟีเจอร์นี้เหมาะกับสถานการณ์ที่ส่งเสียงได้ยาก เช่น ในรถบัสหรือรถไฟที่มีคนมากๆ หรือในงานคอนเสิร์ตที่เสียงดังมาก ตอนนี้ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้แล้วในภาษาเกาหลี ส่วนภาษาอังกฤษจะตามมาในช่วงต้นปี 2023

No Description

ที่มา – Samsung

from:https://www.blognone.com/node/130944

Samsung เปิดตัวหลากหลายโซลูชั่นเพื่อเตรียมก้าวสู่ยุคใหม่ – เชิญชวน Smart TVs เจ้าอื่นมาใช้ Tizen OS

ภายในงาน Samsung Conference 2021 หรือ SDC 21 ทางบริษัทฯ ได้ออกมาประกาศอัปเกรดความสามารถและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Bixby, Samsung Health, Samsung Knox, SmartThings รวมถึง Tizen OS ที่ Samsung เปิดเผยว่าพร้อมอ้าแขนรับแบรนด์ Smart TVs เจ้าอื่น ๆ ให้หันมาใช้ระบบปฏิบัติการนี้ของพวกเขาอีกด้วย

Bixby

ระหว่างงานประชุม Samsung ได้เปิดเผยถึงแผนพัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Bixby ที่จะเข้ามากลายเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นให้กับอุปกรณ์ Samsung และมือถือตระกูล Galaxy กว่า 300 ล้านเครื่อง โดยปัจจุบัน Bixby ได้ใช้การประมวลผล AI ผ่านเครื่องได้โดยตรง และใช้ระบบ Deep Neutral Network ในการประมวลผลคำสั่งภายในอุปกรณ์ด้วยตัวเอง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานนั้นเร็วกว่าเดิมขึ้นถึง 35% ด้วยกัน 

และสำหรับนักพัฒนา Samsung ก็ได้ประกาศเปิดตัว Bixby Home ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลเยอร์ระหว่างการประมวลผลภาษาของ Bixby กับ SmartThings โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเข้ามาทำให้การสั่งงานด้วยเสียงมีความฉลาดยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

SmartThings

Samsung ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SmartThings รวมถึงวิธีการที่จะควบรวมแพลตฟอร์มนี้เข้ากับ Matter ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของ Smart Home วิธีนี้จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านการทำงาร่วมกันให้กับเหล่านักพัฒนา ปัจจุบัน Samsung มีพันธมิตรในด้านนี้อยู่มากมาย ทำให้การเชื่อมต่อของ Smart Home เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดย SmartThings Hub จะถูกติดตั้งในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึง Smart TV และตู้เย็น Family Hub ด้วย

นโยบายความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือ Samsung Knox ที่เป็นแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งไว้บนผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ กว่า 100 ล้านเครื่อง โดยตอนนี้ทางค่ายได้เพิ่ม Samsung Knox Vault ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ด้านความปลอดภัยและซอฟต์แวร์เพื่อการป้องกันข้อมูลให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์หรือมัลแวร์ต่าง ๆ

Samsung ยังได้สรุปหลักการด้านความเป็นส่วนตัว หรือ Privacy Principles ภายในงาน SDC 21 อีกด้วย โดยใจความหลัก ๆ คือ ความมุ่งมั่นสามประการที่เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งหมดของบริษัทฯ ได้แก่

  • การป้องกัน (Protection)
  • การนำเสนอทางเลือก (Choice)
  • ความโปร่งใส (Transparency)

โดย Samsung ได้เสนอตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนผลิตภัณฑ์ตระกูล Galaxy และ Smart TVs ได้ด้วยตัวเอง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวผ่าน Privacy Portal อีกด้วย ซึ่งในอนาคต Samsung วางแผนที่จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับโลก รวมถึงเปิดตัวเครื่องมือวิเคราะห์ความปลอดภัยแบบ Open-Source เพื่อให้ Ecosystem ของบริษัทฯ มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

Smart TVs

ปัจจุบัน Samsung ยังครองแชมป์ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านทีวี ที่ไม่เคยหยุดมอบประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ ทั้งการเชื่อมต่อ ฟังก์ชั่นการทำงาน รวมไปถึงความบันเทิงต่าง ๆ โดยภายในงาน SDC 21 บริษัทฯ ได้เปิดตัวฟีเจอร์มอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคน ได้แก่

  • การสื่อสารผ่านวิดีโอ (Video Communication) โดย Samsung ได้รับความร่วมมือจาก Google ใช้งาน AI-enabled focus และฟีเจอร์ของ Zoom
  • Samsung Health บน Smart TVs ที่เชื่อมต่อกับกล้อง Webcam เพื่อวิเคราะห์ท่าทางการเคลื่อนไหว และให้คำแนะนำในการออกกำลังกายแบบ Real-Time
  • การเล่นเกมที่สมจริงมากยิ่งขึ้นด้วย HDR10+ การตั้งค่าแบบ Low Latency และการปรับจูน HDR

Samsung เปิดโอกาสให้แบรนด์ Smart TVs อื่น ๆ หันมาใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen OS

Samsung เปิดเผยว่า ตอนนี้แบรนด์ทีวีเจ้าอื่น ๆ สามารถขอบริการ Tizen TV Platform Licensing มาใช้ ที่จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Tizen OS เอาไว้ขับเคลื่อน Smart TVs ของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งระบบฯ Tizen OS จะมีบริการสตรีมมิ่งให้เลือกใช้บริการอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็น Apple Music, Apple TV+, Disney+, Hulu, Netflix, Amazon Prime Video, Spotify, YouTube, YouTube Kids และ YouTube TV (แต่ยังต้องเสียค่าบริการรายเดือนของเซอร์วิสนั้น ๆ อยู่)

ปัจจุบัน Amazon, Google, LG และ Roku เริ่มออกมาเคลื่อนไหว เชิญชวนให้ Smart TVs เจ้าอื่น ๆ หันมาใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเองกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Samsung หยุดอยู่นิ่งไม่ได้ จำเป็นต้องออกมาเสนอ Tizen OS ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับแบรนด์อื่น ๆ เลือกใช้ แบ่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกับ Fire TV ของ Amazon หรือ Android TV จาก Google

โดย Tizen OS ถือเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการสำหรับ Smart TVs ที่มีฟีเจอร์และแอปสตรีมมิ่งต่าง ๆ ให้เลือกใช้บริการเยอะ น่าจะเหมาะกับหลากหลายแบรนด์ที่ผลิต Smart TVs ออกมาวางขาย แต่ไม่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเองเอาไว้ใช้งาน

One UI 4 เวอร์ชั่นล่าสุด

ปิดท้ายด้วย One UI 4 ระบบปฏิบัติการบนพื้นฐาน Android 12 เวอร์ชั่นล่าสุดของ Samsung ที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งตค่าปรับแต่งเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น พร้อมยกระดับความเป็นส่วนตัวและระบบความปลอดภัยชั้นนำเข้ากับการตั้งค่าการอนุญาตต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้เสมอเมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนของ Samsung

 

ที่มา: อีเมลประชาสัมพันธ์

 

from:https://droidsans.com/samsung-unveils-new-solutions-offering-smart-tv-brands-to-use-tizen/

ซัมซุงเตรียมเลิกให้บริการฟีเจอร์ AR บน Bixby Vision สิ้นเดือนตุลาคมนี้

ซัมซุงเปิดตัว Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะของตัวเองตั้งแต่ปี 2017 ก่อนจะใส่มาใน Galaxy S8 ครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งซัมซุงวางตัว Bixby เอาไว้เป็นตัวกลางแพลตฟอร์มอัจฉริยะของตัวเอง แต่ผ่านมา 2-3 ปี Bixby กลับเงียบลงไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลการพัฒนาและความนิยมที่ไม่ค่อยมี

ล่าสุดมีผู้ใช้งาน Bixby Vision ที่เป็นฟีเจอร์เปิดกล้องคล้าย Google Lens ได้รับการแจ้งเตือนในตัวแอปว่าซัมซุงจะระงับการให้บริการฟีเจอร์ AR บน Bixby Vision ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เหลือไว้แค่ฟีเจอร์ด้านการแปลหรืออ่านตัวหนังสือเท่านั้น

ที่มา – Android Police

from:https://www.blognone.com/node/118850

Samsung Galaxy Home Mini ลำโพงอัจฉริยะพลัง Bixby เตรียมวางขายในเกาหลีใต้ 12 กุมภาพันธ์นี้

ในปัจจุบันสินค้าประเภทลำโพงอัจฉริยะเริ่มได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนมีแบรนด์ IT ต่างๆ เริ่มส่งลำโพงอัจฉริยะของตัวเองออกสู่ตลาดหลากหลายรุ่นไปหมด โดยล่าสุดก็ได้มีข่าวหลุดออกมาว่าแบรนด์ IT ระดับโลกอย่าง Samsung ก็กำลังจะวางจำหน่ายลำโพงอัจฉริยะ Galaxy Home Mini ในเกาหลีใต้หลังงาน Galaxy Unpacked วันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ โดยลำโพงดังกล่าวจะมากับผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ที่ Samsung เป็นผู้พัฒนาขึ้นเองด้วย

Galaxy Home รุ่นแรกที่เปิดตัวในงาน Galaxy Unpacked 2018 แล้วก็หายไปเลย

ตั้งแต่งานเปิดตัว Galaxy Note 9 เมื่อปี 2018 ทาง Samsung เคยออกมาโชว์ตัวลำโพงอัจฉริยะ Galaxy Home ซึ่งใช้ผู้ช่วยที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง Bixby ออกมารอบนึงแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกวางจำหน่ายซักทีนึง…แต่ล่าสุดก็ได้มีข้อมูลออกมาว่า Samsung กำลังจะวางจำหน่ายลำโพงอัจฉริยะรุ่นเล็ก Galaxy Home Mini ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ หลังงานเปิดตัวซีรีส์ Galaxy S20 ซึ่งข่าวนี้ดันเป็นข่าวที่ Samsung เผลอโพสท์ผ่านเว็บ Samsung Korea โดยบังเอิญอีกต่างหาก (ตอนนี้โดนลบไปแล้ว)

สำหรับคำแปล (ด้วย Google Translate) ของโพสท์ดังกล่าวก็มีการบอกฟีเจอร์คร่าวๆ ของลำโพงตัวนี้เอาไว้ว่า ผู้ใช้สามารถสั่งงาน Smart Device อื่นๆ ได้ด้วยคำสั่งเสียง ผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby โดยมีไมโครโฟน 2 ตัว ในการจับเสียงจากระยะไกล นอกจากนี้ยังมีรีโมทคอนโทรลที่ใช้แสงอินฟราเรดสั่งงานตามปกติมาให้ด้วย ในกรณีที่ผู้ใช้อยากจะสั่งลดเสียง หรือเปลี่ยนเพลง (จะได้ไม่ต้องตะโกนสั่งงานแข่งกับเสียงเพลง)

ตามโพสท์ดังกล่าวบอกว่า Galaxy Home Mini จะวางขายในเกาหลีใต้ภายหลังงาน Galaxy Unpacked และคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ 99,000 วอน หรือราวๆ 2,600 บาท และยังไม่มีข้อมูลว่าจะวางขายนอกเกาหลีใต้ด้วยรึเปล่า เพราะผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอยู่เฉพาะในเกาหลีใต้นั่นเอง…แต่ก็ต้องรอดูกันอีกทีในงาน Galaxy Unpacked ครับ ว่า Samsung จะเปิดตัวเจ้าลำโพงอัจฉริยะตัวจิ๋วนี้ด้วยรึเปล่า

 

ที่มา : GSMArena

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-home-mini-launch-12-feb-20/

Samsung Galaxy Home คู่แข่งของ HomePod ยังอยู่ในแผนการตลาดของ Samsung

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ของปีที่แล้ว Samsung ได้เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ Galaxy Home อย่างทางการ และหวังว่าจะมาเป็นคู่แข่ง HomePod ของ Apple แต่ผ่านไป 1 ปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเห็น Galaxy Home วางอยู่ในตลาด

ในงาน Galaxy Unpacked 2019 ที่จัดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน Galaxy Note 10 series, สมาร์ทวอทช์ Galaxy Watch Active 2, แท็บเล็ต Galaxy Tab S 6 และโน๊ตบุ๊ค Galaxy Book S แต่ยังไม่มีการกล่าวถึง Galaxy Home

อย่างไรก็ตาม The Verge ได้ติดต่อไปยัง Samsung เพื่อสอบถามเกี่ยวกับลำโพงอัจฉริยะ และได้รับคำตอบกลับมาว่า Galaxy Home ยังไม่ได้ถูกยกเลิกโครงการ แต่ยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังมีแผนเปิดตัวในอนาคต โดยจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้

Samsung Galaxy Home ถูกออกแบบมาให้เป็นศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านแอพพลิเคชั่น Samsung SmartThings Hub ภายในมาพร้อมลำโพง 6 ตัว บวกกับซับวูฟเฟอร์ และติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 8 ตัว เพื่อให้ลำโพงได้ยินเสียงอย่างชัดเจนรอบทิศทาง สามารถควบคุมด้วยเสียง โต้ตอบกับผู้ช่วย AI ของตัวเอง ที่เรียกว่า Bixby

ที่มา – The Verge
https://www.flashfly.net/wp/262518

from:https://www.flashfly.net/wp/262518

10 นวัตกรรมและฟีเจอร์ที่ Samsung ใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (29 มิถุนายน 2009) Samsung ได้ปล่อยมือถือ Galaxy รุ่นแรกอย่าง Galaxy GT-I7500 ออกสู่ตลาด และนับตั้งแต่นั้นมามือถือซีรีส์ Galaxy ก็กลายเป็นมือถือสุดฮิตติดลมบนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเหตุผลหลักก็คงจะหนีไม่พ้นฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เรามักจะได้เห็นในมือถือซีรีส์นี้นั่นเอง โดย Samsung ก็ได้ทำอินโฟกราฟฟิกบอกให้เราได้รู้ว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มือถือซีรีส์ Galaxy มีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาบ้าง

1.หน้าจอ AMOLED 

Galaxy S รุ่นแรกที่ใช้หน้าจอ AMOLED

สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED คือ Galaxy S ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2010 จากนั้นสมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung ก็ใช้หน้าจอประเภทนี้มาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของซีรีส์ Galaxy ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน้าจอประเภทนี้ถือเป็นหนึ่งในหน้าจอที่มีประสิทธิภาพดีจนแม้แต่แบรนด์คู่แข่งตลอดกาลอย่าง Apple ยังต้องหันมาใช้หน้าจอประเภทนี้ด้วยเหมือนกัน ยิ่งตอกย้ำความล้ำของนวัตกรรมหน้าจอ AMOLED ของ Samsung มากยิ่งขึ้นไปอีก โดยหน้าจอของทางค่ายได้รับการยกย่องจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นหนึ่งในหน้าจอที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว

2.ปากกา S Pen 

ปากกา S Pen ลืมตาดูโลกครั้งแรกเมื่อปี 2011 หรือประมาณ 8 ปีที่แล้ว โดยตอนนั้นได้ถูกใส่มาในมือถือจอยักษ์อย่าง Galaxy Note นั่นเอง และถึงแม้ว่าช่วงนั้นปากกา Stylus สำหรับใช้กับสมาร์ทโฟนจะมีอยู่ในตลาดบ้างแล้ว แต่ S Pen ของ Samsung มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและล้ำกว่ามาก บวกกับ Galaxy Note ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้ขีดเขียนได้ถนัดกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ Galaxy Note จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถึงทุกวันนี้ และ S Pen ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของ Galaxy Note ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในแต่ละรุ่น Samsung ก็จะใส่ฟีเจอร์ใหม่เข้ามาใน S Pen อยู่เสมอ.. ต้องรอดูกันต่อไปว่า S Pen ของ Note 10 ปีนี้จะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ มาให้เราตื่นเต้นกันหรือเปล่า

3.ปลอดภัยด้วย Samsung Knox 

ก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android มักจะถูกมองจากภาคธุรกิจว่าไม่เหมาะสมกับการใช้งานเพราะไม่ค่อยมีความปลอดภัยเท่าไหร่นัก Samsung เองก็เล็งเห็นถึงปัญหานี้จึงได้เปิดตัว Samsung Knox ครั้งแรกใน Galaxy Note 3 โดยฟีเจอร์นี้จะเข้ามาช่วยปกป้องข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้จากระบบล็อคด้วยรหัส นอกจากนี้ทางค่ายเองก็ได้นำฟีเจอร์ดังกล่าวไปใส่ไว้ในสมาร์ทวอทช์, แท็บเล็ต และอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ของบริษัทเรียบร้อยแล้ว ดีจน Google ก็ได้นำไอเดียดังกล่าวนี้ไปประยุกต์ใช้กับระบบปฏิบัติการ Android ของตัวเองด้วย

4.การยืนยันตัวตนโดยวิธีไบโอเมทริกซ์ 

Samsung ได้ใส่ตัวสแกนลายนิ้วมือครั้งแรกไว้ในมือถือรุ่น Galaxy S5 เพราะตอนนั้นหลายค่ายได้หันมาใช้ตัวสแกนลายนิ้วมือกันบ้างแล้ว แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพและการใช้งาน ตัวสแกนลายนิ้วของ Galaxy S5 ถือว่าทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ Samsung จึงต้องทำการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ แต่หลังจากนั้น Samsung ก็ได้เปิดตัวระบบปลดล็อกหน้าจอด้วยม่านตากับใบหน้าออกมาอีก และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังมี Galaxy S10 ซึ่งเป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยคลื่น Ultrasonic

5.มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68

แม้ว่า Samsung จะไม่ใช่เจ้าแรกที่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในสมาร์ทโฟนขอตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาตรฐานดังกล่าวได้รับความนิยมในมือถือรุ่นอื่นๆ ด้วย มาจากการที่มือถือรุ่น Galaxy S5 ได้รับมาตรฐาน IP67 ซึ่งสามารถเอาลงน้ำได้ที่ความลึก 1 เมตรนั่นเอง และหลังจากนั้นอีก 2 ปี ทางค่ายก็เปิดตัวมือถือรุ่น Galaxy S7 ที่คราวนี้อัพเกรดมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็น IP68 จนถึงทุกวันนี้สมาร์ทโฟนในซีรีส์ Galaxy S และ Galaxy Note ต่างมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 กันทั้งสิ้น

6.การชาร์จแบบไร้สาย 

สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายของ Samsung ก็คือ Galaxy S6 ที่เปิดตัวไปในปี 2015 และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนคิดค้นนวัตกรรมดังกล่าว แต่ก็เป็น Samsung อีกนั่นแหละที่ทำให้ฟีเจอร์ดังกล่าวนี้เป็นที่นิยม จนทำให้ค่ายอื่นๆ ต่างต้องยกระดับพร้อมกับใส่ฟีเจอร์ชาร์จไร้สายมาไว้ในเรือธงของตัวเองบ้างแบบ ส่วนสมาร์ทโฟนในซีรีส์ Galaxy S10 ก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น แต่ล้ำขึ้นไปอีกขั้นด้วยการใส่ฟีเจอร์ Wireless PowerShare ที่จะสามารถทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับได้

7.Samsung Pay 

หากไม่นับหน้าจอแบบ AMOLED แล้ว ก็น่าจะมี Samsung Pay ที่เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ทาง Samsung ทำออกมาแล้วประสบผลสำเร็จมากๆ โดยเปิดตัวครั้งแรกใน Galaxy S6 เมื่อปี 2015 จากนั้นฟีเจอร์นี้ก็กลายเป็นจุดขายของสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy ไปเลย โดยจุดที่ทำให้ Samsung Pay นั้นแตกต่างจากฟีเจอร์แบบเดียวกันของค่ายอื่นๆ ก็คือมันไม่ต้องใช้เครื่องรูดบัตรที่มีระบบ NFC ก็ยังสามารถใช้งานได้

8.หน้าจอ Infinity 

สมาร์ทโฟนจาก Samsung มีจุดแข็งในเรื่องของหน้าจอ AMOLED มาโดยตลอด และทาง Samsung ก็ได้พัฒนาขึ้นไปขั้นด้วยหน้าจอขอบบางแบบ Infinity ที่มีครั้งแรกใน Galaxy S8 ซึ่งถึงแม้ว่า Samsung จะไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำมือถือหน้าจอขอบบาง แต่มือถือ Infinity Display จาก Samsung ก็ยังคงเป็นตัวจุดกระแสมือถือขอบจอบางที่มีตามออกมาอีกหลายๆ รุ่นในอนาคต

9.ผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby 

Bixby ผู้ช่วย AI อัจจริยะของ Samsung ลืมตาดูโลกครั้งแรกเมื่อปี 2017 ในงานเปิดตัว Galaxy S8 จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะมาแข่งขันกับ Google Assistant และ Siri ซึ่งในอนาคตพวกเขาเองก็มีแผนที่จะใส่ Bixby เข้าไปไว้ในโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นของทางค่าย

10.กล้องระดับโปร

Samsung นำเทคโนโลยี Dual Aperture มาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนของตัวเองครั้งแรกใน Galaxy S9 โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะช่วยให้กล้องโทรศัพท์ปรับค่ารูรับแสงให้เข้ากับสภาพแสง ณ ขณะนั้นให้เหมาะที่สุด เพื่อที่จะได้มาซึ่งคุณภาพรูปถ่ายที่ดีกว่า และในมือถือ Galaxy S10 ยังได้เพิ่มเลนส์ Ultra Wide เข้ามาให้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ในมุมที่หลากหลายขึ้น และมีคุณภาพที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย

และทั้งหมดนั่นก็คือฟีเจอร์เด็ดๆ ที่ Samsung ได้พัฒนาและเอามาใส่ให้กับมือถือซีรีส์ Galaxy ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่ามันยังไม่หมดแค่นี้แน่นอน ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าในอนาคตเราจะได้เห็นฟีเจอร์อะไรที่มันล้ำกว่านี้ออกมาจากมือถือแบรนด์ Samsung อีกบ้าง

 

ที่มา: sammobile

from:https://droidsans.com/samsung-highlights-galaxy-innovations/

ซัมซุงเปิดตัว Bixby Marketplace สำหรับค้นหาแอปและบริการที่เชื่อมกับ Bixby

ซัมซุงประกาศเปิดตัว Bixby Marketplace สำหรับค้นหาแอปและบริการที่จะนำมาใช้งานและเชื่อมต่อเข้ากับ Bixby ในเครื่อง หรือเปรียบเทียบอย่างง่ายคือคล้ายๆ กับหน้าสโตร์ที่เอาไว้ค้นหา Alexa Skills ของ Amazon

ตัวบริการหรือแอปที่เชื่อม ทางซัมซุงเรียกว่าแคปซูล และแน่นอนว่าแพลตฟอร์ม Bixby จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานผู้ใช้และพยายามนำเสนอแคปซูลที่น่าจะใช้งานให้ตรงใจที่สุด ขณะที่หน้า Bixby Marketplace จะเข้าถึงได้จากการปัดด้านซ้ายจากหน้าหลักของ Bixby (ที่เปิดขึ้นมาจากการกดปุ่ม Bixby)

Bixby Marketplace เปิดให้ใช้งานก่อนในสหรัฐและเกาหลีใต้

ที่มา – Samsung

No Description

![](https://img.global.news.samsung.com/global/wp-content/uploads/2019/07/Bixby-Marketplace-main2.jpg()

from:https://www.blognone.com/node/110687