คลังเก็บป้ายกำกับ: APPLE_WATCH_4

Apple ไทยประกาศเตรียมเปิดใช้ฟีเจอร์ ECG วัดคลื่นหัวใจบน Apple Watch เร็วๆ นี้

เอาจริง Apple Watch สามารถใช้งานฟีเจอร์ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ตั้งแต่รุ่นที่ 4 ที่เดินทางมาเปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ทว่าทางสำนักงาน อย. ก็ยังไม่อนุมัติให้ใช้งานซักที แต่ล่าสุดวันนี้ทาง Apple Thailand ประกาศแล้วว่าต่อไปนี้ Apple Watch สามารถใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้แล้ว พร้อมกับจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท Class I

Apple Thailand ออกมาประกาศว่า สมาร์ทวอทช์ Apple Watch 4, 5 และ 6 จะสามารถใช้งานฟีเจอร์ ECG ในการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้แล้ว โดยความสามารถนี้จะมาพร้อมกับแพทช์อัปเดต Watch OS 7.3 ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทดสอบสำหรับนักพัฒนา

ECG หรือ EKG (Electrocardiography) คือการตรวจวัดหาความผิดปกติของความสมบูรณ์คลื่นไฟฟ้าในกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งอุปกรณ์ Apple Watch จะมีเซนเซอร์อยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง โดยจะทำงานร่วมกับแอป ECG ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทราบและช่วยเหลือตัวเองได้ทัน ผ่านระบบการแจ้งเตือนเมื่อจังหวะการเต้นหัวใจไม่สม่ำเสมอ



อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานก็ควรที่จะต้องต้องปรึกษาแพทย์ควบคู่ไปด้วย เพราะว่าการตรวจวัดนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน ดังนั้นจึงไม่สามารถยึดถือได้ 100% และถ้าหากเพื่อน ๆ คนไหนอยากจะทำความเข้าใจว่าการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ ECG บนอุปกรณ์ Apple Watch นั้นทำงานได้ดีแค่ไหนสามารถไปตามอ่านที่ลิงค์บล็อกนี้ได้เลยครับ

 

ที่มา : Apple

from:https://droidsans.com/apple-announce-ecg-support-on-apple-watch-in-thailand/

Apple Watch แต่ละรุ่นเปิดตัวเมื่อไหร่ รุ่นใหม่มาตอนไหน ควรซื้อช่วงไหนดี?

Apple Watch Timeline Coverหลายคนมีคำถามเข้ามาค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับ Apple Watch ว่ารุ่นใหม่ในปี 2019 นั้นจะเปิดตัวตอนไหน และควรซื้อรุ่นปัจจุบันเลยหรือว่ารอก่อนดีกว่า วันนี้ทีมงาน iMod ขอนำ timeline การเปิดตัวของ Apple Watch แต่ละรุ่นมาให้ชมกันครับ Apple Watch แต่ละรุ่นเปิดตัวเมื่อไหร่ รุ่นใหม่มาตอนไหน ควรซื้อช่วงไหนดี? อัปเดต ณ วันที่เขียนข่าว (12/8/2019) ทาง Apple ปล่อย Apple Watch ออกมาแล้วด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่นตามนี้ Apple Watch (1st Generation) (2014) Apple Watch Series 1 (2016) Apple Watch Series 2 (2016) Apple Watch Series 3 (2017) Apple Watch Series […]

from:https://www.iphonemod.net/apple-watch-timeline.html

Apple Watch Series 4 อาจเจอปัญหา ECG Monitor ยังไม่ได้รับอนุญาตในหลายประเทศ

อย่างที่เรารู้กันว่าฟีเจอร์ที่เจ๋งที่สุดของ Apple Watch Series 4 ก็คือ ECG Monitor ที่ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าฟีเจอร์นี้นั้นจะใช้ได้แค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยจะมีแคนาดาในอนาคตอันใกล้ แต่ดูเหมือนว่าในหลายๆประเทศที่ Apple Watch Series 4 วางขายแล้วและกำลังจะวางขาย อาจจะไม่มีให้ใช้เร็วๆนี้ เนื่องจากยังไม่ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ

ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับคนที่คิดจะซื้อ Apple Watch 4 ถ้าเอามาแล้วแต่ไม่สามารถใช้ได้ครบทุกฟังก์ชั่น โดยเฉพาะฟีเจอร์เด่นอย่าง ECG Monitor ซึ่งทาง 9To5Mac พึ่งไปคุยกับทาง MHRA ของอังกฤษซึ่งเป็นองค์กรที่กำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาบอกว่ากระบวนการนั้นค่อนข้างง่ายแต่ใช้เวลาค่อนข้างมาก Apple จะต้องทำผลการศึกษาวิจัยด้านการแพทย์และแจ้ง MHRA ล่วงหน้า 60 วัน จากนั้น MHRA มีเวลา 60 วันในการอนุมัติผลการศึกษาและอนุญาตให้ Apple ดำเนินการดังกล่าว ระยะเวลาในการศึกษาขึ้นอยู่กับความใหญ่ของผลการศึกษาที่ส่งเข้าไป ซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนถึงเป็นปีเลยก็เป็นได้

แต่ก็ยังดูมีโชคอยู่บ้าง เนื่องจากอังกฤษยังอยู่ใน EU ถ้า ECG Monitor ผ่านการรับรองของ MHRA ใบรับรองนั้นอาจจะสามารถใช้ได้ประเทศอื่นๆในยุโรปเช่นเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple พึ่งได้รับการรับรองจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเพียงวันเดียวก่อนหน้าที่จะเปิดตัวเท่านั้น ต้องมารอดูกันว่าฟีเจอร์นี้จะได้รับการรับรองจากนานาประเทศเมื่อไร

ที่มา : GSMArena

from:https://droidsans.com/apple-watch-series-not-certified-many-countries/

Siri บน Apple Watch Series 4 แสดงการเคลื่อนไหวตามจังหวะการพูดได้ดีขึ้น

Siri Waveform Apple Watch Series 4 Cover

หลังจากเมื่อวานนี้ (21 ก.ย. 61) Apple ได้เริ่มวางขาย iPhone XS, iPhone XS Max และ Apple Watch Series 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักทดสอบก็เริ่มพรีวิวการใช้งานอุปกรณ์ใหม่กัน และวันนี้เราจะมาชมจุดเปลี่ยนแปลงของ Siri บน Apple Watch Series 4 กันค่ะ

Siri บน Apple Watch Series 4 แสดงการเคลื่อนไหวตามจังหวะการพูดได้ดีขึ้น

เวลาที่เราป้อนคำสั่งให้กับ Siri บน Apple Watch เห็นได้ว่า Siri จะมีการตอบสนองด้วยข้อความและภาพเคลื่อนไหวสีรุ้งด้านล่าง ซึ่งใน Apple Watch Series 3 การแสดงภาพของ Siri จะเคลื่อนไหวอย่างอิสระ แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวตามน้ำหนักเสียงพูดของเรา เหมือนกับ Siri ที่ใช้บน iPhone และ iPad

Siri Waveform Apple Watch Series 4 1

ในวิดีโอด้านบนนี้เป็นการทดสอบใช้งาน Siri บน Apple Watch Series 4 พบว่า การเคลื่อนไหวภาพของ Siri สามารถทำได้ดีและสมูทขึ้น ด้วยการเคลื่อนไหวตามจังหวะการพูด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า Siri มีการตอบสนองต่อเสียงพูดและดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่า Apple จะทำการปรับปรุงการตอบสนองของ Siri ให้กับ Apple Watch รุ่นเก่าหรือไม่ ก็รอชมและรอติดตามกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณ 9to5mac

from:https://www.iphonemod.net/siri-waveform-apple-watch-series-4.html

ทำความเข้าใจ Apple Watch 4 ค่า ECG สามารถใช้งานได้ขนาดไหน? และความเป็นห่วงในมุมมองแพทย์

จากงาน Apple Event เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา นอกเหนือจาก iPhone ที่เปิดตัวใหม่แล้ว ตัวที่เรียกความสนใจได้ไม่แพ้กันก็คือ Apple Watch ที่ถูกหยิบเอามาพรีเซนต์ก่อนใคร นอกเหนือจากหน้าตาที่ดูดีขึ้นมากเพราะขอบบางลงเยอะแล้ว ฟีเจอร์ทั้งการแจ้งเตือนการหกล้ม และการวัดค่า ECG ก็ดูจะเป็นอะไรที่คนว้าวกับเจ้าสมาร์ทวอทช์เรือนนี้ไปไม่น้อย แต่ก็มีคนยังงงๆกับค่า ECG นี่อยู่ไม่น้อย รวมถึงสงสัยว่ามันใช้งานได้ขนาดไหน วันนี้เดี๋ยวเรามาดูเพิ่มเติมกันครับ

ECG / EKG คือค่าอะไร*

ถ้าใครได้อยู่ใกล้กับคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจน่าจะเคยได้ยินค่านี้กันมาบ้าง เพราะโดยมากจะต้องโดนจับตรวจ ECG/EKG ด้วยกันทั้งนั้น โดยการตรวจหัวใจหาค่า ECG นี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยถึงโรคที่เป็นหรือความเสี่ยงที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งค่า ECG จะได้จากการตรวจจับคลื่นไฟฟ้าที่ออกมาจากหัวใจ ดังที่เห็นว่าตอนตรวจจะมีอุปกรณ์ติดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งอุปกรณ์นี้จะบันทึกค่าระหว่างขั้วบวก ขั้วลบเป็นคู่ๆ (lead) หลายๆตำแหน่ง หลายๆมุม เช่น หัวใจห้องนี้ไปขา หัวใจห้องนี้ไปแขน อะไรประมาณนี้ มาตรฐานคือ 12 มุม 12 คู่ขั้วบวกลบ โดยจะมีข้อมูลที่สำคัญสองส่วนคือ

  1. เวลาที่คลื่นไฟฟ้าผ่านหัวใจ ซึ่งช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติ การเต้นช้า-เร็วของหัวใจ
  2. เวลาที่คลื่นไฟฟ้าผ่านกล้ามเนื้อของหัวใจ ช่วยทำให้แพทย์เห็นการขยายตัวหรือการทำงานหนักผิดปกติของหัวใจ

เวลาตรวจจะต้องติดอุปกรณ์ไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกายประมาณนี้นะ

ECG หรือ EKG ? บางคนอาจจะงงว่าสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร แต่จริงๆคือสามารถเรียกได้ทั้งสองแบบ โดยสาเหตุที่เรียกได้สองแบบก็เกิดจากที่ตอนคุณ Laureate Willem Einthoven ผู้คิดค้น Electrocardiography เค้าแปลผลงานของเค้าเป็นภาษาเยอรมัน เค้าได้เขียนว่า elektrokardiogramm จนทำให้เกิดเป็นตัวย่อ EKG นั่นมานั่นเอง โดย EKG จะเป็นค่าที่ใช้กันเป็นปกติในประเทศอย่างอเมริกา ส่วนประเทศอื่นๆมักจะใช้ ECG ส่วนประเทศไทยเราได้รับอิทธิพลจากฝั่งอเมริกามาเยอะจึงใช้เป็น EKG นั่นเอง

เพิ่มเติม ส่วนอีกค่านึงที่คล้ายๆกันก็คือ EEG หรือ Electroencephalogram อันนั้นไม่ได้เกี่ยวกับหัวใจแต่เป็นสมองนะ

Apple Watch วัดค่านี้ได้อย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง

Apple Watch จะใช้กลไกแบบ single-lead handheld device โดยด้านล่างของตัวเรือนนาฬิกาจะเป็นจะเป็นตัวรับคลื่นขั้นบวก ส่วนตัวเม็ดมะยมของนาฬิกาที่ใช้นิ้วแตะจะเป็นขั้วลบและ ground และทำการประมวลผลจบได้ภายใน 30 วินาทีจากชิปเซตของตัวนาฬิกา พร้อมแจ้งเตือนกรณีพบความผิดปกติ และสามารถพลอตกราฟคลื่นไฟฟ้าออกมาให้ดูได้ผ่านแอป Health เลยทันที



ซึ่งค่าความผิดปกติตรงนี้ทาง Apple บอกว่าเป็นค่าที่เหมือนกับไปทำที่โรงพยาบาลยังไงอย่างงั้นเลย และบอกได้ว่าหัวใจเรามีสัญญาณบ่งชี้ถึงการมีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว (Atril Fibrillation) หรือที่เรามักจะได้ยินคนเรียกกันว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ได้นั่นเอง การที่เราใส่ Apple Watch และมีการตรวจเช็คตลอดเวลาก็เป็นเหมือนการป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ ลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เสียชีวิต หรืออัมพฤกษ์ อัมพาตได้นั่นเอง

โดยตัว Apple Watch นี้ได้ผ่านการอนุมัติจากทาง FDA หรือองค์การอาหารและยาของอเมริกาเรียบร้อย รวมถึงมีการเชิญแพทย์โรคหัวใจมาขึ้นพูดบนเวทีเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่ามันใช้ได้จริงอีกต่างหากด้วย

ปล. อย. บ้านเค้าเข้มงวดและเชื่อถือได้มากกว่าบ้านเราแบบร้อยเท่าพันทวีครับ เมื่อไหร่ที่บอกว่าผ่านและขายได้คือต้องดีจริง

แพทย์ห่วงผู้ใช้ยึดมั่นใน Apple Watch เกินจนเกิดปัญหา

หลังการเปิดตัว Apple Watch ก็มีเสียงตอบรับที่ดีมากทั้งจากฝั่งผู้ใช้ ผู้ที่อยากซื้อให้คนอื่นใช้ รวมถึงแพทย์หลายๆคนก็ให้ความสนใจ แต่หลังจากที่มีการหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็มีความเป็นห่วงจากแพทย์เฉพาะทางที่ดูแลอยู่ทั้งในด้านความแม่นยำของอุปกรณ์และการที่ผู้ใช้เชื่อมั่นในตัวสินค้ามากจนอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างแพทย์และคนไข้ได้

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการวัดค่า EKG จะทำกันโดยตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าทั้งหมด 12 คู่ (leads) โดยจะต้องทำการแปะอุปกรณ์วัดค่าไว้หลายๆจุดเป็นคู่ๆ หนึ่งคู่คือหนึ่ง Lead แต่บน Apple Watch จะใช้กลไกแบบ single-lead handheld device ทำให้ค่าจะออกมาเพียง lead เดียวซึ่งก็หมายถึงข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ จาก 12 leads เหลือแค่ 1 lead แค่นั้นยังไม่พอการจะวินิจฉัย Atrial Fibrallation (AF) นั้นไม่ได้จำกัดว่าต้องมาจาก 12-lead เท่านั้น แต่ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบอีกมากมาย

ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากแอป ECG ซึ่งเราสามารถ Export เป็น PDF ส่งให้แพทย์ดูได้ง่ายๆ

หลายคนอาจจะบอกว่าก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างน้อยเจอความผิดปกติ ไปพบหมอเพื่อให้คอนเฟิร์มก็ไม่มีอะไรเสียหาย ซึ่งก็ถูกครึ่งนึง แต่อีกครึ่งนึงคือมีความกังวลกันที่ตัว Apple โฆษณาสรรพคุณของ Watch ไปซะดูเทพมาก ใครที่เห็นการเปิดตัวแล้วก็คงเชื่อมั่นและยึดถือว่ามันคือสุดยอดอุปกรณ์ที่จะทำให้เราไม่เป็น Stoke หรือภาวะหัวใจล้มเหลวแน่นอน ทั่งที่ไม่ใช่ และปัญหาจะอยู่ที่ว่าหากวันนี้คุณไปพบแพทย์และแพทย์ดูหลักฐานอื่นประกอบก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดปกติอะไร ไล่ให้กลับพร้อมทั้งไม่ให้ยาอะไรเลย เพราะยาที่ใช้รักษาก็มีความเสี่ยงทำให้เลือดออกต่าง ๆ นานา แต่อีกไม่นานหลังจากนั้นคุณดันป่วยจริง และไม่สามารถรักษาได้ทัน ก็อาจจะมาโทษโรงพยาบาล โทษแพทย์เอาง่ายๆว่าชุ่ย ไม่ตรวจรักษาให้ดี ไม่เชื่อนาฬิกานั่นเอง

อย่างไรก็ดีคุณหมอก็ไม่ได้ถึงกับแอนตี้ Apple Watch อะไรนะครับ แค่อยากให้เข้าใจตรงกันก่อนเท่านั้น ว่ามันก็ไม่ได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ขนาดนั้น การพบแพทย์เรื่อยๆคอยติดตามอาการก็น่าจะเป็นการดีที่สุกครับ

สามารถไปอ่านที่แพทย์ท่านหนึ่งได้เขียนถึงเรื่องนี้กันต่อได้ครับ มีหมอๆมาคอมเม้นต่อกันให้เพียบเลยล่ะ

ECG App ยังไม่มีให้ใช้ตอนนี้ และจะยังไม่มีให้ใช้ในไทย

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้หลายคนอาจจะใจสลายได้เมื่อได้รู้ว่าฟีเจอร์ตรวจค่า ECG นี้จะยังไม่มีให้ใช้ทันทีหลังวางจำหน่าย ต้องรออีกสักพักนึงให้ซอฟท์แวร์​เรียบร้อยดีก่อน ช่วงปลายปีถึงจะปล่อยให้ได้ใช้กัน และเมื่อเปิดให้ใช้แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าทาง Apple จะเปิดฟีเจอร์นี้ให้ทุกคนทั่วโลกทันทีนะครับ

โดยทาง Apple ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่าฟีเจอร์ ECG ได้รับ De Novo classification จากทาง FDA หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงในการใช้งานต่ำไม่ทำอันตรายใดๆต่อผู้ใช้งาน แต่ก็เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องขออนุญาตหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อนำเข้าไปขายในประเทศนั้นๆก่อน ซึ่งหมายความว่าฟีเจอร์  ECG นี้ก่อนที่จะเปิดให้ประเทศอื่นๆใช้ได้ ทาง Apple ต้องส่งทีมเข้ามาขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อนนั่นเอง ซึ่งทาง Apple ก็ไม่สามารถรับปากได้อย่างชัดเจนว่าสามารถผ่านด่าน อย. ในแต่ละประเทศได้เร็วช้าเพียงใด ทำให้หน้าเว็บ Apple Watch 4 ในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ยังไม่ขึ้นแม้แต่ข้อมูลของฟีเจอร์ ECG เลยด้วยซ้ำ

รายละเอียดฟีเจอร์นี้ปัจจุบันขึ้นแค่เพียงในเว็บ Apple อเมริกาเท่านั้น พร้อมห้อยคำชี้แจงไว้เล็กๆว่า ECG app coming later this year หรือมาภายในปีนี้แหละ โดยในประเทศอื่นฟีเจอร์นี้ถูกตัดออกไป

และน่าสนใจมากว่าในเอกสารของ FDA มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ Apple Watch ว่าฟีเจอร์ ECG นี้ควรใช้เพื่อดูข้อมูลเท่านั้น ผู้ใช้ไม่ควรจะแปลค่า หรือรับการรักษาในรูปแบบต่างๆจากผลของแอปนี้เท่านั้น ควรต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน มันช่วยในการวินิจฉัยโรคในระดับนึงแต่ไม่สามารถทดแทนการตรวจวัดโดยวิธีปกติได้ ควรใช้ในผู้ที่มีอายุเกิน 22 ปี  และไม่แนะนำสำหรับคนที่รู้ตัวว่าอยู่แล้วว่ามีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติอีกด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามที่คุณหมอได้เขียนเอาไว้ข้างต้นเลย แต่เพียง Apple บอกไม่หมด และอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างคนไข้และแพทย์ได้นะ

 

สรุป –  Apple Watch Series 4 กับฟีเจอร์ ECG สามารถตรวจวัดคลื่น ECG ได้จริง แต่ว่าข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่สามารถยึดถือได้ 100% ควรต้องต้องปรึกษาแพทย์อีกครั้งแม้ว่าเครื่องจะแจ้งเตือนว่ามีความเสี่ยงก่อนรับการรักษาใดๆ และหลังวางจำหน่ายจะยังไม่มีแอป ECG ให้ใช้ จะซื้อเพราะฟีเจอร์นี้ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าประเทศที่เราซื้อมานั้นมีการเปิดฟีเจอร์นี้ให้ใช้หรือยังครับ

 

อ้างอิง

from:https://droidsans.com/apple-watch-4-ecg-feature-explained/

Apple – เปิดตัว Apple Watch 4 ยกเครื่องการออกแบบจากรุ่นก่อน จอใหญ่ขึ้น เน้นสุขภาพมากกว่าเดิม

ไม่เพียงแต่การเปิดตัวในส่วนของ iPhone เท่านั้นแต่ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่นี้เป็นรุ่นที่ 4 แล้วอย่าง Apple Watch 4 โดยสิ่งที่น่าสนใจของสิ่งนี้คือการยกเครื่องรูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบ ที่ทำออกมาให้รู้สึกถึงความแตกต่างมากยิ่งขึ้น

โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดจากตัว Apple Watch 4 คือเรื่องของหน้าจอการแสดงผลที่มีขนาดใหญ๋ขึ้นจากรุ่นก่อน โดยส่วนของการแสดงผลภายในจอก็ได้รับการขยายพื้นที่ให้แสดงผลได้มากขึ้น ลักษณะรอบๆตัวจะมีการทำมุมให้โค้งมากกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาอีกระดับคือส่วนของหน้าจอการแสดงผลที่จากเดิมจะเป็นจอแบบ OLED Retina อย่างเดียว แต่ในรุ่นใหม่นี้ได้รับการอัพเกรดเป็น LTPO OLED Retina ที่ทาง Apple ได้เคลมว่ามันจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นชาร์จครั้งเดียวก็ใช้งานได้ทั้งวัน

ต่อมาเรามาดูในส่วนที่เปลี่ยนแปลงภายในกันบ้างดีกว่าโดยสำหรับ Apple Watch 4 ก็มาพร้อมกับเซนเซอร์และหน่วยประมวลผลที่ดีและครบยิ่งขึ้นโดยจะใช้งานชิป S4 ที่ทาง Apple บอกว่ามันทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า ในเรื่องของเซนเซอร์ต่างๆก็มีมาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็น

  • เซนเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า (เพิ่มใหม่)
  • เซนเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่ 2 (ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น)
  • การตรวจจับการล้ม (เพิ่มใหม่)
  • Digital Crown ที่รองรับมากยิ่งขึ้น

สำหรับการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นเห็นจะเป็นตัว Bluetooth ที่ได้เป็น Bluetooth 5 จากเดิมที่เป็น 4.2 ในเรื่องของสายรัดจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบคือ สแตนเลส และอะลูมิเนียม โดยในรุ่นที่เป็นแบบ GPS อย่างเดียวจะมีให้เลือกแค่อะลูมิเนียมเท่านั้น

นอกจากนี้ทาง Apple ยังได้ทำการร่วมมือกับแบรนด์ชื่อดังอย่าง Nike ที่เป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์กีฬาและ Hermes ที่เป็นแบรนด์ในเรื่องของแฟชั่นออก Apple Watch 4 ที่จะอิงดีไซน์ให้เข้ากับตัวแบรนด์มากยิ่งขึ้น โดยสำหรับ Nike จะเน้นไปที่การเชื่อมต่อกับแอพอย่าง Nike Training Club ที่จะคอยบอกสิ่งต่างๆ ด้าน Hermes จะเน้นไปที่การออกแบบสายรัดให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

โดยราคาที่ทาง Apple ได้ทำการเผยออกมาสำหรับรุ่นที่มีแต่ GPS ราคาอยู่ที่ $399 (ประมาณ 13,000 บาท) ส่วนรุ่นที่มี Cellular จะขายอยู่ที่ $499 (ประมาณ 16,400 บาท) โดยการมาในครั้งนี้ก็ทำให้ Apple Watch 3 ราคาถูกปรับลงไปด้วย โดยราคาสำหรับรุ่น GPS อยู่ที่ 9,900 บาท ในขณะรุ่นที่มี Cellular ราคาอยู่ที่ 13,400 บาท

from:https://notebookspec.com/apple-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-apple-watch-%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-4-%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3/455066/

Apple – เปิดตัว Apple Watch 4 ยกเครื่องการออกแบบจากรุ่นก่อน จอใหญ่ขึ้น เน้นสุขภาพมากกว่าเดิม

ไม่เพียงแต่การเปิดตัวในส่วนของ iPhone เท่านั้นแต่ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่นี้เป็นรุ่นที่ 4 แล้วอย่าง Apple Watch 4 โดยสิ่งที่น่าสนใจของสิ่งนี้คือการยกเครื่องรูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบ ที่ทำออกมาให้รู้สึกถึงความแตกต่างมากยิ่งขึ้น

โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดจากตัว Apple Watch 4 คือเรื่องของหน้าจอการแสดงผลที่มีขนาดใหญ๋ขึ้นจากรุ่นก่อน โดยส่วนของการแสดงผลภายในจอก็ได้รับการขยายพื้นที่ให้แสดงผลได้มากขึ้น ลักษณะรอบๆตัวจะมีการทำมุมให้โค้งมากกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาอีกระดับคือส่วนของหน้าจอการแสดงผลที่จากเดิมจะเป็นจอแบบ OLED Retina อย่างเดียว แต่ในรุ่นใหม่นี้ได้รับการอัพเกรดเป็น LTPO OLED Retina ที่ทาง Apple ได้เคลมว่ามันจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นชาร์จครั้งเดียวก็ใช้งานได้ทั้งวัน

ต่อมาเรามาดูในส่วนที่เปลี่ยนแปลงภายในกันบ้างดีกว่าโดยสำหรับ Apple Watch 4 ก็มาพร้อมกับเซนเซอร์และหน่วยประมวลผลที่ดีและครบยิ่งขึ้นโดยจะใช้งานชิป S4 ที่ทาง Apple บอกว่ามันทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า ในเรื่องของเซนเซอร์ต่างๆก็มีมาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็น

  • เซนเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า (เพิ่มใหม่)
  • เซนเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่ 2 (ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น)
  • การตรวจจับการล้ม (เพิ่มใหม่)
  • Digital Crown ที่รองรับมากยิ่งขึ้น

สำหรับการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นเห็นจะเป็นตัว Bluetooth ที่ได้เป็น Bluetooth 5 จากเดิมที่เป็น 4.2 ในเรื่องของสายรัดจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบคือ สแตนเลส และอะลูมิเนียม โดยในรุ่นที่เป็นแบบ GPS อย่างเดียวจะมีให้เลือกแค่อะลูมิเนียมเท่านั้น

 

นอกจากนี้ทาง Apple ยังได้ทำการร่วมมือกับแบรนด์ชื่อดังอย่าง Nike ที่เป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์กีฬาและ Hermes ที่เป็นแบรนด์ในเรื่องของแฟชั่นออก Apple Watch 4 ที่จะอิงดีไซน์ให้เข้ากับตัวแบรนด์มากยิ่งขึ้น โดยสำหรับ Nike จะเน้นไปที่การเชื่อมต่อกับแอพอย่าง Nike Training Club ที่จะคอยบอกสิ่งต่างๆ ด้าน Hermes จะเน้นไปที่การออกแบบสายรัดให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

โดยราคาที่ทาง Apple ได้ทำการเผยออกมาสำหรับรุ่นที่มีแต่ GPS ราคาอยู่ที่ $399 (ประมาณ 13,000 บาท) ส่วนรุ่นที่มี Cellular จะขายอยู่ที่ $499 (ประมาณ 16,400 บาท) โดยการมาในครั้งนี้ก็ทำให้ Apple Watch 3 ราคาถูกปรับลงไปด้วย โดยราคาสำหรับรุ่น GPS อยู่ที่ 9,900 บาท ในขณะรุ่นที่มี Cellular ราคาอยู่ที่ 13,400 บาท

from:https://notebookspec.com/apple-watch-4-official-new-design-new-display/455066/

อีกแล้ว!! สื่อนอกปล่อยภาพหลุดครั้งแรก Apple Watch Series 4 ปี 2018

Apple Watch Series 4 Leaked Image

ก่อนหน้านี้ได้เห็นภาพหลุดครั้งแรก iPhone Xs ปี 2018 สีทองทั้งรุ่น 5.8″ และ 6.5″ กันไปแล้ว 9to5mac เจ้าเดิมปล่อยภาพหลุดของ Apple Watch Series 4 รุ่นปี 2018 ที่จะได้เห็นในงานเปิดตัววันที่ 12 ก.ย. 2018 นี้ รายละเอียดคมชัดทั้งตัวเครื่องและหน้า Watch Face ใหม่

ชมภาพหลุดครั้งแรก Apple Watch Series 4 ปี 2018

นี่คือภาพที่ถูกปล่อยออกมาแบบไม่ตั้งใจและทาง 9to5mac นั้นเสาะหามาได้แล้วโพสต์เอาไว้ สิ่งที่เห็นจากภาพนั้นก็แน่นอนแหละว่าจะเป็น Apple Watch รุ่นใหม่ถ้าเรียงตามลำดับแล้วก็จะเรียกว่า Apple Watch Series 4

Apple Watch Series 4 9to5mac

สิ่งที่เห็นได้จากภาพนี้ก็คือ

  • สีใหม่ที่ดูสว่างกว่าเดิม ในรูปเป็นสีทองที่เหมือนกับภาพของ iPhone Xs ที่หลุดก่อนหน้านี้
  • ภาพของรุ่นนี้อาจจะเป็นรุ่น Apple Watch ที่ใช้ขอบเป็นสแตนเลสและทำสีทองแบบใหม่
  • ปุ่ม Digital Crown ปรับปรุงสำหรับรุ่น Cellular จะไม่เป็นสีแดงแบบเต็มปุ่ม​จะเหลือไว้เพียงเส้นสีแดงที่รอบวงเท่านั้น
  • รูที่ด้านล่างของ Digital Crown คาดว่าจะเป็นไมโครโฟน
  • หน้าจอ Watch Face แบบใหม่
  • พื้นที่การแสดงผลของจอนั้นใหญ่ขึ้น

เอาหละยังไงก็อดใจรอกันอีกนิดเพราะเดี๋ยว 12 ก.ย. 2018 นี้เราก็จะได้ทราบกันแล้ว ใครที่วางแผนจะซื้อ iPhone, Apple Watch ใหม่หละก็แนะนำว่าชะลอไว้ก่อนเลยนะ

from:https://www.iphonemod.net/apple-watch-series-4-image-leaked.html

Apple – อาจจะทำการอัพเกรด Mac mini รุ่นใหม่ พร้อมการเปิดตัว iPad Pro, Apple Watch 4 หลังขายของเก่านานถึง 4 ปี

หลังจากที่เราได้เห็นการอัพเดทของ MacBook Pro รุ่นประจำกลางปี 2018 ไปแล้วนั้น ดูเหมือนกับว่าทาง Apple เองจะยังไม่หยุดการอัพเดทผลิตภัณฑ์ของตัวเองประจำกลางปี 2018 แต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะจากข้อมูลของนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Ming-Chi Kuo ที่ได้เผยออกมาก่อนหน้านี้ว่า Apple เตรียมที่จะปล่อย Apple Watch Series 4 และ iPad Pro ขนาดจอ 11 นิ้วแล้วนั้น คุณ Kuo ยังได้เผยออกมาเอาไว้อีกครับว่าในปีนี้เราน่าจะได้เห็น Apple อัพเดท Mac mini ที่ไร้ซึ่งการอัพเดทมาเกือบ 4 ปีด้วยเช่นเดียวกันครับ

ภาพแนวคิด Mac mini รุ่นใหม่

อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นทางคุณ Kuo ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องของ Mac mini เอาไว้ครับว่าจะมีการอัพเกรดในส่วนใดบ้าง ทางเราจึงขอนำข้อมูลของทาง TECHRADAR มาเผยให้ทุกท่านได้ลองลุ้นกันว่า Mac mini นั้นจะมีการอัพเกรดเหมือนกับที่ทาง TECHRADAR ได้คาดการเอาไว้หรือไม่ครับ จะมีการอัพเกรดอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ

  • ดีไซน์ตัวเครื่องรูปแบบใหม่โดยเฉพาะในรุ่นท๊อปสุดที่อาจจะดูแล้วไม่เหมือนกับ Mac mini อีกต่อไปเนื่องจากสเปคที่สูงขึ้นทำให้จำเป็นที่จะต้องมีการปรับระบบระบายความร้อนแบบใหม่เพิ่มขึ้นมา
  • สเปคตัวเครื่องนั้นในส่วนของหน่วยประมวลผลจะมาพร้อมกับ Intel Core รุ่นที่ 8 ซึ่งมีรหัสต่อท้ายเป็นตัว U เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานเป็นหลัก หน่วยความจำก็จะมีให้เลือกทั้งขนาด 4 GB และ 8 GB ตัวเครื่องรองรับการแสดงผลสูงสุดที่ระดับ 4K พร้อมพอร์ทการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt 3(USB-C) และ DisplayPort 1.2
  • ในชุดวางจำหน่ายจะมีคีย์บอร์ดและเมาส์แถมมาให้ด้วย

สำหรับการเปิดตัว Mac mini รุ่นอัพเกรดประจำปี 2018 อย่างเป็นทางการนั้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน WDDC 2018 ที่กำลังจะถึงในเร็วๆ นี้ ส่วนราคานั้นน่าจะอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องรุ่นเดิม(ที่เปิดตัวออกมาในช่วงปี 2014) ท่านใดสนใจก็สามารถเก็บเงินไว้รอดูได้เลยครับ

ที่มา : notebookcheck, techradar

from:https://notebookspec.com/ming-chi-kuo-refreshed-mac-mini-ipads-with-face-id-and-a-new-larger-apple-watch-inbound/447573/