หลุด! Disk Management โฉมใหม่ Windows 10 resize, create, delete ใช้ง่าย บน Build ใหม่ล่าสุด

Disk Management จัดว่าเป็นฟีเจอร์สำคัญอีกอันหนึ่ง ที่ช่วยจัดการฮาร์ดดิสก์ SSD และบรรดา Storage ต่างๆ ภายในคอม อยู่บน Windows มายาวนาน แต่หลายคนก็มักจะหาโปรแกรมจัดการพาร์ทิชั่น ที่เป็นแบบ 3rd party ที่เป็นโปรแกรมเสริมมาลงไว้ เนื่องจากมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์มากกว่า รวมถึงใช้งานง่าย แทนการใช้ฟีเจอร์ที่มากับ Windows 10 นี้ แต่ล่าสุด มีภาพของ Disk Management ตัวใหม่ ที่อ้างว่าจะมากับ Build 20175 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด น่าใช้กว่าเดิมมากมาย อีกทั้งมีฟีเจอร์แบบที่ไม่ต้องไปหาดาวน์โหลดโปรแกรมอื่นๆ มาใช้Disk Management จัดว่าเป็นฟีเจอร์สำคัญอีกอันหนึ่ง ที่ช่วยจัดการฮาร์ดดิสก์ SSD และบรรดา Storage ต่างๆ ภายในคอม อยู่บน Windows มายาวนาน แต่หลายคนก็มักจะหาโปรแกรมจัดการพาร์ทิชั่น ที่เป็นแบบ 3rd party ที่เป็นโปรแกรมเสริมมาลงไว้ เนื่องจากมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์มากกว่า รวมถึงใช้งานง่าย แทนการใช้ฟีเจอร์ที่มากับ Windows 10 นี้ แต่ล่าสุด มีภาพเวอร์ชั่นใหม่ ที่อ้างว่าจะมากับอัพเดตที่ใกล้เข้ามา น่าใช้กว่าเดิมมากมาย อีกทั้งมีฟีเจอร์แบบที่ไม่ต้องไปหาดาวน์โหลดโปรแกรมอื่นๆ มาใช้

สำหรับDisk Management ใหม่นั้น คาดว่าจะมาพร้อมกับ Windows 10 Build ล่าสุด ที่ใกล้จะมีอัพเดตในไม่ช้านี้ โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกซ่อนเอาไว้ สามารถเข้าถึงได้ใน “Manage Disks and Volumes” ตามลิงก์นี้ Settings > Storage และจะอยู่ใน Microsoft’s UWP principles

ในหน้าแรกของ Disk Management จะมีรายการของ Disk และ Drive ที่อยู่ภายในเครื่อง ในตัวอย่างนี้ จะมีเพียง 1 Disk แต่มี 2 Drive รวมถึง 2 unlabelled และพาร์ทิชั่น Recovery อีกหนึ่ง

และเมื่อเลือกที่ Volume ก็จะเห็นตัวเลือก 2 อย่างคือ Explorer และ Properties หากเลือกที่ปุ่ม Explorer จะเป็นการเปิดดูพาร์ทิชั่นของดิสก์นั้นๆ ในหน้าต่างของ File Explorer ส่วนถ้าเลือกแบบที่สองหรือ Properties จะให้คุณสามารถจัดการ Volume ในไดรฟ์ได้

แต่ถ้าต้องการจัดเรียง Drive letters ใหม่ จะมีเครื่องมือที่ช่วยในการเปลี่ยนชื่อไดรฟ์ แค่เลือก Volume ที่ต้องการและเปิดไปที่ Properties และคลิ๊กเพื่อเข้าไปที่ “Change Drive Letter” ในหน้าของเมนูดรอปดาวน์ จะสามารถเลือก Drive Letter ก็จะเหมือนแบบเดิมก็คือ ตัวอักษรที่ไม่ได้ใช้อยู่บนไดรฟ์อื่นเท่านั้น ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้

และในหน้านี้ยังมีภาพกราฟิกของความจุบนพื้นที่การเก็บข้อมูลที่มีอยู่ในคอม และถ้าต้องการปรับเปลี่ยนความจุ ให้เลือก “Change Size” ก็จะมี Popup ที่ระบุความจุของดิสก์ไดรฟ์ปรากฏขึ้นมา คุณสามารถเลือก Shrink เพื่อจัดสรรพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่ได้ตามปกติ

การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นใหม่บน Disk Management นี้เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น และยังดูเป็นเพียงฟังก์ชั่นเล็กน้อย หากเทียบกับโปรแกรมอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดี ก็เป็นแนวโน้มที่น่าสนใจในการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ส่วนของ Windows 10 ที่จะได้รับการอัพเกรดต่อไป

ที่มา: DiskManagement Windows 10

from:https://notebookspec.com/leak-new-disk-management-windows-10/530479/

ว่าที่ Start Menu ใหม่บน Windows 10 เน้นหลังโปร่งใส เปลี่ยนไปตาม Theme

ในช่วงหลังมานี้ หลายคนที่ติดตามเรื่องของ Windows 10 ยิ่งช่วงที่มีอัพเดตเยอะๆ ก็ยังหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องของอินเทอร์เฟส ที่มักจะมีข่าวหลุดมาบ่อยๆ ซึ่งล่าสุดก็เป็นเรื่องของ Start Menu ที่ช่วงหลังมีส่วนต่อการใช้งานมากขึ้น และเป็นเหมือนด่านแรก ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงโปรแกรมและการใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่งข่าวนี้แน่นอนว่าคงไม่ใช่การถอดออกไป แต่เป็นการปรับดีไซน์ใหม่ ให้ดูทันสมัยและน่าใช้ อย่างไรก็ดี กับภาพชุดแรกที่ออกมานี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนกำลังคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นในช่วงของการอัพเดตใหญ่ในครั้งหน้า

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็มีข่าวลือหนาหูว่าไมโครซอฟท์อาจจะยกเลิกการใช้ Live Tiles บน Start Menu Windows 10 โดยที่ Live Tiles นี้ จะทำหน้าที่ในการดึงข้อมูลในการใช้งานแอพ เช่น Mail หรือ Spotify รวมไปถึงบรรดาที่มีการอัพเดตแบบเรียลไทม์ แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์อย่างเต็มที่นัก และล่าสุดบรรดาผู้พัฒนาแอพที่เป็น Third-party ก็ลดบทบาทการสนับสนุนลงไป อย่างไรก็ดีในช่วง มีนาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ยังคงยืนยันว่าจะไม่ทิ้ง Live Tiles ไปไหน และยังมีภาพของไอคอนแอพในรูปแบบใหม่ออกมาให้ได้ชมกันด้วย โดยเป็นภาพของไอคอนบนบล็อคที่โปร่งแสง

สำหรับ Start Menu ใหม่ คาดว่าจะถูกนำมาลงในช่วงปีหน้า โดยมี Live Tiles กับพื้นหลังแบบโปร่งใส ให้เข้ากับธีมที่ตั้งเอาไว้ ว่าเป็นโทน Light หรือ Dark ตามที่ปรากฏบนหน้าเพจ Microsoft 365 ซึ่งแชร์รูปที่ได้รับการปรับปรุงล่าสุดแล้ว นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่าไอคอนแอพทางด้านซ้ายของ Start Menu จะไม่ได้ถูกวางอยู่ใน Block อีกต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย ที่จะตามมาบน Windows 10 ในปีหน้านี้

ที่มา: New Start Menu Windows 10

from:https://notebookspec.com/new-start-menu-windows-10-with-live-tiles/526498/

[Windows tips]หยุดการอัพเดตและย้อนกลับไปใช้ Windows ตัวเก่าด้วยการ Stop and Roll back Windows

คงต้องบอกว่าการมาของ Windows 10 และการอัพเดตนั้น เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว สำหรับผู้ใช้ Windows ที่ต้องรับมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานไปบ้างก็ตาม อย่างไรก็ดี หากผู้ใช้บางคนยังคงยึดมั่นกับการทำงานร่วมกับ Window 7 หรือ Windows 8.1 อยู่ ก็คงต้องเลือกที่จะปิดการอัพเดตหรือจะเลือก Roll up ในกรณีที่มีการอัพเดตไปเป็น Windows 10 แล้วไม่สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์เก่าบางตัวได้อย่างเต็มที่

สิ่งแรกที่คุณต้องมองก็คือ คุณจัดการในเรื่อง Schedule หรือวางแผนสำหรับการอัพเดตไว้อย่างไรหรือมีการยกเลิกระบบอัพเดตแล้วหรือไม่ สิ่งนี้ทำได้ด้วยการคลิกปุ่มสำหรับปิดหน้าต่างโปรแกรม เพื่อยกเลิกการอัพเกรด หรือจะปิดเพื่อรอให้หน้าต่างเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งในการหยุดอัพเดต Windows10 สามารถทำได้ตั้งแต่การตั้ง Schedule หรือ ยกเลิก (Cancel) การอัพเดต Windows 10 ตามกระบวนการต่อไปนี้

Stop or roll back การอัพเกรด Windows 10
ระยะเวลาในการอัพเดต Windows 10 จะค่อนข้างยาวนาน ในบางครั้งอาจจะเป็นการดาวน์โหลดเพื่อรอการอัพเดตถึง 30 วัน ดังนั้นการที่จะย้อนกลับไปยังเวอร์ชั่นเก่า เช่น Windows 7 อาจจะมีบางสิ่งที่เกิดผิดพลาดได้ ฉะนั้นการ Backup Windows 10 เอาไว้ก่อนจะเริ่มกระบวนการย้อนกลับ นอกจากนี้บรรดาแอพฯ ที่คุณใช้บน Windows 10 ก็จะต้องถูกติดตั้งใหม่ ให้เข้ากับการทำงานบน Windows 7 หรือ 8.1 นั่นเอง

วิธีการก็คือ ให้คลิกที่ปุ่ม Windows แล้วเลือก Settings เพื่อเข้าไปยัง Settings tool จากนั้นให้ดับเบิลคลิก Update & Security ให้เลือก Recovery ที่บน Pane ด้านซ้ายของหน้าต่าง คุณจะเห็นตัวเลือก Recovery ภายในจะมีให้เลือก Go Back to Windows 7 (หรือ Go Back to Windows 8.1, ถ้านั่นเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่คุณเพิ่งได้อัพเดตมา) ให้คลิกที่ปุ่ม Start ระบบจะทำงานไปตามขั้นตอนบนความเร็วของเครื่องพีซีคุณเอง อาจจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้น

แต่ถ้าคุณกำลังแฮ้ปปี้กับการใช้งาน Windows 10 ในเวอร์ชั่นปัจจุบันอยู่แล้ว และไม่อยากจะอัพเดตสิ่งใด เพราะไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับคุณหรือไม่ ซึ่งถ้าคุณไม่หยุดการอัพเดตอัตโนมัติ แน่นอนว่าคุณต้องโดนให้อัพแบบไม่ทันรู้ตัว เช่นเดียวกับใน Windows 7 หรือ 8.1 มันมาพร้อมการควบคุมการอัพเดตด้วยการพิมพ์ Windows update แล้วคลิกเลือกผลลัพธ์ที่ได้บนช่อง Search หรือถ้าจะเข้าไปผ่านทาง Control panel แล้วเลือก Windows update tool ก็ได้เช่นกัน

เมื่อเปิดหน้า Tool ของ Windows update ขึ้นมาแล้ว ให้เปลี่ยนการตั้งค่าบนแถบซ้ายมือ ด้วยการเอาเครื่องหมายหน้า “Give me recommended updates the same way I receive important updates.” ออก จากนั้นคลิก Ok ที่มุมด้านล่างขวาสำหรับเปลี่ยนการทำงานแล้วคลิกปิดหน้าต่าง

ที่มา : download.cnet

from:http://notebookspec.com/stop-or-roll-back-a-windows-10-update/359557/