ยกเลิกบังคับสวม หน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะ โดยให้สวมใส่ […] More
from:https://www.iphonemod.net/repeal-the-compulsion-to-wear-a-mask.html
ยกเลิกบังคับสวม หน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะ โดยให้สวมใส่ […] More
from:https://www.iphonemod.net/repeal-the-compulsion-to-wear-a-mask.html
Apple ได้ปล่อย iOS 15.4 ให้ผู้ใช้ทั่วไปได้อัปเดตแล้ว! ม […] More
หลังจากที่มีผู้บริโภคร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ในประเด็นข้อสงสัยประสิทธิภาพหน้ากากอนามัยที่ประชาชนใช้เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทพ. อนุศักดิ์ คงมาลัย สมาชิวุฒิสภาและรองประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกสามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนจะปฏิบัติตามมาตรการรัฐครบถ้วน ทั้งสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะอยู่ด้านนอก ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ทำงานที่บ้าน เว้นระยะห่าง จึงมีข้อสังเกตว่าหน้ากากอนามัยที่ใช้กันทั่วไปอาจไม่มีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอ จึงเสนอไปยัง สอบ. เพื่อให้ทดสอบมาตรฐานหน้ากากอนามัยที่วางจำหน่ายทั่วท้องตลาด
ดร.ไพบูลย์ ชวงทอง กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าและบริการ สภาองค์กรของผู้บริโภคแถลงข่าวว่า การทดสอบครั้งนี้เริ่มจากการสุ่มซื้อตัวอย่างผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียว หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วท้องตลาด เก็บข้อมูลระหว่าง 16 สิงหาคม ถึง 3 ตุลาคม 2564 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่นำมาทดสอบเป็นการเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม ถึง 30 กรกฎาคม 2564 รวมทั้งสิ้น 60 ยี่ห้อ แบ่งเป็น
เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาดเล็ก ขนาด 0.1 ไมครอนและอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน รวมทั้งทดสอบความสามารถในการซึมผ่านของอากาศหรือการทดสอบด้านการหายใจ
จากผลการทดสอบหน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียว แบ่งเป็นประเภทตามมาตรฐาน มอก. 2424-2562
กลุ่มที่ 1 พบว่า ระดับใช้งานทั่วไป กำหนดให้หน้ากากอนามัย มีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ค่าผลต่างความดัน ไม่เกิน 4.0 mm H2O/cm2 พบว่า มี 3 ยี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว คือ ยี่ห้อ LOC, Medicare Plus และ Iris Ohyama ซึ่งยี่ห้อ Iris Ohyama เป็นยี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดแต่ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา เนื่องจากมีการโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค (PFE 99%) แต่ผลทดสอบที่ออกมาของยี่ห้อดังกล่าวนั้นมีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค 0.1 ไมครอน เพียงร้อยละ 97.47
ที่มา – สบอ.
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post พบหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในไทย เกินครึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/most-of-single-use-disposable-face-mask-in-thai-below-standard/
กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง สำหรับหน้ากากอนามัย จากแบรนด์ Burberry ลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่มาในลวดลายตารางสุดวินเทจ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ผลิตด้วยวัสดุผ้าที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาค ใช้เทคโนโลยี antimicrobial มีให้เลือกด้วยกันถึง 3 สี สีน้ำตาล สีเบจ และ สีฟ้าอ่อน พร้อมทั้งกระเป๋าผ้าสำหรับเก็บหน้ากากอีกด้วย โดยหน้ากากอนามัย มีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลกผ่านทางออนไลน์เว็บไซต์ Burberry.com ราคา 120 ดอลลาร์สหรัฐ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง สำหรับหน้ากากอนามัย จากแบรนด์ Burberry สุดลิมิเต็ด อิดิชั่น first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/burberry-face-mask/
นักวิจัยชาวออสเตรเลียทดลองสร้างถนนจากส่วนผสมของหน้ากากอนามัย หวังลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของหน้ากากอนามัยใช้แล้ว รวมถึงลดต้นทุนค่าก่อสร้างได้กว่า 30%
นับตั้งแต่วันที่โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก เมื่อต้นปี 2020 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ชาวโลกต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่สาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค แม้ว่าการใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ แต่ทราบหรือไม่ว่าหน้ากากอนามัยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
ในแต่ละวันคนทั่วโลกใช้หน้ากากอนามัยเฉลี่ย 6.8 ล้านชิ้นต่อวัน แน่นอนว่าหน้ากากอนามัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถใช้ซ้ำบ่อยๆ ได้ องค์การสหประชาชาติเคยคาดการณ์ว่าหน้ากากอนามัยใช้แล้ว และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 กว่า 75% จะถูกนำไปจัดการในหลุมขยะ หรือกลายเป็นขยะในทะเลต่อไป
นักวิจัยจาก Royal Melbourne Institute of Technology University (RMIT) ประเทศออสเตรเลีย ต้องการที่จะหาวิธีลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทิ้งหน้ากากอนามัยใช้แล้ว ด้วยการนำไปทำเป็นวัสดุสำหรับทำถนน โดยผสมกับวัสดุคอนกรีตรีไซเคิล
การสร้างถนนจากวัสดุรีไซเคิลที่ผสมกับคอนกรีตไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะที่ผ่านมาเรามักเคยได้ยินการสร้างถนนจากวัสดุต่างๆ มากมาย ซึ่งการใช้หน้ากากอนามัยใช้แล้วผสมกับคอนกรีตรีไซเคิล จะทำให้ถนนมีความแข็งแรง หลอมละลายเป็นรูปทรงต่างๆ ได้ง่าย รวมถึงมีความยืดหยุ่นมากกว่าการใช้คอนกรีตรีไซเคิลเพียงอย่างเดียว
ใช้หน้ากากอนามัย 3 ล้านชิ้นต่อถนน 1 กิโลเมตร
โดยนักวิจัยจาก RMIT ได้ทดลองสร้างถนนจากหน้ากากอนามัยผสมกับคอนกรีตรีไซเคิล โดยคำนวนว่าถนนระยะทาง 1 กิโลเมตร จะต้องใช้หน้ากากอนามัยราว 3 ล้านชิ้น ซึ่งเทียบเท่าได้กับขยะ 93 ตัน ที่ถูกทิ้งในหลุมฝังกลบขยะ
สาเหตุที่ทำให้ถนนที่ทดลองสร้างจากหน้ากากอนามัยใช้แล้วผสมกับคอนกรีตรีไซเคิลมีความแข็งแรงมากกว่าถนนแบบปกติ เป็นเพราะหน้ากากอนามัยมีวัสดุตั้งต้นที่ทำมาจาก “พลาสติก” นั่นเอง และด้วยความที่พลาสติกแบบ Polypropylene ไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงกลายเป็นว่าหน้ากากอนามัยจะทำหน้าที่เป็นตัวยึดก้อนหินก้อนเล็กๆ ระหว่างคอนกรีต ทำให้ถนนมีความแข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง
สำหรับต้นทุนของการสร้างถนนจากหน้ากากอนามัยใช้แล้ว นักวิจัยจาก RMIT คาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่าการสร้างถนนจากวัสดุอื่น อยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่หากมีการผสมหน้ากากอนามัยใช้แล้วลงไปจะมีรคาถูกลงเหลือ 26 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ต้นทุนที่นักวิจัยคำนวนนี้ยังไม่ได้รวมต้นทุนการจัดการกับหน้ากากอนามัยใช้แล้ว เช่น การทำความสะอาดก่อนการนำมาใช้ รวมถึงการขนส่ง จึงอาจทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งต้องเปรียบเทียบต้นทุนเทียบกับการนำหน้ากากอนามัยใช้แล้วไปทิ้งในหลุมขยะ สำหรับการคำนวนต้นทุนในประเทศออสเตรเลีย คาดการณ์ว่าการสร้างถนนจากหน้ากากอนามัยใช้แล้วเป็นส่วนผสม จะมีค่าใช้จ่าย 32-78 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือถูกกว่าการสร้างถนนโดยไม่มีวัสดุรีไซเคิลประมาณ 30%
อย่างไรก็ตามการทดลองของนักวิจัยออสเตรเลียนี้ยังอยู่ในการทดลองขั้นต้นเท่านั้น ซึ่งผู้วิจัยหวังว่าจะมีรัฐบาล หรือบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทดลองที่มีสเกลขนาดใหญ่กว่านี้
ที่มา – Fastcompany
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post นักวิจัยออสเตรเลียทดลองสร้างถนนผสมหน้ากากอนามัย แข็งแรง ยืดหยุ่นกว่าถนนคอนกรีตแบบเดิม first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/researcher-try-to-build-road-from-used-mask/
สถานการณ์โควิด-19 สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับจีน และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แม้จะเป็นวิกฤตแต่ยังมีโอกาสสำหรับบริษัทญี่ปุ่น ที่ใช้โอกาสนี้ในการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน กลับมายังญี่ปุ่น
Iris Ohyama ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตสินค้าที่เลือกย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนกลับมายังประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ที่มีโครงการให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทที่ต้องการย้ายฐานการผลิตกลับมาในประเทศ และได้รับเครื่องหมาย Made in Japan โดยสินค้าของ Iris Ohyama ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ หน้ากากอนามัย
โดยในปีนี้ Iris Ohyama คาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 700 ล้านเยน หรือประมาณ 209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 500 ล้านเยน หรือประมาณ 149 ล้านบาท แม้จะต้องเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ Iris Ohyama มาจากต่างประเทศ 30% และมีแนวโน้มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุตสาหกรรม e-Commerce ที่เติบโต รวมถึงการขยายฐานการผลิตไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตสินค้าประเภท หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
การกระจายฐานการผลิตไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับจีนด้วยเช่นกัน
แม้ว่า Iris Ohyama จะมีโรงงานตั้งอยู่ทั้งในประเทศญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา แต่ความจริงแล้ว Iris Ohyama ก็ยังไม่ใช่บริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่แต่อย่างใด ย้อนกลับไปในปี 2009 Iris Ohyama เริ่มหันมาผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แทนที่จะผลิตเพียงสินค้าที่เกี่ยวกับพลาสติกเพียงอย่างเดียว
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ Iris Ohyama ใช้ เพื่อขยายการเติบโต คือ การดึงตัววิศวกรจากบริษัทใหญ่ๆ ทั้ง Panasonic และ Sharp ที่ถูกปลดออกมา จากสถานการณ์การแข่งขันระหว่างบริษัทญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ที่มีความรุนแรง
รวมถึงยังมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เป็นประจำทุกๆ วันจันทร์ ซึ่งข้อดีของการเป็นบริษัทเล็กๆ คือ ไม่มีความกดดันของผู้ถือหุ้น และนักลงทุนที่คอยสร้างความกดดัน ทำให้ในแต่ละปี Iris Ohyama สามารถเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ได้ถึง 1,000 รายการ
ดีไซน์เรียบ ราคาไม่แพง คือสูตรสำเร็จมัดใจลูกค้า
Akihiro Ohyama หนึ่งในผู้บริหารของ Iris Ohyama เล่าว่า ดีไซน์เรียบๆ และราคาสินค้าที่คุ้มค่า ไม่แพง ยังคงเป็นสูตรสำเร็จของหลายๆ บริษัท เช่น Nitori Holding แบรนด์ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ และ Uniqlo แบรนด์ผู้ผลิตเสื้อผ้า Fast Fashion
อย่างไรก็ตามปัญหาอย่างหนึ่งของบริษัทที่กำลังเติบโตอย่าง Iris Ohyama คือ จำนวนพนักงานที่มีจำนวนน้อย บริษัทกำลังเติบโต แต่จำนวนพนักงานยังไม่เพียงพอ เทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่ง ที่มีพนักงานกว่า 13,000 คน และกำลังจะจ้างพนักงานเพิ่มอีก 640 คน ในปีหน้า
ที่มา – Japantoday
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
from:https://brandinside.asia/iris-ohyama-mask-company-grow-to-produce-electric-product/
Riken ศูนย์วิจัยที่ญี่ปุ่นได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในโกเบ ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา โดยใช้ Fugaku ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกและระบุว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ของละอองในอากาศที่มีขนาดน้อยกว่า 5 ไมโครเมตรหลุดรอดผ่านFace Shield (หนึ่งไมโครเมตร) คือหนึ่งในล้านของเมตร นอกจากนี้ประมาณครึ่งหนึ่งของละอองน้ำขนาดใหญ่ที่วัดได้ 50 ไมโครเมตร หลุดลอยขึ้นไปในอากาศด้วย
ซึ่งหลายคนก็รู้กันอยู่แล้วหล่ะว่า แค่หน้ากากพลาสติกมันไม่เพียงพอกับการป้องกัน มันควรจะมีหน้ากากอนามัยเป็นพระเอกร่วมด้วย แต่ในบางประเทศที่ประชาชนเค้าไม่ได้ปลื้มการใส่หน้ากากอนามัยเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลที่ว่าการหายใจด้วยอากาศเก่ามันส่งผลเสียต่อสุขภาพ ชอบความโฟล์วของมลภาวะมากกว่า What!! …. และคลิปนี้จะแสดงให้เราเห็นว่าการใส่แค่ Face Shield มันไม่พอ
Makoto Tsubokura หัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์การคำนวณของ Riken กล่าวว่า การจำลองดังกล่าวได้รวมการไหลของอากาศเข้ากับการสร้างหยดน้ำหลายหมื่นขนาดที่แตกต่างกันตั้งแต่ต่ำกว่า 1 ไมโครมิเตอร์ไปจนถึงหลายร้อยไมโครเมตร
เขาเตือนไม่ให้สวมหน้ากากพลาสติกหรือ Face Shield แทนหน้ากากอนามัย
“ตัดสินจากผลของการจำลอง โชคไม่ดีที่มีประสิทธิผลการป้องกันจากหน้ากากพลาสติก ในการป้องกันละอองน้ำจากการแพร่กระจายจากปากของคนที่ติดเชื้อจะถูก จำกัด เมื่อเทียบกับหน้ากากอนามัย” Tsubokura บอก
“ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับละอองน้ำขนาดเล็กที่มีขนาดเล็กกว่า 20 ไมโครเมตร” Tsubokura กล่าวพร้อมอธิบายว่า พบอนุภาคละอองลอยที่มีขนาดเล็กกว่ามากทั้งหมดหลุดรอดผ่านช่องว่างระหว่างใบหน้าและโล่ใบหน้า “ ในขณะเดียวกันก็ใช้ได้กับหยดน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 ไมโครเมตร”
Fugaku ซึ่งมีราคาสูงกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐและสามารถคำนวณได้มากกว่า 415 ล้านล้านต่อวินาที โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตรวจพบว่าหน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าไม่ทอ มีประสิทธิภาพในการปิดกั้นการแพร่กระจายของ COVID-19 ผ่านละอองในอากาศมากกว่าผ้าฝ้ายและ โพลีเอสเตอร์ อย่างไรก็ดี คุณสามารถสวม Face Shield ได้ แต่ก็ต้องมีการใส่หน้ากากอนามัยร่วมด้วย
ข่าว: คลิปที่แสดงให้เห็นว่า Face Shield ไม่สามารถปิดกั้นการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
Bloomberg รายงานว่า Apple ได้ออกแบบหน้ากากอนามัย Apple […] More
from:https://www.iphonemod.net/apple-design-custom-face-mask-for-employee-report.html
Apple ใส่ใจในรายละเอียดในทุกสิ่งรอบตัว โดยในครั้งนี้ได้ออกแบบและผลิตมาสก์หน้ากากสำหรับพนักงานโดยเฉพาะ เรียกว่า ‘Apple Face Mask’ ซึ่งจะใช้วัสดุสามชั้นในการกรองอนุภาค นอกจากนี้ยังได้ออกแบบ ‘Apple ClearMask’ ซึ่งเป็นหน้ากากอนามัยแบบใสที่ได้รับการรับรองจาก FDA ออกมาด้วย เจตนาของหน้ากากใสนั้นทำขึ้นมาเพื่อช่วยให้คนที่หูหนวกหรือหูตึงสามารถอ่านปากช่วยให้เข้าใจสิ่งที่พนักงานพูดได้ง่ายขึ้น โดยหน้ากากแบบใหม่จะถูกส่งไปยังพนักงานในองค์กรและพนักงานหน้าร้านขายปลีกของ Apple ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะเปลี่ยนจากหน้ากากผ้ามาตรฐานเเป็นหน้ากากแบบใหม่ทั้งหมด
รายงานของ Bloomberg ระบุว่าหน้ากากดังกล่าวผลิตด้วยขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าหน้ากากทั่วไปในตลาด ได้รับการออกแบบและผลิตโดยทีมงานของ Apple ทั้งหมด โดย Apple Face Mask ประกอบด้วยตัวกรองสามชั้น มีขนาดที่ใหญ่ปิดทั้งจมูกลงมาจนถึงใต้คาง นอกจากนี้ยังมีสายที่ปรับได้เพื่อให้พอดีกับหูของแต่ละบุคคล และสามารถล้างน้ำและนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากถึงห้าครั้ง เป็นอุปกรณ์เน้นรีไซเคิลตามสไตล์ของ Apple
โดยมีความน่าชื่นชมตรงที่ Apple พยายามคิดขั้นและเลือกใช้วัสดุที่นำมาผลิตให้แตกต่างไปจากวัสดุที่จําเป็นต่อการผลิตอุปกรณ์ป้องกันที่ใช้กันอยู่แล้วตามในโรงพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวัสดุการผลิตเกิดขาดแคลนขึ้นมาในตลาดนั้นเองครับ
ยังไม่ชัดเจนว่า Apple จะผลิตหน้ากากใหม่ออกมาสำหรับมอบให้บุคคลภายนอกด้วยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้บริจาคหน้ากากอนามัย N95 ไปให้กับสถาบันการแพทย์ทั่วโลกแล้วกว่าหลายสิบล้านชิ้น และนโยบายของ Apple Store เอง ก็กำหนดให้พนักงานและลูกค้าทุกคนที่เข้ามาที่ร้านต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าใช้บริการทุกครั้ง และ Apple Stores บางสาขาจะมีกการแจกจ่ายหน้ากากให้กับลูกค้าที่เข้ามาซึ่งจุดนี้น่าสนใจ เพนสะถ้าหน้ากากใหม่เป็นของที่จะถูกใช้ในการแจกจ่ายให้กับลูกค้าด้วย เชื่อว่าเหล่าแฟนๆ ขะมีการตามหามาใช้กันอย่างแน่นอนสำหรับผู้รัก Apple
โดยตั้งแต่การระบาดของไวรัส COVID 19 ทาง Apple ก็ปรับตั้งรับเหตุการณ์ไปหลายอย่างครับ เช่นการปรับระบบเพื่อช่วยรองรับการสวมหน้ากากในชีวิตปกติให้ง่ายขึ้น ทาง Apple ได้ปล่อยอัพเดทใน iOS ซึ่งเปลี่ยนกระบวนการปลดล็อกด้วย Face ID ให้รองรับการใช้งานร่วมกับหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าเป็นประจำของผู้คนในทุกวันนี้ได้ดีขึ้น ตั้งแต่ iOS 13.5 เป็นต้นมา ตัวระบบของ iPhone จะแสดงหน้าให่เราป้อน PIN ได้เร็วขึ้นมาก หากมันไม่สามารถจดจำใบหน้าผู้ใช้ได้เนื่องจากการสวมหน้ากากนั้นเองครับ
ข่าว: Apple เปิดตัว ‘Apple Face Mask’ ที่ออกแบบเองสำหรับพนักงานและร้าน Apple Store มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/2020/09/10/apple-custom-face-masks.html
ของเล่นใหม่จากทางฝั่งญี่ปุ่น ที่มักมีอะไรล้ำๆ ให้ได้เล่นกันเสมอ เช่นเดียวกับหน้ากากอัจฉริยะ C-mask นี้ ในช่วงที่ไวรัสระบาดเช่นนี้ ทุกคนต้องใส่หน้ากาก แต่ปัญหาที่ยากกว่าการป้องกัน ก็คือการสื่อสาร ที่พูดคุยกันยากยิ่ง เนื่องจากเสียงถูกกรองจากหน้ากาก คนสนทนาด้วยก็ต้องโยกตัวมาหาทุกครั้ง และหน้ากากรุ่นใหม่ที่พัฒนาจาก Donut Robotics สามารถแก้ไขได้ ที่สำคัญยังใส่ฟีเจอร์แปลภาษามาด้วย
ง่ายๆ เลยคือ หน้ากาก C-mask นี้ จะช่วยขยายเสียงให้ดังและชัดเจน ไม่อู้อี้เหมือนกับเวลาที่เราใส่มาส์กทั่วไป สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่ ผ่านทางบลูทูธ โดยมันจะถอดคำพูดของคุณออกมาเป็นข้อความได้ แต่ที่เป็นไฮไลต์คือ หน้ากากนี้ ยังสามารถแปลภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาอื่นๆ ได้อีก 8 ภาษาเลยทีเดียว ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสาร ไม่ได้หยุดแค่เรื่องของความชัดเจนเท่านั้น แต่ยังทำงานแบบข้ามโลก ด้วยการให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอื่นได้ เหมาะอย่างมากในเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยว หรือเป็นกลุ่มที่ต้องไปทำงานต่างประเทศอีกด้วย
จากข้อมูลล่าสุดทาง Donut Robotics เปิดให้ชาวญี่ปุ่นได้จับจอง 5,000 ชิ้นแรก คาดว่าจะส่งได้ในเดือน กันยายนนี้ สนนราคาอยู่ที่ 3,980 เยนหรือประมาณ 1,200 บาท
ที่มา: C-mask
from:https://notebookspec.com/c-mask-speaker-translate-japan/527458/