คลังเก็บป้ายกำกับ: ส่งของ

สมรภูมิแย่งชิงลูกค้า! แฟลช เอ็กซ์เพรส-เคอร์รี่แข่งกันลดราคา แต่ไปรษณีย์ไทยขึ้นราคา

งานเดลิเวอรี่มีเดือด เมื่อสองแบรนด์ใหญ่หันมาอัดโปรโมชั่น พร้อมลดราคาในการให้บริการลูกค้าแล้ว

Flash-Kerry

โควิดทำให้กระแสซื้อสินค้าออนไลน์ถล่มแบรนด์เดลิเวอรี่ทั้งเล็กและใหญ่ในตลาด ทุกแบรนด์ต้องแข่งขันกันส่งสินค้าถึงมือลูกค้าให้ตรงเวลา จนเกิดกระแสดราม่าสินค้าล้นคลังส่งของ พนักงานขับรถส่งของต้องวิ่งรอกถี่ไปพร้อมๆ กับแบกความหวังของลูกค้าที่ต้องส่งสินค้าให้เร็ว แบกเป้าหมายของบริษัทที่ต้องส่งสินค้าให้มากและทันเวลา ล่าสุด เข้าสู่ยุคแข่งขันราคากันแล้ว มาดู Flash กับ Kerry ว่ามีอะไรใหม่ๆ บ้าง

แฟลช เอ็กซ์เพรส

Flash Express ลดราคา 10%

ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทยลดราคาเอาใจตลาด ด้วยการลดค่าส่งลง 10% สำหรับพัสดุขนาด 1 กิโลกรัม ความยาว x กว้าง x สูง ไม่เกิน 40 เซ็นติเมตร ผ่าน Flash Home ทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง

ไม่ใช่แค่นี้ ลูกค้ายังสามารถสะสมคะแนนจาก Flash Familyได้ด้วย เพื่อนำคะแนนมาแลกสินค้าในภายหลัง และยังฟรีค่าบริการเสริม Speed Guarantee คือการันตีเวลาส่ง ส่งช้า ส่งฟรี สำหรับลูกค้าที่พัสดุขนาดไม่เกิน 1 กิโลกรัม

บริษัทจะไม่เก็บค่าบริการเพิ่มเมื่อส่งพัสดุผ่าน Flash Shop และ Flash Home หากพัสดุถึงปลายทางไม่ตรงตามเวลา ลูกค้าจะได้รับคืนเงินค่าบริการขนส่งเต็มจำนวน เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทกำหนด สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ 16 กรกฎาคมถึง 5 สิงหาคม 2565 นี้

kerry express

Kerry Express เริ่มต้นค่าส่งที่ 15 บาท

เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ พร้อมบริการจัดส่งที่รวดเร็ว ส่งวันนี้ถึงพรุ่งนี้! เฉพาะ Seal Bag A (32 ซม. x 23 ซม.)​ น้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม จำกัดจำนวนการส่ง 1 ชิ้น/ คน/ ใบเสร็จ/ วัน

ขอสงวนสิทธิ์เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น ราคานี้ไม่รวมค่าบริการน้ำมันส่วนเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป (การปรับราคา ระยะเวลา และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เป็นไปตามดุลยพินิจของบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียว

จังหวัดที่ร่วมรายการ และสามารถส่งปลายทางได้ทุกจังหวัด: กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ชลบุรี, กาญจนบุรี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, นครสวรรค์, นครศรีธรรมราช, สระบุรี, สงขลา, สุพรรณบุรี และอุบลราชธานี

จังหวัดที่ร่วมรายการ และสามารถส่งปลายทางได้เฉพาะในจังหวัดเท่านั้น เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, ลำพูน, ลพบุรี, นครปฐม, พะเยา, พิษณุโลก, ภูเก็ต, ราชบุรี, ระยอง, ร้อยเอ็ด, สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี

ไปรษณีย์
ภาพจาก Facebook ของไปรษณีย์ไทย

ขณะที่ไปรษณีย์ไทยดันหันมาขึ้นราคา ส่งสินค้าน้ำหนักไม่ถึง 500 กรัม จะคิดค่าบริการ 30 บาท จากเดิม ไม่รวมลงทะเบียนอยู่ที่ 3-15 บาท (อ่านเพิ่มได้ที่นี่ ไปรษณีย์ไทย ขึ้นราคา ส่งพัสดุใดๆ เริ่มต้น 30 บาท เลิกใช้มาตรฐานเดียวกับส่งซองจดหมาย)

ที่มา – Flash, Kerry

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post สมรภูมิแย่งชิงลูกค้า! แฟลช เอ็กซ์เพรส-เคอร์รี่แข่งกันลดราคา แต่ไปรษณีย์ไทยขึ้นราคา first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/flash-versus-kerry-express-on-price-war-but-thailand-post/

ส่งด่วนแล้วไง? DHL เปิดเกมรุก E-Commerce เชื่อคนซื้อของออนไลน์รอ Next Day ยังไหว

การเติบโตของ E-Commerce ในประเทศไทยไทยนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และตลาดนี้จะเดินไม่ได้ถ้าไม่มีระบบขนส่ง หรือ Logistic ที่ดี ดังนั้น DHL ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้จึงเข้ามาเปิดเกมรุกในไทยเต็มตัว

ภาพโดย ŠJů

ชิงพื้นที่ตลาด E-Commerce 1.4 แสนล้าน

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาด E-Commerce ที่น่าจับตามอง หลังจากประชากรกว่า 150 ล้านคนอยู่โลดแล่นอยู่บนออนไลน์ และ 2 ใน 3 ของจำนวนนี้ตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์แล้ว ซึ่งประเทศไทยนั้นคิดเป็นอันดับที่ 2 ของเรื่องนี้ ผ่านมูลค่า E-Commerce ราว 1,400 ล้านยูโรในปี 2559 หรือราว 51,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้คิดเป็นเพียง 1.7% ของมูลค่าค้าปลีกในไทยเท่านั้น ต่างกับประเทศพัฒนาแล้วที่มีอัตรามากกว่า 10% ที่สำคัญในปี 2563 มูลค่าอีคอมเมิร์ซในไทยยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 3,600 ล้านยูโร หรือราว 1.4 แสนล้านบาทด้วย

ชาร์ลส์ บรูเอออร์ ประธานกรรมการบริหาร DHL eCommerce เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันแบรนด์ และกลุ่มค้าปลีกที่หันมาให้บริการ E-Commerce เริ่มจับทางผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการจัดส่งที่ถูกให้ความสำคัญมากกว่าเดิม เพราะผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ถึงมืออย่างมีคุณภาพ ต้องใช้บริการขนส่งที่เชื่อใจได้ ดังนั้นผู้ค้าทั้งหลายจึงกล้าที่จะลงทุนในเรื่องนี้ เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มยอดขาย และเหตุนี้เอง บริษัทจึงตั้งหน่วยธุรกิจที่ดูแลเรื่อง E-Commerce โดยเฉพาะมาให้บริการกับผู้ค้าต่างๆ รวมถึงเกาะเทรนด์เติบโต 22% ทุกปี ของ E-Commerce ในไทยได้

สำหรับในประเทศไทย DHL eCommerce เริ่มให้บริการเมื่อเดือนม.ค. 2559 โดยลงทุนสร้างคลังสินค้า 3,222 ตร.ม. กับรถขนส่งมากกว่า 400 คัน แยกออกมาจากบริการ Express หรือการส่งโดยเน้นที่เวลา เร็วสุดได้ภายในวันเดียวกัน และบริการบริหาร Supply Chain ให้กับองค์กรต่างๆ และจากเหตุนี้เองทำให้บริษัทสามารถครอบลุมการขนส่งทั่วประเทศไทยได้ 100% ที่สำคัญยังรองรับการขนส่งได้สูงสุดถึง 15 ล้านชิ้น/ปี ซึ่งปัจจุบันยังไม่เต็มความจุดังกล่าว

Next Day ก็ถือว่าเร็วแล้วในโลก E-Commerce

เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ DHL eCommerce ประเทศไทย

เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ DHL eCommerce ประเทศไทย มองว่า ตอนนี้ภาระกิจหลักในการทำตลาดในประเทศไทยคือพยายามสร้างการจดจำเรื่องคุณภาพการขนส่งให้กับผู้ให้บริการ E-Commerce และกลุ่ม SME ในประเทศไทยที่มีกว่า 2.7 ล้านราย ผ่านการสร้างบริการที่เหมาะสม รวมถึงชูจุดเด่นเรื่องสิ่งที่รายอื่นยังทำได้ลำบาก เช่นบริการ Cash on Delivery (COD) หรือการเก็บเงินปลายทาง รวมถึงการช่วยเหลือเรื่องการขนส่งไปยังต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของบริษัทด้วย

“ยอมรับว่าเราเพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2559 ในขณะที่ตลาดตอนนี้มีผู้เล่นเต็มไปหมด แต่พอทำไป 1 ปีก็พบว่าเรามียอดส่งสินค้าในประเทศราว 2 แสนชิ้น/วัน เป็นการส่งต่างจังหวัดถึง 60% และช่วยผู้ประกอบการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ 30-40% ของยอดส่งทั้งหมดด้วย ที่สำคัญการส่งในประเทศเกือบทั้งหมดเป็นการส่งแบบขั้นต่ำ Next Day แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่รอได้ และเน้นที่ความน่าเชื่อถือของการส่งสินค้ามากกว่า ไม่ต้องถึงขั้น Same Day หรือภายในไม่กี่ชั่วโมงเหมือนที่ตลาดนั้นแข่งกันค่อนข้างหนัก”

ราคาไม่ได้สูง ถ้าเทียบคุณภาพ และบริการ

อย่างไรก็ตามถึงผู้บริโภค และผู้ประกอบการอาจมอง DHL ว่าคิดราคาสูง แต่จริงๆ แล้วถ้าคำนวนเรื่องงานบริการ และคุณภาพ ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ ที่สำคัญบริษัทไม่ทำโฆษณาทางโทรทัศน์ แต่เลือกใช้งานบริการคุณภาพสร้างการรับรู้ของแบรนด์มากกว่า

ทั้งนี้สินค้าที่ขนส่งจำนวนมากในไทยคือ สินค้าแฟชั่น และไอที เนื่องจากมูลค่าการซื้อ/ครั้งในไทยต่ำเพียง 900 บาท และบริการ COD คือเป็น 60% ของยอดส่ง ส่วนวันที่ส่งแล้วสำเร็จสูงสุดคือวันธรรมดา และมูลค่าตลาดขนส่ง E-Commerce ในไทยอยู่ที่ 8% ของตลาด E-Commerce หรือราว 4,000 ล้านบาทในปี 2559

สรุป

DHL ประกาศเกมรุกเต็มรูปแบบ พร้อมตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องการขนส่งสินค้า E-Commerce เหมือนกับเบอร์ในธุรกิจ Logistic ระดับโลก ดังนั้นบริษัทในไทยก็คงต้องปรับตัว โดยเฉพาะไปรษณีย์ไทยที่แม้จะมีจุดเด่นเรื่องราคา แต่คุณภาพคงสู้ยักษ์ใหญ่จากเยอรมันไม่ได้ ที่สำคัญ DHL ยังส่งได้ทั่วประเทศแล้ว ทำให้การแข่งขันเริ่มหนีกันไม่ได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/dhl-ecommerce-nextday/