H&M ประกาศปิดสาขา 250 แห่งทั่วโลก

H&M Photo: Getty Images

โควิดทำปิดหน้าร้าน ยอดขายออนไลน์พุ่ง

H&M แบรนด์ค้าปลีกเสื้อผ้าชื่อดังประกาศปิดสาขาหน้าร้าน 250 แห่งทั่วโลกในปีหน้า เหตุเพราะโควิดทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แทน

ในแถลงการณ์ของ H&M ระบุว่า ในช่วงที่โควิดระบาด ผู้คนหันมาช้อปปิ้งผ่านออนไลน์กันมากขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ทางแบรนด์ต้องปิดสาขาหน้าร้านชั่วคราว ปรากฏว่า ยอดการสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์พุ่งสูงขึ้นราว 80% เมื่อเทียบกับยอดขายของหน้าร้านปกติ

แผนปิดสาขาหน้าร้าน 250 แห่งในครั้งนี้ คิดเป็นเพียง 5% ของจำนวนหน้าร้านทั้งหมดของ H&M ที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 5,000 แห่งทั่วโลก

วิกฤตค้าปลีกเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมีโควิด อย่างปีที่ผ่านมา H&M ได้สั่งปิดหน้าร้านไปกว่า 160 แห่ง และโฟกัสไปที่ออนไลน์มากขึ้น นอกจากนั้นในวิกฤตโควิด มีหลายแบรนด์ค้าปลีกที่ได้ยื่นขอล้มละลายจำนวนมาก เช่น

• ค้าปลีกรายแรกที่ล่มสลายในยุคโควิด J. Crew แบรนด์เสื้อผ้าอเมริกันยื่นขอล้มละลายแล้ว
• JCPenney ค้าปลีกสหรัฐ ประกาศล้มละลายแล้ว หลังรับผลกระทบจาก COVID-19
• ค้าปลีกล้มอีก! GNC อดีตยักษ์อาหารเสริม ยื่นล้มละลาย หลัง COVID-19 ทำยอดขายลดลง
• แบรนด์เสื้อผ้า Brooks Brothers ยื่นล้มละลาย หลังประสบปัญหาทางการเงิน และถูก COVID-19 ซ้ำเติม
• ไปต่อไม่ไหว! MUJI ในสหรัฐฯ ยื่นขอล้มละลาย สาเหตุจากโควิดและหนี้ทับถมกว่า 2 พันล้านบาท

ที่มา – CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/hm-close-250-stores/

Uniqlo เตรียมปิดหน้าร้านในเกาหลีใต้เดือนหน้า 9 แห่ง หลังยอดขายตกและความขัดแย้งยังไม่ยุติ

Uniqlo เตรียมปิดหน้าร้านในเกาหลีใต้ราว 9 แห่งเดือนหน้านี้ หลังจากที่ยอดขายตกต่ำเพราะโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก อีกทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็มีความขัดแย้งกันก็ทำให้สถานการณ์แย่ลงตามๆ กันไปด้วย 

ความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้นั้นเริ่มขึ้นมาตั้งแต่กรกฎาคมปีที่ผ่านมา แถมโควิด-19 ระบาดหนักขนาดนี้ ยอดขายจึงลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ จำนวนร้าน Uniqlo ในเกาหลีใต้อยู่ที่ 174 แห่ง ขณะที่ปลายสิงหาคม 2019 อยู่ที่ 187 แห่ง

ยอดขายยูนิโคล่ลดลงหลังลูกค้าชาวเกาหลีร่วมกันบอยคอตต์สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นตั้งแต่กรกฎาคมปีก่อนหน้าที่มีการประท้วงให้จำกัดการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นที่ส่งไปยังเกาหลีใต้ 

ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีหรือความสัมพันธ์สองฝ่ายระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีความตึงเครียดต่อเนื่องหลังจากในปี 2018 ที่ศาลสูงสุดในเกาหลีใต้มีคำสั่งให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยเหยื่อชาวเกาหลีใต้ โทษฐานบังคับใช้แรงงานในช่วงสงครามโลก จากนั้นสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นมายังเกาหลีใต้ก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี ทางยูนิโคล่ระบุว่า ยังไม่มีแผนที่จะปิดหน้าร้านเพิมขึ้น แต่มีแผนที่จะเปิดหน้าร้านใหม่ต่อไป 

ที่มา –  The Korea Herald

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/uniqlo-will-close-nine-stores-in-south-korea-next-month/

Bed Bath & Beyond ค้าปลีกเครื่องใช้ฯ ยักษ์ใหญ่สหรัฐ เตรียมปิดหน้าร้าน 200 แห่งอีก 2 ปี

อวสานหน้าร้าน

Bed Bath & Beyond บริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ในบ้านยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ เตรียมปิดหน้าร้าน 200 แห่งในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังจากไตรมาสที่ผ่านมาเจอโควิด-19 ถล่มจนยอดขายลดลงเกือบ 50% ขณะที่ยอดขายออนไลน์ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นกว่า 100% ลูกค้ามักซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดและสินค้าตกแต่งบ้าน

การปิดหน้าร้าน 200 แห่งจะช่วยรักษาต้นทุนได้มากถึง 250-350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.8 พันล้านบาท – 1 หมื่นล้านบาท โดย CFO Gustavo Arnal ระบุว่า กำลังเปลี่ยน business model โดยใช้ดิจิทัลนำ

ภาพจาก Shutterstock

หลังจากที่ยอดขายลดลงราว 49% หรือประมาณ 1.31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 4.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 2.57 พันล้านบาท หรือ 8.05 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.22 เหรียญสหรัฐ หรือ 38.21 บาท มียอดขายลดลงที่ 1.39 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 4.35 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ยอดขายออนไลน์นั้นเพิ่มขึ้น 82% โดยในช่วงเมษายน-พฤษภาคม ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 100% และยอดขายออนไลน์ถือเป็น 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดในไตรมาสแรก

ที่มา – CNBC, CBS NEWS

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/bed-bath-beyond-permanently-close-200-stores/

อวสานหน้าร้าน Microsoft ประกาศปิดหน้าร้านกว่า 80 แห่งทั่วโลก หันมาเน้นออนไลน์แทน

โควิดพ่นพิษทุกวงการ แม้อุตสาหกรรมไอทียังสั่นสะเทือน

Microsoft ประกาศเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านค้าปลีก ปิดหน้าร้านกว่า 80 แห่งทั่วโลก หันมาเน้นด้านออนไลน์แทน โดยเหล่าพนักงานจะยังทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าทั้งในด้านการขาย การบริการและการให้ความรู้กับลูกค้าด้านออนไลน์แทน

ก่อนหน้านี้ทาง Microsoft ได้ปรับตัวรับมือโควิด-19 ด้วยการให้พนักงานกว่า 2,000 คนที่ให้บริการลูกค้าอยู่หน้าร้านแบบออฟไลน์มาให้บริการทางออนไลน์แทนก่อนหน้าแล้ว

• Microsoft เปลี่ยนพนักงานหน้าร้าน มาบริการลูกค้าออนไลน์ หลังหลายสาขาต้องปิดเพราะวิกฤตไวรัส

ภาพจาก Shutterstock

ทั้งนี้ Microsoft จะหันมาลงทุนหน้าร้านออนไลน์เพิ่มแทน ทั้งในส่วนของ Microsoft.com, Xbox และ Windows ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากถึง 1.2 พันล้านคนต่อเดือนในตลาด 190 แห่งทั่วโลก แม้จะปิดหน้าร้านจำนวนมากกว่า 80 แห่งแต่ Microsoft ยังเหลือพื้นที่ให้คนเข้าไปเสพประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อยู่ 4 แห่ง คือลอนดอน นิวยอร์ก ซิดนีย์ และ เรดมอนด์ วอชิงตัน ดี.ซี.

การปิดหน้าร้านดังกล่าว จะส่งผลให้ Microsoft ต้องสูญเงินมากถึง 450 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท ซึ่ง Microsoft นี้ปิดหน้าร้านและเตรียมพนักงานเพื่อรองรับลูกค้าออนไลน์มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่มีโควิด-19 ระบาดแล้ว ด้าน David Porter รองประธาน Microsoft ระบุว่า ทางองค์กรพร้อมรองรองรับลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ต่อไป

Porter ระบุว่า Microsoft สร้างทีมที่มีประสการณ์และทักษะไม่เหมือนใคร สามารถรองรับลูกค้าได้ทุกหนแห่ง พูดสื่อสารได้มากกว่า 120 ภาษา สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรมีความหลากหลาย และองค์กรจะไม่หยุดพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้แข็งแกร่งต่อไป

Satya Nadella CEO Microsoft ภาพจาก Microsoft

ที่มา – Japan Today, Microsoft

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/microsoft-strategic-change-in-retail-operations/

Microsoft เปลี่ยนพนักงานหน้าร้าน มาบริการลูกค้าออนไลน์ หลังหลายสาขาต้องปิดเพราะวิกฤตไวรัส

พนักงานจำนวนไม่น้อยต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สำหรับการทำงานในยุควิกฤตโควิด-19

พนักงาน Microsoft ที่ปกติทำงานหน้าร้าน แต่วันนี้ต้องให้บริการลูกค้าออนไลน์ด้วยการ Work From Home

หน้าร้านปิด ปรับพนักงานออฟไลน์มาทำออนไลน์

Microsoft ปรับพนักงานหน้าร้านจำนวนกว่า 2,000 คนที่ปกติให้บริการลูกค้าในหน้าร้านออฟไลน์ แต่เมื่อสาขาถูกปิดชั่วคราวเพราะวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายคนไม่มีงานทำ ทางบริษัทจึงเสนอให้พนักงานเปลี่ยนมาทำงานบริการลูกค้าผ่านออนไลน์แทนในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน

ข้อมูลของ Microsoft เปิดเผยว่า ปริมาณการประชุมออนไลน์ของผู้คนทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น Microsoft Teams โปรแกรมประชุมออนไลน์ที่ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการไปแล้วถึง 2.7 พันล้านนาที นอกจากนั้นเมื่อเก็บสถิติช่วงปลายเดือนมีนาคมเทียบกับช่วงปลายเดือนมีนาคมพบว่าการใช้งาน Microsoft Teams เติบโตขึ้นถึง 200%

แน่นอนว่า พนักงานหน้าร้านที่จะมาให้บริการบนออนไลน์ก็จะคอยให้ความช่วยเหลือลูกค้าในบริการเหล่านี้

พนักงานบางคนบอกว่า “ในช่วงแรกยากเหมือนกันที่ต้องปรับตัว รู้สึกไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่กับการทำงานออนไลน์ แต่ก็เพราะความรู้สึกนี้เองที่ทำให้รู้ว่ากำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แถมเป็นประโยชน์กับลูกค้าของเราด้วย”

อย่างไรก็ตาม โครงการช่วยเหลือลูกค้าผ่านออนไลน์ของ Microsoft ไม่ได้บังคับให้พนักงานหน้าร้านทุกคนทำ แต่ระบุว่าหากทำจะให้โบนัสพิเศษประจำสัปดาห์ ปรากฏว่ามีพนักงานขอมาทำกว่า 80%

ที่มา – Microsoft, Theverge

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/microsoft-store-employees-to-remote-work/