คลังเก็บป้ายกำกับ: PIXEL_5

Gboard เริ่มปล่อยฟีเจอร์ Grammar Check เช็คไวยากรณ์ขณะพิมพ์ ให้กับ Pixel รุ่นอื่นๆ แล้ว

แรกเริ่มเดิมที ฟีเจอร์ Grammar Check หรือเช็คไวยากรณ์ในแต่ละประโยคในแอป Gboard จะ Exclusive ใช้ได้แค่เฉพาะบน Pixel 6 และ Pixel 6 Pro เท่านั้น แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า Gboard จะอัปเดตความสามารถดังกล่าวให้กับมือถือ Pixel รุ่นอื่นๆ บ้างแล้ว คาดว่าอีกไม่นาน สมาร์ทโฟน Android รุ่นต่างๆ น่าจะใช้ได้เหมือนกับตระกูล Pixel

การทำงานของฟีเจอร์ Grammar Check บน Gboard นั้น หากเราพิมพ์ประโยคที่ผิดไวยากรณ์ ระบบจะขีดเส้นใต้สีฟ้ามาให้เราเพื่อเป็นการแจ้งเตือนว่าประโยคดังกล่าวที่เราพิมพ์นั้นไม่ถูกหลักไวยากรณ์ พร้อมกับแนะนำว่าประโยคที่ถูกควรจะเป็นแบบนี้แบบนั้น เบื้องต้นฟีเจอร์ดังกล่าวจะรองรับแค่เฉพาะกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่ชอบก็สามารถไปปิดได้ที่ Settings > Text Correction > Grammar Check

 

อย่างที่บอกไปข้างต้น ปัจจุบันฟีเจอร์ Grammar Check จะยังคงใช้งานได้แค่เฉพาะกับภาษาอังกฤษเท่านั้น คาดว่าในอนาคตน่าจะขยายไปรองรับหลากหลายภาษามากขึ้น

นอกเหนือจาก Pixel 6 และ Pixel 6 Pro แล้ว ปัจจุบันฟีเจอร์ Grammar Check (บน Gboard เวอร์ชั่นเบต้า 11.4) มีผู้ใช้งาน Pixel 5 และ Pixel 4a ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 (และ Android 12L) และ 13 ตามลำดับ รายงานว่าสามารถใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้ ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตระกูล Pixel ตอนนี้ยังไม่มีใครรายงานว่าได้รับฟีเจอร์นี้แล้ว

 

SOURCE : 9to5Google

from:https://droidsans.com/gboard-rolling-out-grammar-check-feature-to-other-pixel-phones/

เปรียบเทียบ Pixel 5a 5G, Pixel 5, Pixel 4a ต่างกันยังไง ราคาเท่าไหร่ รุ่นไหนน่าซื้อที่สุด ?

Pixel 5a 5G สมาร์ทโฟนระดับมิดเรนจ์รุ่นใหม่จาก Google หรือในชื่อเต็ม ๆ คือ Pixel 5a with 5G ที่คราวนี้หลายฝ่ายให้ความเห็นตรงกันว่า เปิดตัวออกมาได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ เพราะฮาร์ดแวร์แทบไม่ด้อยไปกว่าเรือธงอย่าง Pixel 5 เลย บางอย่างดีกว่าเสียด้วยซ้ำไป และอัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนอย่าง Pixel 4a พอสมควร ที่สำคัญคือ ทำราคาได้เด็ดมาก ๆ เพียง 449 เหรียญ หรือประมาณ 14,900 บาท เท่านั้นเอง ถูกลงกว่าตอน Pixel 4a 5G อีกต่างหาก

เปรียบเทียบสเปคและราคา Pixel 5 / 5a 5G / 4a 5G / 4a

Pixel 5 Pixel 5a 5G Pixel 4a 5G Pixel 4a




 ◉
5G
กันน้ำและฝุ่น
IP68

IP67
ชาร์จไร้สาย
10W
จอภาพ 6.0 นิ้ว OLED 16 ล้านสี
Full HD+ 1080 x 2340 (432 ppi)
สัดส่วน 19.5:9
อัตรารีเฟรช 90Hz
อัตราส่วนคอนทราสต์ >1,000,000:1
HDR
6.34 นิ้ว OLED 16 ล้านสี
Full HD+ 1080 x 2400 (413 ppi)
สัดส่วน 20:9
อัตรารีเฟรช 60Hz
อัตราส่วนคอนทราสต์ >100,000:1
HDR
6.2 นิ้ว OLED 16 ล้านสี
Full HD+ 1080 x 2340 (413 ppi)
สัดส่วน 19.5:9
อัตรารีเฟรช 60Hz
อัตราส่วนคอนทราสต์ >100,000:1
HDR
5.8 นิ้ว OLED 16 ล้านสี
Full HD+ 1080 x 2340 (443 ppi)
สัดส่วน 19.5:9
อัตรารีเฟรช 60Hz
อัตราส่วนคอนทราสต์ >100,000:1
HDR
ชิป Qualcomm Snapdraon 765G Qualcomm Snapdraon 730G
หน่วยความจำ RAM 8GB LPDDR4x
ROM 128GB
RAM 6GB LPDDR4x
ROM 128GB
ระบบปฏิบัติการ Android 11 Android 10
กล้องหลัง
กล้องหลัก 12.2MP 1.4μm
dual pixel PDAF
รูรับแสง ƒ/1.7
มุมกว้าง 77 องศา
OIS + EIS
กล้องอัลตร้าไวด์ 16MP1.0 μm
รูรับแสง ƒ/2.2
มุมกว้าง 107 องศา
กล้องหน้า 8MP 1.12μm
รูรับแสง ƒ/2.0
มุมกว้าง 83 องศา
8MP 1.12μm
รูรับแสง ƒ/2.0
มุมกว้าง 84 องศา
เสียง ลำโพงคู่สเตอรีโอ ลำโพงคู่สเตอรีโอ
แจ็กหูฟัง 3.5 มม.
แบตเตอรี่ 4080mAh 4680mAh 3885mAh 3140mAh
วัสดุ กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 6
บอดี้อะลูมิเนียม
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 3
บอดี้อะลูมิเนียม
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 3
บอดี้พอลีคาร์บอเนต
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 3
บอดี้พอลีคาร์บอเนต
ราคา* 699 เหรียญ
(ประมาณ 23,200 บาท)
449 เหรียญ
(ประมาณ 14,900 บาท)
499 เหรียญ
(ประมาณ 16,500 บาท)
349 เหรียญ
ประมาณ 11,500 บาท)

*ราคาข้างต้นยังไม่รวมภาษี

หน้าจอใหญ่ (เกือบ) สุดในซีรีส์

Pixel 5a 5G มาพร้อมกับจอภาพ OLED ขนาด 6.34 นิ้ว บนสัดส่วน 20:9 ถ้าดูจากตัวเลขความยาวตามแนวทแยง อาจจะพาลคิดว่าไปว่า “นี่คือ Pixel ในรหัส a นี่หน้าจอใหญ่ที่สุดหรือเปล่า ?” เพราะมีขนาดเท่ากับ Pixel 4 XL พอดีเป๊ะเลย แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ “ไม่ใช่” นะครับ Pixel 3a XL ยังมีพื้นที่แสดงผลมากกว่า แม้จะมีความยาวตามแนวทแยง 6.0 นิ้ว แต่ด้วยสัดส่วนภาพ 18:9 ที่มีความยาวแนวขวางมากกว่า คำนวณออกมาจึงมีพื้นที่มากกว่านั่นเองครับ แต่ถึงกระนั้น หน้าจอของ Pixel 4a ยังดูใหญ่มากอยู่ดีหากเทียบจากภาพรวมในซีรีส์เดียวกัน

คุณสมบัติด้านการแสดงผล Pixel 5a 5G จัดอยู่ในระดับเดียวกับ Pixel 4a โดยมีความลึกสี 8-bit อัตราส่วนคอนทราสต์ 100,000:1 ผ่านมาตรฐาน HDR เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว Pixel 5 ยังดูดีกว่า เพราะเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ได้หน้าจอแบบ Smooth Display อัตรารีเฟรช 90Hz และมีอัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 สูงกว่าใคร ไล่ระดับแสงและเงาได้ละมุนเป็นธรรมชาติกว่า รวมถึงวัสดุปิดทับหน้าจอที่ขยับจาก Gorilla Glass 3 ของ Corning มาใช้ Gorilla Glass 6 แทนให้สมกับเป็นแฟล็กชิป

แบตเตอรี่ไม่น้อยแล้ว

จนถึงก่อนหน้านี้ ข้อสังเกตใหญ่ ๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ในซีรีส์ Pixel ของ Google ที่มักจะโดนแฟน ๆ บ่นอยู่เป็นประจำคือ เรื่อง “แบตเตอรี่” ที่ชอบใส่มาให้น้อยกว่าคู่แข่งในตลาด แต่สำหรับ Pixel 5a 5G จะไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไป เพราะเจ้านี่มากับแบตเตอรี่ความจุ 4680mAh ตรงตามข่าวลือที่เคยหลุดออกมาเลยว่า นี่คือ “Pixel ที่มีแบตเตอรี่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา” ในหัวข้อนี้ คงมีแค่เทคโนโลยีการชาร์จไร้สายเพียงอย่างเดียวที่ยังสู้ Pixel 5 ไม่ได้

ครั้งแรกกับวัสดุโลหะและคุณสมบัติทนน้ำใน Pixel รหัส a

ดีไซน์โดยรวมของ Pixel 5a 5G ดูจะไม่แตกต่างไปจาก Pixel 4a เสียเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากคือ “วัสดุ” จากเดิมในรหัส a ได้ใช้พอลีคาร์บอเนตมาตลอด ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้อะลูมิเนียมแทนแล้ว รวมทั้งคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่น IP67 ที่เป็นครั้งแรกในอุปกรณ์มิดเรนจ์ของ Google เช่นกัน ส่วน Pixel 5 จะได้ IP68 นะ ตามมาตรฐานคือ จุ่มน้ำได้ลึกกว่าและนานกว่า (แต่ไม่แนะนำอยู่ดี เอาไว้ป้องกันอุบัติเหตุจะดีกว่า)

ยกฮาร์ดแวร์กล้องมาจาก Pixel 5 ทั้งชุด

Pixel 5a 5G ยังคงใช้กล้องหลังชุดเดียวกับ Pixel 5 เซนเซอร์ภาพของกล้องหลักคือ IMX363 ความละเอียด 12.2MP จาก Sony เสริมด้วยกล้องกล้องอัลตร้าไวด์ 16MP มุมกว้าง 117 องศา หากพิจารณาจากรูรับแสงที่เท่าเดิมทั้งหมดแล้ว ชุดเลนส์น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ที่หายไปมีเพียงอย่างเดียวคือ เซนเซอร์สเปกตรัมที่ Google เอาไว้ใช้ตรวจจับความถี่ในการกะพริบของหลอดไฟหรือแหล่งกำเนิดแสงต่าง ๆ แล้วปรับความเร็วชัตเตอร์ให้สอดคล้องกัน เวลาถ่ายภาพจะได้ไม่ออกมาเป็นเส้น ๆ ซึ่งเซนเซอร์ตัวนี้ไม่เคยใส่มาให้ใน Pixel รหัส a อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเท่าไหร่

ในขณะที่ Pixel 4a มีกล้องหลังเพียงตัวเดียว โดดเดี่ยว เดียวดาย เซนเซอร์ภาพ IMX363 ของ Sony เหมือนกัน แต่จะไม่มีกล้องอัลตร้าไวด์นะ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบถ่ายรูปมุมกว้าง ๆ คงต้องคิดเผื่อในข้อนี้เสียหน่อย

ชิปตัวเดียวกับ Pixel 5 แต่ได้ RAM น้อยกว่านิดหน่อย

ภายใน Pixel 5a 5G ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 765G จาก Qualcomm ความเร็วสัญญาณนาฬิกาซีพียูหลักสูงสุด 2.4GHz ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ใน Pixel 5 ปรับลดลงมาแค่ RAM จาก 8GB เหลือ 6GB ดังนั้น ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมจึงไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก นอกจากนี้ ด้านระบบความปลอดภัยยังใส่มาครบทั้งโมดูล Titan M และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Pixel Imprint ทาง Pixel 4a ที่ใช้ชิป Snapdragon 730 อาจจะดูเสียเปรียบมากที่สุดในหัวข้อนี้

เป็น Pixel รุ่นแรกที่ไม่ได้รับโควตาพื้นที่ฟรีจาก Photos

ตามที่ Google ประกาศเอาไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เกี่ยวกับนโยบายด้านพื้นที่เก็บข้อมูลใหม่สำหรับ Photos ทำให้ Pixel 5a 5G กลายเป็นอุปกรณ์รุ่นแรกในซีรีส์นี้ของบริษัทฯ ที่จะ “ไม่ได้รับโควตาแบ็กอัปรูปภาพและวิดีโอฟรี ๆ แบบไม่จำกัด” อีกต่อไป ในการอัปโหลดรูปภาพและวิดีโอทั้งในรูปแบบ High Quality และ Original Quality จะถูกคิดพื้นที่รวมกับโควตาพื้นฐาน 15GB ที่ถูกติดมากับบัญชี Google หากอยากได้พื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มต้องเช่าซื้อจากบริการ One เอาเอง

อ่านเพิ่มเติม

ราคาแพงกว่า Pixel 4a แต่ถูกกว่า Pixel 4a 5G

หากอ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะคิดตรงกันเหมือนกับผมว่า Pixel 5a 5G มีการอัปเกรดที่ดูดีขึ้นกว่า Pixel 4a พอสมควร หลาย ๆ อย่างใกล้เคียงกับ Pixel 5 จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า “เอ๊ะ ! แล้วแบบนี้เราจะซื้อเรือธงไปทำไมนะ” (ฮา) แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อคงต้องมาดูในเรื่องของราคากันอีกทีอยู่ดี ซึ่ง Pixel 5a 5G นั้นก็ทำราคาออกมาได้ดีมากทีเดียว ค่าตัว 449 เหรียญ จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Pixel 4a กับ 4a 5G และแน่นอนว่า Pixel 5 ย่อมแพงที่สุด

การอัปโหลด
รุ่น High Quality Original Quality
Pixel / Pixel XL ไม่จำกัดตลอดชีพ
Pixel 2 / Pixel 2 XL
ไม่จำกัดตลอดชีพ
ไม่จำกัดจนถึง 16 มกราคม 2564
Pixel 3 / Pixel 3 XL ไม่จำกัดจนถึง 31 มกราคม 2565
Pixel 3a / Pixel 3a XL
รวมกับพื้นที่ 15GB ของ Google Account
Pixel 4 / Pixel 4 XL
Pixel 4a / Pixel 4a 5G
Pixel 5
Pixel 5a หรือใหม่กว่า
และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ
รวมกับพื้นที่ 15GB ของ Google Account

 

สรุป Pixel 5a 5G น่าซื้อไหม แล้วเหมาะกับใคร

คนที่เป็นเจ้าของ Pixel 5 และ Pixel 4a อาจจะยังไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยนมาเป็น Pixel 5a 5G โดยเฉพาะฝ่ายแรก (แหงอยู่แล้ว) แต่สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์สมาร์ทโฟน Android เลือดบริสุทธิ์จาก Google แล้ว นี่จะเป็นตัวเลือกที่ดูเข้าท่าสุด ๆ ณ เวลานี้ คือ มีการอัปเกรดที่ดีขึ้นจาก Pixel 4a หลายด้าน จนเกือบจะเทียบเท่ากับ Pixel 5 อยู่แล้ว และมีบางอย่างที่เหนือกว่า เช่น แบตเตอรี่ แถมด้วยราคาเป็นมิตรกว่ากันมาก ๆ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก

อย่างไรก็ตาม Google วางจำหน่าย Pixel 5a 5G แบบจำกัดเฉพาะที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เอาจริง ๆ เรื่องนี้ไม่กระทบกับชาวไทยตรงไหนเลย เพราะไม่เคยวางขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราอยู่แล้ว ถ้าอยากได้ต้องหาซื้อเครื่องหิ้วกันเอาเองนะครับ

from:https://droidsans.com/google-pixel-5a-5g-specs-price-compare/

Google ปล่อยอัปเดตเดือนเมษายนให้กับ Pixel 5 พบ GPU ไวขึ้นเกือบ 50%

ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานออกมาเผยว่าชิปเซ็ต Snapdragon 765G ที่อยู่บน Pixel 5 มือถือเรือธงสเปคไม่เรือธงจาก Google นั้นมีประสิทธิภาพ GPU ที่ด้อยกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ชิปตัวเดียวกัน ล่าสุดบริษัทสัญชาติอเมริกันนี้ได้ปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ประจำเดือนเมษายนให้กับ Pixel 5 พบว่าความแรง GPU แรงขึ้นกว่าเดิมถึง 50% กลับมาเทียบเคียงกับรุ่นอื่น ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย Andres Proschofsky หนึ่งในกองบรรณาธิการของ DerStandard สื่อจากประเทศเยอรมัน ได้นำ Pixel 5 ที่ได้รับอัปเดตแพทช์รักษาความปลอดภัยประจำเดือนเมษายน มาทดสอบประสิทธิภาพกับแอป Benchmark อย่าง 3DMark พบว่า Pixel 5 สามารถทำคะแนนในส่วน GPU ได้มากกว่าเดิม 30% – 50% เมื่อเทียบกับ Pixel 5 ที่รันบนแพทช์เดือนมีนาคม 

สำหรับสาเหตุที่ทำไมตอนแรกความแรง GPU ของ Snapdragon 765G ของ Pixel 5 ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ชิปเซ็ตเดียวกัน ก็คาดว่าตัว Google ลดสปีดชิปตัวนี้ลง เพื่อต้องการให้โทรศัพท์กินไฟน้อยลงกว่าเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากอัปเดตเดือนเมษายน จะทำให้ Pixel 5 ประมวลกราฟิกดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว แพทช์ดังกล่าวยังเข้ามาช่วยให้คุณภาพการถ่ายรูปดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เช่นเดียวกับการแก้ไขบั๊คเครื่องค้างต่าง ๆ

 

ที่มา: Android Central

from:https://droidsans.com/google-pixel-5-april-update-gpu-faster-twofold/

Google ซุ่มพัฒนาฟีเจอร์ Adaptive Sound ยกเครื่องคุณภาพเสียงจากลำโพงให้ Pixel

Pixel 5 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Google มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอรีโอ โดยที่ลำโพงตัวบนนั้นฝังอยู่ใต้จอภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานกลับมีกระแสตอบรับที่ไม่ได้เป็นไปในทางบวกเสียเท่าไหร่ สำหรับเรื่องคุณภาพเสียง ซึ่งดูเหมือน Google กำลังหาวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ ด้วยฟีเจอร์ Adaptive Sound สำหรับปรับปรุงคุณภาพเสียง

ผลิตภัณฑ์หลาย ๆ อย่างจาก Google เป็นที่รู้จักกันดีว่า มีความโดดเด่นเรื่องคุณสมบัติในการเรียนรู้ของระบบ ซึ่งจะตอบสนองต่อพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปของผู้ใช้งาน

ในตอนนี้ สมาร์ทโฟน Pixel นั้นก็มีฟีเจอร์ในชื่อ Adaptive อยู่แล้วหลายรายการ อาทิ Adaptive Brightness เรียนรู้การปรับระดับความสว่างหน้าจอ, Adaptive Battery เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานแบตเตอรี่ และ Adaptive Notifications เรียนรู้ลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน เป็นต้น

สำหรับ Adaptive Sound นี้ก็ยังอยู่ในแนวทางเดียวกับที่ผ่านมา หลักการทำงานของฟีเจอร์นี้ก็คือ ใช้ไมโครโฟนตัวเครื่องเพื่อวิเคราะห์เสียงแวดล้อม จากนั้นจะทำการปรับอีควอไลเซอร์ (equalizer) ของเสียงจากลำโพงให้เข้ากัน

Google ระบุว่า ฟีเจอร์ Adaptive Sound อาจแสดงผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน หากเปิดเสียงดัง และสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวก็สบายใจได้ครับ เพราะ Google บอกว่า เสียงที่รับเข้ามาจากไมโครโฟนจะทำการบันทึกไว้ในตัวเครื่องเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หลังจากการคำนวณและประมวลผลเสร็จสิ้นก็จะทำการลบไฟล์ทิ้งไป ไม่มีการส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทแต่อย่างใด

คาดว่า Google จะปล่อยฟีเจอร์ Adaptive Sound ให้ใช้งานกันในอัปเดตใหญ่ครั้งถัดไปของสมาร์ทโฟน Pixel โดยเริ่มจาก Pixel 5 ก่อนเป็นรุ่นแรกครับ

 

ที่มา : Mishaal Rahman (@MishaalRahman)

from:https://droidsans.com/google-pixel-5-adaptive-sound/

Google บอกว่า ปัญหาช่องว่างระหว่างจอภาพกับบอดี้ของ Pixel 5 “เป็นเรื่องปรกติ”

หลังจากที่ Pixel 5 ทยอยส่งถึงมือผู้พรีออร์เดอร์ไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนตุลาคม สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Google รุ่นนี้กลับสร้างฟีดแบ็กในเชิงลบอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เพราะมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากรายงานตรงกันว่า Pixel 5 ของตนเองมีช่องว่างระหว่างจอภาพกับบอดี้ ล่าสุด Google ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยให้เหตุผลว่า “…มันเป็นไปตามปรกติของการออกแบบ”

ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นของ Pixel 5 ได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่ผู้ใช้งาน พร้อมทั้งมีการตั้งคำถามด้วยความกังวลใจไปยัง Google อย่างมากมาย เกี่ยวกับคุณภาพในการผลิตสินค้า และความเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

เวลาล่วงเลยมาราวครึ่งเดือน ในที่สุด Google ก็ได้มีการตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยภายหลังจากการตรวจสอบตัวเครื่อง Pixel 5 ที่ถูกส่งมาโดยลูกค้า ประกอบกับข้อมูลการควบคุมคุณภาพการผลิตจากโรงงาน Google ได้ให้ข้อมูลว่า “…เราสามารถยืนยันได้ว่า ช่องว่างระหว่างบอดี้และหน้าจอแสดงผลนั้นมันเป็นไปตามปรกติของการออกแบบของ Pixel 5”


ช่องว่างระหว่างจอภาพกับบอดี้ของ Pixel 5 กว้างพอที่ฝุ่นจะเข้าไปสะสมข้างในได้

พร้อมกันนี้ Google ยังคลายข้อสงสัยและความกังวลใจของลูกค้า (หรือเปล่า ?) โดยกล่าวว่า ช่องว่างดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ รวมถึงไม่ส่งผลใด ๆ ต่อการใช้งานปรกติ”

อย่างไรก็ตาม จากที่เราได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้ เจ้าของ Pixel 5 แต่ละรายนั้นเจอช่องว่างระหว่างจอภาพกับบอดี้ในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป บางคนเป็นที่ด้านบน บางคนเป็นที่ด้านข้าง แถมช่องว่างที่เกิดขึ้นยังมาก-น้อยไม่เท่ากันอีกด้วย ซึ่งดูเหมือน Google จะไม่ได้ปัดความรับผิดชอบทิ้งไปซะทั้งหมด โดยมีการกล่าวเพิ่มเติมว่า “…เราจะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป เพื่อคลายความกังวลของลูกค้า”

ดังนั้นจึงมีการคาดเดาว่า Google อาจทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ หากมีการติดต่อโดยตรงไปยังบริษัทโดยตรง สำหรับผู้ใช้งาน Pixel 5 ในประเทศไทยที่ได้รับเครื่องมาแล้วก็ลองตรวจสอบกันดูก่อนนะครับ ถ้ามีปัญหาขึ้นมาก็ติดต่อร้านที่ซื้อมาโลด…

 

ที่มา : 9to5Google

from:https://droidsans.com/google-says-pixel-5-screen-and-body-gap-is-normal-part-of-the-design/

เผยชิป Snapdragon 765G บน Pixel 5 ถูกลดความเร็วให้ลงมาเท่ากับ Snapdragon 710 เพื่อประหยัดแบตเตอรี่

เว็บไซต์ GSMArena ได้ลองนำ Pixel 5 มือถือระดับเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Google มาทดสอบประสิทธิภาพว่าใช้งานจริงเป็นอย่างไรบ้าง กล้องเป็นไง ฯลฯ ทว่าในระหว่างการทดสอบ พวกเขากลับสังเกตได้ถึงประสิทธิภาพที่แปลกประหลาดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ กล่าวคือชิปเซ็ต Snapdragon 765G บน Pixel 5 ทำผลงานออกมาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ยิ่งถ้าไปเทียบกับคู่แข่งที่ใช้ชิปเดียวกัน จะเห็นว่า Pixel 5 เป็นรองอย่างชัดเจน

เมื่อนำ Pixel 5 ไปทดสอบประสิทธิภาพกับแอป Geekbench 5 จะเห็นว่า ถ้าเป็นเรื่องความแรงแบบ Single-Core ตรงนี้ Pixel 5 จะทำผลงานออกมาได้ตามมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น คะแนนถือว่าไล่เลี่ยกับสมาร์ทโฟนเจ้าอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 765G เหมือนกัน

แต่ปัญหากลับอยู่ที่การทดสอบแบบ Multi-Core และการทดสอบ GPU ผ่าน GGX Manhattan ES 3.1 นี่สิ โดยในส่วนนี้ Pixel 5 มีผลงานที่ด้อยกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน ซึ่งคะแนนที่ออกมา มันดันไปใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon 710 มากกว่า Snapdragon 765G อย่าง OnePlus Nord เสียอีก

ซึ่งตรงนี้ทางทีม GSMArena ก็เข้าใจในตอนแรกว่า เครื่อง Pixel 5 ที่พวกเขาได้มารีวิวนั้น อาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง พวกเขาเลยติดต่อขอเครื่องใหม่เพื่อทำการรีวิวอีกรอบ ผลปรากฏว่า รอบแรกกับรอบสองแทบจะไม่มีความแตกต่างอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เชื่อว่านี่แหละคือปัญหาจริงๆ ของ Pixel 5

แถมพวกเขายังทดลองทั้งแบบตอนที่เครื่องร้อน ไปจนถึงตอนที่เครื่องเย็นลงมาถึงอุณหภูมิปกติ แล้วค่อยกลับไปทดสอบอีกรอบ ก็พบว่า Pixel 5 นั้นยังทำผลงานออกมาได้แย่กว่าคู่แข่งเหมือนเดิม โดยตอนนี้ทาง GSMArena ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากตัว Google เอง ได้ไปลดสปีดความแรงของตัวชิป Snapdragon 765G เพื่อให้ตัวโทรศัพท์กินไฟน้อยลงกว่าเดิมนั่นเอง 

 

ที่มา: GSMArena 

from:https://droidsans.com/google-downclocked-pixel-5-sd-765g-battery-saving-related/

DXOMARK ให้คะแนนรีวิวกล้อง Pixel 5 ที่ 120 คะแนน ชูจุดเด่น วัดแสงเป๊ะ สีสวยสด โฟกัสไวมาก

DXOMARK สถาบันทดสอบประสิทธิภาพกล้อง เสียง และจอภาพชื่อดัง เผยผลคะแนนรีวิวกล้องถ่ายภาพของ Pixel 5 สมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นล่าสุดของ Google ออกมาแล้ว โดยได้คะแนนรวมไปทั้งสิ้น 120 แต้ม แบ่งเป็น ภาพนิ่ง 129 แต้ม ซูม 49 แต้ม และวิดีโอ 107 แต้ม เผยระบบออโต้โฟกัสทำงานไว ภาพสว่าง สีสันสดใส ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ แต่โดนหักคะแนนเพราะเลนส์อัลตร้าไวด์มุมมองแคบและไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้


ภาพถ่าย Pixel 5 จากกล้องของ Pixel 5 โดย DXOMARK

กล้องหลักความละเอียด 12.2 MP ของ Pixel 5 นั้นเลือกใช้เซ็นเซอร์ภาพ IMX363 จาก Sony ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ใน Pixel 3 และ Pixel 4 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 เข้าไปแล้ว เสริมด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ 16MP ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 765G แต่จะไมีมี Pixel Neural Core สำหรับประมวลผล machine learning แล้ว

สเปคกล้อง Pixel 5

  • กล้องหลัก : 12.2MP (ƒ/1.7), ขนาดเซ็นเซอร์ 2.55 นิ้ว, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 27 มม., dual pixel PDAF, OIS
  • กล้องอัลตร้าไวด์ : 16MP (ƒ/2.2), ขนาดพิกเซล 1.0 µm, มุมกว้าง 107 องศา
  • แฟลช LED
  • บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 2160p ที่ 60 fps, gyro-EIS

ผลการทดสอบการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ

กล้องหลัก วัดแสงแม่น สีสดถูกใจ โฟกัสไวมาก

คะแนนภาพนิ่ง 129 แต้ม ถือเป็นคะแนนที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนอย่าง Pixel 4 ที่ได้ไป 117 แต้ม โดยมีจุดแข็งในเรื่องของความสามารถในการวัดแสงตัวแบบที่แม่นยำ สีสันสวยงาม ระบบออโต้โฟกัสทำงานรวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแสงกลางแจ้ง แต่มีจุดสังเกตเล็กน้อยคือ มีนอยส์เกิดขึ้นในภาพกับทุกสภาวะแสง และอาการเหลือบสีที่ขอบวัตถุเป็นสีม่วง ซึ่งจะเกิดขึ้นกับฉากที่เป็นการถ่ายย้อนแสง


ภาพถ่ายกลางแจ้งด้วยกล้องหลักของ Pixel 5 ให้สีสันและความสว่างเหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น

ไม่มีกล้องเทเลโฟโต้ จึงถูกหักคะแนนซูมเยอะ

เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีกล้องเพียง 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ ไม่มีกล้องเทเลโฟโต้ รายละเอียดในภาพนั้นแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถ่ายด้วยการซูมที่ระยะตั้งแต่ 2 เท่าขึ้นไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่มาฉุดคะแนน Pixel 5 เอาไว้พอสมควร ส่งผลให้ Pixel 5 ทำคะแนนรวมได้เพียง 120 แต้ม ถือเป็นคะแนนที่อยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ


Pixel 5 เสียเปรียบคู่แข่งในการถ่ายภาพซูม เพราะไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้

กล้องอัลตร้าไวด์โดยรวมทำได้ดี แต่มุมมองแคบไปหน่อย

รายละเอียดในภาพที่ได้จากกล้องอัลตร้าไวด์ของ Pixel 5 นั้นด้อยกว่าภาพจากกล้องหลักเล็กน้อย โดยยังคงมีปัญหาเรื่องนอยส์ปรากฏอย่างประปรายเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังสูญเสียความคมชัดบริเวณขอบภาพ รวมถึงมีความบิดเบี้ยวเกิดขึ้นอีกด้วย


กล้องอัลตร้าไวด์วัดแสงตัวแบบได้ถูกต้อง แต่มุมมองภาพแคบไปนิด

อย่างไรก็ตาม Pixel 5 ยังคงมีผลลัพธ์จากกล้องอัลตร้าไวด์ที่น่าพอใจ แต่ที่ถูกหักคะแนนไปเยอะในส่วนนี้เป็นเพราะ DXOMARK ให้เหตุผลว่า มุมมองภาพ 107 องศา ถือเป็นมุมมองที่แคบมากหากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในตลาด การถ่ายภาพจึงไม่ยืดหยุ่นในบางสถานการณ์

การถ่ายวิดีโอทำได้น่าพอใจ ไม่มีข้อติอะไรที่เด่นชัด

แม้ Pixel 5 จะรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 2160p ที่ 60 fps แต่ DXOMARK ทดสอบโดยการบันทึกที่ 4K 2160p ที่ 30 fps เช่นเดียวกับการทดสอบสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ซึ่งเป็นระดับความละเอียดที่กล้องจะแสดงประสิทธิภาพออกมาได้สูงที่สุด ทั้งในส่วนของภาพและระบบกันสั่น

คะแนนการถ่ายวิดีโอ 107 แต้มของ Pixel 5 หลัก ๆ แล้วมาจากผลลัพธ์ของคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ดีในแนวทางเดียวกับภาพนิ่ง ไม่ว่าจะเป็น การวัดแสง สีสัน ระบบออโต้โฟกัส รายละเอียดพื้นผิว ปริมาณนอยส์ การจัดการกับสิ่งแปลกปลอมในภาพที่เกิดจากซอฟต์แวร์ และระบบกันสั่น

Pixel 5 สามารถวัดแสงตัวแบบได้อย่างแม่นยำในการถ่ายวิดีโอ แต่ไดนามิกเรนจ์ไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นไปตามข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ DXOMARK พบว่า การถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงที่มีคอนทราสต์จัด ๆ ส่วนของไฮไลต์นั้นจะสูญเสียรายละเอียดไป และหากถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงน้อยภาพจะออกมาดูมืด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณภาพโดยรวมก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก

สรุปจุดเด่นและข้อสังเกต

จุดเด่น

  • โฟกัสได้รวดเร็วและแม่นยำ ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
  • สีสันสว่างและสดใส ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
  • ไวต์บาลานซ์ทำงานได้ดีในสภาวะแสงกลางแจ้ง
  • วัดแสงตัวแบบได้อย่างแม่นยำ ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
  • ระบบกันสั่นมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
  • กล้องอัลตร้าไวด์ถ่ายออกมาแล้วภาพดูสว่าง
  • แฟลช LED ให้ความสว่างแก่ตัวแบบได้เหมาะสมในการถ่ายพอร์เทรต
  • ภาพพรีวิวของการถ่ายภาพนิ่งเชื่อถือได้ (หน้าจอแสดงภาพก่อนถ่ายและหลังถ่ายใกล้เคียงกัน)

ข้อสังเกต

  • การวัดแสงตัวแบบได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในบางครั้งสำหรับการถ่ายพอร์เทรต
  • มีนอยส์ปรากฏขึ้นในทุกสภาวะแสง ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
  • ไวต์บาลานซ์ทำงานผิดพลาดเมื่อถ่ายในสภาวะแสงน้อย ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
  • เกิดอาการเหลือบสีบริเวณขอบวัตถุเมื่อถ่ายภาพนิ่งในสภาวะแสงกลางแจ้ง
  • คำนวณความลึกของภาพไม่แม่นยำอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้การเบลอฉากหลังหรือเรนเดอร์โบเก้ดูไม่สมจริง
  • ในหน้าจอพรีวิว (ก่อนถ่ายภาพ) ไม่แสดงเอฟเฟกต์ของโบเก้ให้เห็น
  • ภาพที่ได้จากการซูมมีรายละเอียดไม่ดีนัก
  • การถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงน้อยให้รายละเอียดไม่โอเคเท่าไหร่ เกิดโกสต์ในภาพ รวมถึงเกิดอาการภาพสั่นด้วย

จากรีวิวของ DXOMARK แสดงให้เห็นว่า แม้ Pixel 5 จะทำผลลัพธ์ออกมาไม่แย่เท่าไหร่ ด้วยอานิสงส์ซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพสุดเทพจาก Google แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ภาพตัวเก่า หรือแม้แต่การที่สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่มีกล้องเทเลโฟโต้ ทำให้ Pixel 5 ค่อนข้างเสียเปรียบคู่แข่งรายอื่นในการทดสอบนั่นเองครับ

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : DXOMARK

from:https://droidsans.com/google-pixel-5-dxomark-camera-review/

หมดความขลัง Pixel 5 ได้คะแนน DxOMark ไปเพียง 120 คะแนน

Google เปิดตัวสมาร์ทโฟน Pixel มาพร้อมกับการชูจุดเด่นด้านกล้องที่มีการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยพัฒนาทำให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นสวยงามเกินคาดไปมากโดยไม่จำเป็นต้องมีกล้องหลาย ๆ ตัวตามตลาด แต่ดูเหมือนความขลังเรื่องกล้องกำลังหมดลงเมื่อ DxOMark ให้คะแนน Pixel 5 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Google ไปเพียง 120 คะแนนเท่านั้น

กล้องหลักของ Pixel 5 ใช้เซนเซอร์ Sony IMX363 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ตัวเดียวกันกับ Pixel 3 และ Pixel 4 แถมไม่มี Pixel Neural Core เนื่องจากการใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 765G ซึ่ง Google มองว่าน่าจะเป็นหน่วยประมวลผลที่เพียงพอแล้วสำหรับการประมวลผลอัลกอริทึมของ Google ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานกล้องของ Pixel

สำหรับฮาร์ดแวร์นั้นถือว่าตามชาวบ้านมากพอสมควร Pixel 5 มีกล้องเพียงสองตัวคือกล้องหลักและกล้อง Ultra-wide (ปีที่แล้วเป็นเลนส์ซูม) ไม่มีกล้องตัวที่สาม ซึ่ง DxOMark ให้คะแนนโดยรวมอยู่ที่ 120 คะแนน ดีกว่ารุ่นเก่าก็จริงแต่ได้อันดับที่ 15 ของ DxOMark ซึ่งถือว่ายังไม่ดีเท่าไหร่นัก

คะแนนภาพนิ่งได้ไป 120 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับกลาง จุดเด่นอยู่ที่การเก็บรายละเอียดที่ดี การโฟกัสที่แม่นยำ การประมวผลสีที่ดี แต่สำหรับภาพในพื้นที่แสงน้อยทำได้ดีในระดับโอเคเท่านั้น ยังมีนอยซ์ให้เห็นแม้การถ่ายภาพตอนกลางวัน

ส่วนการถ่ายวิดีโอนั้น Pixel 5 ได้ไป 107 คะแนน จุดเด่นอยู่ระบบโฟกัสและความนิ่งในการถ่ายวิดีโอระดับ 4K 30fps และ 60fps จุดตำหนิเดียวกันกับการถ่ายภาพนิ่งคือมีนอยซ์ปรากฏให้เห็นค่อนข้างชัดเจนไปหน่อยโดยเฉพาะในกลางคืน ซึ่งในตอนกลางวันก็เห็นเช่นเดียวกัน

 

ข่าว: หมดความขลัง Pixel 5 ได้คะแนน DxOMark ไปเพียง 120 คะแนน มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/11/01/pixel-5-dxomark-120.html

ผู้ใช้งาน Google Pixel 5 บางส่วนพบปัญหาหน้าจอเผยอจากเฟรมเครื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ

Pixel 5 มือถือตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Google ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตอนนี้สินค้าล็อตแรกเริ่มทยอยส่งถึงมือผู้พรีออร์เดอร์แล้ว แต่ดูเหมือน Google อาจงานเข้า (อีกครั้ง) เนื่องจากมีผู้ใช้งานบางส่วนพบว่า Pixel 5 ของตนมีอาการขอบหน้าจอเผยอออกมาจากตัวเครื่อง จนกังวลว่าอาจส่งผลต่อความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ของมือถือรุ่นนี้

สำหรับแฟน ๆ Pixel น่าจะเป็นที่ทราบกันดีว่า มือถือตระกูลนี้จาก Google มักจะประสบปัญหาด้านฮาร์ดแวร์มาตลอด เช่น ลำโพงแตก แบตเตอรี่บวม กล้องสั่น หรือแม้แต่ bootloop เนื่องจากเมนบอร์ดชำรุด ไล่ตั้งแต่ Pixel รุ่นแรกมาจนถึงล่าสุดอย่าง Pixel 4 เลย ซึ่งเคยเป็นคดีความฟ้องร้องกันไปหลายหนในต่างประเทศ

คราวนี้อาจเป็นอีกครั้งที่ Google จะต้องปวดหัวกับมือถือของตัวเอง เนื่องจากผู้ใช้งานบางส่วนแจ้งว่า Pixel 5 ของตนเองมี “ช่องว่าง” ระหว่างจอภาพกับเฟรมเครื่อง โดยมากแล้วจะพบปัญหากับเครื่องสีดำ Just Black บริเวณใกล้กับกล้องเซลฟี่เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้ใช้งานเครื่องสีเขียว Sorta Sage บางรายก็ไม่รอดเช่นกัน


ส่วนมากแล้วพบปัญหากับสีดำ Just Black บริเวณใกล้กับกล้องเซลฟี่และขอบด้านบน

ในตอนนี้มีเพียงผู้ใช้งานส่วนน้อยเท่านั้นที่พบปัญหาดังกล่าว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเนื่องจาก Pixel 5 มาพร้อมกับความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ดังนั้นการที่หน้าจอเผยอออกมาแบบนี้ส่งผลให้ผู้ใช้งานเป็นกังวลว่า จะมีปัญหาตามมาในภายหลังหรือเปล่า


สีเขียว Sorta Sage เองก็ไม่รอดเช่นกัน

ย้อนกลับไปเล็กน้อยเมื่อเดือนกรกฎาคม ผู้ใช้งาน Pixel 4XL หลายรายก็ประสบปัญหาฝาหลังเผยอ ซึ่งในตอนนั้นคาดว่า สาเหตุเกิดจากขั้วแบตไม่แข็งแรงจนทำแบตบวม แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และแม้ผู้ใช้งานบางคนจะได้รับการเปลี่ยนตัวเครื่องใหม่จากทาง Google ไปแล้ว แต่สักพักปัญหาเดิมก็เกิดซ้ำอีกอยู่ดี

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ของ Pixel 5 ก็คงต้องรอติดตามดูกันต่อไปว่า Google จะมีท่าทีอย่างไรต่อข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น และจะมีคำแถลงการณ์อะไรหรือไม่ ซึ่งในตอนนี้สื่อต่างประเทศได้ทำการติดต่อขอคำชี้แจงจาก Google ไปแล้ว หากมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไรก็จะมาอัปเดตให้ต่อไปครับ

 

ที่มา : Google | XDA Developers

from:https://droidsans.com/google-pixel-5-owners-report-gaps-between-phones-display-and-frame/

เปรียบเทียบสเปค Pixel 5, Pixel 4a 5G และ Pixel 4a ต่างกันแค่ไหน รุ่นไหนน่าโดนกว่ากัน ?

หลังงาน Launch Night In สิ้นสุดลงไปเมื่อวันก่อน เท่ากับว่าตั้งแต่เริ่มปี 2020 จนถึงตอนนี้ Google ได้มีสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวมาแล้ว 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Pixel 5, Pixel 4a 5G และ Pixel 4a ซึ่งถ้าไม่มีเซอร์ไพรส์อะไร ในปีนี้ก็คงจะหมดเพียงเท่านี้แล้ว โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นข้างต้นจะมีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง เราได้สรุปมาให้เรียบร้อยแล้ว สามารถเข้ามาดูกันได้เลย

สเปค Pixel 5, Pixel 4a 5G และ Pixel 4a

Pixel 5 Pixel 4a 5G Pixel 4a



5G
กันน้ำและฝุ่น ✓ (IP68)
ชาร์จไร้สาย
หน้าจอ 6.0 นิ้ว OLED 16 ล้านสี 24 บิต
Full HD+ 1080 x 2340 (432 ppi)
สัดส่วน 19.5:9
รีเฟรชเรท 90Hz
Contrast ratio >1,000,000:1
HDR
6.2 นิ้ว OLED 16 ล้านสี 24 บิต
Full HD+ 1080 x 2340 (413 ppi)
สัดส่วน 19.5:9
Contrast ratio >1,000,000:1
HDR
5.8 นิ้ว OLED 16 ล้านสี
Full HD+ 1080 x 2340 (443 ppi)
สัดส่วน 19.5:9
Contrast ratio 1,000,000:1
HDR
ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdraon 765G Qualcomm Snapdraon 765G Qualcomm Snapdraon 730G
หน่วยความจำและที่เก็บข้อมูล RAM 8GB LPDDR4x
ความจุ 128GB
RAM 6GB LPDDR4x
ความจุ 128GB
RAM 6GB LPDDR4x
ความจุ 128GB
ระบบปฏิบัติการ Android 11 Android 11 Android 10
กล้องหลัง
12.2 MP 1.4 μm
dual pixel PDAF
รูรับแสง ƒ/1.7
มุมกว้าง 77 องศา
OIS + EIS
12.2 MP 1.4 μm
dual pixel PDAF
รูรับแสง ƒ/1.7
มุมกว้าง 77 องศา
OIS + EIS
12.2 MP 1.4 μm
dual pixel PDAF
รูรับแสง ƒ/1.7
มุมกว้าง 77 องศา
OIS + EIS
16 MP อัลตร้าไวด์ 1.0 μm
รูรับแสง ƒ/2.2
มุมกว้าง 107 องศา
16 MP อัลตร้าไวด์ 1.0 μm
รูรับแสง ƒ/2.2
มุมกว้าง 107 องศา
กล้องหน้า 8 MP 1.12 μm
รูรับแสง ƒ/2.0
มุมกว้าง 83 องศา
8 MP 1.12 μm
รูรับแสง ƒ/2.0
มุมกว้าง 83 องศา
8 MP 1.12 μm
รูรับแสง ƒ/2.0
มุมกว้าง 84 องศา
เสียง ลำโพงคู่สเตอรีโอ ลำโพงคู่สเตอรีโอ
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
ลำโพงคู่สเตอรีโอ
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
แบตเตอรี่ 4080mAh 3885mAh 3140mAh
วัสดุ กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 6
บอดี้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 3
บอดี้พอลีคาร์บอเนต
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 3
บอดี้พอลีคาร์บอเนต

รูปลักษณ์ภายนอกและหน้าจอแสดงผล

ภาพรวมไม่แตกต่างกัน

หน้าตาโดยรวมของ Pixel 5, Pixel 4a 5G และ Pixel 4a แทบจะไม่ต่างกันเลย แถมขนาดตัวเครื่องและหน้าจอยังใกล้เคียงกันมาก ๆ ไล่จาก Pixel 5 ที่ 6 นิ้ว, Pixel 4a 5G ที่ 6.2 นิ้ว มีขนาดใหญ่ที่สุด และ Pixel 4a ที่ 5.8 นิ้ว มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นพาแนล OLED ที่มีความละเอียด Full HD+ บนสัดส่วน 19.5:9 เหมือน ๆ กัน

แต่หน้าจอของพี่ใหญ่ Pixel 5 นั้นจะได้เปรียบกว่าตรงที่มีรีเฟรชเรทสูงกว่าใครที่ 90Hz แสดงผลได้ลื่นไหลกว่าอีก 2 รุ่นอยู่ระดับหนึ่ง

หน้าจอแสดงผล Pixel 4a ด้อยกว่าเล็กน้อย

หากเราเจาะรายละเอียดให้ลึกลงไปอีกจะพบว่า หน้าจอของ Pixel 4a มีความสามารถในการแสดงผลทั้งภาพและสีด้อยกว่าอีก 2 รุ่นเล็กน้อย โดยมี contrast ratio เท่ากับ 100,000,000:1 หากเทียบกับ Pixel 5 และ Pixel 4a 5G จะมี contrast ratio อยู่ที่ >100,000,000:1 แต่ Google ไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน และทั้ง 2 รุ่นใหม่ยังรองรับการแสดงผลสี 24 bit อีกด้วย

Pixel 5 ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.

พลิกมาดูที่รอบ ๆ เฟรมเครื่องจะเริ่มเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนกันแล้ว เริ่มจากปุ่มพาวเวอร์ของ Pixel 5 ที่เป็นโลหะ ดูมันวาวหรูหราที่สุด ในขณะที่ Pixel 4a 5G และ Pixel 4a นั้นเป็นพลาสติก ต่อด้วยด้านบนสุดที่อาจเป็นสิ่งชวนหงุดหงิดสำหรับใครหลายคน เพราะ Pixel 5 เป็นรุ่นเดียวในทั้งหมดที่ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.มาให้ ส่วนที่ด้านหลังไม่แตกต่างกันมาก ทั้งตำแหน่งกล้อง และเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ

กล้องและการถ่ายภาพ

กล้องเซลฟี่ Pixel 4a ให้ภาพมุมกว้างที่สุด

แม้กล้องเซลฟี่ของสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน มีความละเอียด 8MP รูรับแสง ƒ/2.0 และขนาดพิกเซล 1.12 μm เท่ากัน แต่ก็ยังมีจุดแตกต่างกันจิ๊ดนึงตรงที่กล้องเซลฟี่ของ Pixel 4a ให้ภาพมุมกว้าง 84 องศา กว้างกว่า Pixel 5 และ Pixel 4a 5G อยู่ 1 องศา อย่างไรก็ดี ในการใช้งานจริงอาจไม่รู้สึกถึงความแตกต่างนี้เท่าไหร่

กล้องหลักโมดูลเดียวกัน แต่ Pixel 5 และ 4a 5G มีกล้องคู่ พร้อมเลนส์อัลตร้าไวด์

เรื่องการถ่ายภาพถือเป็นจุดเด่นที่สุดของสมาร์ทโฟนในซีรีส์ Pixel มายาวนานหลายปี ในคราวนี้ทั้ง Pixel 5, Pixel 4a 5G และ Pixel 4a จะใช้โมดูลกล้องหลักชุดเดียวกันเป๊ะ ๆ ด้วยความละเอียด 12.2MP รูรับแสง ƒ/1.7 ให้ภาพมุมกว้าง 77 องศา พร้อมระบบออโต้โฟกัส dual pixel phase detection ที่ทำงานได้รวดเร็วสุด ๆ และใส่ระบบกันสั่นมาให้ทั้งแบบ OIS และ EIS

แต่กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 16MP ที่ให้ภาพมุมกว้าง 107 องศา ของ Pixel 5 และ Pixel 4a 5G เป็นหนึ่งจุดหลักที่ต้องนำมาพิจารณา เพราะฝ่าย Pixel 4a มีกล้องเพียงแค่ตัวเดียว ในสถานการณ์ที่ต้องการเก็บภาพวิวหรือภาพตึกมุมกว้าง ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก รวมถึงการที่ Pixel 4a ยังไม่มีโหมดที่ชื่อว่า Cinematic Pan มาเพิ่มลูกเล่นเกร๋ ๆ ให้ใช้ถ่ายวิดีโอได้ (ซึ่งจะได้รับการอัปเดตให้สามารถใช้งานได้ในภายหลังหรือไม่ก็ต้องมารอลุ้นกันอีกที)

หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ และแบตเตอรี่

ทั้งหมดต่างก็ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตระดับกลาง Snapdragon 7 Series

ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปีนี้ ประกอบกับปัจจัยด้านต้นทุนของหน่วยประมวลผลที่มีราคาสูงขึ้น ทำให้ Google ตัดสินใจเลือก Snapdragon 765G เป็นชิปเซ็ตสำหรับ Pixel 5 เช่นเดียวกับ Pixel 4a 5G ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนซีรีส์ Pixel ไม่ได้มาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับไฮเอนด์

ส่วน Pixel 4a จะมาพร้อมกับ Snapdragon 730G แน่นอนว่า ถ้าอ้างอิงจากหน้ากระดาษมันจะสู้ 2 ตัวแรกไม่ได้ แต่ในการใช้งานจริงจะมีความแตกต่างขนาดไหนคงยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ แต่ที่แน่ ๆ Pixel 5 และ Pixel 4a 5G นั้นจะรองรับการเชื่อมต่อ 5G ในขณะที่ Pixel 4a รองรับสูงสุดเพียงแค่ 4G เท่านั้น

Pixel 5 ได้เปรียบเรื่องแบตเตอรี่และ RAM ที่มากกว่า

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มักมีเสียงบ่นเกี่ยวกับความจุแบตเตอรี่ของ Pixel ที่ให้มาน้อยกว่าชาวบ้านอยู่เป็นประจำ ในที่สุดตอนนี้ Google ก็ได้เริ่มขยับตัวในเรื่องนี้แล้ว เริ่มจาก Pixel 5 ที่มีแบต 4080mAh สูงที่สุดเหนือ Pixel ทุกรุ่น ยิ่งเอาไปเทียบกับ Pixel 4 ที่มีแบตเพียง 2800mAh จะเห็นได้ชัดเจนว่า ความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 40%↑

ทาง Pixel 4a 5G เองก็ไม่น้อยหน้า ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3885mAh ไม่ค่อยห่างจากพี่ใหญ่มากนัก ส่วนน้องเล็ก Pixel 4a ให้แบตมาที่ 3140mAh อย่างไรก็ตาม จากสมาร์ทโฟนทั้งหมด 3 รุ่นนี้ มีเพียง Pixel 5 เท่านั้นที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย รวมถึงมีฟีเจอร์ Battery Share ชาร์จไร้สายย้อนกลับให้อุปกรณ์อื่น ๆ ได้

Pixel 5 มากับ RAM 8GB LPDDR4x สูงกว่า Pixel 4a 5G และ Pixel 4 ที่ต่างก็มากับ RAM 6GB LPDDR4x แต่ความจุจะเท่ากันทั้งหมดที่ 128GB (ไม่รองรับ microSD) ไม่มีการซอยรุ่นย่อยตามหน่วยความจำแต่อย่างใดในปีนี้

วัสดุและความทนทาน

วัสดุที่หรูหราและความสามารถในการกันน้ำมีแต่เฉพาะ Pixel 5

มีหลายคนกล่าวว่า วัสดุของตัวเครื่องนั้นไม่ใช่ปัจจัยในการเลือกซื้อ เพราะสุดท้ายก็จบลงที่การติดฟิล์มและใส่เคสอยู่ดี แต่ในทางตรงกันข้ามนั้นยังมีผู้ใช้งานอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่ชอบใช้งานตัวเครื่องแบบเปลือย ๆ และชอบฟีลลิ่งการสัมผัสที่หรูหรา

ซึ่ง Pixel 5 จะตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดีที่สุด เนื่องจากเป็นเพียงรุ่นเดียวที่บอดี้ทำมาจากวัสดุอะลูมิเนียม ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวแบบยูนิบอดี้ ใช้กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 6 จาก Corning และมีความสามารถกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 แตกต่างจากอีก 2 รุ่นที่เหลือ ซึ่งบอดี้ทำมาจากพลาสติก กระจกหน้าจอ Gorilla Glass เป็นเพียงเวอร์ชั่น 3 เท่านั้น และไม่ได้รับมาตรฐานกันทั้งน้ำและฝุ่นใด ๆ ทั้งสิ้น

ระบบปฏิบัติการ

Pixel 4a “อาจ” ได้รับการอัปเดตถึงแค่ Android 13

อันที่จริง Google มีการอัปเดต OS ให้ Pixel รุ่นแรกยาวนานถึง 3 เจเนอเรชั่น จาก Android 7.0 Nougat ไปจนสิ้นสุดที่ Android 11 แต่พึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Launch Night In ว่า สมาร์ทโฟน Pixel จะได้รับการการันตีอัปเดตทั้ง OS และความปลอดภัยเป็นเวลาอย่างต่ำ 3 ปีด้วยกัน

ตรงส่วนนี้น่าสนใจมาก เพราะจากคำประกาศของ Google ระบุเป็น “ปี” ไม่ได้ระบุเป็น “เจเนอเรชั่น” หรือ “เวอร์ชั่น” ซึ่ง Pixel 4a ที่เปิดตัวมาก่อนพร้อม Android 10 จะได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ถึงเดือนสิงหาคมในปี 2023 อาจสุ่มเสี่ยงมาก ๆ ที่จะได้รับการอัปเดตถึงแค่ Android 13 เพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทาง Google มีตัวหนังสือเล็ก ๆ แจ้งไว้ว่า ช่วงเวลา 3 ปี เป็นช่วงเวลา “อย่างต่ำ” ที่ได้กำหนดเอาไว้…ไม่แน่ว่าจริง ๆ อาจจะได้มากกว่านั้นก็ได้

Pixel 5 และ Pixel 4a 5G จะได้รับอัปเดตถึง Android 14

แตกต่างจาก Pixel 5 และ Pixel 4a 5G ที่เปิดตัวพร้อม Android 11 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่กว่า และจะได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ไปจนถึงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนตามลำดับ โดยจะได้รับการอัปเดตเป็น Android 14 ทั้งคู่อย่างแน่นอน หากเป็นอย่างที่กล่าวมา ความน่าใช้ของ Pixel 4a จะลดลงไปอีกพอสมควรเลยทีเดียว

บทสรุป

Pixel 5 เจ๋งสุด ครบสุด แพงสุด

จากทั้งหมดที่กล่าวมา คงไม่ใช่เรื่องพลิกโผอะไรที่ Pixel 5 จะดูเหนือกว่าใคร เนื่องจากเป็นรุ่นท็อปสุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมปัจจัยสุดท้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ “ราคา” โดย Pixel ทั้ง 3 รุ่นมีราคาดังนี้

  • Pixel 5 – ราคา 699 เหรียญ (~22,100 บาท)
  • Pixel 4a 5G – ราคา 499 เหรียญ (~15,800 บาท)
  • Pixel 4a – ราคา 349 เหรียญ (~11,100 บาท)

Pixel 4a 5G ลงตัวอย่างสมดุล

ส่วนตัวคิดว่า เมื่อนำปัจจัยด้านราคาเข้าไปรวมด้วย Pixel 4a 5G ดูจะเป็นตัวเลือกที่เข้าท่าที่สุด เนื่องจากมีสเปคโดยรวมไม่ได้หนีไปจาก Pixel 5 เลย ฟีเจอร์การใช้งารและการอัปเดต OS เองก็เทียบเท่ากันทั้งหมด จะขาดไปก็แค่ความสามารถในการกันน้ำ ชาร์จไร้สาย และหน้าจอที่ไม่ได้ลื่นเท่า (60Hz) แค่นั้นเอง

ซึ่งเอาเข้าจริงหลายคนก็ไม่ได้ใช้งานมันเท่าไหร่ ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ที่แบบ “จำเป็นต้องมี” อะไรขนาดนั้น กับในเรื่องของวัสดุพลาสติกที่ก็พอกลบเกลื่อนไปได้บ้างโดยการใส่เคสทับลงไปซะ แต่หลัก ๆ ก็เพราะด้วยราคาที่ห่างกันถึงกว่า 6,000 บาท นั่นแหละที่ทำให้ Pixel 4a 5G ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที

Pixel 4a เหมาะสำหรับคนอยากรู้อยากลองหรือมีงบจำกัด

ทางฝั่ง Pixe 4a เองก็มีราคาที่ถูกมาก สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ Android แท้ ๆ ตามแบบฉบับ Pixel โดยเน้นไปที่ประสบการณ์การใช้งานในราคาที่จับต้องได้ เจ้านี่ก็น่าจะเป็นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน ด้วยราคาประมาณ 22,100 ของ Pixel 5 นี่ซื้อเป็น Pixel 4a ได้ถึง 2 เครื่องเลยทีเดียว แต่เลนส์อัลตร้าไวด์ก็จะหายไป ซึ่งก็ต้องพิจารณาในข้อนี้ด้วย

แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะชอบรุ่นไหนมากที่สุด แต่มือถือซีรีส์ Pixel ก็ยังไม่มีการนำเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ต้องหาทางซื้อกันเอาเองนะครับ

from:https://droidsans.com/pixel-5-vs-pixel-4a-5g-vs-pixel-4a-specs-price/