Nintendo ประกาศปล่อยซอฟต์แวร์เวอร์ชั่น 6.0.0 ออกมาให้ไฮบริดคอนโซล Nintendo Switch ได้อัพเดท ในวันที่ 18 กันยายนนี้ หลังจากการอัพเดท เจ้าของ Switch จะไม่สามารถยกเลิกการเชื่อมโยงบัญชี Nintendo กับบัญชีผู้ใช้ Switch ได้อีกต่อไป
Nintendo Switch เวอร์ชั่น 6.0.0 จะมาพร้อมบริการ Nintendo Switch Online ที่นำเกมคลาสสิคมาให้สมาชิกได้เล่นถึง 20 เกมในช่วงแรก นอกจากนี้ บริการ Nintendo eShop จะไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราวเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง นับจาก Nintendo ปล่อยซอฟต์แวร์ออกมาให้อัพเดท
ที่มา – Gematsu
Nintendo เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ไร้สายสไตล์ NES สำหรับใช้งานกับไฮบริดคอนโซล Nintendo Switch โดยออกแบบมาเอาใจผู้เล่นที่ชอบเกมคลาสสิคหรือเกมเก่าๆ เนื่องจากบริการ Nintendo Switch Online กำลังจะเปิดตัวอย่างทางการในวันที่ 18 กันยายนนี้
บริการ Nintendo Switch Online มาพร้อมเกมคลาสสิครวม 20 เกม ที่จะปล่อยออกมาให้เล่นบน Nintendo Switch และจะควบคุมได้สนุกยิ่งขึ้นเมื่อเล่นผ่านคอนโทรลเลอร์ไร้สายสไตล์ NES
อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์ไร้สายสไตล์ NES จะจำกัดการสั่งซื้อเฉพาะผู้ที่สมัครบริการ Nintendo Switch Online เท่านั้น และจำกัดจำนวน 1 ชุด ต่อ 1 บัญชี
คอนโทรลเลอร์ไร้สายสไตล์ NES วางจำหน่ายในราคา 59.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,000 บาท พร้อมจัดส่งกลางเดือนธันวาคมนี้
ที่มา – The Verge
Nintendo ประกาศค่าบริการ Nintendo Switch Online แบบรายปีอยู่ที่ 20 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 650 บาท มาพร้อม 20 เกมคลาสสิคจาก NES และบริการสำรองข้อมูลเกม
สำหรับเกม NES ที่จะนำมาให้เล่นบนระบบออนไลน์ เรียกว่า NES – Nintendo Switch Online เริ่มต้นจะมีให้เล่น 10 เกม และจะเพิ่มอีก 10 เกม สามารถเล่นได้ทั้งในโหมด Single และ Multi-player
10 เกมแรกที่จะปล่อยให้เล่น ประกอบไปด้วย Balloon Fight, Dr. Mario and Super Mario Bros. 3, Donkey Kong, Ice Climber, The Legend of Zelda, Mario Bros., Soccer, Super Mario Bros. และ Tennis ส่วนอีก 10 เกมที่เหลือ จะประกาศออกมาในอนาคต
นอกจากนี้ Nintendo Switch Online ยังมีแพ็คเกจรายปี 35 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1,130 บาท สามารถเข้าถึงบริการได้ 8 บัญชี
ที่มา – TechCrunch
Nintendo Switch Online เป็นหนึ่งในบริการที่ผู้ใช้งานเรียกร้องมาโดยตลอด ซึ่งจะช่วยเสริมติดปีกให้การเล่นเกมต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น และกว้างขวางมากกว่าการเล่นบนเครื่องคอนโซลแบบเดิม โดยค่าบริการดังกล่าวจะเริ่มเก็บในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากกว่าการเก็บเซฟเกมธรรมดาทั่วไป
สิ่งที่จะได้แน่นอนก็คือการเก็บเซฟเกมไว้บน Cloud และนอกจากนี้ยังสามารถเล่นเกม “ออนไลน์” ร่วมกับเพื่อนได้ด้วย (หากเกมรองรับ) โดยในตอนนี้มีเกม Splatoon™ 2, ARMS™, Mario Kart™ 8 Deluxe, Mario Tennis™ Aces, และ Sushi Striker™: The Way of Sushido นอกจากนี้ยังมีเกม NES ให้เล่นออนไลน์เบื้องต้นอีก 20 เกม และสุดท้ายก็จะมีแอปพลิเคชันบน Android และ iOS ให้สมาชิกได้ใช้งานเพิ่มเติม
ที่มา – nintendo
ขณะที่เกม Splatoon 2 จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทาง Nintendo ก็ได้ปล่อยแอพพลิเคชั่น Nintendo Switch Online มาให้เจ้าของอุปกรณ์ iOS ได้ดาวน์โหลดกันก่อน โดยออกแบบมาสำหรับขยายประสบการณ์การเล่นเกมบนคอนโซล Nintendo Switch
ในช่วงแรกมีเฉพาะเกม Splatoon 2 ที่สนับสนุนแอพพลิเคชั่น Nintendo Switch Online ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นแชทกับเพื่อนๆ เชิญเพื่อนมาร่วมแข่งขัน สร้างทีม และเข้าถึง SplatNet 2
SplatNet 2 เป็นระบบออนไลน์สำหรับเกม Splatoon 2 เพื่อเข้าถึงสถิติของผู้เล่น รวมถึงการจัดอันดับ และสามารถเชิญเพื่อนๆ ที่เล่น Splatoon 2 เหมือนกันมาร่วมต่อสู้แบบ Private หรือแบบ League และ Splatfest ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย
Nintendo Switch Online จะให้บริการฟรี ไปจนถึงสิ้นปีนี้ และจะเริ่มเก็บค่าบริการตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป โดยมีค่าบริการรายเดือน 3.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 135 บาท หรือชำระแบบรายปีในราคา 19.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 670 บาท
สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Nintendo Switch Online ได้ที่ App Store ฟรี!!
ที่มา – MacRumors
ในระหว่างกิจกรรม Nintendo Direct เมื่อวานนี้ (6 กรกฎาคมนี้ 2017) Nintendo ได้เผยกำหนดการปล่อยแอพพลิเคชั่น Nintendo Switch Online ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับเกม Splatoon 2 จะพร้อมวางจำหน่าย
สำหรับแอพพลิเคชั่น Nintendo Switch Online จะรองรับทั้งอุปกรณ์ iOS และ Android เพื่อเสริมประสบการณ์ออนไลน์สำหรับเกมที่ผู้ใช้งานเล่นบนคอนโซล Nintendo Switch และในช่วงแรกที่เปิดตัวแอพพลิเคชั่น จะสนับสนุนเฉพาะเกม Splatoon 2 ช่วยให้ผู้เล่นแชทกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ในรูปแบบ Voice chat รวมถึงเชื้อเชิญผู้เล่นคนอื่นๆ มาแข่งขัน หรือ สร้างทีม และเข้าถึง SplatNet 2
Nintendo Switch Online และการเล่น Splatoon 2 รูปแบบออนไลน์ จะให้บริการฟรี!! ไปจนถึงสิ้นปี 2017 ก่อนจะเริ่มเก็บค่าบริการในปีหน้า ซึ่งจะมีการเรียกเก็บค่าสมาชิกปีละ 19.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือเดือนละ 3.99 ดอลล่าร์สหรัฐ
ที่มา – MacRumors
techfeedthai 