คลังเก็บป้ายกำกับ: NINEBOT

Segway Apex H2 เขย่าตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าด้วยระบบ Fuel-Cell ผสาน Battery เปิดตัว 2023

ถือเป็นการพลิกภาพลักษณ์ของแบรนด์ Segway อีกครั้ง เพราะล่าสุด Ninebot บริษัทแม่ของ Segway ส่ง Segway Apex H2 จักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผสานระบบ Fuel-Cell และ Battery พร้อมดีไซน์สุดล้ำสมัย

segway

พลิกโฉมแบรนด์ Segway อย่างน่าสนใจ

รายงานข่าวแจ้งว่า Ninebot บริษัทแม่ของ Segway ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ Segway Apex H2 จักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Hybrid ที่ผสานสองระบบคือ Fuel-Cell ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื่อเพลิง กับ Battery ที่ใช้การชาร์จไฟเข้ามาเก็บ เหมือนกับที่พบเห็นในรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือจักรยานยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นต่างๆ

ในมุมประสิทธิภาพ Segway Apex H2 มีพละกำลังสูงสุด 80 แรงม้า วิ่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ราคาเริ่มต้น 69,999 หยวน หรือราว 3.36 แสนบาท เริ่มส่งมอบในปี 2023 ส่วนงานออกแบบ ถือว่าล้ำสมัยเมื่อเทียบกับจักรยานยนต์ในตลาด ไล่ตั้งแต่ระบบซับแรงกระแทก และโครงสร้างต่างๆ

segway

ขณะเดียวกันจุดเด่นของ Segway Apex H2 คือการออกแบบให้ถอดเปลี่ยนกระบอกไฮโดรเจน หรือเชื้อเพลิงสำคัญของจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Fuel-Cell ซึ่งการถอดเปลี่ยนช่วยเพิ่มระยะทางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต่างกับระยะเวลาในการเติมน้ำมัน และเร็วกว่าการชาร์จไฟแบตเตอรี่หลายเท่า

ทั้งนี้ปี 2019 ทาง Ninebot เคยเผยโฉม Segway Apex ออกมาครั้งหนึ่ง แต่ด้วยงานออกแบบที่ยังดูไม่เรียบร้อย และในมุมประสิทธิภาพยังไม่ดีพอ ทำให้จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวเป็นเพียงรุ่นต้นแบบ แต่มันก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการทำตลาด Segway Apex H2 ขึ้นจริง

สรุป

ปัจจุบัน Segway ไม่ได้มีแค่พาหนะสองล้อที่ขึ้นไปยืนเพื่อบังคับให้เดินหน้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพราะมีทั้งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, จักรยานยนต์วิบากไฟฟ้า รวมถึงรถโกคาร์ทไฟฟ้า แต่การเปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้าทรงสปอร์ต ช่วยยกระดับแบรนด์ Segway ไปอีกขั้น และน่าจะเขย่าตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้ไม่มากก็น้อย

อ้างอิง // Ninebot

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Segway Apex H2 เขย่าตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าด้วยระบบ Fuel-Cell ผสาน Battery เปิดตัว 2023 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/segway-apex-h2-motorcycle/

เปิดตัว Ninebot F25 สกูตเตอร์ไฟฟ้า เร็ว 25 กม./ชม. หนัก 14.7 กก. ฟังก์ชั่นครบ ราคาสบายกระเป๋า แค่ 1,599 หยวน

Ninebot เปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้า F25 รุ่นใหม่ ฟังก์ชั่นจัดเต็มในราคาสุดคุ้ม มี 3 โหมดการขับขี่ ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 25 กิโลเมตร / ชั่วโมง ดิสก์เบรกที่ล้อหลัง ใช้ยางตันไม่ต้องกลัวรั่ว พับเก็บง่าย มีไฟฟ้า กระดิ่ง และหน้าจอแสดงสถานะในตัว ใส่มาให้ครบหมด แทบไม่มีตกหล่น ค่าตัวเพียง 1,599 หยวน หรือประมาณ ประมาณ 7,590 บาท

สกูตเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ยางลมจะมีข้อดีเรื่องความนิ่มนวลขณะขับขี่ ถึงกระนั้นก็ต้องแลกมาด้วยการดูแลรักษาที่วุ่นวายเล็กน้อย ต้องคอยเติมลมอยู่เป็นประจำ รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดรอยรั่ว ในขณะที่ยางตันแม้จะถึกทนมากกว่า แต่ก็ขับขี่ไม่ค่อยสนุก เนื่องจากแรงกระแทกที่แทบจะส่งมายังคนขับโดยตรง ทำให้เกิดอาการล้าที่แขน

อย่างไรก็ตาม ทาง Ninebot ได้พัฒนายางตันขนาด 10 นิ้ว ของ F25 มาใหม่ ให้มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานกว่าเดิม 12% พร้อมคุณสมบัติกันลื่นในตัว เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ ประกอบกับเฟรมรถที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ช่วยซับแรงกระแทกได้ เข้ามาช่วยกลบจุดอ่อนของยางชนิดนี้

F25 มีระบบเบรกคู่ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเบรกไฟฟ้าที่ล้อหน้าและดิสก์เบรกที่ล้อหลัง ซึ่ง Ninebot เคลมว่า ตอบสนองได้ไวมาก ๆ เพียง 0.1 วินาที มอเตอร์ที่ใช้มีขนาด 300W อายุการใช้งานยาวนาน 3,000 ชั่วโมง ทำความเร็วได้ 25 กิโลเมตร / ชั่วโมง ในโหมดสปอร์ตและโหมดสสแตนดาร์ด ส่วนโหมดประหยัดพลังงานจะจำกัดความเร็วอยู่ที่ 15 กิโลเมตร / ชั่วโมง แต่ช่วยให้ขับขี่ได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น สูงสุด 20 กิโลเมตร สำหรับแบตเตอรี่นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยี BMS (Battery Management System) แม้จะผ่านผ่านไปนานถึง 5 ปี แต่ก็ยังคงเก็บรักษาความจุเอาไว้ได้ถึง 70%

ขึ้นชื่อเป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้าทั้งที แน่นอนว่า ความโดดเด่นคงหนีไม่พ้นเรื่องความคล่องตัว โดยเจ้า F25 รุ่นนี้มีน้ำหนักตัวรถเบา ๆ เพียง 14.7 กิโลกรัม พับเก็บได้ในเวลาเพียง 1 วินาที ยกขึ้นรถไฟฟ้าสบาย ๆ เลย นอกจากนี้ ฟังก์ชั่นที่จำเป็นอย่างหน้าจอแสดงสถานะและไฟหน้าก็ใส่มาให้ครบหมด แถมฐานเหยียบยังใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า 12% อีกต่างหาก น่าจะช่วยให้ยืนได้เต็มเท้าขึ้นเยอะ

Ninebot วางขาย F25 แล้ววันนี้ที่ประเทศจีน ราคาน่าเย้ายวนใจสุดขีด เพียง 1,599 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยแค่ประมาณ 7,590 บาท เท่านั้นเอง เป็นตัวเลือกที่ดูดีมาก ๆ ในเซกเมนต์นี้ มีข้อติเพียงอย่างเดียวเท่าที่นึกออก คือ ไม่มีไฟท้าย ที่เหลือดีหมด

from:https://droidsans.com/ninebot-f25-electric-scooter/

Ninebot Mecha Kit M1 อุปกรณ์เสริมเปลี่ยนสกูตเตอร์ไฟฟ้าเป็นยานรบสุดล้ำ มาพร้อมปืนยิงกระสุนน้ำ

Gadget ล้ำๆ อย่างสกูตเตอร์ไฟฟ้าในช่วงนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้ก็คือ Ninebot นั่นเอง (หนึ่งในแบรนด์ Start up ของ Xiaomi) โดยก่อนหน้านี้ทาง Ninebot ได้เคยเปิดตัวอุปกรณ์เสริมที่สามารถเปลี่ยนให้สกูตเตอร์ไฟฟ้ากลายเป็นรถแข่งโกคาร์ทได้ และล่าสุดทางบริษัทก็ขอเปิดตัวอุปกรณ์เสริมสุดเจ๋งขึ้นมาอีกชิ้น คือ Ninebot Mecha Kit M1 โดยคราวนี้มันจะเปลี่ยนให้สกูตเตอร์ไฟฟ้ากลายเป็นยานรบที่ใช้การบังคับด้วยจอยสติ๊ก แถมยังมีปืนสำหรับยิงกระสุนน้ำได้อีกด้วย

Ninebot Mecha Kit M1 เมื่อประกอบร่างกับสกูตเตอร์ไฟฟ้าแบบ 2 ล้อ รุ่นที่รองรับแล้ว จะกลายเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 4 ล้อ พร้อมที่นั่ง มีดีไซน์ล้ำยุคเหมือนกับพวกยานรบ หรือหุ่นยนต์ในการ์ตูน มาพร้อมด้ามจับแบบคันโยกเหมือนกับจอยสติ๊กใช้ในการควบคุมทิศทางได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถบังคับเจ้ายานรบ Ninebot Mecha Kit M1 ผ่านแอปพลิเคชั่น Segway Ninebot บนมือถือได้อีกด้วย

แต่ส่วนที่เจ๋งที่สุดของ Ninebot Mecha Kit M1 ก็คือฟีเจอร์ที่สามารถยิงกระสุนน้ำออกมาจากกระบอกปืนตรงที่วางแขนทั้ง 2 ข้าง โดยเวลาจะยิงก็ใช้การลั่นไกที่จอยสติ๊กเหมือนการเล่นเกมนั่นเอง ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะยิงแบบทีละนัด หรือจะยิงรัวซัดไม่ยั้งก็ได้ แถมยังมีไฟและเสียง Effect ประกอบเพิ่มความสนุกสนานมากขึ้นไปอีก

ปืนยิงกระสุนน้ำ

Ninebot Mecha Kit M1 ตัวนี้มีความเร็วให้เลือกด้วยกัน 3 โหมด ได้แก่ Safety (6 กม./ชม.), Novice (10 กม./ชม.) และโหมด Sport (14 กม./ชม.)

Ninebot Mecha Kit M1 มีราคาเฉพาะชุดประกอบแบบไม่รวมสกูตเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 1,399 หยวน (ประมาณ 6,420 บาท) ส่วนราคาเต็มทั้งชุดแบบรวมสกูตเตอร์ไฟฟ้าด้วยจะอยู่ที่ 2,498 หยวน (ประมาณ 11,470 บาท) โดยตอนนี้ยังมีจำหน่ายอยู่เฉพาะในจีนเท่านั้นครับ

 

ที่มา: XiaomiPlanet 

from:https://droidsans.com/ninebot-mecha-kit-m1-announced/

เปิดตัว Ninebot GoKart Pro เวอร์ชั่นพิเศษ Lamborghini Edition สุดเท่ วิ่งได้เร็ว 40 กม./ชม. เคาะราคาราว 45,000 บาท

ควันหลงหลังจากงานฉลองครบรอบ 10 ปี Xiaomi ที่ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ถึงสองรุ่น คือ Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra รวมถึงทีวีจอใสสุดล้ำอย่าง Mi TV LUX ไปแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งอย่างที่เปิดตัวในงานภายใต้แบรนด์ Ninebot นั่นคือ GoKart Pro เวอร์ชั่นพิเศษ Lamborghini Edition นั่นเอง โดยมีราคาอยู่ที่ 9,999 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 45,000 บาท

Ninebot GoKart Pro Lamborghini Edition คันนี้จะมาพร้อมกับสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของบริษัท Giallo Orion ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลี โดยมันสามารถวิ่งบนสนามที่มีความยาว 400 เมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้มากถึง 62 รอบ ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดที่ 100 กิโลกรัม นอกจากนี้ยางของมันเองก็ได้รับการอัปเกรดขึ้นจากรุ่นธรรมดาเช่นกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดริฟต์ขณะเข้าโค้ง

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่มากับ GoKart Pro รุ่นพิเศษคันนี้คือ คุณสมบัติในการ “จำลองเสียงเครื่องยนตของ Lamborghini”  ที่จะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกราวกับว่า กำลังขับรถซูเปอร์คาร์อยู่จริง ๆ เพราะโดยปรกติแล้ว ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะเงียบเสียจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงขณะขับขี่เลย แน่นอนว่ารวมถึงเจ้า GoKart Pro คันนี้เองก็ด้วย ดังนั้นการที่ทาง Ninebot ได้เสริมฟีเจอร์จำลองเสียงนี้ขึ้นมา ก็คงทำให้ได้อรรรถรสในการขับขี่ที่สนุกมากขึ้นครับ

ทาง Xiaomi ได้เปิดให้พรีออเดอร์ Ninebot GoKart Pro Lamborghini Edition แล้วที่ประเทศจีน ในราคา 9,999 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 45,000 บาท และทางบริษัทก็มีแผนที่จะทำการจำหน่ายนอกประเทศในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ต่อไป ส่วนจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยหรือไม่นั้นก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีครับ บรื๊น ๆ ~

 

ที่มา : Xiaomi Planet

from:https://droidsans.com/xiaomi-ninebot-gokart-pro-lamborghini-edition-9999-yuan/

ตลาดแตก…Xiaomi เปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot ES1L วิ่งเร็ว 20 กม./ชม. เคาะราคาสุดถูกแค่ประมาณ 7,200 บาท

เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Xiaomi พึ่งเปิดตัวจักรยานไฟฟ้า Ninebot C30 ไปหมาด ๆ และคราวนี้ก็ตามมาติด ๆ ด้วยสกูตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot ES1L ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปคของซีรีส์ ES1 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง โดยจะมีการลดระยะทางที่สามารถวิ่งได้และลดความเร็วลงไปเล็กน้อย แต่ก็จะมีราคาที่ถูกลงอยู่ที่ประมาณ 1,599 หยวน หรือแค่ประมาณ 7,200 บาทเท่านั้น

สำหรับ Ninebot ES1L แฟน ๆ สกูตเตอร์ไฟฟ้าในบ้านเราอาจจะไม่คุ้นชื่อสักเท่าไหร่นัก เพราะจะนิยม Ninebot ES2, ES4 และ MAX กันซะมากกว่า โดยเจ้า ES1L จะมีการปรับลดความเร็วและระยะทางจาก ES1 ลงมาเล็กน้อย จากเดิมที่สามารถวิ่งได้ไกล 25 กม. ทำความเร็วสูงสุดได้ 20 กม./ชม. ก็จะโดนสเปคลงมาโดยลดระยะทางลงมาเหลือ 20 กม. แต่ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เท่าเดิมที่ 20 กม./ชม.

ส่วนสเปคด้านอื่น ๆ ของ Ninebot ES1L รวมถึงหน้าตาก็จะเหมือนกับ ES1 ทั้งหมด เริ่มจากวัสดุตัวรถที่ใช้อะลูมิเนียมเกรดอากาศยาน เลือกใช้ล้อขนาด 8 นิ้วและยางตัน พร้อมทั้งมีโช้กหน้าลดแรงสะเทือน ส่วนระบบเบรกนั้นก็ยังคงใช้ระบบเบรกคู่แบบ เบรกไฟฟ้า + เบรกเท้า เหมือนเดิม ส่วนน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 11 กก. แต่สามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กก.เลยทีเดียว

มาพร้อมระบบเบรกไฟฟ้าและเบรกเท้า

นอกจากนี้ Ninebot ES1L ยังมาพร้อมความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ IPX6 โดยสามารถกันน้ำฉีดอย่างรุนแรงได้ ซึ่งเหนือกว่าสกูตเตอร์ไฟฟ้าแทบทุกรุ่นในตลาดที่ส่วนมากจะกันน้ำได้ที่ระดับ IPX4 (ระดับฝนปรอย ๆ น้ำสาด) เพียงเท่านั้น

ไฟหน้า LED 2.5 วัตต์ สว่างเทียบเท่า ES2 ขึ้นไป สว่างกว่า ES1 ที่ใช้ LED 1.5 วัตต์ซะอีก

Ninebot ES1L วางขายแล้ววันนี้ผ่านทาง JD ประเทศจีน มีสีให้เลือกสีเดียว คือ สีดำ-ส้ม สนนราคาอยู่ที่ 1,599 หยวน หรือแค่ประมาณ 7,200 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก ถูกยิ่งกว่า Xiaomi Scooter 1S ที่มีราคาประมาณ 10,000 บาทซะอีก ต้องบอกว่า ตลาดพาหนะไฟฟ้ามีสะเทือนแน่นอนกับราคาถูกขนาดนี้

 

ที่มา : JD ประเทศจีน จาก Gizmochina

from:https://droidsans.com/ninebot-es1l-folding-electric-scooter-launched-for-1599-yuan/

Xiaomi เปิดตัว Ninebot C30 จักรยานไฟฟ้า ความเร็ว 25 km/h ขับได้ไกล 35 km ราคาราว 16,100 บาท

ถ้าเพื่อนๆ จำกันได้ก่อนหน้านี้ Xiaomi ก็ได้เปิดตัว Mijia Electric Scooter 1s และ Ninebot E8 ที่เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าราคาประหยัดไป ซึ่งได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก ล่าสุดก็ได้เปิดตัว Ninebot C30 ที่เป็นจักรยานไฟฟ้า โดยทำความเร็วได้สูงสุด 25 km/h และขับได้ระยะทางไกลสูง 35 km เปิดด้วยราคาเพียง 3,599 หยวน หรือราว 16,100 บาทเท่านั้น

สเปคเบื้องต้น Ninebot C30

  • ความเร็วสูงสุด : 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ระยะทางสูงสุด : 35 กิโลเมตร
  • น้ำหนัก : 55 กิโลกรัม
  • เครื่องยนต์ : มอเตอร์ brushless กำลังไฟ 400w
  • แรงบิด : 48 N/m
  • แบตเตอรี่ : 48v 12Ah
  • ระดับกันน้ำ : ตัวรถ IPX5, แบตเตอรี่ IPX7
  • ยาง : เป็นแบบสุญญากาศ
  • หน้า : ระบบดิจิตอล
  • ระบบเบรค : EABS
  • ระบบไฟ : ไฟ LED สีขาวหน้าหลัง + ไฟท้าย LED สีแดง

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วบริษัท Ninebot นั้นได้รับการสนับสนุนมาจาก Xiaomi มาตั้งแต่ปีที่ผ่าน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เปิดจักรยานไฟฟ้าโดยแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ C-series และ E-series โดยจักรยานใน C-series ไม่จำเป็นต้องใช้ใบขับขี่กล่าวคือสามารถซื้อใช้งานได้เลยทันที

สำหรับดีไซน์ของ Ninebot C30 ออกแบบมาให้มีไซต์ขนาดเล็กเหมาะกับทุกเพศทุกวัน สีสันตกแต่งแนวฟลูออเรสเซนต์ตัดขอบสีสันสดใส หน้าจอ Full LCD สีขาวดำสไตล์มินิมอล มาพร้อมกับระบบเบรก EABS มั่นใจได้ทุกการขับขี่ มีเบาะนั่งขนาดใหญ่คนตัวใหญ่ขี่ได้สบายๆ และช่วงท้ายที่ก็มีแผ่นไว้วางกระเป๋าหรือสัมภาระต่างๆ ได้

นอกจากนี้ตัวกลางรถจักรยานไฟฟ้าเองยังได้เสริมโช้คอัพเพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทก ทำให้การขับขี่ได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของการเชื่อมต่อ Ninebot C30 สามารถเชื่อมกับแอป RideyGo! ได้ ซึ่งตัวแอปก็จะคอยบอกความ ความจุแบตเตอรี่ และกิโลเมตรที่เหลือก่อนที่จะไปที่เครื่องชาร์จ รวมถึงสามารถบันทึกและระบุเส้นทางผ่าน GPS ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าครบฟังก์ชันฟีเจอร์ใช้งานเลยจริงๆ สำหรับเจ้าจักรยานไฟฟ้าตัวนี้

อย่างไรก็ตามจักรยานไฟฟ้า Ninebot C30 ในตอนนี้จะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งหวังว่าในอนาคตทาง Xiaomi ประเทศไทย หรือจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าคนไทยนำเข้ามาขายเหมือนกันนะครับ

 

ที่มา : gizmochina, tmall

from:https://droidsans.com/xiaomi-ninebot-c30/

Ninebot เปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเด็ก Ninebot E8 วิ่งได้เร็วสุด 14 กม./ชม. เคาะราคาเบา ๆ ราว 10,500 บาท

Ninebot เปิดตัว Ninebot E8 สกูตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเด็ก มาพร้อมมอเตอร์ 130 วัตต์ วิ่งได้ไกลสุด 10 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดได้ 14 กม./ชม. มีโหมดความเร็วต่ำสำหรับเด็กหัดขับ และระบบเบรก 3 รูปแบบเพื่อความปลอดภัย แถมตัวรถยังหนักเพียงแค่ 8 กก. อีกทั้งยังพับเก็บได้ สนนราคาแค่ 339 เหรียญ หรือประมาณ 10,500 บาท

สกูตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเด็ก ยังมีตัวเลือกไม่มากนักในตลาด

แม้ว่า พาหนะไฟฟ้าอย่างสกูตเตอร์ไฟฟ้าเริ่มจะได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลังมานี้ เนื่องจากมันตอบโจทย์เรื่องการเดินทางในระยะสั้น และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือจะขับเล่นเพลิน ๆ ก็เป็นกิจกรรมที่สนุกไม่เบา ซึ่งตัวเลือกในตลาดก็มีมากหลายช่วงราคา แต่มันยังมีช่องโหว่ของเซกเมนต์อยู่ส่วนนึง นั่นก็คือ “สกูตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเด็ก” นั่นเอง

จริงอยู่ ที่แม้มันจะมีสกูตเตอร์สำหรับเด็กขายในราคาหลักพัน แต่โดยมากแล้วจะเป็นสกูตเตอร์แบบเท้าถีบธรรมดา ไม่ใช่ระบบไฟฟ้า หรือหากเป็นระบบไฟฟ้าที่มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ก็มักจะเป็นแบรนด์โนเนม ซ้ำตัวรถเองก็วัสดุก๊องแก๊งไม่แข็งแรง ทำให้ผู้ปกครองหลายคนลำบากใจเวลาอยากจะซื้อสกูตเตอร์ไฟฟ้าดี ๆ ให้ลูกสักคัน โดยส่วนมากเลือกที่จะขยับไปซื้อแบบของผู้ใหญ่แทนไปเลย ซึ่งจริง ๆ แล้ว ทรงรถมันใหญ่เกินไปสำหรับเด็ก และไม่ปลอดภัยเท่าที่ควรในการขับ (เพราะรถหนักและแฮนด์สูงกว่าตัวเด็ก) แต่ดูเหมือนว่า การมาของ Ninebot E8 ที่พึ่งเปิดตัวนี้ จะมาอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้อย่างพอดิบพอดี

รูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบ

หากมองเผิน ๆ แล้ว Ninebot E8 มันเหมือน ES2 รุ่นยอดนิยม ที่ถูกจับมาย่อส่วนดี ๆ นี่เอง วัสดุที่ใช้ก็เป็นอะลูมิเนียมเกรดอากาศยานเหมือน ๆ กันอีกด้วย ดังนั้น เรื่องความแข็งแรงของตัวรถนั้นหายห่วง แต่จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย คือ E8 นั้น ไม่มีโช้กหลัง ไม่มีหน้าจอ LED ไม่มีไฟหน้า/ไฟท้าย รวมถึงไฟ RGB วิบวับใต้ท้องรถ แต่มีจุดนึงที่ดีกว่า ES2 คือ…

สเปคไม่ไก่กา

ในส่วนของสเปคก็ไม่เบาเลยทีเดียว มันมาพร้อมกับมอเตอร์ 130 วัตต์ วิ่งได้ไกลสุด 10 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดได้ 14 กม./ชม. รับน้ำหนักได้สูงสุด 50 กก. ในขณะที่น้ำหนักของตัวรถอยู่ที่ 8 กก. เท่านั้น ยางทั้งหน้าและหลังเป็นยางตัน ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องการรั่วซึม แต่ไม่ได้ระบุว่ามีขนาดกี่นิ้ว (เดาว่า 6 นิ้ว หรือเล็กกว่า) นอกจากนี้ตัวรถยังทนน้ำได้ที่ระดับ IPX4 ทำให้สามารถลุยฝนปรอย ๆ หรือขับผ่านน้ำขังได้อย่างหมดกังวล

โหมดขับขี่ 2 โหมด +1

Ninebot E8 นั้น มาพร้อมกับความปลอดภัยทั้งในด้านของระบบการขับขี่และระบบเบรก เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของเด็ก ๆ เริ่มจากระบบการขับขี่ มีด้วยกัน 2 โหมด บวกกับโหมดช่วยขับอีก 1 โหมด ดังนี้

  • โหมดเทอร์โบ: เปิดการใช้งานความเร็วสูงสุดที่ 14 กม./ชม.
  • โหมดปลอดภัย: จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 10 กม./ชม. เหมาะสำหรับเด็กหัดขับ
  • โหมดควบคุมความเร็วคงที่: เมื่อขับด้วยความเร็วคงที่ไปสักระยะหนึ่ง ตัวรถจะวิ่งด้วยความเร็วระดับนั้น ๆ ต่อไปโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องกดคันเร่ง (หากจะยกเลิกก็แค่กดคันเร่งซ้ำ 1 ที) หรือที่เรียกว่า cruise control

ระบบเบรก 3 รูปแบบ

ส่วนระบบเบรกนั้น Ninebot E8 จัดเต็มมาให้ถึง 3 รูปแบบ ให้มาครบกว่ารุ่นพี่หลาย ๆ คันซะอีก โดยมีด้วยกัน 3 ระบบ ดังนี้

  • เบรกมือ
  • เบรกเท้า
  • เบรกไฟฟ้า: ตัวมอเตอร์ (ล้อ) จะมีความหน่วงหากผ่อนคันเร่ง เป็นการดึงพลังงานจากล้อที่หมุนอยู่กลับเข้าไปยังมอเตอร์

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี

ตัวรถ Ninebot E8 ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ที่เหมาะสมกับเด็กช่วงอายุระหว่าง 6-12 ปี แม้ว่า หากดูจากสเปคแล้ว มันรับน้ำหนักได้มากถึง 50 กก. ผู้ใหญ่หรือวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้หญิง อาจมีน้ำหนักไม่เกินนี้ก็จริง แต่ก็ไม่เหมาะสมในการใช้งานอยู่ดี เพราะความสูงจะไม่สัมพันธ์กับตัวรถ ทำให้ควบคุมรถได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเองครับ (ถ้าผู้ใหญ่จะขับ ก็ไปซื้อแบบของผู้ใหญ่ธรรมดาดีกว่า)

ราคาและวันวางจำหน่าย

Ninebot E8 พึ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ ในตอนนี้มีจำหน่ายแค่ในประเทศจีน ผ่านทาง Banggood โดยมีราคาอยู่ที่ 339 เหรียญ หรือประมาณ 1 หมื่นบาท ซึ่งก็ดูจะเป็นราคาที่เหมาะสม หากเทียบกับคุณภาพของแบรนด์ Ninebot ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบและวัสดุที่แข็งแรงมีมาตรฐาน ส่วนหน้าเว็บทางการของ Segway ประเทศเยอรมนีเอง ก็มีหน้าเว็บของตัวสินค้าแล้ว แต่ยังไม่เปิดให้สั่งซื้อ ในส่วนของประเทศไทยก็มีลุ้นเหมือนกัน เพราะบ้านเราก็มีตัวแทนจำหน่ายของ Ninebot อยู่ครับ

 

ที่มา Segway-Ninebot, Banggood จาก Gizmochina

from:https://droidsans.com/ninebot-e8-kids-electric-scooter/

Segway Ninebot Apex คอนเซ็ปต์ Sportbike พลังงานไฟฟ้า คาดเปิดตัวภายในปี 2020

ลืมสกู๊ตเตอร์ 2 ล้อของ Segway ที่เห็นตามสนามบินไปได้เลย เมื่อได้เห็นคอนเซ็ปต์ Ninebot Apex รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาในสไตล์สปอร์ต และคาดว่าจะเผยโฉมคันจริงภายในปี 2020

Ninebot Apex ถูกอ้างว่า สามารถทำความเร็วได้สูงถึง 125 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วจาก 0 – 60 ไมล์ ภายในเวลาเพียง 2.9 วินาที

น่าเสียดายที่ Ninebot Apex ยังเป็นเพียงคอนเซ็ปต์ จึงไม่มีรายละเอียดมากไปกว่านี้

นอกจากนี้ ยังมีรถสกู๊ตเตอร์ Ninebot eScooter ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เหมาะสำหรับวิ่งในเมือง ทำความเร็วสูงสุด 16 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 53 ไมล์ หรือ 85 กิโลเมตร แต่มีรุ่นอัพเกรดที่ทำความเร็วได้ถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 125 ไมล์ หรือ 200 กิโลเมตร

ที่มา – Rideapart
https://www.flashfly.net/wp/290698

from:https://www.flashfly.net/wp/290698

Segway-Ninebot เปิดตัวหุ่นยนต์ส่งสินค้า Loomo Delivery

Segway-Ninebot (ชื่อใหม่หลัง Ninebot ซื้อกิจการ Segway ในปี 2015) ประกาศเตรียมเปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน CES สัปดาห์หน้า โดยผลิตภัณฑ์แรกคือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Model Max ที่ออกแบบมาสำหรับบริการแชร์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เน้นไปที่ความทนทานในการใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาต่ำ

ปัจจุบันบริการแชร์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารายใหญ่ในอเมริกาอย่าง Bird และ Lime ต่างเป็นลูกค้าของสกู๊ตเตอร์ Ninebot ซึ่งก็ต่างได้ให้ความเห็นในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ จนออกมาเป็น Model Max

alt="Model Max"

อีกผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวคือ Loomo Delivery หุ่นยนต์ขนส่งสินค้าอัตโนมัติ ออกแบบมาใช้ในการจัดส่งอาหาร, พัสดุ และสิ่งของอื่น ๆ โดยพัฒนาให้มีผลิตต้นทุนที่ต่ำเพราะใช้กล้องเพียงตัวเดียว อาศัยอัลกอริทึมประเมินตำแหน่งที่พัฒนาขึ้นมาเองเรียกว่า 3D VSLAM (ต่อยอดจากอัลกอริทึม SLAM ) ทั้งนี้รายละเอียดของทั้งสองผลิตภัณฑ์จะมีการเปิดเผยเพิ่มเติมในงาน CES 2019

alt="Loomo Delivery"

ที่มา: Segway-Ninebot

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/107319

รีวิว Segway Drift W1 สเก๊ตไฟฟ้าสุดเท่ แค่ยืนนิ่งๆ แล้วเอนตัวก็วิ่งฉิวไปได้เลย

สำหรับยุคน้ำมันแพงแบบนี้ หลายๆ คนเริ่มมีตัวเลือกในการเดินทางในระยะใกล้ๆ เพิ่มขึ้นหลากหลายวิธีโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน ไม่ว่าจะทนเดินเอาเอง สบายขึ้นมาหน่อยก็ปั่นจักรยาน หรือจะให้สบายกว่าก็ใช้จักรยานไฟฟ้า หรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเอาซะเลย แต่ถ้าใครอยากเดินทางในระยะสั้นๆ แบบมีสไตล์ไม่เหมือนใครก็ลองหันมาดูเจ้าสเก๊ตไฟฟ้า Segway Drift W1 กันหน่อยมั้ยล่ะ เพราะเราแทบจะไม่ต้องทำอะไร แค่ขึ้นไปยืนแล้วเอนตัวไปในทิศทางที่ต้องการก็วิ่งฉิวกันได้เลย

พวกอุปกรณ์ช่วยในการเดินทางประเภทที่ใช้เทคโนโลยี Self-Balancing ตามที่เราเคยเห็นหรือเคยเล่นกันมาในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การยืนทรงตัวบนอุปกรณ์เหล่านั้น และใช้การเอนตัวเล็กน้อยไปในทิศทางที่เราต้องการจะไป ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับบางคนก็ถือเป็นเรื่องง่ายสุดๆ ลองยืนไม่กี่ครั้งก็ใช้เป็นแล้ว แต่สำหรับบางคนก็กลายเป็นเรื่องยากเพราะลองเล่นเป็นชั่วโมงๆ ก็ไม่ได้ซักที (แต่ถ้าเป็นแล้วมันก็จะเป็นไปตลอดเหมือนขี่จักรยานนั่นแหละ) ซึ่งอุปกรณ์ Self-Balance ที่ผ่านๆ มาและมีขายในบ้านเราก็จะมีอยู่ 2 แบบ คือแบบล้อเดียวขึ้นไปยืนคร่อม และแบบที่ฮิตกันอยู่พักนึงก็คือ Hoverboard ที่เป็นกระดานมี 2 ล้อ

Hoverboard ที่ใช้เทคโนโลยี Selfi-Balancing แบบเดียวกัน

Segway Drift W1 คืออะไร

เจ้า Drift W1 จะเป็นเหมือนกับสเก๊ตไฟฟ้ามากกว่า เพราะมันมี 2 ข้าง ข้างละ 1 ล้อ เวลาจะเล่นก็ให้เอาเท้าขึ้นไปเหยียบบนนั้น แล้วเอนตัวเอา ไม่ต้องไถเองเหมือนสเก๊ตปกติ สามารถทำความเร็วได้ถึง 12 กม. / ชม. และรับน้ำหนักผู้เล่นได้ 100 กก. Drift W1 แต่ละข้างมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3.5 กก. รวม 2 ข้างก็เป็น 7 กก. ก็ถือว่าหนักพอสมควรสำหรับการยกไปไหนต่อไหน แต่ก็ยังเบากว่าพวก Scooter ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีน้ำหนัก 10 กก. ขึ้นไป

แต่ละข้างก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่ปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่องเท่านั้น ส่วนที่เป็นจุกสีขาวด้านซ้ายนั่นเป็นช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ โดยการชาร์จให้เต็มจากที่หมดเกลี้ยงในแต่ละครั้ง ใช้เวลาราวๆ 3 – 4 ชั่วโมง และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 45 นาที

มีสายยางยืดสำหรับหิ้วไปไหนต่อไหนได้ แต่ดูแล้วไม่รู้ว่ามันจะทนทานใช้หิ้วได้นานซักแค่ไหน ส่วนปุ่ม Power ถ้ากดค้างก็จะเป็นการเปิด-ปิดไฟ หรือเปลี่ยนสีไฟ (มี 2 แบบ คือสีฟ้า และสีรุ้งกระพริบแบบศาลพระภูมิ)

 

วิธีการใช้งาน และเล่นยากรึเปล่า?

การเล่นเจ้า Drift W1 อย่างที่บอกไปแล้วว่าสำหรับบางคนก็ง่าย บางคนก็ยาก เพราะมันอยู่ที่การทรงตัวอย่างเดียวเลยล่ะ เริ่มต้นก็ให้วางเจ้า Drift W1 เอาไว้ข้างๆ กันแบบนี้ จากนั้นก็กด Power เพื่อเปิดเครื่อง 1 ที แล้วมันก็จะตั้งขึ้นมาในแนวระนาบให้เองโดยอัตโนมัติ (ตอนนี้พยายามอย่าไปดึงไปดันมันเข้าล่ะ เพราะถ้ามันเสียระดับปุ๊บ มันจะวิ่งหนีเราไปเองเลย 555)

จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นไปยืนทีละข้าง แต่ตอนนี้ต้องใช้ความมั่นใจนิดนึงนะ แบบต้องขึ้นไปยืนให้มั่นๆ เลย อย่ากล้าๆ กลัวๆ ยุกยิกๆ แล้วมันจะเซ ต้องก้าวขึ้นไปยืนเหมือนเราเดินขึ้นไปบนพื้นธรรมดาแล้วจะดีเอง (ใครหวั่นๆ ว่าเท้ามันจะลื่นก็ลองถอดรองเท้าดูได้)

ถ้าขึ้นไปยืนได้แบบนิ่งๆ เมื่อไหร่ก็ถือว่าพร้อมเล่นแล้วล่ะ เพราะจริงๆ แค่เราทรงตัวยืนให้ได้ก็จบแค่นั้นแหละ เวลาเราจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็แค่เอนตัวไปเล็กน้อยมันก็จะวิ่งฉิวไปเลย เวลาจะเบรคก็แค่ดึงตัวกลับมาให้ตรงเหมือนเดิมก็พอ

ส่วนเวลาเลี้ยวก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เราทิ้งน้ำหนักลงไปบนขาข้างที่ต้องการจะเลี้ยว (ประมาณว่าใช้ขาข้างนั้นเป็นแกนเพื่อให้ขาอีกข้างหมุนตาม) ก็เรียบร้อย

เมื่อเล่นเสร็จก็หยุดให้นิ่งซะก่อนแล้วก้าวลงมาได้เลย อย่ากระโดดเพราะอาจเสียหลักหรือลื่นล้มหน้าคว่ำเอาได้

สรุป Drift W1 เหมาะสำหรับใช้งานแบบไหน

ข้อดี

  • เล่นง่าย บังคับง่าย ซอกแซกหลบคนหรือสิ่งกีดขวางได้
  • ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน (ไม่ถึง 10 นาทีก็เล่นเป็นแล้ว)
  • เร็วกว่าเดินปกติ 3 – 4 เท่า
  • ไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าผ้าใบเล่น
  • การใช้งานไม่ซับซ้อน กดปุ่ม Power แล้วใช้ได้เลย
  • กันน้ำได้ในระดับฝนตก
  • เท่ดี

ข้อด้อย

  • ใช้งานได้ดีกับพื้นที่เรียบจริงๆ เพราะถ้าใช้กับพื้นขรุขระจะเมื่อยกว่าเดิน และใช้ความเร็วมากไม่ได้
  • ไม่เหมาะกับการใช้งานบนทางเท้า (บ้านเรา)
  • ไม่มีแรงขึ้นทางลาดชันเกิน 10 องศา
  • ชาร์จนานถึง 3 – 4 ชม. แต่ใช้งานได้แค่ประมาณ 30 – 45 นาที
  • เสี่ยงล้มได้ง่ายๆ ถ้าเจอเนินหรือเหยียบก้อนหิน

จากที่ลองใช้งานมาได้ซักพักก็ขอสรุปให้ว่า Segway Drift W1 เหมาะกับการใส่เล่นตามหมู่บ้าน หรือสวนสาธารณะที่มีพื้นเรียบๆ มากกว่า เพราะการใช้งาน Drift W1 บนพื้นเรียบนั้นแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย สามารถเร่งความเร็วได้เต็มที่ประมาณ 10 – 12 กม./ชม. และเล่นได้สนุกดี แต่ถ้าหากใครที่คิดจะซื้อมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ก็ต้องลองคิดใหม่นะครับ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าทางเท้าของประเทศไทยนั้นโคตรจะเรียบเนียนเลยล่ะ…ด้วยความที่ล้อแต่ละข้างมันไม่ได้ใหญ่มาก แค่เจอรอยแยกหรือรอยนูนนิดๆ หน่อยๆ ก็จะทำให้เสียการทรงตัวได้แล้ว รวมถึงมันไม่เหมาะกับการขึ้นเนินที่มีความลาดชันเกิน 10 องศา (จริงๆ มันก็พอขึ้นไหว แต่มันต้องเค้นแรงพอสมควร ถ้าขึ้นๆ ลงๆ บ่อย มันก็จะเปลืองแบตกว่าเดิม) และถ้าสมมุตว่าวิ่งมาเร็วๆ แล้วเจอแค่ก้อนหิน หรือฝาเบียร์ก็รับรองได้ว่าเสียหลักหน้าทิ่มแน่นอน นอกจากนี้การใช้งาน Drift W1 บนทางที่ไม่ค่อยจะเรียบเนียนยังทำให้เราต้องเกร็งขามากกว่าปกติเพื่อบังคับทิศทาง จนคิดว่ามันเมื่อยกว่าเดินปกติซะอีก

ส่วนราคาของ Segway Drift W1 ในบ้านเราก็อยู่ที่ประมาณ 19,xxx – 20,xxx บาท (แล้วแต่ตัวแทนจำหน่าย) และมีประกันศูนย์ไทยกับบริษัท Monowheel มีอะไหล่พร้อมเปลี่ยนเรียบร้อย ไม่ต้องกลัวว่าพังแล้วจะไม่มีที่ซ่อมด้วยล่ะ

from:https://droidsans.com/segway-drift-w1-self-balancing-electronic-skate/