คลังเก็บป้ายกำกับ: MI_10_ULTRA

อ้าว…พบระบบชาร์จไว 120W ของ Mi 10 Ultra จ่ายไฟจริงแค่ราวๆ 90W เท่านั้น

Mi 10 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดของ Xiaomi ที่ทางบริษัทเคลมว่าสามารถรองรับระบบชาร์จไว 120W แต่เมื่อสื่อนอกอย่าง Android Authority นำไปทดสอบ กลับพบว่าเจ้า Mi 10 Ultra ดันทำไม่ได้แบบที่คุยเอาไว้ซะงั้น โดยหัวชาร์จ 120W ของ Mi 10 Ultra จ่ายไฟได้สูงสุดที่ 92.3W เท่านั้น

เมื่อนำหัวชาร์จ 120W ที่แถมในกล่องมาชาร์จกับตัวโทรศัพท์ Mi 10 Ultra ก็พบว่า ตัว Adapter สามารถจ่ายไฟได้สูงสุดที่ 92.3W เท่านั้น ก่อนจะค่อยๆ ลดลงไปเหลือ 86.4W ซึ่งในส่วนนี้จำนวนกระแสไฟที่เข้าไปในตัวสมาร์ทโฟนจะลดลงเหลือ 80.1W อีกทีนึง ซึ่งก็เท่ากับ หัวชาร์จ 120W สามารถจ่ายไฟให้กับ Mi 10 Ultra แค่ราวๆ 80W เท่านั้น ไม่ใช่ 120W เหมือนที่ Xiaomi โฆษณาเอาไว้ 

ทำให้ตรงนี้ทาง Android Authority ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า Xiaomi อาจจะได้ตัวเลข 120W จากการทดสอบในห้องแล็บก็ได้ อย่างไรก็ดี ทาง AA ไม่ได้มีห้องแล็บอะไรที่ล้ำสมัยอะไรเหมือนของ Xiaomi ซึ่งจากที่ทดสอบก็ได้ข้อสรุปว่า หากเอามาใช้งานจริงๆ หัวชาร์จ 120W จะจ่ายไฟได้อย่างเยอะสุดแค่ 92.3W เท่านั้น

ซึ่งแม้ว่าจะจ่ายไฟได้ไม่ถึง 120W แต่ Mi 10 Ultra ก็ใช้เวลาชาร์จจาก 0% – 100% เพียงแค่ 21 นาทีเท่านั้น อุณหภูมิสูงสุดระหว่างอยู่ที่ 43.8 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิจะลดลงมาเหลือปกติเมื่อเปอร์เซ็นต์แตะ 70% แต่เมื่อลองเอาหัวชาร์จ 50W มาชาร์จก็พบว่า ทำผลงานได้ไม่ต่างกัน ใช้เวลานานกว่าหน่อยที่ 29 นาที

อย่างไรก็ดี ตรงนี้ก็ต้องรอ Xiaomi ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปนะครับ

 

ที่มา: Android Authority via gizchina 

from:https://droidsans.com/xiaomi-charger-120w-output-only-90w/

Xiaomi เปิดตัวเทคโนโลยี RAMDISK สำหรับมือถือ ใช้ RAM เป็นที่ติดตั้งแอปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม

มือถือสมัยนี้ เรียกว่าอัดสเปคมาให้แบบดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ RAM ที่เมื่อ 2 -3 ปีก่อน มือถือที่ให้ RAM มาซัก 6 – 8GB ก็ถือว่าเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป แต่ในปัจจุบันมือถือระดับเรือธงมีรุ่นที่ยัดมาให้ถึง 16GB เข้าไปแล้ว ซึ่ง Xiaomi ก็เห็นว่าถ้า RAM ในมือถือจะเยอะขนาดนี้ น่าจะเอามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องให้สูงลิ่วไปเลย ด้วยเทคโนโลยี RAMDISK ที่จะใช้พื้นที่ RAM แทนพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลแบบปกติ ทำให้มีความเร็วในการเขียน-อ่านข้อมูลที่สูงมากๆ เลยนั่นเอง

เทคโนโลยี RAMDISK จริงๆ แล้วไม่ของใหม่อะไร เพราะก่อนหน้านี้ทางฝั่ง PC ก็ใช้กันมานานแล้ว โดยหลักการของมันก็คือเปลี่ยนให้ RAM กลายเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งแอปต่างๆ เนื่องจากการใช้ PC เพื่อทำงานทั่วไป จะเหลือพื้นที่ RAM ว่างๆ เอาไว้ ก็เลยสามารถติดตั้งแอปลงไปได้ ซึ่งการเปิดแอปจาก RAM จะมีความไวกว่าเหล่า HDD หรือ SSD หลายเท่า ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานแอปนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย

และจากที่สเปคมือถือในปัจจุบันก็สูงขึ้นทุกวันๆ จนล่าสุด RAM ในมือถือก็ขึ้นมาถึงระดับ 16GB แล้ว ก็เลยสามารถใช้งานเทคโนโลยี RAMDISK ได้แบบสบายๆ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกเลย ที่เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้ในมือถือ โดยรุ่นแรกที่จะรองรับการใช้งานก็คือ Mi 10 Ultra ที่มากับ RAM LPDDR5 ขนาด 16GB นั่นเอง

Mi 10 Ultra

สำหรับความเร็วในการเขียน และอ่านข้อมูลของ RAM แบบ LPDDR5 จะอยู่ที่ราวๆ 44GB/s ในขณะที่พื้นที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 3.1 มีความเร็วในการอ่านที่ 1700MB/s และความเร็วในการเขียน 750MB/s เรียกว่าห่างกันหลายเท่าเลยทีเดียว ทำให้การเปิดแอป การใช้งาน รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเมื่อใช้งานเทคโนโลยี RAMDISK อยู่ ระบบจะแบ่งพื้นที่ RAM เอาไว้ 50% เพื่อใช้ทำงานทั่วไป และอีก 50% สำหรับติดตั้งแอป

แต่ข้อเสียของการใช้ RAM ในการติดตั้งแอปก็คือ เมื่อแบตเตอรี่หมด หรือแค่รีสตาร์ทเครื่อง เหล่าแอปที่เคยติดตั้งเอาไว้ใน RAM จะหายเกลี้ยงไปเลยเนื่องจากมันต้องใช้พลังงานเลี้ยงเอาไว้สำหรับเก็บข้อมูล แต่ทาง Xiaomi ก็จะมีตัวเลือกให้สามารถย้ายแอปที่ติดตั้งไว้ใน RAM ไปยังพื้นที่เก็บข้อมูลปกติได้ หากต้องการปิดหรือรีสตาร์ทเครื่อง

ตอนนี้ Xiaomi เริ่มเปิดให้ผู้ใช้งานมือถือรุ่น Mi 10 Ultra ทดสอบ RAMDISK ได้แล้ว โดยตัวเลือกสำหรับเปิดโหมดนี้จะอยู่ในฟีเจอร์ Game Center > Speed Installation และตอนนี้ยังรองรับเกมไม่มากนัก แค่ราวๆ 10 เกมเท่านั้น เช่น QQ Speed, King of Glory, Peace Elite ฯลฯ ซึ่งจากการทดสอบพบว่าสามารถติดตั้งเกมได้เร็วกว่าปกติถึง 100% 

King of Glory

น่าเสียดายที่ตอนนี้ RAMDISK ยังสามารถใช้งานได้เฉพาะกับรุ่น Mi 10 Ultra เท่านั้น แต่คาดว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีดังกล่าวขยายออกไปสู่มือถือรุ่นอื่นอีกเรื่อยๆ เนื่องจากนับวัน RAM ของมือถือรุ่นใหม่ๆ ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ

 

ที่มา : Gizmochina, Xiaomist

from:https://droidsans.com/xiaomi-introducing-ramdisk-boost-game-performance/

Xiaomi Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra อาจวางขายนอกประเทศจีน หลังโฆษก Xiaomi บอกให้รอติดตามข่าวสารกันให้ดี

หลังจากที่ Xiaomi ได้จัดงานฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีการเปิดตัวภายในงานอย่าง Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในทันที แต่ต่อมาหลายคนกลับต้องผิดหวัง เพราะมีรายงานว่า Xiaomi จะไม่จำหน่ายมือถือสองรุ่นดังกล่าวนอกประเทศจีน แต่ดูเหมือนตอนนี้อาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง เนื่องจากโฆษกของ Xiaomi ได้ออกมาประกาศว่า… ให้รอติดตามข่าวสารกันเร็ว ๆ นี้

Mi 10 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นล่าสุดของ Xiaomi ด้วยความที่ว่า มันมีสเปคที่เทพมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Snapdragon 865, หน้าจอ AMOLED 120Hz, กล้อง Telephoto 120x แถมการถ่ายภาพก็โหดสุด ๆ คว้าอันดับ 1 จาก DXOMARK โดยมีคะแนนทำลายสถิติใหม่หลายอย่างเลย นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไวถึง 120W แถมยังถือเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่รองรับ Quick Charge 5 จาก Qualcomm อีกต่างหาก

ส่วน Redmi K30 Ultra เองก็เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเช่นกัน แต่จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ย่อยอย่าง Redmi ที่เน้นความคุ้มค่าแทน ซึ่งสเปคของมันก็จัดเต็มเหมือนกัน มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 1000+ ตัวแรงจาก MediaTek, หน้าจอ AMOLED ค่ารีเฟรชเรท 120Hz, กล้องหลังเองก็ให้มาถึง 4 ตัว ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นเพียงไม่ถึงหมื่น

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า สมาร์ทโฟนทั้งสองตัวแม้จะทำตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน ตัวนึงเน้นพรีเมียม ส่วนอีกตัวเน้นความคุ้มค่า แต่ก็ทำออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ ทั้งคู่ จึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะมีกระแสตอบรับที่ดีและได้รับความสนใจอย่างมากแทบจะทันทีหลังจากเปิดตัว

ก่อนหน้านี้สองสื่อต่างประเทศชื่อดังอย่าง Android Authority และ GSMArena ได้รายงานตรงกันถึงกรณีตัวแทนของ Xiaomi ได้แจ้งต่อพวกเขาว่า สมาร์ทโฟนสองรุ่น จะไม่มีการทำตลาดนอกประเทศจีน จนทั้ง Mi Fan และคนที่อยากเป็นเจ้าของมือถือสองรุ่นนี้ผิดหวังไปตาม ๆ กัน

อย่างไรก็ดี หลังจากที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ได้มีหลายคนติดต่อสอบถามไปยัง Xiaomi ถึงกรณีดังกล่าว และจากคำตอบของ Daniel Hoang Desjarlais ผู้ที่เป็นทั้งผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์อาวุโส และโฆษกของ Xiaomi ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านบัญชี Twitter ของตัวเองแบบให้ความหวังแฟน ๆ ว่า ในตอนนี้แม้จะยังไม่มีแผนการวางจำหน่ายแบบ global ก็จริง แต่รอติดตามกันได้เลย

หลังจากนั้นก็มีทั้งคนเข้ามาคอมเมนต์และรีทวีตมากมาย โดยความเห็นส่วนใหญ่ก็ไปทางเรียกร้องให้ Xiaomi นำทั้ง Mi 10 Ultra และ K30 Ultra มาจำหน่ายนอกประเทศจีนที รวมถึงมีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า Xiaomi อาจจะสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นทำตลาดนอกประเทศจีน โดยการเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นก็เป็นได้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการประกาศอะไรนอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังไงเราก็มาคอยลุ้น คอยติดตามไปพร้อม ๆ กันครับ

 

ที่มา Daniel D (@Daniel_in_HD) จาก Gizchina

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-ultra-and-redmi-k30-ultra-will-reach-global-markets-later/

Xiaomi Mi 10 Ultra ครองแชมป์ DXOMARK ทำลายสถิติเพียบ เผยใช้เซ็นเซอร์ของ OmniVision ไม่ใช่ของ Samsung

เก็บตก Mi 10 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Xiaomi ที่เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องบอกว่า เพียงแค่สเปคและหน้าตาของมันก็ทำให้สมาร์ทโฟนตัวนี้ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในทันที ยิ่งไปกว่านั้นด้วยประสิทธิภาพกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 108MP ทำให้ Mi 10 Ultra สามารถคว้าอันดับ 1 สมาร์ทโฟนกล้องเทพไปครอง จากการจัดอันดับโดย DXOMARK เว็บทดสอบประสิทธิภาพกล้องชื่อดัง และทำลายสถิติคะแนนสูงสุดในหมวดหมู่ย่อย ๆ ไปหลายอย่างเลยทีเดียว

ภาพตัวเครื่อง Mi 10 Ultra ที่ถ่ายด้วย Mi 10 Ultra

คะแนนผลการทดสอบ

ทาง Xiaomi ได้นำเสนอไปตั้งแต่ภายในงานเปิดตัวแล้วว่า Mi 10 Ultra ได้คะแนนรีวิวจาก DXOMARK สูงถึง 130 คะแนน แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Huawei P40 Pro ที่มี 128 คะแนน เป็นที่เรียบร้อย โดย 140 คะแนนนี้จะแบ่งออกเป็น ภาพนิ่ง 142 คะแนน สูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ และวิดีโอ 106 คะแนน

สเปคกล้อง Mi 10 Ultra

  • Wide : 48MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.32 นิ้ว แบบ Quad Bayer, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 25 มม. (f/1.85), PDAF + OIS
  • Ultra-Wide : 20MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.8 นิ้ว, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 12 มม. (f/2.2), PDAF
  • Telephoto 1 : 12MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.56 นิ้ว, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. (f/2), Dual-Pixel AF
  • Telephoto 2 : 48MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว แบบ Quad Bayer, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 120 มม. (f/4.1), PDAF + OIS
  • แฟลช : Dual LED
  • เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสีมัลติสเปกตรัม
  • วิดีโอ : 8K (4320p) ที่ 30 fps, 4K (2160p) ที่ 30/60 fps

ก่อนหน้านี้ทาง Xiaomi ได้แจ้งต่อสื่อต่างประเทศว่า Mi 10 Ultra ไม่มีแผนที่จะวางจำหน่ายนอกประเทศจีน ทำให้โอกาสที่จะได้เห็นไส้ในของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ น่าจะมีน้อยมากๆ แต่แล้วทาง Xiaomi ประเทศจีน ก็ได้เป็นคนออกมาชำแหละเจ้าสมาร์ทโฟนตัวนี้ให้เราดูกันด้วยตัวเองซะเลย ซึ่งในวิดีโอ จะเผยให้เห็นถึงกล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ Mi 10 Ultra โดยที่เลนส์หลักและเลนส์ Periscope มีขนาดใหญ่สุด ๆ ไปเลย

ภาพรวม

ทาง DXOMARK สรุปภาพรวมเอาไว้ว่า Mi 10 Ultra ถือว่าคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ใหม่ เนื่องจากแทบจะไม่มีข้อตำหนิอะไรที่เด่นชัดเป็นพิเศษ ผลลัพธ์จากการทดสอบก็มีคะแนนระดับท็อปในหลายหมวดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเลนส์ Ultra-Wide ที่มีทาวยาวโฟกัสเพียง 12 มม. (ตัวเลขยิ่งน้อย ภาพยิ่งมีมุมกว้าง) ตามสเปคหน้ากระกาษ มือถือรุ่นนี้จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีเลนส์มุมกว้างที่สุดในโลก แม้ว่า จะลดลงเหลือ 12.5 มม. หลังจากที่แก้ไขความบิดเบี้ยว (distortion) ด้วยซอฟต์แวร์ก็ยังมีความกว้างมากกว่าเลนส์ของ Galaxy S20 Ultra ที่มีทางยาวโฟกัส 13 มม. อยู่ดี อีกทั้งยังมีรายละเอียดของภาพที่ดีกว่า ไดนามิกเรนจ์กว้างกว่า รวมถึงมี noise น้อยกว่าด้วย

เลนส์ Ultra-wide แบบกว้างมหาประลัย

ในส่วนเลนส์ Telephoto เองก็หวังผลได้ในทุกระยะ ให้รายละเอียดของภาพที่ดีและคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการซูมระยะกลางหรือระยะไกลก็ตาม  และในการถ่ายด้วยโหมดโบเก้ก็สามารถเรนเดอร์ภาพถ่ายออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ประกอบกับการตัดขอบวัตถุได้ค่อนข้างแนบเนียนทำให้ภาพที่ได้ดูสมจริงสุด ๆ ไม่หลอกตา เรียกได้ว่า ตัวเดียวจบ ครบเครื่องทุกระยะ ทุกสถานการณ์

เมื่อถ่ายภาพในโหมดโบเก้ Mi 10 Ultra จะเลือกเลนส์ Telephoto ในการถ่าย ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

สารบัญหมวดหมู่การทดสอบ

ความสว่างและคอนทราสต์

กล้องของ Mi 10 Ultra มีไดนามิกเรนจ์ที่กว้างมาก ๆ ส่งผลให้เก็บรายละเอียดของภาพได้ครอบคลุมทั้งส่วนมืดและส่วนสว่าง แม้แต่ในสภาพแสงยาก ๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง ก็ยังรับมือได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนี้มันยังวัดแสงได้อย่างแม่นยำสุด ๆ อีกด้วย

ภาพตัวอย่างเปรียบเทียบชุดแรก ระหว่าง Mi 10 Ultra, Galaxy S20 Ultra และ P40 Pro โดยโจทย์ภาพลักษณ์นี้จะมีความต่างแสงค่อนข้างมาก เนื่องจากตัวแบบอยู่ในร่ม ในขณะที่ฉากหลังจะสว่างกว่ามาก ซึ่งสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นภ่ายภาพออกมาได้ดีไม่หนีกันเท่าไหร่

เมื่อพอลองเปลี่ยนจากการถ่ายคนมาเป็นถ่ายอาคารแทน ก็พบว่า Mi 10 Ultra เริ่มแสดงพลังของไดนามิกเรนจ์ขึ้นมาอย่างเด่นชัด วัตถุเป้าหมายมีความสว่างอย่างที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันก็ยังคงเก็บรายละเอียดในส่วนของท้องฟ้าได้ครบทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเหนือกว่าสมาร์ทโฟนอีก 2 รุ่นอยู่พอสมควร

สีสันและไวท์บาลานซ์

โดยปรกติแล้ว ระบบการประมวลผลไวท์บาลานซ์ของกล้องดิจิทัลจะด้อยประสิทธิภาพลงในสภาวะแสงน้อย แต่ Mi 10 Ultra ไม่เจอกับปัญหาดังกล่าว เพราะระบบไวท์บาลานซ์สามารถทำงานได้ดีทุกทุกสภาพแสง แถมยังแม่นยำสุด ๆ อีกต่างหาก

ในภาพตัวอย่างชุดแรกของหัวข้อนี้ ก็สามารถสังเกตความแตกต่างได้ในที โดย Mi 10 Ultra มีสีที่เที่ยงตรงอย่างที่ควรจะเป็น ในขณะที่ Galaxy S20 Ultra อมเหลืองหนักมาก ส่วน P40 Pro เองก็อมฟ้าซะงั้น

หรือหากใครมองว่า ภาพตัวอย่างชุดแรกนั้นไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าไหร่ ผมเชื่อว่า ภาพตัวอย่างชุดที่สองด้านล่างนี้ น่าจะทำให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่น ทำผลลัพธ์ออกมาได้ไปในแนวทางเดียวกับภาพชุดแรกเป๊ะ ๆ เลย (แต่รอบนี้เปลี่ยนจาก Galaxy S20 Ultra เป็น OPPO Find X2 Pro แทน)

ออโต้โฟกัส

ระบบออโต้โฟกัสของ Mi 10 Ultra ทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งจากการทดสอบในแล็บและสถานที่จริง โดย DXOMARK กล่าวว่า ในภาพตัวอย่างทั้งหมดที่ถ่ายมา มีเพียงแค่ไม่กี่ภาพเท่านั้นที่หลุดโฟกัส ซึ่งจะเกิดก็ตอนที่ถ่ายย้อนแสงหนัก ๆ หรือถ่ายในที่แสงน้อยมาก ๆ ทำให้กล้องจับโฟกัสได้ยาก แต่ก็ด้วยเหตุนี้ทำให้ Mi 10 Ultra พลาดทำ 100 คะแนน ในหมวดหมู่นี้ไปอย่างน่าเสียดาย

กราฟด้านล่างแสดงถึงผลทดสอบในแล็บ ที่แสงน้อยระดับ 20 ลักซ์ ซึ่งเป็นระดับความสว่างที่มืดมาก ๆ แต่ Mi 10 Ultra ก็ยังสามารถล็อกโฟกัสได้ในทันที และสามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว

รายละเอียดและนอยซ์

ด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP ทำให้มันมีข้อจำกัดอยู่บ้างในด้านรายละเอียดของภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถ่ายในสภาวะแสงน้อยจะเห็นความแตกต่างกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีกล้องความละเอียดสูงกว่า เช่น Galaxy S20 Ultra (108MP) และ P40 Pro (50MP) ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่หากถ่ายในสภาวะแสงปรกติ Mi 10 Ultra ก็ยังทำได้ดีพอสมควร และ DXOMARK ยังบอกอีกว่า ภาพตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ภาพของ Mi 10 Ultra ที่ถ่ายออกมาแล้วติดเหลือง

ภาพตัวอย่างด้านล่างแสดงให้เห็นว่า P40 Pro สามารถรีดรายละเอียดของพื้นผิวบนตึกที่มีคอนทราสต์ต่ำออกมาได้ดีกว่า Mi 10 Ultra เล็กน้อย

สิ่งแปลกปลอม

สิ่งแปลกปลอมที่เกิดขึ้นในภาพ หรือที่เรียกว่า artifact เป็นคำจำกัดความกว้าง ๆ ขององค์ประกอบแปลก ๆ ที่ไม่ได้มีอยู่ในความเป็นจริง แต่ไปปรากฏอยู่บนภาพ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากชิ้นเลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ หรือไม่ก็การประมวลผลก็ได้ทั้งนั้น โดย Mi 10 Ultra ยังคงสามารถจัดการกับ artifact ต่าง ๆ ได้ดี แม้จะมีแฟลร์ (Flare) มัวเร (Moire) และขอบสี (Color Fringing) เกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องซูมภาพสุด ๆ ดู ถึงจะมองเห็น ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร

จากภาพด้านล่างจะสังเกตเห็นได้ถึงการเรนเดอร์ที่เพี้ยน ๆ นิดหน่อยตรงบริเวณขอบภาพ เกิดจากอัลกอริทึมในรวมภาพของ Mi 10 Ultra

เลนส์ซูม

การซูมระยะใกล้ ไกล และไกลมาก สามารถทำออกมาได้ดี ภาพมีความคมชัดและเก็บรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม แต่ที่การซูมระยะกลาง (ประมาณ 4 เท่า) จะมีการสูญเสียคุณภาพที่บริเวณขอบภาพเล็กน้อย รวมถึงพบว่า มี luminance noise (นึกถึงตอนทีวีเสียง ที่เป็นภาพ ซ่า ๆ แบบนั้นแหละครับ) เกิดขึ้น และอาการสูญเสียรายละเอียดของพื้นผิวของวัตถุเล็ก ๆ ในภาพเป็นบางครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น Mi 10 Ultra ก็ยังทำคะแนนในหัวข้อนี้ได้สูงเป็นสถิติใหม่อยู่ดี

ภาพตัวอย่างสองชุดด้านล่างถ่ายในระยะการซูมประมาณ 10 เท่า และ 30 เท่า ตามลำดับ ซึ่ง DXOMARK บอกว่า เป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาก ๆ สำหรับ Mi 10 Ultra

โบเก้และการละลายฉากหลัง

ทาง DXOMARK กล่าวชม Mi 10 Ultra อย่างสุดตัวในหัวข้อนี้ว่า เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมาในหัวข้อนี้เลยทีเดียว เนื่องจากการประมวลผลโบเก้จำลอง ที่ทำได้เนียนเป็นธรรมชาติมาก ๆ ประกอบกับการถ่ายในโหมดโบเก้ของมันจะใช้เลนส์ Telephoto ในการถ่าย ทำให้ได้เปรียบสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้เลนส์ Wide ในเรื่องของมุมมองและระยะชัดตื้นที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลมากกว่า

จากภากตัวอย่างด้านล่างถือเป็นหนึ่งในโจทย์ปราบเซียน เพราะช่องว่างระหว่างเส้นผม รวมทั้งตัวเส้นผมเองนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ๆ ทำให้เป็นการยากที่กล้องจะประมวลผลในบริเวณนั้นว่า จุดไหนบ้างที่เป็น “ขอบ” ซึ่งปัญหาลักษณะนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุของการตัดขอบวัตถุไม่เนียน เบลอฉากหลังแล้วตัวแบบดูลอย ๆ นั่นเองครับ

แต่ดูเหมือนว่า จะไม่เป็นปัญหาอะไรกับ Mi 10 Ultra เพราะมันไม่สะทกสะท้านอะไรเลยกับโจทย์ปราบเซียนเซียนนี้ ส่วน P40 Pro สามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ในขณะที่ Galaxy S20 Ultra นั้นดูเหมือนว่า Samsung ต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่อีกเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี แม้ว่า DXOMARK ชื่นชม Mi 10 Ultra ไว้ซะดิบดีในหัวข้อนี้ แต่ฝากข้อสังเกตไว้เหมือนกันว่า บางครั้งมันก็ไล่ระดับความเบลอจากหน้าไปหลังได้ไม่เนียน (แต่เอาจริง ๆ ก็เป็นกันทุกรุ่นอะแหละในตอนนี้ มากน้อยต่างกันไป)

เลนส์อัลตราไวด์

เลนส์ Ultra-Wide ที่มีความยาวโฟกัสเพียง 12 มม. ถือเป็นทีเด็ดของ Mi 10 Ultra  (ตัวเลขยิ่งน้อย ภาพยิ่งกว้าง) แม้จะเพิ่มขึ้นเป็น 12.5 มม. หลังจากที่มีการแก้ไขความบิดเบี้ยวด้วยซอฟต์แวร์ ก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มีเลนส์ Ultra-Wide ที่ให้ภาพมุมกว้างที่สุดในโลกอยู่ดี ในส่วนของภาพรวมในหัวข้อนี้ของก็ยังคงทำได้ดี มีไดนามิกเรนจ์ที่กว้างอย่างเห็นได้ชัด และมีการสูญเสียความคมที่ขอบภาพค่อนข้างน้อย หากเทียบกับสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีอาการเหลือบสี (chromatic aberration) ตามขอบ ๆ ของวัตถุบ้างประปราย

ภาพตัวอย่างสองชุดที่ด้านล่างแสดงให้เห็นถึงคุณภาพเลนส์ Ultra-Wide ของ Mi 10 Ultra ที่มีความคมชัดและจัดการกับนอยซ์ได้ดี อีกทั้งยังมีไดนามิกเรนจ์ที่โดดเด่นสุด ๆ แน่นอนว่า มันให้มุมภาพที่กว้างกว่าด้วยเช่นกัน

การถ่ายกลางคืนและที่แสงน้อย

หัวข้อการถ่ายภาพกลางคืน หรือในสภาวะแสงน้อย ถือว่าเป็นอีกหัวข้อที่ Mi 10 Ultra ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น การวัดแสงและไวท์บาลานซ์ยังคงทำงานได้อย่างแม่นยำ จัดการกับนอยซ์ได้ดี แถมการทำงานของแฟลชในโหมดออโต้เองก็ยอดเยี่ยม ยิงแฟลชออกมาได้สัมพันธ์กับแสงสภาวะโดยรอบ ทำให้ภาพออกมาดูเป็นธรรมชาติ แล้วก็ยังทำงานอัตโนมัติได้ฉลาดมาก ๆ อีกด้วย (ถ้าเปิดออโต้ไว้) เช่น หากถ่ายภาพบุคคลแฟลชจะทำงาน แต่หากถ่ายภาพ Landscape แฟลชจะไม่ทำงาน อะไรทำนองนี้

หากถ่ายแบบปิดแฟลช ถึงแม้ P40 Pro จะมีภาพที่สว่างกว่าก็จริง แต่ในทางกลับกันมันก็สูญเสียรายละเอียดและความคมไปพอสมควร ในขณะที่ Mi 10 Ultra ถ่ายออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติกว่ามาก อีกทั้งรายละเอียดและสีสันก็ยังอยู่ครบ และไวท์บาลานซ์ก็แม่นยำ ส่วน OPPO Find X2 Pro นั้นตัวบุคคลแทบจะหายไปเลย

Mi 10 Ultra มากับเซ็นเซอร์หลัก OmniVision OV 48C ความละเอียด 48MP ไม่ใช่ Bright HMX 108MP ของ Samsung

มีสมาร์ทโฟนเรือธงในซีรีส์ Mi ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วถึง 3 รุ่น ที่เลือกใช้เซ็นเซอร์ความละเอียดสูง 108MP ของ Samsung อย่าง ISOCELL Bright HMX แต่เจ้า Mi 10 Ultra ตัวนี้ กลับไปใช้เซ็นเซอร์ OmniVision 0V48C ที่มีความละเอียด 48MP แทน

เซ็นเซอร์ของ OmniVision จะมีขนาดอยู่ที่ 1/1.32 นิ้ว ใหญ่กว่าของ Samsung ที่มีขนาด 1/1.33 นิ้ว อยู่จิ๊ดนึง จะเห็นได้ว่า เซ็นเซอร์ทั้งสองตัวมี “ขนาด” ที่ใกล้เคียงกัน แต่ “ความละเอียด” ต่างกันเกือบเท่าตัว ซึ่งข้อดีของการที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่แต่ความละเอียดน้อยก็คือ พิกเซลแต่ละจุดที่อยู่บนเซ็นเซอร์จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า ทำให้แต่ละพิกเซลมีพื้นที่ในการรับแสงที่มากกว่า หากเทียบกับพวกเซ็นเซอร์ที่อัดจำนวนพิกเซลมาเยอะ ๆ นั่นเองครับ โดย OmniVision 0V48C จะมีขนาดพิกเซลอยู่ที่ 1.2 μm ใหญ่กว่า ISOCELL Bright HMX ที่มีขนาด 0.8 μm

ภาพตัวอย่างเปรียบเทียบในกรณีที่ขนาดของเซ็นเซอร์เท่ากัน แต่จำนวนพิกเซลต่างกัน

ทั้งนี้ Xiaomi ไม่ได้ชี้แจงใด ๆ ถึงเหตุผลของการตัดสินใจโยกย้ายจาก ISOCELL มาใช้ OmniVision ในครั้งนี้ แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า อาจมาจากสองสาเหตุหลัก ๆ คือตัว ISOCELL Bright HMX ค่อนข้างมีปัญหากับระบบโฟกัสของตัวเอง ที่ทำงานได้ช้าอย่างน่าหงุดหงิด ประกอบกับความละเอียดที่สูงถึง 108MP  ทำให้กินทรัพยากรในการประมวลผลมาก ส่วนอีกข้อ คือ เซ็นเซอร์จาก OmniVision มีต้นทุนที่ถูกกว่า ISOCELL ของ Samsung อย่างไรก็ดี ดูเหมือน Xiaomi จะตัดสินใจถูกในครั้งนี้ ตามที่เราเห็นได้จากประสิทธิภาพกล้องสุดโหดของ Mi 10 Ultra ในบทความนี้เลย

สรุปจุดเด่นและข้อสังเกต

จุดเด่น

  • วัดแสงวัตถุได้เหมาะสม และมีไดนามิกเรนจ์ที่กว้าง
  • ไวท์บาลานซ์แม่นยำ
  • เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีทั้งการซูมระยะกลางและไกล
  • เลนส์ Ultra-Wide ให้มุมภาพที่กว้างมาก และมีไดนามิกเรนจ์ที่ดี
  • การถ่ายภาพกลางคืนให้ภาพที่สว่าง และมีไดนามิกเรนจ์ที่ดี
  • ไวท์บาลานซ์ยังคงแม่นยำ แม้จะถ่ายโดยใช้แฟลช
  • มีโบเก้ที่สวยงาม แม้จะละลายหลังไปมาก แต่ก็ยังดูเป็นธรรมชาติ

ข้อสังเกต

  • เกิด artifact ในโหมด HDR
  • เกิด luminance noise ในภาพจากหลาย ๆ สถานการณ์
  • เกิดสภาวะการเรนเดอร์รายละเอียดของภาพที่ไม่เป็นธรรมชาติในโหมด HDR ในบางครั้ง
  • เกิด artifact ของความลึกเมื่อมีวัตถุที่ซับซ้อนอยู่ในภาพในขณะถ่ายด้วยโหมดโบเก้ (เช่น ช่องว่างระหว่างเส้นผมและกิ่งของต้นไม้)
  • เกิดนอยซ์ในภาพ และสูญเสียรายละเอียดของภาพ หากถ่ายด้วยเลนส์ Ultra-Wide
  • ภาพจะติดเหลืองอย่างมากหากถ่ายใต้หลอดไฟโซเดียมความดันต่ำ (เช่น ไฟส่องถนน)

จากการทดสอบจะเห็นได้ว่า Mi 10 Ultra ดูจะเหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์ใหม่จริง ๆ สามารถทำผลงานออกมาได้ดีอย่างรอบด้าน และไม่มีจุดที่เป็นข้อด้อยอะไรที่เด่น ๆ เลย ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ Xiaomi ได้ออกมาให้ข้อมูลต่อสื่อต่างประเทศว่า Mi 10 Ultra ไม่มีแผนที่จะทำตลาดนอกประเทศจีน แต่ก็มีความเห็นบางส่วนจากโซเชียลมีเดียเดาว่า ไม่แน่ Mi 10 Ultra อาจจะวางจำหน่ายนอกประเทศจีนโดยการเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างอื่นก็เป็นได้ ยังไงในส่วนนี้ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ

 

ที่มา : DXOMARK | Weibo | Notebookcheck

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-ultra-dxomark-score-130/

Xiaomi ยืนยัน Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra ไม่วางจำหน่ายนอกประเทศจีน

Xiaomi เปิดตัว Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra รุ่นพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของบริษัท เรียกว่าทั้งสองรุ่นจัดเต็มมาก ๆ ซึ่งไม่นานมานี้ก็มีข่าวว่า Xioami อาจวางจำหน่ายสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นในประเทศจีนเท่านั้น

ทั้งนี้ Android Authority ยืนยันจากตัวแทนของ Xiaomi ระบุว่า Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra จะวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ไม่มีรุ่น Global หรือรุ่นที่วางจำหน่ายนอกประเทศจีน โดยทาง GSMArena เสริมข้อมูลว่า Xioami ไม่มีแผนที่จะเปิดตัว Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra รุ่นรีแบรนด์อีกทีด้วย

Mi 10 Ultra

Mi 10 Ultra มาพร้อมหน้าจอที่มีรีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz และรองรับการชาร์จไวสูงถึง 120W ซูมดิจิทัล 120x ด้วยกล้อง Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 865 ตัวแรงของ Qualcomm, แรมสูงถึง 16GB และความจุที่ให้มากถึง 512GB

Redmi K30 Ultra

สำหรับ Redmi K30 Pro ก็มีสเปกระดับเรือธงในราคาเพียงหมื่นกลาง ใช้ชิป MediaTek Dimensity 1000 รองรับ 5G กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว นำด้วยกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ตามด้วย เลนส์มุมกว้าง เลนส์มาโคร และเซนเซอร์ DoF, แบตเตอรี 4,500 mAh รองรับชาร์จไว 33W ในราคาเริ่มต้นเพียง 9,000 บาทเท่านั้

ข่าว: Xiaomi ยืนยัน Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra ไม่วางจำหน่ายนอกประเทศจีน มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/08/17/xiaomi-mi-10-ultra-redmi-k30-ultra-wont-be-leaving-china.html

เศร้าใจ… Xiaomi แจง Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra จะไม่มีการวางจำหน่ายนอกประเทศจีน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับเรือธงในซีรีส์ Mi และ Redmi พร้อมกันทีเดียวสองรุ่น คือ Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra ตามลำดับ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากในทันที แต่ดูเหมือนว่า ตอนนี้จะมีข่าวร้ายสำหรับ Mi Fan ที่กำลังตั้งตารอการวางจำหน่ายของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้เสียแล้ว เพราะตัวแทนจาก Xiaomi ได้แจ้งไปยังสื่อต่างประเทศว่า สมาร์ทโฟนสเปคเทพทั้งสองรุ่นนี้จะไม่วางจำหน่ายนอกประเทศจีน 😥

จากรายงานของ Android Authority และ GSMArena สองสื่อต่างประเทศชื่อดังระบุตรงกัน ก็คือพวกเขาได้รับข้อมูลจากตัวแทนของ Xiaomi ว่า สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่อย่าง Mi 10 Ultra และ Redmi K30 Ultra ที่พึ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ นั้นไม่มีแผนที่จะวางจำหน่ายนอกประเทศจีนแต่อย่างใด

Mi 10 Ultra เปิดตัวมาพร้อมสเปคที่เป็นไฮไลท์อย่างชิปเซ็ต Snapdragon 865, หน้าจอ OLED รีเฟรชเรท 120Hz, รองรับชาร์จไว 120W และกล้องหลัง 4 ตัว ที่สามารถซูมได้สูงสุดถึง 120x อีกทั้งมันยังได้อันดับหนึ่งในการทดสอบประสิทธิภาพกล้องจาก DXOMARK อีกด้วย

ในขณะที่เรือธงในซีรีส์ที่เล็กกว่าอย่าง Redmi K30 Ultra นั้นจะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 1000+ จาก MediaTek และหน้าจอ OLED ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz เช่นกัน แต่สเปคด้านอื่น ๆ ก็จะด้อยกว่า Mi 10 Ultra อยู่นิดหน่อย

คงต้องบอกว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายมากจริง ๆ ที่ Mi 10 Ultra จะไม่วางจำหน่ายนอกประเทศจีน เพราะมันมีทั้งสเปคที่ครบเครื่องและหน้าตาที่สวยงามซะเหลือเกิน ส่วน Redmi K30 Ultra นั้นยังมี POCO F2 Pro เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีหน้าตาแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ แถมสเปคก็แทบไม่ต่างกันเลยครับ

 

ที่มา : Android Authority | GSMArena

from:https://droidsans.com/xiaomi_mi_10_ultra_and_k30_ultra_are_china_only/

เปิดตัว Xiaomi Mi 10 Ultra มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวที่ทรงพลัง และรองรับชาร์จเร็ว 120W

Xiaomi ประกาศเปิดคัว Xiaomi Mi 10 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัท และเป็นสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดในตอนนี้ ตั้งแต่การออกแบบที่น่าประทับใจไปจนถึงกล้องถ่ายรูปที่ซูมได้ถึง 120 เท่าทำให้คุณเข้าใกล้วัตถุของคุณมากขึ้น และยังรองรับการชาร์จเร้ว 120W ซึ่งเร็วที่สุดบนสมาร์ตโฟนที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน

สเปก Xiaomi Mi 10 Ultra

Xiaomi Mi 10 Ultra

ตัวเครื่องมีขนาด 162.38 x 75.04 x 9.45 มม. และน้ำหนัก 221.8 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้งแบบ OLED TrueColor curved display ความละเอียด FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz รองรับ HDR10+ ความสว่างสูงสุด 1120 nits ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 5

นอกจากนี้ยังเป็นจอแสดงผล 10 บิตที่สามารถแสดงสีได้มากถึง 1.07 พันล้านสี มีค่า Delta E น้อยกว่า 1 และค่า JNCD น้อยกว่า 0.63 และยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.84GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 865, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 650, RAM 8GB/12GB/16GB แบบ LPDDR5, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB/512GB แบบ UFS 3.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12

ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 เซ็นเซอร์แบบ Quad-Bayer (1 พิกเซลมี 4 พิกเซลย่อย) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.32″. ขนาดพิกเซล 1.2µm, รองรับระบบ PDAF และ OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/4.1ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.0″. ขนาดพิกเซล 0.8µm, รองรับระบบ PDAF และ OIS ซูมแบบออปติคอล 5 เท่า และซูมแบบไฮบริด 120 เท่า
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55″, ขนาดพิกเซล 1.4µm, ระบบ Dual Pixel PDAF และซูมแบบออปติคอล 2 เท่า
  • กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.8″, ขนาดพิกเซล 1.0µm, ระบบ PDAF และถ่ายทุมกว้างได้ 128 องศา

รองรับการบันทึกวิดีโอสโลว์โมชั่นที่ความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 120fps, 240ps และ 960fps และสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 8K ที่ 24fps และ 4K ที่ 60fps

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 MP รูรับแสง f/2.3 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.4″ และขนาดพิกเซล 0.8µm สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด FHD 1080p ที่ 30fps และแบบสโลว์โมชั่นที่ 120fps รองรับโหมด HDR และโหมดกลางคืน

Mi 10 Ultra ยังเป็นสมาร์ตโฟนกล้องดีที่สุดในตอนนี้จากการจัดอันดับของ DxoMark เว็บไซต์รีวิวกล้องสมาร์ทโฟนและกล้องดิจิทัลชื่อดัง ได้คะแนนเฉลี่ยรวมจากการทดสอบประสิทธิภาพกล้องหลังมากถึง 130 คะแนน แซง HUAWEI P40 Pro ที่ได้ 128 คะแนนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในทันที โดยทำคะแนนภาพนิ่งไปได้ถึง 142 คะแนน และวีดีโอ 106 คะแนน

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot, Bluetooth 5,1, NFC, พอร์ตอินฟราเรดม พอร์ต USB Type-C

และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบผ่านสาย 120W ชาร์จ 41% ภายใน 5 นาทีและ 100% ภายใน 23 นาที, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W ชาร์จ 100% ภายใน 40 นาที และรองรับการชาร์จแบบย้อนกลับ Recerse Charging 10W

ทั้งนี้ Xiaomi Mi 10 Ultra มีให้เลือก 3 แบบคือ ฝาหลังเซรามิกสีดำ Obsidian Black, สีเงิน Mercury Silver และฝาหลังโปร่งใส Transparent Edition โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 16 สิงหาคม ส่วนราคามีดังนี้

รุ่นฝาหลังเซรามิกสีดำ Obsidian Black

  • RAM 8GB + 128GB ราคา 5299 หยวนหรือประมาณ 23,700 บาท
  • RAM 8GB + 256GB ราคา 5599 หยวนหรือประมาณ 25,100 บาท
  • RAM 12GB + 256GB ราคา 5999 เหยวนหรือประมาณ 26,900 บาท
  • RAM 16GB + 512GB ราคา 6999 หยวนหรือประมาณ 31,400 บาท

รุ่นฝาหลังโปร่งใส Transparent Edition

  • RAM 8GB + 128GB ราคา 5299 หยวนหรือประมาณ 23,700 บาท
  • RAM 8GB + 256GB ราคา 5599 หยวนหรือประมาณ 25,100 บาท
  • RAM 12GB + 256GB ราคา 5999 หยวนหรือประมาณ 26,900 บาท

รุ่นฝาหลังสีเงิน Mercury Silver

  • RAM 16GB + 512GB ราคา 6999 หยวนหรือประมาณ 31,400 บาท

from:https://www.mobileocta.com/xiaomi-mi-10-ultra-debuts/

Xiaomi Mi 10 Ultra มือถือเรือธงจอ 120Hz, ชาร์จไว 120W และกล้องเทพซูม 120X เคาะราคาเริ่มต้นราว 24,700 บาท

เปิดตัวเรียบร้อยแล้ว กับมือถือเรือธงขั้นสุด Xiaomi Mi 10 Ultra ที่จัดมาให้เต็มๆ ทั้งสเปคสุดแรงตามประสามือถือระดับไฮเอนด์ไม่ว่าจะเป็นชิป Snapdragon 865, RAM สูงสุดถึง 16GB, หน้าจอ 120Hz, กล้องหลังระดับเทพที่มากับเลนส์ซูม Periscope ที่ดันระยะไปได้ไกลถึง 120x และยังมากับระบบชาร์จ (โคตร) ไวสุดๆ ถึง 120W เลยทีเดียว

เปิดตัวภายในงานครบรอบ 10 ปี ของแบรนด์ Xiaomi ทั้งที แน่นอนว่า Mi 10 Ultra ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะคราวนี้เรียกว่าจัดเต็มสุดๆ ทั้งสเปคโดยรวม และกล้องหลังเอาใจสายถ่ายภาพงามๆ ซูมไกลๆ ด้วยกล้องหลังถึง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48MP (f/1.85), PDAF, OIS + กล้อง Ultrawide 20MP (f/2.2), PDAF  + กล้อง Telephoto 12MP (f/2.0), 2x Optical + กล้อง Telephoto เลนส์ Periscope 48MP (f/4.1), 5x Optical, PDAF, OIS

โดยไฮไลท์จะอยู่ที่กล้อง Telephoto แบบ Periscope ความละเอียด 48MP ที่มากับความสามารถในการดันระยะซูมแบบ Digital ได้ไกลถึง 120x เรียกว่าทำได้ไกลที่สุดสำหรับกล้องมือถือในตลาดตอนนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีดีแค่การซูมเท่านั้นนะ เพราะ Mi 10 Ultra มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพโดยรวมอยู่ในระดับเทพจนคว้าคะแนนจากเว็บไซต์ DxOMark ไปได้ถึง 130 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับ 1 ไปเรียบร้อย

ไม่ได้มีให้ว้าวแค่เนื่องกล้องเท่านั้น เพราะ Mi 10 Ultra ยังจัดเทคโนโลยีชาร์จไวแบบมีสายมาให้ถึง 120W โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh จาก 0% – 41% ได้ในเวลาแค่ 5 นาที หรือจะชาร์จจาก 0% – 100% ในเวลาเพียง 23 นาทีเท่านั้น (โหดสุด) ซึ่งในกล่องจะแถมที่ชาร์จ 120W มาให้ด้วยเลย ไม่ต้องไปหาซื้อเอาเองที่ไหน

ไม่ได้ไวแค่การชาร์จแบบมีสายเท่านั้น…เพราะ Mi 10 Ultra มากับระบบชาร์จไวไร้สาย 50W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ในเวลา 40 นาที แถมยังไม่ต้องกลัวว่าชาร์จไวขนาดนี้แล้วแบตเตอรี่จะเสื่อมด้วย เนื่องจากมือถือรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่แบบ Graphene-based Lithium-ion ที่แม้ว่าจะชาร์จไปถึง 800 ครั้ง แบตเตอรี่ก็ยังคงความสมบูรณ์เอาไว้ได้ถึง 90% 

หน้าจอของ Mi 10 Ultra เป็นหน้าจอแบบ OLED ความละเอียด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีรีเฟรชเรทสูง 120Hz ซึ่งรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ รับรองได้ว่าภาพที่อยู่บนจอจะทั้งคมชัด และเนียนตาสุดๆ โดยหน้าจอได้เจาะรูไว้ที่มุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่ความละเอียด 20MP และมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือฝังอยู่ใต้หน้าจอด้วย

สเปค Mi 10 Ultra

  • หน้าจอ OLED ความละเอียด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 865
  • GPU : Adreno 650
  • RAM : (LPDDR5) 8GB / 12GB / 16GB
  • ความจุ : (UFS 3.1) 128GB / 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 48MP (f/1.85), PDAF, OIS
    • กล้อง Ultrawide 20MP (f/2.2), PDAF
    • กล้อง Telephoto 12MP (f/2.0), 2x Optical
    • กล้อง Telephoto เลนส์ Periscope 48MP (f/4.1), 5x Optical, 120x Digital, PDAF, OIS
  • กล้องหน้า : 20MP (f/2.3)
  • ลำโพงสเตอรีโอคู่
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 120W, ไร้สาย 50W, Reverse Charging 10W
  • ระบบ Android 10
  • ขนาด / น้ำหนัก : 162.38 x 75.04 x 9.45 มม. / 221.8 กรัม
  • สีที่วางจำหน่าย : สีดำ Obsidian Black, สีเงิน Mercury Silver, ฝาหลังใส Transparent Edition

ราคา

Mi 10 Ultra จะแบ่งออกตามหน่วยความจำทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้

  • Mi 10 Ultra (8GB / 128GB) : ราคา 5299 หยวน หรือประมาณ 24,700 บาท
  • Mi 10 Ultra (8GB / 256GB) : ราคา 5599 หยวน หรือประมาณ 25,000 บาท
  • Mi 10 Ultra (12GB / 256GB) : ราคา 5999 หยวน หรือประมาณ 26,800 บาท
  • Mi 10 Ultra (16GB / 512GB) : ราคา 6999 หยวน หรือประมาณ 31,300 บาท

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Xiaomi จะวางจำหน่าย Mi 10 Ultra นอกประเทศจีนเมื่อไหร่ และจะวางจำหน่ายที่ประเทศโซนไหนบ้าง เอาเป็นว่าถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วเราจะรีบมาอัปเดตให้ทันทีครับ

 

ข้อมูล : Xiaomi 

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-ultra-officially-announced/

หลุดภาพโปสเตอร์โปรโมท Xiaomi Mi 10 Ultra เผยด้านหลังเครื่องที่มาพร้อมกล้อง Periscope ซูม 120 เท่า !!

Xiaomi มีกำหนดจะจัดงานใหญ่ Virtual Event ในวันที่ 11 สิงหาคมนั้เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของแบรนด์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่คือ Xiaomi Mi 10 Ultra และ Redmi K39 Ultra

โดยหลังจากที่มีภาพเรนเดอร์พร้อมสเปกของ Mi 10 Ultra หลุดออกมาให้เห็นกันไปเมื่อวันก่อน ล่าสุดมีภาพโปสเตอร์โปรโมทของสมาร์ตโฟนดังกล่าวหลุดออกมา ซึ่งคราวนี้เผยให้เห็นด้านหลังชัดๆ กันเลย

Xiaomi Mi 10 Pro

สำหรับภาพโปสเตอร์โปรโมท Xiaomi Mi 10 Ultra ที่หลุดออกมาเผยให้เห็นด้านหลังเครื่องใน 2 เวอร์ชั่นตรงตามภาพเรนเดอร์ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ โดยเวอร์ชั่นแรกมาพร้อมฝาหลังที่ทำจากเซรามิก ส่วนอีกเวอร์ชั่นเป็นฝาหลังแบบโปร่งใส ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นพิเศษ Explorer Edition คล้ายกับที่เราเห็นใน Xiaomi Mi 9 Explorer edition

ส่วนมุมซ้ายด้านบนของ Mi 10 Ultra ทั้ง 2 เวอร์ขั่นติดตั้งกล้อง 4 ตัวเรียงในแนวตั้ง โดยเลนส์กล้องตัวบนสุดเป็นเลนส์ซูม Periscope ที่ซุมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 120 เท่า ซึ่งจะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ซุมได้มากที่สุดมากกว่า Samsung Galaxy S20 Ultra และ HUAWEI P40 Pro+ ที่ซูมดิจิทัลได้ 100 เท่า

ทั้งนี้ ในส่วนสเปกอื่นๆ ของ Xiaomi Mi 10 Ultra คาดว่าจะมาพร้อมจอแสดงผลแบบ AMOLED, ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 865, RAM แบบ LPDDR5, หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 และรองรับการชาร์จเร็ว

ที่มา : Playfuldroid

from:https://www.mobileocta.com/xiaomi-mi-10-ultras-alleged-promo-poster-leaked/

Xiaomi เตรียมเผยโฉม Mi 10 Ultra มาพร้อม SD 865+, จอ 120Hz, กล้องซูม 100x และชาร์จไว 100W

Xiaomi กำลังจะจัดงานฉลองครบรอบ 10 ปี ของแบรนด์ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ โดยในงานดังกล่าวจะมีการเปิดตัวทั้งมือถือ รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย โดยล่าสุด CEO อย่างนาย Lei Jun ก็ได้ออกมาเผยเอง ว่าเราจะได้เห็นมือถือเรือธงรุ่นใหม่ Mi 10 Ultra ที่อัดสเปคมาให้แบบแน่นเอี้ยด ทั้งชิปตัวแรง, กล้องเทพ, จอสวย และระบบชาร์จสุดไวอีกด้วย

Xiaomi Mi 10 Ultra หรือ Mi 10 Pro Plus ที่กำลังจะได้ฤกษ์เผยโฉมในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ข้อมูลบางส่วนจาก Lei Jun บอกว่าจะดีไซน์ที่แตกต่างกัน 2 แบบ คือรุ่นที่ใช้ฝาหลังเป็นเซรามิค จะแบ่งรุ่นย่อยตามหน่วยความจำออกเป็น 8GB/256GB กับ 12GB/256GB และรุ่นที่ฝาหลังเป็นวัสดุแบบใสโชว์แผงวงจรเท่ๆ จะแบ่งออกเป็น 12GB/256GB กับ 16GB/512GB 

สเปคอื่นๆ ก็จะมีทั้งชิป Snapdragon 865+ ที่ถูกโมจนความเร็วขึ้นไปอยู่ที่ 3.09GHz, GPU แน่นอนว่าต้องใช้ Adreno 650 ที่ติดมากับชิป แต่จะพิเศษกว่าที่จะใช้ร่วมกับเทคโนโลยี Game Turbo ที่ Xiaomi จับมือกับ Qualcomm พัฒนาขึ้นมาเพื่อประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่สูงขึ้น, หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz, แบตเตอรี่ 4500 mAh และระบบชาร์จมีสาย (โคตร) ไว 100 – 120W แถมยังมีระบบชาร์จไวไร้สาย 55W อีกต่างหาก

นอกจากนี้ยังมีภาพตัวเครื่องด้านหลังของ Mi 10 Ultra เผยโฉมออกมาแล้วด้วย จะเห็นว่ามีกล้องทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องตัวบนสุดเป็นกล้องซูมที่ใช้เลนส์แบบ Periscope ที่มีข่าวหลุดออกมาว่าจะมีพลังซูมสูงสุดถึง 100x (ดีไซน์ตัวเครื่องด้านหน้าในตอนนี้ยังไม่มีออกมา)

สำหรับข้อมูลฟีเจอร์อื่นๆ สเปคเต็มๆ รวมถึงราคาของ Mi 10 Ultra ก็ต้องมารอลุ้นกันอีกทีในงานครบรอบ 10 ปี Xiaomi ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว แฟนๆ Xiaomi เตรียมลุ้นกันได้เลยว่ามือถือระดับท็อปรุ่นนี้จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์กันบ้างครับ

 

ที่มา : Gizchina,

from:https://droidsans.com/xiaomi-announcing-mi-10-ultra/