คลังเก็บป้ายกำกับ: MI_10_PRO

Xiaomi เตรียมปล่อย Android 11 Beta Stable ให้กับ Mi 10 และ Mi 10 Pro

เมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมา Xiaomi ได้บอกรายชื่อรุ่นที่จะได้รับการอัพเดทเป็น Android 11 ซึ่งรุ่นทดลองกลุ่มแรกๆที่สามารถอัพเดท คือ MI 10, MI 10 Pro, Redmi K30 Pro และ Redmi K30 Pro Zoom แต่ก็เป็นแค่ตัว Closed Beta เท่านั้น ตอนนี้ Xiaomi ได้ปล่อยตัว Beta Stable ออกมาให้ Mi 10 Pro และ Mi 10 ได้อัพเดทกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถอัพเดทผ่าน OTA ได้เลยค่ะ แต่ก็ยังจำกัดแค่ China ROM เท่านั้นนะคะ

Xiaomi ได้ปล่อย Android 11 Beta Stable ให้สำหรับ Mi 10 Pro และ Mi 10 สามารถอัพเดทได้อย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีน หลังจากที่ Xiaomi เผยแพร่ Android 11 Beta เป็นครั้งแรกสำหรับ Mi 10 ซึ่งก็ผ่านมาเป็นเวลาประมาณสองเดือนแล้ว

Firmware ตัวใหม่นี้มีชื่อว่า MIUI 12.2.2.0 RJBCNXM ขนาดอยู่ที่ประมาณ 3.6 GB มีการอัปเกรดเพิ่มเติม เช่น ฟีเจอร์ floating ให้สำหรับการอ่านเอกสาร และกล้องที่เพิ่มเติม Vlog รูปแบบอื่นๆนอกเหนือจากที่มีอยู่แล้ว

ข้อมูลรายละเอียดการอัปเกรด

อย่างไรก็ตาม Xiaomi ยังปล่อยให้มีการอัปเกรดแค่ China ROM เท่านั้น ถ้าหากใครที่ใช้ China ROM กันอยู่อยากอัปเกรดเป็น Android 11 ก็ระวังเรื่องการอัปเกรดข้ามรุ่น Android กันด้วยนะคะ อย่าลืมสำรองข้อมูลก่อนอัปเกรดกันล่ะ ส่วน Global ROM คงต้องรอดูผลของ Beta Stable ROM นี้ว่าจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน หากไม่มีข้อผิดพลาดอะไรก็อาจจะมี Global Version ออกมาให้ใช้กันในเร็วๆ นี้ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมเราจะเอามาบอกกันอีกแน่นอนค่ะ

 

ที่มา : Mi Community

จาก : Notebook Check

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-series-receives-android-11-bata-stable-rom/

เปรียบเทียบสเปค Huawei P40 Pro, Galaxy S20 Ultra, Find X2 Pro, Mi 10 Pro และ OnePlus 8 Pro เรือธงตัวท็อปจากค่ายไหนจะแรงกว่ากัน

เหล่าบรรดามือถือเรือธงเปิดตัวกันมาครบหมดแล้ว ล่าสุดคือ OnePlus 8 Pro และทางด้าน Huawei P40 series ก็เพิ่งประกาศราคาในไทยไปด้วย เราลองมาดูสเปคของบรรดามือถือเรือธงพร้อมเปรียบเทียบกันแบบคร่าวๆ กับ Galaxy S20 Ultra, Find X2 Pro และ Mi 10 Pro กันเลยดีกว่าครับ

ตารางสเปค HUAWEI P40 PRO/ GALAXY S20 ULTRA / Find X2 Pro / OnePlus 8 Pro / Mi 10 Pro


P40 Pro Galaxy S20 Ultra Find X2 Pro OnePlus 8 Pro Mi 10 Pro
หน้าจอ OLED 6.58″ 2640 x 1200 90Hz Dynamic AMOLED 2X 6.9″ QHD+ (Full HD+ 120Hz)
AMOLED 6.7″ QHD+ 120Hz
Fluid AMOLED 6.78″ QHD+ 120Hz
AMOLED 6.67″ FHD+ 90Hz
ชิปเซ็ต Kirin 990 5G Exynos 990 Snapdragon 865 Snapdragon 865 Snapdragon 865
RAM 8GB 12GB 12GB 8/12GB 8/12GB
ความจุ 512GB 128GB 512GB 128/256GB 128/256GB
หน่วยความจำนอก รองรับ NM Card รองรับ Micro SD
กล้องหลัง 4 ตัว

Main: 50MP f/1.9 OIS

Ultra Wide: 40MP f/1.8

Tele: 12MP f/3.4 OIS

3D Depth Sensing Camera

4 ตัว
Main: 108MP f/1.8 OIS
Ultra Wide: 12MP f/2.2
Tele: 48MP f/3.5 OIS
Depth Vision
3 ตัว
Main: 48MP f/1.7
Ultra Wide: 48MP f/2.2
Tele: 13MP
4 ตัว
Main: 48MP f/1.7 OISUltra Wide: 48MP f/2.2Tele: 8MP f/2.44 OISColour Filter Camera: 5MP f/2.4
4 ตัว
Main: 108MP f/1.7
Ultra Wide: 20MP f/2.2
Short Tele: 12MP f/2.0
Long Tele: 8MP f/2.0
Optical Zoom 5x 4x
5x (Hybrid Optical)
3x 2x
Digital Zoom 50x 100x 60x 30x 50x
กล้องหน้า 32MP AF + Depth Camera 40MP AF f/2.2 32MP 16MP f/2.45 20MP f/2.0
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใต้หน้าจอ Optical ใต้หน้าจอ Ultrasonic ใต้หน้าจอ Optical ใต้หน้าจอ Optical ใต้หน้าจอ Optical
5G รองรับ รองรับ รองรับ รองรับ รองรับ
แบตเตอรี่ 4,200 mAh 5,000 mAh 4,260 mAh 4,510 mAh 4,500 mAh
ชาร์จไว 40W 45W 65W 30W 50W
ชาร์จไร้สาย 27W 15W ไม่รองรับ 30W ไม่รองรับ
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 IP68 IP68 IP68 ไม่รองรับ
ระบบปฏิบัติการ Android 10 + EMUI 10.1 ไม่มี Google Mobile Service Android 10 + One UI 2.0
Android 10 + Color OS 7.1
Android 10 + Oxygen OS
Android 10 + MIUI 11

ดีไซน์และหน้าจอ

ในบรรดาเรือธงทั้ง 4 รุ่น Galaxy S20 Ultra ถือว่าน่าจะเป็นพี่ไซส์ใหญ่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะให้หน้าจอมาขนาดใหญ่ถึง 6.9 นิ้ว เรียกว่าอีกนิดก็สามารถสถาปนาแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นแทบเล็ตได้แล้วล่ะ สิ่งที่น่าสนใจก็คือทั้ง P40 Pro+, Find X2 Pro, Mi 10 Pro และ OnePlus 8 Pro ต่างมาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูด้วยกันทั้งสิ้น คงจะหมดยุคของมือถือจอติ่งแล้วล่ะ โดยรูของ P40 Pro ถือว่าใหญ่และกินพื้นที่หน้าจอไปเยอะมาก เพราะต้องเจาะรูใส่กล้องหน้า + กล้อง Depth IR

แม้ Galaxy S20 Ultra จะเป็นพี่ใหญ่สุดในเรื่องของขนาด แต่พอมาถึงสเปคกลายเป็น OPPO Find X2 Pro และ OnePlus 8 Pro ที่เบียดแซงไปด้วยหน้าจอ QHD+ 120Hz เพราะว่า S20 Ultra นั้นหากเปิด 120Hz ต้องปรับความละเอียดลงไปที่ Full HD+ นั่นเอง ส่วน P40 Pro และ Mi 10 Pro นั้นด้อยกว่าทั้งเรื่องความละเอียดที่ไปไม่ถึง QHD+ แถมยังมี Refresh Rate แค่ 90Hz เท่านั้น

 

ประสิทธิภาพชิป

สมาร์ทโฟนทั้ง 5 รุ่นที่ผมจับมาเปรียบเทียบครั้งนี้ ต่างใช้บริการชิปเซ็ตระดับท็อปๆ ของวงการด้วยกันทั้งสิ้น ทั้ง Snapdragon 865, Kirin 990 และ Exynos 990 ต้องบอกว่าประสิทธิภาพความแรงน่าจะเชือดเฉือนกันไม่มาก ซึ่ง 3 ค่ายที่ถือไพ่เหนือกว่าคือ Find X2 Pro, OnePlus 8 Pro และ Mi 10 Pro ที่ใช้ Snapdragon 865 ยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพเลยก็ว่าได้ ทั้งแรงทั้งจัดการพลังงานได้ค่อนข้างดี ขณะที่ Exynos 990 ของ Galaxy S20 Ultra ยังมีปัญหาเรื่องซดแบตอยู่ และ Kirin 990 ยังคงไม่เป็นที่หมายปองของสายเกมมิ่ง แม้ว่า Huawei จะพยายามยัด GPU Turbo มาให้

ส่วนในเรื่องของการเปิดแอป อ่านเขียนไฟล์ สมาร์ทโฟนทั้ง 5 รุ่น ก็มากับ UFS 3.0 ที่รับประกันว่าอ่านเขียนไฟล์ลื่นปรื๊ดๆ จะมีความแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องของ cache และระบบการเพิ่มความเร็วในการเขียนอ่าน ซึ่งไม่มีรุ่นไหนที่บอกรายละเอียดชัดเจนตรงนี้สักเท่าไหร่

กล้องถ่ายภาพ

มาถึงเรื่องกล้องอันนี้เป็นอะไรที่เปรียบเทียบยากมากๆ เพราะรุ่นที่หยิบมาเทียบนั้น ต่างมีกล้องเทพๆ ด้วยกันทั้งหมด ถ้าจะวัดคะแนนกันตรงๆ ก็คงต้องเอา DxOMark มาอ้างที่ตอนนี้ P40 Pro ที่ตอนนี้กำลังครองอันดับหนึ่ง กวาดคะแนนไปมากถึง 128 คะแนน ตามมาด้วยอันดับสองร่วมอย่าง Find X2 Pro และ Mi 10 Pro ที่ได้คะแนนไปทั้งหมด 124 คะแนน

แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่าทั้ง 5 รุ่นนี้เอาจริงๆ แล้วใครจะถ่ายรูปสวยกว่า การตัดเกรดให้คะแนนเรื่องกล้องและภาพที่เราเสพย์ด้วยสายตานั้น มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเอามาแทนค่าด้วยตัวเลขคะแนน หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ตาใครตามัน ใครชอบโทนสีแบบไหน หรือสไตล์ภาพยังไงก็ขึ้นอยู่กับเราๆ ท่านๆ ทั้งนั้น และนอกจากเรื่องภาพแล้ว มันยังมีเรื่องของความยากง่ายในการใช้งาน โหมดต่างๆ รวมถึงความเร็วในการถ่ายภาพและเซฟด้วย

มาเจาะสเปคกล้องกันแบบลึกๆ ของแต่ละรุ่นกันบ้าง เริ่มจาก P40 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อคืนกันก่อนเลยดีกว่า โดย P40 Pro มากับกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วยเซนเซอร์หลักความละเอียด 50MP, กล้อง Ultra Wide 40MP, กล้อง Tele 12MP ซูม Optical ได้ 5x และแบบ Digital ถึง 50x และตัวสุดท้ายเป็นเซนเซอร์สามมิติ Depth Sensing Camera

Galaxy S20 Ultra เรือธงจากค่าย Samsung มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบไปด้วยเซนเซอร์หลัก 108MP, กล้อง Ultra Wide 12MP, กล้อง Tele 48MP และมีเซนเซอร์ 3 มิติสำหรับวัดระยะ และละลายฉากหลังเวลาถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอ หรือที่ Samsung เรียกว่า Live Focus นั่นเองครับ ซึ่งไฮไลท์หลักๆ อยู่ที่ Galaxy S20 Ultra สามารถดันซูม Digital ได้มากถึง 100x เรียกว่าถึงดวงจันทร์กันเลยทีเดียว

มาถึง Find X2 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มากับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยเซนเซอร์หลัก 48MP, กล้อง Ultra Wide 48MP และกล้อง Tele 13MP มีซูม Hybrid Optical ได้ 5x และ Digital Zoom สุดไกล 60x 

ขณะที่ OnePlus 8 Pro มากับกล้องหลัง 4 ตัว ซึ่งถือเป็นมือถือรุ่นแรกของ OnePlus เลยที่ใส่กล้องหลังมาให้เยอะเท่านี้ ประกอบไปด้วย เซนเซอร์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยสามารถซูมแบบ Optical ได้ 3x และแบบ Digital ได้ 30x และกล้องตัวสุดท้ายเป็น Colour Filter Camera ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

ส่วน Mi 10 Pro มาพร้อมกล้อง 4 ตัว ได้แก่ เซนเซอร์หลักความละเอียด 108MP, กล้อง Ultra Wide 20MP, กล้อง Short Tele 12MP และกล้อง Long Tele อีกด้วย 8MP โดย Mi 10 Pro มี Optical Zoom 2x และ Digital Zoom 50x 

 

พลิกมาคุยกันเรื่องกล้องหน้ากันบ้าง P40 Pro ที่ Huawei ใส่กล้องหน้า 32MP มาพร้อมกับ Depth Camera เอาไว้เบลอฉากหลังเป็นพิเศษ ทำให้การถ่ายภาพในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ น่าจะทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร

ขณะที่รุ่นอื่นๆ อย่าง Mi 10 Pro, Find X2 Pro, OnePlus 8 Pro และ Galaxy S20 Ultra มากับกล้องหน้าความละเอียด 20MP, 32MP, 16MP และ 40MP ตามลำดับ ซึ่งคุณภาพก็ไม่ได้ลดหลั่นไปกว่ากันเท่าไหร่ มีโหมด AI Beauty กล้องฟรุ้งฟริ้งด้วยกันทั้งหมด

 

มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น

ทั้ง P40 Pro, Find X2 Pro , OnePlus 8 Pro และ Galaxy S20 Ultra ต่างมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ด้วยกันทั้งสิ้น นั่นหมายความว่า สมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่นสามารถลงไปอยู่ในน้ำที่ความลึก 1.5 เมตร เป็นเวลานานถึง 30 นาที แต่ก็ไม่ได้แนะนำให้เอาไปจุ่มน้ำเล่นนะ โดยจะมีเพียง Mi 10 Pro เพียงแค่รุ่นเดียวเท่านั้นที่ไม่มีมาตรฐานนี้ จุดนี้ถ้าใครไม่คิดจะเอาโทรศัพท์ไปเล่นใต้น้ำอยู่แล้ว ก็ไม่ได้น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ

 

แบตเตอรี่

ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ โดย P40 Pro ให้ความจุมา 4,200 mAh รองรับชาร์จไว 40W, Mi 10 Pro มีแบต 4,500 mAh รองรับชาร์จไว 50W, Find X2 Pro แบต 4,260 mAh แต่ระบบชาร์จไวให้มาจัดเต็ม ข่มคนอื่นที่ 65W , OnePlus 8 Pro แบต 4,510 mAh รองรับชาร์จไว 30W สุดท้าย Galaxy S20 Ultra ใส่แบตมาให้เยอะสุด 5,000 mAh มีชาร์จไวให้ที่ 45W คือถ้าเอาระบบชาร์จผ่านสายนั้น Find X2 Pro ก็ชนะไปแบบสบายๆ

ส่วนเรื่องการชาร์จแบบไร้สายนั้นกลายเป็น OnePlus 8 Pro เพราะรองรับที่ความเร็วถึง 30W ส่วน Huawei และ Samsung รองรับแค่ 27W และ 15W เท่านั้น

สรุป

ใครที่ชอบถ่ายรูปถ่ายวิดีโอตอนนี้บอกเลยว่าทั้ง 5 รุ่นนั้นพลังของกล้องสูสีกันจนตบกันไม่ลง จะมีก็พวกฟีเจอร์กล้องต่างๆ ที่แต่ละค่ายจะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไปซึ่งใครชอบรุ่นลูกเล่นแบบไหน ก็คงต้องเลือกหยิบค่ายนั้น

  • Huawei P40 Pro ชูจุดเด่นกล้องซูม ถ่ายแสงน้อยเด่นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ มี Golden Snap , Audio Zoom
  • Galaxy S20 Ultra พลังกล้อง 108MP, ถ่ายวิดีโอ 8K , Single Take, สลับกล้องได้ทุกตัวในโหมดวิดีโอ, ซูมไกล 100 เท่า, Audio Zoom
  • OPPO Find X2 Pro กล้องมีระบบ OMNI PDAF โฟกัสแม่นแม้แสงน้อย,  ถ่ายวิดีโอ Live HDR, บันทึกเสียงแบบ 3D OZO Audio, Audio Zoom
  • OnePlus 8 Pro เน้นเครื่องแรง OS ลื่นไหล ถ่ายรูปและวิดีโอไดนามิคเรนจ์ดกว้าง, มีกล้องฟิลเตอร์สี, Audio Zoom
  • Mi 10 Pro เน้นสเปคเครื่อง และกล้อง 108MP เก็บรายละเอียด พร้อมระบบซูมไกล




แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากได้มือถือเครื่องใหม่ที่มีสเปคแบบเรือธงเท่านั้น บอกเลยได้ว่าในบรรดา 5 รุ่นนี้ จิ้มเครื่องไหนไป ก็ไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

อ้อ!….เกือบลืมไปเลย ใครที่สงสัยว่า Huawei P40 Pro มี Google Mobile Services ไหม อันนี้ตอบได้ 100% เลยว่าไม่มีนะครับ ใครที่ตัดสินใจเลือก P40 Proอก็อย่าลืมคำนึงถึงจุดนี้ด้วย ซึ่งทาง Huawei เองก็เน้นผลักดัน Huawei Mobile Services มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง AppGallery ด้วย คาดว่าในอนาคตน่าจะมีแอปยอดฮิตต่างๆ เข้าไปมาอีกแน่นอน

from:https://droidsans.com/huawei-p40-pro-plus-compared-to-android-flagships/

Xiaomi เผยไม่ได้แซะ Huawei เรื่องที่ Mi 10 Pro ระบุไว้ข้างกล่องว่าสามารถใช้งานแอปจาก Google ได้

Xiaomi เริ่มวางจำหน่าย Mi 10 Pro เวอร์ชั่น Global ในบางประเทศไปแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าหลายๆ เว็บมีการแกะกล่องรีวิวมือถือ 5G รุ่นใหม่ไปในบางเวบ แต่กลับมีข้อความบนกล่องที่ดูแล้วแอบมีนัยอะไรสักอย่าง เพราะมันพิมพ์เอาไว้ว่า “With easy access to the Google apps you use most”  – เข้าถึงแอป Google ที่คุณใช้เป็นประจำได้สบายๆ เหมือนเป็นการปล่อยหมัดน็อคใส่เพื่อนร่วมชาติอย่าง Huawei ยังไงยังงั้น

แน่นอนว่าเกิดกระแสขึ้นมาบนโลกออนไลน์ทันทีว่า Xiaomi ได้ทำการแซะ Huawei ไปเต็มๆ หนึ่งดอกถึงการขาดหายไปของ GMS หรือ Google Mobile Service ที่โดนแบนจากสงครามการค้าไปเมื่อช่วงปีที่แล้ว และต้องหันมาพัฒนา Huawei Mobile Service ใช้เอง

ล่าสุดทาง Xiaomi ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าข้อความนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะแซวหรือโทรล Huawei แต่อย่างใด แต่เป็นข้อความโปรโมทหรือสโลแกนคล้ายๆ กับ Powered by Android ที่มีโลโก้ขึ้นตอนบูทเครื่อง หรือ Intel Inside ที่แปะอยู่บนคอมพิวเตอร์

ข้อความ With easy access to the Google apps you use most บนกล่อง Mi 10 Pro นั้นก็เหมือนเป็นการโปรโมทแอปและบริการของ Google นั่นเอง โดยทาง Xiaomi ได้ย้ำว่า Mi 10 นั้นเป็นรุ่นแรกที่มีการเซ็นต์สัญญาบนข้อตกลงใหม่ๆ ของ Google ซึ่งรวมถึงการโปรโมทบริการต่างๆ ด้วยนั่นเอง แต่จนถึงตอนนี้ทาง Google ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นอะไรเพิ่มเติมครับ

 

 

source : scmp , gadgetmatch

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-pro-not-troll-huawei-but-new-google-regulation/

เทียบสเปคมือถือเรือธงต้นปี 2020 | Galaxy S20 Ultra vs Mi 10 Pro vs realme X50 Pro vs Xperia 1 Mark II

เริ่มต้นปี 2020 มาไม่ถึง 2 เดือนดี ก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงมาเปิดตัวออกมาแล้วถึง 4 รุ่นด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro, Xperia 1 Mark II และล่าสุด realme X50 Pro โดยวันนี้ผมเองจะมาเขียนสเปคเปรียบเทียบของมือถือทั้ง 4 รุ่นแบบคร่าวๆ ว่าแต่ละรุ่นมีสเปคต่างกันแค่ไหน หรือมีฟีเจอร์อะไรเด่นกว่ารุ่นอื่นบ้าง

สเปค Galaxy S20 Ultra | Mi 10 Pro | Xperia 1 Mark II | realme X50 Pro

Galaxy S20 Ultra Mi 10 Pro Xperia 1 Mark II realme X50 Pro
หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว
ความละเอียด Quad HD+ Full HD+ Ultra HD (4K) Full HD+
ค่ารีเฟรชเรท 120 Hz 90 Hz Motion Blur Reduction ทำงานเหมือน 90 Hz 90 Hz
ชิปเซ็ต  Exynos 990 Snapdragon 865 Snapdragon 865 Snapdragon 865
RAM 12GB 8GB | 12GB 8GB 6GB | 8GB | 12GB
ความจุ 128GB รองรับ MicroSD Card 128GB | 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card 256GB รองรับ MicroSD Card 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card
หน่วยความจำ UFS 3.0 UFS 3.0 UFS 2.1 UFS 3.0
กล้องหลัง

4 ตัว

  • Wide: 108MP f/1.8, PDAF, OIS
  • Telephoto: 48MP f/3.5, PDAF, OIS
    • Hybrid Optic Zoom 10x
    • Space Zoom 100x
  • Ultra Wide: 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
  • เซนเซอร์ DepthVision (ToF)
4 ตัว

  • Wide: 108MP f/1.7
  • Telephoto ระยะใกล้: 12MP f/2.0 ซูม 2x
  • Telephoto ระยะไกล: 8MP f/2.0 ซูม 10x Digital Zoom 50x
  • Ultra Wide: 20MP f/2.2

4 ตัว

  • Wide: 12MP f/1.7, Dual PDAF, OIS
  • Telephoto: 12MP f/2.4, PDAF, OIS
  • Ultra Wide: 12MP f/2.2, Dual PDAF
  • เซนเซอร์ 3 มิติ ToF

4 ตัว

  • Wide: 64MP f/1.8
  • Telephoto: 12MP f/2.5 Digital Zoom 20x
  • Ultra Wide: 8MP f/2.3, PDAF มุมกว้าง 119 องศา
  • Depth Sensor: 2MP f/2.4
กล้องหน้า 40MP, PDAF, f/2.2 20MP f/2.0 8MP f/2.0  

  • Wide: 32MP, f/2.5
  • Ultra Wide: 8MP f/2.2 
แบตเตอรี่ 5,000 mAh 4,500 mAh 4,000 mAh 4,200 mAh
ระบบชาร์จไว 45W 50W 21W 65W
ลำโพง สเตอริโอ สเตอริโอ สเตอริโอ สเตอริโอ
รูหูฟัง ไม่มี ไม่มี มี ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ไม่รองรับ IP65/68 ไม่รองรับ
ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.0 Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 11 Android 10 Android 10 ครอบทับด้วย realme UI

 

หน้าจอ

มือถือเรือธงในปี 2020 จะใส่ค่ารีเฟรชเรทหน้าจอมาให้ที่ 90 Hz – 120 Hz เกือบหมดทุกรุ่นแล้ว ซึ่งทั้ง Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ก็มาตามนัด ให้หน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 90 Hz – 120 Hz กันถ้วนหน้า แต่สำหรับ Xperia 1 II ดูเหมือนจะอินดี้กว่าเค้าอีกแล้ว เพราะให้หน้าจอรีเฟรชเรทมาแค่ 60 Hz เท่านั้น แต่ก็ถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี Motion Blur Reduction ซึ่งจะลดอาการเบลอของภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอลงไป ทำให้ฟิลลิ่งเหมือนกับใช้งานจอ 90 Hz ยังไงยังงั้น และยังเหนือกว่ารุ่นอื่นก็คือ Xperia 1 II มีความละเอียดหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ Ultra HD หรือ 4K เลยทีเดียว

Xperia 1 II มากับจอ OLED 4K รองรับ HDR

แต่ถ้าใครต้องการมือถือที่มีหน้าจอแบบครบเครื่องทั้งรีเฟรชเรทสูง ความละเอียดสูง การแสดงผลระดับสูง ก็ต้องหันมาดู Galaxy S20 Ultra ซึ่งสามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ QHD+ หรือ 2K แถมยังมีรีเฟรชเรทสูงถึง 120 Hz อีกด้วย

Galaxy S20 Ultra ที่มีค่ารีเฟรชรทสูง 120Hz

ส่วนใครที่ไม่ค่อยถูกใจมือถือหน้าจอที่มีขอบโค้ง เพราะรู้สึกว่ามีปัญหากับเหล่ากระจก และฟิล์มกันรอย รวมถึงชอบทัชลั่นจากการที่อุ้งมือไปโดนขอบจอแบบไม่ตั้งใจ ทั้ง 4 รุ่นนี้ ก็จะมี Galaxy S20 Ultra และ Mi 10 Pro เท่านั้น ที่ใช้หน้าจอแบบ Curved Display ซึ่งคราวนี้ต้นตำรับจอโค้งอย่าง Galaxy S20 Ultra ได้ลดความโค้งของขอบจอลงไปเหลือแค่ราวๆ กระจก 2.5D เท่านั้น ในขณะที่ Mi 10 Pro ดูจะมีหน้าจอที่โค้งที่สุดแล้ว

 

ประสิทธิภาพการใช้งาน

ทั้ง Mi 10 Pro, Xperia 1 II และ realme X50 Pro ต่างมาพร้อมกับชิปตัวท็อป Snapdragon 865 ที่การันตีความแรง ใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมปรับสุด เฟรมเรทไม่มีตกอย่างแน่นอน ขณะที่ Galaxy S20 Ultra (ในตลาดส่วนใหญ่) เลือกใช้ชิปที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง Exynos 990 ที่แม้ว่าประสิทธิภาพความแรงจะไม่ได้ต่างอะไรกับของ Qualcomm มาก แต่เรื่อง GPU หรือการเล่นเกม ในส่วนนี้อาจจะต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่า Galaxy S20 Ultra จะเล่นเกมหรือใช้งานอื่นๆ สู้มือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 865 ไม่ได้นะครับ เพราะเอาจริงๆ ถ้าไม่ได้เอามาวัดคะแนนกัน ก็แทบไม่มีความแตกต่างในการใช้งานอยู่แล้ว

Galaxy S20 Ultra เวอร์ชั่นขายไทย จะมีเพียงแค่รุ่น RAM 12GB เท่านั้น ซึ่งความจุขนาดนั้น ผมกล้ายืนยันได้เลยว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบเหลือๆ อย่างแน่นอน ส่วน Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ก็มี RAM ให้เลือกหลายขนาด และสูงสุดที่ 12GB ให้เลือกใช้เช่นกัน ขณะที่ Xperia 1 II นั้น มีเพียงแค่รุ่น 8GB เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม RAM 8GB สำหรับการใช้งานในปี 2020 ผมยังมองว่าเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะ

สเปคอีกหนึ่งอย่างที่จะเข้ามาช่วยให้การใช้งานมือถือรวดเร็วและลื่นไหลก็คือความจุเครื่องนั่นเอง โดย Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ต่างใช้หน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ซึ่งมีความเร็วในการอ่าน-เขียนเร็วปรี๊ด ทำให้การย้ายไฟล์ คัดลอกไฟล์ เร็วกว่า รวมถึงการเปิดแอปต่างๆ ก็ยังเร็วกว่าด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว UFS 3.0 น่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับมือถือเรือธงในปี 2020 ไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม Xperia 1 Mark II กลับใช้ UFS 2.1 ที่มีความเร็วน้อยกว่า UFS 3.0 ราวๆ 2 เท่า (ผู้ใช้บางคนอาจไม่สนเรื่องนี้นัก ก็พอมองข้ามไปได้ครับ)

 

กล้องหลัง

สมาร์ทโฟนทั้ง 4 รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ ต่างมาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวด้วยกันทั้งหมด แต่สเปคและประเภทของเลนส์ จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากใครไม่อยากเลื่อนขึ้นไปอ่านสเปคกล้องด้านบน ผมเขียนสรุปตรงนี้ให้อ่านง่ายๆ กันอีกรอบแล้วครับ

Galaxy S20 Ultra Mi 10 Pro Xperia 1 II realme X50 Pro
จำนวนกล้อง 4 ตัว 4 ตัว 4 ตัว 4 ตัว
กล้องหลัก 108MP f/1.8 108MP f/1.7 12MP f/1.7 64MP f/1.8
กล้อง Telephoto 48MP f/3.5 12MP f/2.0

8MP f/2.0

12MP f/2.4 12MP f/2.5
กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา 20MP f/2.2 12MP f/2.2 มุมกว้าง 124 องศา 8MP f/2.3 มุมกว้าง 119 องศา
กล้อง Depth Sensor DepthVision (ToF Sensor) ไม่มี ToF Sensor 2MP f/2.4
Optical Zoom 10x 2x 3x
Digital Zoom  100x 50x 10x 20x
ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K 8K 4K 4K

 

ใน 4 รุ่นนี้ จะมีเฉพาะ Galaxy S20 Ultra และ Xperia 1 II เท่านั้นที่ให้เซ็นเซอร์ 3 มิติ สำหรับการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอมาด้วย แต่รุ่น Mi 10 Pro และ realme X50 Pro จะใช้แค่กล้อง 2D ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ทำให้ภาพที่ออกมาอาจจะตัดขอบ และเบลอหลังได้ไม่เนียนเท่า 2 รุ่นแรก

Xiaomi Mi 10 Pro

ส่วนฟีเจอร์การซูม เดี๋ยวนี้แทบจะเป็นจุดขายของมือถือเรือธงกันไปแล้ว โดยใครที่ต้องการระยะซูมโหดๆ Galaxy S20 Ultra ก็ตอบโจทย์สุดๆ เพราะใส่มาให้แบบจัดเต็มกับฟีเจอร์ Space Zoom ที่สามารถซูมได้ (โคตร) ไกลที่ 100x รองลงมาเป็น Mi 10 Pro ที่ดันระยะ Digital Zoom ได้ไกลสุด 50x ถัดมาเป็น realme X50 Pro ที่มีระยะซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 20x และสุดท้ายคือ Xperia 1 II ที่ซูมได้เต็มที่ 10x



กล้องหน้า

กล้องเซลฟี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องของใครหลายๆ คน ซึ่งจุดนี้ ดูเหมือนว่า realme X50 Pro จะถือไพ่เหนือกว่าอีก 3 รุ่นที่เหลือ เพราะใส่กล้องหน้ามาให้ถึง 2 ตัว ความละเอียด 32MP + 8MP ทำให้การถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอทั้งภาพและวิดีโอเซลฟี่ละลายพื้นหลังได้เนียนกว่ารุ่นที่เหลืออย่างแน่นอน แถมกล้องทั้ง 2 ตัว ยังเป็นเลนส์ Wide และ Ultrawide ทำให้สามารถเก็บภาพได้ในมุมกว้างกว่า ซึ่งเหมาะกับการถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่มด้วย

realme x50 Pro

ส่วนอีกรุ่นที่มีกล้องเซลฟี่ดีไม่แพ้กันก็คือ Galaxy S20 Ultra ที่ถึงแม้จะมีกล้องแค่ตัวเดียว แต่ก็มีความละเอียดสูงปรี๊ดถึง 40MP แถมยังมี PDAF เข้ามาช่วยในการโฟกัสภาพให้เร็ว และแม่นยำมากขึ้น

 

แบตเตอรี่

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยนี้ ความจุแบตเตอรี่แทบจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ของการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือเลยก็ว่าได้ โดยหากว่ากันด้วยเรื่องของความจุ ตรงนี้ Galaxy S20 Ultra กินขาดเลยครับ เพราะมาพร้อมกับแบตขนาด 5,000 มิลลิแอมป์ อีกทั้งยังรองรับชาร์จไวอีก 45W ชาร์จแป๊บเดียว ได้แบตเล่นแบบเพลินๆ เป็นชั่วโมง แต่ถ้าเน้นชาร์จไวที่สุด คงหนีไม่พ้น realme X50 Pro อีกตามเคย เจ้านี้จัดเต็มตลอดเรื่องชาร์จไว โดยรอบนี้อัดมาให้ถึง 65W ชาร์จเพียงแค่ 35 นาที เต็ม!

realme X50 Pro มากับระบบชาร์จไว SuperDart 65W

ส่วนอีกรุ่นที่ถึงแม้ว่าจะชาร์จไวไม่เท่าแต่สูสี ก็คือ Mi 10 Pro ที่ให้แบตเตอรี่มา 4500 mAh พร้อมระบบชาร์จ 50W ที่เอาจริงๆ ก็แทบจะใช้เวลาชาร์จห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่สำหรับ Xperia 1 II น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เน้นทั้งขนาดแบตเตอรี่และระบบชาร์จไวเท่าไหร่ เพราะให้มาแค่ 4000 mAh และระบบชาร์จก็ให้มาแค่ 21W เท่านั้น

 

เลือกซื้อรุ่นไหนดี?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สมาร์ทโฟนที่เรานำมาเปรียบเทียบทั้ง 4 รุ่นนั้น ถือว่าสามารถทำมาใช้งาน เล่นโซเชียล ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ 4K เล่นเกมลงแรงค์ได้แบบสบายๆ ไม่เจอกับอาการกระตุกอย่างแน่นอน เพราะต่างเป็นมือถือระดับท็อปๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งใครที่กำลังมองหามือถือเรือธงรุ่นใหม่มาจับจองสักเครื่องก็ต้องมานั่งพิจารณาว่าตัวเองอยากได้ฟีเจอร์ไหนมากที่สุด เพราะแต่ละรุ่นก็มีฟีเจอร์เด่นที่ต่างกันพอสมควร

  • อยากได้มือถือครบเครื่อง สเปค จอ กล้อง แบตอึด ชาร์จไว กันน้ำ แถมระบบซูมไกลลิ่ว 100x แน่นอนว่าต้องเลือก Galaxy S20 Ultra
  • อยากได้มือถือกล้องสูสีกับ Galaxy S20 Ultra ซูมไกลๆ 50x พร้อมสเปคแรงหายห่วง แต่ราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง ก็ต้องเลือก Mi 10 Pro
  • อยากได้มือถือจอความละเอียดสูง 4K กล้องเทพ (รอการทดสอบจริงอีกที) และยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. พร้อมระบบเสียงเทพๆ ก็ต้องเลือก Xperia 1 II
  • อยากได้มือถือแรงๆ กล้องดีทั้งหน้าทั้งหลัง ชาร์จแบตเตอรี่ (โคตร) ไว แต่ราคาเป็นมิตรที่สุด ก็ต้องเลือก realme X50 Pro

อย่างน้อยก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ ในการเลือกซื้อมือถือเรือธงปี 2020 ในช่วงนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนเรื่องราคาน่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมีแค่รุ่น Galaxy S20 Ultra เท่านั้นที่ประกาศราคาในไทย ก็เลยไม่ได้เอามาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจด้วยนะครับ แต่คาดว่าแค่สเปค และฟีเจอร์ของมือถือแต่ละรุ่น หลายๆ คนก็น่าจะมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วล่ะครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://droidsans.com/android-flagship-devices-2020-comparison/

Xiaomi Mi 10 Pro โดนจับแงะ โชว์แผงระบายความร้อนอย่างใหญ่ ลำโพงคู่สเตอริโอ และกล้อง 4 ตัวครบชุด

Mi 10 Pro มือถือตัวท็อปจาก Xiaomi ได้เปิดตัวและเริ่มวางขายในประเทศจีนไปแล้ว แน่นอนว่าของหมดภายในเวลาไม่กี่นาทีตามเคย ด้วยสเปคที่จัดเต็มตั้งแต่ Snapdragon 865 กล้องหลัง 4 ตัว 108 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 4500 มิลลิแอมป์ ไปจนถึงระบบชารร์เร็ว 50 วัตต์ และตอนนี้ Mi 10 Pro ก็ได้ถูกจับมาแยกร่างเผยชิ้นส่วนภายในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้วยความที่ตัวเครื่องนั้นมีการซีลด้วยกาวบริเวณฝาหลัง การจะแกะออกก็ต้องมีขั้นตอนและอุปกรณ์กันนิดหน่อย ในภาพคือมีตัวยึดจุกสูญญากาศยึดฝาหลัง แล้วค่อยๆ ขยับเกลียวเพื่อดึงออก

ลอกกาวออกมาเรียบร้อยก็จะสามารถดูชิ้นส่วนภายในของ Mi 10 Pro กันได้แล้ว

แผ่นแรกที่วางทับอยู่บนสุดหลังจากเปิดฝามาเจอเลยก็คือแผง NFC และระบบชาร์จไร้สาย Qi

ตำแหน่งของ NFC นั้นจะอยู่ด้านบนถัดไปจากกล้องหลัง ส่วนขดลวดกลมๆ ด้านล่างนั้นเอาไว้รับไฟจากระบบชาร์จไร้สาย Super Wireless Charge 30 วัตต์

Xiaomi ยังใส่ลำโพงคู่สเตอริโอมาให้ใน Mi 10 Pro ด้วย ซึ่งพลังเสียงนั้นว่ากันว่ากระหึ่มกว่า Mi 9 เป็น 2 เท่า

อีกส่วนนึงที่น่าสนใจคือระบบระบายความร้อน VC liquid cooling ที่มีขนาดใหญ่สุดๆ บนมือถือในเวลานี้ มีพื้นที่ถึง 3,000 ตารางมิลลิเมตร ทำงานร่วมกับชั้นของ graphene ในการระบายความร้อน

มาถึงแผงวงจรที่มีชิปเซ็ต Snapdragon 865 กับ RAM LPDDDR5 ถัดลงมาคือหน่วยความจำ UFS 3.0 และโมเดม 5G X55 จาก Qualcomm ที่รองรับคลื่นทั้ง SA และ NSA

ไฮไลท์ของ Mi 10 Pro  คือกล้องหลัง 4 ตัว Quad camera ที่เมื่อเปิดตัวเครื่องมาดูขนาดเซนเซอร์ภายในแล้วต้องอึ้งไปตามๆ กัน เพราะกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซลน้้นมีขนาดเซนเซอร์ใหญ่สุดๆ เทียบกับกล้องอีก 3 ตัวแล้วคนละเรื่องกันเลยทีเดียวเพราะมีขนาดถึง 1/33″ เลนส์ 8 ชิ้น รูรับแสง f1.65 และยังมีกันสั่น OIS มาด้วย

ปิดท้ายกันด้วยคลิปเต็มๆ ของการแกะ Xiaomi Mi 10 Pro ที่ทำออกมาได้ดูดีมากๆ ข้างบนที่ผมแปะๆ ภาพมานั้นเลือกเอามาแค่บางส่วน จริงๆ ยังมีอีกหลายชิ้นเลยครับ

ส่วนรายละเอียดทัังหมดเรือธงรุ่นนี้สามารถไปอ่านได้ที่ เปิดตัว Mi 10 / Mi 10 Pro ครับ

 

source : gsmarena

from:https://droidsans.com/mi-10-pro-teardown-video/

Xiaomi Mi 10/10 Pro เรือธงสเปคเทพ Snap 865, RAM LPDDR5, กล้อง 108MP ซูม 50x เปิดราคาเริ่มต้นราว 18,000 บาท

Xiaomi เปิดตัวมือถือเรือธงรุ่น Mi 10 และ Mi 10 Pro เรียบร้อยแล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศจีน และเช่นเคยที่ Xiaomi ก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ด้วยการเปิดตัวมือถือระดับเรือธงที่อัดสเปคมาให้แบบแน่นเอี้ยด ทั้งชิป Snapdragon 865, จอ 90Hz, RAM LPDDR5, ความจะ UFS 3.0, กล้องหลังสุดเทพ 108MP ที่ซูมได้ไกลถึง 50x และอื่นๆ อีกเพียบ โดยเปิดราคาเริ่มต้นมาแค่ราวๆ 18,000 บาท

หน้าจอของ Xiaomi Mi 10 / Mi 10 Pro เป็นหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว เจาะรูที่มุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่, ความละเอียด FHD+, รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+, รีเฟรชเรท 90Hz, ค่า Contrast 5,000,000 : 1

สุดแรงด้วยชิป Snapdragon 865  และ RAM แบบ LPDDR5 เริ่มต้น 12GB ทำให้มือถือรุ่นนี้เรียกได้ว่าแรงสุดๆ จะใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมกราฟฟิคโหดๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหน่วงหรือกระตุกให้เสียอารมณ์ แถมยังประหยัดพลังงานกว่าเดิมอีกด้วย

 

หน่วยความจำแบบ UFS 3.0 แม้ว่าจะมีใช้กับมือถือระดับเรือธงหลายๆ รุ่น แต่ Xiaomi Mi 10 จะมีความเร็วในการเขียนข้อมูลที่มากกว่า ด้วยเทคโนโลยี Write Turbo ทำให้มันสามารถเขียนข้อมูลที่ความเร็วถึง 730 Mbps เลยทีเดียว

 

กล้องหลังของ Xiaomi Mi 10 / Mi 10 Pro มีทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลักความละเอียดสูง 108MP + กล้อง Ultrawide 13MP + กล้องจับความลึก 2MP + กล้อง Macro 2MP และมีระบบกันสั่น OIS + EIS เพิ่มความนิ่งในการถ่ายทั้งภาพและวิดีโอ แถมยังมีโหมดเก็บภาพแบบเต็มความละเอียด 108MP เพื่อนำมา Crop เอาส่วนที่ต้องการได้ โดยที่ยังมีความคมชัดอยู่

 

Xiaomi Mi 10 / 10 Pro ยังสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K และยังมีโหมด Pro สำหรับการตั้งค่าต่างๆ ในการถ่ายวิดีโอได้อีกด้วย

 

 

 

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-pro-official/

แฟนเสียใจ! Xiaomi Mi10 Series ยังไม่เปิดตัวในระดับโลก เพราะไวรัสโคโรน่า

หลังจาก Xiaomi ได้เปิดตัว Mi 10 และ Mi 10 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ของพวกเขาในประเทศจีน ก็มีข่าวยืนยันที่หักอกแฟนๆ ตามออกมาเลยครับว่า การจัดงานเปิดตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นในระดับโลกของ Mi10 Series ซึ่งแต่เดิมถูกวางไว้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ก่อนหน้างาน MWC หนึ่งวัน จะถูกยกเลิกและเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน ด้วยเหตุผลที่รู้เรากันดีครับ นั้นคือความกังวลใจเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หรือไวรัสโคโรน่านั้นเอง

ก็เป็นผลตามมาหลังจากที่ GSMA ผู้จัดงาน Mobile Wolrd Congress ได้ประกาศยกเลิกการจัดงาน MWC ไปแล้วก่อนหน้านี้ มันได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของทาง Xiaomi ครับ แม้ก่อนหน้านี้ทาง Xiaomi จะออกมายืนยันความตั้งใจที่จะไปร่วมงาน MWC อย่างชัดเจนก็ตามที แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับ

เพราะล่าสุดทาง Xiaomi ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ขอเลื่อนงานเปิดตัวสินค้าระดับโลก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้

สินค้าใหม่ของ Xiaomi ก็คือ Mi 10 และ Mi 10 Pro รวมถึงอุปกรณ์ IoT ตัวใหม่ๆ ที่เพิ่งจะเผยข้อมูลมาหมาดๆ ในประเทศจีนนั้นเอง โดยทาง Xiaomi ให้เหตุผลไว้ดังนี้ครับ

“เสียวหมี่ ตระหนักและเข้าใจเป็นอย่างยิ่งถึงการตัดสินใจของ GSMA ในการยกเลิกงาน Mobile World Congress Barcelona 2020 เนื่องด้วยความตระหนักในความปลอดภัยของทีมงานเสียวหมี่ พันธมิตรคู่ค้า และเพื่อนสื่อมวลชน รวมไปถึงผู้ที่จะเข้ามาเป็นแขกเยี่ยมชมบูธเสียวหมี่ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราจึงจะเลื่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเราอย่าง สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด Mi 10 series ซึ่งตามแผนเดิมจะจัดขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนงาน MWC หนึ่งวัน

ทั้งนี้ เราจะจัดงานเปิดตัวแยกอีกทีที่ยุโรปในภายหลัง ซึ่งเราจะนำเสนอข้อมูลต่างๆ ของ Mi 10 series และผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่น่าทึ่งเพื่อให้คุณได้ติดตามต่อไป

เสียวหมี่ ขอขอบคุณจากใจจริงถึง แฟนเสียวหมี่ทั่วโลก เพื่อนสื่อมวลชน พันธมิตรคู่ค้า และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา ที่ให้การสนับสนุนและให้ความสนใจด้วยดีมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

ขอบคุณทุกความเข้าใจที่มีให้กับเรา” พร้อมแฮชแท็ก #NoMiWithoutYou

การเลื่อนงานเปิดตัวในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์การวางจำหน่ายสินค้าของ Xiaomi นอกประเทศจีนหรือไม่? อาจจะมีผลครับ แต่ก็คงไม่นาน เพราะสินค้าก็ถูกพัฒนาและพร้อมจำหน่ายอยู่เต็มที่แล้ว ต่อให้งานเปิดตัวระดับโลกไม่ได้จัดขึ้น แต่สินค้าก็ถูกส่งมาขายยังประเทศต่างๆ ได้เช่นเดิม ยังไงแฟนๆ Xiaomi ชาวไทย เชื่อว่ารอกันไม่นานครับ สำหรับ Mi 10 และ Mi 10 Pro สองสมาร์ทโฟนตัวแรงรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ติดตามข้อมูลอัพเดทได้ใน Appdisqus นะครับ

ข่าว: แฟนเสียใจ! Xiaomi Mi10 Series ยังไม่เปิดตัวในระดับโลก เพราะไวรัสโคโรน่า มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/02/13/xiaomi-announce-cancel-mi10-series-launch-global.html

Xiaomi Mi 10 และ Mi 10 Pro เปิดตัวแล้ว สเปคเทพด้วยกล้อง 108 ล้าน และ Snapdragon 865 ในราคาเริ่มต้น 17,000 บาท

ในที่สุด Xiaomi Mi 10 และXiaomi Mi 10 Pro ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วครับในประเทศจีน แต่ข่าวเศร้าหน่อยตรงการเปิดตัวในระดับนานาชาติ ทาง Xiaomi กำลังจะประกาศขอเลื่อนงานเปิดตัวของทั้งคู่ออกไปจากวันที่ 23 กุมภา ด้วยเหตุผลที่ทาง MWC ขอยกเลิกการจัดงานด้วยความกังวลต่อไวรัส COVID-19

มาว่ากันที่ Xiaomi Mi 10 และXiaomi Mi 10 Pro ครับ สมาร์ทโฟนกล้องหลังสี่ตัวความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล และใช้หน่วยประมวลผลตัวแรงล่าสุด Snapdragon 865 โดยโทรศัพท์ทั้งสองรุ่นจะรองรับการชาร์จแบบไร้สาย เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 และเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนจาก Mi จะใช้หน้าจอแบบเจาะรูบนจอแสดงผลสำหรับการวางกล้องหน้าครับ

 

Xiaomi Mi 10 Pro

Xiaomi Mi 10 Pro มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED FullHD+ 6.67นิ้วแบบขอบโค้ง มีอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 90Hz และความเร็วการตอบสนองสัมผัส 180 Hz ความสว่างสูงสุดถึง 1200nit เลยทีเดียวครับ เป็นจอที่แสงสว่างมาก

 

กล้องหลังใช้เซ็นเซอร์ความละเอียดสูง 108ล้านพิกเซล แต่มีชั้นเลนส์มากถึง 8ชั้น ซึ่งเป็นตัวที่พัฒนามากขึ้นไปจาก Mi Note 10 Pro อีกระดับครับ โดยจะวางขนาบด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ที่รองรับการซูมแบบไฮบริด 10x โดยเลนส์เทเลโฟโต้จะให้ความละเอียดมา 12ล้านพิกเซล ให้เลนส์มุมกว้าง 20ล้านพิกเซล  กล้องจะมาพร้อมกับระบบกันสั่นทั้ง OIS และ EIS และพร้อมอัพเดทให้รองรับการถ่ายวีดีโอคมชัดได้จนถึงความละเอียดสูงสุดที่ 8K


Mi 10 Pro จะมีแยกรุ่นตามระดับหน่วยความจำสามรุ่นครับ เป็นรุ่น RAM 8GB / 256GB, รุ่น RAM 12GB / 256 GB และแรงสุดคือตัว RAM 12GB / 512GB โดยพวกเขาเลือกใช้ชุดหน่วยความจำเทคโนโลยีใหม่สุดของสมาร์ทโฟน LPDDR5 RAM และ UFS 3.0

ด้านในเครื่องให้แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh ที่สามารถรองรับชาร์จไวแบบเสียบสาย 50W และไร้สายที่ 30W และยังสามารถส่งไฟออกไปชาร์จอุปกรณ์ตัวอื่นให้เราได้สูงสุด 10W ครับ

โดยราคาของ Xiaomi Mi 10 Pro ในสามรุ่นคือ CNY4,999 (ประมาณ 21,500 บาท), CNY5,499 (ประมาณ 23,800 บาท) และรุ่นท็อป CNY5,999 (ประมาณ 26,000 บาท ) มีกำหนดเปิดพรีออร์เดอร์ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ มีสองสี น้ำเงินและขาว

Xiaomi Mi 10

Xiaomi Mi 10 ก็ยังคงให้หน้าจอขนาดเดียวกัน 6.67 นิ้วเหมือนตัว Pro ครับ เช่นเดียวกับกล้องหลังตัวหลักที่ให้ความละเอียด 108ล้านพิกเซลมาให้ใช้ แต่อย่างไรก็ตามมีการลดสเปคของกล้องเทเลโฟโต้ลงไป โดยจะนำเซ็นเซอร์ขนาด 2พิกเซล และเลนส์มาโคร 2ล้านพิกเซลมาใส่แทน ส่วนตัวเลนส์ไวด์ก็จะถูกลดความละเอียดเป็น 13ล้านพิกเซลด้วยเช่นกัน แต่ก็จะสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียด 8K ได้เหมือนพี่ใหญ่อยู่ครับ

Xiaomi Mi 10 ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำ LPDDR5 และ UFS 3.0 เหมือนรุ่น Pro แต่แบตใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เพราะให้แบตเตอรี่มาที่ 4,780 mAh แต่ลดความเร็วการชาร์จลงไปเหลือ 30W เท่านั้น และรองรับการชาร์จไร้สายที่ 30W และรองรับการชาร์จย้อนกลับให้อุปกรณ์อื่นได้ในระดับ 10W เช่นกัน


Xiaomi Mi 10 จะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้เลย 10.00 น. ตามเวลาประเทศจีน จะเริ่มขายในสีเขียว พีช และสีดำ ราคาอยู่ที่ 3,999 หยวน (ประมาณ 17,300 บาท) สำหรับรุ่น 8GB / 128GB, CNY4,299 (ประมาณ 18,600 บาท) สำหรับ 8GB / 256GB และ CNY4,699 (ประมาณ 20,300 บาท) สำหรับรุ่นท็อปสุดของ Mi 10 RAM 12GB / ROM 256GB


ล่าสุดอัพเดท Xiaomi Mi 10 และ Xiaomi Mi 10 Pro ที่จะนำไปเปิดตัวระดับโลกนอกประเทศจีนจะถูกยกเลิกตาม MWC ครับ โดยเขาจะมีการประกาศการจัดงานในภายหลังอีกที ว่าจะจัดขึ้นในวันใดครับ

ก็คงส่งผลกับวันเวลาวางจำหน่ายไปทั่วโลกของทั้งสองรุ่น รวมถึงประเทศไทยครับ แฟนๆ Xiaomi ก็รอติดตามข้อมูลกันตลอดเวลา ที่ Appdisqus เช่นเดิมนะครับ มีอะไรอัพเดท เราจะเอามาฝากกันทันที

ข่าว: Xiaomi Mi 10 และ Mi 10 Pro เปิดตัวแล้ว สเปคเทพด้วยกล้อง 108 ล้าน และ Snapdragon 865 ในราคาเริ่มต้น 17,000 บาท มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/02/13/xiaomi-mi-10-mi10-pro-launch-in-china.html

หลุดสเปค Xiaomi Mi 10 Pro จัดหนักด้วย RAM 16GB, ความจุ 512GB และแบตใหญ่สะใจ 5250 mAh

เรากำลังจะได้เห็นว่าที่มือถือเรือธงซีรีส์ Xiaomi Mi 10 เปิดตัวในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้แล้ว โดยก่อนหน้านี้ก็มีสเปคทะยอยหลุดออกมาเรื่อยๆ ทั้งกล้องหลัง 108MP, ภาพเรนเดอร์ กับภาพเครื่องตัวจริง, ชิป Snapdragon 865 (ยืนยันแล้ว) และล่าสุดก็มีข่าวออกมาอีกว่า มือถือรุ่นท็อปอย่าง Mi 10 Pro จะอัด RAM มาให้สูงสุดถึง 16GB เลยทีเดียว

ข้อมูลล่าสุดมีที่มาจากภาพหน้าจอของ Xiaomi Mi 10 Pro ในเมนู About ซึ่งจะบอกสเปคต่างๆ  ของมือถือรุ่นนี้เอาไว้เกือบครบเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นชิป Snapdragon 865 ที่แน่นอนอยู่แล้วว่าจะถูกนำมาใช้กับมือถือระดับเรือธงหลายๆ รุ่นในปี 2020 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5250 mAh ซึ่งก่อนหน้านี้มีภาพหลุดของที่ชาร์จ Mi 10 ว่าจะรองรับการชาร์จไวที่ระดับ 65W

กล้องหลัง 4 ตัว 108MP + 16MP + 12MP + 5MP, หน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2080 x 1080), ความจุ 512GB และ RAM ที่จัดมาให้ถึง 16GB ซึ่งจะทำให้ Mi 10 Pro กลายเป็นมือถือรุ่นแรกที่มี RAM สูงขนาดนี้ เพราะในปัจจุบันมือถือยังมี RAM สูงสุดที่ 12GB เท่านั้น

ส่วนหน้าจอตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีค่ารีเฟรชเรทสูง 120Hz เหมือนกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่จะออกมาในปีนี้รึเปล่า…แต่คาดว่ายังไงก็ไม่น่าพลาด เพราะหน้าจอดังกล่าวนับเป็นเทรนด์ใหม่ของมือถือเรือธงในยุคนี้ไปแล้ว

ภาพเรนเดอร์ Xiaomi Mi 10 Pro

แต่ถึงยัง ข้อมูลทั้งหมดก็ยังเป็นเพียงข่าวลือ ข่าวหลุดเท่านั้นนะครับ เพราะตอนนี้ยังมีแค่เรื่องชิป Snapdragon 865 เท่านั้นที่ทาง Xiaomi ออกมายืนยันว่าจะมากับซีรีส์ Mi 10 จริงๆ…เอาไว้วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เราก็จะได้รู้กันแล้วครับ ว่าทั้ง Xiaomi Mi 10 และ Mi 10 Pro จะมีไม้เด็ดอะไรมาสู้กับมือถือซีรีส์ Galaxy S20 ที่จะเปิดตัวในวันเดียวกัน

 

ที่มา : GSMArena

from:https://droidsans.com/xiaomi-mi-10-pro-leaked-specs-16gb-ram/

หลุดสเปค Xiaomi Mi 10 และ Mi 10 Pro ใช้กล้อง 108MP ตามคาด พร้อมโพยคะแนน DxOMark อันดับหนึ่งเอาไว้เรียบร้อย

Xiaomi กำลังเตรียมการที่จะเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นหลักอย่าง Mi 10 และ Mi 10 Pro ซึ่งในปีนี้มีข่าวว่าทั้ง 2 รุ่นจะเปิดตัวพร้อมกัน ซึ่งกำหนดคร่าวๆ คือช่วงงาน MWC หรือ Mobile World Congress ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ แน่นอนว่า Xiaomi หยิบเอาเซนเซอร์กล้องเทพ 108MP ที่ร่วมพัฒนากับ Samsung มาใช้ในรุ่นนี้ด้วย

โพยที่หลุดออกมาจาก Weibo นั้นมีรายละเอียดสเปคของทั้ง 2 รุ่น แต่มีเฉพาะรุ่น Mi 10 Pro ที่ใช้กล้อง 108MP แบบเดียวกับ Mi Note 10 / Note 10 Pro ส่วน Mi 10 เลือกใช้กล้อง 60MP ตัวใหม่ของSony IMX686 แทน

โดย Mi 10 จะมาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว มีค่า refresh rate 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 865 กล้องหลังมีด้วยกัน 4 ตัว เป็น Quad-camera เซนเซอร์หลัก 60MP + Ultrawide 20MP + Tele 12MP และกล้อง 5MP ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเป็น Depth หรือเป็น Tele ระยะไกลแบบ Mi Note 10 มีระบบชาร์จเร็ว 40 วัตต์มาให้กับแบตขนาด 4500 มิลลิแอมป์ และจะมีการซอยรุ่นความจุเป็น 8/128 8/256 และ 12/256

ด้าน Mi 10 Pro คาดว่าจะใช้หน้าจอแบบเดียวกัน มาพร้อมชิป Snapdragon 865 แต่จะมีสเปคกล้องที่อัพขึ้นมาเป็น 108MP + 48MP + 12MP + 5MP ซึ่งยังมองไม่ออกว่าแต่ละเซนเซอร์จะมาพร้อมกับเลนส์ระยะไหน ใช้ทำอะไรบ้าง แต่ที่เซอร์ไพรส์คือ Mi 10 Pro ในโพยได้ระบุคะแนน DxOMark ที่ 125+ (เหมือนกับมีการทดสอบกันไปก่อนเปิดตัวซะอีก) และในรุ่นนี้จะได้ใช้ระบบชาร์จเร็วสูงสุด 66 วัตต์ที่ลือกันมาก่อนหน้านี้ โดยรุ่น Pro นั้นจะยืนพื้นที่ RAM 12GB และแบ่งเป็นรุ่นความจุ 128GB , 256GB และ 512GB แทน

ในตอนนี้ก็คงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าโพยนี้มีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน อาจจะต้องรอติดตามกันต่อไปอีกสักนิด

 

source : gsmarena

from:https://droidsans.com/leak-xiaomi-mi-10-pro-spec-108mp-dxomark-highest/