![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2021/09/ipad-compare.jpg)
เมื่อวานในงาน California Streaming ทาง Apple ได้นำ iPad รุ่นที่ 9 และ iPad mini 6 (แทบบังสปอตไลท์ของพระเอกอย่าง iPhone 13 ไปหมด) มาเพิ่มใน LINEUP แท็บเล็ตซีรีส์ iPad ของตัวเอง ที่มี iPad Air 4 และ iPad Pro (2021) อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่าการใช้งานแบบนี้เหมาะกับ iPad รุ่นไหน ซื้อรุ่น Pro จะเกินความจำเป็นไหม หรือรุ่นเริ่มต้นอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานอะไรบางอย่างหรือเปล่า วันนี้ทาง DroidSans ได้ทำบทความสรุปย่อยมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านประกอบการตัดสินใจแล้วครับ
ตารางเปรียบเทียบสเปค iPad รุ่นที่ 9 – iPad mini 6 – iPad Air 4 – iPad Pro (2021) รุ่นจอ 12.9 นิ้ว
|
iPad รุ่นที่ 9 |
iPad mini 6 |
iPad Air 4 |
iPad Pro (2021) |
หน้าจอ |
Retina 10.2″ |
Liquid Retina 8.3″ |
Liquid Retina 10.9″ |
Liquid Retina XDR 12.9″ |
ความละเอียด |
1620 x 2160 |
1488 x 2266 |
1640 x 2390 |
2048 x 2732 |
รีเฟรชเรท |
60Hz |
120Hz |
ชิปเซ็ต |
A13 Bionic |
A15 Bionic |
A14 Bionic |
M1 |
ROM |
64GB – 256GB |
128GB – 256GB – 512GB – 1TB – 2TB |
กล้องหน้า |
8MP f/2.4 AF |
7MP f/2.0 |
12MP f/2.4 HDR panorama |
กล้องหลัง |
8MP f/2.4, AF, HDR, panorama |
12MP f/1.8, AF, Quad-LED, HDR, panorama |
12MP f/1.8 AF HDR |
12MP f/1.8 AF + Ultra-Wide 10MP มุมกว้าง 125 องศา + ToF LiDAR |
ถ่ายวิดีโอ |
Full HD@30fps |
4K@60fps |
4K@60fps |
4K@60fps |
Apple Pencil |
รุ่นที่ 1 |
รุ่นที่ 2 |
Keyboard |
Smart Keyboard |
Keyboard Bluetooth |
Magic Keyboard + Smart Keyboard Folio |
การเชื่อมต่อ |
WiFi 802.11 a/b/g/n/ac + Bluetooth 4.2 |
WiFi 802.11. a/b/g/n/ac/6 + Bluetooth 5.0 |
รูหูฟัง |
ไม่มี |
มี |
ไม่มี |
ไม่มี |
5G |
ไม่รองรับ |
รองรับ |
ไม่รองรับ |
รองรับ |
สแกนลายนิ้วมือ |
บนปุ่ม Power |
ไม่มี |
Face ID |
ไม่รองรับ |
รองรับ |
พอร์ต |
Lightning + Smart Connector |
USB-C (ตัว Pro รองรับ Thunderbolt) |
ลำโพง |
สเตอริโอ |
สเตอริโอ (แนวนอน) |
4 ลำโพง |
|
ไม่รองรับ |
แบตเตอรี่ |
ดูวิดีโอ 10 ชม. |
น้ำหนัก |
487 – 498 กรัม |
293 + 297 กรัม |
458 – 460 กรัม |
682 + 685 กรัม |
ราคาเริ่มต้น |
11,400 บาท |
17,900 บาท |
19,900 บาท |
37,900 บาท |
iPad รุ่นที่ 9 – รุ่นเริ่มต้น สเปคเพียงพอต่อการประชุม – ทำงาน – เรียนออนไลน์
แม้ว่าจะมีศักดินาเป็นเพียงน้องเล็กสุดในซีรีส์ iPad ของ Apple แต่ประสิทธิภาพของ iPad 9th Gen หรือรุ่นที่ 9 ก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเลย เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตรุ่นอื่น ๆ ในตลาดที่มีราคาอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน โดยด้วยความที่มีราคาเริ่มต้น 11,400 บาท ซึ่งราคาอาจจะสูงเกินไปหน่อยสำหรับคนอยากซื้อมา Work from Home หรือ Study Online แต่ถ้ามองในแง่สเปค ต้องบอกว่า iPad รุ่นที่ 9 จัดว่าเป็นรุ่นท็อป ๆ ตัวนึงในตลาดเลยล่ะ ทั้งขิปเซ็ต A13 Bionic ตัวเดียวกับที่ใช้บน iPhone 13 Series ทั้งสี่รุ่น เอามาเล่นเกม ใช้งานทั่วไป ดูหนังหรือคลิปออนไลน์บน Netflix หรือ YouTube ได้แบบสบาย ๆ
![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2021/09/ip9-5-1024x579.jpg)
น่าเสียดายที่พอร์ตชาร์จยังคงให้มาเป็นแบบ Lightning อยู่ ซึ่ง Apple เคลมว่าพอร์ตดังกล่าวมีความแข็งแรงทนทานกว่าพอร์ต USB-C ที่ใช้กันเป็นส่วนมากในปัจจุบัน (รวมถึง iPad mini, Air และ Pro) แต่หากมองในแง่ใช้งานและพกพาไปข้างนอก ต้องยอมรับตามตรงว่าอาจจะลำบากนิด ๆ ต้องพกสาย Lightning ไปด้วย เว้นเสียแต่จะใช้ iPhone พกสาย Lightning เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
iPad mini 6 – จอเล็กสเปคไฮเอนด์ แต่อาจไม่เหมาะกับการทำงานที่ต้องพิมพ์เยอะ ๆ
ถัดมาที่รุ่น mini กันบ้าง เดินทางมาถึง Generation ที่ 6 แล้ว อัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งดีไซน์และฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ด้านใน หน้าตาทันสมัยเหมือนกับ iPad Air 4 และ iPad Pro (2021) แล้ว แถมยังใช้ชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของ Apple อย่าง A15 Bionic ที่ทางบริษัทฯ เคลมว่า แรงกว่าชิปในตลาดสูงสุดถึง 50% ด้วยกัน เหมาะกับคนที่อยากได้แท็บเล็ตแรง ๆ เครื่องเล็ก ๆ มาใช้งานด้าน Entertainment ทั่วไป
![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2021/09/ipad-mini-1024x731.jpeg)
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า iPad mini 6 จะใช้ทำงานหรือเรียนออนไลน์ไม่ดีเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ นะครับ เพียงติดข้อจำกัดเรื่องจอ และการที่ไม่รองรับเคสคีย์บอร์ดของ Apple นี่แหละ ต้องพิมพ์บนหน้าจอที่ประสบการณ์ใช้งานเทียบไม่ได้กับคีย์บอร์ดมืออาชีพเลย แต่ยังโชคดีที่สามารถไปหาซื้อ Keyboard Bluetooth จาก Third Party ได้ ..อย่างไรก็ตาม มาตรฐานและประสบการณ์ใช้งานก็อาจจะไม่ได้ดีเด่นเท่ากับตัว Official ของ Apple
iPad Air 4 – สเปคน้อง ๆ รุ่น Pro เหมาะกับ Content Creator สายเริ่มต้น
จะบอกว่า iPad Air 4 ถือเป็นเรือธงของซีรีส์แท็บเล็ตของ Apple ก็ดูจะว่าแบบนั้นได้ เพราะสเปคลดหลั่นไปจากรุ่น Pro เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และส่วนตัวผู้เขียนก็ใช้ iPad Air อยู่เหมือนกัน (แต่เป็นรุ่นที่สาม) เอามาใช้ประชุมออนไลน์ เล่นเกม ดูหนังซีรีส์ หรือแม้กระทั่งแก้งานเขียนบทความ ไม่ต้องเปิดคอมให้ยุ่งยาก ทั้งหมดนี้ทำได้แบบง่าย ๆ ไม่กระตุกเลย น่าจะมาจากประสิทธิภาพของชิปเซ็ต A14 Bionic ตัวเดียวกับบน iPhone 12 Series นี่แหละ
![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2020/09/ipad-air-4-08.png)
นอกจากนี้ iPad Air 4 ยังรองรับ Magic Keyboard ที่มี Track Pad ในตัวด้วย เรียกว่าเสียบเข้าไปปุ๊บ แทบจะแปรงร่างเป็น MacBook เลย สามารถใช้ตัดวิดีโอ ทำ vlog อะไรพวกนี้ได้นิดหน่อย แถมยังใช้งานคู่กับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ได้แล้ว ไม่ต้องเก็บดินสอแยกเหมือน iPad Air 3 เพราะสามารถแปะดินสอเข้ากับด้านข้างตัวเครื่องได้เลย
iPad Pro (2021) – จบ ครบ สุด ในเครื่องเดียว สเปคขี่คอ MacBook Pro
มาปิดท้ายกันที่ iPad Pro (2021) ที่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอ Liquid Retina XDR ที่พัฒนาบนพื้นฐานเทคโนโลยีใหม่ Mini-LED อีกที ประสิทธิภาพดีกว่าจอ LCD ของ iPad, iPad mini และ iPad Air อยู่พอสมควร ชิปเซ็ตใช้เป็นตัว M1 แบบเดียวกับ MacBooks เหมาะกับมือโปรที่ต้องทำงานกราฟิกหรือตัดต่อเป็นอาชีพหลัก พาพกไปไหนมาไหนสะดวก สามารถใช้แทน MacBook ได้แบบกลาย ๆ แบบไม่เคอะเขินเลยทีเดียวล่ะ
![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2021/09/ipad-pro-case2-1024x1024.jpg)
สรุปรุ่นไหนเหมาะกับใครมากที่สุด?
ถ้าถามว่ารุ่นไหนคุ้มสุด ยังไงคำตอบก็ต้องเป็น iPad Pro (2021) รุ่นจอ 12.9 นิ้ว (เพราะตัว 11 นิ้วไม่ได้หน้าจอ Mini-LED) อยู่แล้ว เพราะอัดสเปคมาให้แบบไม่กั๊ก ทั้งจอ OLED แบบ ProMotion อัตรารีเฟรช 120Hz ชิปตัวแรง M1 กล้องถ่ายภาพคุณภาพไม่แพ้มือถือเรือธง มีเซ็นเซอร์ LiDAR ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยราคาค่าตัวที่ค่อนข้างแพงหูฉี่เลยทีเดียว เอาเป็นว่าหากใครที่มีงบไม่จำกัด ก็จัดตัว iPad Pro (2021) เพราะครอบคลุมการใช้งานทั้งหมด ทำงาน – เรียนออนไลน์ ตัดต่อวิดีโอ เผลอ ๆ ซื้อคู่กับ Magic Keyboard ก็สามารถกลายร่างเป็น MacBook ดี ๆ เครื่องนึงได้เลย
![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2021/09/Screen-Shot-2564-09-15-at-17.03.36-1024x422.png)
แต่ถ้าที่งบไม่สูงมากนัก แต่อยากได้แท็บเล็ตจอใหญ่ ๆ มาประชุมหรือเรียนออนไลน์ ตรงนี้ทาง iPad รุ่นที่ 9 และ iPad Air 4 ดูน่าจะเหมาะสมที่สุด สามารถเลือกจิ้มได้เลยว่าอยากได้ตัวไหน ถ้าไม่แคร์เรื่องประสิทธิภาพอะไรขนาดนั้น ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำ iPad รุ่นที่ 9 เพราะถูกกว่าค่อนข้างมาก แต่ถ้าอยากเล่นเกม หรือตัดต่อคลิปอะไรนิดหน่อย ยังไง iPad Air 4 ก็ดีกว่าครับ เหลือดีกว่าขาด ถ้าราคาค่าตัวมันไม่ทำร้ายสุขภาพกระเป๋าตังค์เราเกินไป
![](https://droidsans.com/wp-content/uploads/2021/09/Screen-Shot-2564-09-15-at-17.04.02-1024x365.png)
ส่วน iPad mini 6 อันนี้จะมีโพสิชั่นชัดเจน เกิดมาเพื่อคนที่ต้องการแท็บเล็ตที่จอไม่ใหญ่มาก แทบสเปคก็เรือธงแบบสุด ๆ เป็นรองเพียงแค่ iPad Pro (2021) เท่านั้น แต่ถ้าจะซื้อมาทำงาน อันนี้อาจจะต้องชะงักนิดนึง เพราะจอไม่ใหญ่มาก แถมไม่รองรับ Smart Keyboard อีกต่างหาก ต้องซื้อคีย์บอร์ด Bluetooth แยก ซึ่งก็ยากต่อการพกพาอีก
from:https://droidsans.com/specs-compare-apple-ipad-lineup-2021/