McDonald โฆษณาแบบใหม่! ไม่มีโลโก้ ไม่มีคู่สีที่เป็นจุดขาย ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร..แต่ลูกค้าจำได้

เดิม ถ้าอยากออกแบบสื่อโฆษณาสักชิ้นหนึ่ง สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคงเป็นตราสินค้า และตัวสินค้าที่แบรนด์อยากให้ลูกค้าจำได้ แต่แนวคิดการออกแบบนี้กำลังลดความนิยมลงเรื่อยๆ เพราะแนวคิด No-Brand กำลังมาแทนที่

No-Brand แนวคิดการออกแบบที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

No-Brand เป็นแนวคิดการออกแบบที่ไม่เน้นตราสินค้าที่เคยเป็นจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจน แต่เปลี่ยนไปเน้นที่ตัวสินค้าจริงๆ แทน

Photo : Shutterstock

McDonald ร้านอาหาร Fast food ชื่อดัง ที่แต่เดิมเคยออกแบบสื่อโฆษณาของตัวเองโดยเน้นโลโก้ตัว M สีเหลืองขนาดใหญ่บนพื้นหลังสีแดง หรือภาพเมนูอาหารดูน่ากินหลายเมนูเพื่อให้คนจำได้ 

แต่ล่าสุด McDonald เริ่มเปลี่ยนแนวทางการออกแบบสื่อโฆษณาให้เป็น No-Brand แล้วเช่นกัน

Leo Burnett London เอเจนซีโฆษณาชื่อดังแห่งหนึ่งของโลก ร่วมกับ David Schwen นักออกแบบชาวอเมริกัน เปลี่ยนสื่อโฆษณาของ McDonald ให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น โดยมีเพียงชื่อส่วนผสมที่ใช้ในเมนูนั้น ซ้อนกันหลายๆ บรรทัด หรือที่เรียกว่า Iconic Stacks โดยไม่มีภาพอาหาร และตรา McDonald ให้เห็นอย่างที่เคยเป็น

แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้คือ คนทั่วไปรู้ทันทีว่าเป็นแมคโดนัลด์เมื่อเห็นสื่อโฆษณาชิ้นนี้ (ดูภาพตัวอย่าง) จากชื่อส่วนผสมที่ใช้ในเมนูอาหาร ตัวอักษรที่ใช้สีของส่วนผสมในเมนู เช่น สีเหลืองแทนชีส สีแดงอมส้มแทนซอส หรือสีเหลืองอ่อนๆ แทนมัฟฟิน และพื้นหลัง ที่บ่งบอกความเป็น McDonald ได้เป็นอย่างดีจนคนจำได้

ที่มา: Fastcompany

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/mcdonald-no-brand-design/

อวสาน Brandless ค้าปลีกออนไลน์ที่ขายทุกอย่างชิ้นละ 3 เหรียญ เตรียมปิดกิจการ ปลดพนักงาน 90%

ยุคนี้ ต่อให้เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ก็ใช่ว่าจะรอด!

Brandless

เจ๊ง ไปไม่รอด เตรียมปิดกิจการ ปลดพนักงานเกือบทั้งบริษัท

Brandless ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่โด่งดังจากการขายทุกชิ้นในร้านเพียงราคาเดียวที่ ” 3 ดอลลาร์” หรือประมาณ 100 บาท และที่น่าสนใจคือ สินค้าแต่ละไม่มีแบรนด์ เนื่องจากใช้โมเดลการขายสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิต

• อ่านบทความทำความรู้จักได้ที่ Brandless แนวคิดใหม่ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ สินค้าทุกชิ้นไม่มีแบรนด์ ราคา 3 เหรียญทั้งร้าน

ล่าสุด ได้รับการยืนยันแล้วว่า Brandless เตรียมปิดกิจการ พร้อมทั้งเตรียมปลดพนักงานกว่า 70 คน (คิดเป็น 90% ของพนักงานทั้งบริษัท) โดยจะเหลือพนักงานเพียง 10 คนเท่านั้นเพื่อจัดการออเดอร์ลูกค้าที่เหลือ รวมถึงจัดการเกี่ยวกับเรื่องทางการเงินของบริษัท

 Evan Price ซีอีโอของ Brandless กล่าวว่า “เราภูมิใจกับการก่อตั้ง Brandless และการทำงานอย่างหนักหน่วงของทุกคนในทีม เราได้สร้างมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมความยั่งยืน แต่วันนี้เราแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดนี้ไม่ได้ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของเรา และประสบความสำเร็จได้ในอนาคต”

อย่างไรก็ตาม Brandless ก่อตั้งในปี 2017 และต่อมาในปี 2018 เคยระดมทุนได้จากกองทุนของ SoftBank กว่า 240 ล้านดอลลาร์ จนทำให้ Brandless มีมูลค่ากิจการกว่า 500 ล้านดอลลาร์ แต่ทว่าเริ่มต้นปี 2020 ได้เพียง 2 เดือน Brandless ก็เจ๊ง ล้มเหลวไม่เป็นท่า และเตรียมปิดกิจการในเร็ววัน

ที่มา – Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/brandless-shutdown-and-lay-off/

Brandless แนวคิดใหม่ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ สินค้าทุกชิ้นไม่มีแบรนด์ ทุกชิ้นราคา 3 ดอลลาร์

จะเป็นไปได้ไหมถ้าซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ขายสินค้าทุกอย่างราคาเท่ากันทั้งหมด และสินค้าทั้งหมดนั้นไม่มียี่ห้อแบรนด์ใดๆ ด้วย สิ่งนี้เกิดแล้วและกำลังพิสูจน์แนวคิด นั่นคือ Brandless ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานะของ Brandless ตอนนี้ถือเป็นสตาร์ทอัพ โดยมีแนวคิดตามชื่อว่า “สินค้าไม่มีแบรนด์” โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคในบ้านกว่า 200 รายการ สร้างจุดขายโดยสินค้าทุกชิ้นราคา 3 ดอลลาร์เท่ากันหมด

Tina Sharkey และ Ido Leffler สองผู้ก่อตั้ง Brandless บอกว่าที่ผ่านมาคนอเมริกาต้องเสียเงินให้กับ Brand Tax เพื่อซื้อสินค้าติดยี่ห้อที่ขายราคาสูงเกินไป จะดีกว่าไหมหากขายสินค้าทุกอย่างที่ไม่มีแบรนด์ แต่การันตีคุณภาพว่าดีเทียบเท่ากัน

ภาพอธิบาย Brand Tax ที่ Brandless พูดถึง

อ่านถึงตรงนี้ก็คงนึกตามได้ว่านี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่แต่อย่างใด ในไทยเราก็คุ้นเคยกับพวก House Brand ถ้าเป็นในอเมริกาก็มีคนที่ทำจริงจังกว่านั้น อย่างร้าน Trader Joe’s ที่ขายสินค้าตรงจากผู้ผลิตเลย เพียงแต่ Brandless ก็สร้างความแตกต่างออกไปจากที่มีมา นั่นคือ

• จำหน่ายสินค้าเฉพาะบนออนไลน์เท่านั้น
• สินค้าทั้งหมดก็การันตีว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิค
• ใช้แพ็คเกจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

และที่สำคัญที่สุดคือเล่นกับโมเดลราคา โดยตั้งราคาสินค้าทุกอย่างไว้ที่ 3 ดอลลาร์ต่อหน่วย คิดค่าส่งสินค้า 9 ดอลลาร์ แต่ส่งฟรีหากสั่งเกิน 72 ดอลลาร์ หรือหากสมัครสมาชิกปีละ 36 ดอลลาร์ ก็จะส่งฟรีเมื่อสั่งซื้อถึง 48 ดอลลาร์

แนวคิดร้านค้าออนไลน์แบบ One Price นั้นดูจะไปได้ดีทีเดียว เราเคยเห็นกรณีศึกษาอย่าง Dollar Shave Club ที่ขายมีดโกนหนวดรายเดือน และสามารถ exit โดยขายกิจการให้ Unilever มาแล้ว

แต่สิ่งที่ท้าทาย Brandless ยิ่งกว่านั่นก็คือการเป็นอีคอมเมิร์ซสินค้าแนวอุปโภค-บริโภค ซึ่งแม้แต่รายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ก็พบว่าไม่ง่ายนัก เราจึงเห็นการซื้อ Whole Food ของ Amazon เพื่อเพิ่มช่องทางขายออฟไลน์ ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

ลองเข้าไปดูสินค้าที่ Brandless ขายได้ที่ Brandless.com

ที่มา: Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/brandless-one-price-online-supermarket/