คลังเก็บป้ายกำกับ: APPLE_VS_EPIC_GAMES

Epic Games เตรียมเปิดตัว Rocket League เกมรถเตะบอลเวอร์ชั่นมือถือ เล่นกับ PC และ Console ได้

ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวเรื่องเกมรถเตะบอล Rocket League Side Swipe เวอร์ชั่นมือถือออกมารอบนึงแล้ว ซึ่งเกมดังกล่าวจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกับเกมต้นฉบับ แต่ล่าสุดได้มีข่าวว่า Epic Games กำลังจะเปิดตัวเกม Rocket League เวอร์ชั่นมือถือที่คราวนี้จะมีรูปแบบการเล่นเหมือนกับเกมต้นฉบับบน PC และเครื่องคอนโซล แถมยังจะเล่นข้ามแพลตฟอร์มได้อีกด้วย

จากคดีความฟ้องร้องของ Apple และ Epic Games ที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้มีเอกสารเรื่องแผนการเปิดตัวเกมต่าง ๆ หลุดออกมาให้เราได้เห็นกัน ซึ่งในเอกสารเหล่านั้นมีการระบุว่า Epic กำลังวางแผนนำเอา Rocket League เกมขับรถเตะบอลสุดฮอตฮิตเอามาลงในเวอร์ชั่นมือถือด้วย และไม่ใช่เกม Rocket League Sideswipe ที่มีรูปแบบการเล่นแบบกึ่ง ๆ Casual แต่มันจะเป็น Rocket Leauge ที่มีรูปแบบการเล่นตามต้นฉบับในเวอร์ชั่นบน PC และคอนโซลเลย

Epic เล็งที่จะออกแบบ Launcher ใหม่ให้กับแพลตฟอร์ม PC, คอนโซล และมือถือเพื่อให้ทั้ง 3 แพลตฟอร์มสามารถเล่นเกม Rocket League กันแบบ Cross-play ได้ โดยวางแผนทดสอบ beta เอาไว้ในช่วง Q2 2021 ที่จะถึงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม แผนคอนเทนต์ที่แปะมาข้างต้นเป็นเอกสารที่ Epic ทำการเสนอให้ Apple เมื่อกลางปี 2020 ที่แล้ว ทำให้แผนดังกล่าวอาจจะล่มไปแล้วก็เป็นได้ แต่ในขณะเดียวกัน Rocket League ก็ไม่ได้รับอัปเดต Launcher มานานแล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ Epic และ Psyonix จะทำการอัปเดต พร้อมเพิ่มแพลตฟอร์มมือถือเข้าไปด้วยก็เป็นได้ครับ

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Rocket League เป็นเกมลูกผสมระหว่างเกมฟุตบอล และเกมแข่งรถ แบ่งผู้เล่นเป็น 2 ทีมขับรถไล่ชนลูกบอลยักษ์ให้เข้าประตูของฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำคะแนน โดยรถแต่ละคันที่มีให้เลือกก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป แถมยังมีวิธีเล่นเจ๋ง ๆ มากมายเช่นขับไต่กำแพงแล้วหันหลังชนลูกบอลกลางอากาศ นับว่าเป็นหนึ่งเกม Multiplayer ที่มียอดคนเล่น และคนดูสูงมาก ๆ เห็นแบบนี้ก็น่าสนไม่น้อยเลยว่าจะถูกหยิบมาเล่นในมือถือได้ดีแค่ไหนครับ

 

Source: AndroidPolice, TheVerge

from:https://droidsans.com/rocket-league-may-come-to-mobile-with-cross-play-support/

Google ออกกฎใหม่ ยอมลดค่าคอมมิชชันลงเหลือ 15% สำหรับผู้พัฒนาที่ทำรายได้ไม่เกิน 1 ล้าน USD ต่อปี

Google เล็งออกกฎข้อบังคับใหม่ ยอมตัดสินใจลดค่าคอมมิชชั่นสำหรับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ทำรายได้จากการขายแอป และสินค้าภายในแอปไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี จากเดิม 30% เหลือเพียง 15% เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการลดค่าคอมมิชชั่นให้กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นรายย่อยใน Play Store ที่มีจำนวนมากถึง 99% เลยทีเดียว

Google ได้ออกมาให้ข้อมูลในบล็อกผู้พัฒนาเกี่ยวกับการลดค่าคอมมิชชั่นจากการขายแอป และสินค้าภายในแอปเหลือเพียง 15% (สำหรับผู้พัฒนาที่ทำรายได้ไม่เกิน 1 ล้าน USD ต่อปี) เพื่อให้ผู้พัฒนารายย่อยได้รับมีได้เพิ่มเติม และสามารถนำเงินที่ได้ไปต่อยอดกับแอปพลิเคชั่นของตัวเอง ซึ่งสาเหตุที่ Google เลือกตั้งเพดานรายได้จากแอปไว้ที่ 1 ล้านดอลลาร์ ก็มาจากการปรึกษากับ Partner ต่าง ๆ ของ Play Store แล้วได้คำตอบว่า ขนาดผู้พัฒนาแอปที่มีรายได้ 2 ล้าน USD, 5 ล้าน USD หรือแม้กระทั่ง 10 ล้าน USD ต่อปี แอปของพวกเขาก็ยังไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้มั่นคงเท่าที่ควร

การเปลี่ยนราคาคอมมิชชันของ Google ในครั้งนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับที่ Apple ทำเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วยการลดราคาค่าคอมมิชชั่นจากแอปเหลือเพียง 15% สำหรับผู้พัฒนาที่ทำรายได้ไม่เกิน 1 ล้าน USD ต่อปี แต่มีความต่างอยู่ที่ว่า Apple จะทำการเก็บค่าคอมมิชชั่นทั้งหมด 30% ทันทีที่ผู้พัฒนาทำรายได้เกิน 1 ล้าน USD ในขณะที่ Google จะเก็บค่าคอมมิชชัน 30% เฉพาะรายได้ส่วนที่เกินมาจาก 1 ล้าน USD เท่านั้น

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว เหตุการณ์เรื่อง Anti-trust และเรื่องค่าคอมมิชชั่นอันไม่เป็นธรรมของ 2 ร้านค้าแอปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Apple App Store และ Google Play Store ได้เป็นประเด็นถกเถียงกันมาค่อนข้างนานพอสมควร ซึ่งก็มาเริ่มปะทุเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งหลังจากที่ Epic Games ออกมาตบหน้า Apple ด้วยการชักชวนผู้ใช้งานให้ไปซื้อค่าเงิน V-Bucks ในเกม Fortnite ผ่านช่องทางอื่นที่ไม่ได้ผ่าน App Store โดยตรง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎโดยตรงตามข้อบังคับของ App Store ทำให้ Apple ต้องตัดสินใจเอาเกม Fortnite ออกจาก App Store

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็เกิดเป็นชนวนให้ผู้พัฒนาหลายรายออกมาเรียกร้องโดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือเผยความไม่เป็นธรรมเรื่องการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการขายแอปพลิเคชัน และสินค้าในแอปพลิเคชั่น (IAP) เป็นจำนวนถึง 30% ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมากพอสมควร สร้างความไม่พอใจให้กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันมากมาย เพราะให้ความรู้สึกเหมือน Google และ Apple ได้กำไรไปฟรี ๆ จากน้ำพักน้ำแรงของผู้พัฒนาทั้งรายใหญ่ และอิสระ

โดยหลังจากที่ทาง Google เผยข้อมูลเรื่องการลดค่าคอมมิชชั่นเหลือ 15% ได้ไม่นาน ทาง Epic Games ก็ออกมาให้ความเห็นว่าถึงแม้ว่าการกระทำของ Google ในครั้งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้พัฒนาก็จริง แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่แท้จริงได้ เพราะผู้พัฒนาทุกคนก็ต้องใช้งานช่องทางการจ่ายเงินของ Google อยู่ดี ทั้ง ๆ ที่ระบบปฏิบัติการ Android  ควรจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีอิสระภาพอย่างเต็มที่

ถึงแม้ว่าข่าวนี้อาจจะไม่ได้เป็นข่าวดีสำหรับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันระดับท็อปของวงการอย่าง Epic Games หรือ Tencent ที่ทำรายได้เกิน 1 ล้าน USD ต่อปี อย่างสบาย ๆ แต่การลดค่าคอมมิชชันถึง 15% ให้กับผู้พัฒนารายย่อยที่มีจำนวนถึง 99% บน Play Store ถือว่าเป็นการลดรายได้ของ Google อยู่มากโขเลยทีเดียว โดยข้อตกลงที่กล่าวมาทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 เป็นต้นไป ส่วนการกระทำนี้จะสร้างความเชื่อใจให้กับผู้พัฒนา หรือจะช่วยให้ Google และ Apple รอดพ้นจากการฟ้องร้อง Anti-trust ได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ

 

Source: AndroidDeveloper Via XDA-Developer

from:https://droidsans.com/google-issued-new-regulation-decrease-half-of-the-original-iap-comissions/

Apple เอาคืน! ฟ้องกลับ Epic Games เพื่อเรียกค่าเสียหาย ฐานละเมิดข้อตกลงกับ App Store

เป็นเวลาเดือนกว่า ๆ แล้วตั้งแต่ Epic Games มีปัญหากับ Apple  จากการแบน Fornite ออกจาก App Store และนำไปสู่การฟ้องร้องเรื่องผูกขาดทางการตลาดมากมาย ทำให้ผู้พัฒนาหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าคอมมิชชั่น 30% ของ App Store และ Play Store นั้นมันเยอะเกินไปหรือไม่ ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะยังไม่จบลงง่าย ๆ แล้ว เพราะล่าสุดทาง Apple ได้ตัดสินใจฟ้อง Epic Games กลับฐานละเมิดข้อตกลงเรื่องการขายค่าเงินในเกม Fortnite นอก App Store

ต้องทำการเข้าใจกันก่อนว่าการ Counter-sue (ฟ้องแย้ง) ตามหลักแล้วจะเป็นการฟ้องโจทก์โดยการยื่นฟ้องกลับด้วยข้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีความแรก ซึ่งทาง Apple ก็ต้องการให้ทาง Epic Games ได้รับโทษทางกฎหมายที่ละเมิดข้อตกลงเรื่องการจ่ายเงินโดยที่ไม่ผ่านระบบของ App Store ตามกฎข้อบังคับที่ตั้งไว้แต่แรก โดย Apple มีจุดมุ่งหมายเพื่อเรียกค่าเสียหาย จากการที่ Fortnite ได้จากระบบจ่ายเงินของ Epic Games รวมถึงยังต้องการให้แบนวิธีจ่ายเงินนอกระบบออกจากเกม Fortnite และทุก ๆ แอปที่อาจจะใช้วิธีนี้อีกในอนาคต

นอกจากนี่ Apple ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่าสิ่งที่ Epic Games ทำอาจจะดูเหมือนการกระทำแบบ Robinhood ยุคใหม่ที่ทำเหมือนต้องการช่วยเหลือผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ แต่ความจริงแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องของความไม่ลงรอยกันในเรื่องเงินเท่านั้น เพราะ Epic Games ก็แค่ไม่อยากจ่ายเงิน (ค่าคอมมิชชั่น) ให้ App Store นั่นเอง

ก่อนหน้านี้ทาง Apple ก็ได้มีการโต้กลับ Epic Games เพื่อที่จะแบนทุกเกมที่ใช้ Unreal Engine ซึ่ง Epic Games เป็นเจ้าของออกจาก App Store ทั้งหมด แต่ศาลไม่ยอมเพราะจะเป็นผลเสียต่อวงการเกมโดยรวม และจะไม่เป็นธรรมต่อผู้พัฒนาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับเรื่องนี้ด้วย

ดูเหมือนคราวนี้ทาง Apple จะเอาจริงกับ Epic Games มากขึ้นแล้ว แต่เราก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าทางศาลจะอนุมัติการฟ้องกลับของ Apple หรือไม่ในการสืบพยานหลักฐานครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในสิ้นเดือนกันยายนนี้…สำหรับใครที่ตามคดีนี้ไม่ทันสามารถอ่านสรุปได้ด้านล่างครับ

Source: GSMArena 

from:https://droidsans.com/apple-counter-sue-epic-games-for-punitive-damage/

กลุ่มผู้พัฒนาญี่ปุ่นประกาศจุดยืนสนับสนุน Epic Games จากเรื่องข้อพิพาทค่าคอมมิชชั่นของ Apple

หลังจากเหตุการณ์มากมายเกี่ยวกับเรื่องคดีความ และการฟ้องร้องระหว่าง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Epic Games กับ Apple ในหัวข้อเรื่องค่าคอมมิชชั่น 30% ที่เก็บในทุก ๆ การซื้อขายแอปจาก App Store ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลกจนทางรัสเซียได้ยื่นร่างกฎหมายเพื่อเปลื่ยน ค่าคอมมิชชั่นเป็น 20% ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มผู้พัฒนาเกม / แอปพลิเคชั่นในญี่ปุ่น ก็ได้ออกมาตั้งคำถามเรื่องการให้บริการของ Apple และกฎข้อบังคับเรื่องค่าคอมมิชชั่นในปัจจุบันว่าเหมาะสมกันแล้วหรือไม่

ในขณะที่ Epic Games มุ่งความสนใจไปที่ค่าคอมมิชชั่น 30% ของการซื้อขายแอปพลิเคชั่นจาก App Store และ Google Play Store เป็นหลัก แต่ทางฝั่งผู้พัฒนาเกมในญี่ปุ่นจำนวนมากกลับไม่พอใจกับเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องค่าคอมมิชชั่นมากกว่า โดยพวกเขาไม่ค่อยพอใจกับข้อบังคับจาก App Store ที่มักจะขัดแย้งกันเอง และมีการคัดเลือกแอปที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้ตอนนี้หน่วยงานที่ควบคุมการผูกขาดทางการค้าในประเทศญี่ปุ่นก็หันมาสนใจเคสนี้บ้างแล้ว หลังจากที่แอบดูอยู่เงียบ ๆ มานาน

Apple กับ Google ถือว่าเป็น 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่กำลังคุมตลาดแอปพลิเคชั่นทั้งหมดในตอนนี้ (ยกเว้นในประเทศจีน) โดยผู้พัฒนาทุกคนที่ต้องการสร้างเกมที่สามารถเล่นได้บนมือถือ iPhones หรือ Android จะต้องจัดจำหน่ายผ่าน App Store หรือ Play Store ซึ่งต้องจ่ายส่วนแบ่ง 30% จากทุก ๆ การซื้อขายในแอปพลิเคชั่นให้กับ Apple และ Google ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้  Epic Games ต้องเป็นเรื่องฟ้องร้องขึ้นมานั่นเอง

ในญี่ปุ่น iPhone ถือว่าเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักของผู้พัฒนาเกมเลยทีเดียว โดยบริษัทอย่าง Squre Enix (ผู้สร้างเกม Final Fantasy) ได้รายได้จากเกมมือถือมากถึง 40% และ Sony Corp ก็มีเกมอย่าง Fate/Grand Order ที่ติดหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่ทำเงินสูงสุดในญี่ปุ่น (อ้างอิงจากการจัดอันดับใน App Store)

และญี่ปุ่นยังมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นมากกว่า 702,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่รวบรวมผู้พัฒนาเกมระดับหัวกะทิแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว จากข้อมูลของ Apple ได้เผยว่า App Store ของญี่ปุ่นสร้างรายได้มากถึง 37,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็น 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากสินค้าในเกม 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากสินค้าจริง ๆ และ อีก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากค่าโฆษณา

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือการให้บริการของทางฝั่ง App Store ที่มีอุปสรรคมากมายในการที่จะเอาแอปพลิเคชั่นลงตลาด เมื่อเทียบกับทาง Play Store แล้ว ถือว่าง่ายกว่ากันมาก อ้างอิงจาก Makoto Shoji ผู้ก่อตั้งบริษัท PrimeTheory Inc. ผู้ให้ความช่วยเหลือนักพัฒนาเมื่อแอปพลิเคชั่นถูกปฏิเสธจาก App Store ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “มาตรการตรวจสอบแอปพลิเคชั่นของ Apple นั้นมีความคลุมเครือ และไร้เหตุผลอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งการสื่อสารของทาง Apple กับผู้พัฒนานั้นมักจะเป็นข้อความห้วน ๆ ไม่สุภาพเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นทางผู้พัฒนาก็ต้องนอบน้อมอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับคนใช้ถามเจ้านายว่าต้องการอะไร”

ข้ออ้างของ Apple ต่อการเก็บค่าคอมมิชชั่น 30% นั้นเป็นเพราะว่าทาง Apple ต้องการที่จะพัฒนาการสื่อสารระหว่างตัว App Store และผู้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่สุด ผ่านผู้ให้คำปรึกษามากกว่า 1,400 คนที่ตั้งอยู่ในญี่ปุ่นโดยมีเป้าหมายหลักคือสร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดให้ทั้งผู้พัฒนา และผู้ใช้งาน

แต่ก็ยังมีหลายผู้พัฒนาที่ต้องพบเจอปัญหาเรื่องการได้รับอนุมัติเรื่องการอัปเดตแอปพลิเคชั่นอยู่บ่ยครั้ง ยกตัวอย่างผู้พัฒนาเกมบริษัทหนึ่งที่ต้องยกเลิกการจัดกิจกรรมตามเทศกาลในเกมออกเพราะว่าการขอคำอนุมัติจาก Apple นั้นใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้รับการอนุมัติ ทำให้เสียโอกาสทำเงินไปอย่างน่าเสียดาย

Makoto Shoji ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “Apple คงจะไม่ยอมรับว่ามีบางครั้งที่แอปพลิเคชั่นบางแอปพลิเคชั่นตกหล่น และถูกลืมไปในคิวการตรวจสอบ หรือบางครั้งก็เป็นความตั้งใจของ Apple ที่จะลงโทษผู้พัฒนาที่พูดจาไม่ดีกับฝั่ง Apple ด้วยการไม่ตรวจสอบแอปพลิเคชั่นเหล่านั้น และปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ”

จากข้อมูลทีได้มาเราก็พอที่จะสรุปได้ว่าค่าคอมมิชชั่น 30% นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผู้พัฒนาญี่ปุ่นไม่พอใจ แต่เป็นคุณภาพเรื่องการให้บริการของทางฝั่ง App Store ที่ไม่มีคุณภาพ ขาดมาตรฐาน และส่งผลเสียโดยตรงต่อผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่นซึ่งทำให้ผู้พัฒนาเหล่านี้หันมาสนับสนุนฝั่ง Epic Games ในข้อพิพาทครั้งนี้นั่นเองครับ

Source: Bloomberg

from:https://droidsans.com/japan-developer-raise-another-issue-regarding-apple-and-epic-games-lawsuits/

รัสเซีย ยื่นร่างกฎหมายให้ App Store และ Play Store ลดการเก็บค่าคอมมิชั่นจากการขายแอปเหลือเพียง 20%

ใน Play Store และ App Store มีแอปมากมายที่ได้ถูกนำมาวางขายในแพลตฟอร์ม แน่นอนว่าเจ้าของอย่าง Google และ Apple ก็จะต้องมีการเก็บค่าคอมมิชชั่นในการขายแอปเหล่านั้นด้วย โดยตอนนี้ค่าคอมมิชชั่นของทั้ง 2 แพลตฟอร์มอยู่ที่ 30% ซึ่งเป็นราคาพื้นฐานที่เหล่านักพัฒนาจะต้องถูกหักออกจากการขายแอปทุกครั้ง (เหล่านักพัฒนาทั้งหลายก็คิดไปในทางเดียวกันว่ามันสูงเกินไป) และตอนนี้ประเทศรัสเซียกำลังร่างกฎหมายลดค่าคอมมิชชั่นจากทั้ง Play Store และ App Store ให้เหลือเพียง 20% 

จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้มีหลาย ๆ คนที่ไม่ค่อยพอใจกับกฎข้อบังคับในการจ่ายค่าคอมมิชชั่นของ Google และ Apple เท่าไหร่ จนประเด็นดังกล่าวได้ถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นกันอีกครั้งเมื่อ Epic Games ตัดสินใจแหกกฎ และฟ้องร้อง Apple เรื่องกฎหมายการผูกขาดทางตลาดที่สร้างความไม่เป็นธรรมต่อผู้พัฒนา และล่าสุดเรื่องนี้ก็มาเป็นประเด็นในประเทศรัสเซียอีก เมื่อผู้บัญญัติกฎหมายของรัสเซียได้ยื่นข้อเสนอให้เปลื่ยนกฎเพดานค่าคอมมิชชันทั้งใน App Store และ Play Store จาก 30% ให้เหลือเพียง 20% เท่านั้น

แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะนอกจากจะ Google กับ Apple จะต้องลดค่าคอมมิชชั่นไปถึง 10 เปอร์เซ็นต์แล้ว ในข้อกฎหมายนั้นยังเสนอให้ทั้งคู่จ่ายเงิน 1 ใน 3 ของค่าคอมมิชชันที่ได้ไป เพื่อเป็นทุนสนับสนุนในการฝึกฝนบุคลากร IT ทั้งหลายในทุก ๆ ไตรมาสอีกด้วย ซึ่งถ้ารวม ๆ กันแล้ว Apple และ Play Store จะต้องเสียรายได้จากค่าคอมมิชชั่นไปราว ๆ 40% เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ก็ยังเป็นเพียงตัวร่างเท่านั้น จะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซียหรือไม่นั้น ยังไม่มีใครรู้ แต่หากว่ากฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อาจสร้างแรงกดดันให้ประเทศอื่นเริ่มทำเหมือนรัสเซียก็เป็นไปได้…แล้วผู้อ่านคิดยังไงกับข้อกฎหมายนี้ก็มาคอมเม้นท์บอกกันบ้างนะครับ ส่วนใครที่อยากอ่านสรุปเรื่องราวระหว่าง Apple และ Epic Games ก็เข้าไปอ่านกันได้ที่บทความตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ

Source: Reuters Via UberGizmo

 

from:https://droidsans.com/russia-propose-new-law-aim-to-lower-apple-and-google-commissions-on-thier-app-store/

ศาลตัดสินให้ Apple ห้ามแบนเกมที่ใช้ Unreal Engine เพราะอาจเกิดผลเสียกับผู้พัฒนาเกม

หลังจากยืดเยื้อมาเป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้วกับข้อพิพาทระหว่าง Apple และ Epic Games ที่ส่งผลเป็นวงกว้างไปจนถึง Unreal Engine ซอฟท์แวร์สร้างเกมที่ถูกใช้งานโดยผู้พัฒนาอย่างกว้างขวาง ซึ่งโดน Apple ขู่ว่าจะแบนตามเกม Fortnite ไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ (แค่เพราะเป็นซอฟท์แวร์จาก Epic Games) โดยล่าสุด Epic Games ได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ และศาลก็ได้ตัดสินออกมาแล้วว่าห้าม Apple แบน Unreal Engine รวมถึงเกมอื่น ๆ ที่ใช้ซอฟท์แวร์ตัวนี้ด้วย

ศาลได้ออกคำสั่งอุทธรณ์ให้ทาง Apple มีสิทธิที่จะดึงเกม Fortnite ออกจาก App Store ได้เพราะในกฎข้อบังคับที่ Epic Games เคยทำไว้กับ App Store ซึ่งมันก็ชัดเจนครอบคลุมดีพออยู่แล้ว ทำให้ศาลไม่สามารถทำอะไรตรงนั้นได้ แต่ศาลก็ยังได้ออกคำสั่งไม่ให้ Apple แบนเกมที่ใช้ Unreal Engine เพราะถึงแม้ว่าตัว Engine จะเป็นของ Epic Games โดยตรงก็ตาม แต่ผู้พัฒนาที่โดนลูกหลงจากการแบนนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ Epic Games ในครั้งนี้เลย

โดยใจความของศาลได้กล่าวไว้ว่า การตัดสินใจเดินหน้าแบน Unreal Engine ของ Apple อาจนำไปสู่ความเสียหายขั้นรุนแรงของวงการเกม ไม่ใช่แค่กับ Unreal Engine หรือ Epic Games เท่านั้น แต่เหล่าผู้พัฒนาเกมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องโดนผลกระทบเข้าไปเต็ม ๆ ทำให้ส่งผลต่อวงการเกมในภาพรวมได้ ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงที่ระบบเศรษฐกิจต้องการความช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากกว่า

ศาลยังทิ้งท้ายไว้ว่า Apple และ Epic Games มีสิทธิทางกฎหมายทุกข้อที่จะฟ้องร้องกัน แต่อย่าให้ศึกครั้งนี้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างไปโดนผู้พัฒนาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และส่งผลเสียต่อวงการเกมจะดีกว่า โดยเกมมือถือที่ใช้ซอฟท์แวร์ Unreal Engine ในการพัฒนาก็มีมากมายตั้งแต่ Infinity Blade, Life is Strange หรือแม้กระทั่งเกม Battle Royale ชื่อดังอย่าง PUBG ก็ด้วย…การที่ศาลออกมาช่วยออกคำสั่งแบบนี้ก็คงช่วยให้ผู้พัฒนาหายใจได้ทั่วท้องกันระดับนึงแล้วล่ะครับ 😄

Source: หมายศาล Via MSPoweruser 

from:https://droidsans.com/court-ordered-apple-not-to-ban-unreal-engine-games/