คลังเก็บป้ายกำกับ: ไมเนอร์_ฟู้ด

Minor พร้อมลุยตลาดหลังโควิด สร้างครัวกลาง ทยอยเปิดร้าน ปรับเมนูใหม่เอาใจผู้บริโภค

ธุรกิจอาหารนับว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างรุนแรงที่สุดธุรกิจหนึ่ง ผู้ประกอบการแต่ละรายจำเป็นต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนไปให้ได้

เช่นเดียวกับ Minor Food ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทร้านอาหารที่เป็นที่รู้จักในทวีปเอเชีย และในประเทศไทย เช่น The Pizza Company, Swensen’s, Sizzler, Dairy Queen, Burger King และ Bonchon โดยในปัจจุบัน Minor Food มีร้านอาหารภายในเครือ 2,200 ร้าน ใน 26 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ Minor Food ได้รับผลกระทบ และจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเอาตัวรอดในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เล่าว่า Minor Food ได้เรียนรู้สถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดในประเทศจีนก่อน ทำให้ร้านอาหารของ Minor Food ในประเทศจีนต้องปิดชั่วคราวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และกลับมาเปิดได้อีกครั้งในเดือนมีนาคม ซึ่งทำให้ Minor มีประสบการณ์ที่สามารถนำมาใช้กับสถานการณ์โควิด-19 ในไทยได้

นอกจากนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา Minor Food ยังมีการ Digital Transformation ภายในองค์กร โดยนำเอาเทคโนโลยีเข้าดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยเฉพาะ Platform Food Delivery ของตัวเอง ที่กลายเป็นสิ่งที่ช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

ดิลลิป ราชากาเรีย เล่าว่า ในขณะนี้ร้านอาหารในเครือ Minor Food ในประเทศไทย สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้แล้วกว่า 95% ยกเว้นร้านอาหารในพื้นที่ท่องเที่ยว ที่ยังคงปิดอยู่อีกประมาณ 15 แห่ง โดย Minor Food ต้องใช้ความระมัดระวัง และพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านอาหารแต่ละแห่ง รวมถึงต้องระมัดระวังการลงทุนด้วย โดยจะเน้นไปที่การลงทุนที่ได้ผลในระยะยาว เช่น ระบบ Digital

โดยในขณะนี้ยอดขายของร้านอาหารกลับมาอยู่ในระดับ 60-70% ของช่วงสถานการณ์ปกติแล้ว และได้ผ่านจุดต่ำสุดไปตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งคาดว่ารายได้จะกลับสู่ระดับปกติเหมือนก่อนช่วงโควิด-19 ภายในช่วงปลายปีนี้

กลยุทธ์ Minor Food ช่วงวิกฤตโควิด-19

ประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ ของ Minor Food ได้เล่าถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในการปรับตัว ทั้งช่วงก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยอดขายจากบริการเดลิเวอรีเติบโตขึ้น 3 เท่า โดย Minor จะเน้นการการสร้าง Platform ของ Minor เอง โดยในปัจจุบันสัดส่วนของบริการเดลิเวอรี่ แบ่งออกเป็นผ่านช่องทางของตัวเอง 60-70% และแอปพลิเคชันเดลิเวอรีต่างๆ อีก 30-40% ขึ้นอยู่กับแบรนด์ของร้านอาหาร

ในอนาคต Minor Food วางแผนจะสร้าง Royalty Program เพื่อสะสมแต้มจากการรับประทานอาหารของร้านอาหารภายในเครือ โดยผู้บริโภคสามารถใช้แต้มข้ามร้านอาหารได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังมีการ

เมนูอาหารต้องตอบรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป

เมื่อสถานการณ์บังคับให้ธุรกิจร้านอาหาร ต้องอาศัยรายได้หลักจากบริการเดลิเวอรี Minor Food จึงต้องปรับเมนูอาหาร ให้ตอบโจทย์การเดลิเวอรีมากที่สุด ทุกเมนูต้องสั่งผ่านบริการเดลิเวอรีเพื่อนำกลับไปทานที่บ้านได้ รวมถึงต้องปรับเมนูให้ตอบกับความต้องการของคนไทยมากที่สุด ประพัฒน์ยกตัวอย่างร้าน Swensen’s ว่า ได้นำเอาเมนูไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวานมาตอบโจทย์คนไทย แทนที่จะขายแค่ไอศกรีมรสชาติเดิมๆ ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ

เปลี่ยนรูปแบบร้านอาหาร ปรับตัวรับความต้องการใหม่ๆ

Sizzler เป็นร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะสาขาทั้งหมดของ Sizzler ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทำให้เมื่อมีการล็อคดาวน์ Sizzler ก็ต้องปิดร้านตามไปด้วย เพราะห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการ Sizzler To Go จึงกลายเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ Minor Food นำมาใช้ โดยเน้นตั้งร้านในรูปแบบคีออสกลางเมือง เพราะเมนูอาหารของ Sizzler ยากต่อการส่งเดลิเวอรี

นอกจากนี้ยังมี Cloud Kitchen ครัวกลางที่รวบรวมเอาร้านอาหารหลายๆ แบรนด์เข้ามาอยู่ในที่เดียวกัน ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากหลายแบรนด์ในออเดอร์เดียว

ส่วนการจ้างงานของพนักงาน เนื่องจาก Minor เป็นบริษัทที่มีธุรกิจในเครือหลายอย่าง จึงสามารถสลับให้พนักงานเข้าทำงานในร้านอาหารอื่นๆ ก็ได้ โดยประพัฒน์ ยกตัวอย่างว่าพนักงานในร้านอาหารที่ภูเก็ตที่ปิดตัวลง ก็สามารถเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แทนได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/minor-food-new-strategy-after-covid-19/

พิซซ่าคอม, เบอร์เกอร์คิง, ซิซซ์เล่อร์, สเวนเซ่นส์, แดรี่ ควีน,​ บอนชอน ปรับตัวเน้นลูกค้าสั่ง Delivery มากขึ้น

บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหาร ได้แก่ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เบอร์เกอร์ คิง, ซิซซ์เล่อร์, สเวนเซ่นส์, แดรี่ ควีน, เดอะ คอฟฟี่ คลับ และบอนชอน เดินหน้าโปรโมทให้บริการ Delivery เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อรับมือกับสถานการณ์ Covid-19

ไมเนอร์ ได้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 เป็นแนวทางเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการ ทุกสาขาทั่วประเทศโดยมีรายละเอียดดังนี้

• คัดกรองพนักงานทุกคนก่อนเข้าปฏิบัติงานในร้านทุกวัน และหากมีพนักงานเข้าข่ายมีอาการเบื้องต้น
จะส่งพบแพทย์ทันที พร้อมเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน
• ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ในกรณีที่หน้ากาอนามัยไม่เพียงพอจะให้ความสำคัญแก่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการปรุงอาหารก่อน
• ให้พนักงานทุกคนใส่ถุงมืออนามัยตลอดเวลาปฎิบัติงาน ล้างมือและฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์เข้มข้น 70% ทุก 30 นาที – 1 ชั่วโมง
• ทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ผ่านการสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
• จะทำการจัดส่งแบบเว้นระยะห่าง (Social Distance) เพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายของไวรัส และยืนห่างจากลูกค้าอย่างน้อย 2 เมตร ดูแลจนกว่าลูกค้าจะได้รับอาหารเรียบร้อย
• แนะนำให้ลูกค้าชำระเงินด้วยบัตรเครดิต เพื่อลดการสัมผัส ซึ่งสามารถชำระผ่านบัตรเครดิตได้ทุกช่องทางการสั่ง ทั้ง โทร 1112 เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และในกรณีลูกค้าชำระด้วยเงินสด พนักงานจะโทรถามลูกค้าก่อนว่าชำระด้วยธนบัตรใด เพื่อเตรียมเงินทอนให้วางอยู่บนกล่องไปพร้อมกับการจัดส่ง

ลูกค้าสามารถใช้บริการเดลิเวอรี่ผ่านช่องทาง www.1112delivery.com หรือ แอพพลิเคชั่น 1112Delivery หรือ โทร. 1112Delivery และบริการ Drive-Thru ผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/minor-food-group-delivery/

Minor Food เปิดแอพ 1112Delivery รวบส่งอาหาร 7 แบรนด์ในเครือ

เดลิเวอรี่โตฟุ้งรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยน Minor Food ได้เปิดแอปพลิเคชั่น 1112Delivery สามารถสั่งอาหารทั้ง 7 แบรนด์ในเครือได้ คาดดันยอดขายเดลิเวอรี่โต 50%

ตอกย้ำนำเทรนด์เดลิเวอรี่ก่อนใครเพื่อน

ถือว่าเป็นผู้นำเทรนด์ส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่รายแรกในประเทศไทยสำหรับ Minor Food หรือบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่บุกเบิกให้กับแบรนด์ The Pizza Company เมื่อปี 2532 ซึ่งปัจจุบันมีทั้งช่องทางคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่น

ปัจจุบัน Minor Food มีแบรนด์ร้านอาหารในเครือ 7 แบรนด์ด้วยกันที่มีบริการเดลิเวอรี่ ได้แก่ The Pizza Company, Sizzler, Dairy Queen, Swensens, The Coffee Club, Burger King และ Thai Express

โดยที่ The Pizza Company เป็นหัวหอกหลักในบริการเดลิเวอรี่ ซึ่งล่าสุด 2 แบรนด์อย่าง Sizzler และ The Coffee Club ก็สามารถให้บริการเดลิเวอรี่ได้แล้วเช่นกัน

ทีนี้เมื่อมีหลายแบรนด์ก็พบว่า Pain Point ของผู้บริโภคก็คือการสั่งอาหารหลายร้าน สั่งหลายครั้ง ต้องเสียค่าขนส่งเยอะ ต้องจ่ายเงินหลายรอบ เกิดความไม่สะดวกขึ้นมา

Minor Food จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่น 1112Delivery เข้ามาปิดจุดอ่อนดังกล่าว สามารถสั่งอาหารทั้ง 7 แบรนด์ได้พร้อมกัน ส่งได้พร้อมกันในครั้งเดียว โดยไม่ต้องเสียเวลาสั่งหลายครั้ง

การจัดส่งจะใช้เครือข่ายของ The Pizza Company เป็นหลักเพราะแข็งแกร่งในตลาดนี้ มีพนักงานกว่า 3,000 คนทั่วประเทศ แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 2,000 คน และต่างจังหวัด 1,000 คน มียอดขายจากเดลิเวอรี่ 30%

วิธีการบริหารก็คือ แบ่งโซนการรับส่งอาหารภายในกรุงเทพออกเป็น 70 โซน ใช้สาขาของ The Pizza Company เป็นหลัก แล้วเมื่อมีการสั่งอาหารเกิดขึ้น พนักงานก็จะไล่รับอาหารตามร้านอาหารระแวกเดียวกัน

ประพัฒน์ เสียงจันทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทยจำกัด บอกว่า

แอปพลิเคชั่นนี้ หรือบริการเดลิเวอรี่รวมร้านอาหารในเครือมีเฉพาะในประเทศไทย ยังไม่มีแผนไปต่างประเทศ เพราะมองเห็นเทรนด์เดลิเวอรี่เติบโตอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไลฟ์สไตล์คนเริ่มเปลี่ยน แอปนี้จะเข้ามาตอบโจทย์ Pain Point ได้หมด โทรครั้งเดียวสั่งได้ทุกแบรนด์

ประพัฒน์เสริมอีกว่าความยากของการพัฒนาบริการนี้คือการจัดโซนพื้นที่ในการจัดส่งอาหาร เพราะบางตึกก็ไม่ไ้ด้มีร้านอาหารในเครือครบทุกร้าน จึงต้องจัดโซนให้ดี เน้นร้านของ The Pizza Company ยืนพื้นหลัก

เตรียมแผนรับส่งอาหารให้ร้านนอกเครือ

ในช่วงเฟสแรกจะให้บริการเดลิเวอรี่ในเขตกรุงเทพฯ ก่อน จากนั้นค่อยขยายไปยังหัวเมืองใหญ่อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และนครราชสีมา แล้วค่อยขยายไปให้ครบทุกภาค เริ่มจากตะวันออก เหนือ ใต้ และอีสาน

ซึ่ง 3 แบรนด์หลักอย่าง The Pizza Company, Dairy Queen และ Swensens ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ แล้ว

ตั้งเป้าว่าภายในกลางปีจะให้ครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในกรุงเทพฯ และในหัวเมืองใหญ่ โดยที่เฟสต่อไปเริ่มมองหาพันธมิตรนอกเครือ หรือร้านอาหารนอกเครือ Minor Food อาจจะเป็นบริษัทที่ทาง Minor เข้าไปถือหุ้นอยู่ มีแผนที่จะเข้าไปคุยเพื่อที่จะบริการจัดส่งอาหารให้

ปัจจุบันรายได้รวมจากบริการเดลิเวอรี่ของทั้งเครือ Minor Food มีอยู่ 3,000 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 50% หรือมีรายได้เกิน 4,000 ล้านบาท

แต่การจัดส่งอาหารยังไม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยังจัดส่งตามเวลาทำการของร้านอาหาร ในอนาคตอาจจะมีแผนปรับมากขึ้น

ตอนนี้ Minor Food มีสาขาทั่วโลกกว่า 2,270 สาขา ใน 27 ประเทศ ส่วนในประเทศไทยมี 1,500 สาขา แบ่งเป็น The Pizza Company 395 สาขา, Sizzler 55 สาขา, Dairy Queen 501 สาขา, Swensens 289 สาขา, The Coffee Club 51 สาขา, Burger King 103 สาขา และ Thai Express 14 สาขา และ Benihana 3 สาขา

มีการตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ยทั้งเครือ 10% จากรายได้รวมปี 2561 ที่ 44,000 ล้านบาท

สรุป

เป็นการจับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างดีเพราะตอนนี้มีการสั่งอาหารผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้นการที่รวมทุกแบรนด์ในเครือไว้ด้วยกันความท้าทายอย่างหนึ่งแต่ก็เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้บริโภคได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/minor-food-application-1112-delivery/