คลังเก็บป้ายกำกับ: ไทยยูเนี่ยน

Red Lobster ภัตตาคารอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมเปิดที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 12 กันยานี้

Red Lobster ภัตตาคารอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังมาเปิดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เป็นสาขาแรก! 12 กันยายนนี้ เจอกัน!!

Red-Lobster

Red Lobster มาถึงเมืองไทยแล้ว

เรด ล็อบสเตอร์ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1968 ปัจจุบันมี 749 สาขาทั่วโลก มีทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เอกัวดอร์ จีน ญี่ปุ่น เม็กซิโกและเปอร์โตริโก สำหรับเรด ล็อบสเตอร์นี้ทางบริษัทไทยยูเนี่ยนที่เคยเป็นฝ่ายซัพพลายเออร์อาหารทะเลมาให้อย่างยาวนานกว่า 20 ปีได้เข้าไปลงทุนเชิงกลยุทธ์ตั้งแต่ 10 ตุลาคม 2016 แล้วด้วยการซื้อหุ้นจำนวน 25% มูลค่าการลงทุนราว 575 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ตามด้วยการเข้าซื้อกิจการอีกทีในปี 2020

อย่างไรก็ดี เรด ล็อบสเตอร์ เพิ่งจะเปลี่ยนซีอีโอคนใหม่เป็น Kelli Valade เมื่อกลางปี 64 ที่ผ่านมา ส่วนเรด ล็อบสเตอร์เองก็ถูกเสนอชื่อให้เป็นบริษัทที่มีนายจ้างขนาดใหญ่ยอดเยี่ยมในอเมริกาจาก Forbes และยังเป็นบริษัทที่มีกิจกรรมให้ลูกค้าประจำยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกาด้วย

ความเป็นมาของ Red Lobster

Red Lobster นั้นมีจุดเริ่มต้นก่อตั้งโดย Bill Darden ที่เปิดครั้งแรกที่ Lakeland Florida ในปี 1968 ด้วยแนวคิดที่ว่าอยากให้ผู้คนเข้าถึงอาหารทะเลที่อร่อย คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถงได้ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ห่างจากทะเลแค่ไหนก็ตาม จากนั้นอีก 2 ปีต่อมาในปี 1970 ธุรกิจก็เริ่มบูมมากขึ้น เมนูที่โดดเด่นช่วงนั้นคือขนมที่ชื่อ Popcorn Shrimp ลักษณะคล้ายกุ้งชุบแป้งทอดกรอบเสิร์ฟคู่กับซอส ช่วงเดียวกันนี้ General Mills ได้เข้าไปร่วมทุนทำธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารเพิ่มขึ้นและซื้อเรด ล็อบสเตอร์ในปีเดียวกัน

จากนั้นในปี 1983 ก็เริ่มไปเปิดสาขาแรกที่แคนาดา เมืองออนตาริโอ เรด ล็อบสเตอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1980 สร้างรายได้รายปีสูงมากเกือบ 400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 8.16 พันล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนสมัยนั้นอยู่ที่ 20.42 บาทต่อ 1 USD)

เมื่อ Bill Darden ผู้ก่อตั้งเสียชีวิต เรด ล็อบสเตอร์ก็อยู่ภายใต้การบริหารของ Darden Restaurant (ซึ่งเป็นของ General Mills แต่ใช้ชื่อเชนร้านอาหารเดียวกับผู้ก่อตั้ง) จนถึงปี 2014 ต่อมาผู้บริหารก็คือ Golden Gate Capital ช่วงปี 2014-2020 และเรด ล็อบสเตอร์ก็บริหารภายใต้ Thai Union Group ตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปัจจุบัน

ที่มา – BK, Red Lobster, The Balances, General Mills, Gov Info

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Red Lobster ภัตตาคารอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมเปิดที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 12 กันยานี้ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/red-lobster-will-open-first-branch-at-queen-sirikit-center/

นอกจากโภชนาการ ไทยยูเนี่ยน ย้ำความปลอดภัยของอาหารสำคัญที่สุด

7 มิถุนายน ของทุกปีคือ วันความปลอดภัยอาหารโลก (World Food Safty Day) เพื่อตอกย้ำว่า อาหารต้องมาตรฐานด้านความปลอดภัยในทุกวัน ทุกเวลา ทุกขั้นตอน เพราะอาหาร คือสิ่งที่ทุกคนรับประทานเข้าสู่ร่างกายโดยตรง นี่คือสิ่งที่ ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และต้องการเน้นย้ำเป็นพิเศษเพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่า ไทยยูเนี่ยน เป็นผู้ผลิตอาหารให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ดังนั้นมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารต้องสำคัญที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่า อาหารทุกคำต้องปลอดภัยและเป็นประโยชน์กับร่างกาย

มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร มีความหมายกว้างมากจนหลายคนอาจคิดไม่ถึง เพราะเกี่ยวพันถึงระบบห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยิ่งผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยนส่งออกไปถึงมือผู้บริโภคทั่วโลก ยิ่งต้องมีกลยุทธ์พัฒนาระบบการดูแลให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ปราศจากกลโกงและการคุกคามที่เกี่ยวกับอาหารโดยเจตนา ต้องไม่มีการฉ้อโกงอาหารและเจตนาเจือปนในผลิตภัณฑ์อาหารโดยเด็ดขาด

thai union

ดังนั้น มาตรฐานความปลอดภัยของไทยยูเนี่ยน จึงเริ่มต้นตั้งแต่การสรรหาวัตถุดิบ ที่นอกจากจะสะอาดถูกหลักอนามัย ต้องมาจากผู้จัดหาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้แรงงานที่ถูกต้องและทำการประมงอย่างยั่งยืน ต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า ตรวจสอบขั้นตอนการผลิตทุกขั้นตอนจากโรงงานย้อนหลังได้ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความมั่นใจ

สำหรับมาตรฐานการผลิตในโรงงานทุกแห่ง เริ่มต้นจากพนักงานทุกคนต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าบริเวณโรงงาน ต้องสวมใส่เครื่องป้องกันตลอดระยะเวลาที่อยู่ในบริเวณโรงงาน เพื่อมิให้เกิดการปนเปื้อนในอาหารและเป็นการรักษาสุขอนามัยและความปลอดภัยตามมาตรฐาน Good Manufacturing Practices (GMP)

สำหรับมาตรฐานของโรงงาน ไทยยูเนี่ยนได้รับการรับรองจาก Hazard Analysis Critical Control Points (HACCP) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่ช่วยรับประกันว่าสินค้าของไทยยูเนี่ยน ปราศจากความเสี่ยงจากการปนเปื้อนสารพิษ และมีการทำความสะอาดรวมถึงการฆ่าเชื้อทุกครั้งในกระบวนการผลิต

thai union

มาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตและบรรจุเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญมาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ผลิตสินค้าอาหารทะเลคุณภาพให้กับผู้บริโภคทั่วโลก สำหรับขั้นตอนการผลิตและบรรจุ รู้หรือไม่ว่า

  • บรรจุภัณฑ์ในกลุ่มที่เป็นกระป๋องและภาชนะปิดสนิท ต้องได้รับการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 110-120 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที
  • อาหารแช่แข็งปรุงสุกพร้อมทานหลังละลาย ต้องผ่านการล้างทำความสะอาดด้วยกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่อุณหภูมิใจกลางอาหาร 71 องศาเซลเซียส และบรรจุลงบรรจุภัณฑ์เช่นเดียวกับกลุ่มของแช่แข็งดิบ หลังจากนั้นจะแช่แข็งที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

thai union

ในขั้นตอนการผลิตจึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยนทุกชิ้นผ่านขั้นตอนเหล่านี้ทั้งหมด

และหลังจากจบกระบวนการผลิตแล้ว ในขั้นตอนการขนส่ง เริ่มจากพนักงานทุกคนต้องได้รับการวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนปฏิบัติงาน และต้องสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องป้องกันเชื้ออย่างเหมาะสม ตลอดจนการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังการสัมผัสสินค้า 

นอกจากนี้ต้องมีการล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อรถบรรทุกสินค้าทั้งด้านนอกและด้านใน ก่อนและหลังการขนส่งสินค้า ในขณะที่ตัวสินค้าเองเมื่อถูกบรรจุลงกล่องแล้วจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีก่อนการขนส่งอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดเป็นไปอย่างเข้มงวด

thai union

“ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับเรื่องคุณค่าทางโภชนาการและสุขภาพของผู้บริโภค รวมถึงความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้นผลิตจนส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค”

ดังนั้น ไทยยูเนี่ยน จึงเน้นย้ำเสมอว่า อาหารต้องปลอดภัยและมีโภชนาการที่ดี กระบวนการจัดหาและผลิตต้องปลอดภัย ภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติโดยเคร่งครัด เพราะ ความปลอดภัยอาหารเป็นเรื่องของทุกคน 

thai union

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post นอกจากโภชนาการ ไทยยูเนี่ยน ย้ำความปลอดภัยของอาหารสำคัญที่สุด first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-union-world-food-safty-day/

ไทยยูเนี่ยน ผลงานไตรมาสแรก กำไรสุทธิ 1,803 ล้านบาท โต 77% แม้มีโควิด-19 ระบาดทั่วโลก

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,803 ล้านบาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 77% มียอดขายคงที่ 31,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งฟื้นตัว โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและได้รับผลดีจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

thai union

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยน มี 15 แบรนด์ ฐานการผลิต 14 แห่ง สำนักงานอีก 10 แห่ง และทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลก หัวใจสำคัญคือความสามารถที่จะปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ในไตรมาสแรกปี 2564 ธุรกิจอาหารแช่แข็งฟื้นตัว โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 10.3% อยู่ที่ 12,076 ล้านบาท และทำผลงานได้ดีในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งภาคธุรกิจบริการอาหารมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจของไทยยูเนี่ยน

ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในไตรมาสแรก โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20.8% อยู่ที่ 5,469 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และถึงแม้ว่าธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องจะมียอดขายลดลง 13.1% อยู่ที่ 13,580 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ผู้บริโภคมีการจับจ่ายอาหารกระป๋องในช่วงเริ่มแรกของการแพร่ระบาด แต่ถ้าหากเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 จะเห็นได้ว่ายอดขายไตรมาสแรกของปีนี้ยังเพิ่มขึ้นถึง 0.9%

thai union

ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าธุรกิจด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของบริษัทในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนควบคู่ไปกับการดูแลความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ในไตรมาสแรกของปีบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกภายใต้แบรนด์ OMG Meat ในประเทศไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ ยูนีกโบน ผงแคลเซียมจากกระดูกปลาทูน่า

เมื่อต้นปี 2564 บริษัทฯ ยังได้ประกาศลงทุนในบริษัท บลูนาลู สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยงที่ได้รสชาติ เนื้อสัมผัสและมีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่าอาหารทะเล

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยยูเนี่ยน ผลงานไตรมาสแรก กำไรสุทธิ 1,803 ล้านบาท โต 77% แม้มีโควิด-19 ระบาดทั่วโลก first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-union-q1-2021/

ไทยยูเนี่ยนมุ่งสู่สินค้าโปรตีนจากพืช ตั้งเป้าสร้างรายได้ทะลุ 1.6 แสนล้านบาทภายในปี 2025

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 5% หรือทะลุ 1.6 แสนล้านบาท (5.19 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ภายใน 5 ปีข้างหน้า 

Thai Union

ธีรพงศ์ จันศิริ CEO ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป ระบุว่า จะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของธุรกิจมากขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมุ่งไปที่ตลาดเกิดใหม่อย่างจีนและตะวันออกกลาง แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เดือนนี้ ไทยยูเนี่ยนจะออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตัวเอง เป็นสินค้าประเภทโปรตีนจากพืชหรือเนื้อไร้เนื้อ หรือที่เรียกกันว่า plant-based meat ภายใต้ชื่อ OMG Meat ซึ่งจะมีการนำมาขายในค้าปลีกไทย เหมือนที่ขายในเทสโกในอังกฤษหรือร้านอาหารที่อยู่ภายใต้เครือไมเนอร์ 

ธีรพงศ์คาดว่าปีนี้น่าจะทำยอดขายได้ที่ 100 ล้านบาทและเพิ่มเป็นพันล้านบาทได้ภายใน 5 ปี โดยโปรตีนทางเลือกนั้นจะมีเนื้อสัตว์หลากชนิด ทั้งเนื้อหมู เนื้อปู และเนื้ออาหารทะเลต่างๆ ไทยยูเนี่ยนยังลงทุนในสตาร์ทอัพผ่านการร่วมทุน 30 ล้านเหรียญสหรัฐและยังเป็นพาร์ทเนอร์กับไทยเบฟด้วย นอกจากนี้ ทางไทยยูเนี่ยนยังให้ความสนใจที่จะนำกัญชามาใส่ในอาหารด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีชื่อในใจแล้วว่า Happy Tuna

ที่มา – Nikkei Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยยูเนี่ยนมุ่งสู่สินค้าโปรตีนจากพืช ตั้งเป้าสร้างรายได้ทะลุ 1.6 แสนล้านบาทภายในปี 2025  first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-union-luanch-plant-based-meat-omg-meat/

ไทยยูเนี่ยน ลงทุน BlueNalu บริษัท Startup ด้านโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง

บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ประกาศลงทุนใน BlueNalu บริษัท Startup ด้านโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง เงินลงทุนดังกล่าวจะไปต่อยอดการผลิต และเตรียมเปิดตัวสินค้าในช่วงปลายปี 2564

ไทยยูเนี่ยน

ไทยยูเนี่ยน กับการบุกโปรตีนทางเลือก

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เล่าให้ฟังว่า ด้วยนโยบายบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ดังนั้นการลงทุนกับ BlueNalu จึงเสริมสร้างนโยบายดังกล่าว ผ่านการที่ BlueNalu ทำธุรกิจโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง ซึ่งมีรสชาติ และเนื้อสัมผัสเท่าเทียมกับสินค้าที่ผลิตจากเนื้อปลาธรรมชาติ

BlueNalu ทำธุรกิจเกี่ยวกับโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง หรือ Cell-Based Seafood เป็นการนำนวัตกรรมเพาะเลี้ยงเซลล์จากปลามาผลิตสินค้าอาหารทะเลระดับพรีเมียม โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าทั้งปลาทูน่าบลูฟิน, ปลามาฮิมาฮิ และอื่นๆ

ส่วนเงินทุนที่ได้มา BlueNalu จะนำไปพัฒนาโรงงานนำร่องสำหรับผลิตโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยงที่มีศักยภาพในการผลิตเพื่อการพาณิชย์แห่งแรกของโลก และจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปลายปี 2564 โดยงเงินทุนที่ได้มาจากกองทุน Venture Fund มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จัดตั้งเมื่อปี 2562

ลู คูเปอร์เฮาส์ ประธานกรรมการ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บลูนาลู กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจเกี่ยวกับนวัตกรรมของบมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และนอกจากการทำตลาดโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง บริษัทยังมีแผนร่วมมือในแง่มุมต่างๆ ของบมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ในอนาคต

สรุป

ไม่ใช่ครั้งแรกที่บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ลงทุนใน Startup เพราะก่อนหน้านี้มีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่เกี่ยวกับอาหารมาแล้ว แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการมีนวัตกรรมใหม่ รวมถึงการไม่จมอยู่กับสิ่งที่ตัวเองถนัด ดังนั้นต้องตามต่อไปว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จะลงทุนในบริษัทใดอีกในอนาคต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยยูเนี่ยน ลงทุน BlueNalu บริษัท Startup ด้านโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thaiunion-bluenalu-startup/

น้ำใจที่มีให้กัน คือภูมิต้านทานที่ดีที่สุดของคนไทย ไทยยูเนี่ยนชวนแบ่งปันน้ำใจ ช่วยสู้ภัยโควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหลายเดือนที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก จนนับว่าเป็นวิกฤตครั้งใหม่อีกครั้งที่เราต้องเผชิญ

ทุกคนต่างได้รับผลกระทบ ชีวิตประจำวันต้องเปลี่ยนแปลงไปเพื่อรับมือกับโรคระบาดครั้งนี้ โดยไม่รู้ว่าสถานการณ์จะดำเนินไปถึงเมื่อไร 

หลายคนถูกเลิกจ้าง หลายคนถูกลดเงินเดือน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทั่วโลกต่างรอคอย คือวัคซีนที่จะช่วยสู้กับวิกฤตครั้งนี้ได้ แต่กว่าวัคซีนจะพร้อมใช้งานอาจต้องรอเวลาอีกหลายเดือน

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองว่า ช่วงเวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยสร้างพลังบวก ให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน คือน้ำใจของคนไทยทุกคน ซึ่งจะเป็นภูมิต้านทานให้กับสังคม

ดังนั้น ไทยยูเนี่ยน และ Youngster Bangkok ครีเอทีฟรุ่นใหม่ ได้ร่วมกันจัดทำคลิปวิดีโอสั้นๆ เชิญชวนคนไทยส่งต่อพลังน้ำใจ อันเป็นพื้นฐานที่เราทุกคนมีให้แก่กัน

ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่กำลังทำงานอย่างหนัก ติดตามข่าวสารอย่างมีสติ ระมัดระวัง แต่ไม่วิตกกังวลมากจนใช้ชีวิตไม่ได้ ช่วยส่งกำลังใจให้คนที่กำลังป่วย เพราะนอกจากยารักษาโรคแล้ว กำลังใจเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยทุกคนต้องการ ทำให้พวกเขามีแรงที่จะสู้กับโรค รวมถึงการให้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทุกคนสามารถช่วยได้ง่ายๆ ด้วยการอยู่บ้าน ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นลดความเสี่ยง และลดโอกาสในการแพร่กระจายไวรัส ยิ่งกว่านั้น ทุกคนสามารถร่วมแบ่งปันน้ำใจให้แก่กัน เพราะน้ำใจที่ร่วมกันแบ่งปัน คือการสร้างภูมิต้านทานที่ดีที่สุดให้กับสังคม

สุดท้าย เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/thai-union-fight-covid19/

ไทยยูเนี่ยนลงทุน 930 ล้านบาท ทำ FoodTech ปั้นนวัตกรรมด้านอาหาร

ไทยยูเนี่ยน ยักษ์ธุรกิจอาหารระดับโลก ก่อนหน้านี้ได้ประกาศลงทุนกว่า 930 ล้านบาท โดยปักหมุดลงทุนนวัตกรรม 3 ด้าน โปรตีนทางเลือก อาหารฟังก์ชั่น เทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า ประเดิมลงทุน ฟลายอิ้ง สปาร์ค สตาร์ทอัพ พัฒนาอาหารโภชนาการสูง

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง เล่าว่า ไทยยูเนี่ยนกำลังก้าวไปสู่ทศวรรษหน้า จึงจับมือร่วมกับกับสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมมากขึ้นในด้านต่างๆ ที่มีนัยยะสำคัญเชิงกลยุทธ์ เพื่อเข้ามาเติมเต็มธุรกิจของเราในขณะที่เราขยายธุรกิจออกไปจากแกนเดิม

ย่างก้าวของไทยยูเนี่ยนล่าสุดตั้งแหล่งเงินทุน venture fund ด้วยเงิน 930 ล้านบาท หรือ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยีอาหาร มีด้วยกัน 3 ด้าน ได้แก่ โปรตีนทางเลือก อาหารฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า ไทยยูเนี่ยนจะลงทุนในบริษัทที่สนใจด้านเหล่านี้และร่วมสนับสนุนและผลักดันให้พัฒนาต่อไป

“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้ลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในนวัตกรรมอาหารทะเลและความยั่งยืน”

ล่าสุดประกาศลงทุนในโปรตีนทางเลือกเป็นครั้งแรก กับ ฟลายอิ้ง สปาร์ค ผู้ผลิตโปรตีนจากตัวอ่อนแมลงเพื่อเป็นโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืนและอุดมไปด้วยสารอาหาร

ภาพจากเว็บ : theflyingspark

สำหรับฟลายอิ้ง สปาร์ค เป็นสตาร์ทอัพด้านโปรตีนทางเลือก โดยใช้ตัวอ่อนแมลงที่กินผลไม้เป็นอาหาร แมลงนี้สามารถเติบโตได้ถึง 250 เท่าในวงจรชีวิตเพียงแค่ 7 วัน  และด้วยเทคโนโลยีของฟลายอิ้ง สปาร์ค ทำให้การผลิตเพาะเลี้ยงทำได้ง่ายและต้นทุนต่ำ และมีขยะเหลือเกือบศูนย์

และทุกส่วนของแมลงได้ถูกนำมาใช้  ทำให้ฟลายอิ้ง สปาร์ค ล้ำหน้าแหล่งโปรตีนแบบดั้งเดิมที่ได้จากเนื้อสัตว์และพืช และแมลงอื่นๆ เช่น จิ้งหรีดและตั๊กแตน นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมามากมาย อาทิ แป้งที่โปรตีนสูง 70% แถมยังแร่ธาตุต่างๆ

โดยก่อนหน้า ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศตั้งเงินทุน venture fund โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวโครงการ SPACE-F เพื่อบ่มเพาะและผลักดันเทคโนโลยีด้านอาหารเป็นที่แรกในประเทศไทย

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก และดำเนินธุรกิจอาหารมาเป็นเวลากว่า 40 ปี โดยมีสินค้าภายใต้แบรนด์ Chicken of the Sea, John West ,Petit Navire ส่วนในแบรนด์ไทย อย่าง ซีเล็ค ฟิชโช เป็นต้น

ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

สรุป : การลงทุน Food Tech ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป 

  • อาหารเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่หลีกไม่พ้นดิสรัปชั่น 
  • โลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ 
  • พฤติกรรมชาวมิลเลนเนียลที่เปลี่ยนไป
  • เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 
  • Food Technology มาแน่นอนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/thaiunion-investment-foodtech/