คลังเก็บป้ายกำกับ: ปี_2565

ไทยหวังฟื้นท่องเที่ยวด้วยอินเดียและเพื่อนบ้าน ตั้งเป้าปีนี้ทำรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท

หลังจากที่โควิดระบาดหนักจนการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยพังไปด้วย ไทยก็เริ่มลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไปและหันมาพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้าน อินเดีย ตะวันออกกลางมากขึ้น

Thai-Tourism-2022-Goal

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬาระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้เหมือนช่วงก่อนโควิดระบาดภายในปี 2024 แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับระดับก่อนช่วงโควิดระบาด แต่เราพยายามจะเน้นไปที่คุณภาพของนักท่องเที่ยวที่เคารพต่อสิ่งแวดล้อมของเราด้วย รัฐมนตรีประกาศกลยุทธ์สำหรับกลุ่มโรงแรมชั้นนำ มันมีสัญญาณปรากฎให้เห็นว่าภาครัฐกับภาคเอกชนกำลังร่วมมือกันช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวอยู่

ภารกิจสำคัญของพิพัฒน์ก็คือการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ถือเป็นสัดส่วน 12% ของ GDP โดยลดการพึ่งพาจีนและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นบ้าง ขณะเดียวกันก็รักษาสัดส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศไว้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ด้านวัลยา จิราธิวัฒน์ ซีอีโอเซ็นทรัลพัฒนาระบุว่า เราต้องการล้างแนวคิดเก่าๆ ที่ว่า เมื่อไรที่เราคิดถึงโรงแรม คุณกำลังคิดถึงการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เซ็นทรัลก็เพิ่งประกาศแผนลงทุน 5 ปีเตรียมสร้างโรงแรม 37 แห่ง 4,000 ห้อง 27 จังหวัด รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ 10% ภายใน 5 ปี

พิพัฒน์ระบุว่า ปีที่แล้วมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยราว 30 ล้านคนเกือบจะถึง 38 ล้านคนที่เป็นตัวเลขเดียวกับปี 2019 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลการพักร้อน การท่องเที่ยวไม่ไกลจากบ้านและกลุ่ม digital nomads หรือคนที่ทำงานบนโลกออนไลน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดว่าต้องทำงานที่ใดที่หนึ่ง กลุ่มเหล่านี้ขยายตัวขึ้น

cpn

เจ้าของโรงแรมก็จะมีระดับรายได้ที่มีความมั่นคงมากขึ้นในช่วงที่เกิดโรคระบาด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีจุดหมายปลายทางที่ง่ายต่อการเข้าถึงด้วยรถยนต์จากเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ หรือจาการ์ตาร์ ซึ่งโรงแรมแห่งใหม่แห่งแรกของเซ็นทรัลที่จะเปิดก็คือที่นครราชสีมาหรือโคราชที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 220 กิโลเมตรเท่านั้น ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมก็จะดึงดูดผู้ผลิตชาวญี่ปุ่น เช่น Canon ก็จะทำให้มีนักเดินทางเพื่อธุรกิจมาด้วย ซึ่งทางเซ็นทรัลก็มองว่าตลาดโรงแรมในจังหวัดนครราชสีมาก็มีศักยภาพมากและอัตราเฉลี่ยการเข้าพักก็จะมีระยะเวลายาวนานขึ้น คนยุโรปเข้าพักในไทยยาวนาน เฉลี่ย 16.82 วันสำหรับปี 2019 แต่การใช้จ่ายก็ยังไม่เท่าคนจีนที่กำลังวุ่นวายกับการล็อคดาวน์อยู่

อย่างไรก็ดี ช่วงซัมเมอร์ที่อากาศในตะวันออกกลางและอินเดียร้อน กระทรวงท่องเที่ยวได้จัดโรดโชว์เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศแล้ว ตั้งเป้าว่าจะทำรายได้มากถึง 1.5 ล้านล้านบาทในปีนี้ คูเวต อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิาระเบียมีการใช้จ่ายต่อหัวในปี 2019 เฉลี่ยมากกว่า 6,800 บาทต่อวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ EIC ก็คาดการณ์เช่นกันว่าการท่องเที่ยวจะเติบโตและกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้สภาพเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มจาก 5.7 ล้านคนเป็น 7.4 ล้านคน แม้จะไม่ได้มีนักท่องเที่ยวมากเท่าก่อนช่วงโควิดระบาดแต่ก็ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นบ้างแล้ว โดยนักท่องเที่ยวก็น่าจะมาจากประเทศเพื่อนบ้าน อินเดียและยุโรป

ด้านพิพัฒน์ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะเสนอให้ให้รัฐมนตรียกเลิกระบบ Thailand Pass เพราะถือเป็นอุปสรรคตัวสุดท้ายสำหรับให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ อยากให้มีเพียงการยื่นข้อมูลเที่ยวบิน รายละเอียดที่พักและประวัติการรับวัคซีนโดยไม่จำเป็นต้องมีผลตรวจโควิดที่เป็นลบอีก เขาบอกว่าระบบนี้ทำให้ความต้องการอยากเดินทางเข้าประเทศลดลง

ที่มา – Nikkei 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยหวังฟื้นท่องเที่ยวด้วยอินเดียและเพื่อนบ้าน ตั้งเป้าปีนี้ทำรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-tourism-revenue-goal-2022/

นี่แค่ไตรมาสแรก! การบินไทยขาดทุน 3.2 พันล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อน

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยไตรมาสแรกของปีนี้มีรายได้รวมทั้งสิ้น 11,181 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 6,797 ล้านบาท (155%)

Thai-airways-q1-2022

รายได้โดยรวมที่สูงกว่าปีก่อน 155% เนื่องจากรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าเพิ่มขึ้น 6,719 ล้านบาท (255.7%) รายได้จากการบริการอื่นๆ พิ่มขึ้น 103 ล้านบาท (8.3%) เนื่องจากบริษัทเริ่มกลับมาทำการบินและให้บริการเที่ยวบินประจำในเส้นทางระหว่างประเทศ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และออสเตรเลีย

มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 14,4348 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 2,967 ล้านบาท (26.1%) แปรผันตามปริมาณการผลิตและ/หรือปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันสูงกว่าปีก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายบุคลากรลดลงจากการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นลดลงตามการควบคุมการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 3,167 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 3,830 ล้านบาท (54.7%) นอกจากนั้นยังมีต้นทุนทางการเงินจำนวน 2,192 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1,619 ล้านบาท (42.5%)

บริษัทฯ และบริษัทย่อย (ได้แก่ บริษัท ไทย-vะมาดิอุสเซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด, บริษัท วิงสแปน เซอร์วิสเซส จำกัด, บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด, บริษัท ไทยไฟลท์เทรนนิ่ง จำกัด และบริษัท ทัวร์เอื้องหลวง จำกัด) มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จำนวน 3,243 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 8,962 ล้านบาทหรือขาดทุนลดลงอยู่ที่ 73.4% เป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 3,247 ล้านบาท คิดเป็นขาทุนต่อหุ้น 1.49 บาท ขณะที่ปีก่อนขาดทุนต่อหุ้น 5.59 บาท

ณ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 162,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 1,204 ล้านบาท (0.7%) หนี้สินรวมมีจำนวน 236,909 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจาก วันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 4,439 ล้านบาท (1.9%) ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อยติดลบจำนวน 74,486 ล้านบาท ติดลบเพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 3,235 ล้านบาทจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย

ที่มา – SET (1), (2), (3), การบินไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post นี่แค่ไตรมาสแรก! การบินไทยขาดทุน 3.2 พันล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-airways-q1-in-2022/

เคาะแล้ว! สินค้าควบคุมปี 65 พร้อมมาตรการแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง

ครม. เห็นชอบกำหนดสินค้าควบคุมปี 2565 จำนวน 5 รายการตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการโดยแบ่งเป็นรายการสินค้าควบคุมเดิมปี 2564 จำนวน 4 รายการคือ

  1. หน้ากากอนามัย
  2. ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้สำหรับผลิตหน้ากากอนามัย
  3. ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ
  4. เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก
  5. ไก่ เนื้อไก่ เนื่องจากราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้น (เป็นรายการสินค้าควบคุมใหม่)

solution-pork-price-raise

ปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์ประกาศรายการสินค้าและบริการควบคุมแล้วรวมครั้งนี้จะเป็นจำนวนทั้งสิ้น 56 รายการ จากเดิม 51 รายการ เช่น ไข่ไก่ หมูและเนื้อหมู แชมพู ผงซักฟอก ข้าวสาร กระเทียม อาหารกึ่งสำเร็จรูป เครื่องแบบนักเรียน ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น

ผู้เลี้ยงไก่และโรงชำแหละรวมทั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์ตามเกณฑ์ที่กำหนด ต้องแจ้งข้อมูลรัฐ โดยคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดให้ผู้ประกอบการ ผู้ค้าและฟาร์มเลี้ยงไก่ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ดังนี้

  • ผู้เลี้ยงไก่ที่มีปริมาณการเลี้ยงตั้งแต่ 100,000 ตัวขึ้นไป และโรงชำแหละไก่ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 4,000 ตัวต่อวัน ต้องแจ้งปริมาณ สต็อก และต้นทุนราคาจำหน่ายทุกเดือน
  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ที่มีอยู่ 55 โรง ต้องแจ้งต้นทุนราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต และสต็อก
  • การปรับราคาสินค้าจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมการค้าภายในก่อน

มาตรการแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง

  1. งดส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลา 3 เดือน
  2. ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์แก่เกษตรกร
  3. สถาบันการเงินจัดสินเชื่อพิเศษเพื่อให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่
  4. ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสม สอดคล้องกับต้นทุน
  5. เพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน
  6. ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
  7. เร่งศึกษาวิจัยและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคระบาด
  8. ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด
  9. ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรค
pig หมู
Photo by Lucia Macedo on Unsplash

จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันเข้าตรวจสต๊อกเนื้อสุกร หากพบการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา จะถูกดำเนินคดีขั้นสูงสุด กรณีตรวจพบว่า มีการรายงานตัวเลขการครอบครองเนื้อสุกรไม่ตรงกับที่แจ้งพาณิชย์จังหวัด จะเข้าข่ายกักตุนหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด

ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กำหนดว่า กรณีที่ไม่แจ้งปริมาณสต๊อกถือว่ามีความผิด

  • มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
  • ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และ
  • ปรับอีกวันละ 2,000 บาทตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน

กรณีแจ้งข้อมูลเป็นเท็จ จะมีความผิดอีก หากพบว่ากักตุนที่หมายถึงปฏิเสธการจำหน่าย ทั้งที่มีสินค้าและมีผู้ขอซื้อสินค้าเข้ามาแต่ไม่จำหน่าย

  • มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
  • ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากพบเห็นผู้กระทำผิดหรือสงสัยว่าเป็นการกระทำผิด สามารถแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 เพื่อให้จ้าหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินการทันที

ที่มา – รัฐบาลไทย (1), (2)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เคาะแล้ว! สินค้าควบคุมปี 65 พร้อมมาตรการแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/restricted-goods-and-solutions-for-pork-price-raise/