ปีที่แล้ว Leica ได้จับมือร่วมกับ Sharp และ SoftBank เพื่อเปิดตัวมือถือแบรนด์หลักของตัวเองภายใต้ชื่อ Leitz Phone 1 ในประเทศญี่ปุ่น และตอนนี้ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวรุ่นใหม่ Leitz Phone 2 ออกมาแล้ว ซึ่งก็ยังคงเป็นมือถือที่ปรับเปลี่ยนมาจากมือถือของ Sharp รุ่น Aquos R7 ที่เปิดตัวไปในปีนี้ ทำให้มีสเปคต่าง ๆ เหมือนกัน เปลี่ยนแค่ตัวซอฟต์แวร์และรูปลักษณ์ภายนอกครับ
โดยรุ่นแรก Leitz Phone 1 นั้นเป็นมือถือรีสกินมาจาก Sharp Aquos R6 ส่วนรุ่นใหม่ของปีนี้ก็เหมือนเดิม คือพัฒนามาจาก Aquos R7 ซึ่งรุ่นใหม่ Leitz Phone 2 มีตัวเลือกสีแบบใหม่ คือสีขาว ‘Leica White’ ต่างกับรุ่นแรกที่มีตัวเลือกสีดำครับ
แต่แปลกที่บนตัวเครื่องคราวนี้ไม่มีโลโก้ ‘Leica’ ให้เห็นแล้ว แต่เลือกใช้แบรนดิ้งเป็น ‘Leitz’ เท่านั้น มีวางอยู่ในวงโมดูลกล้อง ตรงกลางฝาหลังเครื่อง และบนฝาปิดกล้องที่แถมมาในกล่อง
รุ่นนี้ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 12 ที่มีหน้าตา UI แบบเฉพาะสไตล์ของ Leica ซึ่งมีวิดเจตแสดงภาพถ่ายโชว์ภาพที่ถ่ายโดยกล้อง Leica ฉายวนไปบนจอด้วย
ข้างในแอปกล้องเองก็มีการแต่งหน้าตา และมีให้เลือกเสียงชัตเตอร์แบบกล้อง Leica M Series และเลือกฟิลเตอร์ภาพถ่ายได้ด้วย และทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่าง Leitz Phone 2 กับไส้ในที่เป็น Aquos R7 ครับ ดังนั้นที่เหลือใช้สเปคแบบเดียวกันทุกอย่างตามนี้
หน้าจอเป็น IGZO OLED ขนาด 6.6 นิ้ว รีเฟรชเรท 240Hz ความละเอียด 2730 x 1260 พิกเซล ความลึกสี 10-bit
สเปค Leitz Phone 2
- หน้าจอ : Pro IGZO OLED ขนาด 6.6 นิ้ว
- ความละเอียด WUXGA+ (1260 x 2730)
- รีเฟรชเรท 120Hz
- ความสว่างสุด 2,000 นิต
- ความลึกสี 10-bit
- ครอบด้วย Gorilla Glass Victus
- Dolby Vision
- CPU : Snapdragon 8 Gen 1
- RAM (LPDDR5) : 12GB
- ความจุ (UFS 3.1) : 512GB รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
- กล้องหลัก 47.2MP (f/1.9)
- กล้องจับความลึก 1.9MP
- กล้องหน้า : 12.6MP (f/2.3)
- การเชื่อมต่อ : sub-6GHz 5G, WiFi 6, Bluetooth 5.2
- สแกนนิ้วมือ : ใต้จอแบบ Ultrasonic
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- มาตรฐานกันน้ำ / กันฝุ่น : IP68
- แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จไร้สาย
- ระบบ Android 12
- หนัก 211 กรัม
Leitz Phone 2 มีวางขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ราคาอยู่ที่ 225,360 เยน ตีเป็นเงินไทยได้ราว ๆ 56,700 บาท และจะเริ่มวางขายตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และเมื่อดูจากประวัติของรุ่นแรกแล้ว คาดว่าจะไม่นำออกมาวางขายตลาดต่างประเทศอีกเช่นเคยครับ
ที่มา : techgoing, gizmochina