เปรียบเทียบ Galaxy S21 FE กับ iPhone 13 สเปคเหมือนต่างกันตรงไหน รุ่นไหนน่าซื้อใช้งานกว่ากัน?

Galaxy S21 FE ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะสเปคที่ให้มานั้นจัดเต็มสุด ๆ แทบฟัดกับเรือธงในตลาดได้อย่างสบาย ๆ ทั้งหน้าจอ OLED รีเฟรชเรท 120Hz, ชิปเซ็ต Exynos 2100, กล้องหลัง 3 ตัว ให้มาครบทุกระยะ หรือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500 mAh มีชาร์จไวทั้งแบบมีสายและไร้สาย …ว่าแต่หากนำมือถือรุ่นนี้ไปเปรียบเทียบเรือธงอีกฝั่งอย่าง iPhone 13 ที่ราคาต่างกันถึง 7,000 บาท จะเป็นยังไงบ้าง สเปคพอสู้ไหวหรือเปล่า งบเท่าไหนควรซื้อรุ่นอะไร มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ

ตารางเปรียบเทียบสเปค Galaxy S21 FE – iPhone 13 – iPhone 13 mini

Galaxy S21 FE iPhone 13 iPhone 13 mini
หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X FHD+ HDR10+
Super Retina XDR FHD+ HDR10
ขนาด 6.4 นิ้ว 6.1 นิ้ว 5.4 นิ้ว
รีเฟรชเรท 120Hz 60Hz
ชิปเซ็ต Exynos 2200
Apple A15 Bionic
RAM 8GB 4GB
ความจุ 128GB / 256GB
128GB / 256GB / 512GB
microSD Card ไม่รองรับ
กล้องหลัง 3 ตัว

  • Wide: 12MP, f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
  • Ultra-Wide: 12MP, f/2.2, มุมกว้าง 123 องศา
  • Telephoto: 8MP, f/2.4
2 ตัว

  • Wide: 12MP f/1.8 กันสั่น IBIS
  • Ultra-Wide: 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
กล้องหน้า 32MP f/2.2 12MP f/2.2
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใต้หน้าจอ ไม่มี
สแกนใบหน้า มี Face ID
ลำโพง คู่แบบสเตอริโอ
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 (ทนน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที) IP68 (ทนน้ำลึก 6 เมตร นาน 30 นาที)
แบตเตอรี่ 4500 mAh 3240 mAh 2438 mAh
ชาร์จไว 25W 20W
ชาร์จไร้สาย 15W
ระบบปฏิบัติการ Android 12 iOS 15.2
ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท 29,900 บาท 25,900 บาท

 

จากตารางด้านบน จะเห็นว่า Galaxy S21 FE และ iPhone 13 (รวมถึง iPhone 13 mini) มีสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก ๆ ต่างกันเพียงค่ารีเฟรชเรทเท่านั้นที่ฝั่ง Apple ยังคงให้มาที่ 60Hz อยู่ อีกทั้งหน้าจอแสดงผลของ Galaxy S21 FE ก็รองรับเป็นแบบ HDR10+ แล้ว ส่วนเรื่องไซส์หน้าจอ ถ้าใครชอบมือถือจอเล็ก ๆ เบา ๆ ล่ะก็ ตรงนี้ iPhone 13 มาวินแบบเห็นได้ชัด จับถือง่ายถนัดมือสุด ๆ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้แปลว่า Galaxy S21 FE ให้จอมาขนาดใหญ่เทอะทะนะ เพราะขนาด 6.4 นิ้ว ก็เป็นอะไรที่จับถนัดมืออยู่เหมือนกัน โดยทั้ง Galaxy S21 FE และ iPhone 13 ต่างถูกครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass Victus และ Ceramic Shield เพิ่มเกราะกันการแตกหรือเป็นรอยได้เป็นอย่างดี (แต่ทางที่ดีใส่เคสหรือฟิล์มจะดีกว่านะ)

ส่วนเรื่องประสิทธิภาพความแรงและการใช้งานทั่วไป ต้องบอกแบบนี้ก่อนว่า หากเป้าหมายของเพื่อน ๆ คือซื้อมาใช้งานทั่วไป ตรงนี้บอกเลยว่าเลือกจิ้มรุ่นไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Exynos 2100 บน Galaxy S21 FE หรือ Apple A15 Bionic ของ iPhone 13 เพราะถือเป็นชิปเรือธงตัวแรงด้วยกันทั้งคู่ ใช้งานได้ยาว ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอาการกระตุกหรือแลค อย่างไรก็ตาม ถ้าใครเป็นสายเกมล่ะก็ ทีมงานก็ขอเอนเอียงไปทาง iPhone 13 ละกัน เพราะชิปของ Samsung ยังมีปัญหาเรื่องการจัดการพลังงานความร้อนอะไรแบบนี้อยู่ สายเกมมิ่ง ไป iPhone 13 ดูแล้วไว้ใจได้มากกว่า

ขณะที่เรื่องกล้อง หากพิจารณาจากสเปคแล้ว ทั้ง Galaxy S21 FE และ iPhone 13 ดูจะไม่หนีกันมาก ถ่ายรูปลงโซเชียลได้แบบสบาย ๆ จบหลังกล้องไม่ต้องแต่งอะไรเยอะ โดยภาพนิ่งของ iPhone 13 อาจจะดีกว่าเล็กน้อย เพราะมีระบบกันสั่นแบบ IBIS หรือ Sensor-Shift มาให้ ประสิทธิภาพการทำงานจะดีกว่าระบบกันสั่น OIS ทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย แต่ถ้าใครเป็นสายชอบซูม ตรงนี้อาจจะต้องเลือก Galaxy S21 FE เพราะฝั่งนั้นมีใส่เลนส์ Telephoto มาให้ สามารถซูมแบบ Digital ได้ไกลสุดถึง 30x

สรุป Galaxy S21 FE หรือ iPhone 13 เลือกซื้อรุ่นไหนดี เหมาะกับใคร?

  • Galaxy S21 FE : เหมาะกับคนที่อยากได้มือถือสเปคแรง ๆ ในราคาไม่สูงมากนัก จอลื่นไหล สเปคกล้องดี ให้มาครบทุกระยะ แบตใหญ่ แต่ชิปเซ็ต Exynos 2100 แม้ว่าจะเป็นชิปกลุ่มระดับเรือธง แต่การเอาไปเล่นเกมอาจจะสู้ฝั่ง iPhone 13 ไม่ได้ ทั้งนี้ราคาเริ่มต้นถือว่าถูกกว่าฝั่ง Apple อยู่ถึง 7,000 บาท แถมสเปคในบางส่วนดีกว่าอีกด้วย
  • iPhone 13 : เหมาะกับคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรืออยู่ใน Ecosystem ของ Apple อยู่แล้ว ชอบหน้าจอไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังถนัดพอดีมือ สเปคเรือธงเร็วแรง ใช้งานทั่วไป หรือเอาไปเล่นเกมปรับกราฟิกสูง ๆ ได้หมดทุกอย่าง แบตอึด ที่ Apple เคลมว่าใช้งานได้นาน 19 ชม. กล้องถ่ายรูปสเปคไม่แพ้รุ่นอื่น แต่ขาดเลนส์ Telephoto (แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องซูมก็ไม่เป็นไร) แถมราคาเริ่มต้นสูงกว่า Galaxy S21 FE อยู่พอสมควร

from:https://droidsans.com/samsung-galaxy-s21-fe-specs-compare-iphone-13/