รีวิว Marshall Mode II TWS เสียงเพื่อชาวร็อค ราคาดีที่ 5,990 บาท

ออกตัวเลยว่า Marshall Mode II เป็น TWS นอกสายตาของทีมงานไม่เคยคิดที่จะลอง หรือซื้อมาใช้งานเลย อาจจะเพราะไม่ได้เป็นแฟน Marshall เท่าไรนัก แต่เมื่อได้มีโอกาสรีวิว ต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย มันดีกว่าที่คิดถูกใจมาก จนอยากจะเปลี่ยนมาใช้ ว่าแต่มันมีดีอะไร ตามไปชมกันครับ

Marshall Mode II

Advertisementavw

Marshall Mode II เป็น TWS หรือ True Wireless รุ่นที่ 2 จากแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอย่าง Marshall ที่ขึ้นชื่อเรื่องโทนเสียง รวมไปถึงการออกแบบเพื่อชาวร็อค โดยเฉพาะใน Marshall Mode II ที่ได้ปรับขนาดให้เล็กลง โดนยังคงดีไซน์ที๋โดดเด่นไว้เช่นเดิม และยังมาพร้อมจุดเด่นที่อัพเกรทขึ้นมาจากรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นไดร์ฟเวอร์ขนาด 6 มิลลิเมตร รองรับการใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง และเคสชาร์ตอีก 20 ชั่วโมง ชาร์ตเคสได้ทั้งพอร์ต USB-C และ Wireless Charge เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1 กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IPX5 และมีน้ำหนักเบาเล็กกะทัดรัดอย่างมาก แต่จะดีไหมเดี๋ยวรู้กัน

Marshall Mode II

  • Frequency Response : 20 Hz – 20 kHz
  • Driver Sensitivity : 100.5 dB SPL (179 mV @ 1 kHz)
  • Driver Type : Dynamic
  • Driver Impedance : 16 Ω
  • Drivers : 6 mm

  • BATTERY
    • Play Time : 5 hours in earbuds
    • Charging Time : 2 hours (number of charges in charging case: 4)

  • CONTROLS AND CONNECTIVITY
    • Microphone & Remote : Microphone: Yes (dual)
  • TOUCH RESPONSE FUNCTIONS
    • Control your music : Activate native voice assistant
    • Receive and end calls : Activate Transparency mode
  • TRANSPARENCY MODE : Yes
  • Bluetooth Range : 10 m
  • Wireless Connectivity
    • Bluetooth 5.1

  • INCLUDED IN THE B
    • Box Contents
    • Mode II true wireless headphones
    • Charging case
    • USB-C charging cable
    • User manual and legal and safety information
    • Ear tips (S, M, L, XL)
  • PHYSICAL UNIT
    • Weight : 4.75 g (charging case weight 35 g)
    • Weight : 0.17 oz (charging case weight 1.23 oz)
  • Water Resistance
    • IPX5 in earbuds
    • IPX4 in charging case

Marshall Mode II 02

Marshall Mode II 03 Marshall Mode II 04

กล่องของ Marshall Mode II เป็นเอกลักษณ์ พร้อมโชว์สเปคและหน้าตาอย่างครบครัน

Marshall Mode II 05

อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีตัว Marshall Mode II คู่มือ สายชาร์ตแบบ USB-C to USB-A และจุกหูฟัง 4 ไซท์ ให้เลือกเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

Marshall Mode II 06

สายชาร์ตแบบ USB-C to USB-A เป็นแบบสายยาง คุณภาพดี พร้อมขึ้นสายที่หัวพอร์ต

Marshall Mode II 09

Marshall Mode II 10 Marshall Mode II 11

หน้าตากล่องเคส Marshall Mode II วัสดุหลักของผิวเป็นยางขึ้นลายหนังอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Marshall ทำให้จับได้กระชับมือ ดูหรูหราไม่เหมือนใคร พร้อมโลโก้ Marshall ด้านล่างจะมีสกรีนสเปครายละเอียด พร้อมเป็นจุดที่รองรับ Wireless Charge ขอบของตัวกล่องเคสมีการขึ้นลาย พร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์ตด้านหน้า

Marshall Mode II 13

นองจากรองรับ Wireless Charge แล้วยังสามารถชาร์ตผ่านพอร์ต USB Type-C ได้ด้วย

Marshall Mode II 15

ขนาดกล่องเคสเล็กกะทัดรัดมากๆ วัสดุดี ดูชาวร็อคมาก

Marshall Mode II 16

ภายในกล่องเคสจะเห็นคำว่า EST.1962 ซึ่งเป็นปีต้นกำเนิดของแบรนด์ Marshall พร้อมตัวหูฟังอยู่ด้านล่าง

DSC08242

ฝั่งที่ชาร์ตหูฟัง จะมีปุ่มสีทองสำหรับแพร์ หรือตั้งค่าเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน โดยการกดปุ่มค้าง เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ จะแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่จะกดแพร์จากตัวหูฟังโดยตรง

Marshall Mode II 20

ภายในฐานชาร์ตตัวหูฟังจะมีขั้วชาร์ต 2 ขั้วหลัก ๆ พร้อมแม่เหล็กสำหรับดูดเพื่อยึดติด ซึ่งไม่ได้แรงมาก สามารถหยิบเข้าออกได้ง่าย แม้หูฟังจะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กก็ตาม

Marshall Mode II 27 Marshall Mode II 31

ขนาดของตัวหูฟังเล็กมาก น้ำหนักเบา ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่เมื่อยล้าหู และไม่เจ็บหู

Marshall Mode II 33

Marshall Mode II 32 Marshall Mode II 34

Marshall Mode II 35 Marshall Mode II 36

รายละเอียดของตัวหูฟังจะเป็นแบบอินเอียร์แต่ก็ไม่ได้ยัดเข้าไปในรูหูมากนัก โดยจะมีโลโก้ M ด้านหลังที่ทำหน้าที่สั่งงานแบบสัมผัส โดยด้านข้างจะมีช่องไมค์สำหรับช่วยตัดเสียงรบกวน และจะมีไมค์รับเสียงสนธนาบริเวณของด้านล่าง

ด้านในของหูฟังจะมีขัวสำหรับเชื่อมต่อเคสชาร์ต พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการใช้งาน เมื่อถอดหูฟัง เพลงก็จะหยุดเล่นโดยอัตโนมัติ ช่องหูฟังสีทองสวยงามตัดกับวัสดุโดยรวมที่เป็นสีดำ ทำให้ดูหรูหราไปอีก

Screenshot 20211029 164643 Bluetooth

หน้าหลักของซอฟแวร์ จะโชว์อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ พร้อมระดับแบตเตอรี่ที่เหลือของหูฟังทั้งซ้ายและขวา

Screenshot 20211029 164703 Bluetooth

หน้าหลักของอุปกรณ์จะมีเมนูคร่าวๆ เช่นปรับ EQ หรือปรับเปิดปิดการตั้งค่าการสัมผัส

Screenshot 20211029 164728 Bluetooth Screenshot 20211029 164740 Bluetooth

ในส่วนของ EQ มีให้เลือกทั้งแบบพรีเซ็ต และสามารถปรับตั้งค่าเองก็ได้ตามความชอบ

Screenshot 20211029 164805 Bluetooth

ในส่วนของ Noise Control จะเป็นการลดเสียงรบกวนจากซอฟแวร์ ไม่ได้มีตัวฮาร์ดแวร์ช่วยตัดเสียงรบกวน ช่วยได้นิดหน่อยครับ

DSC08243

DSC08244 DSC08245

การสวมใส่

ดูหูฟังที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้การสวมใส่ง่าย และสบายไม่รุู้สึกหนัก แต่มีสวยที่เป็น in-ear ที่สอดเข้าไปในรูหูพอสมควรแต่ไม่เยอะมาก ถ้ารับจุดนี้ได้ ก็ถือว่าว่าเป็นหูฟังที่สวมใส่สบายดีทีเดียว

ฟังค์ชั่น

ฟังค์ชั่นหลักจะเป็นปุ่มสัมผัสที่ด้านหลังหูฟัง โดยการสั่งงานหลักแตะ 1 ครั้งจะเป็นเล่นหยุดเพลง แตะ 2 ครั้งจะเป็นการเล่นเพลงถัดไปหรือก่อนหน้า โดยตัวหูฟังจะมีเซนเซอร์ตรวจจับ ถ้าถอดออกเพลงจะหยุดเล่นเอง เมื่อใส่เพลงจะเล่นต่อให้อัตโนมัติ

DSC08238

คุณภาพเสียง

คุณภาพเสียถือเป็นจุดเด่นที่ทีมงานชื่นชอบอย่างมาก โดยเฉพาะเสียงเบสที่หนักแน่น เป็นลูกๆ เสียงแหลม หรือเสียงร้องก็ชัดเจน เวทีเสียงค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะเมื่อฟังคอนเสิร์ต จะให้เสียงร้องและดนตรีที่ครบเครื่อง น่าจะเหมาะกับชาวร็อคที่ชอบฟังเบส หรือเครื่องดนตรีแนวกีตาร์เป็นพิเศษ เน้นฟังเพลงหูฟังตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี

คุณภาพไมค์

มีไมค์อยู่ข้างละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว เท่าที่ลองใช้งานถ้าใช้งานในห้อง หรือพื้นที่ซึ่งไม่ค่อยมีเสียงรบกวนสามารถคุยได้สบายๆ ไม่ต้องใช้เสียงดังมาก แต่ถ้าเดินริมถนนหรือที่เสียงดังละก็ อาจจะแค่พอคุยได้ เพราะปลายสายจะได้ยินเสียงรอบข้างเข้ามาด้วย

แบตเตอรี่

ทีมงานลองใช้งานต่อเนื่องราว 2 ชั่วโมง ฟังเพลงด้วยระดับเสียง 50% แบตเตอรี่ยังไม่มีการเตือนใดๆ เหลือแบตอีกราว 50% ถ้าใช้ไป และพักชาร์ตเป็นช่วงๆใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ

ในส่วนของการดีเลเมื่อดูหนัง หรือเล่นเกม จัดว่าดีเลน้อย ต้องตั้งใจจับผิดถึงจะรู้สึก ถ้าใช้งานผ่านๆ แทบไม่รู้สึกถึงการดีเลเลย

DSC08239

Marshall Mode II เป็น TWS ที่อยู่นอกสายตาของหลายๆท่านรวมถึงทีมงานด้วย แต่เมื่อได้ลอง ได้ลองแล้ว ผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะเปลี่ยนความคิดไม่มากก็น้อย ตั้งแต่ตัวหูฟังที่ภายนอกดีไซน์ไม่เหมือนใคร เป็นเอกลักษณ์ในแบบ Marshall ถ้าชอบก็ชอบเลย อีกทั้งในเรื่องของขนาดก็เล็กกะทัดรัดมากๆ

และเมื่อมาดูเรื่องของเสียงจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะให้โทนเสียงที่ฟังสนุก โดยเฉพาะเพลงร็อค หรือดูหนังก็ให้เสียงดีดังครบเครื่อง ใส่นานไม่เจ็บหูน้ำหนักก็เบา ครบเครื่องแบบนี้ในราคา 5,990 บาท

อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th

จุดเด่น

  • ดีไซน์โดนใจชาวร็อค
  • เล็กกะทักรัด
  • รองรับ Wireless Charge
  • เสียงดีฟังสนุก

ข้อสังเกต

  • หลายท่านอาจจะไม่ชอบดีไซน์นี้เท่าไร
  • ไม่มีฟังค์ชั่นตัดเสียงรบกวนด้วยฮาร์ดแวร์

from:https://notebookspec.com/web/619955-review-marshall-mode-ii