ปัจจุบันแอปพลิเคชันสำหรับการแชท (Chat) หรือแอปสำหรับการรับส่งข้อความแบบ Instant Massaging กลายเป็นแอปสามัญประจำเครื่องที่ขาดไม่ได้พอ ๆ กับมือถือเลยก็ว่าได้ เพราะมีความสะดวกในการติดต่อกับผู้อื่น ทั้งในเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องงาน บวกกับความยืดหยุ่นในการโต้ตอบที่มากกว่าการติดต่อรูปแบบอื่น ๆ ทำให้บรรดาแอปแชทต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทกับเราแทบทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่าทั่วทั้งโลกมีแอปแชทให้เลือกใช้กันหลากหลายเจ้านับไม่ถ้วน แต่จะมีเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่ครองตลาดประเทศใดประเทศหนึ่งเอาไว้ได้ เพราะถ้าแอปไหนมีคนใช้อยู่เยอะ คนก็มักจะต้องใช้ตาม ๆ กันเพื่อให้สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ง่าย ประเทศไทยเองก็มีอยู่ 3 เจ้าหลัก ๆ ซึ่งได้แก่ LINE, Facebook Messenger และ Telegram ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแอปเปรียบเทียบให้ได้ชมกันว่าแอปใดในปี 2021 ถือได้ว่าเป็นแอปแชทที่ฟีเจอร์ครบครัน ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้หลายด้านที่สุด หรือใช้งานสะดวกที่สุด ณ เวลานี้
ภาพรวมของแอปพลิเคชัน LINE
หากพูดถึงหนึ่งในแอปสามัญประจำเครื่องของคนไทย แน่นอนว่าตำแหน่งแอปแชทยอดนิยมที่สุด ณ ขณะนี้ คงหนีไม่พ้น LINE หรือ ไลน์ ปัจจุบัน LINE ครองแชมป์แอปแชทอันดับ 1 ที่คนไทยใช้งานต่อเนื่องมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ใช้รวมกันมากกว่า 50 ล้านบัญชีแล้ว (ข้อมูลจาก Thairath เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64)
อย่างที่ทราบกันดีว่า LINE เป็นแอปที่โดดเด่นมากในเรื่องของ สติกเกอร์ และธีม ที่สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าในตัว ปัจจุบันมีสติกเกอร์ไลน์ให้เลือกซื้อจำนวนกว่า 6 ล้านชุด รวมถึงธีมและอีโมจิต่าง ๆ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นสำคัญอย่างมากของ LINE ที่ครองใจคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ LINE ยังเด่นในเรื่องของฟิลเตอร์วิดีโอคอลที่มีให้เลือกเยอะ ทั้งในรูปแบบสีสัน ตัวการ์ตูน หรือกระทั่งมินิเกมที่สามารถเล่นได้ ให้เลือกปรับแต่งกันได้ตามใจชอบ
เริ่มมีกระแสไม่เห็นด้วยกับการใช้ LINE เป็นแอปแชทหลัก
อย่างไรก็ตาม โลกออนไลน์เริ่มมีประเด็นถกเถียงพูดถึงแอป LINE ว่าเป็นแอปแชทที่ค่อนข้างมีปัญหาในการใช้งานหลายด้าน ซึ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับแอปเจ้าอื่นในตลาด จะพบว่า LINE ยังมีฟีเจอร์ที่เป็นข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างข้างเยอะในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น
- login เข้าใช้บนอุปกรณ์ที่ทำพร้อมกันหลายเครื่องไม่ได้ ได้เฉพาะมือถือ 1 เครื่อง กับบน PC / iPad ได้อีก 1 เครื่อง
- ไม่เก็บประวัติข้อความแชทไว้แบบออนไลน์ ผู้ใช้ต้อง backup ข้อมูลด้วยตัวเองผ่าน cloud ส่วนตัว เช่น Google Drive หรือ iCloud เท่านั้น
- กินพื้นที่เครื่องสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากตัวแอปเก็บประวัติแชทและ Cache จำนวนมาก ไว้ในเครื่องแบบออฟไลน์ทั้งหมด
- ย้ายข้อมูล ข้ามแพลตฟอร์มไม่ได้ เช่นหากย้ายบัญชีจาก iOS ไป login บน Android จะไม่สามารถนำประวัติการแชทเดิมกลับมาด้วยได้
- ไฟล์ต่าง ๆ มีวันหมดอายุ เช่น รูปภาพ วิดีโอ เอกสาร และอื่น ๆ หากไม่ทำการ backup จะหมดอายุภายใน 15 วัน
หลายคนให้ความเห็นว่าปัญหาของ LINE เหล่านี้สร้างภาระและลดความยืดหยุ่นในการใช้งานพอสมควร ซึ่งเป็นเวลากว่าหลายปีที่ทาง LINE ไม่มีท่าทีจะแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟีเจอร์เหล่านี้ขึ้นมา ในขณะที่แอปอื่น ๆ แก้ปัญหาเหล่านี้กันได้จนเป็นเรื่องปกติแล้ว หรือแม้ระยะหลัง LINE จะมีเครื่องมือใหม่ ๆ ที่พัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เพิ่มขึ้น เช่น LINE Keep สำหรับเก็บไฟล์ หรือแชทกลุ่มแบบ OpenChat ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (เก็บไฟล์ได้นานขึ้นถึง 6 เดือน) แต่ก็ยังคงไม่ตอบโจทย์การทำงานโดยรวม คนไทยส่วนหนึ่งจึงพยายามรณรงค์ให้มีการย้ายไปใช้แอปอื่นเป็นแอปแชทคุยงานแทน LINE กันมากขึ้น
ภาพรวมของแอป Facebook Messenger
สำหรับ Facebook Messenger ปัจจุบันถือเป็นแอปแชทที่ได้รับความนิยมสูงมากในหมู่คนไทยไม่แพ้ LINE ด้วยจำนวนยอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในบรรดาแอปแชททั้งหมด บวกกับอยู่บน ecosystem เดียวกับ Facebook ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักที่คนไทยใช้กันมากที่สุด แถมข้อจำกัดไม่เยอะเหมือน LINE ทำให้ Messenger ก็ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน แม้จะเปิดให้บริการมานานกว่าใครตั้งแต่ปี 2011
Messenger เองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอปแชทที่มีฟีเจอร์ค่อนข้างครบ มีฟิลเตอร์ที่โดดเด่นไม่แพ้ LINE แถมยังมีคลังสติกเกอร์น่ารัก ๆ ให้ใช้งานกันแบบฟรี ๆ สามารถสร้างสติกเกอร์ตัวละครของตัวเองขึ้นมาได้ด้วย นอกจากนี้ ยังอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับร้านค้าเพจธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่บน Facebook ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถือเป็นจุดขายเดียวที่แอปอื่นยากจะเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีข้อถกเถียงเรื่องความน่าใช้หรือถูกเปรียบเทียบฟีเจอร์กับแอปอื่นโดยตรง แต่ Messenger ยังคงเป็นแอปที่ไม่ตอบโจทย์การทำงานบางอย่าง หรือยังมีข้อจำกัดในตัวเองอยู่ เช่น การมีภาพลักษณ์ด้านการเป็นแอปสำหรับเล่นโซเชียลมากเกินไป เพราะผูกไว้กับบัญชีส่วนตัว ซึ่งอาจถูกตามส่องชีวิตส่วนตัวได้ง่าย จึงไม่เหมาะกับการติดต่อด้านการทำงาน รวมถึงข้อจำกัดด้านการส่งไฟล์ เช่น การส่งไฟล์บีบอัดประเภท zip / rar ยังถูกจำกัดไว้เป็นรูปแบบไฟล์ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานที่อาศัยการโยนไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มไปมาตลอดเวลา
นอกจากนี้ Facebook มักจะถูกมองว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ชอบแอบขโมยข้อมูลผู้ใช้ ไม่ว่าจะฝั่ง Messenger หรือ WhatsApp ที่ต่างก็เป็นแอปแชทของ Facebook มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งพบว่าเมื่อคุยอะไรลงไปในแชท มักจะเด้งโฆษณาที่เกี่ยวข้องแนะนำขึ้นมาอยู่บ่อย ๆ ทาง Facebook ก็เคยออกมายืนยันว่าไม่ได้มีการเก็บข้อมูลส่วนดังกล่าวของผู้ใช้ แต่ในแง่ของความน่าเชื่อถือแล้ว Facebook ยังสร้างความมั่นใจต่อผู้ใช้งานได้ไม่ดีพอ ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นบริษัทโฆษณา ทำให้ผู้ใช้มีความกังวลในด้าน Privacy ตามมาอยู่เสมอ
ภาพรวมของแอป Telegram
ฝั่ง Telegram ซึ่งเป็นแอปสัญชาติรัสเซีย เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2013 และกำลังเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้นในระยะ 1-2 ปีมานี้ Telegram ชูจุดเด่นอย่างมากในเรื่อง Privacy & Security ของผู้ใช้ ที่มีการ Encrypt ข้อความการสนทนาแบบ End-to-End Encryption ซึ่งยากต่อการแอบดักข้อมูลระหว่างทาง ทำให้นี่เป็นจุดขายสำคัญที่ส่งผลให้ Telegram เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ความร้อนแรงของกระแสม็อบในปีที่แล้ว
คนเริ่มอพยพจากแอปอื่นมาใช้ Telegram มากขึ้น
จากกระแสจุดติดของ Telegram ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้นที่เริ่มได้รับความนิยม ทั่วโลกเองก็เริ่มให้ความสนใจอพยพจากแอปอื่นมาใช้ Telegram กันเยอะมากทีเดียว เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าว Network ของ Facebook ล่มเป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง ผู้ก่อตั้งถึงกับออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาได้ผู้ใช้ใหม่เข้ามาเพิ่มอีกเกือบ 70 ล้านคนภายในวันนั้นวันเดียว ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่คนยังหันมาให้ความสนใจใช้แอปนี้กันมากขึ้น ในขณะที่ตลาดแพลตฟอร์ม Instant Messaging ซึ่งมีตัวเลือกอยู่เยอะ ค่อนข้างจะอิ่มตัวขึ้นในปัจจุบัน
นอกจากนี้ Telegram ยังมีข้อดีหลายอย่างที่ทำได้เหนือคู่แข่ง ด้วยความที่มีฟังก์ชันพื้นฐานครบเทียบเท่า และมีฟีเจอร์เพิ่มเติมให้เลือกใช้งานได้มากกว่า ทำให้เป็นแอปที่สามารถใช้งานได้เกือบทุกด้าน แถม Telegram ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานที่ง่าย หน้าตาเรียบหรู การโหลดข้อมูลหน้าแชทที่รวดเร็ว ใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์ม และเก็บข้อมูลการแชทให้ทั้งหมด ฟีเจอร์หลายอย่างที่ยังไม่มีบนทั้ง 2 แอปที่กล่าวไป และค่อนข้างเป็นประโยชน์ อย่างเช่น ความสามารถตั้งเวลากดส่งข้อความ การแก้ไขข้อความที่ส่งไปแล้ว การตรวจสอบอุปกรณ์ที่กำลัง login อยู่ปัจจุบันจากในตัวแอปได้ รวมทั้งการตั้งค่าเพื่อปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่มีให้เลือกใช้ ซึ่งถือว่าสร้างความแตกต่างจาก LINE กับ Messenger มากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม แม้ Telegram จะเปิดตัวมานาน แต่ยังถือเป็นแอปน้องใหม่ที่ในไทยที่คนยังไม่ค่อยคุ้นเคย สิ่งที่ Telegram ยังขาด และเป็นสิ่งที่ค่อนข้างดึงดูดใจคนไทยหรือคนเอเชียเป็นอย่างมาก นั่นก็คือเรื่องของสติกเกอร์และธีม ที่ปัจจุบันยังมีแต่เวอร์ชันฟรีให้ใช้ ซึ่งอาจจะยังไม่หลากหลายเท่ากับ LINE หรือ Messenger ที่เป็นร้านค้าครีเอเตอร์ขนาดใหญ่ รวมถึงยังไม่มีฟิลเตอร์สำหรับใช้งานระหว่างวิดีโอคอลที่ค่อนข้างดึงดูดใจกลุ่มวัยรุ่น ดังนั้นหากมอง Telegram เป็นแอปแชทสำหรับคุยเล่นสนุกสนานกับคนรู้จัก อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ได้ดีเท่ากับ 2 แอปเจ้าตลาด ซึ่งคนจะยังจำภาพปัจจุบันของ Telegram ว่าเป็นแอปสำหรับคุยงานมากกว่า
ดังนั้นจากจุดเด่นและจุดด้อยของทั้ง 3 แอปที่กล่าวมา หากนำมาทำเป็นตารางเปรียบเทียบฟีเจอร์สำคัญของแต่ละแอป สามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
ตารางสรุปเปรียบเทียบฟีเจอร์หลักด้านการแชทระหว่าง
Telegram, LINE และ Facebook Messenger
ฟีเจอร์การส่งข้อความ
ฟีเจอร์ (Features) | Telegram | LINE | FB Messenger |
ส่งข้อความแบบไม่แจ้งเตือน | ✓ | ✓ | ✗ |
ส่งข้อความแบบตั้งเวลาส่ง | ✓ | ✗ | ✗ |
ส่งข้อความผ่านแชทลับ (ตั้งเวลาลบได้) | ✓ | ✗ | ✓ |
ส่งข้อความเสียง | ✓ | ✓ | ✓ |
ส่งสติกเกอร์ | ✓ | ✓ | ✓ |
ส่งรููปภาพเคลื่อนไหว (GIF) | ✓ | ✓ | ✓ |
ยกเลิกส่งข้อความ (unsend) | ✓ | ✓ (ภายใน 24 ชม. เท่านั้น) |
✓ |
แก้ไขข้อความที่ส่งไปแล้ว | ✓ | ✗ | ✗ |
ค้นหาข้อความในแชท | ✓ | ✓ | ✓ |
แสดงความรู้สึกบนข้อความ | ✗ | ✓ | ✓ |
มีห้องแชทสำหรับเก็บข้อความไว้ส่วนตัว | ✓ | ✓ | ✓ |
ส่งคลิปวิดีโอความยาวเกิน 5 นาที | ✓ | ✗
(ส่งในรูปแบบไฟล์เท่านั้น) |
✓ |
ส่งรูปภาพขนาดต้นฉบับได้ | ✓ | ✓
(สัดส่วนภาพเดิม แต่ขนาดไฟล์ลดลง) |
✗ |
ฟีเจอร์การ Login / ใช้งานบน Platform
ฟีเจอร์ (Features) | Telegram | LINE | FB Messenger |
Login บนมือถือพร้อมกันได้หลายเครื่อง | ✓ | ✗ | ✓ |
Login บน PC / tablet พร้อมกันได้หลายเครื่อง | ✓ | ✗ | ✓ |
รองรับการใช้งานบน browser | ✓ | ✗
(Chrome Extension เท่านั้น) |
✓ |
วิดีโอคอลบน browser | ✗ | ✗ | ✓ |
Login บนแอปพร้อมกันได้มากกว่า 1 บัญชี | ✓ | ✗ | ✓ |
ย้ายข้อมูลข้าม platform | ✓ | ✗ | ✓ |
ฟีเจอร์อื่น ๆ
ฟีเจอร์ (Features) | Telegram | LINE | FB Messenger |
การเพิ่มเพื่อนด้วย ID | ✓ | ✗ | ✓ |
การเพิ่มเพื่อนอัตโนมัติด้วยเบอร์มือถือ | ✓ | ✓ | ✓ |
การวิดีโอคอลแบบกลุ่ม | ✓ | ✓ | ✓ |
ใช้ฟิลเตอร์ขณะวิดีโอคอล | ✗ | ✓ | ✓ |
การแสดงสถานะ ออนไลน์ / ออฟไลน์ | ✓ | ✗ | ✓ |
แสดงเครื่องหมายว่าคนรับอ่านข้อความแล้ว | ✓ | ✓ | ✓ |
แสดงจำนวนผู้อ่านแล้วในแชทกลุ่ม | ✓ | ✓ | ✓ (ระบุตัวตนผู้ที่อ่านไว้ด้วย) |
ใช้รูปภาพเป็นพื้นหลังแชท | ✓
(รูปเดียวใช้ร่วมกันทุกแชท) |
✓
(ตั้งของแต่ละแชทเองได้) |
✗ |
การจัดกลุ่มแยกหมวดห้องแชท (Folder) | ✓
(ตั้งโฟลเดอร์แยกได้เองอิสระ) |
✓
(แยกกลุ่มตามประเภทให้) |
✗ |
เปลี่ยนชื่อผู้ติดต่อ | ✓ | ✓ | ✓ |
เชิญคนเข้ากลุ่มด้วยลิงก์ | ✓ | ✓ | ✗ |
มีร้านค้าซื้อขายสติกเกอร์ / ธีม | ✗ | ✓ | ✗ |
ล็อกแอปด้วย passcode / fingerprint | ✓ | ✓ | ✓ |
ไฟล์ไม่มีวันหมดอายุ | ✓ | ✗ | ✓ |
ส่งไฟล์ได้ทุกประเภท | ✓ | ✓ | ✗
(ไม่อนุญาตไฟล์ประเภทบีบอัด) |
ไม่ต้อง backup ข้อความเอง | ✓ | ✗ | ✓ |
ปรับแต่งได้ตามใจชอบ | ✓ | ✗ (ต้องซื้อธีม) |
✓ |
ตรวจสอบอุปกรณ์ที่กำลัง login อยู่จากในแอปได้ | ✓ | ✗ | ✗ |
บล็อกเนื้อหา sensitive ได้ | ✓ | ✗ | ✗ |
สรุปการเปรียบเทียบฟีเจอร์ของทั้ง 3 แอป
อย่างที่กล่าวกันมาตั้งแต่ต้นว่าทั้ง Telegram, LINE และ Facebook Messenger ต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งอาจตอบโจทย์ผู้ใช้งานแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ แต่หากพูดในเชิงเปรียบเทียบด้วยฟีเจอร์ภาพรวมที่ทั้ง 3 แอปควรจะมีครบในปัจจุบัน ก็ต้องยอมรับว่า Telegram เป็นแอปที่มีฟีเจอร์ครบและตอบโจทย์ผู้ใช้งานโดยรวมมากที่สุด ด้วยจำนวนลูกเล่นสำคัญสำหรับใช้ในการแชทที่ครอบคลุม มีความปลอดภัยสูง ทำงานเร็ว ใช้งานสะดวกและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
ดังนั้นจากความเห็นของทีมงาน Droidsans มองว่า Telegram น่าจะเป็นแอปแชทที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้มากที่สุด ณ เวลานี้ จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาใช้ Telegram กันมากขึ้น หรือใครยังไม่เคยใช้ ก็อยากให้เปิดใจมาทดลองใช้ดู แล้วจะพบความแตกต่างและความสะดวกที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนครับ