10 วิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊ค ให้เสื่อมช้าลงด้วยตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าหรือใหม่ก็จำเป็นต้องรู้เรื่องวิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊คเอาไว้ เพื่อให้แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คของเราเสื่อมช้าลง จะได้ไม่ต้องนำเครื่องเข้าศูนย์ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้เสียเงินและความต่อเนื่องของงานอีกด้วย

สำหรับวิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊คให้นานยิ่งขึ้นนั้นแบ่งเป็นวิธีการใช้งานส่วนตัวของผู้ใช้เองและวิธีการปรับแต่งในส่วนของซอฟท์แวร์ในตัวเครื่อง ซึ่งทำได้ไม่ยากและสามารถเปิดคอมพิวเตอร์ทำตามขั้นตอนที่ผู้เขียนนำเสนอในบทความนี้ได้ทีละขั้นตอนเลย

วิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊ค

หลักการและวิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊ค

ใจความของการยืดอายุแบตโน๊ตบุ๊คให้ยาวนานขึ้นทำได้ไม่ยากนัก ใจความหลักที่ทำให้แบตโน๊ตบุ๊คอายุการใช้งานยาวคือระวังไม่ให้ตัวเครื่องร้อนเกินไปก็ช่วยถนอมตัวเครื่องได้มากแล้ว และสามารถทำควบคู่กับวิธีปรับแต่งเครื่องในบทความ “10 วิธีแก้ปัญหาโน้ตบุ๊คแบตหมดเร็ว ทำได้ด้วยตัวเอง!” ได้เลย

เพราะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ในเครื่อง จึงมีเรื่อง Battery cycle เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเทคนิคการชาร์จอย่างถูกต้องก็มีส่วนสำคัญในการถนอมอายุแบตเตอรี่ให้ทนทานยิ่งกว่าเดิม โดย Battery cycle นั้นนับจากการถอดปลั๊กออกหนึ่งครั้งและเสียบกลับไปชาร์จใหม่จนแบตเตอรี่กลับมาเต็มจะนับเป็น 1 cycle นั่นเอง เฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่หนึ่งก้อนจะมีจำนวน 300-500 cycle ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแบตเตอรี่

สำหรับขั้นตอนและข้อควรระวังเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คมีดังนี้

  1. อย่าให้มีอะไรขวางช่องระบายอากาศ
  2. ถอดอุปกรณ์เสริมเกินจำเป็นออกไป
  3. พกแบตเตอรี่เสริมหรืออะแดปเตอร์ติดตัวเสมอ
  4. ห้ามปล่อยโน๊ตบุ๊คแบตหมดจนดับ!
  5. อย่าเสียบปลั๊กค้างเอาไว้
  6. ใส่แรมให้เพียงพอและเปลี่ยนไปใส่ SSD
  7. ปิดโปรแกรมที่กินแบตเตอรี่เยอะ
  8. ปิด Wi-Fi, Bluetooth เมื่อไม่จำเป็น
  9. เปิดโหมด Best battery life เมื่อไม่ได้เสียบปลั๊ก
  10. ตั้งการจัดการพลังงานในส่วนของ Custom power plan
1. อย่าให้มีอะไรขวางช่องระบายอากาศ

เราจะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คหลาย ๆ เครื่องมีช่องระบายอากาศอยู่รอบตัวทั้งด้านใต้และด้านข้างเครื่องเพื่อช่วยระบายความร้อนให้โน๊ตบุ๊ค แต่ถ้าช่องระบายอากาศเกิดอุดตันด้วยสิ่งแปลกปลอมก็เป็นสาเหตุให้ระบายความร้อนออกมาได้แย่ลงและส่งผลเสียไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึงแบตเตอรี่จะมีความร้อนสูงขึ้นให้เสื่อมง่ายยิ่งขึ้น

ปัญหานี้เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่การใช้โน๊ตบุ๊คในพื้นที่ฝุ่นเยอะรวมทั้งการเอาโน๊ตบุ๊ควางเล่นบนเตียงหรือซองผ้าใส่โน๊ตบุ๊ค เพราะบนเตียงอาจมีฝุ่นต่าง ๆ และไรฝุ่นผสมกันอยู่ เวลาโน๊ตบุ๊คดูดอากาศเข้าไประบายความร้อนจากช่องใต้ตัวเครื่องก็อาจสิ่งเหล่านี้เข้าไปติดตันในส่วนต่าง ๆ ของเครื่องได้

moft
ขาตั้งโน๊ตบุ๊คนอกจากทำให้องศาการพิมพ์ดีขึ้น ถ้าติดถูกที่ก็ช่วยให้ระบบระบายอากาศดีขึ้นด้วย

ปัจจุบันโน๊ตบุ๊คบางเครื่องก็มีฟีเจอร์ดันฝุ่นค้างในตัวเครื่องออกมาได้ ถ้าไม่มีก็ควรเปิดฝาด้านใต้เครื่องแล้วใช้แปรงปัดฝุ่นสำหรับทำความสะอาดเป็นระยะ ๆ และเน้นส่วนของพัดลมระบายความร้อนให้ฝุ่นไม่จับ โดยสัญญาณเตือนคือตัวเครื่องของเราร้อนผิดปกติ 

ส่วนคนชอบเล่นโน๊ตบุ๊คบนเตียงอาจจะแก้ปัญหาด้วยการหาโต๊ะเล็กสำหรับวางบนเตียงมาใช้ก็จะช่วยจัดการปัญหานี้ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้การใส่เคสให้กับโน๊ตบุ๊คก็เป็นอีกสาเหตุทำให้ตัวเครื่องอมความร้อน ถึงเคสจะเพิ่มความสวยงามและป้องกันการตกหรือกระทบกับสิ่งต่าง ๆ แต่ไม่คุ้มกับความร้อนสะสมที่ลดอายุการใช้งานลงไปอย่างรวดเร็วแน่นอน

2. ถอดอุปกรณ์เสริมเกินจำเป็นออกไป

wired
ต่อแต่พอดีเถอะนะ ถ้าเยอะไปเดี๋ยวดึงพลังจากแบตเตอรี่เยอะจนเสื่อมเอา

ถึงจะมีพอร์ตเชื่อมต่อให้ใช้เยอะก็ตามแต่สิ่งสำคัญ คือ เราควรต่ออุปกรณ์เสริมเข้ากับโน๊ตบุ๊คแต่เพียงพอดีและถอดอุปกรณ์ที่ไม่ใช้ออกไปเสมอ และไม่ควรปล่อยสายเชื่อมต่อต่าง ๆ ติดเอาไว้กับเครื่องเพราะจะกินแบตเตอรี่ของเราเป็นระยะ ๆ เช่นกัน

3. พกแบตเตอรี่เสริมหรืออะแดปเตอร์ติดตัวเสมอ

homemade media 6l5z2EPrnFc unsplash scaled

ขึ้นชื่อว่าโน๊ตบุ๊คยุคใหม่ ๆ พอผ่านมาตรฐาน Intel Evo หรือขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ หลายคนก็อาจจะย่ามใจและไม่พกอะแดปเตอร์และแบตเตอรี่สำรองติดตัวแล้วใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ จนเครื่องสลับเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานเป็นพฤติกรรมลดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คอย่างรวดเร็ว

การพกอะแดปเตอร์ติดตัวเอาไว้เสมอต่อให้ไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นไร นั่นเพราะว่าถ้าเราใช้งานต่อเนื่องจนโน๊ตบุ๊คแบตหมดจะทำให้ Battery cycle ของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นถ้าเราเห็นว่าแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คลดต่ำจนเกือบถึง 20% เมื่อไหร่ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่กลับไปจนเต็มได้ทันที นอกจากนี้โน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ ๆ ยังรองรับการชาร์จผ่าน USB Power Delivery นั้นสามารถชาร์จผ่านอะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนหรือ Power Bank ได้อีกด้วย โดยต้องจ่ายกระแสได้สูงกว่า 65 วัตต์ขึ้นไป

4. ห้ามปล่อยโน๊ตบุ๊คแบตหมดจนดับ!

arnold francisca lz1MnBzCxLA unsplash 1 scaled
จะโน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต อย่าปล่อยจนเครื่องดับเดี๋ยวจะได้เปลี่ยนแบตเร็วกว่าที่คิด

ความเชื่อว่าใช้โน๊ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟนจนแบตเตอรี่หมดแล้วดับคามือไปเลย รวมทั้งความเชื่อว่าใช้ให้แบตเตอรี่เหลือ 0% แล้วชาร์จกลับไปจนเต็ม 100% ไม่ควรทำอย่างยิ่งและทำร้ายแบตเตอรี่ของเราอย่างร้ายแรงแล้วแบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น วิธีที่ถูกต้องนั้นควรใช้งานให้แบตเตอรี่เหลือ 0% แล้วชาร์จกลับมาจนเต็ม 100% ควรทำเพียง 1 ครั้งในรอบหนึ่งถึงสามเดือน เพื่อให้ตัวควบคุมกระแสและเซลแบตเตอรี่คำนวนความจุได้ถูกต้องและแม่นยำเหมือนเดิม

จากการทดลองของสถาบันและสื่อต่างประเทศนั้น การชาร์จและเลี้ยงไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงไม่ต่ำกว่า 20-90% นั้นจะช่วยให้ Battery cycle และอาการแบตเตอรี่เสื่อมเกิดขึ้นช้ากว่าการใช้งานจนเครื่องดับไปหรือเสียบปลั๊กทิ้งเอาไว้ตลอดเวลา

5. อย่าเสียบปลั๊กค้างเอาไว้

kelly sikkema fZirmwarM0E unsplash 1 scaled e1610355598649

เพราะโน๊ตบุ๊คถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้แบบไม่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลาเหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจึงไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กให้โน๊ตบุ๊คตลอดเวลาจะทำให้แบตเตอรี่ได้ใช้งานน้อยเกินไป ดังนั้นเราควรถอดปลั๊กและใช้งานโน๊ตบุ๊คด้วยแบตเตอรี่เป็นระยะ ๆ จะทำให้แบตเตอรี่มีการบริหารไฟฟ้าเข้าออก ช่วยให้ Battery cycle ลดช้าลง แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% เช่นกัน

สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค การเล่นเกมหรือทำงานกราฟิกที่พึ่งการประมวลผลหนัก ๆ นั้นอาจจะเชื่อมต่อปลั๊กเอาไว้เพื่อให้ใช้งานต่อเนื่องได้นาน แต่เมื่อสลับไปใช้งานทั่วไปเช่นเล่นโซเชียลหรือดูหนังและพิมพ์งานนั้นก็ควรสลับมาใช้แบตเตอรี่บ้างเพื่อให้เซลแบตเตอรี่ได้คายประจุและชาร์จกลับเข้าไปใหม่บ้าง จะทำให้อายุการใช้งานทำได้นานยิ่งขึ้น

6. ใส่แรมให้เพียงพอและเปลี่ยนไปใส่ SSD

samsung ssd e1610356596259
สักอันไหมคุณ? แรงถึงใจจนลืม HDD จานหมุนแบบเก่าเลยนะ

อีกวิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊ค คือ ติดตั้งแรมให้เพียงพอและใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD แทนฮาร์ดดิสก์จานหมุนแบบเดิม นั่นเพราะ SSD จะทำงานแบบเขียนอ่านไฟล์เข้าตัวชิปที่ติดตั้งอยู่บนแผงวงจรเท่านั้น ไม่ใช่การหมุนแผ่นจานบันทึกไฟล์แบบ HDD ทั่วไป ทำให้ใช้แบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คน้อยลง งานและการประมวลผลต่าง ๆ ก็จะเสร็จเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

ในกรณีของแรมนั้นคือเมื่อเรามีพื้นที่สำหรับพักไฟล์สำหรับเขียนเข้าออกฮาร์ดดิสก์มากเพียงพอ จะทำให้โน๊ตบุ๊คของเราไม่ต้องดึงพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์บางส่วนมาช่วยแรมประมวลผล ทำให้แบตเตอรี่หมดช้าและช่วยลดจำนวนครั้งการชาร์จแบตเตอรี่ลงนั่นเอง

สำหรับการอัพเกรด SSD นั้น เราต้องเช็คก่อนว่าโน๊ตบุ๊ครองรับ SSD แบบไหน ซึ่งทั่ว ๆ ไปจะสามารถติดตั้งแบบ SATA แทนฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าได้ทันทีเพราะมีขนาดและพอร์ตแบบเดียวกัน ส่วนแบบ M.2 NVMe ในภาพตัวอย่างจะต้องเช็คว่าเครื่องของเราสามารถใช้ได้หรือไม่

7. ปิดโปรแกรมที่กินแบตเตอรี่เยอะ

battery usage
ไม่มีเกมฟรีให้กดรับแล้วแถมกินแบต ลบทิ้งละกัน

การปิดโปรแกรมที่แอบทำงานเบื้องหลังและใช้แบตเตอรี่ทิ้งไปนั้นเป็นอีกวิธีช่วยยืดอายุแบตโน๊ตบุ๊คให้เสื่อมช้าและใช้งานได้นานขึ้น นั่นเพราะโปรแกรมเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้ใช้งานแล้วยังทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วนั่นเอง โดยวิธีการปิดคือการกดปุ่ม Windows และพิมพ์คำว่า Battery ก่อนจะกด Enter ระบบปฏิบัติการจะแสดงโปรแกรมเหล่านั้นออกมาให้เราเลือกลบทิ้งได้

start up

นอกจากนี้การบล็อคโปรแกรมที่รันตัวเองโดยอัตโนมัติตอนเปิดเครื่องจะช่วยลดการทำงานตอนบูตเปิดเครื่องไปได้ ซึ่งในอดีตนั้นเราจะต้องเปิดผ่านทาง msconfig แต่ใน Windows 10 นั้นถูกปรับไปอยู่กับ Task manager แทนแล้ว 

เมื่อเราเรียก Task manager ขึ้นมา ให้เรากด More details ก่อนจะเลือกแท็บ Start-up เครื่องจะแสดงโปรแกรมที่จะรันการทำงานขึ้นมาพร้อม ๆ กับ Windows ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกโปรแกรมนั้น ๆ แล้วกดปุ่ม Disable ตรงมุมล่างขวา

การเลือกปิดให้เราดูช่อง Status ว่าโปรแกรมไหนเปิด Enabled เอาไว้ โปรแกรมนั้นจะรันขึ้นมาพร้อม ๆ กับ Windows 10 ซึ่งถ้าเห็นว่าโปรแกรมไหนไม่จำเป็นและจะเปิดขึ้นมาใช้งานในภายหลังเองก็สามารถกด Disable ทิ้งได้ และไม่มีผลต่อการเปิดโปรแกรมระหว่างใช้งานอีกด้วย

8. ปิด Wi-Fi, Bluetooth เมื่อไม่จำเป็น

no wifi

การเปิด Wi-Fi และ Bluetooth ทิ้งเอาไว้จะทำให้โน๊ตบุ๊คเปลืองแบตเตอรี่จนทำให้เราต้องชาร์จบ่อย ๆ และแม้จะยังไม่เชื่อมต่อก็ตาม ทั้งสองฟังก์ชั่นนี้ก็จะทำการสแกนหาการเชื่อมต่ออยู่เป็นระยะ ๆ อยู่แล้วซึ่งใช้งานแบตเตอรี่ของเราอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

stop wifi

ดังนั้นเมื่อไม่ใช้ก็ควรปิดทั้งสองฟีเจอร์นี้ทิ้งไปเมื่อไม่ต้องการใช้งาน โดยวิธีง่าย ๆ คือกดปุ่มกล่องคำพูดตรงมุมขวาล่าง (ตรงลูกศรชี้อยู่) และเปิดเป็น Flight mode จะหยุดการทำงานของทั้งสองฟังก์ชั่นนี้ไปโดยปริยาย และเมื่อต้องการใช้งานอีกครั้งให้กด Flight mode ซ้ำ จะสามารถใช้ Wi-Fi และ Bluetooth ได้ตามเดิม

9. เปิดโหมด Best battery life เมื่อไม่ได้เสียบปลั๊ก

battery saver

Performance Slider จะรวมอยู่กับไอคอนแบตเตอรี่ตรงมุมขวาล่าง ถ้าปรับไปเป็น Best battery life นอกจากจะทำให้แบตเตอรี่หมดช้าแล้ว ยังถนอมแบตเตอรี่ให้อายุใช้งานนานขึ้น เพราะตัวเครื่องจะอยู่ในโหมดจ่ายพลังงานน้อยและไม่ใช้ประสิทธิภาพสูงทำให้ไม่เร่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จนเกิดการเสื่อมสภาพเร็ว ซึ่งสามารถเปิดได้ตั้งแต่แบตเตอรี่ 100% เลยก็ได้ถ้าเราไม่ได้ใช้งานหนัก

ส่วนผู้ใช้โหมด Balanced หรือ High performance มาก็ควรสลับไปใช้งานโหมดนี้เมื่อแบตเตอรี่เหลือ 20% จะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย แต่แลกกับการที่ Windows 10 จะปิดการแจ้งเตือนออกไปด้วยเช่น Email และการ Sync ข้อมูลปฏิทิน

sync

นอกจากนี้การตั้งค่าการ Sync ให้น้อยลงก็ช่วยได้เช่นกัน โดยเราสามารถเข้าได้ผ่านทาง Settings กด Accounts และเลือก Email & accounts ระบบจะแสดงอีเมล์ที่เราใช้กับเครื่องนี้ให้เราเห็น เลือกตรงอีเมล์นั้น แล้วกดคำว่า Manage ตรงมุมล่างขวาจะขึ้นหน้าให้เลือกตั้งชื่อ Account นั้น ๆ ค่อยคลิก Change mailbox sync settings จะสามารถเลือกได้ว่าเราต้องการให้ Sync อีเมล์ในเครื่องกับ Outlook ทุก ๆ กี่นาทีหรือกี่ชั่วโมงได้

10. ตั้งการจัดการพลังงานในส่วนของ Custom power plan

นอกจากการตั้งค่า Power Options ให้เป็น Custom power plan แล้ว ถ้าเราเข้ามาปรับแต่งในส่วนของ Processor power management จะช่วยให้การใช้พลังงานน้อยลงและเป็นอีกวิธียืดอายุแบตโน๊ตบุ๊คที่ควรทำอีกด้วย 

ส่วนขั้นตอนการตั้ง Custom power plan สำหรับคนไม่เคยตั้งค่ามาก่อนให้ทำตามดังนี้

windows10 create power plan1

ให้เปิด Settings จากนั้นเลือก Additional power settings ตรงฝั่งขวาจะได้หน้าต่างแบบภาพด้านบนนี้ ให้เลือก Create a power plan 

create power plan windows10 cp2

ระบบจะเปิดให้เราตั้งค่าว่าโหมดการใช้งานแบบของเราจะให้เป็นแบบไหน ให้เราเลือก Balanced ก่อนจะตั้งชื่อโหมดการใช้พลังงานของเราให้เรียบร้อย

edit plan settings windows103

ตั้งค่าการปิดหน้าจอและตัดเข้าสู่โหมด Sleep ให้เรียบร้อยก่อนกด Create จากนั้นตัวเครื่องจะเปลี่ยนเป็นโหมดเฉพาะของเรา จากนั้นที่มุมล่างจะมีคำสั่ง Change advanced power settings ให้กด

windows 10 processor power management power plan

ให้กดเครื่องหมายบวกหน้าคำว่า Processor power management เพื่อแสดงประสิทธิภาพการทำงานของซีพียูและกราฟิกการ์ด โดยเลือกคำว่า Maximum processor state ในช่องคำว่า On battery (&) เราสามารถปรับตั้งค่าการใช้แสดงประสิทธิภาพของซีพียูและกราฟิกการ์ดได้อย่างอิสระ โดยผู้เขียนแนะนำให้ตั้งไว้แค่ 50% ตัวเครื่องจะทำงานได้ไม่ช้าเกินไป

windows 10 maxium battery life intel graphics

ส่วนช่องกราฟิกการ์ดจะอยู่ถัดลงมา ให้เราเลือกกราฟิกการ์ดตัวนั้น ๆ ก่อนจะกดที่ On battery เช่นเดิมแล้วเลือกเป็น Maximum Battery Life จะทำให้เครื่องจ่ายพลังงานน้อยลงและไม่เค้นประสิทธิภาพจากแบตเตอรี่เกินไป เมื่อเสร็จให้กด Apply แล้วตามด้วย OK

นอกจากการตั้งค่าตัวเครื่องแล้ว พฤติกรรมการของผู้ใช้ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ซึ่งถ้าเราปรับพฤติกรรมสักหน่อยก็จะช่วยให้อาการแบตเสื่อมเกิดขึ้นช้าลงและไม่ต้องไปเสียเงินเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เร็วขึ้น นอกจากนี้เรื่องของการปรับแต่งหรือเปิดฝาเครื่องก็สามารถหาคลิป How to แล้วทำตามได้บน YouTube ถ้ามีเครื่องมือพร้อมก็สามารถทำเองได้ไม่ยาก

from:https://notebookspec.com/web/569268-10-step-to-make-your-battery-last-long