เทคนิคในการเลือกซื้อเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของ HUAWEI CLOUD กับแคมเปญ Go Cloud Festival

ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม ถึง 28 กันยายน HUAWEI CLOUD จัดแคมเปญ Go Cloud Festival สำหรับองค์กร ให้คุณได้สัมผัสกับสินค้าพิเศษและโซลูชันระดับมืออาชีพที่กำลังมาแรง แคมเปญ Go Cloud Festival จะช่วยสอนวิธีการเลือกเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ (Elastic Cloud Server: ECS) ให้เหมาะสมกับธุรกิจขององค์กร

คำถามที่พบบ่อย: ฉันต้องการซื้อเซิร์ฟเวอร์ระบบคลาวด์ แต่มีรุ่นและคุณสมบัติของเซิร์ฟเวอร์คลาวด์มากมาย ไม่ทราบว่าว่าจะต้องเลือกอย่างไรดี? และมีเกณฑ์ในการเลือกอะไรบ้าง?

คำตอบ: การช่วยคุณเลือกเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่เหมาะสมให้กับคุณก็คือเกณฑ์การเลือกที่ดีที่สุดนั่นเอง

เรามีสามขั้นตอนง่ายๆ คือ 1. เลือกรุ่น 2. เลือกคุณสมบัติ + หน่วยความจำ + แบนด์วิดท์ 3. เลือกระบบปฏิบัติการ (OS)

1. เลือกรุ่น

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่าต้องการซื้อเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เพื่อนำไปทำอะไร?

ตัวอย่างเช่น ฉันต้องการสร้างเว็บไซต์ การแสดงผลกราฟิก การพัฒนาและทดสอบสภาพแวดล้อม เป็นต้น

ขั้นตอนแรก คือ ความต้องการต้องชัดเจน ผู้ให้บริการระบบคลาวด์จะแนะนำเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่เหมาะสมตามความต้องการของคุณ โดยภาพด้านล่างนี้จะเป็นแต่และรุ่นที่แนะนำตามประเภทการใช้งานทั่วไปของ HUAWEI CLOUD

เราเชื่อว่าภาพด้านบนสามารถช่วยคนส่วนใหญ่แก้ปัญหาที่ไม่รู้ว่าจะเลือกเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ อย่างไร

แน่นอนว่ารุ่นเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของ HUAWEI CLOUD นั้นมีมากกว่าที่กล่าวมา มาดูการจำแนกประเภททั่วไปของเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ได้ในเว็บไซต์ทางการของ HUAWEI CLOUD:

  • สถานการณ์ทั่วไป (ใช้ได้กับสถานการณ์ที่ไม่มีข้อกำหนดพิเศษในการประมวลผล เช่น การสร้างเว็บไซต์, อีคอมเมิร์ซ, เกม รวมถึงการพัฒนาและทดสอบโปรแกรม เป็นต้น): C6 (สินค้าแนะนำ), C6s, S6, S3, T6, C3ne, C3
  • สถานการณ์ที่ต้องใช้หน่วยความจำสูง (Database, Big Data Processing, Hadoop/Spark Cluster และอื่นๆ ): M6, M3ne, M3, E3
  • สถานการณ์การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (คลัสเตอร์ฟรอนต์เอนด์ประสิทธิภาพสูง  แอปพลิเคชันทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมประสิทธิภาพสูง และอื่นๆ ): H3, Hc2
  • สถานการณ์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data (ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ประสิทธิภาพสูง และอื่นๆ): I3, D3, D2
  • สถานการณ์การเร่งความเร็วในการประมวลผล (Machine learning และการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ประสิทธิภาพสูง และอื่นๆ ): Pi2, P2v, G5

2. เลือกคุณสมบัติ + หน่วยความจำ + แบนด์วิดท์

หลังจากเลือกคุณสมบัติแล้ว คุณยังต้องเลือกหน่วยความจำและแบนด์วิดท์ด้วย เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ขอพูดรวมๆ โดยประการแรกคือ CPU:

  • 1 core ~ 2 cores: เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันเว็บไซต์ขนาดเล็ก มีสภาพแวดล้อมการพัฒนาที่เรียบง่าย รวมถึงไลบรารีจัดเก็บโค้ด
  • 4 cores: เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันเว็บไซต์ขนาดเล็กและขนาดกลาง  แอปพลิเคชันการคำนวณอย่างง่ายและการประมวลผลข้อมูลทั่วไป
  • 8 cores: เหมาะสำหรับสถานการณ์เซิร์ฟเวอร์สำหรับฐานข้อมูลขนาดเล็กและขนาดกลาง  การประมวลผลข้อมูล คลัสเตอร์แคช และแอปพลิเคชันระดับองค์กรอื่นๆ
  • 12 cores ขึ้นไป: เว็บไซต์ซื้อขายขนาดใหญ่ การประมวลผลข้อมูลที่มาพร้อมกับความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ การจัดเก็บข้อมูล และเซิร์ฟเวอร์แบ็คเอนด์ของแอปพลิเคชันระดับองค์กรอื่น ๆ

จากนั้นคือการประกอบชุดของแบนด์วิดท์ + หน่วยความจำ + เซิร์ฟเวอร์คลาวด์:

  • เว็บไซต์ส่วนตัวขนาดเล็ก: แอปพลิเคชันเว็บไซต์ขนาดเล็ก เช่น บล็อกเว็บไซต์ส่วนตัว และอื่นๆ ที่มียอดการเข้าชมไม่มาก
    • เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่แนะนำ: S6
    • คุณสมบัติที่แนะนำ: 1 core CPU, หน่วยความจำ 1G ~ 2G, ฮาร์ดดิสก์ 40G, แบนด์วิธ 1M ~ 2M
  • ฟอรัมและเว็บไซต์พอร์ทัล: กิจกรรมของผู้ใช้สูง ปริมาณการใช้งานสูง และความเร็วในการเข้าถึงสูง
    • เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่แนะนำ: C6s, S6
    • คุณสมบัติที่แนะน : CPU 2 Cores, หน่วยความจำ 4G, ฮาร์ดดิสก์ 120G, แบนด์วิดท์ 3M
  • เว็บไซต์ทางการของแบรนด์: เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลและองค์กรซึ่งมีข้อกำหนดสูงในเรื่องความเร็วในการเข้าถึง
    • เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่แนะนำ: C6s
    • คุณสมบัติที่แนะนำ: 2 Cores ถึง 4 Cores, หน่วยความจำ 4G ถึง 8G, ฮาร์ดไดรฟ์ 150G, แบนด์วิดท์ 3M ถึง 5M
  • เว็บไซต์วิดีโอและช้อปปิ้ง: ต้องการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก และมีความต้องการสูงในเรื่องความเร็วในการเข้าถึง
    • เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่แนะนำ: C6s, C6
    • คุณสมบัติที่แนะนำ: CPU 8 Cores, หน่วยความจำ 8G ~ 16G, ฮาร์ดดิสก์ 300G, แบนด์วิดท์ 10M ขึ้นไป
  • เว็บไซต์เกมและซอฟต์แวร์: ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงเพื่อให้สามารถแน่ใจได้ว่าสามารถดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างปกติ และราบรื่น
    • เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่แนะนำ: C6s, C6
    • คุณสมบัติที่แนะนำ: CPU 16 cores, 16G ~ 32G, ฮาร์ดดิสก์ 500G, แบนด์วิดท์ 10M

คุณสมบัติของเซิร์ฟเวอร์คลาวด์สามารถเปลี่ยนแปลงได้หลังจากการซื้อหากคุณพบว่าเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ปัจจุบันไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจของคุณได้ โดยคุณสามารถดูการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติได้ที่นี่

สามารถรองรับการขยายหน่วยความจำ (ดูรายละเอียดที่นี่) และยังสามารถปรับแบนด์วิดท์ได้ตามปริมาณขนาดของธุรกิจ (ดูรายละเอียดที่นี่)

นี่เป็นข้อดีของเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่สามารถกำหนดค่าและปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของธุรกิจ ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

3. เลือกระบบปฏิบัติการ (OS)

ระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์แบ่งออกเป็นระบบวินโดวส์ (Windows) และ ระบบลินุกซ์ (Linux) เป็นหลัก เมื่อต้องการเลือกระบบปฏิบัติการโฮสต์  คุณควรแน่ใจก่อนว่าเว็บไซต์ของคุณใช้โปรแกรมภาษาอะไร เนื่องจากระบบปฏิบัติการลินุกซ์ (Linux) ไม่รองรับภาษา ASP หากเว็บไซต์นั้นสร้างด้วย ASP จึงควรเลือก วินโดวส์ (Windows) แต่ถ้าหากคุณใช้ภาษา PHP ในการสร้างเว็บไซต์ขอแนะนำให้เลือกโฮสต์เป็นลินุกซ์ (Linux) หน้าเว็บ Linux + Apche + Mysql php ในแพลตฟอร์มลินุกซ์ (Linux) นั้นจะเร็วและเสถียรกว่าแน่นอน แต่หากเว็บไซต์ที่เราสร้างต้องใช้ทั้ง ASP และ PHP ขอแนะนำให้เลือกโฮสต์ วินโดวส์ (Windows) โดยตรงเพราะแพลตฟอร์มวินโดวส์ (Windows) สามารถรองรับ Windows + Apache + Mysql php

จะเกิดอะไรขึ้นหากเลือกระบบปฏิบัติการผิด? หมดความกังวลไปได้เลย เพราะคุณสามารถเปลี่ยนระบบปฏิบัติการได้โดยดูวิธีการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการง่ายๆ ได้ที่นี่

หลังจากการเลือกซื้อแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นการเดินทางของคุณในระบบคลาวด์ได้ แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้เซิร์ฟเวอร์ระบบคลาวด์ อาจจะพบปัญหาอุปสรรคทางด้านเทคนิคบางประการตั้งแต่การเริ่มเลือกซื้อ การกำหนดค่า และแอปพลิเคชัน หลังจากที่ทำการซื้อเรียบร้อยแล้วเราจะใช้ได้อย่างไร? และเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้วิธีการใช้เซิร์ฟเวอร์ระบบคลาวด์ได้ดีขึ้น HUAWEI CLOUD มีหลักสูตรแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดและมีคู่มือการปฏิบัติโดยละเอียด ให้คุณสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ https://support.huaweicloud.com/intl/en-us/ecs/index.html

from:https://www.techtalkthai.com/how-to-build-servers-from-huawei-go-cloud-festival/