คลังเก็บป้ายกำกับ: WI-FI_6E

6 ตัวรับสัญญาณ WiFi ตัวเด็ดน่าใช้ ต่อคอมแล้วเน็ตลื่นได้ใจ! อัพเดทปี 2023

ตัวรับสัญญาณ WiFi ยุคนี้น่าใช้สุดๆ ต่อเน็ตทำงานหรือเล่นเกมก็ดีไม่แพ้สาย LAN เลยนะ!

ตัวรับWifi

ในยุคที่แทบทุกสิ่งเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจนหมดแล้ว ใครที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวแล้วต้องต่ออินเตอร์เน็ตก็คงอยยากหาตัวรับสัญญาณ WiFi ดีๆ สักตัวมาต่อเข้าเครื่องให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ไม่ต้องฝากความหวังเอาไว้กับสาย LAN อย่างเดียวอีกต่อไป ซึ่งข้อดีของตัวรับสัญญาณ WiFi นอกจากความสะดวกสบาย ย้ายคอมพิวเตอร์ไปในจุดที่สาย LAN เชื่อมต่อไม่ถึงก็ยังต่อเน็ตได้สบายๆ แล้ว ถ้าเลือกเป็น Wi-Fi 6 หรือ 6E เมื่อไหร่ก็รับส่งข้อมูลได้เร็วและเสถียรยิ่งกว่า Wi-Fi 5 อย่างชัดเจน

Advertisementavw

อันที่จริง Wi-Fi 5 นั้นก็ยังใช้งานได้ดีหากเน้นใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตดูหนังฟังเพลงทั่วไป และมันยังรองรับคลื่น 5GHz ได้ด้วยแต่จะมีพื้นที่รับสัญญาณไม่กว้างมาก ในขณะที่ Wi-Fi 6 นั้นถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Wi-Fi 5 จะรับสัญญาณแบบ Dual Band ได้ จึงมีพื้นที่รับสัญญาณกว้างแบบคลื่น 2.4GHz และได้ความเร็วระดับ 5GHz ควบคู่กัน มี OFDMA (Orthogonal Frequency-Division Multiple Access) เป็นการเข้ารหัสรับส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ได้หลายเครื่องพร้อมๆ กัน ซึ่งถ้า Router และตัวรับสัญญาณ WiFi มีฟีเจอร์นี้ทั้งคู่ก็สามารถรับส่ง Package ข้อมูลได้เร็วขึ้น กดค่า Latency ได้ต่ำกว่า Wi-Fi 5 อย่างชัดเจนแถมยังรองรับแบนด์วิธ 160MHz ทำให้เวลาดูหนังฟังเพลงผ่านระบบ Streaming ได้ดี รองรับความละเอียดสูงระดับ 4K, 8K หรือแม้แต่ VR ได้ ส่วนความเร็วสูงสุดที่ Wi-Fi 6 ทำได้อยู่ที่ 9.6Gbps หรือ 1,228.8MB/s (1.2GB/s) และยังมีระบบรักษาความปลอดภัย WPA 3 ซึ่งเข้ารหัสป้องกันการเจาะข้อมูลมาให้อย่างแน่นหนาระดับ 192-bit cryptographic มาให้อีกด้วย ดังนั้นมันจึงปลอดภัยและน่าใช้กว่า Wi-Fi 5 มาก ซึ่งถ้าใครต้องการอัพเกรดตัวรับสัญญญาณ WiFi อันเก่าแล้วอยากอัพเกรดก็สามารถถอดเปลี่ยนตัวใหม่ใส่เข้าไปได้เลย

ตัวรับสัญญาณ WiFi

จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ถ้าพีซีมีตัวรับสัญญาณ WiFi ติดคู่กับ LAN มีประโยชน์มากกว่าที่คิด นอกจากเป็นแบ็คอัพให้สาย LAN ได้แล้ว กรณีอินเตอร์เน็ตจาก Router มีปัญหาใช้งานไม่ได้แต่ต้องรีบส่งงานก็ปล่อยสัญญาณจากสมาร์ทโฟนให้พีซีของเราทำงานต่อได้ทันที แถมยังใช้เช็คว่าสาย LAN หรือ Router มีปัญหาได้ ซึ่งถ้าต่อ Wi-Fi ได้ แต่ LAN มีปัญหาก็สันนิษฐานได้ทันทีว่าสาย LAN อาจมีปัญหา หรือถ้าต่อไม่ได้สักทางก็สรุปว่า Router หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตมีปัญหาก็ได้ด้วย

นอกจากนี้ ตัวรับสัญญาณ WiFi หลายๆ ตัวก็พ่วงระบบ Bluetooth มาให้สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเมาส์, จอยเกม, หูฟัง, ลำโพงพกพา ฯลฯ ก็เอามาเชื่อมต่อได้หมด ไม่มีสายไฟหรือ USB ให้รกโต๊ะและไม่ต้องหาตัวการ์ด Bluetooth มาต่อคอมให้เปลืองช่อง USB อีกด้วย 

สรุปสเปค 6 ตัวรับสัญญาณ WiFi น่าใช้ น่าซื้อมาใส่คอม ติดแล้วเน็ตเร็วสะใจ!!

สเปคตัวรับสัญญาณ WiFi Connectivity Frequency
&
Bandwidth
Technology OS ราคา
(บาท)
Intel AX210 Pro WiFi 6E Wi-Fi 6E
มาตรฐาน
802.11ax

Bluetooth 5.2

2.4GHz

5GHz

6GHz

Bandwiodth
160MHz

MU-MIMO

Intel vPro

OFDMA

Windows 10

Windows 11

Linux

Chrome OS

990
ASUS PCE-AX3000 Wi-Fi 6
มาตรฐาน
802.11ax

Bluetooth 5.0

2.4GHz 574Mbps

5GHz 2402Mbps

OFDMA

MU-MIMO

WPA 3

Windows 10

Windows 11

Linux

949
ASUS PCE-AX58BT Wi-Fi 6
มาตรฐาน
802.11ax

Bluetooth 5.0

2.4GHz 574Mbps

5GHz 2402Mbps

OFDMA

MU-MIMO

WPA 3

Windows 10

Windows 11

Linux

1,750
TP-Link Archer T6E Wi-Fi 5
มาตรฐาน
802.11ac
2.4GHz 400Mbps

5GHz 867Mbps

WPA2-PSK

Ad-Hoc

Windows XP
เป็นต้นไป
1,090
TP-Link Archer TX3000E Wi-Fi 6
มาตรฐาน
802.11ax

Bluetooth 5.2

2.4GHz 574Mbps

5GHz 2402Mbps

OFDMA

MU-MIMO

WPA 3

Windows 10
เป็นต้นไป
1,850
TP-Link Archer TXE72E Wi-Fi 6E
มาตรฐาน
802.11ax

Bluetooth 5.3

2.4GHz 574Mbps

5GHz 2402Mbps

6GHz 2402Mbps

OFDMA

MU-MIMO

1024-QAM

WPA 3

Windows 10

Windows 11

3,522

6 ตัวรับสัญญาณ WiFi น่าใช้ อัพเกรดก็ดีใส่เพิ่มก็ดีสุดๆ

จากข้อดีที่กล่าวไป หากใครอยากใส่ตัวรับสัญญาณ WiFi ดีๆ มาใส่ให้คอมพิวเตอร์ต่ออินเตอร์เน็ตได้สะดวกทุกที่ ไม่ต้องลากสาย LAN ให้วุ่นวายล่ะก็ ผู้เขียนมีตัวรับสัญญาณน่าใช้แนะนำทั้งหมด 6 รุ่นได้แก่

  1. Intel AX210 Pro WiFi 6E (990 บาท)
  2. ASUS PCE-AX3000 (949 บาท)
  3. ASUS PCE-AX58BT (1,750 บาท)
  4. TP-Link Archer T6E (1,090 บาท)
  5. TP-Link Archer TX3000E (1,850 บาท)
  6. TP-Link Archer TXE72E (3,522 บาท)
1. Intel AX210 Pro WiFi 6E (990 บาท)

sg 11134201 22090 ghulppqt5thv93

ตัวแรกเป็น Intel AX210 Pro WiFi 6E รุ่น OEM แบบติดซิ้งค์ระบายความร้อนกับเสาสัญญาณคู่บนฐานวางโดยเฉพาะให้เลือกที่ตั้งเสาได้ตามต้องการ ตัวการ์ดเชื่อมต่อกับเมนบอร์ดของพีซีด้วยหัว PCIe แล้วลงไดรเวอร์ติดตั้งใช้งานได้ทันที สเปคของตัวรับสัญญาณ WiFi นี้จะเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax จับคลื่น 2.4GHz, 5GHz, 6GHz ได้ มีแบนด์วิธ 160MHz รองรับเทคโนโลยี MU-MIMO, Intel vPro และ OFDMA และเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ได้ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 11, Linux และ Chrome OS อีกด้วย ถ้าใครอยากใช้ Wi-Fi มาตรฐานใหม่ล่าสุดโดยไม่แคร์แบรนด์ไม่ซีเรียสเรื่องประกันก็ซื้อตัวรับสัญญาณ WiFi ตัวนี้มาลองได้ และส่วนตัวผู้เขียนก็แนะนำให้ลองเล่นได้เพราะการ์ด WiFi เหล่านี้ค่อนข้างทนทานไม่เสียง่ายด้วย

สเปคของ Intel AX210 Pro WiFi 6E
Connectivity Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2
Frequency&Bandwidth 2.4GHz, 5GHz, 6GHz 160MHz
Technology MU-MIMO, Intel vPro, OFDMA
OS Windows 10, Windows 11, Linux, Chrome OS
Price 990 บาท (tichakorn.ch Shopee)
2. ASUS PCE-AX3000 (949 บาท)

l8xjac9jbyaezy6i setting xxx 0 90 end 800 1

แบรนด์ชั้นนำอย่าง ASUS ก็มีตัวรับสัญญาณ WiFi ให้เลือกเช่นกันและราคาไม่แพงมากอย่างรุ่น ASUS PCE-AX3000 ตัวนี้จะเป็นแบบเสาติดกับการ์ดโดยตรงช่วยประหยัดพื้นที่ไม่ต้องลากสายหรือหาที่ตั้งให้แท่นตั้งเสา รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax โดยแบ่งความเร็วคลื่น 5GHz และ 2.4GHz เป็น 2402Mbps และ 574Mbps รองรับเทคโนโลยี OFDMA, MU-MIMO, WPA 3 และ Bluetooth 5.0 ในตัว รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 11 และ Linux ครบถ้วน ซึ่งถ้าอยากได้แบรนด์ไว้ใจได้คุณภาพดีสักตัวมาใส่คอมสำนักงานหรือเอาไว้เล่นเกมก็ซื้อตัวนี้ไปใช้ได้และราคาก็ไม่แพงมากด้วย

สเปคของ ASUS PCE-AX3000
Connectivity Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.0
Frequency&Bandwidth 2.4GHz, 5GHz (574+2402Mbps)
Technology OFDMA, MU-MIMO, WPA 3
OS Windows 10, Windows 11, Linux
Price 949 บาท (Hardware Corner Shopee)
3. ASUS PCE-AX58BT (1,750 บาท)

1ac20c1cf95e4348734f3e59dcfdb968

ตัวรับสัญญาณ WiFi ของ ASUS อีกรุ่นที่ประสิทธิภาพดีน่าใช้และรับส่งข้อมูลได้เร็วเป็นรุ่น ASUS PCE-AX58BT ซึ่งทางบริษัทออกแบบให้มีฐานติดเสาสัญญาณแยกออกมาโดยเฉพาะเพื่อให้รับและกระจายสัญญาณได้ดีและครอบคลุมขึ้น รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับคลื่น 2.4GHz, 5GHz ความเร็ว 574Mbps และ 2402Mbps แบนด์วิธ 160MHz มีเทคโนโลยี OFDMA, MU-MIMO, WPA 3 และ Bluetooth 5.0 รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 11 และ Linux ด้วย ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าถ้าจะหา WiFi Card ไปต่อกับเกมมิ่งพีซีก็แนะนำให้ซื้อตัวนี้ไปใช้จะดีกว่าเพราะลากเสาไปตั้งในจุดที่รับส่งสัญญาณได้ดีได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง

สเปคของ ASUS PCE-AX58BT
Connectivity Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.0
Frequency&Bandwidth 2.4GHz, 5GHz (574+2402Mbps)
Technology OFDMA, MU-MIMO, WPA 3
OS Windows 10, Windows 11, Linux
Price 1,750 บาท (JIB Shopee Mall)
4. TP-Link Archer T6E (1,090 บาท)

9bde9151af7554d3f119d5715c54e92c e1677557066144

ด้านแบรนด์ TP-Link ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Wi-Fi ก็มี Wi-Fi Card รุ่น TP-Link Archer T6E ซึ่งเป็นรุ่นราคาประหยัดแต่คุณภาพดีไว้ใจได้แถมยังติดฮีตซิ้งค์มาช่วยระบายความร้อนของตัวการ์ดอีกด้วย ตัวการ์ดเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เฟส PCIe เข้ากับเมนบอร์ดและลงไดรเวอร์ใช้งานได้เลย เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับคลื่น 2.4GHz, 5GHz ความเร็ว 400Mbps และ 867Mbps รองรับเทคโนโลยี WPA2-PSK, Ad-Hoc ในตัว รองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP เป็นต้นไป เหมาะกับคอมสำนักงานเป็นหลักแต่ไม่เหมาะกับเกมมิ่งพีซีเพราะไม่รองรับ Bluetooth จึงต่อจอยเกม, เมาส์ไร้สายบางรุ่นไม่ได้และต้องหา USB Bluetooth มาต่อเพิ่มแทน แต่ถ้าไม่ได้เน้นใช้ Bluetooth ก็ซื้อตัวนี้ไปใช้ได้

สเปคของ TP-Link Archer T6E
Connectivity Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac
Frequency&Bandwidth 2.4GHz, 5GHz (400+867Mbps)
Technology WPA2-PSK, Ad-Hoc
OS Windows XP เป็นต้นไป
Price 1,090 บาท (KSC Official Shopee)
5. TP-Link Archer TX3000E (1,850 บาท)

d11a7ec97a66a01892c9e71a54afc4d8 e1677557116263

สำหรับเกมมิ่งพีซีที่อยากได้ตัวรับสัญญาณ WiFi ดีๆ ไว้เล่นเกมล่ะก็ TP-Link Archer TX3000E เป็นตัวเลือกที่ดีมาก เพราะนอกจากซิ้งค์ระบายความร้อนตัวการ์ดแล้ว ทางบริษัทยังออกแบบเสาสัญญาณเป็นแบบแท่นติดเสาให้ลากสสายไปวางในจุดที่ต้องการให้รับสัญญาณได้ดีขึ้นและทางบริษัทก็เคลมว่าการ์ดนี้กดค่า Latency ได้ต่ำมาก เหลือเพียง 7.9ms เท่านั้น การเชื่อมต่อรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax คลื่น 2.4GHz, 5GHz ความเร็ว 574Mbps และ 2402Mbps และ Bluetooth 5.2 ครบถ้วน มีเทคโนโลยี OFDMA, MU-MIMO, WPA 3 ครบถ้วน ถ้าใช้ร่วมกับ Router ของ TP-Link จะเรียกประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่และทางบริษัทแนะนำให้ใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นต้นไปจะดีที่สุด หากใครจะย้ายมาใช้ Wi-Fi เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งทำงานและเล่นเกม ไม่ต้องเดินสาย LAN ให้วุ่นวายแล้ว แนะนำให้ซื้อ TP-Link รุ่นนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ TP-Link Archer TX3000E
Connectivity Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2
Frequency&Bandwidth 2.4GHz, 5GHz (574+2402Mbps)
Technology OFDMA, MU-MIMO, WPA 3
OS Windows 10 เป็นต้นไป
Price 1,850 บาท (JIB Shopee Mall)
6. TP-Link Archer TXE72E (3,522 บาท)

sg 11134201 22090 cay1ckszq2hvec

ตัวรับสัญญาณ WiFi ตัวสุดท้ายจาก TP-Link เป็น TP-Link Archer TXE72E เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงแต่ราคาก็แรงใช้ได้เช่นกัน แต่ข้อดีของการ์ดตัวนี้จะจับสัญญาณ Wi-Fi แบบ 3 คลื่น (Tri-Band) พร้อมกัน คือ 6GHz, 5GHz, 2.4GHz ความเร็ว 2402Mbps, 2402Mbps และ 574Mbps ตามลำดับ แบนด์วิธ 160MHz ติดตั้งเสาสัญญาณ Multi-directional ให้รับสัญญาณได้ 360 องศา ให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ดีขึ้น รองรับ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และรองรับ Bluetooth 5.3 มีเทคโนโลยี OFDMA, MU-MIMO, 1024-QAM และ WPA 3 ได้ในตัว รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นต้นไป แต่ถ้าใช้ Windows 11 จะรับคลื่น 6GHz ได้ เป็นตัวรับสัญญาณ WiFi ที่ดีสุดๆ อีกรุ่น แม้ราคาจะสูงแต่ก็คุ้มค่าลงทุนซื้อมาประกอบใส่เกมมิ่งพีซีมากๆ หากใครรับราคาของมันได้ก็แนะนำให้ซื้อมาใช้มากๆ

สเปคของ TP-Link Archer TXE72E
Connectivity Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.3
Frequency&Bandwidth 6GHz, 5GHz, 2.4GHz (2402Mbps, 2402Mbps, 574Mbps)
Technology OFDMA, MU-MIMO, 1024-QAM, WPA 3
OS Windows 10, Windows 11
Price 3,522 บาท (everyshop.th Shopee)

paul hanaoka KRAk 61pgTo unsplash

แม้ผู้ใช้หลายๆ คนจะติดภาพว่าจะต่อเน็ตทั้งทีต้องใช้สาย LAN ถึงจะดีและเสถียรถูกใจใครหลายๆ คน แต่ตัวรับสัญญาณ WiFi ในยุคนี้เมื่อเป็น Wi-Fi 5, Wi-Fi 6 ขึ้นไปแล้วมันก็สามารถรับส่งข้อมูลได้ดีแทบไม่ต่างกันเลยและยังมีจุดแข็งเรื่องความสะดวกสบาย เหมาะกับคนที่ชอบย้ายที่ตั้งคอมไปมาจัดพื้นที่โต๊ะให้สวยงามหรือพื้นที่ในห้องไม่เอื้อให้เดินสาย LAN ก็เปลี่ยนมาใช้มันแทนได้เช่นกัน

แต่สิ่งสำคัญนอกจากตัวรับสัญญาณ WiFi จะดีแล้ว ตัวส่งสัญญาณ WiFi หรือกล่อง Router ก็ต้องดีพอจะปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้เร็วด้วย แม้กล่องเดิมจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจะทำได้ดีระดับหนึ่ง แต่ถ้าเลือกได้ผู้เขียนก็อยากให้หากล่อง Router ดีๆ มาต่อใช้แทน จะได้ใช้อินเตอร์เน็ตได้เร็วทันใจยิ่งขึ้น


บทความที่เกี่ยวข้อง

ลำโพงพกพา 1

Artboard 1 1

MSI Titan GT77 HX 13V

from:https://notebookspec.com/web/689048-6-wifi-pcie-card-for-pc-2023

Advertisement

เอกสารชี้ Wi-Fi 6E จะมาใน iPhone 15 Pro, 15 Pro Max เท่านั้น!

ผุดเอกสารระบุว่า Wi-Fi 6E จะมาใน iPhone 15 Pro, 15 Pro […] More

from:https://www.iphonemod.net/document-leak-wifi-6e-support-only-iphone-15-pro-model.html

iPhone 15 Series ทุกรุุ่น จะรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ทำให้สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้เร็วขึ้น

นักวิเคราะห์ของ Apple ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าในปีหน้า iPhone 15 ทุกรุ่น จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือจะเป็นรุ่นแรกที่ได้การรองรับ Wi-Fi 6E  เหมือนกับ iPad , Mac รุ่นใหม่ ๆ ที่ได้รับการอัปเดตไปแล้ว โดยจะเริ่มที่  iPhone 15‌ Pro เป็นรุ่นแรก เหมือนกับการเปลี่ยน พอร์ต Lightning มาเป็น USB-C ตามที่หลายฝ่ายคาดหวังมาอย่างยาวนานอีกด้วยค่ะ

ก่อนหน้านี้ Apple ใช้ Wi-Fi 6E ในเครื่อง iPad Pro รุ่น 11 และ รุ่น  12.9 นิ้วที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับ Mac mini และ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว  แต่ว่าการรองรับ Wi-Fi 6E ไม่ได้ใช้ใน iPhone 14 series  แต่จะเริ่มพร้อมให้ใช้งานใน iPhone สำหรับปี 2023 ที่จะถึงนี้

ทางนักวิเคราะห์ Barclays Blayne Curtis และ Tom O’Malley ยังบอกอีกว่า iPhone 15‌ จะได้รับการอัปเกรด Wi-Fi 6E  โดยรุ่นเริ่มต้นจะเป็น iPhone 15‌ Pro  เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเปิดให้ใช้งานในฝั่งของ iPhone เลยสักรุ่น

ใน Wi-Fi 6 ทำงานบนย่านความถี่ 2.4GHz และ 5GHz และ Wi-Fi 6E จะเป็นมาตรฐาน Wi-Fi แรกที่อนุญาตให้มีการเชื่อมต่อ 6GHz  เนื่องจากมาตรฐาน Wi-Fi 6 ก่อนหน้านี้ยังคงจำกัดไว้แค่เครือข่าย 2.4GHz กับ 5GHz  ทำให้ 6GHz สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้เร็วขึ้น ความหน่วงต่ำน้อยลง และการรบกวนสัญญาณจะลดลงตามไปด้วย ถือว่าดีมากในการใช้ประโยชน์จาก Wi-Fi 6E

อุปกรณ์จะต้องเชื่อมต่อกับเราเตอร์ Wi-Fi 6E ซึ่งมีหลายแบรนด์ทำออกมาขายแล้วเหมือนกัน เช่น TP-Link, Linksys, Asus และ Netgear ส่วนข้อมูลอื่น ๆ  iPhone 15 Series จะมาพร้อมพอร์ต USB Type-C ทั้งหมด 4 รุ่น และ ชิป A17 Bionic ขนาด 3nm ที่เร็วขึ้นสำหรับรุ่น Pro พร้อมเลนส์ Periscope ใน iPhone 15 Pro Max ส่วนวัสดุเครื่องเป็นแบบไทเทเนียม , ปุ่มปรับระดับเสียง เปิด-ปิด ใช้เป็น solid-state และยังคงใช้ Dynamic Island ให้กับทุกรุ่น

คาดว่าการเปิดตัว iPhone 15 จะมาในเดือนกันยายนปี 2023 ไม่แน่ว่าระหว่างนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกก็ได้ ให้รอติดตามการอัปเดทอีกทีค่ะ

 

ที่มา : macrumors

from:https://droidsans.com/iphone-15-series-wifi-6e/

TTT 2022 Reinforce: ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพด้วย Network Modernization โดย HPE Aruba

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ต่างๆ ได้ทำให้ธุรกิจนั้นต้องเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างรวดเร็ว มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการทำงานรูปแบบใหม่อย่าง Remote Working และ Hybrid Working ซึ่งทั้งหมดนี้ย่อมส่งผลให้ธุรกิจนั้นต้องวางแผนใหม่สำหรับระบบเครือข่าย ให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอันไม่คาดฝันในอนาคตกันต่อไป

คุณประคุณ เลาหกิตติกุล Country Manager (Thailand) แห่ง HPE Aruba ได้มาเล่าถึงหัวข้อ “Accelerate Your Business with Network Modernization” ภายในงานสัมมนา TTT 2022 Reinforce ที่ผ่านมา ถึงความจำเป็นและแนวทางในการทำ Network Modernization อย่างเข้มข้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถวางระบบเครือข่ายซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในอนาคตเป็นอย่างน้อย 4-5 ปีนับถัดจากนี้

4 เป้าหมายหลักของการทำ Network Modernization

คุณประคุณได้เล่าว่าในการทำ Network Modernization นั้น ธุรกิจองค์กรมักมีเป้าหมายหลักด้วยกัน 4 ประการ ได้แก่

  1. Hybrid Work – การทำงานแบบผสมผสานทั้งจากภายในองค์กรและภายนอกองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยประสบการณ์เดียวกัน และความมั่นคงปลอดภัยในระดับสูงที่ไว้วางใจได้
  2. Digital Transformation Acceleration – เร่งความเร็วในการปรับตัวของธุรกิจ รองรับการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของธุรกิจได้
  3. Personalized Experiences – นำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับของเครือข่าย, ข้อมูล และ Application อย่างครบถ้วน สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งภายในและภายนอกองค์กร
  4. Need for Efficiencies – ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการเกิดขึ้นของธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้บุคลากรฝ่าย IT จำนวนเท่าเดิมในการบริหารจัดการกับเทคโนโลยีที่มีการใช้งานมากขึ้นได้

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทั้ง 4 ประการนี้ได้ คุณสมบัติของระบบเครือข่ายแห่งอนาคตจึงต้องครอบคลุมถึงทั้งการทำ Automation เพื่อลดความผิดพลาดในการทำงาน และช่วยให้ทรัพยากรฝ่าย IT สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนได้ Security ซึ่งถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่าย เพื่อเสริมความมั่นคงปลอดภัยเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น และ Agility มีความยืดหยุ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงระบบเครือข่ายที่จะเกิดขึ้นจากการมาของเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงที

ปรับระบบเครือข่ายให้ทันสมัยด้วย Aruba ESP Solutions

คุณประคุณได้สรุปถึงเทคโนโลยีทั้งหมดที่ HPE Aruba ได้ทำการคิดค้น พัฒนา และนำเสนอสู่ธุรกิจองค์กรทั่วโลกในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยภาพของ Aruba ESP หรือ Edge Services Platform ที่จะเปลี่ยนให้ Network นั้นกลายเป็น Platform สำคัญทั้งสำหรับการทำงานและส่งมอบประสบการณ์หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ไปยังผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งมีแนวคิดหลักด้วยกัน 3 ประการ

1. Unified Infrastructure

ผสานรวมระบบ Wired, Wireless และ SD-WAN รวมถึงระบบเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ IoT เข้าเป็นหนึ่งเดียวภายในระบบเครือข่าย โดยสามารถเลือกวิธีการบริหารจัดการได้ทั้งบน Cloud, Centralized หรือแม้แต่ Standalone

2. Security

HPE Aruba นั้นได้ผสานระบบ Security ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายตั้งแต่แรก และในทุกวันนี้ก็ได้เพิ่มเรื่องของการทำ Automation เข้าไปด้วย เพื่อให้ Security กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

3. AIOps

ด้วยปริมาณของอุปกรณ์เครือข่ายที่มากยิ่งขึ้น ในขณะที่แต่ละองค์กรนั้นไม่ได้มีทีมผู้ดูแลระบบมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายต้องรับภาระในการดูแลรักษาระบบ IT ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการนำ AIOps เข้ามาช่วย เพื่อให้การบริหารจัดการระบบเหล่านี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

คุณประคุณได้เล่าถึงกรณีของลูกค้ารายหนึ่ง ที่ย้ายการบริหารจัดการระบบเครือข่ายจากเดิมที่แยกส่วนอยู่ภายในองค์กร ไปอยู่บน Cloud ของ Aruba โดยตรง ทำให้ข้อมูลของระบบเครือข่ายทั้งหมดในส่วนของ Wired, Wireless และ SD-WAN ถูกรวมอยู่ที่เดียวบน Cloud และ AIOps ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ตรวจสอบปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วยให้ลูกค้าของ HPE Aruba ในประเทศไทยสามารถจัดการกับปัญหาภายในระบบเครือข่ายได้อย่างทันท่วงที

ความสามารถใหม่ในระบบเครือข่ายที่น่าจับตามองจาก HPE Aruba

เมื่อมองไปถึงอนาคต คุณประคุณก็ได้เล่าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นภายใน HPE Aruba ที่หลายส่วนก็ได้กลายเป็นฟีเจอร์ใหม่ๆ ในโซลูชันให้พร้อมใช้งานได้แล้ว ได้แก่

1. Aruba CloudAuth

เมื่อธุรกิจองค์กรนั้นมีการใช้งาน Cloud มากขึ้นเรื่อยๆ แนวคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือการใช้ Cloud ให้ได้เต็มศักยภาพมากที่สุด และ HPE Aruba เองก็กำลังมุ่งไปทางนั้นด้วยเช่นกัน โดยความสามารถหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Aruba CloudAuth นั่นเอง

Aruba CloudAuth คือการยกระบบ Network Authentication ขึ้นไปอยู่บน Cloud ด้วยการทำงานร่วมกับ Microsoft Azure AD และ Google Workspace ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และทำหน้าที่เป็น Cloud Managed NAC ได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาก็มีลูกค้าในไทยใช้งานอยู่แล้วด้วยเช่นกัน

2. Wi-Fi 6E

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรรองรับต่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับ Workload ใหม่ๆ ในระบบเครือข่ายได้อย่างเพียงพอ Aruba จึงได้นำ Wi-Fi 6E มานำเสนอในการตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ

Wi-Fi 6E นั้นได้ทำการพัฒนาต่อยอดจาก Wi-Fi 6 ที่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ปริมาณมหาศาลได้โดยส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพน้อยกว่าในอดีตมาก โดย Wi-Fi 6E ได้เพิ่มย่านความถี่ 6GHz เข้ามาด้วยเพื่อให้การเชื่อมต่อเครือข่ายรองรับอุปกรณ์และ Bandwidth ได้มากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากการใช้เพียงแค่ 2.4GHz และ 5GHz ที่ใช้กันอยู่เดิม

อย่างไรก็ดี สำหรับในประเทศไทยก็ยังคงต้องติดตามต่อไปอีกซักระยะหนึ่ง จากกฎหมายที่ต้องรอให้ระบุชัดเจนว่าจะสามารถใช้ย่านความถี่ 6GHz ได้มากน้อยเพียงใด

3. IoT

HPE Aruba นั้นมีวิสัยทัศน์ที่นอกเหนือจากการเป็นเพียงแค่ Network Platform ไปสู่การเป็น IoT Platform ด้วย ทำให้ Access Point ของ Aruba นั้นสามารถให้บริการ BLE และ ZigBee เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้ รวมถึงยังสามารถติดตั้ง USB ที่เป็น Sensor เพิ่มเติมเข้าไปบน Access Point โดยตรงได้ด้วย

นอกจากนี้ Aruba ก็ยังเปิด API ให้ผู้ใช้งานสามารถทำการเชื่อมต่อนำ RFID Tag ใดๆ ก็ได้มาใช้งาน โดยใช้ Aruba Access Point ทำหน้าที่ในการอ่านค่าการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังระบบประมวลผลอื่นๆ ทำให้สามารถพัฒนา Application ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มของ Location Services

4. Open Locate

เมื่อ Aruba เปิดให้การทำ Location Services Application ง่ายดายมากยิ่งขึ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่ Aruba เสริมขึ้นมาก็คือการติดตั้ง GPS ลงไปใน Access Point โดยตรง ทำให้ Access Point ทั้งหมดมีข้อมูลพิกัดตำแหน่งที่แม่นยำ และนำข้อมูลพิกัดตำแหน่งนี้ไปใช้ใน Location Services ได้อย่างแม่นยำระดับความคลาดเคลื่อนเพียงแค่ 1 เมตรเท่านั้น

5. Zero Trust

จากเทรนด์ใหญ่ด้าน Zero Trust ที่กำลังกลายเป็นกระแสหลักของธุรกิจองค์กร HPE Aruba ก็ได้นำแนวคิดนี้มาพัฒนาเป็น Aruba Zero Trust Protection สามารถกำหนด Policy ให้กับทุกๆ การเชื่อมต่อและแบ่งหมวดหมู่นโยบายสำหรับอุปกรณ์แต่ละชนิด, ผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม ด้วยแนวคิด Aruba Dynamic Segmentation ที่สามารถจัดการ Security Policy ให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดได้อย่างครอบคลุม

6. 4th Generation Data Center

ปัจจุบันนี้ 3rd Generation Data Center ที่ใช้แนวคิดของ Data Center Fabric บนสถาปัตยกรรมแบบ Leaf-Spine เพื่อรองรับการรับส่งข้อมูลระหว่าง Server ภายใน Data Center ดว้ยกันเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ก็เริ่มเจอปัญหาในการใช้งานจริงแล้ว จากการที่เมื่อ Data Center มีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ Network Services และ Security Services บางส่วนกลับยังไม่ถูกผนวกรวมเข้าไปใน Fabric และกลายเป็นคอขวด

4th Generation Data Center จึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อนำ Network Services และ Security Services เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์เครือข่ายโดยตรง โดย HPE Aruba ได้จับมือกับ Pensando เพื่อนำหน่วยประมวลผลเฉพาะทางด้าน Network และ Security มาใช้งานภายใน Aruba CX10000 ทำให้ภายใน Data Center Fabric มีความสามารถทุกอย่างที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และไม่เกิดคอขวดในแบบเดิมๆ อีกต่อไป

7. Unified SD-WAN Fabric

ด้วยกรณีการใช้งานของ SD-WAN ที่มีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ Application และ Data ถูกย้ายไปอยู่บน Cloud จำนวนมาก และผู้ใช้งานมีการใช้งานทั้งจากในแบบ Remote Work จากบ้านแต่ละหลังหรืออุปกรณ์แต่ละชิ้น, การมีออฟฟิศขนาดเล็กที่บ้าน, ออฟฟิศสาขาขนาดเล็ก ไปจนถึงธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ ทำให้ SD-WAN ได้รับความสำคัญมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

HPE Aruba ได้เข้าซื้อกิจการของ Silver Peak มา และนำจุดเด่นของ Silver Peak อย่างเช่นการทำ WAN Optimization เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อไปยังบริการ Cloud ต่างๆ ที่ธุรกิจมีการใช้งาน อีกทั้งยังได้มีการพัฒนาต่อยอดด้าน Security จนได้รับ ICSA Labs Secure SD-WAN Certification มาแล้วเป็นรายแรกของโลก

8. Network Assurance

เมื่อการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของทุกระบบ IT แน่นอนว่าระบบ Network เองก็ต้องตอบสนองในส่วนนี้ด้วย ซึ่ง Aruba UXI ก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้ด้วยการนำ UXI Agent/Sensor มาทำหน้าที่จำลองพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ในการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ LAN แล้วทำการเชื่อมต่อไปยัง Cloud Application ที่ธุรกิจองค์กรใช้ เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลด้านประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ และตรวจสอบแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

9. Network-as-a-Service (NaaS)

ด้วยวิสัยทัศน์ของ HPE ที่ต้องการเปลี่ยน CapEx ในการลงทุน Server และ Storage มาสู่การเช่าใช้งานแบบ OpEx ภายใต้บริการ HPE GreenLake ทำให้ HPE Aruba เองก็ปรับตัวไปสู่ทิศทางเดียวกัน ด้วยบริการ HPE GreenLake for Aruba ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งานระบบเครือข่ายในแบบ OpEx ได้แล้ว และรองรับกรณีการใช้งานดังนี้

  • Indoor Wireless aaS
  • Outdoor Wireless aaS
  • Remote Wireless aaS
  • Wired Access aaS
  • Wired Aggregation aaS
  • Wired Core aaS
  • SD-Branch aaS
  • UXI aaS

ทาง IDC นั้นได้มีผลสำรวจว่า 69% ของธุรกิจองค์กรนั้นได้เริ่มใช้งาน NaaS หรือมีแผนจะใช้งานภายในอีก 2 ปีนับถัดจากนี้แล้ว ก็ถือเป็นทิศทางที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

ท่านใดสนใจโซลูชัน HPE Aruba หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ คุณนวรัตน์ จิตรตระการวงศ์ อีเมล nawarat.ch@hpe.com

from:https://www.techtalkthai.com/ttt-2022-reinforce-network-modernization-by-hpe-aruba/

ไทยเตรียมใช้ Wi-Fi 6GHz หลัง กสทช. เผยแนวทางใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติม ใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

จากที่ประเทศไทยใช้งาน Wi-Fi คลื่นความถี่ย่าน 5GHz มาอย่างยาวนาน ปีนี้ก็ได้มีการออกระเบียบคลื่นแบบใหม่จาก กสทช. อนุญาตให้ใช้บางส่วนของคลื่น 6GHz ได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมให้ผู้ใช้งานในไทยปรับตัวมาใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับคลื่นความถี่ใหม่ได้ในอนาคตครับWi-Fi Alliance เคยเปิดตัว Wi-Fi 6E ที่ใช้คลื่นความถี่ 6 GHz ไปตั้งแต่ปี 2020 แต่ทางฝั่งผู้บริโภคก็มีการขยับขับเคลื่อนเพื่อหันมาใช้เทคโนโลยีใหม่กันค่อนข้างช้า อย่างตอนนี้คนส่วนมากก็ยังใช้ Wi-Fi  2.4GHz และ 5GHz กันอยู่เลย

ล่าสุดในปีนี้ กสทช. ก็ได้มีการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 6 GHz และมีมติเห็นชอบให้คลื่นความถี่ย่าน 5.925 – 6.425 GHz สามารถใช้กันได้เป็นการทั่วไปโดยไม่ต้องขออนุญาต (License-exempt) ส่วนย่านที่สูงไปกว่านั้น  6.425-7.125 GHz ยังคงอยู่ในช่วงพิจารณา

ทั้งนี้ คาดว่าคลื่นความถี่ย่าน 5.925 – 6.425 GHz จะมีข้อกำหนดให้ใช้กำลังส่งชนิด Indoor 250 mW (E.I.R.P) แบบ outdoor ใช้กำลังส่งได้ 25 mW (E.I.R.P) แต่ข้อมูลส่วนนี้ ถือเป็นข้อมูลทางเทคนิคจากความเห็นสาธารณะ ยังคงต้องรอประกาศจากกสทช. อย่างเป็นทางการอยู่ดี แต่ที่แน่  ๆ คือประเทศไทยเข้าใกล้การใช้งานคลื่นสัญญาณ 6GHz เข้าไปเรื่อย ๆ แล้ว ซึ่งก็จะลดปัญหาการเชื่อมต่อในสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ อุปกรณ์มาก ๆ ด้วยการกระเถิบไปใช้ช่องการเชื่อมต่อบนคลื่นอื่นนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การใช้งานดี ๆ รอเราอยู่อีกมากมายครับ

ที่มา กสทช., Suebsak Suebpakdee

from:https://droidsans.com/wifi-6ghz-available-soon-thailand/

5 ตัวรับสัญญาณ WiFi น่าซื้อ ต่อพีซีเล่นเกมดีเปิดเว็บลื่นไม่ง้อ LAN เริ่มแค่ 1,090 บาท

ตัวรับสัญญาณ WiFi ดีๆ ไม่ต้องง้อสาย LAN ก็เล่นเกมได้ลื่นสะใจ!

Share image Edit Name 2wifi 1

ปัจจุบันหลังจาก Router ได้รับการพัฒนาให้รับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ดีและเสถียรขึ้น ผู้ใช้หลายๆ คนก็หันมาซื้อตัวรับสัญญาณ WiFi ไปใช้กับพีซีของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแบบ USB หรือ PCIe ต่อเข้ากับเมนบอร์ดโดยตรงก็ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยข้อดีของ PCIe WiFi คือ เราไม่ต้องเสียเวลาจัดการหรือลากสาย LAN จาก Router มาต่อที่คอมพิวเตอร์ ก็ใช้อินเตอร์เน็ตได้ทันทีไม่ว่าจะทำงานหรือเล่นเกมก็ได้ไม่มีปัญหา

Advertisementavw

อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการใช้ WiFi เป็นหลัก ถ้าได้ Router ประสิทธิภาพสูงมาแล้ว ก็ต้องหาตัวรับสัญญาณ WiFi คุณภาพดีมาใช้งานด้วย ซึ่งในมุมของผู้เขียน ควรยืนพื้นด้วย WiFi 5 ขึ้นไป หากได้ WiFi 6 หรือ 6E มาเลย ก็ยิ่งดี เพราะสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเสถียรขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองก็เคยอธิบายถึงข้อมูลและเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ WiFi เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หากสนใจสามารถอ่านบทความดังกล่าวได้ที่นี่

ตัวรับสัญญาณ WiFi

สเปคตัวรับสัญญาณ WiFi Connectivity Bands Technology OS ที่รองรับ ราคา
(บาท)
Intel AX210 Pro WiFi 6E Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

2.4GHz

5GHz

6GHz

160Mhz

MU-MIMO

OFDMA

Intel vPro

Windows 10 (64-bit)

Chrome OS

Linux

1,090
TP-Link Archer TX55E Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

2.4GHz
574 Mbps

5GHz
2,402 Mbps

MU-MIMO

OFDMA

Intel vPro

WPA3

Windows 10 (64-bit) 1,390
ASUS PCE-AX3000 Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

2.4GHz
867 Mbps

5GHz
2,402 Mbps

160Mhz

MU-MIMO

OFDMA

Intel vPro

WPA3

Windows 10 (64-bit)

Linux Kernel 5.1

1,390
CF-AX210 Pro Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

2.4GHz

5GHz

6GHz

160Mhz

MU-MIMO

OFDMA

Intel vPro

Windows 10

Linux

Chrome OS

1,590
TP-LINK Archer TX3000E Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

2.4GHz

5GHz

MU-MIMO

OFDMA

Intel vPro

WPA3

Windows 10 (64-bit) 1,879

5 ตัวรับสัญญาณ WiFi คุณภาพดี ทำงานดีเล่นเกมลื่นไม่มีปัญหากวนใจแน่นอน!

หากผู้ใช้คนไหนมองหาตัวรับสัญญาณ WiFi มาต่อเข้ากับพีซี ไม่ว่าจะใช้เป็นช่องทางหลักตอนเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือใช้ควบคู่กับ LAN เป็นตัวสำรองก็ตาม หากคิดจะซื้อมาใช้งานก็แนะนำให้ดูเป็น WiFi 6 หรือ 6E ไปเลยจะดีที่สุด จะได้ใช้งานเทคโนโลยีล่าสุดไปเลย โดยทั้ง 5 รุ่นแนะนำมีดังนี้

  1. Intel AX210 Pro WiFi 6E (1,090)
  2. TP-Link Archer TX55E (1,390 บาท)
  3. ASUS PCE-AX3000 (1,390 บาท)
  4. CF-AX210 Pro (1,590 บาท)
  5. TP-LINK Archer TX3000E (1,879 บาท)
1. Intel AX210 Pro WiFi 6E (1,090)

7607e15cf6b1f148a0851aa466223bc0

Intel AX210 Pro WiFi 6E ชิ้นนี้จะเป็น WiFi PCIe แบบ OEM สำหรับพีซีเป็นหลัก ใช้ชิป Intel AX210 รับสัญญาณ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax จึงจับคลื่นได้กว้างขวางตั้งแต่ 2.4GHz, 5GHz, 6GHz แบนด์วิธ 160MHz มีเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลครบถ้วนทั้ง MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro และรองรับ Bluetooth 5.2 อีกด้วย ตัวการ์ด WiFi นี้ติดตั้งซิ้งค์ระบายความร้อนมาให้และมีเสาอากาศรับสัญญาณแยกพิเศษให้วางในจุดที่ไม่มีสิ่งกีดขวางให้รับสัญญาณได้ดีสุด ใช้กับระบบปฏิบัติการได้หลากหลาย ได้แก่ Windows 10 (64-bit), Chrome OS, Linux เป็นต้น หากใครไม่เกี่ยงว่าเป็นสินค้า OEM เน้นว่าต้องการสินค้าดีราคาไม่แพงมากก็เริ่มต้นกับตัวนี้ก่อนได้เลย

สเปคของ Intel AX210 Pro WiFi 6E
  • Connectivity : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Bands : 2.4GHz, 5GHz, 6GHz แบนด์วิธ 160MHz
  • Technology : MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro
  • OS ที่รองรับ : Windows 10 (64-bit), Chrome OS, Linux
  • Price : 1,090 บาท (tichakorn.ch Shopee Recommend)
2. TP-Link Archer TX55E (1,390 บาท)

Archer TX55E overview normal 20220511090800u

TP-Link Archer TX55E เป็นตัวรับสัญญาณ WiFi น่าใช้และเชื่อถือได้อย่างแน่นอน โดยตัวการ์ดจะติดตั้งฮีตซิ้งค์ระบายความร้อนและเสาอากาศมาให้อีกคู่ ใช้ชิปเซ็ต Intel Wi-Fi 6 รับสัญญาณ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax จับคลื่น 2.4GHz, 5GHz ได้หมด โดยความเร็วสูงสุดที่รับได้ของคลื่น 5GHz อยู่ที่ 2,402 Mbps และ 2.4GHz อยู่ที่ 574 Mbps มีเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลครบถ้วนทั้ง MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro และมีฟังก์ชั่นรักษาความปลอดภัย WPA3 รองรับ Bluetooth 5.2 อีกด้วย แต่จุดสังเกต คือ ตัวการ์ดนี้จะรองรับเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows 10 (64-bit) ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็ซื้อ WiFi Card ของแบรนด์นี้มาต่อกับเกมมิ่งพีซีส่วนตัวไว้ทำงานและเล่นเกมก็ถือว่าประสิทธิภาพดีรับส่งข้อมูลได้เสถียรทีเดียว สามารถซื้อมาใช้งานได้เลย ไม่ต้องกังวล

สเปคของ TP-Link Archer TX55E
  • Connectivity : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Bands : 2.4GHz ที่ 574 Mbps, 5GHz ที่ 2,402 Mbps
  • Technology : MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro, WPA3 
  • OS ที่รองรับ : Windows 10 (64-bit) ขึ้นไป
  • Price : 1,390 บาท (satitjaichumni Shopee Recommend)
3. ASUS PCE-AX3000 (1,390 บาท)

ด้านแบรนด์ผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ชั้นนำอย่าง ASUS ก็มี ASUS PCE-AX3000 ให้เลือกซื้อไปติดตั้งในเครื่องเช่นกัน แต่ตัว PCIe Card นี้จะไม่มีฮีตซิ้งค์ติดตั้งมาให้เหมือนรุ่นอื่น ส่วนการรับส่งข้อมูลเป็น Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax จับคลื่น 2.4GHz ความเร็วสูงสุด 867 Mbps, 5GHz ความเร็วสูงสุด 2,402 Mbps แบนด์วิธ 160MHz มีเทคโนโลยีรับส่งข้อมูล MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro, WPA3 และรองรับ Bluetooth 5.0 ได้ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 (64-bit) และ Linux Kernel 5.1 ขึ้นไป ซึ่งชื่อชั้นของแบรนด์ ASUS ก็จัดว่าดีไว้ใจได้ ถ้าจะซื้อมาใช้งานก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

สเปคของ ASUS PCE-AX3000
  • Connectivity : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • Bands : 2.4GHz ที่ 867 Mbps, 5GHz 2,402 Mbps แบนด์วิธ 160MHz
  • Technology : MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro, WPA3 
  • OS ที่รองรับ : Windows 10 (64-bit), Linux Kernel 5.1 ขึ้นไป
  • Price : 1,390 บาท (Jedicool Shopee Mall)
4. CF-AX210 Pro (1,590 บาท)

fb6b1f11ab385690e2cdd16c3f585b6c

CF-AX210 Pro เป็นตัวรับสัญญาณ WiFi แบบ OEM อีกแบรนด์ที่น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งตัวการ์ดติดตั้งชิป Intel AX210 มาให้ รับสัญญาณ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รับคลื่น 2.4GHz, 5GHz, 6GHz ได้ มีแบนด์วิธ 160MHz มีเทคโนโลยี MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว ติดตั้งฮีตซิ้งค์ระบายความร้อนมาให้เสร็จสรรพแต่เสาอากาศจะเป็นแบบติดหลังการ์ดไม่ใช่แบบต่อสายไฟลากเสาอากาศแยกออกมา รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10, Linux, Chrome OS ครบถ้วน จัดเป็น Wi-Fi PCIe Card ที่น่าสนใจอีกรุ่นเลย แม้จะเป็น OEM ก็น่าซื้อมาใช้งานเช่นกัน

สเปคของ CF-AX210 Pro
  • Connectivity : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Bands : 2.4GHz, 5GHz, 6GHz แบนด์วิธ 160MHz
  • Technology : MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro
  • OS ที่รองรับ : Windows 10, Linux, Chrome OS
  • Price : 1,590 บาท (Silicon Gadgets Shopee Recommend)
5. TP-LINK Archer TX3000E (1,879 บาท)

2 normal 1566801264506f

TP-LINK Archer TX3000E รุ่นนี้เป็นตัวรับสัญญาณ WiFi เพื่อเกมมิ่งพีซีโดยเฉพาะ โดยตัวนี้ทาง TP-Link ออกแบบให้มันลดค่า Latency ได้มากกว่าปกติ ซึ่งตัวการ์ดนี้รับสัญญาณ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax จับคลื่น 2.4GHz อยู่ที่ 574 Mbps, 5GHz อยู่ที่ 2,402 Mbps รองรับเทคโนโลยีรับส่งข้อมูล MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro, WPA3 และรองรับ Bluetooth 5.2 ด้วย ส่วนดีไซน์ตัวการ์ดจะติดตั้งฮีตซิ้งค์ระบายความร้อนและต่อเสาสัญญาณยาวออกมาจากตัวเครื่องให้ตั้งในจุดรับสัญญาณได้ดีที่สุด รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 (64-bit) ขึ้นไป ถ้าใครหาตัวรับสัญญาณ WiFi ดีๆ มาต่อเกมมิ่งพีซีสักตัว ก็น่าซื้อตัวนี้ไปใช้งานเช่นกัน

สเปคของ TP-LINK Archer TX3000E
  • Connectivity : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Bands : 2.4GHz, 5GHz 
  • Technology : MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro, WPA3
  • OS ที่รองรับ : Windows 10 (64-bit) ขึ้นไป
  • Price : 1,879 บาท (satitjaichumni Shopee Recommend)

praveen kumar mathivanan yqLrqIsl294 unsplash scaled e1660723141722

จะเห็นว่าตัวรับสัญญาณ WiFi ในปัจจุบันนี้ขอแค่เป็น Wi-Fi 6 ขึ้นไป ก็จัดว่ามีประสิทธิภาพดีไว้ใจได้ จะใช้ทำงานหรือเล่นเกมก็ลื่นไหลไม่แพ้การต่อสาย LAN อย่างแน่นอน ขอแค่มีสิ่งกีดขวางระหว่างตัวเสาสัญญาณกับตัว Router ให้น้อยที่สุดเท่านี้ก็ใช้งานได้ดีมากแล้ว และปัญหาเรื่องสัญญาณไม่เสถียรหรือหลุดบ่อยก็จะไม่มีมากวนใจอย่างแน่นอน

ข้อดีของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi นั้น คือเราไม่ต้องลากสาย LAN ให้วุ่นวาย จะตั้งเกมมิ่งพีซีเอาไว้ตรงไหนก็สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้สะดวกเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าบ้านไหนไม่สะดวกลากสาย LAN ล่ะก็ ผู้เขียนแนะนำให้ตัดปัญหาโดยหา Wi-Fi PCIe Card คุณภาพดีสักตัวมาต่อคอม เท่านี้ก็สมบูรณ์แบบ


บทความที่เกี่ยวข้อง

wifi cover

wifi new cover

usb wifi cover

from:https://notebookspec.com/web/661869-5-wifi-pcie-for-your-pc

[ รีวิว ] – Motorola EDGE 30 Pro 5G

สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง จอแสดงผลพันล้านเฉดสี ขับเคลื่อนด้วยชิปตัวแรกล้อง Selfie 60 MP ระบบเสียงอันทรงพลัง เล่นเกมไหลลื่นไม่มีสะดุด

ภาพรวมของ Motorola EDGE 30 Pro 5G

Motorola EDGE 30 Pro 5G – แพลตฟอร์มสมาร์ทโฟนที่มีพลังการประมวลผลที่เหนือชั้นสำหรับแพลตฟอร์มมือถือ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 รุ่นล่าสุด ส่งมอบประสิทธิภาพระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม การถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ผสานด้วยระบบ AI และการเล่นเกมที่ไหลลื่น ไม่มีหน่วงหรือสะดุด ด้วยการประมวลผลเร็วแรงเนียนตาผ่านหน้าจอพันล้านเฉดสี แสดงผลครบทุกเฉด การเรียกคืนข้อมูลทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย RAM LPDDR5 สูงสุด 12 GB สำหรับแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นและใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่น้อยลง มาพร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 3.1 ขนาด 256 GB สามารถรองรับทุกการดาวน์โหลด แอป เกม และคลังถ่ายภาพ อัปเกรดเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6E รุ่นล่าสุด

โฟกัสกับภาพจำแห่งช่วงเวลาที่น่าจดจำ ด้วยถ่ายภาพที่สดใสอย่างเหลือเชื่อและบันทึกวิดีโอ HDR10+ ด้วยสีสันที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยกล้องสามตัวที่มีความละเอียดสูง

  • 50 MP Ultra-wide และ Macro – เก็บองค์ประกอบของภาพให้อยู่ในเฟรมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยคุณภาพระดับสูง จากการซูมเข้าเพื่อการถ่ายระยะใกล้สุดขีดหรือเข้าใกล้วัตถุมากขึ้นถึง 4 เท่า
  • 50 MP Mainถ่ายภาพที่คมชัดและสว่างที่สุด ด้วยการ All-Pixel Focus เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกสภาพแสง
  • 2 MP Depth sensorภาพถ่ายที่พร้อมแชร์บน Instagram พร้อมฉากหลังเบลอที่ดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ
  • 60 MP selfieภาพเซลฟี่ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ พร้อมเทคโนโลยี Quad Pixel รวมสี่พิกเซลเป็นหนึ่งเดียวเพื่อความไวแสงที่ดีขึ้นในที่แสงน้อย

Specification – Motorola EDGE 30 Pro 5G

คุณสมบัติเฉพาะด้วยฟีเจอร์ระดับเรือธงมาเต็มลำ

Colors – โทนสี

Motorola EDGE 30 Pro 5G – มาพร้อมกับ 2 โทนสี Stardust White ละมุนอ่อนโยน และ Cosmos Blue สวยดุแอบวิบวับ

Performance – ขับเคลื่อนด้วยขมพลังระดับพรีเมียม

  • Sensors
    • Proximity
    • Ambient light
    • Accelerometer
    • Gyroscope
    • Magnetometer (compass)
  • Security

ความปลอดภัยระดับ Business ข้อมูลได้รับการปกป้องจากมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และภัยคุกคามอื่นๆ โดย ThinkShield® สำหรับชุดอุปกรณ์พกพาที่มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

UFS 3.1 ได้รับการออกแบบให้มีความสูงเพียง 0.8 มม. ทำให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับใส่ฮาร์ดแวร์ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมต่อ 5G ในขณะที่ยังคงใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และรวดเร็ว

Battery – แบตเตอรี่

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานและยาวนาน ด้วยการชาร์จ TurboPower™ 68W ที่เร็วที่สุดมากกว่า 50% ภายใน 15 นาที รองรับ Charging Wireless

  • Battery – 4800 mAh
  • Charging 
    • 68W TurboPower™ charging
    • 15W wireless charging
    • 5W wireless power sharing
  • Battery Life
    • 35.4 hours

Display – หน้าจอแสดงผลพันล้านสี

  • Display Size – 6.7″
  • Display Technology
    • OLED
    • 10-bit
    • DCI-P3 colour space
    • 144 Hz refresh rate
    • Touch rate without stylus (finger): 360 Hz
    • Touch rate with stylus: (stylus) 240 Hz, finger (physical sampling rate) 120 Hz
  • Resolution – FHD+ (2400 x 1080)
  • Aspect Ratio – 20:9 Max Vision
  • Screen to Body Ratio – Active Area-Touch Panel (AA-TP): 88.5%

Motorola EDGE 30 Pro 5G – แสดงผลด้วยหน้าจอ 10-bit หรือ 1.07 พันล้านสี ซึ่งประกอบไปด้วย 1,024 (2 ยกกำลัง 10) เฉดสีในทั้ง 3 แม่สี แดง เขียว และน้ำเงิน เมื่อผสมรวมเข้าด้วยกันตามสูตร 1,024 ยกกำลัง 3 จะเท่ากับ 1,073,741,824 สี (กว่าพันล้านสี) 

Design – การออกแบบ

กันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP52
  • Dimensions – 163.06 x 75.95 x 8.79 mm
  • Weight – 196 g
  • Body
    • Front: 2.5D Corning® Gorilla® Glass 3 with anti-fingerprint coating
    • Frame: plastic
    • Rear: 3D Corning® Gorilla® Glass 5
  • Water Protection – IP52
  • Ports
    • No & Type-C port (USB 3.1 compatible)
    • DisplayPort 1.4
    • Compatible with digital headsets only

Camera – กล้องถ่ายภาพ

บันทึกวิดีโอกล้องด้านหลัง

กล้องหลัก :

  • 8K UHD (30fps)
  • 4K UHD (60/30fps)
  • FHD (60/30fps)

โหมด Slow Motion :

  • FHD (960/240/120fps)
  • FHD (60/30fps)

กล้องหลังมาโครมุมกว้างพิเศษ :

  • FHD (30fps)

ซอฟต์แวร์กล้องถ่ายรูปด้านหลัง

ฟีเจอร์หลักโหมดถ่ายภาพ :

  • Ultra-Res
  • Pro (w/ Long Exposure)
  • Panorama
  • AR Stickers
  • Live Filter
  • Dual Capture
  • Spot Colour
  • Night Vision
  • Cinemagraph
  • Portrait (w/ HDR)
  • Cutout
  • Scan

ฟีเจอร์หลักโหมดบันทึกวิดีโอ :

  • Macro
  • Slow Motion
  • AR Stickers
  • Dual Capture
  • Spot Colour
  • Super Slow Motion
  • Timelapse (w/ Hyperlapse)
  • Portrait

ฟีเจอร์ AI โหมดถ่ายภาพ :

  • Auto Smile Capture
  • Google Lens™ integration
  • Smart Composition
  • Shot Optimization

ฟีเจอร์อื่นๆ โหมดถ่ายภาพ :

  • Burst Shot
  • Timer
  • Assistive Grid
  • Watermark
  • Leveller
  • RAW Photo Output
  • Barcode Scanner
  • HDR
  • Active Photos
  • Best Shot

ฟีเจอร์อื่นๆ โหมดวิดีโอ :

  • Video Stabilisation
  • Audio Zoom
  • Video Snapshot (up to 9MP)

บันทึกวิดีโอกล้องด้านหน้า

กล้องหลัก :

  • 4K UHD (60/30 fps)
  • FHD (60/30 fps)

โหมด Slow Motion :

  • FHD (240/120 fps)

ซอฟต์แวร์กล้องถ่ายรูปด้านหน้า

ฟีเจอร์หลักโหมดถ่ายภาพ :

  • Pro (w/ Long Exposure)
  • Group Selfie
  • Live Filter
  • Dual Capture
  • Spot Colour
  • Instant Night Vision
  • Cinemagraph
  • Portrait (w/ HDR and Face Beauty)

ฟีเจอร์หลักโหมดบันทึกวิดีโอ :

  • Slow Motion
  • Dual Capture
  • Spot Colour
  • Timelapse (w/ Hyperlapse)

ฟีเจอร์ AI โหมดถ่ายภาพ :

  • Auto Smile Capture
  • Gesture Capture
  • Shot Optimisation

ฟีเจอร์อื่นๆ โหมดถ่ายภาพ :

  • Burst Shot
  • Timer
  • Assistive Grid
  • Watermark
  • Leveller
  • Selfie Animation
  • Face Beauty
  • HDR
  • Active Photos

ฟีเจอร์อื่นๆ โหมดบันทึกวิดีโอ :

  • Video Stabilisation
  • Face Beauty
  • Video Snapshot

Audio – ระบบเสียง

  • 2x stereo speakers

เสียงที่เต็มอิ่มและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นด้วย Dolby Atmos®

  • Qualcomm® Snapdragon Sound™

ให้เสียงเพลงความละเอียดสูง การโทรที่คมชัด และเชื่อมต่อความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบผ่าน Bluetooth

  • Voice Control

รองรับ Google Assistant

  • Headphone Jack – ไม่มี

ใช้พอร์ต USB Type-C

 

Connectivity – การเชื่อมต่อ

เพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6E เทคโนโลยีล่าสุด เร็วแรงที่สุด

SIM Card
  • Dual SIM (2 Nano SIMs, 5G + 5G)
Networks + Bands
  • 5G: sub-6GHz
    4G: LTE (UL Cat 13 / DL Cat 20)
    3G: WCDMA
    2G: GSM
Bluetooth Technology
  • Bluetooth® 5.2
Wi-Fi
  • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax
    2.4 GHz | 5 GHz | 6 GHz
    Wi-Fi 6E
    Wi-Fi hotspot
Location Services
  • GPS
    AGPS
    LTEPP
    SUPL
    Glonass
    Galileo

เล่นจริง สัมผัสจริง

สัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่ไหลลื่นบนสมาร์ทโฟน

Motorola EDGE 30 Pro 5G – ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังชิปเซตตัวแรงล่าสุด การแสดงผลด้วยหน้าจอพันล้านเฉดสี ประสบการณ์ที่เชิญชวนคอเกมให้ได้สัมผัสความไหลลื่นไม่มีหน่วงหรือกระตุกในทุกแอคชัน การเชื่อมต่อด้วย 5G และ Wi-Fi 6E เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้เกมออนไลน์ประมวลผลได้เร็วมากยิ่งขึ้น ระบบเสียง 2x stereo speakers เพลิดเพลินไปกับเสียงที่เต็มอิ่มและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นด้วย Dolby Atmos® และ Qualcomm® Snapdragon Sound™ ให้เสียงเพลงของเกมด้วยความละเอียดสูง ด้านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างเกมที่เล่นอยู่บน EDGE 30 Pro 5G

เกม ROV

เกม ROV เกมแนว Action เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือระดับ ทั้งฉาก แสง สี และสปีดเนื้อหาของเกม

เกม Call of Duty

เกม Call of Duty ให้ความสมจริง และความเข้มข้นราวกับภาพยนตร์ในสนามรบ

เกม Diablo Immortal

เกม Diablo Immortal เกมออนไลน์แบบผู้เล่นจำนวนมาก, เกมแอ็กชันเล่นตามบทบาท, เกมยิง, เกมผจญภัย, เกมต่อสู้ ซึ่งต้องอาศัยการประมวลผลกราฟิกระดับคุณภาพสูง

เป็นตากล้องมืออาชีพด้วย Motorola EDGE 30 Pro 5G

ตอกย้ำสเปคความละเอียดของกล้องหลัง 3 ตัว ระดับ 50 MP และ กล้องหน้า 60 MP ให้คุณภาพความสดใสในทุกสภาวะแสง

  • 50 MP Ultra-wide และ Macro – เก็บองค์ประกอบของภาพให้อยู่ในเฟรมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยคุณภาพระดับสูง จากการซูมเข้าเพื่อการถ่ายระยะใกล้สุดขีดหรือเข้าใกล้วัตถุมากขึ้นถึง 4 เท่า
  • 50 MP Mainถ่ายภาพที่คมชัดและสว่างที่สุด ด้วยการ All-Pixel Focus เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกสภาพแสง
  • 2 MP Depth sensorภาพถ่ายที่พร้อมแชร์บน Instagram พร้อมฉากหลังเบลอที่ดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ
  • 60 MP selfieภาพเซลฟี่ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ พร้อมเทคโนโลยี Quad Pixel รวมสี่พิกเซลเป็นหนึ่งเดียวเพื่อความไวแสงที่ดีขึ้นในที่แสงน้อย

ถ่ายภาพกลางแจ้ง มีเขา มีทะเล (แหวก)

ถ่ายภาพเกลียวคลื่นซัดเข้าหาวัด

แสง และ เงา

แซ่บทุก Shot นัวทุกรูป

มาโครโหมด คู่กับ ดอกไม้

ถ่ายภาพ 50 MP Portrait

ถ่ายภาพ 60 MP Selfie

ถ่ายภาพวัตถุ 50 MP Ultra-wide และ Macro

โหมดถ่ายภาพกลางคืน

โหมด Video Slow Motion

บทสรุป

Motorola EDGE 30 Pro 5G – สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงประจำค่ายสำหรับปี 2022 ได้สัมผัสประสบการณ์บนหน้าจอแสดงผลพันล้านเฉดสี 10-Bit พร้อมกำลังการขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลตัวแรงสุด Snapdragon® 8 Gen 1 Mobile Platform พื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ 256 GB หน่วยความจำเร็วแรง 12 GB จัดเครื่องทรงมาเต็มสมกับตำแหน่งเรือธง ยกให้เป็นสมาร์ทโฟนระดับเกมมิ่งที่มีความลื่นไหลไปกับทุกฉากแอคชัน มันส์สะใจไปกับระบบเสียงที่ทรงพลัง 2x stereo speakers ให้เสียงที่เต็มอิ่มและเป็นธรรมชาติด้วย Dolby Atmos® และ Qualcomm® Snapdragon Sound™ ให้ประสิทธิภาพความละเอียดสูงทั้งเสียงเพลง การโทรที่คมชัด และเชื่อมต่อความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบผ่าน Bluetooth นอกจากนี้ EDGE 30 Pro 5G ได้จัดคอนเซปต์ “Headphone No Jack 3.5″ โดยใช้ USB Type-C นี่คือรอยต่อของการเข้าสู่ยุค Headphone USB Type-C ที่จะกลายเป็นมาตรฐานทั่วไปในอนาคตอันใกล้ ข้อดีคือการใช้งานจำนวนพอร์ตบนเครื่องสมาร์ทโฟนให้น้อยลง ทั้งชาร์ทพลังงาน ถ่ายโอนข้อมูล และเป็นหูฟัง ในส่วนของชุดหูฟังที่แถมมาพร้อมในกล่องให้เสียงกระหึ่มสุดยอดมาก ถ้าท่านใดกำลังเดินเข้าไปในช็อป อยากให้ได้ลองทดสอบด้วยตัวเองแล้วอยากจะฟังเพลงถัดไปอีกอย่างแน่นอน

สมาร์ทโฟนกับการถ่ายรูป กลายเป็นของคู่กันและคุณสมบัติหลักที่ขาดไม่ได้ สำหรับ Motorola EDGE 30 Pro 5G สามารถช่วยยกระดับตากล้องมืออาชีพให้อยู่ในมือของผู้ใช้งาน ประจักษ์ด้วยภาพที่น่าประทับใจกับความพิเศษของกล้องหน้าความละเอียดสูง 60 MP กล้องหลัง 50 MP เก็บรายละเอียดและองค์ประกอบของภาพให้อยู่ในเฟรมอย่างครบถ้วน โหมด Macro การซูมเข้าใกล้วัตถุเพื่อการถ่ายระยะใกล้สุดขีดหรือเข้าใกล้วัตถุมากขึ้นถึง 4 เท่า ชดเชยเล่นกับแสงและเงาให้ความสมดุลของภาพได้อย่างลงตัว ภาพถ่ายที่ได้มีรายละเอียดความคมชัด ความสว่าง และมิติการชดเชยแสงในระดับคุณภาพสูงสมกับรุ่นเรือธง โดยเฉพาะการถ่ายภาพ Portrait หรือภาพบุคคล สามารถเล่นกับแสงธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้ได้ถ่ายภาพบุคคลที่น่าหลงไหล ได้น้ำหนักของแสงอาทิตย์ที่นุ่มนวลและลงตัวกับช่วงเวลา สัมผัสได้ถึงความอิ่มตัวของสี ทำให้ภาพถ่ายได้อารมณ์ที่นุ่มนวล

ความปลอดภัยระดับ Business ข้อมูลจะได้รับการปกป้องจากมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และภัยคุกคามอื่นๆ โดย ThinkShield® สำหรับชุดอุปกรณ์พกพาที่มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

สำหรับราคา 22,999 บาท ถือว่าเกินคุ้มสำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง

from:https://www.techtalkthai.com/techtalkthai-review-motorola-edge-30-pro-5g/

Alcatel-Lucent Enterprise เปิดตัว Access Point ใหม่ รองรับ Wi-Fi 6E

Alcatel-Lucent Enterprise เปิดตัว OmniAccess® Stellar 14xx series Access Point ใหม่ รองรับ Wi-Fi 6E

Alcatel Lucent Enterprise เปิดตัว OmniAccess® Stellar 14xx series เพิ่มเติมจาก 13xx series เดิม ด้วยความสามารถในการรองรับ Wi-Fi 6E ที่เพิ่มการทำงานบนความถี่ระดับ 6 GHz ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานและเพิ่มปริมาณ Bandwidth ได้ ตอบโจทย์การใช้งานแอพพลิเคชันหลายประเภท เช่น Augmented Reality, 4K/8K UHD video และ Medical IoT

รุ่นที่เปิดตัวนั้นเป็นรุ่นที่อยู่ในระดับ High-end Premium ถือว่าเป็นการนำร่องการใช้งาน Wi-Fi 6E ก่อนการเปิดตัวรุ่นใหม่ในระดับ Mid-range ในช่วงปลายปีนี้ OmniAccess Stellar ทำงานอยู่บนสถาปัตยกรรม Distributed Intelligence WAN Control ทำให้ไม่จำเป็นต้องมี Centralized Controller ในขณะที่ยังคงความสามารถในการขยายเป็นระบบขนาดใหญ่และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ที่มา: https://www.yahoo.com/now/quest-speed-alcatel-lucent-enterprise-103000789.html

from:https://www.techtalkthai.com/alcatel-lucent-enterprise-launches-new-access-point-series-support-wi-fi-6e/

MU-MIMO คืออะไร สำคัญอย่างไรกับ Wi-Fi 6 และ 6E

MU-MIMO : (Multi-User, Multi-Input, Multi-Output) ตรงตามตัว ในช่วงเวลาเดียวกัน สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งาน รองรับการรับและการส่งสัญญาณได้มากกว่าหนึ่ง ซึ่งก่อนจะมาเป็นเทคโนโลยี MU-MIMO นั้น อุปกรณ์เราเตอร์จะทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางได้ครั้งละ 1 ตัว เท่านั้น โดยเมื่อมีอุปกรณ์เข้ามาเชื่อมต่อมากกว่า 1 ตัว เราเตอร์จะใช้วิธีการรับส่งสัญญาณสลับไปมาอย่างรวดเร็วทีละตัว ข้อจำกัด คือ เราเตอร์ไม่สามารถทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันทีละหลายตัวไม่ได้ ซึ่งเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า SU-MIMO (Single-User, Multi-Input, Multi-Output) เมื่อวิวัฒนาการมีการพัฒนาขนาดของข้อมูลใหญ่ขึ้น ทำให้รูปแบบการรับและส่งข้อมูลต้องเสียเวลาในการจัดการให้อุปกรณ์ปลายแต่ละตัวมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้เกิดการรอคอยที่ให้เกิดอาการหน่วงขึ้น

เทคโนโลยี MU-MIMO จะช่วยเสริมความเสถียรภาพให้ระดับความเร็วในการเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายบน Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อมีจำนวนเพิ่มขึ้นของจำนวนอุปกรณ์ปลายทางที่เข้ามาทำการเชื่อมต่อเราเตอร์ตัวเดียวกัน และจะได้เห็นเทคโนโลยี MU-MIMO 8×8 บน Wi-Fi 6 ที่จะทำให้เราเตอร์สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางพร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกันได้สูงสุดถึง 8 เครื่อง ซึ่งมากกว่า Wi-Fi 5 ที่รองรับสูงสุดอยู่ที่ MU-MIMO 4×4

“802.11 a/b/g/n/ac/ax เป็นมาตรฐานของการทำงานบนระบบเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi ที่มีความเร็ว และคลื่นความถี่สัญญาณที่แตกต่างกัน และเพื่อให้มีความชัดเจนขึ้น จึงมีการกำกับป้ายชื่อให้กับ Wi-Fi ใหม่ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นว่ากำลังใช้งานอยู่บนมาตรฐานของ Wi-Fi ใดอยู่ ตัวอย่างเช่น Wi-Fi 5, Wi-Fi 6 เป็นต้น”

  • มาตรฐาน IEEE 802.11b  คือ Wi-Fi 1
  • มาตรฐาน IEEE 802.11a  คือ Wi-Fi 2
  • มาตรฐาน IEEE 802.11g  คือ Wi-Fi 3
  • มาตรฐาน IEEE 802.11n  คือ Wi-Fi 4
  • มาตรฐาน IEEE 802.11ac คือ Wi-Fi 5
  • มาตรฐาน IEEE 802.11ax คือ Wi-Fi 6

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ใหม่ล่าสุดที่อัปเกรดให้การเชื่อมต่อไร้สายมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เพื่อตอบสนองความเร็วในการเชื่อมต่อทั้งข้อมูลและผู้ใช้งานในจำนวนที่มากขึ้นได้ มีความเร็วสูงสุดที่ 9.6 Gbps โดย Wi-Fi 6 รองรับการรับส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ปลายทางหลายๆ ตัว ภายในเวลาเดียวกันด้วยเทคโนโลยี MU-MIMO และยังรองรับเทคโนโลยี OFDMA (Orthogonal Frequency Division Multiple Access) ช่วยให้มีการแบ่งช่องย่อยของคลื่นสัญญาณได้มากขึ้น ทำให้สามารถนำส่งข้อมูลไปให้กับอุปกรณ์ปลายทางหลายๆ เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันได้ ส่งผลดีให้อุปกรณ์ปลายทางสามารถเข้าถึงคลื่นความถี่ที่เราเตอร์ปล่อยออกมาได้รวดเร็วขึ้น

Wi-Fi 6E ทำงานบนย่านความถี่ 6 GHz ซึ่งจะมีความกว้างของช่องสัญญาณมากกว่า Wi-Fi 5 และ 6 ที่ทำงานบนย่านความถี่ 2.4 และ 5 GHz เหมือนเป็นการสร้างทางด่วนพิเศษเพิ่มขึ้นให้อุปกรณ์เราเตอร์มีคลื่นความถี่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม อุปกรณ์ปลายทางรุ่นไหนที่รองรับ Wi-Fi 6E เช่นเดียวกับเราเตอร์ ก็จะได้รับสิทธิ์ให้วิ่งขึ้นบนย่านความถี่ 6 GHz ได้เลย ไม่ต้องมาเบียดแทรกความแออัดบนย่านความถี่เดิมที่มีอยู่

  • อุปกรณ์เราเตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 6 ใช้งานบนย่าความถี่ 2.4 และ 5 GHz
  • อุปกรณ์เราเตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 6 ใช้งานบนย่าความถี่ 2.4, 5 GHz และ 6 GHz

อันที่จริงแล้ว เทคโนโลยี MU-MIMO ไม่ได้ช่วยเสริมพลังการส่งสัญญาณไร้สายบน Wi-Fi 6 และ 6E ให้มีความเร็วและแรงมากกว่าเดิม แต่ MU-MIMO มีบทบาทที่สำคัญในการรักษาความเสียรภาพของความเร็วไม่ให้ลดลง เมื่อมีจำนวนอุปกรณ์ปลายทางเข้ามาทำการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น”

ข้อจำกัดของเทคโนโลยี MU-MIMO จะให้ความสำคัญกับเรื่องคุณสมบัติของอุปกรณ์สื่อสารปลายทางที่เข้ามาเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายบน Wi-Fi 6 และ 6E โดยจะต้องรองรับคุณสมบัติ MU-MIMO ด้วยเช่นกับอุปกรณ์เราเตอร์ที่มีหน้าที่ปล่อยสัญญาณไร้สาย จึงจะสามารถได้รับประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายที่แท้จริงได้

“เทคโนโลยีที่สูงกว่าบนเราเตอร์ จะไม่สามารถยกระดับและอัพเกรดประสิทธิภาพอุปกรณ์สื่อสารปลายทางที่มีเทคโนโลยีต่ำกว่าได้”

ที่มา : What is MU-MIMO, and why is it essential for Wi-Fi 6 and 6E? | Network World

from:https://www.techtalkthai.com/mu-mimo-wi-fi-6-6e/

iPhone 14 Pro รองรับ Wi-Fi 6E แบตใช้นานขึ้น! ด้วยชิป 5G ตัวใหม่

EDN รายงานข้อมูลว่า iPhone 14 Pro อาจรองรับ Wi-Fi 6E แล […] More

from:https://www.iphonemod.net/iphone-14-better-battery-life-thanks-to-5g-chip.html