คลังเก็บป้ายกำกับ: RAM_DDR4

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท จอใหญ่ แรม 8GB มีวินโดว์พร้อมใช้ ดูหนังเพลิน

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท จอใหญ่ Full-HD มี SSD พร้อม Windows แรม 8GB เบา เทรดหุ้น ดูหนังครบ

Top 10 value notebook 10000B cov

10 อันดับโน๊ตบุ๊คเริ่ม 10000 บาท จ่ายเบาๆ ได้จอใหญ่ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีอยู่จริง รวมมาให้แล้ว เป็นรุ่นเด็ดต้นปี 2023 นี้ สำหรับสายทำงานและบันเทิง ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพดี รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ เริ่มต้นกับการเรียน หรือการศึกษาของเด็กๆ ไปจนถึงการดูหนัง 4K ที่เป็นจอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด Full-HD แล้วด้วย ให้ภาพที่ดูได้อย่างเต็มตา และมาพร้อมแรม 8GB บางรุ่นเป็น 16GB รวมถึงใส่ SSD มาด้วยเช่นกัน เพื่อความลื่นไหล ซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่น้องเล็กอย่าง Intel Celeron หรือ AMD Athlon ไปจนถึง Intel Core i Generation แต่ที่สำคัญมี Windows มาให้พร้อมใช้ เปิดเครื่องมา ก็ทำงานได้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม แต่ละรุ่นจัดว่าเด็ด แต่มีรุ่นไหนที่จะโดนใจคุณบ้าง ไปติดตามชมกันครับ

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท


โน๊ตบุ๊ค 10000 บาท เลือกแบบไหนดี?

ทำงานเอกสาร เรียน ประชุมออนไลน์

Advertisementavw
10 อันดับ

สำหรับโน๊ตบุ๊คงบ 10000 บาท อยู่ในกลุ่มที่รองรับการใช้งานด้านงานเอกสาร และในสำนักงานเบื้องต้นได้ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก เช่น เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือใช้โปรแกรมที่ต้องอาศัยแรม และซีพียู เช่น โปรแกรมสร้างพรีเซนเทชั่น เปิดเอกสารทีเดียวจำนวนมาก ซีพียู 2 core/ 4 thread เป็นตัวเริ่มต้นได้ แต่ควรมีแรมอย่างน้อย 8GB เพื่อให้การทำงานลื่นขึ้น ส่วนการจัดเก็บข้อมูล หากมีจำนวนมาก แนะนำว่าให้ใช้ SSD 512GB หรือใช้บริการ Cloud Storage น่าจะสะดวกมากยิ่งขึ้น จอขนาดใหญ่ ช่วยให้มีพื้นที่ในการประชุมและมองเห็นข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น

เทรดหุ้น ท่องอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล

10 อันดับ

การใช้งานด้านเทรดหุ้น แม้จะมองว่าการดูกราฟ จะต้องใช้สเปคแรงด้วยหรือ? ถ้าเป็นการดูข้อมูลเฉยๆ ซีพียูรุ่นน้องเล็ก ก็เพียงพอ แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะควบคู่ไปกับการหาข้อมูลตลาด การฟังข่าวหรือการรีเช็คราคาที่ผ่านมาในอดีต ดังนั้นจึงเป็นการทำงานแบบมัลติทาส์ก เพราะต้องประมวลผลหลายอย่างพร้อมกัน การมีซีพียูในระดับที่สูงขึ้น เช่น Intel Core i3 หรือ AMD Ryzen 3 กับแรมอย่างน้อย 8GB ก็ช่วยให้ไหลลื่นขึ้น แต่ถ้าเปิดแท็ปเว็บเบราว์เซอร์ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าแรม 16GB เหมาะสมมากกว่า จอใหญ่ไฟสว่าง ก็ไม่ต้องซูมบ่อย ยกเว้นจะพกพาด้วยจอ 14″ FHD ก็เพียงพอแล้ว

ดูหนัง เล่นเกมออนไลน์เบาๆ

10 อันดับ

โน๊ตบุ๊ค 10000 บาท เป็นโน๊ตบุ๊คที่อาจจะคาดหวังกับการเล่นเกมได้ยาก แต่ถ้าเป็นเกมออนไลน์เบาๆ เช่น ยิงไข่ ไล่ซอมบี้ เรียงเพชรหรือจะเป็นแนว 2D ในแบบต่างๆ สามารถทำได้สบายๆ ดังนั้นหากคุณต้องการเล่นเกมหนักๆ ก็อาจจะต้องลองเริ่มต้นกับการตั้งค่าในเกม ปรับ Detail ให้เหมาะ แต่สุดท้ายไม่ได้ ก็คงต้องขยับไปที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ปัจจุบันเริ่มที่ประมาณ 20000 บาท ส่วนการดูหนัง Full-HD, 4K และใช้เพียงหน้าจอเดียว เลือกรุ่นประหยัดสุด ก็ยังไหว แต่อยากให้เป็นแรม 8GB ดูน่าสนใจกว่า และถ้ามีน้องๆ หนูๆ เล่นด้วยกัน จัดจอใหญ่ 15.6″ ก็แบ่งปันกันดูได้ดียิ่งขึ้น


1.Acer Aspire 3 A314-35

10 อันดับ

โน๊ตบุ๊คที่มาแบบครบครัน ใน 10 อันดับครั้งนี้ กับสายพันธุ์ของ Aspire 3 ที่ออกแบบมาลงตัวกับผู้ใช้ในกลุ่มคนทำงาน ไลฟ์สไตล์และนักเรียน ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาแค่ 1.6Kg สเปคพอใช้ท่องเน็ต ทำงานเอกสาร และดูหนังบนจอ 14″ Full-HD ได้ลื่นๆ กับซีพียู Intel Pentium N6000 (2 core/ 4 thread) พร้อมแรม 4GB ที่อัพเกรดเพิ่มได้ และใส่ฮาร์ดไดรฟ์มา 500GB รุ่นนี้เท่าที่เช็ค มีโมเดลที่เป็น SSD 256GB ด้วย มี Windows 10 มาให้ คีย์บอร์ดไม่มีแสงไฟ และแบตค่อนข้างเล็กไปนิด เคาะราคามา 8,990 บาท เท่านั้น ไปช้อปกันได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
น้ำหนักเบา แรม 4GB
ให้พอร์ตมาเยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: Acer


2.IPASON MAXBOOK P2 PRO-P981

10 อันดับ

ติด 10 อันดับ โน๊ตบุ๊คราคาไม่ถึงหมื่นบาท IPASON แบรนด์น้องใหม่ในบ้านเรา ที่กระแสตอบรับดี บอดี้ที่บางเบา ฟังก์ชั่นจัดเต็ม ทั้งสแกนลายนิ้วมือ กางได้ 180 องศา คีย์บอร์ด Full-size แต่เสียดายที่ไม่มีไฟ Backlit มาให้ แต่ก็ได้อย่างอื่นแทน เช่น แรม 16GB ใส่ซีพียู Intel Celeron มาให้ แต่เป็นรุ่นใหม่ 4 core/ 4 thread กราฟิก Intel UHD สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป หน้าจอ IPS 15.6” Full-HD สีสดใส พอร์ตใหม่ๆ USB-C และ HDMI มีให้ครบ พร้อมแบตขนาดใหญ่ Windows 11 พร้อมใช้ ตัวเครื่องรับประกัน 2 ปี ราคาแค่ 9,890 บาท แต่เวลานี้ค่อนข้างหายากนิดนึงครับ ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรมมาเยอะ ไม่มีไฟคีย์บอร์ด
กางจอได้ 180 องศา

รายละเอียดเพิ่มเติม: IPASON


3.Lenovo IdeaPad 1 15IGL7

10 อันดับ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค 10000 สุดประหยัดรุ่นนี้ ดีกรีไม่ธรรมดา วัสดุดูดี งานประกอบแน่น หน้าจอใหญ่ 15.6″ Full-HD ดูหนังเต็มตา ทำงานก็สะดวก เล่นเกมออนไลน์เบาๆ ขุมพลัง Intel Pentium N4020 กับกราฟิก Intel UHD ก็พอไหว งาน 2D/3D พรีเซนเทชั่นทั่วไป ไม่ยาก มาพร้อมแรม 4GB เสียดายที่อัพแรมเพิ่มไม่ได้ ส่วน SSD มีให้ 256GB พอร์ตก็มีให้ครบๆ USB-C, HDMI ใส่ Card Reader มาให้ด้วย พร้อม Windows 11 Home พร้อมใช้งาน แบตใหญ่ น้ำหนัก 1.5Kg ประกัน 2 ปี แต่เป็นอุบัติเหตุ 1 ปีด้วยนะ ราคาประมาณ 9,990 บาทเท่านั้น ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอใหญ่สีสดใส มีแรมให้ 4GB
วัสดุค่อนข้างดี

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


4.HP 15s-eq1575AU

10 อันดับ

เป็นอีกหนึ่งใน 10 อันดับโน๊ตบุ๊คสไตล์บางๆ ที่มีความพรีเมียม หน้าจอ 15.6″ Full-HD กว้างขวาง ขอบจอบาง เอาใจคนทำงานและการเริ่มต้นเรียนรู้ของเด็กๆ แถมยังให้ Windows 11 Home มาแล้วด้วย โดยมีขุมพลัง AMD Athlon Gold 3150U เป็นน้องเล็ก ทำงาน 2 core/ 4 thread พร้อมแรม 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ในภายหลัง กราฟิก AMD Radeon ดูหนัง เล่นเกมเบาๆ เอาใจน้องๆ ยังไหว ใช้เทรดหุ้นก็ลื่นดี มี SSD 256GB คีย์บอร์ด Full-size ใส่แบตมากลางๆ พอร์ต USB-C, HDMI มีให้ครบ น้ำหนักประมาณ 1.7Kg ประกัน 2 ปี ราคา 11,390 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรมมา 8GB น้ำหนักค่อนข้างเยอะ
พอร์ตเยอะ พร้อม USB-C

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


5.ASUS Vivobook 15 X1500EA-EJP01W

10 อันดับ

สำหรับ Vivobook 15 ก็มาตามคาด กับราคาที่ดีงาม บอดี้ที่ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ บางสวย แม้ซีพียูจะเป็นน้องเล็ก Pentium Gold 7505 แต่ถือว่าสดใหม่ เรี่ยวแรงพอใช้งานในหลายๆ ด้านได้ พร้อมแรม 4GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB หาได้ยากในราคาประมาณนี้ พอร์ตมีทั้ง USB-C และ HDMI หน้าจอ 15.6″ Full-HD กว้างขวาง สำหรับงานและความบันเทิง แม้จะไม่ได้เสริมฟีเจอร์พิเศษมามากมาย แต่ก็สะดวกต่อการใช้งานพื้นฐาน โดยมี Windows 11 พร้อมใช้ประกัน 2 ปี ราคา 12,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์บาง กระทัดรัด มีแรม 4GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


6.Lenovo V15 G3 ABA 82TV004VTA

10 อันดับ

เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มทำงาน บอดี้ที่ดูพรีเมียม ดูสบายตา ราคา 10000 บาทนิดๆ ได้สเปคใหม่หมดจด เหมาะทั้งเรียน ทำงาน และความบันเทิง กับซีพียู AMD Ryzen 3 5425U รุ่นใหม่ คู่กับแรม 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และให้ SSD 256GB บนจอแสดงผล 15.6″ กราฟิกสามารถเล่นเกมเบาๆ ได้ ดูหนัง 4K ระบบเสียงก็ถือว่าดี พร้อมพอร์ต USB-C ชาร์จเร็ว และต่อจอได้ แบตอาจจะน้อยไปบ้าง สำหรับจอใหญ่แบบนี้ และไม่มี OS มาให้ น้ำหนักประมาณ 1.7Kg พกได้ไม่ยาก ประกัน 1 ปี ราคา 12,990 บาท ถ้าใครอยากได้ Windows ด้วย ขยับไป IdeaPad 3 ก็ได้ เพิ่มอีกประมาณพันนึงครับ ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
วัสดุแข็งแรง น้ำหนัก 1.7Kg
ได้แรม 8GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


7.ASUS X515JA-EJ331W

10 อันดับ

10 อันดับโน๊ตบุ๊คราคาหมื่นนิดๆ แต่ได้เป็น Intel Core i3 Gen10 ได้แรงเพิ่มอีกนิด 2 core/ 4 thread ให้เร่งสปีดงานต่างๆ ได้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้งานทั่วไป และความบันเทิงภายในบ้าน จอใหญ่ 15.6″ Full-HD กับบอดี้ที่ทำออกมาได้ดี ตามสไตล์ ASUS แรมให้มา 4GB แต่อัพเกรดเพิ่มได้ภายหลัง SSD 512GB จัดเต็มมาให้แล้ว พอร์ต USB-C, HDMI มีให้ครบ คีย์บอร์ดฟอนต์ใหญ่ เห็นได้ชัดเจน มี Windows 11 Home มาพร้อมใช้ แบตอาจจะเล็กไปบ้าง น้ำหนักค่อนข้างเยอะหน่อย 1.7Kg แต่เรื่องสเปคและการอัพเกรดไม่ได้เป็นรองใคร รับประกัน 2 ปี ในราคาสบายกระเป๋า 12,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอใหญ่ ขอบจอบาง มีแรม 4GB
มีพอร์ตให้เยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


8.Infinix Book X2 I5 71008300113

10 อันดับ

Infinix Book เป็นโน๊ตบุ๊คที่เปิดตัวมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว กับความบางเบา ราคาเข้าถึงง่าย จุดแข็งที่บอดี้อะลูมิเนียมทั้งตัว สีสันสดใส พร้อมให้ Windows 11 มาด้วย นอกเหนือจากสเปค Intel Core i5-1035G1 พร้อมแรม 8GB และให้ SSD 512GB มาใช้งาน หน้าจอขนาด 14″ Full-HD พาแนล IPS คมชัด ขอบเขตสีกว้าง พอร์ตจัดวางให้ครบครัน รวม USB-C และ HDMI ที่สำคัญคือ คีย์บอร์ดกดง่าย มีไฟ Backlit แบตอึด หาตัวเทียบยากในราคาเดียวกัน รับประกัน 1 ปี น้ำหนัก 1.24Kg ใครที่ชอบความบางเบา พกพาง่าย บอดี้แกร่ง ไม่ควรพลาด ราคา 13,900 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรม 8GB
ซีพียู Intel Core i5

รายละเอียดเพิ่มเติม: Infinix


9.Lenovo IdeaPad Flex 5i

10 อันดับ

เข้ามาใน 10 อันดับ กับ Lenovo ที่มีโมเดลในตลาดเริ่มต้นค่อนข้างเยอะ เช่นเดียวกับรุ่นนี้ ที่ราคาจะสูงนิดนึง แต่ได้ลูกเล่นเพียบ เช่นการพับจอเป็นโหมดต่างๆ รองรับทัชสกรีน 14″ Full-HD พาแนล IPS คมชัด มุมมองกว้าง ซีพียู Intel Core i3 Gen 11 ให้แรม 4GB ออนบอร์ด แต่อัพเพิ่มไม่ได้ SSD 256GB มาตรฐาน กราฟิก Intel UHD Graphic ให้พอร์ตมาเยอะ USB-C และ HDMI แถมยังมีไฟคีย์บอร์ด มาอีกด้วย รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ บอดี้อะลูมิเนียม น้ำหนักตัวแค่ประมาณ 1.5Kg เท่านั้น ราคา 13,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอได้ 360 องศา ให้แรม 4GB
บอดี้แข็งแรง

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


10.HP 15s-fq5154TU

10 อันดับ

HP 15s รุ่นนี้ทำราคากับสเปคได้ดีน่าสนใจเข้ามาใน 10 อันดับโน๊ตบุ๊คนี้ ด้วยบอดี้ที่น่าจะถูกใจสายพรีเมียม เพราะดูเหมือนลายอลูมิเนียมปัดเสี้ยนมาสวยๆ หน้าจอ 15.6″ Full-HD มาให้ และใส่ซีพียู Intel Core i3-1215U รุ่นใหม่ แรง ประหยัดไฟ พร้อมแรม 8GB และ SSD 256GB กราฟิก Intel UHD มี Windows 11 Home พร้อมใช้ แบตจัดได้ว่ากลางๆ แต่ก็ใหญ่กว่าในหลายรุ่น พอร์ตมี USB-C พอให้ใช้กับ HDMI น้ำหนักตัว 1.69Kg ส่วนตัวถือว่าทำได้ค่อนข้างดี การรับประกัน 2 ปี ราคา 13,900 บาท แต่ซื้ออนไลน์ถูกลงอีก ใครชอบสไตล์นี้ จัดได้เลย ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
บอดี้แข็งแรง ดีไซน์สวย น้ำหนัก 1.69Kg
ให้แรม 8GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


Conclusion

Model Display CPU RAM Storage Graphic Weight Price
1.Acer Aspire 3 A314 14″ FHD Intel Pentium N6000 4GB 256GB Intel UHD 1.62Kg 8,990
2.IPASON MAXBOOK P2 15.6″ FHD Intel Celeron N5105 16GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 9,890
3.Lenovo IdeaPad 1 15.6″ FHD Intel Pentium N4020 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 9,990
4.HP 15s-eq1575AU 15.6″ FHD AMD Athlon Gold 3150U 8GB 256GB AMD Radeon 1.7Kg 11,390
5.ASUS Vivobook 15 15.6″ FHD Intel Pentium Gold 7505 4GB 512GB Intel UHD 1.8Kg 12,990
6.Lenovo V15 G3 15.6″ FHD AMD Ryzen 3 5425U 8GB 256GB AMD Radeon 1.7Kg 12,990
7.ASUS X515JA 15.6″ FHD Intel Core i3-1005G1 4GB 512GB Intel UHD 1.7Kg 12,990
8.Infinix Book X2 I5 14″ FHD Intel Core i5-1035G1 8GB 512GB Intel UHD 1.24Kg 13,900
9.Lenovo IdeaPad Flex 5i 14″ FHD Intel Core i3-1115G4 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 13,990
10.HP 15s 15.6″ FHD Intel Core i3-1215U 8GB 256GB Iris Xe 1.69Kg 13,900

10 อันดับโน๊ตบุ๊คในราคา 10000 บาท สเปคที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ ออกแบบมาเพื่องานพื้นฐาน เช่น งานเอกสาร ท่องเน็ตหรือความบันเทิงทั่วไป แต่ถ้าขับไปหมื่นต้นๆ มีตัวเลือกอย่าง Intel Core i3 หรือ i5 ให้ได้ใช้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณ เราขอสรุปกันแบบง่ายๆ ดังนี้ครับ

เน้นงบน้อยไม่ถึงหมื่นบาท มีทั้ง Acer และ IPASON และ Lenovo ซึ่ง IPASON ทำได้ดีทั้งสเปคและฟังก์ชั่น แต่ตอนนี้หาซื้อยากหน่อย

แต่ถ้าหมื่นต้นๆ ก็มี HP 15s, ASUS Vivobook และ Lenovo V15 ที่ส่วนใหญ่ให้แรมมากขึ้น และซีพียูที่แรงกว่า เช่น ซีพียู Core i และแรม 8GB เป็นต้น

ส่วนในกลุ่ม 13,900 บาท จะเป็นตัวสุดในราคานี้ มีทั้ง Infinix, HP15s และ Lenovo IdeaPad ซึ่ง Infinix ใส่ซีพียู Core i5 มาให้ แต่ Lenovo พับจอกับทัชสกรีนได้ แต่ HP 15s ได้ซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ ก็เรียกว่าวัดใจกันพอสมควรครับ ทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด ทั้ง 10 รุ่นที่เราเอามาแนะนำกันในวันนี้ครับ มีความคิดเห็นกันอย่างไร คอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/688656-10-value-notebook-10000-2023

Advertisement

เพิ่มความเร็ว โน๊ตบุ๊คเก่า 2023 เล่นเกมลื่น ใน 15 ขั้นตอน ฟรี! ยังไม่ต้องซื้อใหม่

เพิ่มความเร็วเล่นเกมลื่นใน 15 ขั้นตอน ให้โน๊ตบุ๊คเก่า ยังไม่ต้องซื้อใหม่ พร้อมใช้ในปี 2023

15 boost speed notebook 2023 1

เพิ่มความเร็ว เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าของคุณได้ เล่นเกมช้า เปิดโปรแกรมไม่ทันใจ อยากได้เครื่องใหม่ แต่งบก็มีจำกัด มีวิธีมาแนะนำ ทำให้เครื่องคุณเร็วขึ้นบน Windows 11 เวอร์ชั่นปี 2023 แบบฟรีๆ แค่ทำตามไม่กี่ขั้นตอน แล้วคุณจะแฮปปี้กับการเล่นเกมได้มากดีกว่าเดิม และยังให้ผลดีในระยะยาว สามารถทำซ้ำได้ ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดต ลด Process คืนพลังให้ซีพียู ลดการใช้แรม รวมถึงการตั้งค่ากราฟิก ทั้งบนกราฟิกบนซีพียู และการ์ดจอแยก เรามาดูกันครับว่า จะมีจะเพิ่มความเร็วอย่างไร มีขั้นตอนใดกันบ้าง และรายละเอียดเป็นอย่างไร ทำตามกันได้เลยครับ

เพิ่มความเร็ว โน๊ตบุ๊คเก่าให้เร็วขึ้น 15 ขั้นตอน

  1. ทำไมโน๊ตบุ๊คเก่าถึงทำงานช้าลง
  2. จัดการความร้อนให้อยู่หมัด
  3. ปิด Process ที่ไม่จำเป็น
  4. ปิดโปรแกรมใน Startup
  5. อย่าลืมอัพเดต
  6. Hardware-accelerated scheduling
  7. เปิดใช้ Game Mode
  8. ใช้ Storage Sense
  9. Optimize ระบบ
  10. ปิด Visual Effect บ้าง
  11. ตั้งค่า Image Quality
  12. Manage 3D settings
  13. ปิด FXAA
  14. Power settings
  15. Radeon Boost
  16. ทางเลือกอื่นๆ
  17. Conclusion

ทำไมโน๊ตบุ๊คเก่าถึงทำงานช้าลง

สิ่งที่ทำให้โน๊ตบุ๊คเก่า ทำงานได้ช้าลง กระตุก หรือมีความผิดปกติ มีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น ความร้อน ข้อมูลในไดรฟ์เยอะจนเต็ม ไม่ได้เคลียร์ไฟล์ขยะ ติดไวรัส มัลแวร์ ไปจนถึงความเสื่อมของชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในโน๊ตบุ๊ค ทุกสิ่งนี้มีโอกาสทำให้โน๊ตบุ๊คเก่าช้าลงได้ เรามาดูกันครับว่าเกิดจากอะไร และแก้ไขเพิ่มความเร็วอย่างไรได้บ้าง

Advertisementavw
เพิ่มความเร็ว

ความร้อน: มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เมื่อใช้โน๊ตบุ๊คไปนานๆ แล้วไม่ได้ทำความสะอาด จะเกิดฝุ่น สิ่งสกปรกเข้าไปเกาะอยู่บริเวณพัดลม ฮีตซิงก์ หรือบางครั้งก็อุดตันบริเวณช่องลมออก ทำให้ระบายลมร้อนได้ไม่ดี ความร้อนสะสม การแก้ไขลดความร้อน ก็ใช้วิธีแกะออกมาเป่า ปัดฝุ่น หรืออาจจะใช้ Clear Contact ร่วมด้วย สามารถทำเองได้ หรือจะส่งช่างซ่อมก็ได้เช่นกัน

เพิ่มความเร็ว

ไดรฟ์เต็ม ข้อมูลเยอะ: เป็นเรื่องปกติ เมื่อเก็บข้อมูลจนเยอะ บางครั้งเต็มฮาร์ดดิสก์หรือ SSD ก็ทำให้ระบบปฏิบัติการช้าลง การจัดเก็บข้อมูลไม่ปกติ ไปจนถึงระบบไม่มีพื้นที่ Swap file สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้คอมช้าทั้งสิ้น แก้ไขได้โดยย้ายไฟล์เอาไปสำรองไว้ในไดรฟ์อื่น ไม่ว่าจะนำไปไว้บน Cloud storage ที่มีให้บริการอยู่มากมาย หรือจะซื้อไดรฟ์ต่อภายนอก จะเป็น HDD หรือ SSD ก็ได้

ไม่ได้จัดการไฟล์ขยะ Temporary file: ไฟล์ขยะเหล่านี้ส่งผลทำให้ระบบช้าลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะโน๊ตบุ๊คเก่าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ ไม่เคย Scan หรือ Drfeagment หรือการ Clear temp ไฟล์เหล่านี้จะมีทั้งไฟล์ที่เรา Delete ทิ้ง และไฟล์ที่ค้างมาจากการติดตั้ง รวมถึงระบบเองก็ตาม วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ การใช้ Disk Cleanup ที่เป็นฟังก์ชั่นของ Windows ลบไฟล์ต่างๆ ให้เหลือพื้นที่ว่างมากขึ้น

ติดไวรัส มัลแวร์: จัดว่าเป็นอันตรายค่อนข้างมาก นอกเหนือจากการทำให้โน๊ตบุ๊คเก่าช้า เพราะคุณอาจถูกล้วงข้อมูล แฮกก์ไฟล์สำคัญ หรือเข้าถึงเมล์และการทำธุรกรรมการเงินของคุณได้เลย การแก้ไข ให้ใช้วิธีการสแกนเริ่มต้นจากการสแกนผ่านทาง Windows Security หรือติดตั้งโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ แล้วสแกนแบบละเอียด

เพิ่มความเร็ว

ความเสื่อมสภาพ: เป็นเรื่องที่อาจไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมของแต่ละบุคคล ความร้อนส่งผลอย่างมาก ต่ออายุการใช้งานของโน๊ตบุ๊คและแบตเตอรี่ หากโน๊ตบุ๊คเริ่มทำงานช้า ให้เช็คฮาร์ดแวร์แต่ละชิ้นร่วมด้วย เช่นแรม ฮาร์ดดิสก์หรือเมนบอร์ด และแบตเตอรี่ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้น และจะมีความเสียหายตามมาในภายหลัง


วิธีแก้ไขปัญหาและเพิ่มความเร็วโน๊ตบุ๊คเก่า

ในการเพิ่มความเร็ว และแก้ไขปัญหาโน๊ตบุ๊คเก่าทำงานช้า ให้สามารถเล่นเกมหรือทำงานได้ดีขึ้น อาจจะต้องใช้ขั้นตอนต่างๆ ร่วมกัน โดยมีวิธีการต่างๆ ดังนี้

1.จัดการความร้อนให้อยู่หมัด

เพิ่มความเร็ว

เรื่องนี้สำคัญนะครับ หากจะเพิ่มความเร็วโน๊ตบุ๊ค เพราะเมื่อความร้อนสูง ระบบจะดรอปการทำงานของซีพียูและ GPU ลง ทำให้ขณะที่คุณเล่นเกิดการกระตุก หรือถ้าร้อนจัด อาจค้างแฮงก์ได้เช่นกัน จึงควรจัดการความร้อนให้ดีที่สุด จะอยู่ในห้องแอร์หรือเพิ่ม Cooling Pad ก็ตามสะดวก แต่ถ้าให้ดี การทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คปีละ 2-3 ครั้งด้วยการปัดฝุ่น หรือเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ ก็เหมาะสม

ข้อดี ค่าใช้จ่าย
Cooling Pad ประหยัด ง่าย สะดวก ไม่แพงเริ่มหลักร้อย
ทำความสะอาด พัดลมทำงานดีขึ้น ลดความร้อน น้อย อาจซื้อแค่ของบางชิ้น แต่ต้องใช้ทักษะ
ทาซิลิโคนใหม่ ช่วยระบายความร้อน CPU และ GPU ดีมาก หากแกะไม่เป็นต้องจ่ายค่าช่าง หรือค่าซื้อซิลิโคนใหม่ หากทำเป็น

2.ปิด Process ที่ไม่จำเป็น

เพิ่มความเร็ว

เป็นวิธีที่ช่วยลดภาระในการทำงานของซีพียูและแรม จากการที่มีแอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมทำงานค้างอยู่ หรือทำงานอยู่เบื้องหลัง เมื่อปิดไปแล้ว ก็จะคืนแรมหรือซีพียูให้กลับมาทำงานได้ตามเดิม วิธีการทำ ให้เข้าไปที่ Task Manager > เช็คว่ามีสิ่งหรือโปรแกรมใดที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้งานในขณะนั้น ให้เลือกด้วยคลิ๊กขวา > แล้วเลือก End Task ก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ระดับหนึ่ง


3.ปิดโปรแกรมใน Startup

เพิ่มความเร็ว

หลายครั้งที่เราจะเห็นโปรแกรมที่เราไม่ได้ใช้ ทำงานอยู่ แม้ว่าเราจะปิดการทำงานของโปรแกรมไปแล้วก็ตาม และส่วนหนึ่งจะเปิดทำงานตั้งแต่ที่เราเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา ซึ่งสามารถเช็คได้จากหน้า Process วิธีการเข้าไปปิดการทำงานโปรแกรมเหล่านี้ ให้เข้าไปที่ Task Manager ด้วยการกดคีย์ลัด Ctrl+Shift+Esc > เลือกที่ Startup apps > เลือกดูในแถบ Name ว่ามีโปรแกรมใด ไม่จำเป็นต้องทำงาน ณ เวลานั้น หรือเปิดพร้อม Windows ให้คลิ๊กขวา แล้วเลือก Disable

ข้อควรระวัง การปิด Process ให้เช็คดูว่า สิ่งที่จะปิดนั้น เป็นระบบที่กำลังทำงานอยู่หรือไม่? เป็นไปได้เลือกปิดเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่คุณไม่ได้ใช้งานในช่วงเวลานั้นจะดีที่สุด


4.อย่าลืมอัพเดต

Update Windows & Driver เป็นเรื่องที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยมาโดยตลอด โดยเฉพาะเกมเมอร์ ที่ต้องการเพิ่มความเร็ว ไดรเวอร์สำคัญมากครับ ควรอัพเดตไดรเวอร์ให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ รวมถึงการ Update Windows ที่นอกจากจะทำให้ระบบทำงานได้ดีขึ้น ก็ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบอีกด้วย

เพิ่มความเร็ว

วิธีการอัพเดต Windows นั้น ให้เริ่มต้นดังนี้ คลิ๊กขวาปุ่ม Win > เลือกที่ Windows Update ด้านซ้าย แล้วเลือก Check Update > Install > เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยให้ Restart ระบบใหม่อีกครั้ง

เพิ่มความเร็ว

วิธีการ Update Driver มีด้วยกัน 2 แบบ

  1. ดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คแต่ละค่าย เช่น ASUS.com/support เป็นต้น
  2. เลือกดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ เช่น การ์ดจอ nVIDIA Driver หรือ AMD เมื่อได้ไฟล์ก็นำมาติดตั้งได้เลย

5.Hardware-accelerated scheduling

เพิ่มความเร็ว

การเปิดการทำงานของ Hardware-accelerated scheduling ที่อยู่บนระบบปฏิบัติการ Windows จะส่งผลทำให้การ์ดจอสามารถจัดการ VRAM ได้ด้วยตัวเองได้ โดยไม่ผ่านกระบวนการของระบบ ซึ่งเป็นผลดีต่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้เฟรมเรตเพิ่มสูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย และยังลดความหน่วงของภาพที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย สามารถใช้ร่วมกับ API ต่างๆ ได้มากมาย โดยวิธีเปิดใช้ ให้คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Display > ไปที่ Graphic > เลือกที่ Change Default Graphic settings > On-Hardware-accelerated scheduling จากนั้น Restart ระบบใหม่อีกครั้ง


6.เปิดใช้ Game Mode

เพิ่มความเร็ว

เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเล่นเกมได้ดีขึ้น กรณีที่ใช้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นเก่าๆ ให้เข้าไปที่หน้า System เลือกหัวข้อ Gaming ที่อยู่ทางด้านซ้าย > เลือกที่ Game Mode > ในหัวข้อ Game Mode ให้เปิดเป็น On


7.ใช้ Storage Sense

เพิ่มความเร็ว

ล้างไฟล์ขยะออกบ้าง หากต้องการให้โน๊ตบุ๊คเก่ากลับมาเร็วขึ้น เนื่องจากบางครั้งเราใช้งานเครื่องมานาน จนมีไฟล์จาก Cookie, Temp file, และไฟล์อื่นๆ ที่มาจากระบบ ทำให้เสียทรัพยากรบางส่วนไป ซึ่งมีผลกระทบในการทำงานและเล่นเกมอยู่ด้วย สามารถใช้วิธีเคลียร์ไฟล์ อัตโนมัติให้เลย  คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Windows > เลือก System > กดที่ System ด้านซ้ายมือ > เลือก Storage > Storage Management > เปิด Storage Sense ให้ On


8.Optimize ระบบ

เพิ่มความเร็ว

เป็นวิธีการเหมือนให้ Windows จัดการสิ่งต่างๆ ภายในระบบเบื้องต้นให้ เหมือนกับการ รีเฟรชระบบใหม่อีกครั้ง เข้าไปที่ File Explorer > เลือกไดรฟ์ C ที่ใช้ติดตั้งระบบ > คลิ๊กขวาบนไดรฟ์ C > เลือก Properties > Tools > ไปที่ Optimize Drives > กรณีที่ใช้ SSD ให้เข้ามาตั้งค่าตรง Change settings > เอาเครื่องหมายหน้า Run on a schedule ออกก่อนครับ แต่ถ้าใช้ HDD ให้ On เอาไว้ > จากนั้นกดปุ่ม Optimize รอจนกระบวนการเสร็จสิ้น

หากคุณใช้ SSD ในระบบ ไม่ควรเปิดการทำงาน Defragment เอาไว้ เพราะจะทำให้ SSD ถูกใช้งานโดยไม่จำเป็น ให้เลือกเปิดเฉพาะไดรฟ์ที่เป็น HDD เท่านั้น


9.ปิด Visual Effect บ้าง

เพิ่มความเร็ว

การเพิ่มความเร็วให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Personalize > เลือก Accessibility ทางด้านซ้าย > เลือก Visual ที่อยู่ด้านขวา > Transparency effects-Off และ Animation effectss-Off เช่นเดียวกัน ผลที่ได้ระบบจะลดภาระในการสร้างกราฟิกและเอฟเฟกต์ต่างๆ ลง การเปิดหน้าต่าง เลื่อน ย้าย จะไม่สมูทลื่นไหล รวมถึงเอฟเฟกต์โปร่งแสงจะหายไป แต่ได้ Process ที่ดีกลับมา ทำให้เครื่องลื่นขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็ว แต่ความสวยงามลดลง เอาไว้กรณีที่อยากเล่นเกมให้ดีขึ้น แล้วกลับมา On ใหม่อีกครั้งก็ได้

การลด Visual Effect ทำให้ระบบลื่นขึ้น แต่เอฟเฟกต์และความสวยงามของระบบลดลง ซึ่งสามารถเปิดการทำงานในภายหลังได้


10.ตั้งค่า Image Quality ในไดรเวอร์ nVIDIA

เพิ่มความเร็ว

ใครที่ใช้การ์ดจอ nVIDIA ให้เข้ามาตั้งค่าการแสดงผล ที่ช่วยให้การเล่นเกมดีขึ้นอีกนิด เริ่มต้นให้คลิ๊กขวาที่หน้าเดสก์ทอป > เลือก nVIDIA Control Panel > ในหน้า Adjust Image Settings with Preview > ลงมาด้านล่างใต้โลโก้ที่หมุนๆ ให้ใส่เครื่องหมายหน้า Use my preference emphasizing: … (ตรงนี้ให้เลือก Performance) จากนั้น Save แล้ว Restart


11.Manage 3D settings

เพิ่มความเร็ว

จากหน้าของไดรเวอร์ nVIDIA ให้เข้ามาที่หัวข้อ Manage 3D settings ที่อยู่ซ้ายมือ > หัวข้อ Prefered graphic performance > เลือกเป็น High-Performance nVIDIA processor (ในกรณีที่เสียบสายชาร์จอยู่แล้ว เน้นประสิทธิภาพ) > หัวข้อ Settings >  Power management mode > เลือก Prefer maximum performance


12.ปิด FXAA

เพิ่มความเร็ว

ส่วนใหญ่การตั้งค่าความสวยงามของภาพและ Detail จะเข้าไปตั้งกันใน Game แต่เราสามารถกำหนดค่าเบื้องต้นได้เช่นกัน รวมถึงการปิด FXAA ก็ช่วยให้การเล่นเกมได้ดีขึ้น เพราะลดภาระของ GPU ลง กรณีที่ใช้กราฟิกตัวไม่แรง และไม่ได้เน้นความสวยหรู ภาพเนียนกริ๊บ โหมดนี้ช่วยได้เยอะ จากในหน้าไดรเวอร์เดิม หัวข้อ settings > เลื่อนลงมาที่ Antialiasing – FXAA เลือก Off > Antialiasing – Mode เลือก Off


13.Power settings

เพิ่มความเร็ว

เป็นการตั้งค่าของการใช้โหมดพลังงานโน๊ตบุ๊ค โดยปกติจะมีให้เลือกคือ Best Performance, Balance และ Power saving ซึ่งแต่ละโหมดจะมีผลต่อประสิทธิภาพของระบบ เพราะระบบจะทำงานให้เหมาะกับโหมดที่เลือกนั่นเอง หากจะเล่นเกมหรือทำงานจริงจังแล้ว ก็แนะนำให้ปรับเป็น Best Performance คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Personalize > Lock screen > Screen timeout > เข้าไปที่้ Power & Battery > หัวข้อ Power เลือก Power mode > เลือกที่ Best Performance

เมื่อเลือกเป็น Best Performance อย่าลืมเสียบปลั๊กโน๊ตบุ๊ค เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเล่นเกม


14.Radeon Boost

เพิ่มความเร็ว

ในกรณีที่คุณใช้การ์ดจอ AMD Radeon ก็สามารถใช้ประโยชน์จากไดรเวอร์ AMD Adrenalin ได้เลย กับการปรับค่าง่ายๆ เมื่อเข้ามาที่หน้าโปรแกรมแล้ว > ในหัวข้อ Graphic > ให้เลือกที่ Radeon Boost > ให้เปิดใช้งานเป็น Enable เป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้อีกทางหนึ่ง

15.การอัพเกรด

เพิ่มความเร็ว

นอกจากขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีในการเพิ่มความเร็ว ทำให้โน๊ตบุ๊คเก่าของคุณกลับมาทำงานได้ดีกว่าเดิม เพิ่มความเร็วได้มากขึ้น อย่างเช่น การอัพเกรด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแรม ในกรณีที่โน๊ตบุ๊คเหล่านั้นมีสล็อตให้เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแรมตัวยเดิมได้ วิธีนี้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อย หรือการเปลี่ยนจาก HDD มาเป็น SSD ตรงนี้จะเห็นผลค่อนข้างเยอะทีเดียว และทำได้ไม่ยาก เพราะอย่างน้อยๆ โน๊ตบุ๊คย้อนหลังไป 5-6 ปี ต้องมีพอร์ต SSD ที่เดิมอาจจะใช้อยู่กับ HDD 2.5″ ในแบบ SATA การเปลี่ยนเป็น SSD SATAIII ก็ทำให้ความเร็วเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟล์ เปิดโปรแกรม หรือการถ่ายโอนข้อมูลก็ตาม และวิธีสุดท้าย ก็คือการโอเวอร์คล็อกการ์ดจอ หากคุณใช้การ์ดจอแยกบนเครื่องอยู่แล้ว ก็สามารถลองใช้งานโปรแกรม MSI Afterburner ดูได้ ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมของคุณดีขึ้นบ้าง

เลือก SSD รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี?

SSD 2022 Cov1

Conclusion

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีในการเพิ่มความเร็วโน๊ตบุ๊คเก่าในปี 2023 นี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม แนะนำว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอแยก จะได้ผลดียิ่งขึ้น แต่อาจจะไม่ได้ส่งผลให้เฟรมเรตเพิ่มมากขึ้นมากมาย แต่ก็ช่วยให้การเล่นเกมมีความไหลลื่นกว่าเดิม รวมถึงการทำงานในหลายด้าน โดยเฉพาะกับไฟล์ขนาดใหญ่ หรือจัดการกับไฟล์ที่มีจำนวนมาก เช่นเดียวกับการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อการท่องอินเทอร์เน็ตหรืองานออนไลน์ ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย เพราะลด Process ในหลายส่วนลง และมีการนำแรมและซีพียูกลับมาใช้ได้มากขึ้น แต่ในกรณีที่ปรับแต่งหลายส่วนไปแล้ว อาจจะยังดีขึ้นไม่ถึงแบบที่น่าพอใจ ในขั้นตอนที่ 15 หรือว่าการอัพเกรดช่วยแก้ไขสิ่งต่างๆ จะเป็นตัวช่วยที่ดี แม้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่ให้ผลที่คุ้มค่า เช่นการเพิ่มแรมหรือเปลี่ยนเป็น SSD เป็นต้น

from:https://notebookspec.com/web/687861-15-step-increase-speed-notebook-2023

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค 2023 คอมช้า ไม่ทันใจ ใส่แรมใหม่ เลือกอย่างไร แบบไหนดี คุ้ม!

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค ไม่ต้องซื้อคอมใหม่ 2023 อัพเกรดง่าย เร็ว ทำเองได้ เลือกแบบไหน ดูอย่างไร ไปชม!

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทำได้ง่ายขึ้น และเป็นวิธีที่ทำให้ระบบมีความเร็วเพิ่มขึ้นได้ ยิ่งในปัจจุบันแรมรุ่นใหม่ๆ อย่าง DDR5 ก็เริ่มมีมาให้ใช้งานกันบ้างแล้ว ความแรงเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น อย่างไรก็ดีใครที่ใช้โน๊ตบุ๊ครุ่นเก่า หรือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ใช้เริ่มช้า อาจจะยังไม่ต้องซื้อใหม่ เพราะบางครั้งแค่อัพเกรดแรม ก็ทำงานลื่นขึ้นแล้ว แต่การอัพเกรดก็ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจ ว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้รองรับการอัพเกรดแรมหรือไม่ ใช้แรมแบบใด มีสล็อตเพิ่มมาให้หรือไม่ และใส่ความจุสูงสุดได้เท่าไร? สิ่งเหล่านี้ผู้ใช้อาจจะต้องทราบก่อนที่จะไปซื้อแรมมาเพิ่มนั่นเอง จะได้ไม่เสียเวลา เสียเงินไปเปล่าๆ และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า โน๊ตบุุ๊คที่ใช้อยู่ น่าจะได้เวลาอัพเกรดแรมแล้ว ไปดูกันว่าเราจะต้องสังเกต ตรวจเช็คอย่างไร

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค 2023 ง่าย สะดวก เร็วขึ้น


รู้จักกันแรมโน๊ตบุ๊ค

การเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค สังเกตได้ชัดเจนกว่าแรมของพีซี เพราะฉะนั้นการซื้อมาใช้หรืออัพเกรด ต้องดูให้แน่ใจ ตามสัดส่วนที่เห็นง่ายๆ แบบนี้ ระหว่างแรม DIMM สำหรับพีซี และ SO-DIMM สำหรับโน๊ตบุ๊ค โดยด้านบนสุดจะเป็นแรม SO-DIMM ส่วนด้านล่าง จะเป็นแรม DDR4 และ DDR5 ของพีซี สังเกตไม่ยากครับ

Advertisementavw
เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

สำหรับในตลาดแรม DDR นอกจากเราจะเห็นคำว่า SO-DIMM ที่เป็นแรมแบบสั้นๆ เล็กกว่าแรมของพีซี ซึ่งจะออกแบบมาเพื่อแพลตฟอร์มของ Mobile หรือโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ รวมถึงติดตั้งอยู่ใน Mini PC บางรุ่น ก็จะยังมีคำว่า LPDDR เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย โดยจะระบุอยู่บนแรม สเปคแรม และบนโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น สิ่งนี้หมายถึง แรมประหยัดพลังงาน หรือ Low Power Consumption ใช้พลังงานน้อยกว่าแรม DDR ปกติ ตัวอย่างเช่น แรม DDR4 มีแรงดันไฟ 1.2V แต่ LPDDR4 จะอยู่ที่ 1.1V เท่านั้น และยังมีแรมรุ่นใหม่อย่าง LPDDR4X ที่ลดการใช้พลังงานลงไปอีก เหลือเพียง 0.6V เท่านั้น ดังนั้นแล้วใครที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการใช้พลังงาน หรือต้องการโน๊ตบุ๊คที่มีระดับการจัดการพลังงานมากขึ้น ก็อาจจะต้องมอง รุ่นที่ใช้แรมใหม่ๆ เช่นนี้ เอาไว้ด้วยเช่นกัน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค
source: techcenturion.com

LPDDR/ LPDDRX: แรมทั้ง 2 รูปแบบนี้ มาจากพื้นฐานเดียวกัน และใช้ร่วมกันได้ แต่จะต่างกันเล็กน้อยนั่นคือ แรงดันไฟที่ LPDDRX จะใช้น้อยกว่า รวมถึงมีสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่านั่นเอง ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้บนโน๊ตบุ๊คบางเบา พรีเมียมโน๊ตบุ๊คและไลฟ์สไตล์ เช่น ASUS Zenbook 14 Duo, MSI Prestige 14 หรือ Lenovo ThinkBook, Ypga slim เป็นต้น

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

DDR: สำหรับแรมประเภทนี้จะเน้นที่ Performance เป็นหลัก และเรื่องการใช้พลังงานเป็นเรื่องรอง ทำให้เรามักเห็นแรมประเภทนี้บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค นอกจากนี้แรม DDR ในแง่ของการผลิต ยังราคาถูกกว่า LPDDR ที่มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูง และสิ่งที่แตกต่างเป็นสำคัญเลยคือ LPDDRX จะไม่สามารถอัพเกรดได้ ซึ่งจะใช้การติดตั้งลงบนบอร์ดโดยตรง หรือที่รู้จักกันว่าแรมออนบอร์ด แต่ถ้าเป็น DDR ส่วนใหญ่จะถอดเปลี่ยน และอัพเกรดได้

การสนับสนุนขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดของโน๊ตบุ๊คในแต่ละรุ่น ว่าถูกออกแบบมาให้ใช้งานในลักษณะใด ตรงนี้ต้องว่ากันแต่ละรุ่นและซีรีส์ เพราะบางครั้งซีรีส์เดียวกัน แต่แยกออกไปหลายรุ่น หลายโมเดล ก็อาจจะใช้แรมที่ไม่เหมือนกัน บางครั้งเป็นแบบออนบอร์ดอย่างเดียว แต่บางทีก็มีออนบอร์ด รวมถึงมีสล็อตในการอัพเกรดได้

เช็คราคาแรมโน๊ตบุ๊ค 2023

Model Capacity Price
PNY DDR4 3200 8GB 975 บาท
Corsair Vengeance DDR4 3200 8GB 1090 บาท
ADATA DDR4 3200 16GB 1,850 บาท
TEAM TForce DDR4 3200 16GB 1,890 บาท
Kingston Value DDR4 3200 16GB 2,110 บาท
HyperX FURY IMPACT DDR4 3200 32GB 3,915 บาท
G.Skill RIPJAWS DDR5 4800 16GB 3,425 บาท
Corsair Vengeance DDR5 4800 32GB 8340 บาท
source: price 4/2/2023

แรมออนบอร์ด

อย่างที่ได้กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้านี้กับแรมออนบอร์ด หรือที่ติดตั้งในแบบบัดกรีติดกับเมนบอร์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น LPDDR แรมในรูปแบบนี้ จะมาพร้อมเครื่อง และมักจะไม่ได้ให้สล็อตสำหรับการอัพเกรดมาด้วย จะเป็นการกำหนดรุ่นให้ผู้ใช้ได้เลือก เช่น 8GB หรือ 16GB อย่างเช่นใน ASUS Zenbook หรือ Vivobook ในหลายๆ รุ่น ส่วนหนึ่ง ก็เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความเหมาะสมกับงาน และราคาที่ต้องการ

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

อย่างไรก็ดียังมีโน๊ตบุ๊คในกลุ่มใกล้เคียงกันที่รองรับการอัพเกรด แม้ว่าจะมีแรมแบบออนบอร์ดติดตั้งมาด้วย เช่น Lenovo IdeaPad หรือ Yoga Slim บางรุ่น รวมถึง ASUS Zephyrus G14 เป็นต้น จะเห็นได้ว่าคาแรคเตอร์ของโน๊ตบุ๊คที่มีออนบอร์ด และสล็อตแรมส่วนใหญ่ อาจไม่ได้จำเพาะเจาะจง แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดกระทัดรัด บาง และเน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก

แต่ถ้าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มักจะใช้เป็นแรม DDR ไม่ว่าจะเป็น DDR4 หรือ DDR5 ในแบบ SO-DIMM ปกติ ก็จะไม่ค่อยเห็นเป็นแบบออนบอร์ดมากนัก แต่ก็พอมีอยู่บ้าง เช่น ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ให้แรมออนบอร์ดมาแล้ว 16GB และมีสล็อตว่าง สำหรับการอัพเกรดเพิ่มนั่นเอง


เมื่อไรต้องเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค?

การเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค หรืออัพเกรดแรม ช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้ลื่นไหลมากขึ้น เช่นเดียวกับบนพีซี แต่เราจะสังเกตโน๊ตบุ๊คที่ใช้อย่างไร ว่าจำเป็นจะต้องเพิ่มแรมให้มากขึ้น

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เครื่องใช้เริ่มทำงานช้าลง อาจจะเปิดแอพพลิเคชั่นเดิม แต่ขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้น ทำให้พื้นที่การ Swap file ต้องไปอาศัย Storage อย่างฮาร์ดดิสก์หรือ SSD การเพิ่มแรมมีส่วนช่วยได้

เปิดเว็บเบราว์เซอร์หลายหน้าต่างหรือหลายแท็ปบ่อย กับการทำงานในแบบมัลติทาส์ก คือทำหลายงานพร้อมกัน เช่น ดูหุ้น ทำเอกสาร ดูสตรีมมิ่งและการเปิดหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ก็จำเป็นต้องใช้แรมจำนวนมากเช่นกัน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

การเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือทำงานร่วมกับไฟล์จำนวนมาก ทำได้ช้า ใช้เวลานาน หรือมีอาการสะดุด แรมก็มีส่วนในการทำงานอยู่ด้วย

รวมไปถึงการเล่นเกม ที่บางเกมก็ต้องการแรมจำนวนมาก มาใช้ในการขับเคลื่อนข้อมูลเพื่อการประมวลผล แม้จะมี VRAM บนการ์ดจอก็ตาม แต่ก็มีความสำคัญในคนละส่วน ซึ่งการอัพเกรด มีส่วนช่วยให้การเล่นเกมไหลลื่นขึ้น และมีผลต่อเฟรมเรตที่ดีขึ้นในบางโอกาสอีกด้วย


โน๊ตบุ๊คที่ใช้ อัพเกรดได้มั้ย ดูอย่างไร?

วิธีการสังเกตว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่นั้น สามารถอัพเกรดแรม หรือเพิ่มแรมได้หรือไม่ มีด้วยกันหลายวิธี ว่ากันตั้งแต่

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

ดูข้อมูลจากเว็บไซต์ผู้ผลิต: ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นวิธีการในเบื้องต้น ที่พอจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเช็คได้ว่า ต้องใช้แรมแบบใด และมีสล็อตสำหรับการอัพเกรดหรือไม่ โดยค้นหารุ่นและซีรีส์จากในเว็บไซต์ได้เลย หรืออย่างน้อยให้ทราบรุ่น และรหัสที่แน่นอน เช่น ExpertBook B5 Flip (B5302F) ในวงเล็บที่ต่อท้ายนี้ ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อทราบแล้ว การค้นหามักจะไม่ผิดรุ่น ยกเว้นว่าจะไม่ได้มีบอกไว้ใน Specification ของรุ่นนั้นๆ ตัวอย่าง จากภาพด้านบนนี้ ทั้งจาก MSI, ASUS และ HP ครับ

ติดตั้งซอฟต์แแวร์ยูทิลิตี้: ถือว่าพอช่วยได้ในระดับหนึ่ง สำหรับโน๊ตบุ๊คที่เป็นแบบมีสล็อตมาให้ภายใน แต่บางครั้งก็ไม่อาจจะตรวจได้ครบถ้วน ยิ่งมีแรมแบบออนบอร์ด บางครั้งก็ตรวจพบมากกว่า 2 สล็อตอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้การตรวจเช็คสับสนอยู่พอสมควร ซอฟต์แวร์แนะนำว่าให้ดูแบบคร่าวๆ สำหร้บเช็คความจุแรม และสเปคของแรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องจะแม่นยำกว่า

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

ใช้บริการตรวจเช็คจากเว็บไซต์: ข้อนี้เป็นวิธีที่ง่าย เหมือนกับการเข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซต์ผู้ผลิต จะต่างกันอยู่บ้างตรงที่ จะอำนวยความสะดวกในการตรวจเช็คให้ คล้ายกับการที่คุณใช้ระบบการค้นหาไดรเวอร์การ์ดจอ ที่จะมีระบบตรวจเช็คสเปคเครื่องให้ แล้วแจ้งว่า คุณมีสเปคอะไรบ้าง และต้องใช้ไดรเวอร์ตัวไหน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เพียงแต่ระบบตรวจเช็คแรมนี้ จะตรวจว่าในระบบของคุณมีแรมกี่สล็อต และติดตั้งแรมอะไรไปแล้วบ้าง รวมถึงมีสล็อตเหลือมั้ย อัพเกรดเพิ่มได้หรือเปล่า โดยที่คุณแค่หาแรมมาเพิ่มตามที่ระบบแจ้งเอาไว้เท่านั้น ตัวอย่างระบบนี้อย่างเช่น เว็บไซต์ของทาง Crucial ที่จะมี Scan my laptop หรือ Lookup my laptop ในการสแกนเพื่อค้นหาการใช้งานแรมในระบบ ตามตัวอย่างที่อยู่ด้านบนนี้ เป็นอีกวิธีที่ง่ายมากๆ และอยากจะแนะนำ จากการที่ได้ทดสอบใช้งาน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แกะเครื่องเปิดดู: เป็นแบบที่ชัดเจนที่สุด เพราะคุณสามารถเห็นฮาร์ดแวร์ได้ชัดเจนว่า โน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่นั้น รองรับการเพิ่มแรมได้หรือไม่ แต่การแกะฝาหลังโน๊ตบุ๊คบางครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางรุ่นออกแบบมาอย่างแน่นหนา เรียกว่าแกะแทบไม่ได้เลย ถ้าไม่มีเครื่องมือที่ดีพอ แต่บางรุ่นก็แกะได้ง่าย เรียกว่าไขควง 4 แฉกตัวเดียว และบัตรพลาสติก ที่ใช้ในการแกะขอบด้านข้างเท่านั้น ก็สามารถถอดฝาหลังได้อย่างง่ายดาย

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แต่สิ่งสำคัญก็คือ การจะจับแตะต้องชิ้นส่วนที่อยู่ภายในโน๊ตบุ๊คนั้น ต้องให้แน่ใจว่า มือเราไม่มีไฟฟ้าสถิตย์ ที่อาจเกิดอันตรายต่อชิ้นส่วน และเสียหาย ดังนั้นเป็นไปได้ หากจะให้เกิดความปลอดภัย ควรมีถุงมือกันไฟฟ้าสถิตย์ หรือถอดขั้วต่อจากแบตเตอรี่มาที่ตัวเมนบอร์ดออกก่อน จากนั้นจึงแกะหรือติดตั้งแรมใหม่เข้าไป

การแกะเครื่องด้วยตัวเอง ควรศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนลงมือ ทั้งวิธีการ และการรับประกัน ให้มั่นใจว่าสามารถแกะได้ โดยไม่เสียการประกัน และไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งหลายครั้งจะไม่สามารถเคลมได้ โปรดหลีกเลี่ยงโดยไม่จำเป็น

ดูจากเว็บไซต์รีวิว: ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำ เพราะคุณจะสามารถทำตามขั้นตอนได้ รวมถึงเหล่านักรีวิว ก็จะบอกถึงรายละเอียดของแรม ให้คุณไปซื้อได้อย่างถูกต้อง รุ่นหรือซีรีส์ที่ใกล้กัน ก็พอที่จะใช้วิธีการเดียวกันได้ ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าจะไปดูที่ไหนดี หรือดูต่างประเทศ ก็กลัวว่าซีรีส์เดียวกัน แต่คนละโมเดล ก็ดูจากรีวิวเมืองไทยก็ได้ครับ อย่างทีมงาน Notebookspec ก็มีแกะให้ได้ชมกันไปแล้วหลายร้อยรุ่น น่าจะพอเป็นข้อมูลในการอัพเกรดแรมของคุณได้พอสมควร


แรม Single channel vs Dual channel

หลายคนที่ไม่ค่อยได้ใช้คอมบ่อย หรืออาจจะมีโน๊ตบุ๊คตัวแรก อาจไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับแรม Single channel และ Dual channel มากนัก ซึ่งตรงนี้อธิบายในเบื้องต้นว่า Dual channel เป็นรูปแบบการทำงานของแรม 2 ชุดเข้าด้วยกัน ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่าการทำงานแบบ Single channel เพียงแต่ว่าการจะใช้งานแรมแบบ Dual นี้ ก็มีเงื่อนไขในการทำงานเช่นกัน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เงื่อนไขที่เป็นเรื่องพื้นฐาน คือ การติดตั้งแรม 2 ตัว เข้าด้วยกัน แม้จะเป็นแรมต่างความเร็ว หรือความจุไม่เท่ากันก็ได้ ติดตั้งด้วยกัน 2 แถว 2 สล็อต หรือจะเป็นแรมบนเมนบอร์ด หรือที่เรียกว่าออนบอร์ด คู่กับแรมบนสล็อต ก็สามารถใช้งาน Dual channel ได้เหมือนกัน

แต่ในกรณีที่เป็นแรม 16GB ที่ฝังมาบนเมนบอร์ดนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตด้วย ว่าจัดวางมาในรูปแบบใด เพราะบางครั้งเป็น DRAM 16GB เม็ดเดียว ก็อาจจะไม่ได้ทำงานแบบ Dual channel แต่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในเคสนี้ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มีขนาดบาง และมีสล็อตมาให้อัพเกรด ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการวางเม็ดแรม บางรุ่นมาในแบบ 4GB x4 อีกด้วย ดังนั้นต้องว่ากันที่การผลิตและรูปแบบการจัดวางในแต่ละรุ่น


แรมไม่เหมือนกันใส่ด้วยกันได้มั้ย?

บางท่านอาจจะสงสัย แรมแบบ DDR3/ DDR4/ DDR5 เหล่านี้ จะสามารถติดตั้งบนสล็อตร่วมกันได้หรือไม่ เพราะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่มาเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค DDR5 แต่มีแรมจากโน๊ตบุ๊คตัวเก่าเป็น DDR4 16GB น่าจะเอามาใช้ร่วมกัน จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค
source: Crucial

ขอแจ้งเอาไว้ดังนี้เลยครับว่า ไม่สามารถใช้แรมต่างชนิด ต่างแบบร่วมกันได้ครับ อ้างอิงจากแรมค่าย Crucial ระหว่าง DDR5 จะเป็นขาแบบ 262-pins ส่วน DDR4 จะเป็นแบบ 260-pins แม้จะใกล้กันมาก แต่ก็ไม่สามารถติดตั้งลงบนสล็อตเดียวกันได้ แบบเดียวกับแรมบนพีซี แม้ว่าแรม DDR5 และ DDR4 จะใช้ DIMM 288-pins เช่นเดียวกัน แต่ด้วยตัวบาก (Notch) ไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถติดตั้งบนสล็อตเดียวกันได้ เพราะฉะนั้นอย่าฝืน หรืออย่าบังคับใส่ลงไป เพราะอาจทำให้บอร์ดและสล็อตเสียหายได้


ขั้นตอนการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

สุดท้ายเป็นเรื่องของการติดตั้งแรมลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากที่คุณได้แกะฝาหลังออกมาแล้ว รวมถึงเลือกแรมที่ใช้ร่วมกันให้พร้อม เสร็จแล้วก็ไปลุยกันเลย

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เตรียมแรมให้พ้อมสำหรับการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค โดยแนะนำเลยครับว่า ถ้ามีถุงมือให้ใส่ ก็ใส่เพื่อความปลอดภัยของตัวแรม และการติดตั้ง

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

จากนั้นดูสล็อตที่เป็นช่องอัพเกรดแรมให้ตรงกับแรม โดยยึดเอาตัวบากหรือ Notch ที่เป็นร่องตรงกลางให้ตรงกันกับแรมที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แล้วถ้าไม่มีแรมบนสล็อตนั้นล่ะ? ให้ลองวางตัวแรมลงบนสล็อต เพื่อวัดระยะก่อนว่า Notch นั้นตรงกันกับสล็อต จากนั้นเอียงแรมแบบในภาพ แล้วใส่ลงไปบนสล็อตแบบเอียงๆ นั้น จากนั้นกดแรมให้อยู่ในแนวราบเบาๆ จนกว่าจะได้ยินเสียงคลิ๊ก ที่หมายถึงล็อคตัวแรมลงบนสล็อตเป็นที่เรียบร้อย ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น

แต่ก่อนจะปิดฝาหลังของโน๊ตบุ๊คเพื่อจบงาน อย่าลืมตรวจเช็คด้วยการลองบูตเครื่อง เพื่อดูว่าสามารถเข้าระบบได้ตามปกติหรือไม่ หากติดปัญหา ไม่บูต ให้ลองแกะแรมออกมาอีกครั้ง แล้วติดตั้งกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง


แรมครบมั้ย

เมื่อติดตั้งแรมเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมเช็คความเรียบร้อย ดูว่าระบบตรวจเช็คแรมได้ครบหรือไม่ หากคุณมีอยู่ 8GB แล้วเพิ่มไปอีก 8GB ก็ควรจะเป็น 16GB แต่ถ้าเช็คแล้วยังเป็น 8GB อยู่ ก็น่าจะมีอะไรผิดพลาด ด้วยวิธีการเช็คแบบง่ายๆ ดังนี้

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

Task Manager วิธีนี้ค่อนข้างสะดวก ด้วยการกดปุ่ม Ctrl+Shift+Esc พร้อมกัน เพื่อเข้าไปใน Task Manager จากนั้นไปที่แท็ป Performance แล้วคลิ๊กที่ Memory ดูที่หน้าต่างด้านขวา จะเห็นความจุของแรมปรากฏขึ้น ให้ดูที่ตัวเลขที่อยู่มุมบนขวามือ จะบอกตัวเลขความจุทั้งหมดให้เราทราบ จากตัวอย่างนี้ เป็นแรม 4GB + ติดตั้งเพิ่ม 8GB รวมเป็น 12GB เห็นครบแบบนี้ก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะสิ่งที่ต้องทำต่อไปนั้น คือการทดสอบเสถียรภาพ


อาการผิดปกติหลังเพิ่มแรม

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

ความผิดปกติ หลังจากการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ และผู้ใช้อาจจะต้องสังเกตอาการที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เรามาดูว่าอาการเกี่ยวกับแรมที่อาจเกิดขึ้นได้มีสิ่งใดบ้าง และจะต้องแก้ไขอย่างไร?

โน๊ตบุ๊คค้าง ไม่เข้าระบบ: หรือโน๊ตบุ๊คเปิดไม่ติด ให้ลองเปิดฝาหลังโน๊ตบุ๊ค แล้วติดตั้งแรมที่เพิ่งใส่เข้าไปใหม่ เพียงแถวเดียว และบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพราะอาจเป็นไปได้ว่า แรมไม่เข้ากับแรมเก่าที่ใช้งานอยู่ จากนั้นอาจจะต้องเช็คบัสของแรมอีกครั้ง และแจ้งเปลี่ยนกับร้านค้าที่จำหน่ายแรม

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แต่ถ้าไม่มีแรมอื่นใด ติดตั้งอยู่เลย การติดตั้งแรมใหม่ ไม่สามารถบูตเข้าระบบได้ หากมี 2 สล็อต ให้ลองสลับเปลี่ยนสล็อตอีกอัน เพื่อดูอาการ ส่วนถ้ามีแรมออนบอร์ด และใส่แรมใหม่เข้าไป แต่ไม่บูต ก็เป็นไปได้ว่าแรมใช้ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งเจอได้น้อยมาก

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

จอฟ้า BSOD: หากเป็นจอฟ้าบ่อย ให้ลองติดตั้งแรมอีกครั้ง เพราะอาจเกิดจากการติดตั้งไม่แน่น หรือเอียง จนไม่เข้าล็อคตามปกติ ขยับแรมออกมาใหม่ อาจช่วยได้

รีสตาร์ทบ่อย: ให้เช็คว่า ก่อนหน้านี้โน๊ตบุ๊คมีอาการผิดปกติดังกล่าวนี้มั้ย ถ้าไม่เคยมี และเป็นหลังจากการติดตั้งแรม ให้ลองรีบูตใหม่ และลองอัพเดตวินโดว์และไดรเวอร์ชิปเซ็ตเมนบอร์ดอีกครั้ง ด้วยการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ผู้ผลิต หากยังเป็นอยู่ให้นำแรมและโน๊ตบุ๊คให้ร้านค้าดู เพื่อทำการเปลี่ยนต่อไป


Conclusion

สุดท้ายนี้ ในการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค การติดตั้งและการใช้งาน ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับการขั้นตอนการตรวจเช็ค หรือหาข้อมูลว่าโน๊ตบุ๊ครองรับการติดตั้งแรมเพิ่มได้มั้ย หรือใช้งานกับแรมแบบใด เพราะบางครั้งอาจถึงขั้นที่ต้องแกะโน๊ตบุ๊คออกมาดูกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีครับ การเพิ่มแรม ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนลงแรง เนื่องจากค่าใช้จ่ายไม่สูง หากสังเกตจากราคาจะเห็นว่า เพิ่มแรม DDR4 8GB ยังไม่ถึงพันบาท แต่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการทำงานแบบ Dual channel เมื่อใช้ร่วมกับแรมเดิมที่มีอยู่ และคุณยังสามารถทำเองได้ ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ที่บ้าน แต่ก็แนะนำว่าให้ลองสอบถามร้านจำหน่าย ว่ามีผลต่อการรับประกันด้วยหรือไม่ ในกรณีที่เป็นโน๊ตบุ๊คซึ่งอยู่ในระยะประกัน แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ก็แนะนำว่าให้ไปร้านที่จำหน่ายโน๊ตบุ๊คใกล้บ้าน ขอคำแนะนำ ซื้อแรมและอัพเกรดโดยช่างที่ชำนาญในร้าน ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจครับ อุ่นใจและมั่นใจได้

from:https://notebookspec.com/web/685571-upgrade-ram-notebook-2023

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น เริ่มไม่ถึง 30,000 ปี 2023 เล่นเกมใหม่ เฟรมเรตลื่น

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่นเด็ด เริ่ม 29,900 การ์ดจอแรง จอใหญ่ เล่นเกมลื่น อัพเกรดได้

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น ต้นปี 2023 ครั้งนี้จัดมาให้สำหรับคอเกม ที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมใหม่ๆ ในปีนี้ กับราคาในระดับที่จ่ายง่าย สบายกระเป๋า เริ่มแค่ 29,900 บาท ไปจนถึง 35,900 บาท แต่เล่นเกมได้แบบโหดๆ กับสเปคที่ให้คุณเล่นเกมบนความละเอียด Full-HD ได้ลื่น ว่ากันตั้งแต่ซีพียูระดับ Intel Core i5 จนถึง Core i7 และ AMD Ryzen 5 กับความแรงที่จะตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมพื้นฐาน ไปจนถึงเกมระดับ AAA โดยมีกราฟิกการ์ด GeForce RTX3050, RTX3050Ti และ RTX3060 ให้ใช้งาน จอแสดงผลขนาดใหญ่ ซึ่งในเวลานี้มีให้เลือกเกือบทุกแบรนด์ แต่จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจ ซึ่งเข้ามาตามเงื่อนไขหรือจัดสเปคให้เกินจากนี้บ้าง ไปติดตามชมกันครับ

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น ปี 2023

  1. MSI GF66 Katana 12UC
  2. ASUS TUF Gaming A17
  3. Gigabyte A5 K1
  4. Gigabyte G5 ME
  5. HP Victus Gaming 16
  6. ASUS TUF Dash F15
  7. Lenovo Gaming3
  8. Acer Nitro AN515

1.MSI GF66 Katana 12UC

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาเริ่มกันที่โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นแรก ที่ทำราคาออกมาได้ดีเลยทีเดียว สำหรับ GF66 Katana ซึ่งเป็นซีรีส์ในตระกูลเกมมิ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา เพราะเรื่องของการดีไซน์และวัสดุ มีความคุ้มค่าน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ได้มีลูกเล่นหวือหวามากนัก คีย์บอร์ดเป็นไฟสีแดง ตัดกับโครงสร้างสีดำ ดูโหดๆ ดีเหมือนกัน แต่ถ้าเน้นที่พลังในการเล่นเกม หน้าจอขนาดใหญ่ สีสดใส ระดับ 15.6″ FHD และรีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ก็ต้องบอกว่า ราคาหาตัวจับมาแข่งได้ยาก ซึ่งทาง MSI ใส่ขุมพลัง Intel Core i5-12450H เกมมิ่งซีพียูตัวแรงมาให้ พร้อมแรม DDR5 8GB และใส่การ์ดจอ GeForce RTX3050 4GB มาให้ด้วย แบตเตอรี่อาจจะไม่ใหญ่นัก น้ำหนักตัวเลยอยู่ที่ประมาณ 2.25Kg เท่านั้น พอร์ตจัดมาให้ครบ เช่นเดียวกับชุดระบายความร้อน CooloerBoost 5 ที่มีฮีตไปป์หลายเส้น คู่กับพัดลมคู่ขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ กับการรับประกัน 2 ปี ราคาอยู่ที่ราว 29,900 บาทเท่านั้น

Advertisementavw
จุดเด่น ข้อสังเกต
มาพร้อมแรม DDR5 ไม่มี Thunderbolt 4
แบตค่อนข้างอึด

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


2.ASUS TUF Gaming A17

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวคุ้มสุดโหด ดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นเด่นในตลาดบ้านเรา สำหรับงบประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งมีการต่อยอดมาอย่างต่อเนื่องจาก ASUS TUF รุ่นก่อนๆ มาได้ดี จากบอดี้ที่ก่อนหน้านี้เน้นอึดถึก ดูบึกบึน มาถึงตอนนี้ เริ่มปรับเส้นสายและมิติให้ดูบาง ลงตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cover สีเทาเรียบๆ แต่ใส่โลโก้ให้ดูสะดุดตา ด้านใต้เป็นช่องลมแบบรังผึ้ง ด้านในลายอลูมิเนียมปัดเสี้ยน และให้หน้าจอใหญ่ 17.3″ FHD อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ขุมพลัง AMD Ryzen 7 4800H พร้อมแรม DDR4 3200 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB โดยใช้การ์ดจอพิมพ์นิยม GeForce RTX3050 มาด้วย กับระบบเสียงสุดกระหึ่มเอาใจเกมเมอร์ และคอบันเทิงได้ดีทีเดียว พอร์ตต่อก็ครบ ทั้ง USB 3.2, USB Type-C ที่ใช้ต่อจอได้ และ HDMI ไปจนถึง LAN ชุดระบายความร้อนพัดลมคู่ และฮีตไปป์ จุดเด่นอยู่ที่คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB ปรับแต่งได้ พร้อมโพรไฟล์ให้เลือก 4 แบบด้วยกัน การรับประกัน 2 ปี ราคาประมาณ 30,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
คีย์บอร์ด RGB แรม DDR4
จอขนาดใหญ่

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


3.Gigabyte A5 K1

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เข้าป้ายมาอีกหนึ่งรุ่นสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจาก Gigabyte ที่จัดสเปคมาให้แบบจัดเต็ม ไม่เป็นรองใคร อาจจะต่างจากรุ่นของ G5 อยู่บ้าง ในแง่ของบอดี้ที่อาจะดูบึกบึนขึ้นมา แต่มาในสไตล์ที่ดูเป็นเกมมิ่งดุดัน ให้ขุมพลังมาเพื่อรีดเฟรมเรตโดยเฉพาะ กับโครงสร้างที่แข็งแกร่ง หน้าจอแบบ 15.6″ IPS 144Hz Full-HD และมีขอบจอบางพิเศษ โดยให้ซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ที่รับได้ทั้งงานและการเล่นเกมปัจจุบัน พร้อมแรม DDR4 3200 8GB เช่นเดียวกับ SSD 512GB มาตรฐาน รองรับการอัพเกรดได้พอสมควร ส่วนการ์ดจอต้องจัดว่าแรงแซงหน้าคู่แข่งในงบพอกัน เพราะจัด RTX3060 มาให้ เล่นเกมได้ลื่นมากขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดสไตล์เกมมิ่ง ที่มีแสงไฟ Backlit มาในตัว ตั้งรูปแบบแสงไฟได้ 15 สี พอร์ตโดดเด่นตรงที่มี Mini DP เพิ่มมาให้ นอกเหนือจาก HDMI จึงต่อเพิ่มได้อีก 2 จอ และพอร์ต USB 3.2 Type-C แต่ไม่มี Thunderbolt 4 มาให้ น้ำหนักตัวประมาณ 2.12Kg ราคาสบายกระเป๋า 31,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้การ์ดจอ RTX3060 แรม DDR4
มีพอร์ต HDMI และ Mini DP ต่อจอใหญ่ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: Gigabyte


4.Gigabyte G5 ME-51TH263SH

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาถึงโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจากทาง Gigabyte ซึ่งเป็นค่ายที่ช่ำชองในตลาดของเกมมิ่งมายาวนาน และในไทยก็มีโน๊ตบุ๊คที่ล้ำๆ มาให้ได้ใช้กันด้วย ในราคาที่เป็นกันเอง อย่างเช่น G5 Gen12 รุ่นนี้ ที่ใส่มาทั้งดีไซน์และฟีเจอร์น่าสนใจมากมาย หน้าจอขนาด 15.6″ FHD 144Hz ฝาหลังมีการออกแบบเส้นสายให้ดูไม่น่าเบื่อ กับบอดี้ที่ดูปรับให้ลงตัวมากขึ้น บานพับขนาดใหญ่ เน้นการใช้งานที่ไม่โยกคลอนง่าย พอร์ตต่อพ่วงกระจายออกไปในทุกด้าน เพื่อลดความแออัด ขุมพลัง Intel Core i5-12500H และให้แรม DDR4 3200 8GB มาให้ และ SSD 512GB แต่ขยับการ์ดจอให้แรงขึ้นอีกนิดกับ RTX3050Ti น้ำหนักทำได้ค่อนข้างดีอยู่ที่ 1.9Kg เท่านั้น กับระบบเสียง DTS:X จัดเต็มสำหรับคอเกม คู่กับลำโพงใต้เครื่องให้มิติเสียงได้สนุก โดยมีพอร์ตพื้นฐานอย่าง USB 3.2 Type-C และ HDMI รวมถึง Mini-DP มาให้ จะขาดไปเพียง Thunderbolt 4 ที่จะอยู่ในรุ่น G5 KE เท่านั้น อย่างไรก็ดีโดยรวมยังถือว่ามาแบบครบๆ สเปคก็ถือว่าจัดจ้าน กับการรับประกัน 2 ปี ในราคา 32,490 บาท เท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้การ์ดจอ RTX3050Ti ไม่มี Thunderbolt 4
ดีไซน์ทันสมัย

ข้อมูลเพิ่มเติม: Gigabyte


5.HP Victus Gaming 16-e1081AX

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาถึงโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวแกร่งของทาง HP กันบ้าง ใครที่ชื่นชอบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มีมิติเพรียวบาง Victus ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ดีไซน์ของรุ่นนี้ จะออกไปทางสาย Pavilion ที่ดูมีความหรูหรา และให้ความแรงที่แตกต่าง กับหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ที่กว้างขึ้น ความละเอียด Full-HD รีเฟรชเรต 144Hz จัดได้ว่าเป็นหน้าจอที่สว่างสดใส ให้ความแม่นยำของสีได้ดีพอสมควร กับสเปคที่จัดว่าขิงกับค่ายอื่นได้สบาย ในราคาเดียวกัน เพราะได้ซีพียูใหม่อย่าง AMD Ryzen 5 6600H 6 core/ 12 thread กับความเร็วสูงสุด 4.5GHz ที่มากับแรม DDR5 ที่เสริมความแรงมาให้ถึง 16GB รวมถึง SSD 512GB และการ์ดจออย่าง GeForce RTX 3050Ti อีกด้วย อีกทั้งยังให้ระบบเสียงมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ กับพอร์ตเชื่อมต่อสำคัญก็มีมาเกือบครบ อย่าง USB 3.2 Type-C, HDMI และ RJ-45 แต่คีย์บอร์ดจะมาในแบบแสงไฟสีขาวมาเท่านั้น การรับประกันเป็นแบบ 2 ปี On-site service ราคาอยู่ที่ 33,400 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
แรม 16GB คีย์บอร์ดไฟขาว
ได้การ์ดจอ RTX3050Ti

ข้อมูลเพิ่มเติม: HP


6.ASUS TUF Dash F15 FX517

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เรียกว่าสายของ TUF Dash จาก ASUS ไม่เคยแผ่ว โตในสายเกมมิ่งได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นนี้เอง ก็จัดว่าน่าสนใจ เพราะใส่ขุมพลังตัวแรง อย่าง Intel Core i5-12450H เกมมิ่งตัวแรงมาด้วย คู่กับแรม DDR5 8GB รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้ เช่นเดียวกับ SSD 512GB M.2 รุ่นใหม่ ความเร็วสูง กับหน้าจอขนาด 15.6″ FHD อัตรารีเฟรชเรต 144Hz ซึ่งขอบจอบางพิเศษ กับใครที่อยากจะได้การ์ดจอที่แรงขึ้นสุดในราคาระดับนี้ ASUS ให้มาเป็น RTX3050Ti พร้อม MUX switch ในตัว คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB ใช้งานร่วมกับ AURA Sync ได้ จุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอความทนทานกับดีไซน์ที่สวยโดดเด่น วัสดุเป็นอะลูมิเนียม ชุดระบาบความร้อนออกแบบมาเป็นพิเศษ Arc Flow Fans ที่ให้การหมุนเวียนของอากาศได้ดี ช่วยลดความร้อนในขณะเล่นเกม กับพอร์ตต่อพ่วงสำคัญอย่าง Thunderbolt 4, USB 3.2 Type-C และ HDMI มีให้ใช้ครบ กับการรับประกัน 2 ปีและ Perfect Warranty น้ำหนักเบาเพียง 2Kg. เท่านั้น เคาะราคามาที่ 34,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ RTX3050Ti
คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


7.Lenovo IdeaPad Gaming 3 15IAH7

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

สำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจากทาง Lenovo ในราคาระดับนี้ ทำให้ผมชั่งใจพอสมควร ระหว่างรุ่นนี้ที่ใช้ Intel Core i5-12500H กับ i5-12450H เพราะได้การ์ดจอต่างกันในราคาเบียดๆ กันเลยทีเดียว โดย i5-12450H+RTX3050Ti ราคาสูงกว่ารุ่นนี้ 1,000 บาทเท่านั้น น่าสนใจด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าคุณอยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คและจะแบ่งไปจัดเกมมิ่งเกียร์ด้วย ก็จัดรุ่นนี้ได้เลย ดูคมเข้ม ยิ่งรุ่นสีขาว Limited Edition ยิ่งโดนใจกับแสงไฟสีฟ้า การออกแบบใหม่ จัดว่าสวยลงตัว จอขนาด 15.6″ FHD รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz จอสีตรง ให้ความสว่างสูง โดยมีแรม DDR4 3200 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB ที่มีสล็อตเพิ่มให้ ระบบเสียง Nahimic สดใส เอฟเฟกต์แน่น พอร์ตมีให้ครบ ส่วนใหญ่ไปอยู่ด้านหลังทั้ง Thunderbolt 4 และ HDMI คีย์บอร์ดกดได้สนุก ชุดระบายความร้อนขนาดใหญ่ ออกแบบมาได้ดี น้ำหนักประมาณ 2.31Kg รับประกัน 3 ปีแบบ Onsite Service ราคาอยู่ที่ 33,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
อัตรารีเฟรชเรตสูง 165Hz น้ำหนัก 2.31Kg
มี Thunderbolt 4

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lenovo


8.Acer Nitro AN515-58

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ออกโน๊ตบุ๊คเล่นเกมในกลุ่มเกมมิ่งได้ถูกอกถูกใจเหล่าเกมเมอร์มายาวนาน ในซีรีส์ Nitro ถือว่าโดดเด่น และทำราคาที่จับต้องได้ง่าย ใส่ฟีเจอร์มาแน่น เช่นเดียวกับสเปคที่ไม่ธรรมดา โดยมีซีพียู Intel Core i5-12500H ที่ถือว่าจัดจ้าน แต่น่าเสียดายที่ใส่แรม DDR4 มาให้ แต่ก็จัดมาให้เยอะกว่าคู่แข่ง เพราะให้ถึง 16GB และให้การ์ดจอเริ่มต้นอย่าง RTX3050 มาอีกด้วย กับหน้าจอแสดงผล 15.6″ FHD 165Hz เป็นแบบ IPS สีสดใสคมชัด เรื่องของเส้นสาย Cover มาในแบบที่เด่น ตามสไตล์ของรุ่นนี้ ด้านในขอบจอบางเฉียบ และฝาพับที่ค่อนข้างแข็งแรง คีย์บอร์ดเป็นแบบ RGB 4 zone ปรับโพรไฟล์สีได้ กดแน่นสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ การระบายความร้อนมาพร้อมพัดลม 2 ตัวกับฮีตไปป์ ด้านท้ายตัวเครื่องออกแบบมาให้มีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่มาให้ ทำงานคู่กับ Nitro Sense ให้การรับประกัน 3 ปี ราคา 35,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้จอรีเฟรชเรต 165Hz
แรม 16GB

ข้อมูลเพิ่มเติม: Acer


Conclusion

Display CPU RAM SSD Graphic Price
1.MSI GF66 Katana 12UC 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12450H DDR5 8GB 512GB RTX3050 29,900 บาท
2.ASUS TUF Gaming A17 17.3″ 144Hz AMD Ryzen 7 4800H DDR4 8GB 512GB RTX3050 30,990 บาท
3.Gigabyte A5 K1 15.6″ 144Hz AMD Ryzen 5 5600H DDR4 8GB 512GB RTX3060 31,990 บาท
4.Gigabyte G5 ME 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12500H DDR4 8GB 512GB RTX 3050Ti 32,490 บาท
5.HP Victus Gaming 16 16.0″ 144Hz AMD Ryzen 5 6600H DDR5 16GB 512GB RTX 3050Ti 33,400 บาท
6.ASUS TUF Dash F15 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12450H DDR5 8GB 512GB RTX 3050Ti 34,990 บาท
7.Lenovo Gaming3 15.6″ 165Hz Intel Core i5-12500H DDR4 8GB 512GB RTX3050 33,900 บาท
8.Acer Nitro AN515 16.0″ 165Hz Intel Core i5-12500H DDR4 16GB 512GB RTX3050 35,900 บาท

ก็เรียกว่าน่าจะครบครันไปแล้ว สำหรับข้อมูลของ 8 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูกในงบเริ่ม 29,900 บาท ซึ่งมีหลายรุ่นที่น่าสนใจ ซึ่งหากต้องการซีพียู และสเปคที่ค่อนข้างใหม่ ราคาราวๆ 3 หมื่นกว่าบาท มีให้เลือกมากมายเลยทีเดียว ถ้าเน้นราคาเริ่มต้น MSI GF66 ดีไซน์เกมมิ่ง ดุดันสเปคน่าใช้ แต่ถ้าอยากได้จอใหญ่ 17.3″ ซีพียูแรงๆ ASUS TUF A17 ตอบโจทย์คุณได้ ส่วนถ้าเลือกเฉพาะการ์ดจอแรงๆ มีทั้ง Gigabyte G5, HP Victus และ ASUS TUF Dash F15 ถือว่าน่าใช้ และถ้าต้องการจอรีเฟรชเรตสูง Lenovo และ Acer Nitro ทั้งคู่มาเป็น 165Hz แล้ว ส่วนถ้าอยากได้แรม 16GB มีทั้ง HP และ Acer แต่ HP จัดมาเป็น DDR5 อีกด้วย ที่เหลือจะเป็นเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชั่น อย่างเช่น เรื่องการระบายความร้อน คีย์บอร์ดไฟ RGB หรือจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ก็มีให้ในบางรุ่น อยู่ที่คุณจะตัดสินใจเลือกใช้ และเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนโดนใจคุณบ้าง อย่าลืมคอมเมนต์มาบอกเพื่อนๆ กันบ้างนะครับ

from:https://notebookspec.com/web/682754-8-value-gaming-notebook-2023

ASUS Vivobook Pro 15 OLED สีตรง แต่งภาพ ตัดต่อ เล่นเกม สีสดใส 2.8K 120Hz จบในตัว

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊ค 2.8K 120Hz จอสีสดใส การ์ดจอ RTX ราคาเบาๆ

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊คทำงานกึ่งไลฟ์สไตล์ เข้ากันได้ในทุกช่วงชีวิตกับหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ ให้ความละเอียดถึง 2.8K สีสันสดใสในแบบ OLED ขุมพลัง Intel Core i7-12760H ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับแรม DDR5 และกราฟิกการ์ดแบบแยก GeForce RTX 3050Ti กับดีไซน์บนพื้นฐานของ ASUS Vivobook อย่างเต็มรูปแบบ คีย์บอร์ด Full-size กดง่าย ตอบสนองไว แสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด ปรับระดับความสว่างได้ ฮอตคีย์มีมาให้ครบ และบานพับที่กางออกได้ถึง 180 องศา ให้การระบายความร้อน ASUS IceCool Plus ลดอุณหภูมิได้ดีขึ้น รวมถึงพอร์ตที่มีให้ครบครัน รวมถึง Thunderbolt 4 ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.8Kg เท่านั้น พร้อม Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที และมี Perfect Warranty มาให้อุ่นใจในการใช้งาน สนนราคาเริ่มอยู่ที่ 43,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15 OLED


จุดเด่น

Advertisementavw
  • จอภาพ OLED สีสันสดใส ให้ความแม่นยำสีสูง
  • ความละเอียด 2.8K เหมาะกับการทำงานด้านภาพ
  • สเปค Intel Core i7-12760H+DDR5 ให้ประสิทธิภาพที่ดี
  • มาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4
  • คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้
  • กล้องเว็บแคมคมชัด ไมโครโฟน Ai Noise Cancelling
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ระบายความร้อนได้ดีพอสมควร
  • มี Certified DisplayHDR True Black 600

ข้อสังเกต

  • มี Thunderbolt 4 มาให้พอร์ตเดียว
  • ไม่รองรับสแกนลายนิ้วมือ
  • แรมออนบอร์ด อัพเกรดไม่ได้

Specification

Description
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-12650H Processor 2.3 GHz (24M Cache, up to 4.7 GHz, 10 cores)
จอภาพ 15.6-inch, 2.8K (2880 x 1620) OLED 16:9 aspect ratio, 0.2ms response time, 120Hz refresh rate, 600nits peak brightness , 100% DCI-P3 color gamut , 1,000,000:1, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 600 , 1.07 billion colors, PANTONE Validated
หน่วยความจำ 16GB LPDDR5 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
การเชื่อมต่อและการต่อขยาย 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
2 x USB 2.0 Type-A
1x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
1 x HDMI 2.1
1x 3.5mm Combo Audio Jack
1x DC-in
Micro SD card reader
คีย์บอร์ดและทัชแพด Backlit Chiclet Keyboard with Num-key , 1.4mm Key-travel, -, Touchpad
กล้อง กล้อง 1080p FHD
With privacy shutter
เสียง Smart Amp Technology
Built-in speaker
Built-in array microphone
harman/kardon (Mainstream)
with Cortana and Alexa voice-recognition support
ระบบไร้สาย Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ 70WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion
น้ำหนัก 1.80 kg
ขนาด (กว้าง x ลึก x สูง) 35.98 x 23.43 x 1.89 ~ 1.99 cm
ASUS Exclusive technology ASUS Antibacterial Guard
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Price 43,990 Baht

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 มาในธีมสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเป็นสีพื้นฐานที่ถูกใช้บน Vivobook มาหลายๆ รุ่น รวมถึง ExpertBook ด้วยเช่นกัน โดยเป็นแนวสีน้ำเงิน+เทาเข้มๆ ดูแล้วเข้าได้กับทุกสภาพการณ์ จะเอาไปใช้ที่ทำงาน เรียนออนไลน์ นั่งชิลร้านกาแฟ หรือประชุมลูกค้าก็ลงตัวดีครับ

ASUS Vivobook Pro 15

โครงสร้างมาในไซส์ของโน๊ตบุ๊คระดับ 15.6″ หลายๆ รุ่นของ ASUS วัสดุแข็งแรงดี ฝา Cover จับแล้วไม่ยวบยาบ โลโก้ ASUS Vivibook เป็นแบบแวววาวอยู่ด้านบน เส้นสายทำให้ดูทันสมัยดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจออาจไม่ได้บางมาก เพราะต้องรับโครงสร้างของตัวจอขนาดใหญ่ กรอบจออยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 ด้าน บางพอๆ กับ Vivibook 16 ที่เราเคยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ให้พื้นที่ในการแสดงผลประมาณ 84% Screen to Display อยู่ในระดับที่กว้างดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองจากด้านข้าง มิติของขอบบานหน้าจอมีความบาง และบอดี้เอง ก็มีการจัดวางเส้นสาย ให้ดูมีมิติและความบางมากขึ้น พร้อมพอร์ตต่อพ่วงและไฟแสดงสถานะ

ASUS Vivobook Pro 15

ฝั่งขวามือมาพร้อมพอร์ตให้ใช้งานอย่างครบครัน เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และหนึ่งในนั้นก็เป็น Thunderbolt 4 อีกด้วย ซึ่งเป็นพอร์ตสารพัดประโยชน์เลยทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

บานพับที่กาง 180 องศา เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ เพื่อแบ่งปัน พรีเซนเทชั่นหรือการแนะนำสินค้าให้คนที่อยู่โดยรอบได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านหลัง มาพร้อมช่องดูดลมเย็นเข้าสู่ระบบ เป็นช่องขนาดเล็ก แต่มีความถี่จำนวนมาก ดีไซน์ให้เข้ากับเส้นสายของตัวเครื่อง ด้านล่างเป็นช่องลำโพงให้พลังเสียงได้อย่างเต็มอิ่มทีเดียวในการทดสอบของเรา ยิ่งเหล่าเกมเมอร์ กับเน้นชมภาพยนตร์เป็นหลัก ไม่ควรพลาด

ASUS Vivobook Pro 15

บรรดาสติ๊กเกอร์ที่บริเวณจุดวางมือ รายงานถึงคุณสมบัติสำคัญๆ เอาไว้อย่างครบครัน เช่น ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Plus, มีพอร์ต Thunderbolt 4 และ Privacy Shutter เป็นต้น

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดขนาดใหญ่ในแบบ Full Size ให้การพิมพ์ที่สนุกมือ โดดเด่นที่โลโก้แบบ Slate อยู่บริเวณปุ่ม Enter ระยะห่างของปุ่มกดง่าย ฮอตคีย์อยู่ด้านบน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน

ASUS Vivobook Pro 15

และที่ขาดไม่ได้นั่นคือ จอภาพในแบบ OLED สีสันสดใส ซึ่งพอใช้ดูภาพยนตร์แบบ Fullscreen ด้วยแล้ว นอกจากสีสันจะจัดจ้าน แบบที่เราคาดไว้ ขอบจอบางๆ ยิ่งทำให้ได้อรรถรสในการรับชมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโทนสีดำหรือฉากมืด คุณจะได้เห็นอะไรดีๆ บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อีกมากเลยทีเดียว และที่สำคัญยังมาพร้อม DisplayHDR TrueBlack 600 ตัวท็อปสุดในสายนี้ ต้องมีอะไรดีๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดในแบบ Full-size มาในสไตล์เดียวกับ Vivobook 16 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของเลย์เอาท์ การวางปุ่มต่างๆ ไปในทางเดียวกัน เรื่องระยะห่างของปุ่ม และพื้นที่วางมือ แทบจะใกล้เคียงกันทั้งหมด เสน่ห์อยู่ที่ปุ่มขนาดใหญ่ ฟอนต์ตัวอักษรก็ดูง่าย ทำให้เหมาะกับคนทำงาน หรือคนที่ต้องพิมพ์เอกสารบ่อยๆ เพราะง่ายต่อการมอง หรือจะพิมพ์สัมผัสก็สนุก

ASUS Vivobook Pro 15

ปุ่มกดแน่นนุ่ม แต่เสียงเบา ลงน้ำหนักนิ้วได้อย่างสะใจ โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบแนวนี้ เพราะมีงานที่ต้องใช้คีย์บอร์ดในแต่ละวันเยอะ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น แต่สายเกมมิ่ง อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินตอนแรก ซึ่งถ้าเล่นเกมแอ็คชั่นทั่วไป ไม่เน้นคีย์เยอะ ก็เล่นได้สนุก แต่ถ้าจะให้สนุกแบบมีแรงต้าน จังหวะคลิ๊กแนะนำว่าต่อ Mechanical keyboard เอาไว้เล่นจะได้ความมันส์เพิ่มขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

โลโก้สะดุดตาที่ปุ่ม Enter ที่เป็นแบบ Slate ในงานวีดีโอ

ฮอตคีย์ด้านบน มีให้อย่างครบถ้วน ตรงนี้ผมถือว่า ASUS เป็นอีกหนึ่งค่าย ที่มีให้ใช้งานครบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ปิดลำโพง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงหน้าจอ, ทัชแพด, แสงไฟคีย์บอร์ด, ส่งสัญญาณไปยังจอภายนอก, ไมโครโฟน, ปิดกล้องเว็บแคม, Snipping tool, MyASUS, จับภาพหน้าจอ ที่เหลือก็จะเป็น Del, Insert และ ปุ่มเพาเวอร์อยู่ทางขวามือสุด

ASUS Vivobook Pro 15

ที่ทัชแพดขนาดใหญ่ 13.5cm x 7cm พร้อมปุ่มคลิ๊กซ้าย-ขวา แบบซ่อนเอาไว้ รองรับการใช้ Multi-Gesture เช่น 2 นิ้วย่อ-ขยาย, 3 นิ้ว เปิด Task View เลือกหน้าต่างโปรแกรม เป็นต้น ด้านหน้ามีเว้าตรงกลาง ให้นิ้วดันจอขึ้นมาได้ ข้อดีคือ ทำให้จอมีความแน่นหนา ไม่เขย่าหรือสั่นง่าย เวลาใช้งาน โดยเฉพาะคนที่ลงน้ำหนักที่นิ้วเวลาพิมพ์

คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟ Backlit สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ และยังปรับการใช้งานได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ได้ที่ปุ่ม F7 รวมถึงการปรับระดับความสว่างได้อีก 2 ระดับ เพื่อการใช้งานในรูปสภาวะแสงในบริเวณต่างๆ

บริเวณที่วางมือ มาพร้อมโลโก้ต่างๆ เช่น ซีพียู Intel Core i7, กราฟิก GeForce RTX รองรับฟีเจอร์ที่ใช้ไดรเวอร์ Studio ได้ Pantone Validated: รองรับมาตรฐานเฉดสีที่ใช้งานจอในการตกแต่งภาพ โดยเฉพาะงาน Production ออกมาแล้ว ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เรื่องนี้หลายฝ่ายค่อนข้างให้ความสำคัญมากทีเดียว

ASUS Perfect Warranty การรับประกันที่มั่นใจได้จาก ASUS การรับประกัน 2 ปี ปีแรกครอบคลุมถึงอุบัติเหตุต่างๆ เช่น ตกหล่น น้ำหกใส่ หรือไฟฟ้าลัดวงจรเป็นต้น นอกจากจะมาพร้อม Windows 11 Home แล้ว ยังมี Office Home & Student มาอีกด้วย

ด้านขวาจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่บอกถึงฟีเจอร์หลักๆ บน ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เช่น

  • ชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus
  • พอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4
  • ฝาปิดกล้องเว็บแคม เพื่อความเป็นส่วนตัว
  • Ai Noise Cancelling ลดเสียงรบกวน ให้เสียงสนทนาเคลียร์ชัด
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ASUS WiFi Master Premium การเชื่อมต่อไร้สาย

Screen / Speaker

ASUS Vivobook Pro 15

ผมอยากจะให้มาเริ่มกับหน้าจอแสดงผล OLED ที่เป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ความละเอียดที่ 2880 x 1620 ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสัดส่วนของหน้าจอเป็นแบบ 16:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรตมาถึง 120Hz ด้วยกัน ซึ่งจะให้ภาพที่มีความนุ่มนวลลื่นไหล มาพร้อมกับ Certified ต่างๆ มากมาย เช่น Pantone Validate จอที่ได้การปรับจูนให้เข้ากับระบบสีสากลที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ตามมาตรฐาน ซึ่งจำเป็นอย่างมากในงานด้านภาพและคอนเทนต์

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจอที่บางสุดๆ ทำให้ความรู้สึกในการชมภาพยนตร์ หรือการใช้พื้นที่หน้าจอในการทำงานได้เต็มตาเต็มอารมณ์มากขึ้น ยิ่งเป็นจอขนาด 15.6″ ด้วยแล้ว และใช้ความละเอียดระดับ 2.8K ก็ทำให้คุณได้พื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม ในโหมดของ Full screen หรือ Frameless ก็ตาม

ขอบด้านข้างซ้าย-ขวา และบนมีความบาง แม้จะไม่ได้บางที่สุด เพราะด้วยโครงสร้างจอขนาดใหญ่ ซึ่งจะรับบทบาทในเรื่องน้ำหนัก และความแข็งแรงเอาไว้ด้วย การจับถือก็ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดตัวมากนัก

มุมมองจากทางด้านซ้ายและขวาของโน๊ตบุ๊ค ให้ความคมชัดด้วยกันทั้ง 2 ด้าน ด้วยความเป็นจอ OLED ที่ให้สีสันสม่ำเสมอ และภาพที่มีความสดใส จึงเหมาะกับการใช้งานในหลายๆ ประเภท รวมถึงการแชร์ภาพให้คนข้างๆ ได้ดูกันได้อย่างชัดเจน

บานพับหน้าจอสามารถกางได้หลายระดับ ตั้งแต่พับปิดทำได้แนบสนิท ไปจนถึงกางออกได้สุดถึง 180 องศา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็รวมถึงการพรีเซนท์งานของเหล่า Content Creator ที่ให้คนด้านข้าง หรืออยู่ตรงข้ามได้ชมกันแบบทั่วถึง หลายคนน่าจะชื่นชอบกับการกางแบบนี้ เพราะสามารถเปลี่ยนอิริยาบทในการใช้งานได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองใกล้ๆ ของบานพับที่เป็นส่วนหนึ่งในการยกมุมของคีย์บอร์ด และปรับมุมหน้าจออยู่บ้าง ในกรณีที่ปรับมุมแบบพื้นฐาน ส่วนการกาง 180 องศา ตัวยางที่อยู่ด้านใต้จะรับหน้าที่ป้องกันรอยขูดขีดจากพื้นโต๊ะได้เลย การปรับมุมนี้ จะคล้ายกับใน ASUS ExpertBook หลายๆ รุ่น

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 78

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayHDR True Black 600 จัดว่าท็อปสุดในเวลานี้แล้ว ขยายความตรงนี้นิดนึงครับ สำหรับคนที่อาจสงสัย สำหรับ DisplayHDR True Black เป็น Certified เดียวกับ Display HDR แต่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับจอ OLED ที่มีเรื่องการเปล่งแสงสีดำน้อยที่สุด โดยเงื่อนไขสามารถดูได้จากตาราง Certified นี้ได้เลย

DisplayHDR table
ที่มา: HDRDisplay

การเป็น DisplayHDR True Black 600 นี้ เหนือกว่า Certified อื่นๆ ที่เป็น DisplayHDR ธรรมดาอยู่มากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเปล่งแสงสีดำที่น้อยสุดๆ ทำให้ฉากสีดำ ดำสนิด มองเห็นรายละเอียดได้ชัด สิ่งที่ผู้ใช้จะได้ก็คือ ความลึกของภาพที่มีมิติ และลดการใช้พลังงานลง เพราะพิกเซลเปล่งแสงแบบจุด ไม่ได้เป็นแบบโซนเหมือน LED ทั่วไป

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 89

โดยการรองรับ HDR ก็ยิ่งทำให้การเกลี่ยสีมีความสดใส และยังได้ค่า Contrast ที่สูง จึงเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม และชมภาพยนตร์ได้มากกว่าเดิม อย่างเช่น ตัวอย่างที่เราได้นำเสนอนี้ ด้านซ้ายจะเป็นจอ OLED ส่วนทางด้านขวา จะเป็นจอ LED บนโน๊ตบุ๊ค ASUS จะเห็นความแตกต่างในด้านของสีอยู่ไม่น้อยเลย

ASUS Vivobook Pro 15

กล้องเว็บแคมที่มากับ ASUS Vivobook Pro 15 OLED ความละเอียด Full-HD 1080p มีความคมชัดสูง และยังมี Privacy Shutter ที่ปิดฝาด้านหน้ากล้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยี 3DNR ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ ด้านข้างมาพร้อมไมโครโฟน พร้อมฟีเจอร์ที่เรียกว่า AI Noise Cancellation ในการตัดเสียงรบกวน ให้การสนทนาที่ชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ต้องการความคมชัดในด้านของเสียง และใช้งานในที่ที่มีเสียงโดยรอบ ซึ่งจากการใช้งานในห้องทำงาน ที่มีพนักงานนั่งรวมกัน อาจจะมีเสียงแทรกมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความเคลียร์ชัดได้ดี และคุณยังเข้าไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้จากซอฟต์แวร์ MyASUS ในการตั้งค่าเสียงรบกวน จากด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการปิดเสียงที่มาจากรอบด้านได้ ฟีเจอร์นี้่ค่อนข้างจะได้ประโยชน์ในการใช้งานในหลายๆ สภาวะได้ดี

Webcam 2

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayCAL test

ส่วนค่าความสว่างจากการทดสอบบน DisplayCAL ก็ทำได้ถึง 388cd/m2 ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมเอาไว้อีกด้วย ถือว่าจอภาพที่ให้มาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะกับการทำงานได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะงานที่ซีเรียสเรื่องสี เช่น การพรีเซนเทชั่นสินค้าให้ลูกค้า ตรวจงานอาร์ตเวิร์กหรือต้องส่งงานโปรดักส์ชั่น ก็พอรับไหว

ASUS Vivobook Pro 15

ชุดลำโพงที่อยู่ด้านล่างทั้งซ้ายและขวา ให้ทิศทางเสียงกดลงพื้นโต๊ะ และสะท้อนเสียง เพื่อการรับฟังได้ชัดเจนมากขึ้น


Connector / Thin And Weight

ASUS Vivobook Pro 15

ทางด้านซ้าย จะมีเพียงพอร์ต USB 2.0 Type-A มาให้ 2 พอร์ต และไฟแสดงสถานะ และไฟแบตเตอรี่

ASUS Vivobook Pro 15

พอร์ตทางด้านขวา ประกอบด้วย DC-In สำหรับชาร์จไฟ, USB 3.2 Type-A, HDMI 2.1, Thunderbolt 4 อย่างละ 1 พอร์ต พร้อมสล็อต microSD card reader และ 3.5mm Audio jack โดยที่ Thunderbolt 4 รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง, การชาร์จไว และการแสดงผลร่วมกับ DP ได้อีกด้วย

ASUS Vivobook Pro 15

ลองต่อสายแบบจัดเต็ม ระยะช่องไฟมีพอสมควร ให้หัวต่อต่างๆ สามารถติดตั้งกันอย่างใกล้ชิดได้ แต่ก็จะมีบางอุปกรณ์ที่มีหัวต่อขนาดใหญ่ อาจจะไม่สะดวกต่อการติดตั้ง เพราะจะไปเบียดกับสายต่อข้างๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่ สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด แต่ที่ติดอยู่เล็กน้อยก็คือ น่าจะมีพอร์ต RJ-45 สำหรับสาย LAN มาให้บ้าง เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″ และเป็นสาย Creator ด้วย โดยส่วนตัวมองว่ามีบทบาทต่อการใช้งานพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

น้ำหนักที่ชั่งได้สุทธิก็คือ 1.79Kg ซึ่งเบากว่าที่เคลมไว้หน้าสเปคคือ 1.8Kg อยู่นิดหน่อย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อาจจะเหมาะวางโต๊ะ แทนพีซีก็ได้ หรือจะพกพาใส่กระเป๋าไปพบลูกค้าก็ยังพอไหว เพราะถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับใกล้กันอย่างที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ยังถือว่าเบากว่าพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

จะไม่บอกน้ำหนักอแดปเตอร์ ก็กลัวว่าจะไม่ครบ ก็จะประมาณ 400 กรัม เมื่อรวมกับตัวเครื่องแล้ว ก็อยู่ราวๆ 2.2Kg ครับ เน้นงานสั้นๆ ข้างนอก ไม่ต้องพกก็ได้ หรือถ้าจะเดินทางพกไปใส่กระเป๋าเป้ ก็ยังไหว


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook Pro 15

การแกะเปิดฝาหลัง เพื่อดูองค์ประกอบภายใน ทำได้ไม่ยากครับสำหรับโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เพราะใช้น็อตประมาณ 10 ตัวเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นพอร์ตด้านข้าง กับบริเวณใกล้กับบานพับอาจจะแน่นไปบ้าง แต่ใช้เครื่องมือที่เป็นพลาสติกบางๆ แกะออกมาได้ และภายในจะเป็นแบบในภาพนี้เลย การจัดวางสิ่งต่างๆ ทำได้ลงตัวดี กับชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus พัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัวและฮีตไปป์ที่วิ่งมาแบบเรียบง่าย

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดวางชิ้นส่วนต่างๆ เรียกว่าเต็มพื้นที่ภายในมาเลยทีเดียว โดยเฉพาะพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว และฮีตไปป์ ที่ช่วยในการระบายความร้อนกับเทคโนโลยี ASUS IceCool Plus โดยมีฮีตไปป์ 2 เส้น วิ่งผ่านระหว่างซีพียู และกราฟิก ซึ่งอาจจะดูน้อยไปบ้าง ถ้าเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เยอะกว่าโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป เพราะมีพัดลมให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านบนเป็นแรมระบบ LPDDR5 4800 ความจุ 16GB ติดตั้งมาบนบอร์ดให้แล้ว แต่ไม่มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้ อย่างไรก็ดีแรมระดับ 16GB นี้ ก็มากพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นแรม DDR5 ที่มีความเร็วและแบนด์วิทธิ์ที่กว้างกว่า DDR4 พอสมควร การใช้งานที่ต้องการทั้งความเร็ว และทำงานร่วมกับปริมาณข้อมูลเยอะๆ จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

ถัดลงมาจากพัดลม ก็จะมี Storage ที่เป็น SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 มาให้ ความจุ 512GB และมีให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบความเร็วอยู่ในระดับ 3,000MB/s (Read) ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่จัดการซอฟต์แวร์และงานต่างๆ ได้ในระดับที่ดี รวมถึงการเปิดเครื่อง และเข้าโปรแกรมอีกด้วย ส่วนการอัพเกรดต้องใช้การถอดเปลี่ยนตัวเดิมเท่านั้น

ASUS Vivobook Pro 15

โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 ยังได้รับการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD 810H เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ ว่ารองรับงานในสภาพแวดล้อมชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การสั่นสะเทือน เช่น การวางในรถหรือใกล้เครื่องจักร ตกกระแทก ความร้อนสูง หรือมีความเย็นและเมื่อต้องเจอกับความชื้นก็ตาม


Performance / Software

CPUz1

CPUz รายงานว่าเป็นซีพียู Intel Core i7-12650H เป็นซีพียูในตระกูลของเกมมิ่ง ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง ทำงานในแบบ 10 core/ 16 thread สำหรับการใช้งานแบบมัลติทาส์กกิ้ง ความเร็วในการบูสท์ได้สูงสุดถึง 4.7GHz เหมาะกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มนี้ เพราะค่าการใช้พลังงานไม่สูงมาก และ Max. สูงสุดแค่ 115W เท่านั้น พอที่จะให้ทำงานแบบโหดๆ ในช่วงที่ไม่ได้เสียบชาร์จได้พอสมควร เพราะแบตให้มาถึง 70Whr

CPUz3 1

ASUS Vivobook Pro 15 ให้แรมระบบมา 16GB เป็นแบบ LPDDR5 ซึ่งถือว่าจัดจ้านในย่านราคากับกลุ่มโน๊ตบุ๊คเดียวกัน ซึ่งความจุระดับนี้ ก็ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้แล้ว โดยเฉพาะงานที่ต้องการทั้งแบนด์วิทธิ์ และความเร็ว เช่นการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ มีไฟล์จำนวนมาก และการเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น ภาพหรือวีดีโอ รวมถึงการเปิดโปรแกรม ก็จะไหลลื่นมากขึ้น อย่างไรก็ดีเท่าที่เราเข้าไปเช็ค ไม่มีสล็อตสำหรับการอัพเกรด แต่ระดับ 16GB เท่าที่ทดสอบ รองรับความต้องการในชีวิตประจำวันของคุณได้เลย

CPUz3 2
CPUz2 2

GPUz สำหรับกราฟิกนั้นมีให้ทั้ง 2 แบบคือ Intel Iris Xe ที่มีอยู่ในซีพียู ซึ่งรองรับการใช้งานพื้นฐาน และความบันเทิงทั่วไป นอกจากนี้สำหรับเหล่าเกมเมอร์ ASUS ก็ให้กราฟิกแยกมาด้วยในรุ่น GeForce RTX3050Ti ซึ่งมาพร้อม VRAM GDDR6 4GB และเป็นตัวท็อปสุดของสายนี้ เพราะยังมี RTX3050 รุ่นน้อง ซึ่งเป็นรุ่นรอง และมีอยู่ในโมเดลของ ASUS รุ่นนี้ด้วย ราคาประมาณ 38,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15

CrystalDiskMark ให้ผลการทดสอบอยู่ในะดับที่ดี กับการอ่านข้อมูล 3,000MB/s และเขียน 1,600MB/s โดยประมาณ ซึ่งผลที่ได้ถือว่าทำได้ดีกว่า Vivobook 16 ที่เคยทดสอบมาเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 แต่ก็ตอบโจทย์ในงานต่างๆ ได้ดีไม่น้อยเลย การเปิดโปรแกรมและเกมก็ทำได้รวดเร็วดี แต่ถ้าใครจะอยากเพิ่มความเร็วมากขึ้น ลองเป็น SSD PCIe 4.0 ก็ช่วยได้มากเลยครับ

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบโดยรวมของระบบบน PCMark10 ที่แสดงให้เห็นศักยภาพในการทำงานในชีวิตประจำวัน โดยตัวเลขส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะกับ Essential ที่เป็นการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐานในชีวิตประจำวัน และด้าน Productivity ที่ทำคะแนนไปได้ถึง 8,564 ส่วน Digital Content ที่เป็นงานในด้านมัลติมีเดีย การเรนเดอร์วีดีโอ ซีพียูและแรมมีส่วนสำคัญ ก็ทำไปได้ถึง 7,651 ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานในด้านนี้ได้มากทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบ ASUS Vivobook Pro 15 ด้วยโปรแกรม CINEBench ซึ่งเป็นตัวแทนของ CINEMA4D ซีพียูสามารถให้ประสิทธิภาพได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการทำงานที่มี Core/Thread จำนวนมากแบบนี้ ก็ทำให้มีความลื่นไหลมากขึ้น เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับใกล้เคียง ถือว่า Intel Core i7 นี้ มีความโดดเด่นไม่น้อยเลยในหลายการทดสอบ ในโหมดของการทำงาน อย่างเช่น เรนเดอร์ 3D และตัดต่อวีดีโอ ก็ยังไปได้สวย สำหรับสาย Content Creator ที่กำลังเริ่มต้นกับงานวีดีโอพื้นฐาน ทำคลิปง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หรือทำพรีเซนเทชั่นเพื่อนำเสนอกับลูกค้า

Ray Bench scaled

การทดสอบ V-RAY ด้วยการเรนเดอร์กราฟิก 3 มิติทั้งในส่วนของซีพียูและ GPU ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ V-RAY CPU ได้ที่ 12730Ksample และ V-RAY GPU 201Mpaths

Game test 1

ผลที่ได้จากการทดสอบด้วยเกม 3 มิติ ASUS Vivobook Pro 15 ถือว่าไหลลื่นดีทีเดียว จากการทดสอบบน Settings Medium และ Balance บนความละเอียด Full-HD 1080p ส่วนของเกมที่ใช้สเปคหนักหน่อยอย่าง SCUM ก็ไปได้เกือบ 100fps. และเฉลี่ยที่ราว 82fps. ภาพออกมาสวยเนียนดีทีเดียว ซึ่งขยับมาเล่นที่ High พอได้ แต่อาจจะต้องเซ็ตค่า Detail บางอย่างลง เพื่อให้ได้อยู่ที่ 50fps ก็ดูสวย ส่วน Resident Evil Village เกมนี้ก็เล่นได้อย่างสบายตา เมื่ออยู่ในโหมดนี้ ลดความหลอนไปได้ระดับหนึ่ง กับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว นิ่งๆ อยู่ที่ 140fps. สำหรับ Average เกมนี้คุณตั้ง High ก็ยังสนุกได้ เพราะจากที่ได้ลองก็มีระดับ 90fps++ ไหลลื่นสนุกได้เต็มที่

ทำงานด้านตัดต่อวีดีโอ: เรา Export Video ด้วยไฟล์ 4K 30fps. ได้ลื่นไหล พรีวิวได้ไม่สะดุด เมื่อใช้งานร่วมกับ Adobe Premier Pro เรื่องการแต่งภาพทำได้อยู่แล้ว หน้าจอ OLED สีตรง ให้ความมั่นใจได้ในงานด้านนี้

MyASUS1

เพิ่มเติมให้อีกนิดสำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ กับซอฟต์แวร์ MyASUS ตั้งแต่การเช็คฮาร์ดแวร์ มอนิเตอร์ระบบ ดูเรื่องการรับประกัน การขอคำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา รวมไปถึงการเปิด-ปิดฟีเจอร์ และจูนอัพระบบมีมาให้ครบ ยังไม่รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ที่คุณจะได้รับเป็นพิเศษ และข่าวสารจากทาง ASUS อีกด้วย แนะนำให้ใช้ครับ เพราะรวมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คุณใช้ในการปรับแต่งระบบไว้ในนี้แล้ว หน้าตาอินเทอร์เฟสก็ดูใช้งานง่าย สะดวกมากครับ


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook Pro 15

พื้นที่ด้านล่างเป็นจุดที่ใช้ดูดลมเย็นตามมาตรฐาน โดยเป็นช่องลมขนาดเล็ก ดูดลมเย็นเข้ามาในระบบ โดยในแต่ละช่องจะมีทั้งช่วงที่เปิดและปิดเอาไว้ เข้าใจว่าออกแบบให้ตรงตามจุด ที่เป็นช่องทางระบายลมเข้าสู่พัดลม และช่วงที่เป็นฮีตไปป์ โดยปิดในช่องที่เป็นฮาร์ดแวร์สำคัญเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย

ASUS Vivobook Pro 15

ช่องทางลมออก จะอยู่ทางด้านหลัง ส่วนใต้ของจอภาพ แต่จะถูกผลักออกทางด้านล่าง ตามช่องทางที่บังคับเอาไว้ ซึ่งจะอยู่ทางด้านหลังซ้ายและขวา โดยจะไม่ได้ดีไซน์ออกทางด้านข้าง อย่างเช่นบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดเตรียมระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า ASUS IceCool Plus มาบน ASUS Vivobook Pro 15 กับใบพัดขนาดเล็กจำนวนมาก พร้อมตัวครอบลดเสียง ซึ่งจากการทดสอบใช้งาน ในโหมด Full load เมื่อรันทั้งซีพียู และกราฟิกการ์ด ผ่านทาง Furmark เสียงรบกวนแม้จะมีความดังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่ารบกวนแต่อย่างใด และระบบยังจัดการเรื่องความร้อนได้ดีอีกด้วย

BatteryMon

แบตเตอรี่ที่ติดมากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell 70Whr ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างใหญ่ สำหรับโน๊ตบุ๊คในระดับเีดียวกัน และยังมากกว่าใน Vivobook 16 ที่เราได้รีวิวไป แต่ในส่วนหนึ่งก็เพราะการเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีกราฟิกแยก ที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นนี้ ทำให้มีระยะการทำงานได้นานขึ้น ซึ่งในการทดสอบของเรา ยังคงเป็นมาตรฐาน นั่นคือ การเปิดเสียงและระดับความสว่างที่ประมาณ 20% เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง และจำลองด้วย Video Playback ด้วยการเล่นวีดีโอ 4K ต่อเนื่องและวัดผลด้วยโปรแกรม BatteryMon ซึ่งผลที่ได้ รายงานว่าอยู่ในระดับ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะถ้าหากใช้และสลับการสแตนบายไป ก็น่าจะได้ถึง 7-8 ชั่วโมง

ASUS Vivobook Pro 15

ในแง่ความบันเทิง โดยเฉพาะในเรื่องของเสียง ASUS Vivobook Pro 15 OLED ก็จัดเตรียมมาเอาใจคอบันเทิงแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบเสียง Dolby Atmos ที่เพิ่มมิติของเสียงได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยากได้รายละเอียดของเนื้อหา อย่างเช่น การชมภาพยนตร์ ซึ่งจากที่เราได้ลองกับการชมภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง ความโดดเด่นน่าจะอยู่ที่การเพิ่มรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในฉาก เช่น แรงกระแทกจากรถชน และเสียงของกระจกที่แตกกระจาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ยังให้ความชัดเจนได้ดี หรือจะเป็นลมหายใจของ Indominus rex กับเสียงที่แรพเตอร์สื่อสารกัน และฉากการเปลี่ยนร่างของเหล่าออโตบอท ที่ออกมาน่าติดตามมากขึ้น และอีกส่วนที่มีบทบาทไม่แพ้กันก็คือ ระบบเสียงสเตอริโอจาก Harman Kardon ที่ทำให้เอฟเฟกต์เสียงดุดันมากขึ้น คอเกมได้ประโยชน์ เวลาที่อยากได้ความตูมตาม และ Smart Amp ที่ติดมากับลำโพง ที่ยิงลงพื้นสะท้อนขึ้นมา การเพิ่มเลเวลเสียงได้หนักหน่วง แทบไม่มีอาการแตกพร่า เรียกว่าดูหนัง เล่นเกม หรือจะสนทนาออนไลน์ ได้แบบเต็มอิ่ม

Temp

ทดสอบการระบายความร้อนบน ASUS Vivobook Pro 15 OLED ด้วยการรัน CPU Burner บน Furmark ด้วยการให้ซีพียูทำงานแบบ 100% หรือ Full load อย่างเต็มที่ทุกคอร์ ในห้องอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งผลที่ได้นั้นบางจังหวะ ที่ขึ้นไปถึงระดับ 90++ องศาเซลเซียส และลดลงมาเป็นระยะ สำหรับ Core P ที่ทำงานหนักสุด จะอยู่ที่ราวๆ 92-94 องศาเซลเซียส ที่เป็น Package อยู่ที่ 89-92 องศาเซลเซียส แต่อย่างที่ได้แจ้งไปในทุกครั้งคือ นี่เป็นการเร่งการทำงานของซีพียูระดับ 100% ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งโดยปกติที่เราใช้งานกันอยู่ในทุกวัน แทบจะไม่ได้เจอกับสภาพการทำงานเช่นนี้ เช่น ทำไฟล์เอกสารจะอยู่ที่ราว 20-30% และการเล่นเกม ก็ไปที่ประมาณ 40-60% เท่านั้น ซึ่งก็ทำให้อุณหภูมิไม่ได้สูงแต่อย่างใด

ASUS Vivobook Pro 15


Conclusion / Award

ในภาพรวม ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นนี้ ให้คะแนนเรื่องจอนำมาก่อนเลย และดูจะตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมชัดกับ Resolution 2.8K บนจอ 15.6″ มีความลงตัวอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่คุณจะได้ นอกเหนือจากภาพที่มีความละเอียดสวยงามแล้ว ยังให้พื้นที่แสดงผลที่มากขึ้น การจัดวาง Tools บนโปรแกรมทำงานด้านภาพและวีดีโอ คุณจะเลือกใช้เครื่องมือทำงานได้ง่ายกว่า Full-HD อยู่มากทีเดียว สีสันโดดเด่นมาแต่ไกล แบบที่ไม่ต้องไปใส่ใจเปิด HDR ในฟีเจอร์ของ Windows ด้วยซ้ำ จากที่ได้ลองใช้กับการสตรีมมิ่งวีดีโอระดับ 4K การให้สีที่เด่นชัด พื้นหลังดำ ก็ดำสนิท การเกลี่ยสีที่ดูสบายตา ทำให้ดูหนังได้แบบเพลินๆ หรือจะใช้ในงานวีดีโอและการตกแต่งภาพ ขอบเขตสีและความเที่ยงตรงของสีในระดับ DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 คือเติมสิ่งที่หลายคนได้ขาดไปกลับมาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นกับการเป็น Content Creator มีงบไม่มาก อยากได้โน๊ตบุ๊คทำงาน สีตรง และพกพาได้ ตัดต่อสะดวก

นอกจากนี้ก็ยังได้ Windows 11 Home คู่มากับ Office Home and Student 2021 พร้อมกับ Perfect Warranty ที่ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุมาด้วย สนนราคาของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นที่เราได้มาทดสอบนี้ เป็นซีพียู Intel Core i7 และ RTX 3050 Ti ราคาอยู่ที่ 43,990 บาท และอีกรุ่นจะราคาน่าสนใจเช่นกัน 38,990 บาท ได้เป็น Intel Core i5 และ RTX 3050 องค์ประกอบอื่นไม่ต่างกัน ส่วนตัวแนะนำรุ่นท็อปที่เรารีวิวนี้ เพิ่มเงินประมาณ 5 พันบาท แต่ได้เพิ่มซีพียูกับกราฟิกที่แรงขึ้นอีกดูลงตัวมากกว่า

award new multi media

แม้ว่าทางของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED นี้ จะมาในแนวของ Content Creator หรือแนวกึ่งไลฟ์สไตล์ เพื่อการสร้างสรรค์ก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่าด้วยจอ OLED นี้ตอบโจทย์ในด้านมัลติมีเดียได้ดีไม่แพ้เรื่องของขุมพลังอย่าง Intel Core i7 ที่มีมาให้ รวมถึงยังมีกราฟิก GeForce RTX เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งการ์ดจอนี้ ช่วยในด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในการเล่นเกม จอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด 2.8K ก็ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ได้ Certified Display HDR True Black 600 มีรายละเอียดที่น่าติดตาม และฟีเจอร์อย่างระบบเสียง Dolby รวมถึงลำโพง Harman Kardon ที่มาพร้อมแอมป์ในตัว เพิ่มพลังเสียงให้กับการชมภาพยนตร์และการเล่นเกมได้อย่างสนุก เมื่อรวม 3 สิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ทำให้รางวัลนี้ ดูเหมาะสมอย่างยิ่งกับโน๊ตบุ๊คจาก ASUS รุ่นนี้

from:https://notebookspec.com/web/667714-asus-vivobook-pro-15-oled

ASUS Vivobook 16 รีวิวโน๊ตบุ๊คจอกว้าง กาง 180 ทำงานเช็คหุ้น ดูหนังก็ปัง! พลัง Ryzen 5

ASUS Vivobook 16 จอกว้าง พอร์ตเยอะ ทำงานหรือบันเทิงก็ลงตัว ฟีเจอร์ครบ Ryzen 5 แค่ 22,990.-

ASUS Vivobook D1603Q cov6

ASUS Vivobook 16 การที่มีเครื่องมือช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา การเลือกโน๊ตบุ๊คสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายก็เช่นกัน ASUS Vivobook เป็นไลน์โน๊ตบุ๊คกลุ่มไลฟ์สไตล์ ซึ่งเวลานี้มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เช่นเดียวกับ ASUS Vivobook 16 ที่เรานำมาให้ชมกันในวันนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด 1920×1200 ในแบบ 16:10 กางออกได้ 180 องศา เพื่อแชร์ไดเดียเด็ดๆ ของคุณให้คนอื่นๆ ได้ชม ยกขุมพลังซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ที่ถือว่าเป็นซีรีส์ของเกมมิ่งมาให้ผู้ใช้ได้ทำงานต่างๆ ลื่นไหลมากขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีการระบายความร้อนมาเป็นพิเศษ ลดเสียงรบกวน จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบและใช้วัสดุแข็งแรง น้ำหนักเบาแม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีจอใหญ่ก็ตาม และเคลือบสารป้องกันแบคทีเรียมาด้วย กล้องเว็บแคมที่ให้ความเป็นส่วนตัว ปิดการใช้งานได้ด้วยปลายนิ้ว และคีย์บอร์ด ErgoSense ให้มุมการกดที่เข้ากับสรีระ การกดที่นุ่มนวล และตอบสนองได้ดี เพิ่มความเร้าใจด้วยระบบเสียง ASUS SonicMaster เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงที่มีให้อย่างครบครัน และการเชื่อมต่อไร้สายอีกมากมาย พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ในตัว และการรับประกัน 2 ปี กับราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท


จุดเด่น

Advertisementavw
  • ให้พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 16″
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ให้ซีพียูระดับเกมมิ่ง AMD Ryzen 5 5600H
  • มีสล็อตอัพเกรดแรมเพิ่ม
  • ขอบจอบางมาก มี Privacy shutter มาให้
  • มีพอร์ต USB Type-C มาให้
  • กราฟิกพอเล่นเกมพื้นฐานได้ในระดับ 30-40fps
  • แบตค่อนข้างอึด 50Whr ใช้ได้ราวๆ 8-9 ชั่วโมง

ข้อสังเกต

  • ถ้ามีพอร์ต LAN RJ-45 เพิ่มมาให้ก็น่าจะดี

ASUS Vivobook 16 D1603


Specification

ASUS Vivobook 16 รายละเอียดผลิตภัณฑ์
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 5 5600H Mobile Processor (6-core/12-thread, 19MB cache, up to 4.2 GHz max boost)
กราฟิก AMD Radeon™ Vega 7 Graphics
จอภาพ 16.0-inch, WUXGA (1920 x 1200) 16:10, IPS-level Panel, 300nits, 45% NTSC color gamut for non-OLED, Anti-glare display, Screen-to-body ratio86 %
หน่วยความจำ 8GB DDR4 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
ช่องเสียบ 1x DDR4 SO-DIMM slot
การเชื่อมต่อ 1 x USB 2.0 Type-A
1x USB 3.2 Gen 1 Type-C
2 x USB 3.2 รุ่น 1 Type-A
1 x Micro HDMI 1.4
1x 3.5mm Combo Audio Jack
คีย์บอร์ดและทัชแพด Chiclet Keyboard with Num-key, 1.4mm Key-travel, Touchpad
กล้อง 720p HD camera
With privacy shutter
เสียง SonicMaster
with Cortana and Alexa voice-recognition support
การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน 50WHrs, 3S1P, 3 ก้อน
พาวเวอร์ซัพพลาย ø4.5, 90W AC Adapter, Output: 19V DC, 4.74A, 90W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
น้ำหนัก 1.88 kg
ขนาด (กxยxส) 35.84 x 24.77 x 1.99 ~ 1.99 cm
แอปที่มาพร้อมเครื่อง MyASUS
คุณสมบัติ MyASUS System diagnosis
Battery health charging
Fan Profile
Splendid
Function key lock
WiFi SmartConnect
Link to MyASUS
TaskFirst
Live update
ASUS Intelligent Performance Technology
AI Noise Canceling
Microsoft Office รวม Office Home และ Student 2021
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Regulatory Compliance
Energy star
ความปลอดภัย BIOS Booting User Password Protection
Trusted Platform Module (Firmware TPM)
BIOS setup user password
ภายในกล่อง Backpack
ราคา 22,990 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 D1603Q รุ่นนี้ มาในโทนสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็นสีประจำรุ่นก็ว่าได้ รวมไปถึงโน๊ตบุ๊คกลุ่มธุรกิจ อย่างเช่น ExpertBook ในหลายๆ รุ่น ซึ่งถือว่าค่อนข้างโดดเด่น และดูจะเข้ากันได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะใช้งานในออฟฟิศ ออกไปนั่งร้านกาแฟ หรือจะไปพบลูกค้านอกสถานที่ ส่วนตัวค่อนข้างชอบสีนี้ เพราะเห็นเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก และดูสุขุมเลยทีเดียว เช่นเดียวกับบอดี้ ที่ยังคงความกระทัดรัดเอาไว้ แม้ว่าจะอยู่ในแนวของโน๊ตบุ๊ค 16″ ก็ตาม

ASUS Vivobook 16

โคงสร้างหลักแข็งแรง Cover ยังคงเป็นแบบ ABS แต่จะไม่ได้เป็นซอฟต์ทัชแบบเดียวกับใน Zephyrus แต่เรื่องของสีสัน จะดูเป็นแบบสีด้าน ไม่มันเงา ไม่ต้องกลัวเรื่องริ้วรอยมากนัก ส่วนบอดี้หลักจะมีทั้งเป็นโลหะในบางส่วน ทำให้สัมผัสแข็งแรง และให้ความยืดหยุ่นพอสมควร มีการลบเหลี่ยมมุม เพื่อให้บอดี้ดูมีความบางและเล็กลงอีกด้วย สังเกตได้จากขอบด้านข้างทั้ง 4 ด้าน รวมถึงด้านใต้ของพอร์ตทั้ง 2 ด้าน

ASUS Vivobook 16

กรอบบานของหน้าจอบางเป็นพิเศษ ในส่วนนี้ ASUS เคลมว่าให้สัดส่วนพื้นที่หน้าจอแสดงผลมากถึง 86% เมื่อเทียบกับบอดี้ทั้งหมด ซึ่งดูแล้วเป็นผลดีสำหรับผู้ใช้ทั้งในงานเอกสาร ท่องเว็บหรือจะเน้นความบันเทิง เพราะไม่มีเรื่องของขอบหนาๆ มาทำให้เสียอรรถรสและยังมีส่วนทำให้บอดี้โดยรวมเล็กลงอีกด้วย

ASUS Vivobook D1603Q 36

มาพร้อมกล้องเว็บแคมความละเอียด HD พร้อมไมโครโฟน แต่ไม่รองรับการล็อคอินด้วยใบหน้าผ่านทาง Windows Hello พร้อมที่ปิดกล้อง privacy shutter โดยมีไมโครโฟน และมีไมโครโฟน ASUS AI Noise-Canceling ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนที่จะแทรกเข้ามาขณะใช้งานได้หลายรูปแบบ ร่วมกับเทคโนโลยี Ai

ASUS Vivobook 16

คีย์บอร์ด ASUS ErgoSense ในแบบ Full-size จัดเต็ม ถูกวางไว้จนเกือบเต็มพื้นที่กับปุ่มขนาดใหญ่ กดพิมพ์ได้ง่าย ดูสบายตากับฟอนต์ที่คมชัด และวางฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึงฮอตคีย์ให้ใช้งานอีกเพียบ ไม่ว่จะเป็นการเปิด-ปิดฟังก์ชั่น เพิ่มลดระดับเสียง แสงสว่าง รวมถึงมี Numberpad มาให้พร้อมใช้ จะขาดไปบ้างก็น่าจะเป็นเรื่องแสงไฟ Backlit แต่ก็ดูแล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าซีเรียสมากนักกับการใช้งานในแต่ละวัน

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 มีพอร์ตต่อพ่วงให้มาตามมาตรฐาน และน่าจะเยอะมากพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน โดยมี USB Type-A ให้ถึง 3 พอร์ตด้วยกัน และเพิ่ม USB-C มาด้วย แต่เน้นที่การถ่ายโอนข้อมูลเป็นหลัก รวมถึง HDMI นอกนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย WiFi 6 ax และ Bluetooth ซึ่งเรียกว่าพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อในเกือบทุกรูปแบบ

ASUS Vivobook 16

บานพับหน้าจอแข็งแรงและโดดเด่นในเรื่องของการกางออกได้ถึง 180 องศา ด้วยการออกแบบที่เรียกว่า lay-flat hinge เพื่อการแชร์ข้อมูลให้กับคนอื่นรอบข้างได้ดูพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงกับแนวคอนเซปต์ของทาง ASUS ในการใช้งานในสำนักงานหรือจะเป็นด้านความบันเทิงภายในบ้านก็ตาม นอกเหนือจากหน้าจอในแบบ IPS ให้มุมมองกว้างขึ้น และจอขนาดใหญ่ การกางได้แบบนี้เป็นผลดีต่อการใช้งานมากขึ้น

ASUS Vivobook 16

ปุ่ม Enter ที่ใส่โลโก้ในแบบดั้งเดิมที่ทาง ASUS ออกแบบไว้ ซึ่งในความหมายจะคล้ายๆ ว่า เมื่อคุณพร้อม ก็กด Enter เพื่อเข้าสู่การทำงานกันดีกว่า หรือคล้ายเป็นการยืนยันว่า มั่นใจก็กดปุ่ม Enter เพื่อจบงานของคุณกันเถอะ ประมาณนี้

ASUS Vivobook 16

ฝาปิดด้านใต้เป็นโครงโลหะซ่อนอยู่กับบอดี้ที่เป็น ABS เจาะช่องดูดอากาศเย็นด้านใต้เครื่อง และปิดบางจุดเอาไว้ เพื่อเป็นการบังคับทิศทางลม และป้องกันชิ้นส่วนด้านใน เป็นช่องลมที่เรียบง่าย ต่างจากใน TUF Gaming และมีแถบยางที่เป็น Feet ยกตัวโน๊ตบุ๊คให้สูงขึ้นเล็กน้อย

ASUS Vivobook 16

ภายในจัดมาแบบหลวมๆ ไม่ได้แน่นจนเกินไป มีลักษณะการวางองค์ประกอบบางอย่างให้ทำงานได้ดีมากขึ้น และมีสล็อตแรมสำหรับการอัพเกรดได้ โดยทาง ASUS ใช้ระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า IceCool technology ที่มาพร้อมใบพัดขนาดเล็ก เสียงรบกวนต่ำ และมีช่องระบายลมร้อนออก บริเวณด้านข้างซ้ายของโน๊ตบุ๊คอีกด้วย

ASUS Vivobook 16

อแดปเตอร์ชาร์จไฟให้มาไซส์ใหญ่แบบเดียวกับบน ASUS Vivobook 15 แต่ขยับมาเป็น 90W 4.74A ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีทีเดียว และขนาดเล็กกระทัดรัดประมาณฝ่ามือเท่านั้น น้ำหนักแค่ 300g จัดว่าเบาและสะดวกต่อการพกพาไม่น้อย สายไฟเป็นแบบยางเคลือบ ทนการพับงอได้ดี ความยาวประมาณ 1.50m

ASUS Vivobook 16

บอดี้โดยรวมถือว่าค่อนข้างลงตัว มิติอยู่ที่ประมาณ 35.84 x 24.77 และน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องราวๆ 1.8Kg เท่านั้น


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook 16

ชุดคีย์บอร์ดมาในแบบ Chiclet Island ที่แยกส่วนและมีระยะห่างกันกำลังดี เหมาะทั้งสายพิมพ์งานยาวๆ แบบสัมผัส หรือผู้ใช้ทั่วไป ให้แรงกดไม่ลึกมากนัก มีการสะท้อนพอเหมาะ ซึ่งจะคล้ายๆ กันเกือบทั้งหมดในสายทำงานอย่าง Vivobook แต่จะกดลึกกว่า Zephyrus เล็กน้อย ขณะที่มีการตอบสนอง ปุ่มมาในแบบ Full-size ซึ่งมี NumberPad มาในตัว แต่จะไม่มีแสงไฟ Backlit มาให้

ASUS Vivobook 16

ปุ่มคีย์บอร์ดมีความน่าใช้ ใครที่เป็นคนที่พิมพ์แล้วต้องมองแป้นพิมพ์น่าจะชื่นชอบไม่น้อย นั่นก็เพราะตัวฟอนต์ที่ทำออกมาใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน วางเลย์เอาท์ได้ลงตัว ปุ่ม Tab และ Accent อาจจะเล็กไปนิด แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ง่าย

ASUS Vivobook 16

ปุ่ม Spacebar ตรงกลาง ไม่ยาวนัก แต่ก็ใช้งานได้สะดวกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้พิมพ์เป็นหลัก เพื่อให้การจัดวางปุ่ม Ctrl และ Alt ได้ใกล้มือยิ่งขึ้น

ASUS Vivobook 16

ส่วนทาง NumberPad ที่ประกอบไปด้วยปุ่มตัวเลขต่างๆ มี โดยยกแถบของ -, + เอาไว้ด้านบน และบรรดาเครื่องหมายพิเศษต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกติดนิดหน่อยตรงปุ่ม Arrow ด้านล่าง ที่มีให้แบบครึ่งปุ่มเท่านั้น เล็กไปนิดนึง

จะเห็นว่าตรงปุ่ม Enter ค่อนข้างจะโดดเด่น เพราะมีการใส่ลายเส้นอารมณ์แบบป้าย Slate เวลาที่ถ่ายหนังเข้าไปด้วย ประมาณว่า กดสิ รออะไร เราจะได้เริ่มลุยงานกันเลย น่าจะประมาณนี้ โดยตัวปุ่มเกือบจะไปเชื่อมกับปุ่ม ฃ และ ฅ ทำให้มีพื้นที่ปุ่มมากขึ้นอีกนิด กดได้แม่นขึ้น

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 วางส่วนฮอตคีย์ที่อยู่ด้านบนก็เรียกว่ามีให้เกือบครบ หากต้องการใช้ปุ่ม F1-F12 แบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องกด Fn สามารถเปิด ไม่อยากกด Fn ค้าง สามารถกดเลือก Hotkey priority mode ได้ ด้วยการกด Fn+Esc สลับปุ่ม Function Hotkey กับ F1-F12 ตามปกติ ซึ่งเมื่อกดสลับแล้วบนหน้าจอจะมีหน้าต่างแสดงการสลับการทำงานระหว่างปุ่ม F1-F12 หรือ Function Hotkey แสดงขึ้นมาบนหน้าจอให้เราได้ทราบอีกด้วย ทีนี้ก็จะกดที่ฮอตคีย์ได้ทันที ไม่ต้องกดพร้อมปุ่ม Fn

ASUS Vivobook D1603Q 49 1

ส่วนปุ่มฮอตคีย์นั้น ประกอบด้วย เปิด-ปิดเสียง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงสว่างหน้าจอ, เปิด-ปิดทัชแพด, ต่อสัญญาณจอภายนอก, ไมโครโฟน, กล้องเว็บแคม, เรียกใช้ MyASUS และ จับภาพหน้าจอ

ASUS Vivobook 16

ทัชแพดขนาดใหญ่ประมาณ 8.5 x 13cm ถือว่ากว้างขวางทีเดียว หากเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ที่ใช้อยู่ ต่างกันอยู่พอสมควร ซ่อนปุ่มกดซ้าย-ขวาเอาไว้ และใช้ Multi-Gesture ได้อีกด้วย เรียกว่าเอาใจสายท่องเน็ต ดูหนังและการเรียนออนไลน์ได้ดีทีเดียว

สติ๊กเกอร์มีอยู่เป็นปกติบนโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ก็เช่นกัน นอกจากพื้นที่วางมือขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีบรรดาสติ๊กเกอร์อย่าง AMD Ryzen 5, Perfect Warranty, และ Office Home and Student มาให้คุณได้ใช้ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม รวมถึงอธิบายฟีเจอร์ที่มีอยู่มากมายบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ อาทิ กางได้ 180 องศา, มี Ai Noise cancelling หรือจะเป็น MyASUS, Physical webcam privacy เป็นต้น


Screen / Speaker

ASUS Vivobook 16

จอแสดงผลของ ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ มาในไซส์ที่ใหญ่กว่าปกติ อยู่ที่ระดับ 16″ พื้นที่การทำงานมากขึ้นกว่าเดิม และเป็น Ratio หรือสัดส่วนแบบ 16:10 ให้พื้นที่แนวยาวที่มากขึ้น ด้วยความเป็นจอใหญ่ และขอบจอที่บางมาก จึงทำให้มีพื้นที่การแสดงผลที่มากขึ้น

ASUS Vivobook 16 ให้อารมณ์ในการดูหนัง หรือต้องเปิดไฟล์ภาพ และการพรีเซนเทชั่น จึงดูอิ่มเต็มตา คือเรื่องการให้ความสำคัญของ ASUS ในเรื่อง Screen-to-Body บอกได้เลยว่า ทำให้ ASUS ดูน่าสนใจมากขึ้นในหลายๆ รุ่น และหน้าจอแบบนี้ ทำให้การแบ่งหรือ Split Window รวมถึงการใช้ประชุมออนไลน์ มองเห็นสมาขิกได้จำนวนมากและชัดกว่าเดิม โดยเฉพาะคุณครู ที่ต้องดูลูกศิษย์ขณะที่สอนงาน บอกเลยว่าน่าจะชอบเป็นพิเศษ

ASUS Vivobook 16

ขอบด้านล่างยังถือว่าค่อนข้างบาง เพราะมีพื้นที่กรอบอยู่เล็กน้อย กว้างราว 1.5cm เท่านั้น ซึ่งทำให้ตัวจอมีมิติกว้างขึ้น และดูไม่เกะกะสายตา พร้อมโลโก้ ASUS Vivobook สีขาวบนพื้นสีดำ

ASUS Vivobook 16
Webcam1
Physical Webcam Shield

กล้องเว็บแคมนี้ให้ความละเอียด 720p HD ที่ให้ความคมชัดในระดับหนึ่ง มาพร้อมกับ Privacy shutter ในแบบที่คุณใช้เลื่อนเปิด-ปิดหน้ากล้องได้ด้วยตัวเอง ใช้ก็เปิด ไม่ใช้ก็ปิด เป็นการป้องกันตัวเอง ในแง่ของการมีโทรจันหรือไวรัสที่ใช้ช่องทางเข้าถึงกล้องของเราได้ไม่ง่าย รวมถึงคนที่มักจะเผลอลืมปิดกล้องหลังประชุม หรือออนไลน์ทำงานอยู่

Webcam 1

ส่วนคุณภาพของกล้องเว็บแคม ก็เป็นไปตามตัวอย่างนี้ ความคมชัดอยู่ในระดับมาตรฐาน เรื่องแสงสีพอใช้ได้ แต่ถ้าคุณเซ็ตห้องหรือวางไฟ ให้มีความสว่างที่หน้าบ้าง ก็จะทำให้ดูสวยเนียนขึ้นได้อีกเยอะ เหมาะกับการประชุมหรือการเรียน หรือคุณจะใช้ในการนำเสนองานก็พอใช้ได้เช่นกัน

สำหรับไฮไลต์อย่างหนึ่งของโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้อยู่ที่ฟีเจอร์ 180° lay-flat hinge ที่สามารถกางหน้าจอออก 180 องศา มาพร้อมบานพับที่แข็งแรง โดยตัวจอที่กางออกนี้ เหมาะกับใช้ในโอกาสต่างๆ ได้มากมาย และถ้าจะให้ดี มีฟังก์ชั่นกลับภาพหน้าจอให้ได้เลย สำหรับแชร์ภาพให้คนตรงข้ามได้เห็น หรือแบ่งปันให้ดูกันได้หลายๆ คนก็คงจะดีไม่น้อย

ตัวอย่างภาพของเกม การสตรีมและการเล่นเกม เรารวมเอามาไว้ให้ได้ชมกัน ในส่วนของเกม ไม่มีติดขัด ยิ่งเป็นเกมสีสันสดใส เอฟเฟกต์อลังการอย่าง DOTA2, Overwatch, Apex หรือจะเป็นเกมอย่าง Diablo ก็ให้ภาพที่สวยงาม เพียงแต่ว่าในบางเกม ไม่สามารถอัพความละเอียด หรือเพิ่มความสวยงามเยอะๆ ได้ ตามสเปคของระบบ ส่วนการชมวีดีโอ ถือว่าทั้งรายละเอียดและความไหลเนียนของภาพ ทำได้ดี ดูได้เพลินตา และเมื่อเราลองปรับ HDR enable บน Windows ภาพที่ใด้ดูกลมกลืนมากขึ้น แม้จะไม่ได้ถูกวาง Certified ด้าน HDR มา แต่ Vivobook 16 นี้มีพื้นฐานของพาแนลมาดีพอสมควร เพราะให้ความต่างในการแสดงผลได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้สดใสแบบ HDR OLED แต่ถ้ามาดูพื้นฐานของจอบนโน๊ตบุ๊คราคาประมาณ 22,990 บาทนี้แล้ว จัดว่าเกินคาด

ASUS Vivobook 16

บน Display Properties บอกข้อมูลของ Resolution เป็น 1920 x 1200 ในแบบ Native อาจจะทำให้ดูฟอนต์ใหญ่อยู่บ้าง แต่สามารถปรับ Scale ให้เหมาะกับความชอบของคุณได้เลย

Display CAL 1 2

ในแง่ของสีสันและความสดใส รวมถึงความแม่นยำของค่าสี ที่จะนำมาใช้งานนั้น แนะนำว่า ถ้าใช้งานในห้องปกติ ปรับความสว่าง 60-70% ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรือถ้าชอบแนวสว่างชัดๆ ไปเลย ก็เพิ่มอีกเล็กน้อยตามสะดวก โดยใช้ฮอตคีย์ F4, F5 ส่วนในแง่ของความแม่นยำ เราใช้โปรแกรม DisplayCAL กับอุปกรณ์ทดสอบหลักอย่าง ColorChecker มาทดสอบ ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ครับ ค่า Gamut อยู่ที่ราวๆ 60% อยู่ในเกณฑ์พื้นฐานของจอโน๊ตบุ๊คทำงาน ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ หากเป็นในกลุ่ม Vivobook 15 ที่เป็น OLED หรือ Zephyrus ตัวเกมมิ่ง ก็จะทำได้ดีกว่า แต่อย่าลืมว่าราคาก็จะดีดเพิ่มขึ้นไป ส่วนถ้ามีความจำเป็นจะต้องทำงานเกี่ยวข้องกับด้านภาพและสีเพิ่ม ให้มองจอทำงาน ที่ต่อแยกเพิ่มดูจะเหมาะสมมากกว่า

แต่อีกค่าหนึ่งดูน่าสนใจเช่นกัน นั่นคือ ค่าความสว่าง ที่จอนี้ทำได้เมื่อเปิดสุด 100% ให้ผลทดสอบได้ถึง 361cd/m2 ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานในที่ที่แสงน้อย หรือมีแสงรอบข้างค่อนข้างมาก หรือคนที่ใช้งานนอกสถานที่บ่อย แต่กรณีที่ใช้ในสำนักงาน ปรับในระดับ 60-70% ที่มีแสงไฟรอบข้างเพียงพอ ก็มองเห็นได้ชัดแล้วครับ


Connector / Thin and Weight

ASUS Vivobook 16

ส่วนฝั่งทางด้านซ้ายของโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีเพียง USB 2.0 Type-A มาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น แต่ใช้พื้นที่ว่างอีกส่วนหนึ่ง มาเป็นช่องระบายความร้อน ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี การแยกฝั่งการใช้งานแบบนี้ เป็นผลดีหลายอย่าง ตั้งแต่การจัดระเบียบการต่อพ่วงอุปกรณ์ได้แล้ว ยังง่ายต่อการใช้ ไม่ต้องเกะกะอีกด้วย

ASUS Vivobook 16

โดยส่วนตัวการมี USB-C มาให้ก็จะเป็นการดีอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าได้เพิ่มฟังก์ชั่้น ที่นอกเหนือจากการถ่ายโอนข้อมูล ก็จะเป็นผลดีต่อผู้ใช้มากกว่าเดิม แม้ว่าการเติม Thunderbolt 4 เข้ามา อาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะอาจจะทำให้ราคาขึ้นไปเกินกว่า 25K ดังนั้นการเพิ่มบทบาทของ USB-C ก็ดูจะน่าสนใจไม่น้อย อย่างไรก็ดีหากผู้ใช้ไม่ได้ซีเรียส ก็อย่าลืมว่ายังมี HDMI ที่แสดงผลไปยังจอภายนอกได้อีกด้วย ก็พอจะตอบโจทย์ในด้านนี้ได้

ASUS Vivobook 16

ส่วนในเรื่องมิติและความบาง ASUS เคลมเอาไว้ว่า 1.99cm ก็เป็นเรื่องปกตินะของโน๊ตบุ๊คในระดับ 15.6″ หรือ 16″ แบบนี้ โดยเฉพาะการวัดในจุดที่หนาสุด เพราะอย่าลืมว่าโน๊ตบุ๊คจะต้องมีโครงสร้างส่วนหนึ่ง ในการรับภาระโดยรวมเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องเพิ่มความแข็งแรง และส่วนตัวก็มองว่าไม่ได้เป็นปัญหา หากจะใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้หรือใช้สะพายข้าง เพราะยังมีพื้นที่มากพอในการจัดวางสิ่งต่างๆ ได้ ไม่อึดอัดจนเกินไป

Weight 1
Weight 3

และน้ำหนักที่ได้ อยู่ที่ประมาณ 1.87Kg ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ในเว็บไซต์ของ ASUS อยู่ที่ 1.88Kg เมื่อรวมกับแอดปเตอร์ขนาดเล็กๆ น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ก็ทำให้โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ๆ แบบนี้ หนักประมาณ 2.1Kg เท่านั้น ยังอยู่ในเกณฑ์ของการพกพาได้ และอยู่ในระดับเดียวกับโน๊ตบุ๊ค 15.6″ อีกด้วย จะใส่กระเป๋าเป้เดินทาง ก็ยังพอไหว จะเป็นชายร่างใหญ่หรือสุภาพสตรีที่ยกบ้าง วางบ้าง แวะหาลูกค้าทำงาน และวางในรถยนต์ก็ไม่เกะกะ


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook 16

มาดูที่ด้านหลังหรือด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook 16 นี้กันก่อนจะไปแกะ เพื่อดูด้านในและการอัพเกรด สำหรับคนที่อยากจะลองทำด้วยตัวเอง สามารถใช้ไขควง 4 แฉกในการแกะได้ มีน็อตประมาณ 13 ตัวด้วยกัน ไขง่ายมาก ส่วนการแกะฝาปิดนั้น อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อย

ASUS Vivobook 16

เมื่อเปิดฝาออกมา จะเห็นด้านในเป็นเช่นนี้ โดยจะเป็นโครงที่มีชิ้นส่วนปกป้องอุปกรณ์ด้านในอยู่พอสมควร เช่น ขาล็อคน็อต, SSD module รวมถึงตะแกรงกรองฝุ่นในจุดที่เป็นพัดลม

ASUS Vivobook 16

ภายในของ ASUS Vivobook 16 เมื่อเปิดฝาออกมาทั้งหมดแล้ว ภายในเราจะได้เห็นเมนบอร์ดในไซส์ขนาดมาตรฐาน ซึ่งใช้พื้นที่ประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งหมดภายใน สำหรับการจัดวางชุดระบายความร้อน แม้จะเป็นแบบพัดลมเดียว และใช้ฮีตไปป์ทองแดงจำนวน 2 เส้น วิ่งคู่กันจากฮีตซิงก์ของซีพียู ผ่านมายังช่องพัดลม และไปยังครีบระบายความร้อน และให้พัดลมที่ดูดลมเย็นเข้ามา เป่าออกไปทางด้านข้างซ้าย และทาง ASUS ใช้เทคโนโลยี IceCool Thermal ช่วยในการระบายความร้อน

ASUS Vivobook 16

ใบพัดลมเป็นแบบ 87 ใบขนาดเล็กมากๆ และยังเป็น Liquid-crystal polymer ซึ่งถือว่าเป็นผลดี เพราะทำให้มีความแข็งแรง และเสียงรบกวนน้อย ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานทั้งในด้านของการเล่นเกม ดูหนังต่อเนื่องหรือในช่วงที่โหลดซีพียูหนักๆ ได้ดีพอสมควร

ASUS Vivobook 16

ช่องที่เป็นทิศทางลมออกอีกช่องหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลัง หรือใต้หน้าจอ เบี่ยงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย ช่วยให้การระบายอากาศทำได้คล่องตัวขึ้น

ASUS Vivobook 16

มาว่ากันที่การอัพเกรดกันบ้าง โดยพื้นฐาน ASUS Vivobook จะมาพร้อมกับแรมออนบอร์ด เช่นเดียวกัน รุ่นนี้มีมาให้ 8GB DDR4 แล้ว และยังมีสล็อตแรมเพิ่มให้อีก 1 สล็อต DDR4 SO-DIMM สำหรับการอัพเกรดอีกด้วย โดยเพิ่มได้อีกอย่างน้อย 24GB เมื่อรวมกับของเดิม

ASUS Vivobook 16

และอีกช่องหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ เดิมทาง ASUS ติดตั้ง SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 มาแล้ว 1 ตัว ความจุ 512GB ก็สามารถเพิ่มความจุ ด้วยการเปลี่ยนเป็น SSD ในรูปแบบเดียวกัน จะเพิ่มความจุหรือความเร็ว ก็ดูได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัว ถ้าคุณเป็นคนที่มีข้อมูลเยอะมาก ใช้โปรแกรมค่อนข้างหลากหลาย การเพิ่มเป็น SSD 1TB ก็ดูน่าสนใจ เพราะราคาเวลานี้ก็ถูกลงมาก 1TB ราคาเริ่มต้นประมาณ 3 พันบาทเท่านั้น

ASUS Vivobook 16

แบตเตอรี่ที่ให้มาเป็นแบบ 3-cell 50Whr ซึ่งอยู่ในเกณฑ์กลางๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คในขนาด 15.6″ หรือ 16″ ที่มีอยู่ในท้องตลาด เรื่องของระยะเวลาในการทำงาน สามารถเข้าไปดูในส่วนของการทดสอบ Battery / Heat / Noise กันได้เลยครับ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ บริเวณที่เป็นบานพับทาง ASUS ออกแบบมาเป็นแนวยาวตลอดทั้งบอดี้ และมีจุดยึดที่แข็งแรงพอสมควร ทำให้พอมั่นใจได้ว่า จะใช้ไปได้แบบยาวๆ เมื่อต้องเปิด-ปิดๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งคนที่ต้องเดินทางบ่อย น่าจะให้ความสำคัญในจุดนี้ด้วยเช่นกัน


Performance / Software

ASUS Vivobook 16

มาสู่โหมดการทดสอบ เริ่มที่ CPUz กับการรายงานข้อมูลฮาร์ดแวร์ โดยแจ้งเป็นซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ได้อย่างถูกต้อง ทำงานในแบบ 6 core/ 12 thread มีแคช L3 มากถึง 16MB ส่วนอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อเป็น PCI-Express 4.0 x16 แล้วนะ

ASUS Vivobook 16

แรมที่ติดตั้งมาเป็นแบบ DDR4 3200 ความจุ 8GB สามารถอัพเกรดเพิ่มเติมจากสล็อตที่มีมาให้บนเมนบอร์ดได้ แนะนำว่าถ้าคุณไม่ได้ติดเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก หรือต้องการประสิทธิภาพในงานที่มีการใช้ทรัพยากรเยอะ เช่น โปรแกรมแต่งภาพ เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือตัดต่อวีดีโอเบื้องต้น เพิ่มอีกสัก 16GB ก็จะเห็นศักยภาพที่ทำได้ดีมากขึ้น รวมถึงการเล่นเกมก็มีส่วนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

CPUz4

และกราฟิกที่มีมาพร้อมซีพียู AMD Ryzen 5 รุ่นนี้ เป็นรุ่น Radeon Vega Graphic ที่ถือว่าเป็นอีกเลเวลหนึ่งที่ช่วยให้การเล่นเกมหรือทำงานด้านวีดีโอได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบจะจัดการเรื่อง Cache หรือ VRAM ให้อัตโนมัติ ผลที่ได้ในการเล่นเกมเป็นอย่างไร ดูได้จากการทดสอบครับ

CPUz5

เราลองทดสอบระดับประสิทธิภาพ ASUS Vivobook 16 เมื่อเทียบกับซีพียูที่เป็นอดีตตัวแรงของเหล่าเกมเมอร์อย่าง AMD Ryzen 7 2700X เรื่องของ Single-Thread นั้น Ryzen 5 5600H สามารถกระชากลูกเลี้ยงหลบไปยิงได้ไม่ยาก ส่วน Multi-Thread ก็ทำได้สูสีเลยทีเดียว เป็นรองอยู่เล็กน้อย แต่ย้ำว่า Ryzen 7 2700X นั้นเป็นซีพียู PC ที่มีค่า TDP สูงกว่าและมี Core/ Thread ที่มากกว่านะ

ASUS Vivobook 16

ระบบ Storage เป็น SSD จากทาง Micron 2210 เท่าที่เช็คฮาร์ดแวร์จะเป็นแบบ 3D NAND QLC เป็น SSD สำหรับกลุ่มเอนด์ยูสเซอร์ เริ่มต้นกับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์การใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีพอสมควร ร่วมกับอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 ซึ่งความเร็วในการอ่านอยู่ที่ประมาณ 2,200MB/s และเขียนที่ 1,100MB/s

ASUS Vivobook 16

ในการทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 ทำคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 5,642 คะแนน โดยมีคะแนนในส่วนของ Essentials และ Productivity ทำได้ค่อนข้างดี เกือบถึง 10,000 คะแนน

ASUS Vivobook 16

ส่วนการทดสอบ 3DMark กับกราฟิก Radeon Vega ที่ติดตั้งมาบนซีพียู ซึ่งยังคงทำคะแนนได้ดีพอสมควรในหลายการทดสอบ ซึ่งเชื่อว่าถ้าติดตั้งแรมเพิ่มเติมเข้าไป น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ASUS Vivobook 16

ผลการทดสอบกับ CINEBench ในเวอร์ชั่นต่างๆ ด้วยซีพียูในระดับ 6 core/ 12 thread ก็จัดว่าตอบสนองการใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับเดียวกัน

ASUS Vivobook 16

การทดสอบด้วยเกม 3 มิติ เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพในการเล่นเกม ด้วยกราฟิก AMD Radeon Vega นี้ ก็ถือว่าให้คุณเล่นเกมในแนวต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากจนเกินไป หรือแทบจะไม่ต้องพึ่งพึงความสามารถของการ์ดจอแยก โดยเกมอย่าง DOTA2 ในโหมด Fastest ให้เฟรมเรตได้สูงถึง 80fps และเฉลี่ยอยู่ที่ราว 60fps ได้นิ่งๆ แม้ภาพจะไม่สวยงามหรูหรา แต่คุณยังคงได้เห็นเอฟเฟกต์และความลื่นไหลได้

ASUS Vivobook 16

โดยที่ในเกม Overwatch ก็ถือว่าทำตัวเลขเฟรมเรตออกมาได้ดีเช่นกัน โดยการตั้งค่าจะอยู่ที่ Low สามารถเล่นได้ในเฟรมเรตเฉลี่ยที่ 70fps ลื่นไหลสบายตา และสุดท้ายกับเกมที่โหดขึ้นมาอีกนิด อย่าง PUBG ที่ตั้งเอาไว้ในแบบ Very Low เล่นได้บนเฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 30-35fps. ก็จัดว่าพอเล่นได้ แต่ถ้าลด View Distance ลงอีกหน่อย ก็จะได้ถึง 40fps เลยทีเดียว


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook 16

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้บน ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell, 50Whr ในการทดสอบ ด้วยการใช้โปรแกรม BatteryMon และตั้งค่าการทดสอบด้วยเงื่อนไข ที่อยู่ในสมมติฐานด้วยการจำลองใช้งานแบบประหยัดแบต ในการทดสอบ Video Playback กับระดับเสียง 20% และความสว่างประมาณ 25% สตรีมมิ่ง Youtube ต่อเนื่อง และค่า Power Options ในโหมด Balanced ให้ระยะการทำงานได้เกือบ 9 ชั่งโมงเลยทีเดียว นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจพอสมควร ต้องถือว่าช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำโน๊ตบุ๊คไปใช้งานข้างนอกได้เกือบๆ ครึ่งวัน เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม และเราเพิ่มการทดสอบการชาร์จ โน๊ตบุ๊คสามารถชาร์จไฟที่ระดับ 30% ในเวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี

Battmon

มาทดสอบในด้านของอุณหภูมิขณะทำงานกันบ้าง จากที่ใช้โปรแกรม Furmark ในโหมด CPU Burner เพื่อให้ซีพียูทำงานในแบบ 100% Full-load ในห้องควบคุมอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส เพื่อจำลองการทำงาน เมื่ออยู่ในสภาวะที่ทำให้ซีพียูทำงานเต็มกำลัง บนความเร็วสัญญาณนาฬิกาประมาณ 4.0GHz ผลที่ได้คือ อุณหภูมิขึ้นไปสูงสุดประมาณ 94 องศาเซลเซียส และลงมาอยู่ที่ 84 องศาเซลเซียสแบบนิ่งๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มาจากความสามารถของระบบระบายความร้อน ASUS IceCool พัดลมตัวเดียวก็เอาอยู่

Temp 1

หากมองในความเป็นจริงแล้ว มีการทำงานไม่มากนัก ที่จะรีดพลังของซีพียูไปในระดับนั้น เพราะโปรแกรมส่วนใหญ่จะเรียกใช้ประมาณ 30-40% เท่านั้น ดังนั้นความร้อนที่จะเกิดขึ้นจริง ก็อยู่ที่ราวๆ 50-70 องศาเซลเซียสเท่านั้น


Conclusion / Award

ในภาพรวมของ ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ ผมมองเห็นความโดดเด่นในการถ่ายทอดเรื่องราวของโน๊ตบุ๊คที่มีจอขนาดใหญ่ ซึ่งดูเข้ากับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า ถ้าไม่นับเรื่องของของการพกพาสำหรับบางคน ด้วยจอขนาด 16″ 1920×1200 นี้ ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในงานและความบันเทิงได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรที่ต้องการพรีวิวงานให้กับลูกค้า หรือจะเป็นคุณครูที่ใช้พื้นที่ในการนำเสนอแก่นักเรียน หรือการเรียนออนไลน์ รวมถึงผู้ใช้ตามบ้าน ที่มีพี่น้องลูกหลาน ให้มาใช้งานร่วมกันได้ แบ่งปันความบันเทิงให้กับคนในครอบครัว หรือจะนั่งดูหนัง สตรีมมิ่งกับเพื่อนๆ ไปจนถึงเหล่ายูทูปเบอร์ที่พอจะใช้ในการตัดต่อวีดีโอเบาๆ กับการพรีวิวภาพได้กว้างกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นที่น่าสนใจ

ในแง่ของประสิทธิภาพ ถือได้ว่า AMD Ryzen 5 5600H นี้ ตอบสนองกับแอพพลิเคชั่นในด้านต่างๆ ได้ดี รวมถึงผลทดสอบต่างๆ ที่ออกมา ก็น่าพึงพอใจ เรียกว่างานบ้าน ไปจนถึงงานสำนักงาน สอบผ่านในทุกจุด และยังเติมความสนุกในการเล่นเกมได้ดีพอสมควร แม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลักก็ตาม ด้วยกราฟิกที่มากับซีพียู AMD รุ่นนี้ ก็เรียกว่าเน้นงานทั่วไป มากกว่า อย่างไรก็ดีเรายังได้เห็นเฟรมเรตสวยๆ จากเกมต่างๆ มาให้สัมผัส และเป็นการเล่นเกมในโหมด Full-HD อีกด้วย เช่นเดียวกับในเรื่องของเสียงก็ยังให้ความสนุกสนาน และเต็มอิ่มไปกับการชมภาพยนตร์ได้อีกด้วย

เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงมีมาให้เยอะพอสมควร โดยเฉพาะพอร์ตสำคัญๆ เช่น USB Type-C หรือ HDMI จะขาดก็เพียงเล็กๆ น้อยๆ ถ้ามองในแง่การใช้งานพอร์ต USB Type-A ก็จัดมาให้อีก 3 พอร์ต ก็เรียกว่าใช้งานได้เยอะแล้ว แต่น่าเสียดายที่ทาง ASUS ไม่ได้ติดตั้งแสงไฟ Backlit มาบนคีย์บอร์ด ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ โดยเฉพาะปุ่มคีย์ใช้งานง่าย กดสะดวก และยังมีฮอตคีย์มาให้อีกเพียบ แต่โดยปกติ ถ้าคุณเป็นคนที่วางมือ หยุดพักไม่ได้สนใจกับการใช้งานในที่มืดๆ หรือจะต้องทำงานในช่วงเวลาแสงน้อย ก็แทบจะไม่ได้จำเป็นเลย

ด้านการอัพเกรดอย่างน้อยๆ คุณเติมแรมเพิ่มได้ รวมถึงเปลี่ยน SSD ในแบบ M.2 ได้ ก็จัดว่าคุ้มค่าแล้ว ยังไม่รวมการมี Windows 11 Home และ Office Student 2021 มาด้วย รวมถึงการรับประกัน 2 ปี ในราคาแค่ 21,990 บาท เท่านั้น

Award

award new value

ด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คในราคาแค่ 2 หมื่นต้นๆ เท่านั้น แต่ ASUS จัดเตรียมองค์ประกอบมาให้ใช้งานครบครัน ว่ากันตั้งแต่ซีพียูที่ขยับมาเป็นแบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค มีพื้นฐานของระบบที่รองรับการอัพเกรด และหน้าจอขนาดใหญ่ รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่มอบให้กับผู้ใช้ หน้าจอใหญ่ อัพเกรดได้ พร้อม Windows 11 Home และ Office มาด้วย ราคานี้ถือว่าทำได้คุ้มค่าน่าใช้เลยทีเดียว ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ได้อย่างลงตัว

from:https://notebookspec.com/web/665992-asus-vivobook-16-ryzen5-5600h

เพิ่ม ram notebook ดูสเปค เช็คแรมง่ายๆ อัพเกรดได้เอง 2022

เพิ่ม ram notebook ปี 2022 ง่ายแค่ดีดนิ้ว เช็คสเปค ดูแรม สล็อตแรม พร้อมอัพเกรด

เพิ่ม ram notebook

เพิ่ม ram notebook ปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย เพราะพื้นฐานของแรม และชิปเซ็ต ออกแบบมาให้รองรับกับแรมรุ่นใหม่ๆ ได้ดี รวมถึงมีความเข้ากันได้มากขึ้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการสังเกตว่าแรมที่ใช้เป็นแรมชนิดใด และรองรับได้จำนวน ความจุเท่าใด รวมไปถึงการตรวจเช็คความจุของแรม และสังเกตความผิดปกติ หลังจากการอัพเกรด โดยเป็นข้อมูลในปี 2022 และคำถามที่เป็น FAQ ที่เราได้รวบรวมมา เพื่อเป็นแนวทางให้กับหลายๆ คน ที่จะเริ่มทำการอัพเกรดแรมด้วยตัวเอง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูรายละเอียดต่างๆ กันครับ


เพิ่ม ram notebook


วิธีเช็คแรมอัพเกรดได้มั้ย?

เพิ่ม ram notebook

เป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกๆ เลยที่ผู้ใช้จะต้องให้ความสนใจ เพราะคุณจะไม่สามารถทราบได้เลยว่า โน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ จะอัพเกรดได้มั้ยหรือมีแรมมาให้จริงเท่าไร? และเป็นแรมแบบใดบ้าง เช่น DDR4, DDR5 ซึ่งมีหลายวิธีที่สามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้โปรแกรมตรวจเช็ค ดูข้อมูลจากเว็บไซต์ผู้ผลิต หรือจะเป็นการแกะออกมาดูด้วยตัวเอง รวมไปถึงการยกไปให้ที่ร้านทำให้ ซึ่งแต่ละวิธี ก็มีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไป มาดูกันทีละจุดดังนี้

Advertisementavw

ใช้โปรแกรมตรวจเช็ค: โดยปกติเราจะสามารถตรวจเช็คการอัพเกรด เพื่อการเพิ่ม ram notebook ได้ในบางโอกาส เพราะส่วนใหญ่แอพพลิเคชั่น จะไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า มีสล็อตเพิ่มมั้ย หรืออัพเกรดแรมแบบใดได้บ้าง มักจะแจ้งเป็นแรมที่ติดตั้งแต่ละสล็อตว่ามีความจุเท่าไร และเป็นแรมแบบใด ซึ่งจะไม่สามารถระบุไปได้ว่า โน๊ตบุ๊ค จะมีจำนวนสล็อตเท่าใด หรือมีทั้งแรมออนบอร์ด หรือเป็นแบบติดตั้งมาบนสล็อต ส่วนตัวอย่างของแอพพลิเคชั่น ก็มักจะเป็นแบบที่ใช้รายงานสถานะระบบหรือบอกรายละเอียดของฮาร์ดแวร์ อาทิเช่น

เพิ่ม ram notebook
  • CPUz: เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาในแท็ป SPD จะรายงานจำนวนสล็อตแรม และแรมที่ติดตั้งอยู่บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ เพียงแต่ในหลายครั้งจะสังเกตว่า มีสล็อตแรมเยอะจนผิดปกติ และบางครั้งก็ไม่ระบุถึง
  • AIDA64: ในหัวข้อของ Motherboard และไปที่แท็ป SPD ตรงนี้จะบอกข้อมูลของแรมในแต่ละโมดูลให้คุณได้ทราบ แต่ก็จะระบุข้อมูลเฉพาะที่มีติดตั้งไว้บนระบบแล้ว แต่จะมีสล็อตที่ว่างเอาหรือไม่ ก็อาจจะต้องเช็คตามเลข DIMM ที่ระบุเอาไว้ ยังพอคาดเดาได้
  • HWinfo: สามารถเข้าไปดูในแท็ป Memory Module ได้ในนั้น จะระบุถึงความเร็ว ความจุ และจำนวนสล็อตได้ค่อนข้างครบถ้วนในระดับหนึ่ง แต่ก็อาจจะไม่ครบถ้วนว่าจะมีจำนวนสล็อตเท่าไร หรือจะเป็นแบบแรมออนบอร์ด แต่ก็พอช่วยให้ผู้ใช้ประมาณการได้ในเบื้องต้น
  • OCCT: เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่ใช้ในการตรวจเช็คแรม หรือฮาร์ดแวร์อย่าง ซีพียู และกราฟิกการ์ดได้อีกทาง โดยเมื่อเข้าไปใน Sysinfo จะระบุรายละเอียดได้ค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โมดูล ความจุ สัญญาณนาฬิกา และบรรดาแรงดันไฟ หรือ Latency เป็นต้น เพียงแต่ว่าจะระบุให้กับโมดูลแรมที่ติดตั้งอยู่บนสล็อตแล้วเท่านั้น อาจจะไม่ได้ถึงขนาดที่บอกแรมออนบอร์ด หรือสล็อตที่ว่างได้ชัดเจน แต่ก็พอนำมาใช้ได้ และยังมีให้เราได้ทดสอบ ประสิทธิภาพ และอุณหภูมิของฮาร์ดแวร์ได้อีกด้วย

ดูข้อมูลจากเว็บไซต์ผู้ผลิต

แต่ถ้าในกรณีที่โน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ มีหลายโมเดล หลายซีรีส์ แบบนี้ก็อาจจะไม่ง่าย ที่จะตัดสินใจได้ว่า เราจะซื้อแรมมาเพิ่มได้มั้ย หรือจะติดตั้งเพิ่มได้เท่าไร ใส่ได้กี่สล็อต เพราะบางทีจะดูจากแอพพลิเคชั่นเพียงอย่างเดียว อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การดูข้อมูลจากเว็บไซต์ผู้ผลิต ในส่วนของ Specification หรือ Technical spec ซึ่งแจงรายละเอียดอยู่บนหน้าเว็บไซต์อยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องหาให้ใกล้เคียงกับซีรีส์โน๊ตบุ๊ค ที่คุณใช้อยู่ให้มากที่สุด เช่น

เพิ่ม ram notebook

จากภาพด้านบนนี้ เป็นโน๊ตบุ๊คจาก ASUS ซึ่งจะบอกข้อมูลในเบื้องต้นว่า มีแรมให้กี่ GB และมี Max Memory ได้สูงสุดเท่าใด ก็ประเมินจากแรมพื้นฐานที่อยู่ในเครื่อง หากมี 8GB ก็สันนิษฐานว่า มีติดตั้งไว้บนสล็อต หรือออนบอร์ดมาให้ และเพิ่มได้สูงสุดที่ 48GB ซึ่งหมายถึง จะต้องมีมากกว่า 1 สล็อตหรือมีสล็อตเหลือ สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้นั่นเอง

เพิ่ม ram notebook

หรือในแบบที่ 2 เป็นโน๊ตบุ๊ค MSI ในรุ่น Modern 14 จะระบุเอาไว้ครับว่า Max. ได้สูงสุด 32GB ใน 1 สล็อต รองรับ DDR4 3200 ซึ่งก็เป็นได้ทั้ง มี 1 สล็อต สามารถอัพเกรดหรือเปลี่ยนได้ถึง 32GB แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า มีแรมให้สล็อตหนึ่งแล้ว และอัพเกรดบนสล็อตที่เหลือได้หรือไม่ แต่ก็ถือว่าระบุข้อมูลมาได้พอสมควร

เพิ่ม ram notebook

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจาก HP 15s ตรงนี้ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว โดยระบุมาว่าเป็นแรม 16GB DDR4 3200 โดยแบ่งเป็น 8GB x2 โมดูล ซึ่งอาจเป็นได้ว่า มีมาให้ 2 สล็อต ติดตั้งแบบ 8GB มาให้ 2 ตัว แต่ไม่ได้แจ้งว่าความจุสูงสุดกี่ GB ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่เราจะต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม

เพิ่ม ram notebook

ดูข้อมูลจากผู้จำหน่าย หรือสอบถามจากหน้าร้าน ก็มีส่วนช่วยให้คุณได้ทราบข้อมูลการอัพเกรด เพื่อเพิ่ม ram notebook ได้อีกทางหนึ่ง อย่างเช่นตัวอย่างจากหน้าเว็บไซต์ด้านบนนี้ มีข้อมูลแจ้งให้ทราบว่า โน๊ตบุ๊คที่คุณหาข้อมูลอยู่ มีความจุแรมให้มาเท่าไร และมีแรมกี่สล็อต รวมถึงอัพเกรดได้สูงสุดกี่ GB ในส่วนนี้ก็พอให้คุณมั่นใจได้ เมื่อจะอัพเกรด อย่างไรก็ดี ข้อมูลนี้ คุณอาจจะโทรถามผู้จำหน่าย เพื่อยืนยันอีกครั้ง จะได้ไม่ต้องสั่งของหรือไปหน้าร้านมาเก้อนั่นเอง หรือจะติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์เหล่านี

JIB
02-017-4444
@JIBONLINE

Advice
02-908-8888
Hotline 1602

ITcity
02-656-5030

Banana
ลูกค้าออนไลน์: 02-017-7788
ลูกค้าหน้าร้าน/สาขา: 02-017-7770


ดูจากเว็บไซต์และวีดีโอรีวิว

การดูข้อมูลจากฮาร์ดแวร์รีวิวโดยตรง ก็ช่วยให้คุณได้ทราบถึงวิธีการ เพิ่ม ram notebook ได้ง่ายขึ้น ในเบื้องต้นแนะนำว่าให้ดูจากเว็บไซต์ที่เป็นนักรีวิวในไทย จะง่ายที่สุด ที่เป็นเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าการรีวิวจากต่างประเทศจะไม่ครบถ้วน แต่หมายถึงเรื่องของความชัดเจนในโมเดลที่จำหน่าย เนื่องจากหลายครั้งรุ่นที่จำหน่ายในต่างประเทศ กับในไทยมีต่างกันอยู่บ้างในบางรายละเอียด และส่วนใหญ่ที่นักรีวิวได้รับมาทดสอบนั้น ก็จะเป็นรุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และเว็บไซต์รีวิวก็มีอยู่มากมายเลยทีเดียว อย่างเช่น ทาง NotebookSPEC ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่มักจะแกะโน๊ตบุ๊คออกมาให้ทางผู้ชมได้ทราบรายละเอียดว่า คุณจะสามารถอัพเกรดแรม SSD ได้อย่างไร และมีความจุเท่าใดบ้างเป็นต้น

เพิ่ม ram notebook

แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มีรีวิวในไทย ซึ่งโน๊ตบุ๊คบางรุ่น อาจจะใหม่ หรือไม่ได้อยู่ในรายการของรีวิวที่ใดเลย การเลือกชมจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ด้วยการใช้คำค้นจากโน๊ตบุ๊คของคุณ เพื่อหาโมเดลที่มีจำหน่าย ซึ่งเราก็จะได้เห็นกันบ่อยๆ ในการอัพเกรดของต่างประเทศ อาทิเช่น notebookcheck.net หรือ windowscentral.com หรือ pcmag.com เป็นต้น

เพิ่ม ram notebook

และหากคุณมองว่า ในเว็บไซต์อาจเป็นภาพที่ยังไม่ชัดมากพอ ก็ยังมีทางเลือกของรีวิวโน๊ตบุ๊คบนวีดีโอยูทูปให้ได้ชมกันอีกมากมาย และหลายครั้งจะได้เห็นขั้นตอนในการถอด แกะโน๊ตบุ๊คหรือการเปลี่ยนอัพเกรดได้แบบครบถ้วนเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจ หรือสั่งซื้ออุปกรณ์ เช่น แรม SSD มาติดตั้งเองในภายหลัง หรือจะเอาไปแจ้งกับทางหน้าร้านในการอัพเกรดได้อีกด้วย ช่วยลดเวลาในการค้นหาข้อมูลไปได้ไม่น้อยเลย หรือจะเข้ามาดูในแชนแนลของทาง NotebookSPEC ที่มีโมเดลของโน๊ตบุ๊คมากมาย ทั้งเก่าและใหม่ ให้ได้ชมกันอีกด้วยครับ


ติดต่อร้านค้า

เพิ่ม ram notebook

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย ที่ทำให้คุณเพิ่ม ram notebook ได้แบบไม่ต้องเหนื่อยและเสี่ยงมากเกินไป เพราะบรรดาร้านหรือห้างไอที ก็จะมีหน้าร้านไว้คอยบริการ ในการอัพเกรด ถอดเปลี่ยน ซ่อมหรือแก้ไขปัญหา ซึ่งการอัพเกรดถือว่าค่อนข้างง่ายทีเดียว เพียงแต่ว่าอาจจะเลือกร้านที่คุณคุ้นเคยหรือมีฮาร์ดแวร์ให้คุณได้เลือก โดยเฉพาะในการอัพเกรดแรม และ SSD ที่จะช่วยให้คุณได้สินค้าที่ถูกใจ และมั่นใจได้ในการอัพเกรด โดยอาจจะเลือกตามเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้

มีหน้าร้านใกล้ ให้คุณสะดวกในการติดต่อหรือใช้บริการ ซึ่งบางครั้งอัพเกรดแล้วติดขัด หรือจะสอบถามปัญหา ก็จะทำได้ง่ายกว่า บางครั้งการเดินทางไปไกลบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

มีฮาร์ดแวร์ให้เลือกเยอะ การมีตัวเลือกเยอะ ก็ทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยี่ห้อ ขนาด ความจุ รูปแบบหรือจะเป็นโปรโมชั่นก็ตาม

เพิ่ม ram notebook

มีช่างผู้ชำนาญงาน เครื่องมือพร้อม เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะต้องยอมรับว่าโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ไม่ได้แกะออกง่ายๆ และมีความซับซ้อน หากทำด้วยความไม่ระวัง หรือช่างไม่เชี่ยวชาญมากพอ ก็อาจเกิดความเสียหายได้

ให้คำปรึกษาได้ดี ที่ถือว่าเป็นบริการชั้นเยี่ยม เพราะคงไม่ใช่แค่เพียงการอัพเกรดหรือเพิ่ม ram notebook ให้กับเราเท่านั้น ถ้าตอบคำถามหรือแนะนำการใช้งานให้กับคุณในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ด้วย ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี


แกะโน๊ตบุ๊คดู

เพิ่ม ram notebook

แต่ในบางกรณีที่คุณไม่แน่ใจจริงๆ และพยายามหาข้อมูลในหลายๆ ที่แล้ว แต่ว่าไม่มีระบุถึงโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ได้อย่างชัดเจน ว่าสามารถอัพเกรดได้หรือไม่ และบางครั้งก็อยู่ห่างไกลจากศูนย์ที่ให้บริการ และพอที่จะคุ้นเคยในการแกะประกอบคอมอยู่บ้าง ทางเลือกในการแกะโน๊ตบุ๊คดูการเพิ่ม ram notebook ด้วยตัวเอง ก็น่าสนใจไม่น้อย แต่ก็อย่าเพิ่งใจด่วน แกะรื้อกันครับ อยากให้ดูข้อมูลเหล่านี้กันดูก่อนว่า มีสิ่งใดจะต้องระวังกันบ้าง

เพิ่ม ram notebook
  • ดูประกันก่อน หากยังอยู่ในประกัน ไม่แนะนำให้แกะด้วยตัวเอง ให้ลองเช็คกับทางผู้จำหน่าย ว่าจะมีผลต่อประกันหรือไม่ บางรุ่นจะมีวอยด์ที่ติดอยู่บนหัวน็อต ขาดหรือหลุดก็มีผลได้
  • เตรียมเครื่องมือในการแกะ บางครั้งไม่ใช่แค่ไขควงเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะรวมถึงพลาสติกที่ใช้เซาะร่องตามขอบ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ปลดตัวล็อคอันเล็กๆ
  • ใช้ความระมัดระวัง ชิ้นใดไม่แน่ใจ โดยเฉพาะตรงขอบด้านข้าง ที่มีพอร์ตต่างๆ อยู่ ตรงนี้จะบอบบางมาก ดึงแรงๆ อาจหักได้
  • อย่าลืมเรื่องไฟฟ้าสถิตย์ ที่อาจทำร้ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ภายในได้ หากมีถุงมือก็จะดีมาก
  • เมื่อแกะน็อตออกมาครบแล้ว ควรวางให้เป็นระเบียบ หากน็อตขนาดไม่เท่ากัน เพื่อที่จะได้ใส่กลับไปถูกต้องตามช่อง น็อตสั้น-ยาว จำให้แม่น
เพิ่ม ram notebook

ในกรณีที่แกะฝาปิดด้านใต้ออกมาแล้ว เราจะเห็นเลย์เอาท์ของโน๊ตบุ๊คคล้ายๆ กันแบบนี้ บางรุ่นมี 1 พัดลม แต่บางรุ่นอาจมีถึง 2-3 พัดลม แต่ตรงนี้อย่าเพิ่งรีบหยิบหรือแกะ ติดตั้งแรม แต่ให้ถอดส่วนที่เป็นคอนเน็กเตอร์ที่ต่อจากแบตเตอรี่ก่อน เพื่อความปลอดภัย ป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้าสถิตย์ อุปกรณ์โลหะหล่นใส่ การลัดวงจรเป็นต้น ในส่วนนี้จะมีทั้งแบบ แกะด้วยการดึงออกมาได้เลย หรือบางรุ่นจะเป็นตัวล็อค ให้ปลดออกเสียก่อน หรือบางรุ่นอาจจะแกะโดยตรงไม่ได้ ตรงนี้ให้สังเกตที่บริเวณหัวต่อเป็นหลัก

เพิ่ม ram notebook

ต่อมาให้สังเกตที่สล็อตแรม ซึ่งจะมีหน้าตาแบบในรูป ซึ่งบนโน๊ตบุ๊คแต่ละรุ่นอาจมีไม่เหมือนกัน อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้น นั่นคือ บางรุ่นมีสล็อตเดียว หรือบางรุ่นอาจมี 2 สล็อต อย่างเช่นบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหรือโน๊ตบุ๊คทำงาน และที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นคุณจะสามารถประเมินได้ว่า จะอัพเกรดหรือ เพิ่ม ram notebook ได้กี่สล็อต สิ่งที่จะต้องเช็คต่อมาคือ จะอัพเกรดได้ความจุสูงสุดเท่าใด ตรงนี้ให้เช็คเว็บไซต์ผู้ผลิตเป็นหลัก

เพิ่ม ram notebook

บางรุ่นนั้นอาจมาเป็นแบบสล็อตเดียวแบบนี้ แต่จะมี 2 ลักษณะคือ แบบที่มีแรมมาด้วยแล้ว คือมี SODIMM slot มาให้ ใส่แรมได้แถวเดียว ต้องถอดเปลี่ยนแรม เพื่ออัพเกรดความจุให้มากขึ้น แต่อีกแบบที่เราจะเห็นกันมากขึ้นก็คือ มีแรมออนบอร์ดมาให้ พร้อมสล็อตแรมอีก 1 ช่อง แบบนี้ค่อนข้างยืดหยุ่นดี ถ้าแรมเดิมมีแค่ 4GB-8GB อาจน้อยไป ก็สามารถซื้อมาเพิ่มเติมในสล็อตได้

เพิ่ม ram notebook

สุดท้ายในการติดตั้ง ให้สังเกตบากหรือช่องสล็อตให้ตรง ก่อนที่จะใส่แรมลงไปในสล็อต ในแนวทะแยง จากนั้นกดให้ลงล็อคดังกริ๊ก เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น อย่างไรก็ดีการเพิ่ม ram notebook ยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ เพราะสิ่งที่คุณจะต้องทำต่อไป ยังมีอยู่ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน


เช็คแรมได้อย่างไร?

การเช็คหรือตรวจสอบแรมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าคุณอัพเกรดไปแล้ว แต่ใช้งานไม่ได้ มองแรมใหม่ไม่เห็น ก็คือหมดประโยชน์ และต้องกลับมาแก้ไข ตรวจเช็คกันใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

เพิ่ม ram notebook

Task Manager: เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการดูว่าแรมที่ใส่เพิ่มเข้าไปทำงานหรือไม่ ด้วยการกดปุ่ม Ctrl+Shift+Del พร้อมกัน จากนั้นไปที่แท็ป Memory โดยสังเกตที่มุมบนขวาของกราฟ จะรายงานว่ามีแรมความจุเท่าใดที่ทำงานอยู่ และระบบสามารถตรวจพบได้ จากตัวอย่างนี้ เราได้มีแรมเดิม 8GB และเพิ่มเข้าไปอีก 16GB กลายเป็น 24GB และระบบ สามารถตรวจเช็คได้ครบถ้วน แต่ถ้าหายไป หรือเจอไม่ครบ ให้ตรวจสอบใหม่อีกครั้ง

เพิ่ม ram notebook

System: หากเป็น Windows 10 หรือ Windows 11 ให้คลิ๊กขวา ที่โลโก้ Windows ด้านล่างบริเวณ Task bar แล้วเลือก System ให้ดูตรง Installed RAM ว่ามีครบตามที่เราติดตั้งเอาไว้หรือไม่?

เพิ่ม ram notebook

CPUz: สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใช้ได้ ซึ่งจะบอกรายละเอียดได้มากกว่า 2 วิธีที่แนะนำก่อนหน้านี้ เพราะระบุได้ในระดับสล็อตเลยว่า มีแรมรุ่นใด ความเร็วใด ติดตั้งอยู่ในสล็อตใดบ้าง และเป็นการเช็คได้ว่า ความเร็วเป็นไปตามที่เราซื้อมาหรือไม่ และแรมสล็อตใดที่มีปัญหา


อาการผิดปกติหลังเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เพิ่ม ram notebook

แต่ในบางครั้งการเพิ่ม ram notebook ก็ไม่ใช่จะราบลื่นเสียทีเดียว เพราะมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรม โน๊ตบุ๊ค หรือระบบปฏิบัติการ เมื่อเริ่มการใช้งาน มาลองดูกันว่า จะมีปัญหาแบบใดกันบ้าง และมีแนวทางแก้ไขเช่นไร

บูตไม่ติด: อาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่ติดตั้งแรมไม่แนบสนิทหรือถอดเปลี่ยนแรมเดิม แล้วใส่สล็อตใหม่ แรมไม่เข้ากัน ให้ลองถอดออก แล้วใส่แรมเดิมเข้าไป บูตระบบอีกครั้ง

รีสตาร์ทเองบ่อย: อาจเกิดจากแรมใหม่ที่ใส่เข้าไปเกิดปัญหา เช่น มีความเสียหายที่ตัวแรม หรือตัวบอร์ดขณะที่ทำการเปลี่ยน

เพิ่ม ram notebook

มองเห็นแรมไม่ครบ: แรมใช้ร่วมกันไม่ได้ หรือโน๊ตบุ๊ครองรับแรมได้ความจุที่จำกัด แรมบางโมดูล ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ อาจจะต้องเปลี่ยนแรมใหม่

เล่นเกมแล้วเด้งออก ค้าง: อาจเกิดจากความร้อน หรือแรมทำงานผิดปกติ ให้ลองใช้ฟีเจอร์ Error checking ของ Windows ทำการตรวจเช็คอีกครั้ง

และถ้าเจอกับปัญหาหนักๆ เช่น เปิดโน๊ตบุ๊คไม่ติด แรมเห็นไม่ครบ เปิดติดๆ ดับๆ แนะนำว่าอย่าฝืนแก้ไขด้วยตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่มากขึ้นได้ ให้ลองนำไปที่ร้าน หรือที่หน้าร้านที่คุณซื้อแรมมา หรือโทรปรึกษาผู้จำหน่ายโน๊ตบุ๊ค เพื่อสอบถามทางแก้ไขเบื้องต้น หรือถ้าสะดวกเดินทางไปที่ร้าน ก็ดูจะเหมาะสมที่สุด


Conclusion

สุดท้ายนี้การเพิ่ม ram notebook นั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากหรือซับซ้อน กลไกเบื้องต้นที่สำคัญคือ คุณจะต้องทราบก่อนว่า โน๊ตบุ๊คที่คุณใช้อยู่นั้น สามารถอัพเกรดหรือเพิ่มแรมได้หรือไม่ รวมถึงเป็นแรมอะไร เพิ่มได้ความจุสูงสุดเท่าไร และมีสล็อตเหลืออยู่หรือเปล่า? เพราะถ้าคุณทราบทั้งหมดนี้ ก็ไม่มีอะไรจะยากแล้ว เนื่องจากทุกวันนี้สามารถหาซื้อแรมโน๊ตบุ๊คได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อจากหน้าร้าน ร้านออนไลน์หรือจะสั่งผ่านช่องทางอื่น หรือถ้าสะดวกเดินทาง ก็จะง่ายขึ้น เพราะไปถึงหน้าร้าน ที่มีจำหน่ายแรม ก็จะตรวจเช็คให้คุณได้ทันที และสามารถรับกลับได้เลย ไม่ต้องรอ และถ้าให้ดี มีหลายรุ่นหลากราคาให้เลือก ก็ยิ่งน่าสนใจ อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญคือ เลือกผู้ให้บริการที่มีความชำนาญ และไม่ทำให้โน๊ตบุ๊คของคุณเสียหาย ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไปนัก เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ประสิทธิภาพในการทำงานจากโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าของคุณได้มากขึ้นแล้ว

from:https://notebookspec.com/web/656494-check-spec-upgrade-ram-notebook

แรม DDR5 หรือ DDR4 ประกอบคอม Intel Gen 12 ปี 2022 เลือกแบบไหนดี?

แรม DDR5 หรือ DDR4 ประกอบคอมใหม่ จะใช้แบบใดดี? ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการเล่นเกมในปี 2022

แรม DDR5

เชื่อว่าในเวลานี้ การมาของซีพียูและแพลตฟอร์มทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เมนบอร์ด ชิปเซ็ต และการสนับสนุนฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ก็เรียกว่าใกล้จะมีครบทุกสิ่งในท้องตลาด โดยเฉพาะเมนบอร์ดที่มีชิปเซ็ตให้เลือกตั้งแต่ราคาประหยัด เกมเมอร์ ไปจนถึงไลน์ Performance นั่นก็ทำให้ผู้ที่กำลังจะจัดสเปคคอมประกอบคอมใหม่ มีทางเลือกในการใช้งานมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ต้องขบคิดอย่างหนักนั่นคือ จะเลือกใช้เมนบอร์ดแรม DDR5 ที่เป็นรุ่นใหม่ เกิดมาเพื่อซีพียู Intel Alder Lake นี้โดยตรง หรือจะใช้แรม DDR4 ที่มีความประหยัด หาได้ง่าย ตัวเลือกเยอะ แบบไหนจะดีกว่ากัน วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน ด้วยเมนบอร์ด MSI MAG B660M MORTAR WiFi ซึ่งมีทั้งแบบ DDR4 และ DDR5 ดูกันว่า เมื่อประกอบคอมแล้ว แบบไหน จะเหมาะกับคุณ เผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งแนวทางของผู้ที่กำลังจัดสเปคคอมใหม่ในช่วงเวลาต่อไป

แรม DDR5 หรือ DDR4 ประกอบคอมใหม่ แบบไหนดี

รุ่น ราคาแรม DDR5 และ DDR4

DDR5
ADATA XPG LANCER DDR5 5200 32GB (16GB x2) 10,400 บาท
Kingston FURY BEAST DDR5 5200 32GB (16GB x2) 11,800 บาท
APACER NOX DDR5 5200 32GB (16GB x2) 12,600 บาท
DDR4
KLEVV Bolt X DDR4 3200 32GB (16GB x2) 4,490 บาท
Kingston FURY BEAST DDR4 3200 32GB (16GB x2) 5,990 บาท
Kingston FURY RENEGADE DDR4 3200 32GB (16GB x2) 6,590 บาท
CORSAIR VENGEANCE PRO SL 3200 32GB (16GB x2) 7,490 บาท
*ราคาวันที่ 28/1/65
แรม DDR5

ราคาจากตารางด้านบนนี้ เป็นราคาของแรม DDR5 และ DDR4 โดยเป็นแรมความเร็วพื้นฐาน สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ในปัจจุบันด้วยกันทั้งคู่ นั่นคือ DDR4 3200 และ DDR5 5200 เป็นการอ้างอิงถึงความจุของแรมเท่านั้น ไม่ได้เป็นการนำมาเปรียบเทียบกัน เนื่องจากเทคโนโลยีของแรมทั้งคู่นั้นต่างกัน โดยราคาที่ต่างกันของแรมทั้ง 2 รูปแบบนี้ ย่อมมีผลต่อการประกอบคอม Intel Gen 12 ด้วยไม่น้อย ซึ่งหากผู้ใช้ที่มีงบประมาณจำกัด ทางเลือกของ DDR4 ก็น่าสนใจ แต่ถ้ามองว่าต้องการศักยภาพในการทำงาน และลงทุนกับระบบครั้งเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมในภายหลังมากนัก เพราะจะใช้แรมแบบใด ก็ต้องเลือกเมนบอร์ดสำหรับแรมนั้นๆ เพราะถ้าจะเปลี่ยนแรมในภายหลัง ก็ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดด้วย ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดสูงขึ้น โดยราคาแรมที่ปรากฏนี้ จะสังเกตได้ว่า แรม DDR4 3200 นั้น ราคาต่ำกว่า DDR5 5200 บนความจุที่เท่าๆ กันอยู่ไม่น้อยทีเดียว

Advertisementavw

สเปคแรม DDR5 และ DDR4

DDR5 DDR4
โมเดล DDR5 4800-6400 DDR4 2400-4400
Transfer rate 41600 MB/s – 19200 MB/s – 35200 MB/s
ความเร็ว 4,800MT/s – 6,400MT/s 2400MT/s – 4400MT/s
ความจุพื้นฐาน 16GB 4GB
แพลตฟอร์ม (2022) Intel LGA1700 Intel and AMD
XMP 3.0 2.0

เมนบอร์ด MSI B660M MORTAR WiFi

แรม DDR5
MSI B660M MORTAR WiFi

ก่อนที่จะไปสู่การทดสอบ เรามาดูเมนบอร์ดที่นำมาใช้ในวันนี้กันก่อน นั่นคือ MSI MAG B660M MORTAR WiFi ซึ่งมีทั้งแบบที่ใช้กับแรม DDR5 และรุ่นที่ใช้ร่วมกับแรม DDR4 ให้เลือก โดยที่เมนบอร์ดนี้ มาพร้อมชิปเซ็ต Intel B660 รุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นชิปเซ็ตตัวกลาง ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานและการสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้มากมาย บนเมนบอร์ดไซส์ mATX มีภาคจ่ายไฟขนาดใหญ่ มีสล็อตแรมถึง 4 สล็อตด้วยกัน โดดเด่นด้วย Armor ที่เป็นฮีตซิงก์ช่วยระบายความร้อนมากมาย ตั้งแต่บน Back I/O และชิปเซ็ต ไปจนถึงบนสล็อต M.2 เพื่อช่วยการระบายความร้อนให้กับ SSD ที่เรียกว่า M.2 Shield FROZR

แรม DDR5

เมนบอร์ด MSI นี้ สนับสนุนกราฟิกการ์ดบนสล็อต PCIe 4.0 X16 โดยมีพอร์ตต่อพ่วงความเร็วสูงอย่าง Lightning 20G มาให้อีกด้วย สนับสนุน WiFi 6E และ 2.5G LAN เพิ่มความบันเทิงด้วยระบบเสียง 7.1 และอย่างที่กล่าวเอาไว้คือ เมนบอร์ดรุ่นนี้ มีให้เลือก 2 โมเดล ความต่างกันมีเพียงการสนับสนุนแรมเท่านั้น โดยรุ่น DDR5 จะรองรับ DDR5 ได้สูงสุดที่ 6200MHz (OC) ส่วนรุ่นที่เป็น DDR4 จะรองรับ DDR4 4800MHz นั่นเอง

แรม DDR5

แรมที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 แบบคือ แรม DDR5 จากทาง Kingston FURY BEAST DDR5 5200 32GB เป็นแบบ 16GB x2 และแรม DDR4 ในรุ่น HyperX FURY DDR4 3200 16GB ซึ่งเป็นแบบ 8GB x2

ระบบที่ใช้ในการทดสอบ

DDR5 DDR4
ซีพียู Intel Core i5-12400 Intel Core i5-12400
Cooling MSI MAG CORELIQUID C240 MSI MAG CORELIQUID 360R
เมนบอร์ด MSI MAG B660M Mortar WiFi MSI MAG B660M Mortar WiFi DDR4
แรม Kingston FURY BEAST DDR5 5200 32GB HyperX FURY DDR4 3200 16GB
Storage WD SN550 1TB WD SN550 1TB
Graphic GeForce RTX 3070Ti GeForce RTX 3070Ti
PSU MSI MPG A850GF MSI MPG A850GF
OS Windows 10 Pro Windows 10 Pro

ทดสอบประสิทธิภาพ

MSI B660 MORTAR DDR4 DDR5 7

ในการทดสอบประสิทธิภาพครั้งนี้ จะใช้ซีพียูเดียวกันคือ Intel Core i5-12400 และเมนบอร์ด MSI B660M MORTAR ซึ่งมี่ทั้ง 2 แพลตฟอร์มคือ รุ่นที่ใช้กับ DDR5 และอีกรุ่นจะเป็นแบบ DDR4 ส่วนแรมจะต่างกันคือ DDR4 3200 16GB และ DDR5 5200 32GB โดยมี Storage เป็น SSD M.2 NVMe PCIe 512GB จาก WD SN550 พร้อมกับกราฟิกการ์ด GeForce RTX 3070Ti GDDR6 8GB บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro

CPUz

แรม DDR5

ซีพียูที่นำมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้ Intel Core i5-12400 ทำงานในแบบ 6 core/ 12 thread ความเร็วสูงสุด 4.4GHz Boost เป็นซีพียู Intel Gen 12 รองรับการทำงานร่วมกับแรม DDR5 ได้ตามมาตรฐาน คู่กับเมนบอร์ด MSI MAG B660M MORTAR WiFi

RAM

แรม DDR5
Kingston FURY DDR4 3200 16GB (8GB x2)

แรมที่นำมาใช้กับระบบ DDR4 จากทาง Kingston FURY DDR4 3200 บน Intel XMP 2.0 ค่า CL 16-18-18 ความจุ 16GB (8GB x2) ในแบบ Dual-channel

แรม DDR5
Kingston FURY BEAST DDR5 5200 32GB (16GB x2)

ส่วนแรมที่นำมาใช้กับระบบ DDR5 จากทาง Kingston FURY BEAST DDR5 5200 บนการตั้งค่า XMP 3.0 ความจุ 32GB มีค่า CL 40-40-40 ทำงานในแบบ Dual-channel เช่นเดียวกัน

PCMark10

แรม DDR5

การทดสอบบน PCMark10 วัดประสิทธิภาพบนการทำงานในรูปแบบต่างๆ เป็นการทดสอบทั้งระบบ และผลที่ได้ คะแนนในภาพแทบจะไม่ต่างกันมากนัก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฮาร์ดแวร์เกือบทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกัน ยกเว้นแรม ซึ่งมีในแพลตฟอร์ม DDR5 ที่มีคะแนนมากกว่าในบางจุด

AIDA64

แรม DDR5

เป็นโปรแกรมทดสอบยอดนิยม ที่ใช้ในการทดสอบระบบได้ชัดเจน รวมถึงความแตกต่างของ memory ที่เราใช้ในการทดสอบครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่เราเคยได้ทดสอบไปก่อนหน้านี้ ตัวเลขที่ได้จาก DDR5 นั้นมีตัวเลขประสิทธิภาพในการอ่าน, เขียน และ Copy เหนือกว่า DDR4 อย่างชัดเจน

SpecviewPerf 11

แรม DDR5

เป็นอีกหนึ่งตัวแทนของการทดสอบการคำนวณในด้านโครงสร้างและการสร้างภาพกราฟิกในด้านงานออกแบบ ซึ่งจะเน้นไปที่ประสิทธิภาพของซีพียูมากกว่า แต่ก็ต้องอาศัยหน่วยความจำ ในการส่งข้อมูลสำหรับประมวลผล โดยตัวเลขส่วนใหญ่จะออกมาใกล้เคียงกัน จะมีเพียงพาร์ทที่เป็น maya-03 เท่านั้น ที่ DDR5 สามารถทำตัวเลขได้โดดเด่น เหนือกว่า DDR4 อยู่ไม่น้อยเลย

UserBenchmark

แรม DDR5

เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการทดสอบระบบโดยรวมเช่นกัน ซึ่งเราเจาะไปที่การทดสอบ Memory และให้ผลเป็น GB/s และเป็นอีกครั้งที่ DDR5 ร่วมกับการทำงานของซีพียู สามารถเร่งประสิทธิภาพในส่วนของ Multi Core ไปด้วยตัวเลขที่น่าประทับใจ

PASSMARK-Performance Test 9.0

แรม DDR5
Higher is Better

PASSMARK ในส่วนของ Performance ซึ่งเราดึงผลการทดสอบเฉพาะ Memory มาเท่านั้น และก็เป็นอีกครั้ง ที่ DDR4 สามารถทำผลคะแนนได้เบียดบี้กับแรม DDR5 เลยทีเดียว และบางส่วนก็ทำตัวเลขได้เหนือกว่า ส่วนที่ DDR5 ทำได้ดีกว่า ก็จะมีในส่วน Overall score และ Read-cache แต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างมากนัก

Blender

แรม DDR5
Less is Better

DOTA2

แรม DDR5

มาดูที่การทดสอบด้วยเกมกันบ้าง เริ่มกันที่ DOTA2 ซึ่งเราใช้ความละเอียดที่เป็น Native ของจอภาพ 2560 x 1440p หรือ 2K แล้วเลือกการตั้งค่าแบบ Best Look ที่เน้นความสวยงาม ที่ได้ทั้งความละเอียดและสวยงาม เฟรมเรตเฉลี่ยของชุดทดสอบ DDR5 อยู่ที่ประมาณ 150fps. เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของ DDR4 อยู่เล็กน้อย ส่วนที่เป็น Fastest ที่เน้นความลื่นไหล ส่วนของชุดทดสอบ DDR4 ก็ทำได้ดี แต่ที่เป็น DDR5 ทำได้ดีกว่า เพราะไปได้เกือบ 190fps. เลยทีเดียว

PUBG

แรม DDR5

มาที่เกม Battle Royal ยอดนิยมแห่งยุคเกมนี้กันบ้าง เริ่มต้นจากการทดสอบบน 1080p ซึ่งหากดูจากการเรียกใช้ทรัพยากรแล้ว ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้หนักหนาเหมือนกับในหลายๆ เกม เช่น ซีพียูใช้ประมาณ 30% กว่าๆ ส่วนกราฟิกการ์ดก็แค่ 70% โดยประมาณ และแรมใช้ไปประมาณ 10-11GB เท่านั้น ซึ่งชุดที่เป็น DDR4 ก็ยังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ ตัวเลขที่เป็นเฟรมเรต จึงค่อนข้างจะเบียดบี้กันพอสมควร สำหรับการทดสอบทั้ง DDR4 และ DDR5 แม้บนความละเอียด 1440p ในแบบ Ultra ที่ยังให้ผลไปในทางเดียวกับ 1080p โดยชุดทดสอบ DDR5 ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย

Horizon Zero Dawn

แรม DDR5

เกมนี้โหดขึ้นมาอีกนิด เพราะเราใช้ความละเอียดสำหรับการเล่น เล่นในโหมด Full-HD หรือ 1080p และปรับความสวยงามแบบจัดเต็ม ทำให้ซีพียูทำงานไปที่ 50-60% และใช้ GPU ไปเกือบ 80% โดยที่ดึงทรัพยากรแรมไปเกือบ 11GB เลยทีเดียว ซึ่งความลื่นไหลและเฟรมเรตนั้น DDR5 มีมากกว่า แต่ไม่มากนัก หากดูในภาพรวม แต่ในการทดสอบบนความละเอียดที่สูง เช่น 1440p ขึ้นไป เริ่มมีผลให้เห็นอยู่บ้าง สำหรับเฟรมเรตบนชุดทดสอบ DDR5 ที่ทำได้ดีมากขึ้น

Battlefield V

แรม DDR5

สุดท้ายกับการทดสอบบนเกมที่เราใช้เป็นประจำอย่าง Battlefield V กับการเล่นเกมในโหมด 1080p Ultra settings ซึ่งเฟรมเรตเฉลี่ยของชุดทดสอบ DDR5 ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย เช่นเดียวกับในโหมด 1440p ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งโดยปกติการทดสอบ 1080p ในเบื้องต้น ตัวเกมเรียกใช้แรมไปมากถึง 12GB ด้วยกัน และค่อนข้างชัดเจนว่า หากเล่นบนความละเอียดที่มากกว่านั้น และตั้งค่า Ultra แนวโน้มของชุดทดสอบแรม DDR5 ก็ดูจะให้ผลที่ดีกว่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับการเล่นเกม ที่ใช้สเปคโหดหินในวันข้างหน้าได้ดี


เลือกใช้แบบใดดี DDR5 vs DDR4

แรม DDR5

ในการทดสอบสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนก็คึอ หากเป็นการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ทั่วไป ดูเหมือนว่าผลของแรมที่ออกมา ดูจะไม่ต่างกันมากนัก อาจเป็นเพราะโปรแกรมพื้นฐาน ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียกใช้แรมมากมายนัก และในหลายครั้งใช้แรมประมาณ 6-8GB ซึ่งทำให้แรมที่เรามีอยู่ทั้ง DDR4 16GB หรือ DDR5 32GB ทำงานได้อย่างสบายๆ เรื่องของความเร็ว ที่วัดกันเป็นหน่วยเวลา ออกมาได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมากๆ นั่นอาจจะหมายถึง DDR4 3200 ก็ตอบโจทย์ในการใช้งานในกลุ่มนี้ได้อย่างเพียงพอ ซึ่งรวมไปถึงเกม ที่ส่วนใหญ่จะอิงกับ VRAM เป็นหลัก ในการประสานงานกับ GPU และ CPU ผลออกมาในเกมที่เรานำมาทดสอบนั้น แม้ชุดแรม DDR5 จะดูว่ามีเฟรมเรตเหนือกว่าอยู่นิดๆ แต่ก็เรียกว่าน้อยมาก แต่ถ้าในกรณีเล่นเกมบนความละเอียดสูง และมีหลายจอต่อกัน หรือเปิดใช้หลายหน้าต่าง อย่างเช่น การเปิดบอทในเกมต่างๆ ผ่านโปรแกรมอย่าง NOX เป็นต้น หรือจะเป็นการเปิด Bomb crypto หลายๆ จอ ทั้งในแง่ของแบนด์วิทธิ์และความเร็ว ก็อาจมีผลต่อการทำงานอยู่ไม่น้อยทีเดียว

แรม DDR5

ดังนั้นหากจะแนะนำก็คึอ ถ้าคุณแค่เน้นเล่นเกมเป็นหลัก และงบประมาณไม่สูงมากนัก รวมถึงต้องการใช้งานซีพียู Intel Gen 12 เมนบอร์ด LGA1700 ที่ใช้ชิปเซ็ต B660 และทำงานร่วมกับแรม DDR4 16GB ขึ้นไป การ์ดจอระดับกลาง ก็ให้ประสิทธิภาพได้ดีพอ แต่ถ้าคุณต้องการเล่นเกม ที่ใช้ทรัพยากรสูง หรือเกมในกลุ่ม AAA ที่มีโปรดักส์ชั่นฟอร์มยักษ์ ซึ่งบางเกมใช้ทรัพยากรหนักหน่วง คัตซีนขั้นเทพ หรือมี Recommended Spec ที่โหดหิน ส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่เรียกข้อมูลจำนวนมาก รวมไปถึงแนว Open world ที่บางทีต้องโหลดข้อมูลจำนวนมาก นอกจากเครือข่ายที่รวดเร็ว SSD ที่ตอบสนองไว แรมก็มีส่วนไม่น้อยเลย ทางเลือกเมนบอร์ด B660 และแรม DDR5 ก็ดูจะคุ้มค่าไม่น้อยสำหรับคอเกมกลุ่มนี้

แรม DDR5

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีงานหลักเป็นโปรเจกท์ใหญ่ งานวีดีโอที่มีความซับซ้อน ต้องใช้งานร่วมกับไฟล์ขนาดใหญ่ หรือเล่นเกมในความละเอียดที่สูง เช่น ในระดับ 2K หรือ 4K และมี รวมถึงการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เช่น การตัดต่อวีดีโอ ที่มีไฟล์วีดีโอ footage จำนวนมาก รวมถึงใส่ ไฟล์ภาพ เสียงและเอฟเฟกต์ รวมถึง Superimposed และเรนเดอร์เป็นไฟล์วีดีโอ ที่มีเฟรมเรตสูง รวมไปถึงทำงานด้านภาพ เช่น ช่างภาพ ที่ต้องเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ แต่งภาพและเรนเดอร์ไฟล์หลายๆ ภาพพร้อมกัน การใช้แรม DDR4 ความจุมากๆ ก็ตอบสนองการใช้งานเหล่านี้ได้ แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนแพลตฟอร์มยกชุดใหม่ การเปลี่ยนมาใช้ DDR5 ก็น่าลงทุนไม่น้อยเลย เพราะทั้งความเร็วและแบนด์วิทธิ์ที่กว้างมากกว่า ก็จะช่วยให้งานและการเปิดไฟล์จำนวนมาก ไหลลื่นมากขึ้นและถ้าต้องการช่องทางติดต่อข้อมูลที่กว้าง เมนบอร์ด Z690 เป็นทางออกที่คุ้มค่า แม้สนนราคาจะสูงขึ้นกว่า B660 พอสมควร แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ Productivity ที่ได้กลับมาแล้ว การลดเวลาในการทำงาน ให้ผลที่เป็นที่น่าพอใจได้มากกว่า

แรม DDR5

สุดท้ายหากคุณเป็นคนที่ชอบความสดใหม่ และไม่ได้ซื้อคอมบ่อยนัก ซื้อครั้งหนึ่ง ก็ใช้ไปยาวๆ หลายปี เน้นประสิทธิภาพที่ดี เทคโนโลยีใหม่ ไม่ได้ติดขัดในแง่งบประมาณ การเลือกแรม DDR5 ในความเร็วเริ่มต้น เช่น DDR5 4800 หรือ 5200 และเลือกความจุที่มากที่สุด เท่าที่จะลงทุนไหว ก็ช่วยให้คุณสามารถใช้งานที่ต้องการต่างๆ ไปได้อีกนานพอสมควร เพราะเทรนด์ในวันข้างหน้าอีกอย่างน้อย 2 ปี ก็ยังเป็น DDR5 และจะมีโมเดลความเร็วสูงเพิ่มมากขึ้น รวมถึงรองรับแอพพิลเคชั่นต่างๆ ได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกมใหม่ๆ ทำงานวีดีโอ หรืองานซอฟต์แวร์เฉพาะต่างๆ เช่น การออกแบบ 3D, Animation ไปจนถึง Content Creator อย่างเช่น งาน NFT เป็นต้น เมื่อรวมกับแพลตฟอร์มอย่างเมนบอร์ดชิปเซ็ต Z690 มาคู่กับกราฟิกการ์ดตัวแรงๆ และ SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 ก็จะดูลงตัวมากขึ้น

จากผลทดสอบและข้อมูลที่เป็นตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยในการตัดสินใจของคุณสำหรับการเลือกใช้แพลตฟอร์มสำหรับประกอบคอม Intel Gen12 ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ และอย่าลืมเลือกเมนบอร์ดให้เหมาะกับการใช้งานของคุณให้มากที่สุด เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งาน

แรม DDR5

ขอขอบคุณ MSI เป็นอย่างสูง ที่ส่งเมนบอร์ด MSI MAG B660M MORTAR WiFi มาให้เราได้ทดสอบ ทั้งในรุ่นที่สนับสนุน DDR4 และ DDR5 มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

from:https://notebookspec.com/web/635727-ram-ddr5-ddr4-msi-2022

5 ขั้นตอนอัพเกรดโน๊ตบุ๊คให้เจ๋งขึ้น ฉบับสั่งพาร์ทมาทำเองจนจบงาน อัพเดท 2021

อัพเกรดโน๊ตบุ๊คสักเครื่องไม่ยากเลย แค่เข้าใจว่าทำส่วนไหนได้ ทำยังไงก็ลองเริ่มต้นด้วยตัวเองได้เลย

upgrade laptop cover

คอมพิวเตอร์และการอัพเกรดนั้นถือเป็นของคู่กันเสมอ ยิ่งตอนนี้ผู้ใช้หลาย ๆ คนก็มีโน๊ตบุ๊คไม่ว่าจะซื้อมาใหม่หรือเป็นเครื่องเก่าสภาพดีอยู่ ก็คงมีแผนอัพเกรดโน๊ตบุ๊คให้ทำงานได้เร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเงินหลักหมื่นซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่มาใช้ จะได้ไม่ต้องย้ายข้อมูลไปมาแล้วตั้งค่าเครื่องกันใหม่ จะได้เสียเวลาน้อยลงแล้วทำงานได้ต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น

แต่เชื่อว่าผู้ใช้หลายคนอาจจะสงสัยว่าโน๊ตบุ๊คสักเครื่องหนึ่งนอกจาก RAM และ SSD สองอันนี้แล้ว เราสามารถอัพเกรดส่วนไหนได้อีก? ซึ่งในส่วนนี้ นอกจากซีพียู, การ์ดจอ, คีย์บอร์ดกับโครงของตัวเครื่องแล้ว ผู้ใช้ที่มีทักษะช่างระดับหนึ่งก็สามารถแกะชิ้นส่วนมาอัพเกรดได้มากมาย แม้แต่หน้าจอก็สามารถถอดมาอัพเกรดได้เช่นกัน ถ้าหาชิ้นส่วนรุ่นที่เข้ากับเครื่องของเรามาใช้ได้

อัพเกรดโน๊ตบุ๊ค

จะอัพเกรดโน๊ตบุ๊คสักเครื่อง มาดูกันก่อนอัพส่วนไหนได้บ้าง?

laptop inside

ถ้ายกเว้นซีพียู, เมนบอร์ดและการ์ดจอสามชิ้นนี้ที่ถูกบัดกรีติดเอาไว้ด้วยกันและไม่สามารถแกะมาอัพเกรดได้เหมือนกับเดสก์ท็อปพีซีแล้ว โน๊ตบุ๊คก็มีชิ้นส่วนที่อัพเกรดได้หลายชิ้น ถ้าให้แยกเป็นส่วน ๆ แล้ว ส่วนที่ผู้ใช้อย่างเราสามารถอัพเกรดได้ด้วยตัวเองได้ ได้แก่

  1. ฮาร์ดดิสก์ – 1 ใน 2 ชิ้นส่วนพื้นฐานที่ผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปที่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์สามารถถอดเปลี่ยนและอัพเกรดได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ปัจจุบันนี้โน๊ตบุ๊คหลาย ๆ แบรนด์จะใส่ SSD แบบ M.2 NVMe รุ่น OEM ที่สั่งผลิตจำนวนมากมาให้แล้ว แต่ผู้ใช้บางคนที่ไม่พอใจกับความเร็วและประสิทธิภาพก็สามารถสั่ง Clone Windows 10 จาก M.2 NVMe ลูกเดิมไปใส่ใน M.2 NVMe อันใหม่ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นแล้วเอามาใส่แทนก็ได้ และโน๊ตบุ๊คบางเครื่องก็มีช่องใส่ SATA III SSD เปล่า ๆ มาให้เพิ่ม SSD ได้ด้วย ส่วน M.2 NVMe อันเก่าก็เอาไปใส่กล่อง SSD ใช้เป็น External Harddisk แทนก็ได้
  2. RAM – อีกชิ้นส่วนสำคัญที่ผู้ใช้หลายคนเลือกอัพเกรดกันแทบจะทันที ซึ่งบางคนก่อนจะกดเปิดเครื่องก็เปิดฝาแล้วใส่แรมเพิ่มทันทีเลยก็มีเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ก็มักเลือกอัพเกรดเป็น 8GB ไม่ก็ 16GB เลย เพื่อให้มีพื้นที่พักข้อมูลให้ใช้งานมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามโน๊ตบุ๊คแต่ละเครื่องจะรองรับความจุแรมได้แตกต่างกัน ก่อนอัพเกรดแนะนำให้เช็คโน๊ตบุ๊คของเรากับหน้าสเปคบนเว็บไซต์นั้น ๆ ก่อน ว่าสามารถเพิ่มแรมได้กี่ GB จะได้ไม่ต้องซื้อมาแล้วใช้ได้ไม่เต็มที่
  3. Wi-Fi & Bluetooth Card – หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่า Wi-Fi & Bluetooth Card ก็สามารถถอดอัพเกรดได้เหมือนกับ SSD ซึ่งหน้าตาของมันจะคล้ายกับ SSD แบบ M.2 NVMe เป็นอย่างมาก แค่ตัวจะสั้นกว่าและจุดสังเกตคือ เมื่อเปิดฝาเครื่องออกมาแล้ว การ์ดตัวนี้จะมีสายไฟ 2 เส้นเชื่อมต่ออยู่ ซึ่งเป็นสายเชื่อมต่อกับตัวเมนบอร์ดเพื่อรับส่งข้อมูลนั่นเอง ซึ่งบางคนที่อยากให้โน๊ตบุ๊คของตัวเองเปลี่ยนจาก Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac กลายเป็น Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ก็อัพเกรดชิ้นส่วนนี้ได้ด้วยเช่นกัน แต่เราต้องเช็คกับเว็บไซต์หรือหาข้อมูลในเว็บบอร์ดต่างประเทศก่อน ว่าโน๊ตบุ๊คของเราใช้ Wi-Fi & Bluetooth Card ร่วมกับโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนบ้าง แล้วรุ่นนั้น ๆ ใช้การ์ด Wi-Fi 6 รุ่นอะไร แล้วมีใครที่ทดลองเปลี่ยนแล้วใช้งานได้ก็ค่อยซื้อตาม จะช่วยให้ประหยัดเงินและมั่นใจได้ว่าอัพเกรดแล้วไม่เสียเปล่า
  4. แบตเตอรี่ – แบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คนั้น ถึงจะดูเสื่อมสภาพช้ากว่าสมาร์ทโฟนที่เราถือติดมือกันเป็นประจำก็ตาม แต่ก็มีระยะเวลาเสื่อมของมันเหมือนกัน ซึ่งถ้าใครอยากอัพเกรดโน๊ตบุ๊คของตัวเองให้แบตเตอรี่มีความจุมากขึ้น ผู้เขียนแนะนำให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเสียก่อน แล้วหาข้อมูลว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นที่เราใช้ มีแบตเตอรี่รุ่นเทียบเคียงหรือรุ่นที่มีความจุมากกว่ารุ่นไหนให้ซื้อมาเปลี่ยนได้บ้าง โดยส่วนใหญ่แบตเตอรี่รุ่นที่มีความจุมากขึ้นจำเป็นต้องสั่งจากเว็บไซต์ต่างประเทศเข้ามา เช่น Newegg หรือ Amazon เป็นต้น
  5. หน้าจอ – ถ้าใครมีความสามารถเชิงช่าง แกะซ่อมโน๊ตบุ๊คอยู่บ่อย ๆ แล้วรู้สึกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คความละเอียดระดับ HD มันไม่คมชัดเอาเสียเลย ก็สามารถอัพเกรดหน้าจอโน๊ตบุ๊คได้เหมือนกัน! แต่ข้อควรระวังนอกจากการหาข้อมูลแล้วเลือกรุ่นหน้าจอที่เข้ากับเครื่องของเราแล้ว เวลาทำก็ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องแกะกรอบหน้าจอซึ่งมีโอกาสแตกหักได้ด้วย

สำหรับการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คนั้น ในส่วนของฮาร์ดดิสก์และ RAM เราสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองและยังได้รับการรับประกันอยู่ตามปกติ ยกเว้นเรื่องแบตเตอรี่, หน้าจอและ Wi-Fi & Bluetooth Card ที่เป็นชิ้นส่วนนอกเหนือจากที่ผู้ผลิตให้ผู้ใช้อัพเกรดได้ด้วยตัวเอง ก็จะทำให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นหมดประกันไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าผู้ใช้คนไหนอยากลองฝีมือกับโน๊ตบุ๊คของเราที่หมดประกันแล้ว ก็ลองแกะแล้วอัพเกรดได้เลย

รู้รุ่นก่อนอัพเกรดโน๊ตบุ๊ค ซื้อพาร์ทเป็นแล้วเครื่องจะดีขึ้นเอง!

สำหรับการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คสักเครื่อง ก่อนจะเริ่มซื้อชิ้นส่วนใหม่ ๆ มาติดตั้งในเครื่อง เราก็ควรเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับโน๊ตบุ๊คของเราให้ครบถ้วนก่อน ถ้าให้ดียิ่งขึ้นจะแกะเครื่องออกมาไล่ดูชิ้นส่วนต่าง ๆ และถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เผื่อต่อไปอยากอัพเกรดเพิ่มจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดฝาดูใหม่ แล้วค่อยเริ่มซื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ มาอัพเกรดให้กับเครื่องของเราจะดีที่สุด ซึ่งวิธีการดูนั้นให้เริ่มต้นจากการดูรุ่นของโน๊ตบุ๊คเสียก่อนเป็นอย่างแรก

pc spec

ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างวิธีการหาข้อมูลและการอัพเกรดเป็นโน๊ตบุ๊คส่วนตัวของผู้เขียนเอง เริ่มต้นให้กดปุ่ม Windows จากนั้นพิมพ์คำว่า About แล้วเลื่อนลงมาดูที่ Device specifications เพื่อดูรายละเอียดของโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้น ๆ ว่าเป็นรุ่นอะไร โดยเครื่องตัวอย่างของผู้เขียนนั้นจะเป็น Lenovo IdeaPad 330S-14IKB และเมื่อนำไปเช็คข้อมูลทั้งหมดแล้วจะเป็นดังนี้

spec lenovo 330S

จะเห็นว่า Lenovo เครื่องนี้มีส่วนที่อัพเกรดได้หลายอย่างด้วยกัน คือ

  1. หน้าจอ
  2. RAM
  3. ฮาร์ดดิสก์
  4. แบตเตอรี่
  5. Wi-Fi & Bluetooth Card

lenovo laptop ideapad 330s 14 feature 2

1. หน้าจอ

ที่หน้าเว็บไซต์จะมีรุ่น 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) พาเนล IPS ที่เป็นสเปคเดียวกันอยู่ด้วย ซึ่งเครื่องในตัวอย่างจะเป็นความละเอียด HD (1366×768 พิกเซล) นั่นหมายความว่าถ้าเราหาซื้อหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD สำหรับ Lenovo เครื่องนี้มาได้ ก็สามารถถอดอัพเกรดได้เช่นกัน

lenovo screen extra part

จากหน้าสเปค จะเห็นว่าหน้าจอ Lenovo IdeaPad 330S-14IKB จะมีชิ้นส่วนขายแยกด้วย เช่นจากเว็บไซต์ LaptopScreen ตัวนี้ที่ขายราคา 94.99 ดอลลาร์ หรือราว 2,969 บาท ซึ่งผู้เขียนคาดว่ายังไม่รวมราคาจัดส่งสินค้าด้วยบริการขนส่งจากคลังสินค้าด้วย และนอกจากนี้ ผู้เขียนแนะนำให้ทดลองกด TO CART แล้วลองดูว่าทางผู้ขายเจ้านั้น ๆ สามารถส่งสินค้ามาประเทศไทยหรือเปล่า ซึ่งถ้าพร้อมส่งแล้วต้องการอัพเกรดอยู่แล้ว ก็กดสั่งซื้อมาได้เลย

สำหรับการอัพเกรดหน้าจอโน๊ตบุ๊คด้วยตัวเองนั้น จะทำได้ค่อนข้างยากและถ้าไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ก็ไม่แนะนำให้อัพเกรดด้วยตัวเอง รวมทั้งทำให้เครื่องที่ยังมีประกันตัวเครื่องเหลืออยู่หมดประกันไปในทันที หากซื้อหน้าจอมาแล้วก็แนะนำให้ยกเครื่องไปให้ร้านที่รับซ่อมโน๊ตบุ๊คทำให้ก็ได้ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงทำหน้าจอพัง แล้วจะขายหน้าจอเก่าที่ความละเอียดน้อยกว่าเป็นอะไหล่ได้ด้วย

2. RAM

ram resized small

ที่หน้าเว็บไซต์ของ Lenovo นั้น จะเห็นว่าทางผู้ผลิตจะแสดงข้อมูลแรมสูงสุดเป็น 4GB onboard DDR4 จับคู่กับ 8GB SO-DIMM อีกหนึ่งเส้น ซึ่งจะได้ 12GB DDR4 เท่านั้น หากความจุระดับนี้ตอบโจทย์การใช้งานแล้วจะเอาไปใช้งานเลยก็ได้

ram

แต่เมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม หน้าเว็บไซต์ผู้ผลิตแรมและ SSD ชั้นนำอย่าง Crucial จะแสดงข้อมูลว่าแรมทั้งระบบของตัวเครื่องรองรับสูงสุดได้ 20GB DDR4 ดังนั้นถ้าต้องการอัพเกรดแรมเข้าไปอีก 16GB เผื่อเอาไว้ใช้งานแบบผู้เขียนเองก็ได้เช่นกัน และระบบ Windows ก็เรียกมาใช้งานได้ครบถ้วนอีกด้วย ส่วนถ้าใครสงสัยว่ารูปแบบการใช้งานของเราต้องใช้แรมกี่ GB กันแน่ สามารถอ่านในบทความนี้ได้เลย

3. ฮาร์ดดิสก์

img 55ff43a800e80

ในส่วนนี้ ถ้าเราสังเกตดูจะเห้นว่าตัวเครื่องมีตัวเลือกแบบ 128GB PCIe SSD + 1TB SATA HDD นั่นหมายความว่าเราสามารถใส่ SSD แบบ M.2 NVMe หรือ M.2 SATA คู่กับ SATA III SSD คู่กันได้เลย หรือจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ซึ่งถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้น ๆ ต้องเซฟไฟล์ข้อมูลเยอะ แล้วไม่อยากพก External Harddisk ติดตัวไปไหนมาไหน ก็ใส่ฮาร์ดดิสก์ทั้งสองตัวไว้ในเครื่องเลยก็ได้เช่นกัน แต่จากที่ผู้เขียนทดลองใช้งานมา การใส่ M.2 NVMe กับ SATA III SSD มีผลให้ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ลดลงด้วย

1 31 3 e1614158793312

ส่วนตัวแนะนำว่าถ้าอยากอัพเกรดโน๊ตบุ๊คให้มีความจุในเครื่องเยอะและกินแบตฯ น้อย ให้ใส่ M.2 NVMe ความจุและประสิทธิภาพสูงสัก 512GB เอาไว้ในเครื่อง แล้วโอนไฟล์งานใส่ไว้ใน External SSD ที่เป็น M.2 NVMe อันเก่าจากผู้ผลิตแล้วต่อเครื่องใช้งานเฉพาะตอนจำเป็น จะช่วยยืดระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นยิ่งกว่าเดิมร่วมชั่วโมงเลยทีเดียว โดยกล่อง SSD รุ่นแนะนำสำหรับใส่ M.2 NVMe อันเก่าคลิกดูรุ่นแนะนำได้ที่นี่

4. แบตเตอรี่

ส่วนใหญ่แล้วอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คก่อนเสื่อมสภาพนั้น จะขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะอยู่ราว 2-3 ปี หลังจากเริ่มใช้งานมา โดยอาการเสื่อมจะมีทั้งแบบที่สังเกตเห็นได้ด้วยการใช้งาน คือระยะเวลาใช้งานลดลงจากเดิมอย่างชัดเจน เช่นจากปกติสามารถเปิดเครื่องใช้งานโดยไม่ต้องต่อปลั๊กได้ร่วม 7-9 ชั่วโมงได้โดยไม่ต้องต่อปลั๊ก ก็เหลือ 6-7 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้น หรือจะใช้โปรแกรมอย่าง HWMonitor เช็คสภาพของแบตเตอรี่ก็ได้

20 07 2013 12 23 21

โดยวิธีการดู คือให้เราเลื่อนลงมาดูที่หัวข้อ Battery จากนั้นดูที่ Levels แล้วสังเกตที่คำว่า Wear Level ว่าอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าหัวข้อ Wear Level ยิ่งเยอะ แบตเตอรี่ยิ่งเสื่อมมากขึ้นนั่นเอง ส่วนอีกวิธีจะเห็นรายละเอียดเยอะและชัดเจนกว่า โดยให้เราใช้ Command Prompt เพื่อเช็คได้เลย

batt check 1

วิธีการคือให้เราเปิด Command Prompt แล้วพิมพ์คำว่า powercfg -batteryreport จากนั้นกด Enter ตัวเครื่องจะรันคำสั่งเช็คแบตเตอรี่ในเครื่องให้เราว่าตอนนี้แบตเตอรี่ในโน๊ตบุ๊คของเรายังจุไฟได้เท่าไหร่

battery check 2

Windows 10 จะเซฟเป็นไฟล์ชื่อ battery-report เอาไว้ในเครื่องให้เราพร้อมแสดงรายละเอียดของแบตเตอรี่ของเราด้วย ว่าตอนนี้สภาพแบตเตอรี่สามารถเก็บประจุเอาไว้ได้กี่วัตต์ชั่วโมง (Whr) ซึ่งถ้าเหลือเริ่มน้อยแล้วคิดว่ายังไม่ขายเครื่องเป็นมือสองแล้วเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็เปลี่ยนเองได้เช่นกัน

battery smol

นอกจากรู้ว่าสภาพแบตเตอรี่ของเรายังเก็บไฟได้ดีแค่ไหนแล้ว ก็ต้องรู้รูปทรงของแบตเตอรี่ด้วย เพราะผู้ผลิตจะออกแบบแบตเตอรี่ให้มีรูปทรงแตกต่างกันตามดีไซน์ของเมนบอร์ดในโน๊ตบุ๊คของเรา ซึ่งถ้ายกเครื่องไปศูนย์บริการก็ข้ามในส่วนนี้ได้เลย แต่ถ้าจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองก็ควรแกะเครื่องออกมาดูดีไซน์เสียก่อนว่าผู้ผลิตใส่แบตเตอรี่ทรงไหนมาในเครื่องของเรา

battery format small

ถ้าเทียบจากภาพถ่ายด้านบนที่ผู้เขียนถ่ายภายในตัวเครื่องแล้ว จะเห็นว่าแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คนั้นจะมีขนาดและจุดขันน็อตทั้งหมดตรงกับแบตเตอรี่ Type A ที่มีขายออนไลน์นั่นเอง ซึ่งถ้าเช็คมั่นใจว่าเป็นรุ่นนี้แน่นอน ก็สามารถสั่งออนไลน์มาเปลี่ยนด้วยตัวเองได้เลย

สำหรับคนที่ไม่เคยเปลี่ยนแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คด้วยตัวเองมาก่อนแต่อยากลองทำดูด้วยตัวเอง แนะนำให้นำชื่อรุ่นที่เราใช้ไปพิมพ์ค้นหาใน Google โดยพิมพ์ชื่อรุ่นแล้วตามด้วยคำว่า Removal หรือ Replacement ก็ได้ แล้วจำวิธีการเปลี่ยนแบตฯ ในคลิปมาลองทำดูด้วยตัวเองได้เลย ซึ่งถ้าใครมีความสามารถเชิงช่างอยู่แล้วก็น่าจะทำเองได้ไม่ยากนัก

นอกจากนี้ โน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่มีรุ่นย่อยใกล้เคียงกัน แต่แบตเตอรี่มีความจุมากกว่าแล้วสามารถใส่ช่องแบตฯ ในเครื่องของเราพร้อมร้อยน็อตได้ด้วย ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแล้วอัพเกรดความจุให้ตัวเครื่องไปพร้อม ๆ กัน แต่การจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ข้ามไปรุ่นใกล้เคียงกัน แนะนำให้หาข้อมูลผู้ใช้จากหลาย ๆ แหล่งก่อน ว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นเดียวกับเราเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นตัวอื่นในซีรี่ส์แล้ว เครื่องยังเปิดติดใช้งานได้ตามปกติหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาในภายหลังนั่นเอง

5. Wi-Fi & Bluetooth Card

wlan card small

ชิ้นส่วนสุดท้ายที่เราสามารถถอดอัพเกรดได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องระมัดระวังตอนอัพเกรดหน่อย คือ Wi-Fi & Bluetooth Card นอกจากซึ่งหน้าตาและขนาดจะคล้ายกับ M.2 NVMe มีน็อตยึดหนึ่งตัวเหมือนกัน แต่จะมีสายไฟสองเส้นคือขาวและดำต่อเข้าการ์ด พออัพเกรด Wi-Fi & Bluetooth Card จะทำให้โน๊ตบุ๊คของเราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะมาตรฐานการเชื่อมต่อจะเปลี่ยนไปตามตัวการ์ด เช่น ถ้าอันเดิมในเครื่องของเราเป็น Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac แล้วถ้าหารุ่นที่เป็น Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ที่ใช้งานกับเครื่องเราได้ก็ถอดการ์ดเก่าเปลี่ยนใส่อันใหม่ได้เลย

wi ficard small

ส่วนวิธีการหาข้อมูลว่าโน๊ตบุ๊คของเราสามารถเปลี่ยน Wi-Fi & Bluetooth Card เป็นรุ่นไหนได้บ้าง ต้องใช้วิธีการหาข้อมูลตามเว็บบอร์ดของผู้ใช้ต่างประเทศที่ตั้งกระทู้ถามเอาไว้ ว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อัพเกรด Wi-Fi Card เป็นรุ่นไหนที่ประสิทธิภาพดีขึ้นได้บ้าง เช่น กระทู้ที่มีผู้ใช้ Lenovo IdeaPad 330S-14IKB เหมือนของผู้เขียนที่ตั้งกระทู้เอาไว้ตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา ก็มีผู้มาให้คำแนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นรุ่นนั้นนี้ พร้อมแนบลิ้งค์สั่งซื้อเอาไว้ให้เสร็จสรรพอีกด้วย

hommie small

ซึ่งเมื่อเราได้ข้อมูลแล้ว จะลองสั่งซื้อรุ่นแนะนำมาเปลี่ยนใช้งานดูก็ได้เช่นกัน แต่ผู้เขียนแนะนำว่าให้หาข้อมูลและรุ่นเปรียบเทียบเอาไว้จากหลาย ๆ แหล่งหน่อย ว่ารุ่นไหนใช้งานกับเครื่องของเราได้โดยไม่ต้องไปยุ่งกับการตั้งค่าอะไรมาก ๆ อาจจะหาเจอรุ่นที่ดีกว่าแต่ราคาไม่แพงมากก็ได้

แต่ Wi-Fi & Bluetooth Card จะมีรายละเอียดตอนเปลี่ยนมากกว่าการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์หรือเพิ่มแรม ดังนั้นเวลาเปลี่ยนให้เราปิดเครื่อง ถอดสายเชื่อมต่อแบตเตอรี่เข้ากับเมนบอร์ดก่อนจะเริ่มเปลี่ยน Wi-Fi Card ตามคลิปตัวอย่างข้างบน

ข้อแนะนำคือ เราควรใช้มือถือถ่ายภาพสายไฟสภาพเดิมก่อนถอดการ์ดเอาไว้ ตอนต่อสายกลับจะได้ไม่กลับขั้ว พอเปลี่ยนการ์ดเสร็จแล้วค่อยต่อขั้วปลั๊กแบตเตอรี่กลับเหมือนเดิม ก่อนจะเปิดเครื่องมาทดลองใช้งานดู ว่าสามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้หรือเปล่า ถ้าใช้ได้ตามปกติก็ใช้ต่อไปได้เลย ส่วนการ์ดตัวเก่าจะเก็บเอาไว้เป็นอะไหล่สำรองก็ได้

สรุป – อัพเกรดโน๊ตบุ๊คให้ไปต่อหรือจะพอแค่นี้แล้วซื้อเครื่องใหม่?

laptop using scaled

จะเห็นว่าวิธีการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คสักเครื่องให้เจ๋งขึ้นกว่าแบบเดิม ๆ จากโรงงานนั้น ถ้าเคยเปิดฝาเครื่อง เพิ่มแรมเปลี่ยน SSD แล้ว ก็เอาความเข้าใจส่วนนั้นมาประยุกต์อีกนิดหน่อย ก็เอามาใช้กับการอัพเกรดชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้ แต่โน๊ตบุ๊คนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ามีแบตเตอรี่เลี้ยงระบบอยู่ เวลาจะอัพเกรดก็ควรสั่ง Shut down เครื่อง ถอดขั้วแบตเตอรี่ในตัวออกไปก่อนแล้วค่อยเริ่มอัพเกรด จะช่วยเซฟทั้งผู้ใช้และโน๊ตบุ๊คได้ดียิ่งขึ้น

กลับกัน ถึงการอัพเกรดจะทำให้โน๊ตบุ๊คของเรายังใช้งานต่อได้นานยิ่งขึ้นก็ตาม แต่ก็ควรมองในส่วนของความคุ้มค่าด้วย ว่าระหว่างการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คสักครั้งหรือจะเปลี่ยนใจขายเป็นเครื่องมือสองเป็นทุนไปซื้อเครื่องใหม่จะดีกว่า? โดยส่วนตัวผู้เขียนจะมีวิธีการคิดดังนี้

  1. ถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้น ๆ อายุเกิน 3-4 ปี เริ่มเปิดโปรแกรมต่าง ๆ ได้ช้า ต่อให้ฟอร์แมตเครื่อลง Windows ใหม่แล้วก็ยังช้าอยู่ ก็ไม่คุ้มค่าอัพเกรด
  2. ถ้าซีพียูในเครื่องเป็นรุ่นเก่า เช่นเป็น Intel รุ่นที่ 4-5 ในยุคที่ Intel รุ่นที่ 11 วางขายแล้ว ก็น่าขายเครื่องเป็นมือสองเอาเป็นทุนเปลี่ยนเครื่องดีกว่า
  3.  ค่าชิ้นส่วนอัพเกรดทั้งหมดที่ต้องจ่ายเกิน 25-30% ของราคาตัวเครื่องตั้งต้นก็น่าเปลี่ยน เช่น Lenovo IdeaPad 330S-14IKB เครื่องนี้ที่ราคา 19,490 บาท แต่ค่าอัพเกรดร่วม 6,000 บาท ก็ไม่คุ้มอัพเกรดเท่าไหร่

ซึ่งผู้ใช้บางคนอาจจะมีเงื่อนไขการเปลี่ยนเครื่องที่แตกต่างจากนี้ ไม่ว่าจะไม่มีพอร์ตที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ, ไม่มีปากกาหรือจอทัชสกรีนแล้วอยากเปลี่ยนให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ก็ถือเป็นเหตุผลให้เปลี่ยนวิธีจากอัพเกรดโน๊ตบุ๊คเป็นซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่แทนก็ดีเช่นกัน แต่สุดท้ายจะเลือกอัพเกรดเครื่องหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินและเงื่อนไขอื่น ๆ ของแต่ละคน ถ้าอัพเกรดแล้วการเงินมีปัญหาน้อยกว่าซื้อเครื่องใหม่ ก็ถือว่าคุ้มค่ากว่าเช่นกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

ran amount

ssd cover

nvme cover

ssd new cover

ssd cover

from:https://notebookspec.com/web/597647-how-to-upgrade-laptop-2021

CORSAIR เปิดตัว แรม DDR4 ความเร็วสูง VENGEANCE RGB PRO SL OC ได้

CORSAIR เปิดตัวแรม DDR4 ประสิทธิภาพสูง ในรุ่น CORSAIR VENGEANCE RGB PRO SL แรม RGB ที่มาพร้อมกับความเร็วให้เลือกสูงสุด 3,600 MHz และขนาดชุดคิทความจุสูงถึง 128GB (4x32GB) มีทั้งแพคเกจสีขาวและสีดำ VENGEANCE RGB PRO SL นั้นยังมีระบบไฟ RGB สิบโซน ในแพคเกจกะทัดรัด ความสูงโมดูลเพียง 44 มิลลิเมตร ทำให้รองรับการประกอบพีซีได้หลากหลายรูปแบบ แรมในแต่ละโมดูล คัดเลือกชิปเมมโมรีมาเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มความสามารถในการ Overclock ได้สูงสุด เข้ากับแพคเกจภายนอกที่ดูดุดันอลังการ

แรม DDR4

แรม DDR4 ความเร็วสูงจาก Corsair

ความสูงของโมดูล 44 มิลลิเมตร ทำให้ DDR4 VENGEANCE RGB PRO SL นั้นสามารถประกอบใช้งานร่วมกับชุดระบายความร้อนซีพียูได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชุดน้ำ ออลอินวันแบบพัดลมคู่ หรือระบบระบายความร้อนด้วยอากาศอย่าง CORSAIR A500 ตัวโมดูลมาพร้อมกับไฟ RGB LED ที่สามารถปรับแต่งได้ 10 โซน และสามารถซิงค์การทำงานได้ผ่าน CORSAIR iCUE Software ร่วมกับแอพพลิเคชั่น หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในระบบ ที่รองรับการทำงานร่วมกับ iCUE

แรม DDR4

VENGEANCE RGB PRO SL นั้นยังคงให้ความมั่นใจด้วยชื่อเสียงที่มีมานานของเมมโมรีโมดูลแบรนด์ CORSAIR และถูกปรับแต่งมาให้ทำงานร่วมกับได้ทั้งเมนบอร์ด DDR4 สำหรับระบบจากทาง AMD และ Intel® ในรุ่นล่าสุด โดย VENGEANCE RGB PRO SL นั้นเลือกใช้แผ่น PCB แบบคัสตอมที่พัฒนาขึ้นเพื่อเสถียรภาพและคุณภาพในการรับส่งสัญญาณสูงสุด ชิปแต่ละชิ้นที่เลือกมาประกอบนั้นถูกเลือกมาโดยคำนึงถึงสมรรถนะและความสามารถในการ Overclock สูงสุด

แรม DDR4

ในขณะที่ชุดระบายความร้อนแบบอะลูมินัมดีไซน์โดดเด่น จะช่วยในการระบายความร้อนในระหว่างการใช้งานอันหนักหน่วง และระบบไฟ RGB จะช่วยเสริมความโดดเด่นในซิสเต็มที่ถูกประกอบขึ้น ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กกะทัดรัด ก็ประกอบลงได้ง่ายดาย VENGEANCE RGB PRO SL นั้น เป็นเมมโมรีโมดูลที่ถูกสร้างมาเพื่อให้โลกต้องจำ !

การรับประกัน การจัดจำหน่าย และราคา

CORSAIR VENGEANCE RGB PRO SL SERIES นั้นมีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่าน CORSAIR Webstore และเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทีได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของ CORSAIR ทั่วโลก มาพร้อมกับการรับประกัน ตลอดอายุการใช้งาน พร้อมบริการหลังการขาย โดยเครือข่ายผู้ให้บริการดูแลลูกค้าและทีมสนับสนุนด้านเทคนิคจาก CORSAIR ทั่วโลก

ข้อมูลเพิ่มเติม

CORSAIR VENGEANCE RGB PRO SL Series

10 อันดับ แรม DDR4 น่าใช้ 2021 โดนใจนักจัดสเปคใน NBS

from:https://notebookspec.com/web/576668-corsair-ddr4-3600-128gb-rgb-pro