นับตั้งแต่การมาถึงของคอนโซลรุ่นใหม่อย่าง PlayStation 5, Xbox Series X และ Xbox Series S ผู้จัดจำหน่ายหลายรายก็มีแผนที่จะขยับราคาของเกม AAA ในค่ายขอตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น EA, Activision, Sony และอีกหลายบริษัท รวมถึง Ubisoft ด้วยที่พึ่งประกาศเตรียมปรับราคาเกมเป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ
ซึ่งเกมที่จะมีการปรับราคากันเป็นเกมแรกจาก Ubisoft ก็คือ Skull and Bones โดยจะมีการปรับราคาเพิ่มเป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ สำหรับเกมเวอร์ชั่น PlayStation 5 และ Xbox Series X/S เพื่อคลายสงสัยในเรื่องนี้เว็บไซต์ Axios ได้เข้าสัมภาษณ์กับ Yvess Guillemot ตำแหน่ง CEO ของ Ubisoft และได้รับการยืนยันแล้วว่าต่อเกม AAA ใหม่ๆ ของ Ubisoft นั้นมีราคาอยู่ที่ $70 ดอลล่าร์สหรัฐ
ใจจริงแล้วยังมีอีกหลายเกมที่ผู้เขียนอยากจะใส่เข้ามาในลิสต์ 5 เกมนี้ด้วย แต่เกมพวกนั้นส่วนมากก็ยังไม่จบปิดตำนานไปเสียทีเดียว จึงทำให้ต้องตัดใจไม่เอามาใส่ในลิสต์รายการนี้ ยกตัวอย่างเช่นซีรีส์ The Last of Us ที่ในตอนนี้ดำเนินมาถึงภาค 2 แล้ว และยังไงก็ต้องมาภาค 3 ออกมาต่อแน่ๆ นั่นเองครับ
เมื่อปีก่อน Skydance New Media ได้ประกาศออกมาว่าทีมกำลังพัฒนาเกมเล่นคนเดียวระดับ AAA ที่ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความเป็น Action-adventure โดยใช้ตัวละครจาก Marvel โดยได้คุณ Amy Henning ผู้สร้าง Uncharted มาดูแลโปรเจกต์นี้อีกด้วย
จากรายงานล่าสุดของทวิตเตอร์ MCUStatus ออกมาเปิดเผยว่าเกม Marvel ที่กำลังมีการพัฒนาโดย Skydance New Media จะเป็นเกมที่เกี่ยวกับ Captain America และ Black Panther ฉากหลังของเกมจะอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฮีโร่ทั้ง 2 คนนี้จะต้องเผชิญหน้าและเข้าต่อสู้กับ Hydra
We have heard the new Marvel video game from Skydance Media will be a WW2 set adventure featuring Captain America and Black Panther. The duo will face off against the forces of Hydra. pic.twitter.com/nHizdcLm3S
ผู้พัฒนา Warner Bros. Games และบริษัท DC ได้ทำการปล่อยคลิปตัวอย่างเบื้องหลังใหม่ล่าสุดสำหรับเกม RPG โลกเปิดที่กำลังจะวางจำหน่ายอย่าง Gotham Knights ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์สมาชิกทีมพัฒนา Warner Bros. Games Montréal เพื่อสำรวจเรื่องราวจากหน้าหนังสือการ์ตูน อันเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละคร Batman Family ในเกม Gotham Knights รวมไปถึงการออกแบบตัวละครคลาสสิกอย่าง Batgirl, Nightwing, Red Hood และ Robin ที่ถูกตีความใหม่สำหรับเกมนี้โดยเฉพาะ เพื่อมอบประสบการณ์การต่อสู้อันสมจริง และเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ไม่ซ้ำใคร โดยเหล่านักพัฒนาภายในคลิป ยังได้พูดถึงความมุ่งมั่นในการเขียนเนื้อเรื่องสำหรับตัวละครแต่ละตัวที่เกี่ยวโยงกันไปมาอย่างลึกซึ้ง เพื่อขับเล่าถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตัวละครแต่ละตัว ให้ผู้เล่นได้เข้าถึงตัวตนภายใต้หน้ากากของพวกเขาไปพร้อมกัน
Gotham Knights มีกำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 21 ตุลาคม 2565 สำหรับเครื่อง PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC โดยผู้สั่งซื้อล่วงหน้าจะได้รับสกินตกแต่ง 233 Kustom Batcycle Skin เมื่อเกมวางจำหน่าย อ้างอิงจากการปรากฏตัวของยานพาหนะครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน Detective Comics #233 ของ DC
Gotham Knights จะบอกเล่าเรื่องราวของสมาชิกครอบครัว Batman Family ให้ผู้เล่นได้รับบทเป็น Batgirl, Nightwing, Red Hood และ Robin ฮีโร่สายเลือดใหม่แห่งจักรวาล DC ผู้ซึ่งต้องรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ปกป้องเมือง Gotham City แทน Batman ผู้ล่วงลับ พร้อมไขปริศนามากมายที่จะเปิดโปงอดีตอันดำมืดของเมือง และพิชิตเหล่าวายร้ายตัวฉกาจในการต่อสู้กันดุเดือด โดยผู้เล่นจะต้องฝ่าฝันอุปสรรคและบททดสอบมากมาย บนหาทางสู่การเป็นอัศวินรัตติกาลในแบบของตัวเอง
Hogwart Legacy คือเกมจากจักรวาล Harry Potter หนังที่ว่าด้วยเรื่องการผจญภัยในโลกเวทย์มนต์ ของ Harry Potter โดยตัวเรื่องจำเน้นดำเนิ่มเรื่องในโรงเรียน พ่อมด แม่มด Hogwart โดยเรื่องนี้มีถึง 8 ภาค! และ ทำเงินไปมหาศาลทำให้ โลกเวทย์มนต์กลายเป็นที่ๆ ใครก็อยากไปสักครั้งในชีวิต
ย้อนกลับไปในปี 2013 สตูดิโอเบื้องหลังเกมสุดฮิต Crash Bandicoot อย่าง Naughty Dog และ PlayStation ได้สร้างประวัติศาสตร์สำหรับวงการเกมเอาไว้ด้วยการเปิดตัวเกมที่ยังคงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในโลกมาจนถึงปัจจุบันอย่าง The Last of Us ให้กับเครื่อง PlayStation 3 ในช่วงท้ายเจนเนอเรชั่น ก่อนที่ต่อมาจะนำกลับมาปรับปรุงใหม่อีกครั้งและออกจำหน่ายให้กับ PlayStation 4 ภายใต้ชื่อ The Last Of Us Remastered ซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จไม่ต่างจากครั้งแรกที่วางจำหน่าย
เวลาผ่านมา 9 ปี สตูดิโอ Naughty Dog ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในการคืนชีพปฐมบทตำนานเกมแห่งยุคอีกครั้ง พร้อมทั้งทุ่มงบประมาณกว่า $70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ สองพันสี่ร้อยห้าสิบล้านบาทไปกับงานสร้างใหม่ โดยในครั้งนี้ทางสตูดิโอไม่ได้เพียงแค่ทำการปัดฝุ่นของเดิมให้ดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับตั้งใจที่จะทำมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยอ้างอิงจากโครงสร้าง Motion Capture และเสียงพากย์เดิมที่ทีมนักแสดงชุดเก่าเคยทำเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งจะเป็นไปได้บนคอนโซลยุคปัจจุบันอย่าง PlayStation 5 โดยมีคติพจน์ประจำการทำงานในโปรเจคนี้ว่า “นี่คือเป็น The Last of Us เวอร์ชั่นที่ควรจะเป็นอย่างแท้จริง แต่กลับยังเป็นไปไม่ได้เมื่อย้อนกลับไปในวันนั้น” เพราะสำหรับสตูดิโอ Naughty Dog และ Neil Druckmann เองเชื่อเสมอว่า The Last of Us นั้นคู่ควรกับการมีปฐมบทเวอร์ชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพื่อความสมบูรณ์ของทุกภาคที่จะตามมา
และเนื่องจาก The Last of Us นั้นเป็นการนำเกมในตำนานจากเมื่อ 9 ปีที่แล้วกลับมาคืนชีพใหม่ แถมในรอบนี้ยังเป็นการกลับมาครั้งที่ 3 ของ The Last of Us บนคอนโซลเจนเนอเรชั่นล่าสุดอย่าง PlayStation 5 ด้วย เชื่อได้ว่าสิ่งหนึ่งที่แฟนๆ ต่างก็ตั้งคำถามคือนอกจากงานภาพและโมเดลตัวละครและสถานที่ที่ได้รับการสร้างใหม่แบบยกระดับขึ้นแล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นยังมีอะไรเพิ่มเติมที่คู่ควรต่อการเสียเงินให้กับเกมเดียวกันนี้เป็นรอบที่ 3 อีกหรือไม่
มีอะไรใหม่บ้าง…ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt
The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นนอกจากจะมีตัวเนื้อเรื่องหลักของ The Last of Us ในภาคแรกแล้ว เช่นเดียวกันกับ The Last of Us Remastered ที่ตัวเกมเองยังมาพร้อมกับ The Last of Us : Left Behind ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องรองที่สำคัญที่จะทำให้ผู้เล่นได้รู้จักกับตัวละคร Ellie อย่างในระดับลึกขึ้นกว่าเดิมที่ในเนื้อเรื่องหลักไม่สามารถขยายความในส่วนนี้ได้ และยังจำเป็นต่อการส่งต่อผู้เล่นไปยัง The Last of Us Part II ที่เปิดจำหน่ายไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและได้คะแนนรีวิวจาก AppDisqus ไปถึง 100 คะแนนเต็มอีกด้วย
นอกจากเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องรองแล้ว ตัวเกมยังรองรับการใช้งาน DualSense Controller ของ PS5 อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย โดยทางสตูดิโอ Naughty Dog ได้พัฒนาเกมในเวอร์ชั่น Rebuilt นี้ให้รองรับการใช้งานความสามารถ Super HD Rumble หรือการสั่นของจอยเกมที่มีความหนักเบาและลักษณะที่แตกต่างกันไปตามพื้นผิวสัมผัสที่ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์ด้วยในขณะนั้น รวมไปจนถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวของตัวละครด้วย โดยใน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้น ผู้พัฒนานำเอาความสามารถนี้มาใช้ได้อย่างมีเอกลักษณ์และเต็มประสิทธิภาพของมันมาก ซึ่งนอกจากจะแบ่งแยกลักษณะพื้นผิวของสิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนแล้ว ตัวจอยเองยังสั่นตอบสนองต่อสภาพดินฟ้าอากาศในเกมในรูปแบบที่ต่างกันออกไป เช่นเวลาที่ฟ้าผ่าลงมาหรือเวลาที่พายุหิมะโถมเข้าใส่อีกด้วย
นอกจาก Super HD Rumble แล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt ยังรองรับฟีเจอร์ Adaptive Triggers หรือการหน่วงจอยตามน้ำหนักของอาวุธที่ตัวละครกำลังใช้งานอยู่ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม ซึ่งต้องบอกว่าความรู้สึกของการหน่วงปลายนิ้วสัมผัสเวลาที่ Joel และ Ellie เตรียมยิงธนูใส่พวก Clicker, Runner, Stalker, Bloater หรือแม้แต่ Hunterตลอดจนเวลาคราฟต์อาวุธต่างๆ ที่โต๊ะอัพเกรดของ Joel นั้นช่างให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและสมจริงสุดๆ ต่างจากการเล่นรอบที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะครับ
ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PlayStation 5 นี้ ผู้เล่นยังสามารถเลือกปรับภาพกราฟิกได้ 2 โหมดตามความชอบส่วนบุคคลอีกด้วยครับ โดยโหมดแรกนั้นชื่อว่าโหมด “ความแม่นยำ” ซึ่งจะเหมาะกับผู้เล่นที่เน้นความคมชัดมากกว่าเฟรมเรต โดยตัวเกมจะคงความละเอียดของภาพไว้ที่ 4K ในขณะที่ลดเฟรมเรตลงที่ 30Hz คงที่ ส่วนในโหมด “ประสิทธิภาพ” นั้นตัวเกมจะเน้นความคมชัดและเฟรมเรตแบบสมดุล โดยจะตั้งเป้าหมายของเฟรมเรตไว้ที่ 60Hz คงที่ ส่วนความคมชัดนั้นจะเน้นยืดหยุ่นระหว่าง 2k – 4k ตามสถานการณ์และการประมวลผลในตอนนั้น
นอกจากโหมดการตั้งค่าแล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt ยังมาพร้อมกับซับไตเติลภาษาไทยแบบสมบูรณ์ทั้งในฉากคัตซีนและระหว่างเกมเพลย์ รวมไปจนถึงเมนูต่างๆ ทั้งหมดในเกม และในบางฉากยังมีการฮาร์ดซับเป็นภาษาไทยลงไปในซีนนั้นๆ เลยอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นในฉากที่บอกฤดูต่างๆ ของเกมในแต่ละช่วง ซึ่งทาง Sony เองได้เปลี่ยนคำศัพท์ฤดูจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยแบบฮาร์ดซับไตเติลลงไปเลย หรือในฉากไทม์แลปส์เองก็เช่นเดียวกัน ที่มีการฝังซับลงไปเป็นส่วนหนึ่งกับฉากนั้นของเกมเลย และที่สำคัญที่อดชมไม่ได้คือซับไตเติลภาษาไทยใน The Last of Us Part 1 นั้น เวลาที่เราเลือกปรับเป็นขนาดใหญ่ มันใหญ่ได้สะใจสมกับที่ควรเสียที ไม่ต้องมาปวดหัวปวดใจกับขนาดของซับไตเติลเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเกมเอ็กซ์คลูซีพก่อนหน้านี้ของค่ายอย่าง Horizon Forbidden West อีกแล้ว
สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่น The Last of Us มาก่อน ผมขอแนะนำให้หนีโหมดนี้ไปให้ไกล เพราะตัวเกมนั้นยากจริงจังแม้จะปรับระดับความยากเป็นระดับปานกลาง ต่อให้คิดว่าระวังตัวแค่ไหน ถ้าถูก Clicker งับคอแม้แต่ครั้งเดียวคุณก็พร้อมจะไปสวรรค์เกมโอเวอร์ได้เลย…รู้อย่างนี้แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะ
นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt ยังมาพร้อมกับโหมด Speedrun ที่จะมีการแทร็กเวลาการเล่นเอาไว้สำหรับคอร์เกมที่ต้องการเล่นเก็บสถิติความเร็ว โดยโหมด Speedrun จะเปิดให้เลือกเล่นได้หลังจากที่จบตัวเกมทั้งเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องรองแล้ว 1 รอบ ตลอดจนโหมดเครื่องแต่งกายพิเศษของตัวละครหลักทั้งสองตัวอย่าง Joel และ Ellie รวมไปจนถึงโหมดโมเดลไว้ให้ดูโมเดลสามมิติของตัวละครต่างๆ ในฉากไอคอนิกสำคัญๆ ของเรื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาใน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั่นเอง
The Last of Us Part 1บอกเล่าเรื่องราวของ Joel (โจเอล) ที่ต้องทนอยู่กับตัวเองอย่างเจ็บปวดมาตลอด 20 ปี หลังผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปในช่วงต้นของการระบาดของโรคไวรัสสมอง Cordyceps ที่มีจุดกำเนิดมาจากเชื้อรากินสมองที่ปนเปื้อนมากับอาหารนำเข้ามาจากอเมริกาใต้ การสูญเสียครั้งสำคัญครั้งนี้หล่อหลอมให้โจเอลกลายเป็นคนที่ไม่แยแสกับชีวิตคนอื่น แต่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดในโลกอันบิดเบี้ยวนี้ให้ได้ไปวันๆ และหนึ่งในงานที่เขายึดเป็นงานหลักก็คือการเป็นคนส่งของที่ไม่เคยจะตั้งข้อสงสัยว่าของสิ่งนั้นคืออะไรและไม่เคยสนใจจะปฏิเสธไม่ว่าของสิ่งนั้นจะขาวหรือดำ
The Last of Us นั้นถือเป็นเกมที่ทรงพลังในการเล่าเรื่องที่แทบไม่มีเกมไหนจะเทียบเคียงได้อย่างง่ายดายอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือเทคโนโลยีในสมัยนั้นที่ยังเป็นปัญหาในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครผ่านทางสีหน้า ท่าทาง และการแสดงออกได้อย่างไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่นัก และแม้ว่าตัวบทและการเล่าเรื่องนั้นจะสมบูรณ์สักเพียงใด บ่อยครั้งที่อารมณ์และความรู้สึกที่ตัวละครถ่ายทอดออกมากลับถูกลดทอนไปเพราะสีหน้าและแววตาของตัวละครในเรื่องเอง และแน่นอนว่าแม้แต่ Joel Miller และ Ellie Williams สองตัวเอกจาก The Last of Us เองก็ประสบปัญหาเดียวกันนี้ในหลายต่อหลายคัตซีนและไดอะล็อกในเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิมและเวอร์ชั่น Remastered บน PlayStation 4 ทำให้ในบางฉากที่ควรดึงอารมณ์ผู้เล่นไปได้สุด กลับต้องมาสะดุดอยู่ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PlayStation 5 นั้นนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ปัญหานี้ถูกแก้ไขออกไปอย่างหมดจด ด้วยความตั้งใจของทีมผู้สร้างเองที่ต้องการจะ “Rebuilt หรือ สร้างมันขึ้นมาใหม่” ในยุคสมัยที่คอนโซลทรงพลังขนาดนี้ การถ่ายทอดอารมณ์ทั้งหมดของตัวละครผ่านทางสีหน้า แววตา และท่าทางนั้นจึงทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติแม้จะไม่ได้มีการมากำกับ Motion Capture ใหม่แต่อย่างใด ทำให้นี่เป็นครั้งแรกของผมที่กลับมาเล่น The Last of Us แล้วรู้สึกสะเทือนใจและถึงขั้นน้ำตาคลอไปกับฉากแทบทุกฉากในเกม ยกตัวอย่างเช่นในฉากเกริ่นนำเรื่องในช่วง 15 นาทีแรกหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับ Sarah (ซาร่าห์) ลูกสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของโจเอล ซึ่งสตูดิโอ Naughty Dog ได้รีบิลด์ตัวละครขึ้นมาใหม่ได้อย่างมีมิติในการแสดงสีหน้าและท่าทางมากจนทำให้หัวใจน้อยๆ ของเกมเมอร์อย่างเราถึงขั้นเจ็บปวดไปกับเหตุการณ์ที่ประสบตรงหน้าไปด้วย
AppDisqus ได้แคปเจอร์ภาพของซีนเดียวกันนี้จาก The Last of Us Part 1 Rebuilt และ The Last of Us Remastered มาเปรียบเทียบให้เพื่อนๆ เห็นกันด้านล่างนี้ด้วย เพราะเราเชื่อว่าคงไม่มีคำอธิบายใดที่จะชัดเจนได้ดีไปกว่าการให้เพื่อนๆ ได้พิจารณาด้วยสายตาตัวเอง
เอาแค่ Prologue หรือเกมเพลย์ในช่วงอารัมภบทเราก็รู้ได้แล้วว่า Naughty Dog ไม่ได้มาเล่นๆ สำหรับการ Rebuild ในครั้งนี้ โดยเราจะเห็นคุณภาพการเปลี่ยนแปลงของโมเดลตัวละครและโมชั่นแคปเจอร์ของตัวละครทั้งหมดแบบชัดเจนมาก ซึ่งต้องขอบคุณขุมพลังของ PlayStation 5 และความตั้งใจในการรังสรรค์งานของสตูดิโอ กอปรกับฟีเจอร์ Super HD Rumble ที่เราได้สัมผัสตลอดทั้งซีเควนซ์แรกของเกมต้องบอกเลยว่าการเล่น The Last of Us ใหม่ในรอบนี้คือรู้เลยว่าจะเต็มไปด้วยอารมณ์ใหม่ๆ ที่สุดยิ่งกว่าเดิม และต้องคุ้มค่า คุ้มเวลามากๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
นอกจากสีหน้าของตัวละครที่สามารถสื่อสารอารมณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้นมากแบบสุดๆ แล้ว ทีมผู้พัฒนายังไปสุดกว่านั้นด้วยการแก้ไขเอนิเมชั่นของตัวละครในบางฉากที่เปลี่ยนอารมณ์และความรุนแรงจากเดิมไปอย่างชัดเจน หนึ่งในฉากที่ผู้รีวิวเห็นชัดเจนที่สุดคือฉากที่ Tess (เทสส์) และโจเอลได้ค้นพบความลับบางอย่างของเอลลี่โดยบังเอิญ ส่งผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันขึ้นในกลุ่ม ซึ่งในจังหวะนี้ ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt ทาง Naughty Dog เองเลือกที่จะตีความการกระทำของตัวละครเทสส์ใหม่ให้มีความชัดเจนทางอารมณ์มากยิ่งขึ้นด้วยการให้เทสส์จ่อปืนไปที่ตัว เอลลี่ในทันที ในขณะที่ใน The last of Us Remastered และต้นฉบับนั้น ตัวเทสส์จะไม่ได้ยกปืนขึ้นมาจ่อไปที่เอลลี่แต่อย่างใด ทำให้อารมณ์ความรุนแรงและความแข็งกระด้างในฉากนั้นลดลงไปมาก ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือหนึ่งในหลายๆ จุดเล็กๆ ที่ Naughty Dog ตั้งใจเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบทางจิตใจในด้านดีกับผู้เล่นอย่างชัดเจนมากๆ โดยส่วนตัวผมเอง ยอมรับว่าหัวใจตกไปชั่ววินาทีเมื่อเห็นเทสส์จ่อปืนไปที่เอลลี่อย่างในฉบับ Rebuild นี้ ในขณะที่ตอนเล่นฉบับ Remastered หรือต้นฉบับนั้น ในฉากนี้ผมยังไม่ได้รู้สึกถึงเสี้ยววินาทีแห่งความรังเรใจและการตัดสินใจความเป็นความตายของตัวละครสักเท่าไหร่เลย
Tess จ่อปืนไปที่ Ellie ในทันทีที่ค้นพบความลับบางอย่างของตัวละครในเวอร์ชั่น The Last of Us Part 1 Rebuilt ซึ่งให้อารมณ์ที่ดุดันและส่งผลกับจิตใจคนเล่นดีมากTess มอง Ellie ทันทีหลังจากค้นพบความลับของตัวละคร Ellie ใน The Last of Us Remastered และต้นฉบับ ซึ่งไม่ได้รู้สึกถึงความดุดันในการตัดสินใจเหมือนฉบับ Rebuilt
หนึ่งในฉากที่น่าสนใจมากคือฉากการตัดสินใจอะไรบางอย่างในสถานการณ์คับขันระหว่างโจเอล เอลลี่ และเทสส์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นแสงที่ส่องกระทบเข้ามาผ่านทางกระจกประตู รวมถึงรายละเอียดเบื้องหลังของฉากทั้งหมดนั้นมันสมจริงไปหมด ซึ่งแตกต่างจากฉบับ Remasted แบบสิ้นเชิง
แสงที่ส่องจากกระจกประตูเข้ามาพาดผ่านตัวละคร Joel มีความฟุ้งและชัดเจนของมิติมากใน The Last of Us Part 1 Rebuiltฉากเดียวกันนี้ใน The Last of Us Remastered ที่จะเห็นความแข็งกระด้างของแสงและฉากมาก
แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างที่เห็นนี้ไม่ได้มีเฉพาะในฉากคัตซีนเท่านั้น จริงๆ แล้วต้องบอกว่าใน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างฉากคัตซีนออกจากเกมเพลย์ เพราะตลอดระยะเวลาที่เล่นตั้งแต่ต้นจนจบเกม ผู้รีวิวเองไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของความละเอียดของภาพเมื่อตัดสลับกันระหว่างฉากคัตซีนและฉากเกมเพลย์เลย นอกจากนี้ตัวเกมเองยังไม่มีช่วงจังหวะที่ต้องหยุดไปเพราะการดาวน์โหลดฉากหรืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ประสบการณ์ที่ได้นั้นมันสมูธมากจนไม่เกิดความสะดุดใดๆ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องและตัวละครเพิ่มขึ้นมากถึงขนาดนี้เมื่อย้อนกลับมาเล่น The Last of Us อีกรอบในครั้งนี้
หนึ่งในฉากเกมเพลย์ที่จะทำให้เห็นความต่างระหว่าง The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PS5 และ The Last of Us Remastered บน PS4 นั้นคือฉากช่วงที่เราต้องพาเอลลี่หนีจากพวกทหาร ซึ่งเป็นฉากที่โจเอลต้องวิ่งหลบซ่อนไปตามเงามืดและสภาพฟ้าฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก โดยมีเอลลี่และเทสส์วิ่งตามมาอย่างใกล้ชิด เทกซ์เจอร์ของน้ำที่ขังอยู่บนพื้น ไปจนถึงความพริ้วไหวของมันเวลาที่ตัวละครเหยียบย่ำลงไปบนปรัก เมื่อเทียบกับฉบับ Remastered แล้วต้องบอกว่าเป็นหนังคนละม้วนกันเลย และมันจะเป็นแบบนี้เหมือนกันไปตลอดทั้งเกมบนเวอร์ชั่น Rebuilt สำหรับ PlayStation 5
เกมเพลย์และการควบคุมที่ผสานเทคนิกของ Next Gen เอาไว้กับของเดิมได้อย่างลงตัว
สำหรับคนที่เคยเล่น The Last of Us มาก่อนแล้ว ต้องบอกว่าใน The Last of Us Part 1 Rebuilt ทาง Naughty Dog ยังคงคุมรูปแบบการเล่นและการบังคับไว้ให้คงเดิมแทบทุกอย่าง เพราะอะไรที่ดีอยู่แล้วก็คงไม่มีเหตุผลให้ต้องแก้ไข ตลอดการเล่นยังคงต้องอาศัย Combination Play หรือการเล่นแบบหลากหลายรูปแบบ ทั้งย่องเบา ดุดัน โจมระยะไกลและใกล้ ตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องมือนานาชนิดสำหรับการระเบิดเขาเผากระท่อมเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นมาคือการเพิ่มความสมจริงในการใช้และการอัพเกรดอาวุธ ตลอดจนการไขล็อกตู้เซฟต่างๆ ที่มีการนำเอาฟังก์ชั่น Adaptive Triggers และ Super HD Rumble มาใช้งานได้อย่างฉลาดมาก ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เราต้องการปลดล็อกตู้เซฟที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ ของสถานที่นั้น ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหาคำใบ้รหัสปลดตู้เซฟอีกต่อไป เพราะ Super HD Rumble จะมีการสั่นจังหวะแปลกๆ ให้เรารับทราบได้ว่าเราเลื่อนไปถึงตัวเลขล็อคที่ถูกต้องแล้ว พร้อมกับเสียงคลิกที่มีลักษณะต่างไปจากทั่วไปด้วย ซึ่งให้อารมณ์เหมือนเรากำลังลักลอบเปิดตู้เซฟอย่างแท้จริง เหมือนกับที่ Naughty Dog เคยใช้ใน Uncharted: Legacy of Thieves Collection ผลงานก่อนหน้าของค่ายที่ถูกนำมาปัดฝุ่นลงบน PlayStation 5 ไปก่อนหน้านี้แล้ว
Joel กับการพยายามแกะรหัสตู้เซฟ ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกที่จะหาคำใบ้ หรือจะใช้การสั่นและเสียงจาก Super HD Rumble ล้วนๆ ในการแก้ปริศนาก็ได้
นอกจากเครื่องมือสำหรับการอัพเกรดอาวุธที่เราต้องเสาะหาระหว่างการเดินทางแล้ว The Last of Us Part 1 ยังคงมาพร้อม เหรียญ Pendant ของกลุ่ม Fireflies หนังสือการ์ตูนสำหรับเอลลี่ และสูตรลับการอัพเกรดความสามารถของระเบิดหรืออาวุธโจมตีระยะใกล้ ให้เราได้ตามหาเพื่อเก็บสะสมและพัฒนาความสามารถอาวุธระยะใกล้และระเบิดของเราให้ดีขึ้น
เสน่ห์ที่สำคัญของ The Last of Us นั้นคือ Quick Time Event ที่จะมีมาอยู่เรื่อยๆ ภายในเกม ซึ่งเป็น Quick Time Event ที่ถูกออกแบบการเล่นมาอย่างเหมาะสมและลงตัวกับฉากแต่ละฉากที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่มที่ขึ้นหน้าจอตามจังหวะ หรือแม้แต่การต้องพยายามจัดการกับศัตรูในฉากทั้งหมดด้วยอุปกรณ์และเครื่องที่จำกัดและสถานการณ์ที่บังคับให้เราต้องเริ่มการโจมตีในสภาพที่ผิดปกติไปจากเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ในแต่ละครั้งที่มีเข้ามา เรียกได้ว่าสร้างความตื่นเต้นกดดันให้เกิดขึ้นกับผู้เล่นได้มากจริงๆ
นอกจากนี้การที่ The Last of Us Part 1 นั้นแทบจะไม่ปล่อยให้ผู้เล่นเดินทางไปในโลกที่โหดร้ายนี้ตามลำพังตั้งแต่ต้นเกม มันเลยทำให้ในสถานการณ์ที่เราต้องจัดการกับทุกอย่างเพียงคนเดียว ความกดดันทั้งหมดจึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งอารมณ์ความเหงาความอ้างว้างที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้มาจากเพียงดนตรีประกอบและฉากเท่านั้น แต่ยังมาจากเกมเพลย์ที่ชาญฉลาดที่เลือกจังหวะในการปล่อยทิ้งเราให้โดดเดี่ยวได้อย่างเหมาะเจาะ พร้อมสถานการณ์ที่ซัดเข้ามาจากการอยู่เพียงลำพังที่ทำให้เราถึงขั้นอ่วมช้ำไปไม่ต่างจากตัวละครในเกมเลย
ฉาก Quick Time Event ที่มาได้ถูกจังหวะและมีความเป็นความตายของ Joel มาเป็นตัวแปรสำคัญEllie กับความสิ้นหวังทั้งกายใจ ที่ต้องฮึดเอาเฮือกสุดท้ายของตัวเองมาเปลี่ยนเป็นความรุนแรงขั้นสุด
แม้ว่า The Last of Us Part 1 นั้นดูเหมือนจะแก้ไขปัญหาแทบทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น และทำให้นี่คือฉบับที่คู่ควรกับ The Last of Us อย่างไร้ที่ติแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริง สตูดิโอ Naughty Dog กลับยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ที่สุดที่รั้งตัวเกมไว้จากความสมจริงแบบสมบูรณ์ได้ ปัญหาที่ว่านั้นก็คือ AI โดยเฉพาะกับศัตรูในกลุ่ม Hunter ที่แม้จะเป็นศัตรูที่ควรจะมีมันสมองและความเป็นมนุษย์ที่สุดแล้ว แต่กลับทำอะไรบางอย่างที่หลุดความเป็นมนุษย์ไปมาก ส่งผลให้เกมขาดความสมจริงไปพอควรเลยทีเดียว…
ความสมบูรณ์ที่ต้องสะดุดลงเพราะ AI และปัญหาด้านการแปลเล็กๆ น้อยๆ
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดและต้องเอามาพูดถึงมากๆ คือเรื่องของ AI ศัตรูใน The Last of Us Part 1 ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมีความคาดหวังไว้สูงมากว่า Naughty Dog จะทำการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ในเวอร์ชั่น Rebuilt อย่างไรก็ตาม ในทุกฉากที่ศัตรูของเราคือกลุ่ม Hunter พวกศัตรูกลุ่มนี้จะเมินตัวละครที่ร่วมเดินทางไปกับเราแทบจะเสมอ ส่งผลให้ความสมจริงในฉากลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างเช่นเวลาที่มีการต่อสู้กับ Hunter แค่เราพยายามหลบตัวเองไปจากสายตาของ Hunter เจ้า AI ศัตรูก็จะมองไม่เห็นเราและไม่ยอมเปิดการโจมตีในทันที ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมทางของเราอย่างเอลลี่หรือตัวละครตัวอื่นๆ นั้นนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าพวกมัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกในยุคของ PlayStation 3 และแม้จะผ่านการปัดฝุ่นใหม่มาถึง 2 รอบแล้ว Naughty Dog ก็ยังคงแก้ปัญหานี้ไม่ได้เสียที ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายมากจริงๆ เพราะความสมบูรณ์แบบในองค์ประกอบอื่นๆ นั้นมันโดดเด่นและชัดเจนมากจนแทบจะร้องตะโกนอยู่แล้วว่าการกลับมาในครั้งนี้ของ The Last of Us Part 1 นั้นคือความเพอร์เฟ็กโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเวอร์ชั่นที่ผู้รีวิวเล่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรกสุดก่อนวันวางจำหน่ายจริง เชื่อว่าเมื่อถึงวันวางจำหน่าย Naughty Dog เองน่าจะมีปล่อยแพชต์อัพเดตแก้ไขปัญหาเรื่อง AI ตามมาอีกที เพราะเอาเข้าจริงแล้วการอัพเกรดความฉลาดของ AI นั้นคือหนึ่งในหัวใจของ The Last of Us Part 1 Rebuilt เลยตามข้อมูลที่ทาง Sony ได้มีเผยออกมาก่อนหน้านี้ครับ
ปัญหาความต่อเนื่องของสรรพนามที่มีให้เห็นบ้างในบทแปลภาษาไทยของ The Last of Us Part 1 Rebuilt
นอกจาก AI แล้ว ผู้รีวิวยังพบปัญหาเรื่องการแปลและคำตกในภาษาไทยให้เห็นอยู่เป็นจังหวะ โดยเฉพาะกับปัญหาเรื่องคำตกบรรทัดซึ่งน่าจะเกิดจากการตัดคำภาษาในบนระบบ PlayStation ที่ยังไม่ดีเท่าทีควร แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงหรือทำให้เสียอารมณ์ร่วมแต่อย่างใด เต็มที่ก็อาจมีแค่อ่านยากขึ้นในบางจังหวะเท่านั้นเอง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า The Last of Us Part 1 ในเวอร์ชั่น PlayStation 5 ที่ทาง AppDisqus ได้มารีวิวนี้เป็นเวอร์ชั่นก่อนวางจำหน่ายจริง ซึ่งในวันวางจำหน่ายจริงทาง Naughty Dog “อาจจะ” ปรับปรุงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทั้งหมดแล้วก็ได้ เราคงต้องรอดูกันอีกครั้งในวันที่ 2 กันยายน 2556 ที่จะถึงนี้
Joel และ Ellie ควบม้าเดินทางมาจนถึงหน้า University of Eastern Colorado
The Last of Us Part 1 คือการเดินทาง คือการเรียนรู้ คือการเติบโต และคือการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ของโจเอลและเอลลี่ที่กระตุ้นให้ผู้เล่นอย่างเราได้คิดเสมอในทุกก้าวเดิน คิดถึงการมีอยู่ของตัวตน ถึงเหตุผลของความปรานี หรือแม้แต่ถึงสาเหตุแห่งความรุนแรง ปลายทางแห่งความเสียใจ หรือสิ่งที่ได้มาจากความเสียสละ ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่แทบไม่เคยมีเกมใดที่จะพาเราเข้าไปสำรวจจิตใจของตัวเองและตัวละครได้ลึกซึ้งเท่านี้อีกแล้ว และแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 9 ปี The Last Of Us ก็ยังคงเป็นเกมที่คู่ควรแก่การพูดถึงเหนือกาลเวลา
Joel, Sam, Ellie และ Henry สู่ปลายทางแห่งความหวังที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
The last of Us Part 1 Rebuilt นี้คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่ไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่ขวดของมัน แต่ยังสั่งสมเวลาในการหมักให้นานขึ้น เพิ่มรสชาติให้จัดจ้านขึ้นจากงานภาพและสีหน้าท่าทางของตัวละครที่ถูกสร้างใหม่แบบยกชุดจากความตั้งใจของทีมงานผู้ให้กำเนิด The Last of Us ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือ The Last of Us ในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์และคู่ควรที่สุดที่เกมยอดเยี่ยมเกมนี้จะเป็น และนี่คือการตัดสินใจทุ่มทุน $70 ล้านเหรียญสหรัฐของสตูอิโอ Naughty Dog และ Sony Entertiament ที่ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายเลยแม้แต่น้อย…นี่คือ The Last of Us ที่จะเป็นตำนานต่อไปในคอนโซลยุค Next Gen อย่างแท้จริง
บางเรื่องราวอาจผ่านเข้ามาแล้วจากไป แต่ The Last of Us Part 1 จะเป็นเรื่องราวที่คงอยู่ตลอดไปในใจของผู้รีวิวและเกมเมอร์ทุกคน….
รูปถ่ายแทนใจ และสัญลักษณ์ของการพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าของ Joel
Dead by Daylight ประกาศจับมือกับแฟรนไชส์ Resident Evil เป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับเปิดตัว Dead by Daylight: Resident Evil: PROJECT W ที่จะพาผู้เล่นกลับไปสัมผัสความสยองขวัญอีกครั้งในสถานีตำรวจเมือง Raccoon City การจับโคลาโบของ Dead by Daylight กับ Resident Evil ในครั้งนี้จะมาพร้อมกับชุดตัวละครจากในเกม Resident Evil อย่าง Carlos Oliveira, Sheva Alomar และ Hunk
นอกจากนี้ยังมี Albert Wesker มาเป็นตัวละครฝั่งฆาตกรเพิ่มเข้ามาในเกมด้วย โดยชื่อที่ใช้ในเกมก็คือ The Mastermind พลังของตัวละครคือ Virulent Blood ที่ทำให้ตัวละครพุ่งเข้าไปหาศัตรูด้วยความเร็วและจับพวกมันไว้ด้วยเชื้อ Uroboros ส่วนทางฝั่ง Survivor ก็มีตัวละครใหม่อย่าง Ada Wong และ Rebecca Chambers เพิ่มเข้ามาอีกด้วย
Dead by Daylight: Resident Evil: PROJECT W มีแผนจะปล่อยอัปเดตให้เล่นฟรีๆ กันไปเลยบนเครื่อง PC, PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X/S, Nintendo Switch และ Google Stadia เร็วๆ นี้