คลังเก็บป้ายกำกับ: FOSSIL

เปิดตัว Razer X Fossil Gen 6 รุ่น Limited Edition สำหรับสายเกมมิ่งโดยเฉพาะ

Fossil จับมือกับ Razer เปิดตัว Razer X Fossil Gen 6 สมาร์ทวอทช์สำหรับสายเกมมิ่งโดยเฉพาะในงาน CES 2022 มาพร้อมกับสเปคที่เหมือนกับ Fossil Gen 6 รุ่นปกติ ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Wear OS 2 (อัปเดตเป็น Wear OS 3 ได้) และชิปเซ็ต Snapdragon Wear 4100+ ใช้พาแพลจอ OLED วางขายทั้งหมด 1,337 เรือน ในราคา $329 หรือประมาณ 11,000 บาท

Razer X Fossil Gen 6 มาพร้อมกับ Watch Face ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Chroma, Text และ Analog สายนาฬิกาเปลี่ยนได้ มีให้เลือก 2 สี ประกอบด้วย สีดำ และสีเขียวตามแบบฉบับของแบรนด์ Razer

สเปคด้านในเหมือนกับ Fossil Gen 6 ทุกประการ มาพร้อมกับหน้าปัดขนาด 44 มิลลิเมตร ใช้พาแนลจอ OLED ขนาด 1.28 นิ้ว ความจุ 8GB RAM 1GB ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon Wear 4100+ ตัวล่าสุดประสิทธิภาพแรงขึ้นกว่าเดิม 30% เมื่อเทียบกับ Gen 5 ระบบปฏิบัติการ Wear OS 2 ที่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์เป็น Wear OS 3 ได้ (แต่ไม่ได้ระบุว่าจะได้รับอัปเดตช่วงไหน) กันน้ำ 3ATM หรือ 30 เมตร วัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ นอกจากนี้ Razer X Fossil Gen 6 ยังรองรับระบบชาร์จไว 0% ไป 80% ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาที

Razer และ Fossil เปิดเผยว่า Razer X Fossil Gen 6 จะเป็นรุ่นแบบ Limited Edition วางจำหน่ายเพียงแค่ 1,337 เรือนเท่านั้น เริ่มขายวันแรก 10 มกราคมที่จะถึงนี้ ในราคา $329 หรือราว ๆ 11,000 บาท

source: android central | engadget

from:https://droidsans.com/razer-fossil-gen-6-limited-edition-launched/

Razer ร่วมกับ Fossil ผลิตสมาร์ทวอช Gen 6 ลิมิเต็ดอิดิชั่นสำหรับเกมเมอร์

Razer และ Fossil ประกาศร่วมมือกันผลิตสมาร์ทวอช Gen 6 แบบลิมิเต็ดอิดิชั่นสำหรับเกมเมอร์ โดยเน้นดีไซน์แบบ Razer ภายใต้โครงสร้างนาฬิกาเดิมของ Fossil

ฟีเจอร์ของนาฬิกาก็จะยังคงเหมือน Fossil Gen 6 ทั่วไป คือใช้เคสโลหะ 44mm ชิปหลักเป็น Snapdragon Wear 4100+ พร้อมกันน้ำ 3ATM มีระบบตรวจจับออกซิเจนในเม็ดเลือด พร้อมหน้าจอกลมขนาด 1.28 นิ้ว ส่วนที่พิเศษคือจะมีหน้าปัดแบบ Chroma เพิ่มเข้ามา และสายซิลิโคน 2 แบบ คือ sober black และสีเขียวแบบ Razer

ตัวนาฬิกา Razer x Fossil จะวางจำหน่ายที่ราคา 329 ดอลลาร์ หรือราว 11,000 บาท โดยจะเริ่มวางขายในเดือนนี้ มีทั้งหมดเพียง 1,337 เรือนเท่านั้น

ที่มา – Engadget

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/126566

รีวิว Fossil Gen 5 LTE สมาร์ทวอทช์แบรนด์หรูสเปคแรง สเปคจัดเต็ม

Fossil แบรนด์นาฬิกาหรูเข้ามาเล่นตลาดสมาร์ทวอทช์ได้ไม่นานแต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าของเขามาแรงมาก ล่าสุดกับ Fossil Gen 5 LTE ที่ต้องบอกเลยว่านอกจากจะหรูแล้วยังอัดฟีเจอร์มาแบบจัดเต็ม มาดูริวิวกันว่าจะน่าใช้สมราคาหรือไม่

Fossil Gen 5 LTE
Fossil Gen 5 LTE

แม้ว่า Fossil จะส่งผลิตภัณฑ์ในสายสมาร์ทวอทช์ออกมาช้ากว่าแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าสมาร์ทวอทช์ของทาง Fossil นั้นมาแรงแบบจัดเต็มไม่ทิ้งนโยบายของการเป็นแบรนด์นาฬิกาหรูในระดับราคาที่สัมผัสได้จริงๆ ล่าสุดกับ Fossil Gen 5 LTE นั้นเรียกได้ว่ากระแสในโซนยุโรปมาแรงแบบสุดๆ เพราะนอกเหนือไปจากความหรูที่ทาง Fossil จัดมาให้แบบเน้นๆ แล้วนั้น สเปคของ Fossil Gen 5 LTE ก็อัดมาให้เต็มๆ แบบจุดใจในแบบที่รับรองว่าคุ้มค่ากับราคาอย่างแน่นอน ในวันนี้เราขอนำเสนอความรู้สึกการใช้งานของคุณ Inge Schwabe กันดูว่าจะเป็นเช่นไรเพราะแว่วๆ มาว่าจะมีเข้ามาให้สั่งจองในไทยเราด้วยเร็วๆ นี้(แต่ท่านใดอยากได้จริงๆ ก็สามารถสั่งตรงจากทาง Fossil มาก่อนได้เลยเช่นเดียวกัน) ว่าแล้วก็ได้ติดตามกันเลย



สเปคของ Fossil Gen 5 LTE

Processor Qualcomm Snapdragon Wear 3100 4 x – 1.2 GHz, ARM Cortex-A7
Memory 1024 MB
Display 1.28 inch, 416 x 416 pixel 328 PPI, Full touchscreen,
AMOLED, glossy: yes
Storage 8 GB SSD
Connections Audio Connections: ⊕, NFC,
Brightness Sensor, Sensors: accelerometer,
gyroscope, barometer, optical heart rate
Networking 802.11 b/g/n (b/g/n = Wi-Fi 4), Bluetooth LE,
LTE Band I/1, 3, 7, VIII, 20, LTE, GPS
Size สูง x กว้าง x ลึก : 13 mm x 45 mm x 45 mm
Battery 310 mAh
Charging wireless charging, fast charging / Quickcharge
Operating System Google WearOS 2
Additional features Speakers: ⊕, Keyboard: 3 buttons, 1 rotating,
Fossil Gen 5 LTE, quick start manual,
charging dock, documentation, warranty information,
Wear OS, 24 Months Warranty,
compatibility: Android 6.0+; SAR head: 1.11 W/kg,
SAR body: 1.35 W/kg; water resistance: 3 ATM, waterproof
Weight 54 g
02Fossil Gen 5 LTE Ansicht 02
04Fossil Gen 5 LTE Ansicht 01

อย่างที่ได้บอกไว้ในตอนต้นว่า Fossil Gen 5 LTE นั้นนอกเหนือไปจากจะเน้นเรื่องของดีไซน์ที่หรูหราแล้ว ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับสเปคแบบจัดเต็มแบบเต็มเหนี่ยวจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon Wear 3100 ที่ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 2019 แล้วแต่ทว่าก็ยังคงถือว่ามีความแรงอยู่ในระดับที่ต้องร้องว้าวเลยทีเดียว นอกไปจากนั้นแล้ว Fossil Gen 5 LTE ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในถึง 1 GB และแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD อีก 8 GB ซึ่งทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ บน WearOS 2 เป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ

ตัวเครื่องมีดีไซน์หน้าจอแบบวงกลมทำให้ยังคงความเป็นนาฬิกาอยู่ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ชื่นชอบหน้าปัดสมาร์ทวอทช์ที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมมากเท่าไรนัก ตัวเรือนใช้วัสดุเป็นสแตนเลสเคลือบสีทองทำให้ดูหรูหรา(ซึ่งจะรวมไปถึงส่วนล๊อคข้อมือด้วย) 

05Fossil Gen 5 LTE Ansicht 05
06Fossil Gen 5 LTE Ansicht 03
07Fossil Gen 5 LTE Ansicht 06

สำหรับสายรัดข้อมือนั้นที่แถมมากับชุดวางจำหน่ายจะใช้วัสดุซิลิโคนอย่างดีสามารถกันน้ำได้โดยจะมีขนาดความกว้างของสายรัดอยู่ที่ 22 mm แน่นอนว่าผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนสายเป็นแบบอื่นเช่นสายหนัง ฯลฯ ที่มีขนาดความกว้างของสายรัด 22 mm เท่ากับของเดิมมาใช้แทนได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งการเปลี่ยนสายรัดข้อมือนั้นผู้ใช้สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ อีกด้วยต่างหากงานนี้เรียกได้ว่าเอาใจวัยรุ่นที่เบื่อง่ายจริงๆ

08Fossil Gen 5 LTE Ansicht 07
09Fossil Gen 5 LTE Ansicht 08

อย่างไรก็ตามแล้วนั้นหากจะพูดถึงเรื่องขนาดของตัวเรือนหน้าปัดของ Fossil Gen 5 LTE นั้น ผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงอาจจะไม่ค่อยชอบมากเท่าไรนักเนื่องจากว่าหน้าจอตัวเรือนนั้นจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 45 mm (แต่ก็มีรุ่นเล็กอย่าง Fossil Gen 5E ที่หน้าจอตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 mm เป็นตัวเลือกแทน) ด้วยการใช้หน้าจอตัวเรือนเป็นพาเนล AMOLED ทำให้สบายหายห่วงเมื่อใช้งานในที่ที่มีแสงจ้า พร้อมด้วยเซ็นเซอร์รับแสงซึ่งจะช่วยทำให้ Fossil Gen 5 LTE นั้นสามารถปรับแสงหน้าปัดให้เหมาะสมกับสภาพของแสงได้โดยอัตโนมัติได้ด้วย

10Fossil Gen 5 LTE blk 01
11Fossil Gen 5 LTE blk 02

Fossil Gen 5 LTE นั้นยังมาพร้อมกับลำโพงในตัวทำให้สามารถที่จะเล่นเพลงผ่านตัวเรือนได้เลย(ทว่าเสียงก็ไม่ได้ดีมากเท่าไรนักเพราะจุดประสงค์ของมันถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นลำโพงสำหรับเล่นเสียงแจ้งเตือนต่างๆ มากกว่า) การโต้สั่งการต่างๆ นั้นก็สามารถที่จะสำได้ผ่านการสัมผัสหน้าจอหรือจะใช้ปุ่มควบควมทางด้านข้างของตัวเครื่องที่อยู่ทางด้านขวาของตัวเรือนนาฬิกาก็ได้เช่นเดียวกันโดยปุ่มสำหรับสั่งการทางด้านขวาของตัวเครื่องนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ปุ่มด้วยกัน

12Fossil Gen 5 LTE blk 03
14Fossil Gen 5 LTE blk 04

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Fossil Gen 5 LTE นั้นก็คือการรองรับการเชื่อมต่อแบบ LTE ที่จะใช้งานในรูปแบบของ eSIM และมี GPS ในตัวทำให้คุณสามารถที่จะสวมใส่ Fossil Gen 5 LTE เพื่อที่จะทำการออกกำลังกายและใช้นำทางในระยะไกลได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปให้หนักอีกด้วย งานนี้นั้นเรียกได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์จริงฃ

หมายเหตุ – นอกไปจากนั้นแล้ว Fossil Gen 5 LTE ยังมี NFC ด้วยซึ่งมันจะรองรับการใช้งานร่วมกับ Google Pay ทว่าในเมืองไทยเรานั้นอาจจะไม่ค่อยได้เห็นประโยชน์ในเรื่องนี้นักเนื่องจากว่ายังคงหาร้านที่รับชำระเงินผ่านทางระบบดังกล่าวไม่ได้นั่นเอง

15Fossil Gen 5 LTE accessory

อุปกรณ์ในกล่องของ Fossil Gen 5 LTE นั้นจะมีเพียงตัว Fossil Gen 5 LTE, คู่มือการใช้งาน และที่ชาร์จเท่านั้น


การใช้งาน Wear OS บน Fossil Gen 5 LTE

16csm Fossil Gen 5 LTE awos Einrichtung c7910f138b

Fossil Gen 5 LTE นั้นรองรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนทั้งที่เป็นระบบปฏิบัติการณ์ Android และ iOS โดยสำหรับผู้ใช้งาน Android นั้นการติดตั้งใช้งานและซิงค์สมาร์ทโฟนกับ Fossil Gen 5 LTE นั้นสามารถที่จะทำได้ง่ายมากๆ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Google Wear OS ได้เลย ซึ่งข้อดีสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการณ์ Android นั้นก็คือสามารถใช้งาน Fossil Gen 5 LTE ได้ครบทุกฟังก์ชัน

แต่สำหรับผู้ใช้ iOS นั้นคุณจำเป็นที่จะต้องมี Google Account และมีการติดตั้งแอปพลิเคชันของทาง Google เพิ่มเติมเช่น Google Assistant ไว้บนเครื่องของคุณ ทว่าหากคุณไม่ต้องการที่สมัคร Google Account แล้วล่ะก็คุณก็ยังคงสามารถใช้งาน Fossil Gen 5 LTE กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการณ์ iOS ได้อยู่เพียงแค่ว่าจะต้องทำใจว่าคุณจะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์บางประการได้ แถมยิ่งไปกว่านั้นแล้วคุณจะยังไม่สามารถโหลดแอปพลิเคชันลงบนตัว Fossil Gen 5 LTE ผ่านทาง Play Store ของทาง Google ได้อีกดังนั้นหากคุณชอบ Fossil Gen 5 LTE จริงๆ แล้วต้องการที่จะใช้ฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบก็ขอแนะนำให้สมัคร Google Account จะดีกว่า

17csm Fossil Gen 5 LTE awos Zifferblaetter 75e7581518
18csm Fossil Gen 5 LTE awos Widgets 01 70614b8c6a

มาดูกันต่อกับฟีเจอร์ต่างๆ บน Fossil Gen 5 LTE กับฟีเจอร์แรกที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของสมาร์ทวอทช์ Wear OS นั่นก็คือฟีเจอร์การเลือกรูปแบบหน้าปัดแสดงผลที่บน Fossil Gen 5 LTE นั้นสามารถที่จะโหลดมาเก็บไว้ให้เปลี่ยนแก้เบื่อได้ถึง 10 แบบ(โหลดจากสมาร์ทโฟนเข้าตัวเครื่อง โดยบน Store นั้นมีรูปแบบแสดงผลให้เลือกเยอะมากๆ) นอกไปจากนั้นแล้วคุณเองยังสามารถที่จะทำปรับแต่งรูปแบบหน้าจอของตัวเองได้อีกด้วยต่างหากโดยใช้รูปที่คุณถ่ายบนสมาร์ทโฟนแล้วซิงค์ขึ้นไปไว้บน Fossil Gen 5 LTE

นอกเหนือไปจากนั้นแล้วฟีเจอร์หลักๆ อื่นๆ ก็มาครบเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยดิจิทัล, Google Translator ฯลฯ ซึ่งจุดเด่นก็คือด้วยความที่ Fossil Gen 5 LTE รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ Wi-Fi และ LTE ทำให้คุณสามารถที่จะใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลา งานนี้ก็สามารถที่จะช่วยให้คุณวางสมาร์ทโฟนไว้อีกทีแต่ก็ยังมีชีวิตในแบบสมาร์ทได้อยู่ด้วย

19csm Fossil Gen 5 LTE awos Widgets 01 70614b8c6a

จุดเด่นหลักของ Fossil Gen 5 LTE ที่ไม่พูดไม่ได้เลยนั้นก็คือการรองรับเครือข่ายแบบ LTE ในรูปแบบของการใช้งาน eSIM หรือ embedded SIM ซึ่งจะเป็นแบบเดียวกับที่สมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปๆ ใหม่ๆ ใช้กัน ด้วยความสามารถดังกล่าวนี้เองนั้นนอกเหนือไปจากที่จะทำให้ Fossil Gen 5 LTE สามารถที่จะทำงานเสมือนเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายแล้วคุณยังสามารถที่จะใช้งานในการโทรออกและรับสายได้ด้วยอีกต่างหาก(แต่ต้องเชื่อมต่อกับชุดหูฟัง Bluetooth นะ) 

หมายเหตุ – ในเมืองไทยเรานั้นจะต้องรอดูว่าทางผู้ให้บริการเครือข่ายใดที่จะอนุญาตให้สามารถใช้เบอร์โทรร่วมกับ eSIM บน Fossil Gen 5 LTE ได้ก่อนถึงจะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ยังคงไม่มีข้อมูลออกมาแต่อย่างใด


การติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพ

20csm Fossil Gen 5 LTE awos Widgets 01 70614b8c6a

แน่นอนว่าจะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับสมาร์ทวอทช์กับฟีเจอร์สำหรับติดตามค่าต่างๆ ทางด้านการออกกำลังกายและค่าทางสุขภาพ แน่นอนว่า Fossil Gen 5 LTE นั้นด้วยความที่เป็น Wear OS ของทาง Google ดังนั้นจึงใช้ Google Fit ในการบันทึกและคำนวณผลค่าต่างๆ ออกมา ซึ่งต้องยอมรับว่า Google Fit นั้นเก็บค่าต่างๆ และคำนวณออกมาให้เราได้เห็นกันละเอียดมากๆ 

จะพึ่งแต่แอปพลิเคชันอย่างเดียวนั้นก็คงไม่ได้ Fossil Gen 5 LTE นั้นมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ PPG ที่เอาไว้ใช้ในการวันอัตรการเต้นของหัวใจโดยเฉพาะ ซึงต่างบอกว่าสามารถที่จะทำออกมาได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทว่าจุดที่น่าเสียดายมากที่สุดเลยนั้นก็คือ Fossil Gen 5 LTE นั้นไม่ได้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ SpO2 สำหรับวัดปริมาณอ๊อกซิเจนในกระแสเลือดซึ่งถือว่าผิดไปจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดของโรคโควิทฯ เป็นอย่างมาก(แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถวัดได้อยู่นะแต่ไม่ค่อยแม่นยำเท่าไร)

21csm Fossil Gen 5 LTE awos Widgets 01 70614b8c6a

ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับก็ไม่พลาดที่จะมีมาด้วยเช่นเดียวกัน โดยบนตัว Fossil Gen 5 LTE เองนั้นสามารถที่จะแสดงผลเป็นกราฟในการหลับของแต่ละวันของเราออกมาให้เห็นบนตัว Fossil Gen 5 LTE ได้เลย แต่ถ้าหากต้องการดูแบบละเอียดแล้วล่ะก็สามารถที่จะเข้าไปดูบนแอป Google Fit บนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อเอาไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน

22csm Fossil Gen 5 LTE awos Widgets 01 70614b8c6a

ยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้น Fossil Gen 5 LTE ยังสามารถที่จะบันทึกการออกกำลังกายต่างๆ เอาไว้ได้อีกซึ่งรายละเอียดที่แสดงผลออกมานั้นค่อนข้างที่จะเยอะมากหากเทียบกับสมาร์ทวอทช์ทั่วไป

23csm Fossil Gen 5 LTE GPS 01 4662dd3832
24csm Fossil Gen 5 LTE GPS 02 0214610035

ในส่วนของ GPS บน Fossil Gen 5 LTE นั้นเรียกได้ว่าสามารถที่จะบอกตำแหน่งได้ค่อนข้างแม่นยำเป็นอย่างมาก โดยความผิดพลาดในการบอกระยะนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 30 – 100 m ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพื้นที่เปิดหรือปิด งานนี้ต้องบอกว่าดีจริงๆ เพราะว่าการที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปออกกำลังกายไกลๆ ด้วยนั้นทำให้เราสบายขึ้นเป็นอย่างมาก


ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่

25csm Fossil Gen 5 LTE pfm 02 0214610035

ประสิทธิภาพของ Fossil Gen 5 LTE นั้นหากเทียบกับสมาร์ทวอทช์ในปี 2021 ด้วยกันคงต้องบอกว่าอยู่ในระดับกลางๆ เนื่องจาก Fossil Gen 5 LTE นั้นใช้ชิปเซ็ทรุ่นเก่าของปี 2019 แล้วนั่นเอง ทว่าเพียงแค่นั้นก็ถือว่าดีเอามากๆ แล้ว

ปิดกันด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ Fossil Gen 5 LTE นั้นมากับแบตเตอรี่ 310 mAh ซึ่งสามารถใช้งานแบบหนักหน่วงได้ประมาณ 24 ชั่วโมง(แบบหนักหน่วยในที่นี้คือใช้งานข้อมูลผ่านเครือข่าย LTE และเปิด GPS เพื่อติดตามการเดินทางตลอดเวลา) งานนี้ดูเหมือนจะน้อยไปหน่อยแต่ก็ต้องไม่ลืมว่า Fossil Gen 5 LTE นั้นมาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม นอกไปจากนั้นแล้ว Fossil Gen 5 LTE ยังรองรับการชาร์จเร็วอีกด้วยต่างหากโดยจากการทดสอบนั้นพบว่า Fossil Gen 5 LTE จะใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ไป 100 ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีด้วยกัน


สรุป

26csm Fossil Gen 5 LTE Laden abd780ca0a

จุดเด่น

  • รองรับเครือข่าย LTE
  • มี GPS ในตัว
  • สามารถลงแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้
  • รองรับชาร์จเร็ว
  • ใช้วัสดุขั้นเยี่ยม
  • ใช้งานง่าย

จุดด้อย

  • ในเมืองไทยยังคงไม่มีเครือข่ายไหนรองรับ eSIM สำหรับ Fossil Gen 5 LTE
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างน้อย
  • ตัว Fossil Gen 5 LTE เองยังจำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนเพื่อทำการวิเคราะห์ผลทางด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่เต็มรูปแบบ
  • ไม่สามารถวัดค่า SpO2 ได้

Fossil Gen 5 LTE นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทสวอทช์หรูที่มาพร้อมจริงๆ แม้จะมีบางอย่างหายไปบ้างแต่ก็ได้บางอย่างกลับมาแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการให้ผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนรายรัดข้อมือได้เองนั้นส่วนใหญ่แล้วสมาร์ทวอทช์แบรนด์หรูจะไม่ค่อยปล่อยให้ผู้ใช้ทำได้เองเท่าไร ทั้งนี้ปัญหาใหญ่ๆ ของ Fossil Gen 5 LTE นั้นคงหนีไม่พ้นการที่มันไม่รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ iOS อย่างเต็มรูปแบบซึ่งทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS นั้นจำเป็นที่จะต้องสมัครและลงแอปพลิเคชันหลายๆ อย่างเพิ่มเติมในอุปกรณ์ของตัวเอง 

สำหรับราคาจำหน่ายของ Fossil Gen 5 LTE นั้นจะอยู่ที่ $349 หรือประมาณ 11,400 บาท ซึ่งในเมืองไทยเรานั้นคงต้องลุ้นกัน 2 อย่างว่าจะเข้ามาจำหน่ายเมื่อไรและผู้ให้บริการเครือข่ายรายไหนจะเป็นผู้รองรับ eSIM บน Fossil Gen 5 LTE

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/web/612978-fossil-gen-5-lte-smartwatch-review

เปิดตัว Fossil Gen 6 ดีไซน์พรีเมียมมินิมอล ชิป Snapdragon Wear 4100+ ระบบ Wear OS มีรุ่น Michael Kors

Fossil เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ Gen 6 รันระบบปฏิบัติการ Wear OS ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon Wear 4100+ ตัวล่าสุดจาก Qualcomm หน้าปัดแสดงผล 1.28 นิ้ว มี RAM 1GB และหน่วยความจำอีก 8GB ในราคาเริ่มต้น $299 หรือประมาณ 9,690 บาท โดยราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

สเปค Fossil Gen 6

  • ขนาด 42 มม. และ 44 มม.
  • หน้าปัดแสดงผล AMOLED 1.28 นิ้ว 326 PPI
  • ชิปเซ็ต Snapdragon Wear 4100+
  • RAM 1GB
  • หน่วยความจำ 8GB
  • ระบบชาร์จไว 80% ภายใน 30 นาที
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0 LE, Wi-Fi, GPS และ NFC
  • เซ็นเซอร์: Accelerometer, Gyroscope, Compass, Altimeter, PPG Heart rate sensor, SpO2, Off-body IR และ Ambient light
  • ลำโพง และไมค์สามารถใช้รับสนทนาได้
  • ใส่ว่ายน้ำได้
  • ระบบปฏิบัติการ Wear OS ของ Google

แม้ว่า Fossil Gen 6 จะมาขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Wear OS แต่เวอร์ชั่นของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ ยังไม่ใช่ตัวเดียวกับที่ Google ไปจับมือร่วมกับ Samsung ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้นะครับ โดยบริษัทฯ เปิดเผยว่า มีแผนจะปล่อยซอฟต์แวร์อัปเดตให้กับผู้ใช้งาน Fossil Gen 6 เป็น Wear OS 3 ภายในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของปี 2022 ที่จะถึงนี้ 

นอกจากนี้ Steve Evans ตำแหน่ง Chief Brand Officer ของ Fossil Group ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า บริษัทฯ ได้จับมือร่วมกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอย่าง Michael Kors เปิดตัว Fossil Gen 6 Michael Kors Edition ด้วยเช่นกัน

Fossil Gen 6 สามารถพรีออเดอร์ได้แล้ววันนี้ผ่านหน้าเว็บของบริษัทฯ ในราคาระหว่าง $299 – $319 หรือราว ๆ 9,690 – 10,300 บาท (แล้วแต่ขนาดหน้าปัด)

 

ที่มา​: XDA | Michael Kors

from:https://droidsans.com/fossil-gen-6-launched/

Fossil เปิดตัวสมาร์ทวอช Gen 6 พร้อม Snapdragon Wear 4100+ ยืนยันอัพเดต Wear OS 3 ได้ปีหน้า

Fossil เปิดตัวนาฬิกาสมาร์ทวอช Gen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งรายละเอียดเป็นไปตามข่าวลือที่เผยข้อมูลเบื้องต้นออกมาก่อนหน้านี้แล้ว

สเปคของ Gen 6 ใช้ Qualcomm Snapdragon Wear 4100+ ซึ่ง Fossil เคลมว่าเร็วกว่า Gen 5 ถึง 30% พร้อมหน้าจอกลม 1.28 นิ้ว AMOLED 326 ppi สตอเรจในเครื่อง 8GB พร้อมแรม 1GB พร้อมปรับปรุงตัวนาฬิกาโดยรวม เช่น โหลดเร็วขึ้น fast charge 80% ในครึ่งชั่วโมง, Bluetooth ระยะทำการไกลขึ้นสูงสุด 4 เท่า พร้อมรับส่งข้อมูลไวขึ้น และมีเซนเซอร์ที่รองรับการติดตามอัตราการเต้นหัวใจต่อเนื่อง, เซนเซอร์ SpO2 สำหรับคำนวณค่าออกซิเจนในเลือด และแอปด้านสุขภาพใหม่ ๆ สำหรับติดตามกิจกรรมต่าง ๆ

Fossil Gen 6 จะมาพร้อมกับ Wear OS 2 แต่ทางบริษัทยืนยันว่าสมาร์ทวอชรุ่นนี้จะรองรับ Wear OS 3 ด้วย ซึ่งคาดว่าผู้ใช้จะได้อัพเดตภายในปี 2022

สำหรับราคาวางจำหน่าย Fossil Gen 6 อยู่ที่ 299-319 ดอลลาร์ หรือราว 9,700-10,400 บาท มีเคสให้เลือกขนาด 42 และ 44 มิลลิเมตร โดยคาดว่า Fossil น่าจะปรับโฉมสมาร์ทวอชและวางขายภายใต้แบรนด์ Michael Kors ด้วยเหมือนรุ่นที่ผ่านมา

ที่มา – Fossil, The Verge, Engadget

No Description
ภาพจาก Fossil

from:https://www.blognone.com/node/124497

หลุดหน้าตา Fossil Gen 6 นาฬิการุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3

เราเห็นการเปิดตัว Samsung Galaxy Watch 4 นาฬิกาตัวแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 ที่ซัมซุงร่วมพัฒนากับกูเกิล กันไปแล้ว

ในประกาศของกูเกิลก่อนหน้านี้ บอกว่าจะมีนาฬิกาของ Mobvoi TicWatch และ Fossil ที่ใช้ Wear OS 3 ตามมาด้วย

ล่าสุดเว็บไซต์ WinFuture ได้ภาพหลุดของ Fossil Gen 6 รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 มาแล้ว ตามข่าวบอกว่ามันใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 4100+ ที่ออกมาช่วงกลางปี 2020 (ฝั่งซัมซุงเป็น Exynos W920) และใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 หน้าตาแบบของกูเกิล ไม่ได้ครอบด้วย One UI Watch ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซัมซุง

ดีไซน์ภายนอกของ Fossil Gen 6 ที่หลุดออกมา ไม่ต่างจาก Fossil Gen 5 ในปัจจุบันมากนัก ส่วนหน้าตาของ UI บนจอแสดงผลต่างออกไปจากเดิมอยู่บ้าง ตรงที่มีวงแหวนด้านนอกสุด แสดงสถานะต่างๆ เพิ่มเข้ามา

สเปกของ Fossil Gen 6 ตามข่าวคือ หน้าจอ 1.28″ OLED ความละเอียด 416×416 พิกเซล, สตอเรจ 8GB, รองรับ GPS, เซ็นเซอร์วัดคลื่นหัวใจและ SpO2, มีระบบชาร์เร็ว คาดว่าจะเริ่มขายในเยอรมนี 27 กันยายนนี้

No Description

ที่มา – WinFuture via Android Police

from:https://www.blognone.com/node/124301

กูเกิลประกาศแผนอัพเกรด Wear OS 3 กลางปี 2022, มีนาฬิกาได้ไปต่อแค่ไม่กี่รุ่น

กูเกิลประกาศข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการ Wear ที่ร่วมพัฒนากับซัมซุง โดยฝั่งกูเกิลจะเรียกระบบปฎิบัติการนี้ว่า Wear OS 3 (ฝั่งซัมซุงเรียก One UI Watch ทำให้ยิ่งงงเข้าไปอีก)

ข่าวร้ายตามความคาดหมายคือจะมีนาฬิกา Wear OS เดิมเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ได้อัพเกรดเป็น Wear OS 3 ได้แก่ TicWatch Pro 3 GPS, TicWatch Pro 3 Cellular/LTE, TicWatch E3 เท่านั้น กระบวนการอัพเกรดจะเริ่มในช่วงกลางถึงปลายปี 2022 โน่นเลย

กูเกิลบอกว่าการอัพเกรด OS จะทำให้ข้อมูลเดิมทั้งหมดหายไปด้วย ทำให้กูเกิลจะเสนอการอัพเกรดเป็นทางเลือก (opt-in) ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งาน Wear OS เดิมต่อได้ โดยยังจะได้อัพเดตฟีเจอร์บางอย่าง (เช่น Gboard) และการันตีอัพเดตความปลอดภัยอย่างน้อย 2 ปีนับจากวันวางขาย

นอกจากนี้ กูเกิลยังประกาศว่าฮาร์ดแวร์ของ Mobvoi TicWatch และ Fossil ในอนาคตจะใช้ Wear OS 3 ด้วย ถ้านับรวมซัมซุงด้วย ตอนนี้เรามีนาฬิกาที่ใช้ OS ตัวใหม่แล้ว 3 แบรนด์

ที่มา – Google

from:https://www.blognone.com/node/123855

Fossil กำลังพัฒนาสมาร์ทวอช Wear แบบพรีเมียม คาดเปิดตัวปีนี้, รุ่นเก่าจะไม่ได้อัพเกรดไป Wear โฉมใหม่

Google และ Samsung เพิ่งจะจับมือพัฒนา Wear ระบบปฏิบัติการสมาร์ทวอชแบบใหม่เมื่อเดือนที่แล้วที่เน้นประสานแพลตฟอร์ม Wear OS กับ Tizen เข้าด้วยกัน

ล่าสุด Fossil Group ที่พัฒนาสมาร์ทวอชหลายกลุ่มก็เตรียมพัฒนานาฬิการะดับไฮเอนด์สำหรับ Wear แล้ว โดยคาดว่าจะออกภายในปีนี้ โดย CNET ได้สัมภาษณ์ Greg McKelvey และ Steve Prokup ผู้บริหารระดับ Chief Commercial Officer ว่าสมาร์ทวอชชุดใหม่ที่จะพัฒนาออกมาจะเป็นรูปแบบใหม่โดยสมบูรณ์ (entirely new)

ผู้บริหารระบุว่า Fossil รุ่นถัดไป (คาดว่าจะใช้ชื่อ Gen 6) ที่กำลังพัฒนาอยู่เป็นนาฬิกาในกลุ่มพรีเมียมที่ราคาสูงกว่ารุ่นปัจจุบัน ส่วนฮาร์ดแวร์ข้างในก็จะอัพเกรดครั้งใหญ่ให้ได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น, แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น และอาจใส่ฟีเจอร์ด้านสุขภาพเข้ามาเพิ่มเติม

สำหรับกลุ่มสมาร์ทวอชราคาย่อมเยา McKelvey ระบุว่า Fossil อาจใช้วิธีลดราคารุ่นเดิมลง และยืนยันว่านาฬิกาที่ Fossil พัฒนาขึ้นมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่สามารถอัพเกรดไปเป็น Wear เวอร์ชันใหม่ได้ และผู้บริหารยังกล่าวถึงนาฬิกาแบบไฮบริดที่ Fossil ทำขึ้นมาด้วยว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับสมาร์ทวอชเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า Fossil อาจเลิกโฟกัสผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้แล้ว

ปัจจุบัน Fossil Group พัฒนาสมาร์ทวอชหลายแบรนด์ ตั้งแต่แบรนด์ Fossil ของตัวเอง ไปจนถึงแบรนด์อื่นอย่าง Skagen, Diesel, Michael Kors, Emporio Armani และอื่น ๆ

ที่มา – CNET

No Description
Fossil Gen 5 ภาพโดย Fossil

from:https://www.blognone.com/node/123035

Fossil เปิดตัว Hybrid HR สมาร์ทวอชหน้าจอ e-link ฟังก์ชั่นครบครัน แบตอยู่ได้นาน 2 สัปดาห์ ราคาเริ่มต้น 5,900 บาท

Fossil เปิดตัว Hybrid HR สมาร์ทวอซใหม่รุ่นใหม่ที่มาพร้อมจอแสดงผลที่บอกเวลาได้ทั้งในแบบ analog รวมถึงแบบ digital ที่ทันสมัย สะดวกต่อการใช้งาน โดยสมาร์ทวอซรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมฟังก์ชั่นที่ครบครันไม่ว่าจะเป็น fitness tracking สำหรับสายรักสุขภาพ อาทิเช่น นับก้าว, นับแคลอรี่ , วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, การแจ้งเตือนต่างๆ , การควบคุมเพลงบนมือถือ รวมถึงการตามหามือถืออีกด้วย

Fossil Hybrid HR มีดีไซน์แบบหน้าปัดทรงกลม ตัวเรือนเป็นสแตนเลส มีความแข็งแรงทนทาน มีให้เลือก 2 รุ่นคือ Collider HR ที่มาพร้อมสายขนาด 22 มม. และ Charter HR ที่เป็นสายขนาด 18 มม. ซึ่งหน้าปัดของทั้งสองรุ่นนี้มีขนาด 27 มม. เท่ากัน

โดยในส่วนของการแสดงผลนั้นเป็นแบบ e-link displays ที่มีความละเอียดสูง แต่ประหยัดพลังงาน และสามารถปรับแต่งการตั้งค่าหน้าจอแสดงผลได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นแบบโชว์การแจ้งเตือนต่าง ๆ หรือปิดการใช้งานบางแอปฯ ถ้าชอบใช้งานในแบบเข็มคลาสิกๆ

สำหรับสเปคภายนั้น รอบนี้ดูเหมือน Fossil ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS อย่างเต็มรูปแบบ และอาจจะใช้ OS ของ Fossil เอง ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 55 mAh ซึ่งสามารถชาร์จเต็ม 100% ในเวลา 1 ชั่วโมง โดยทางแบรนด์เคลมว่าชาร์จเพียงครั้งเดียวก็สามารถสแตนบายได้นานสุดถึง 2 สัปดาห์, กันน้ำได้ในระดับ 3 ATM  ซึ่งสมาร์ทวอชตัวนี้ไม่มี GPS และไม่รองรับ Google Pay

สามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ทั้ง 2 ระบบ ผ่าน  Bluetooth 4.2. โดยรองรับ  Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป และ  iOS ตั้งแต่เวอร์ชั่น  9.0 ขึ้นไป

Fossil Hybrid HR มีสายให้เลือกเปลี่ยนได้ 3 แบบ สามสไตล์ คือ สายหนัง, สายซิลิโคน และ สายแบบสแตนเลส สนนราคาเปิดตัวก็เริ่มต้นที่  $195 – $215 หรือประมาณ  5,900 -6,500 บาท ขึ้นอยู่กับออพชั่นที่ต้องการ สามารถสั่งซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ของ Fossil ของประเทศอเมริกา และจะวางจำหน่ายในประเทศอินเดียในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจะวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในภายหลังค่ะ

 

ที่มา theverge,gsmarena

from:https://droidsans.com/fossils-hybrid-hr-smartwatch-2-weeks-battery/

Fossil เปิดตัว Hybrid HR ไฮบริดสมาร์ทวอชพร้อมหน้าจอ e-ink, แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 2 สัปดาห์

Fossil เปิดตัวสมาร์ทวอชใหม่ Hybrid HR โดยเป็นนาฬิกาแบบไฮบริดสมาร์ทวอชที่ใช้หน้าจอ e-ink ที่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา และรันซอฟต์แวร์ของตัวเอง ไม่ใช้ Wear OS ของ Google

หน้าจอของ Fossil Hybrid HR เป็นหน้าจอแบบ e-ink จึงทำให้ใช้งานได้แบบ always-on โดยจออยู่ด้านล่างจากหน้าปัดนาฬิกาและเข็มอีกทีหนึ่ง สามารถใส่ complication ได้ 4 ตัว เช่น ก้าวเดิน, เวลาที่ timezone อื่น หรือการแจ้งเตือนโทรศัพท์ และมีแสงใต้จอสามารถเปิดใช้งานได้เมื่ออยู่ภายใต้ที่มืด

ตัวเครื่อง Fossil Hybrid HR มาพร้อมเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและเซนเซอร์ PPG ส่วนซอฟต์แวร์จะใช้ซอฟต์แวร์ของ Fossil เอง ไม่ได้พัฒนาอยู่บน Wear OS ของ Google

Fossil Hybrid HR มีเคสให้เลือก 5 แบบ ทุกรุ่นขนาด 42 มิลลิเมตร โดยเคสสามรุ่นต้องใช้กับสาย 22 มิลลิเมตร ส่วนอีกสองรุ่นจะต้องใช้กับสาย 18 มิลลิเมตร ซึ่ง Fossil มีสายให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่หนัง, ซิลิโคน ไปจนถึงสแตนเลสสตีล แบตเตอรี่ของตัวเรือนอยู่ได้นาน 2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

สำหรับราคาของ Fossil Hybrid HR เริ่มต้นที่ 195 ดอลลาร์ ไปจนถึงราคาแพงสุด 215 ดอลลาร์ขึ้นกับว่าผู้ใช้จะเลือกสเปคนาฬิกาอย่างไรบ้าง

ที่มา – Engadget, The Verge

No Description
ภาพจาก Fossil

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/112997