คลังเก็บป้ายกำกับ: EXTERNAL_HARDDISK

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย 10 รุ่น ปี 2023 ท่องเน็ต เทรดหุ้น ลื่นไหล ดีไซน์สวย แบตอึด

เมาส์ไร้สาย 10 รุ่น 2023 หลักร้อย สวย แบตอึด เล่นเน็ต ดูหนัง ทำงานในบ้านหรือที่ทำงานก็เพลิน

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย จัดว่าเป็นไอเทมยอดฮิตของคนทำงาน ที่ชอบความสะดวก ใช้งานง่าย พกพาไปใช้นอกสถานที่ก็แสนสบาย เพราะขนาดเล็ก และส่วนใหญ่ใช้ถ่านก้อนเดียว ก็ใช้กันจนลืมและปี 2023 นี้ เราก็ได้รวบรวมเมาส์ Wireless น่าใช้มาให้คุณได้เลือก 10 รุ่นด้วยกัน จากทั้งหมด 8 ค่าย มีทั้งมิติที่มีความกระทัดรัด แบตอึด ใช้ได้นาน หรือบางรุ่นก็เป็น 2 ระบบ ใช้ได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth รวมถึงเน้นที่ดีไซน์ที่สวยงาม เพื่อให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่นำไปใช้ในโอกาสต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ให้ความละเอียดมากพอสำหรับงานในบ้าน เช่น ทำเอกสาร ท่องเน็ตและเทรดหุ้น ไปจนถึงใช้ในสำนักงาน กับซอฟต์แวร์ออฟฟิศ การทำพรีเซนเทชั่น ไปจนถึงการนำเสนองาน มาชมกันครับว่า มีรุ่นใดที่ถูกใจคุณกันบ้าง

เมาส์ไร้สาย

  1. Philips SPK7344
  2. Anitech W226
  3. RAPOO M100
  4. Microsoft MBL 1850
  5. Logitech M190
  6. GENIUS NX-7015
  7. Logitech M221
  8. Xiaomi Mi Wireless
  9. Lenovo 530
  10. Logitech M331B

1.Philips SPK7344

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

ถ้ามองในแง่ของความเป็นเมาส์ไร้สายมินิมอล ราคาประหยัด จับกระชับมือ กับบอดี้ที่มาความโค้งไม่มากนัก ทำให้พกพาง่าย เหมาะกับคนที่ชอบจับแบบ Grip หรือ Claw เน้นปลายนิ้วกด ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา ให้ระยะการกดได้ประมาณ 3 ล้านครั้ง ปุ่มกดที่ตอบสนองไว วัสดุเป็น ABS ผิวเรียบลื่น จับสบายมือ แถมยังให้ความละเอียดมาถึง 1600DPI เมาส์ไร้สายรุ่นนี้ ตอบโจทย์ได้ดี เหมาะกับคนที่ชอบท่องเน็ต เล่นเกมออนไลน์เบาๆ ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และรับประกัน 2 ปี ราคาประมาณ 219 บาทเท่านั้น

Advertisementavw
จุดเด่น ข้อสังเกต
ราคาประหยัด ดีไซน์ค่อนข้างเรียบง่าย
ให้ความละเอียดถึง 1600 DPI

ข้อมูลเพิ่มเติม: Philips


2.Anitech W226

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เป็นเมาส์ไร้สายในราคาเบา หลักร้อย ที่ออกแบบรูปทรงมาได้ทันสมัยเลยทีเดียว และยังรองรับได้ถึง 2 ระบบ ทั้ง Wireless และ Bluetooth ทำให้ใช้งานได้กับพีซี โน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟน หรือแท็ปเล็ตกับรูปทรงกระทัดรัด ไซส์ขนาดกลาง รองรับการใช้งานทั้งมือซ้ายและขวา ทนทานต่อการคลิ๊กได้ถึง 5 ล้านครั้ง จุดเด่นอยู่ที่นอกจากปุ่มซ้าย-ขวา ที่ออกแบบมาให้มีเสียงที่เบา และ Scroll wheel ที่มีให้เป็นพื้นฐาน ยังเพิ่มปุ่มตั้งค่า DPI ได้ถึง 3 ระดับ ตั้งแต่ 800, 1200 และ 1600 DPI พร้อมปุ่มมาโครที่อยู่ด้านข้าง ใช้งานร่วมกับถ่าน AA 1 ก้อน ราคา 359 บาท กับการรับประกัน 2 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
ขนาดกระทัดรัด
ต่อได้ทั้ง WiFi และ Bluetooth

ข้อมูลเพิ่มเติม: Anitech


3.RAPOO M100

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สายราคาดี แถมยังต่อได้ 2 ระบบ ทั้ง Bluetooth และ Wireless แบตใช้ได้ยาวถึง 9 เดือน ใครที่มองหาเมาส์กระทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย จับกระชับมือรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว แม้จะมาในไซส์เล็กๆ เหมาะกับมือสาวๆ แต่ก็ปรับความสูง ให้เข้ากับอุ้งมือได้ดี ปุ่มคลิ๊กเสียงค่อนข้างเบา แต่กดได้หนักแน่น ให้การตอบสนองที่ 1300 DPI เป็นเซ็นเซอร์ในแบบออพติคอล โดยเลือกเชื่อมต่อได้ง่าย ระยะเวลาใช้งานได้ถึง 9 เดือนด้วยกัน ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อนเท่านั้น พร้อมปุ่มสลับโหมดสัญญาณใต้เมาส์ ราคา 399 บาท รับประกัน 2 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
เชื่อมต่อได้ 2 ระบบ มิติค่อนข้างเล็ก
เซ็นเซอร์ 1300 DPI

ข้อมูลเพิ่มเติม: RAPOO


4.Microsoft MBL 1850

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ Wireless ของไลฟ์สไตล์ ทำงาน และความบันเทิง ที่ค่อนข้างโดดเด่นมีให้เลือก 7 โทนสีด้วยกัน เน้นที่การพกพา กับขนาดกระทัดรัด แต่ออกแบบให้มีความโค้งด้านท้าย ลาดลงต่ำมายังด้านหน้า ทำให้การจับกระชับขึ้น ใช้งานได้ทั้งมือซ้ายและขวา กับพื้นผิวพลาสติกแบบลื่น แต่จับได้ถนัด ปุ่มคลิ๊ก 3 ปุ่ม ให้อารมณ์ในการคลิ๊กได้สนุก Scroll wheel เป็นจังหวะ ไม่ไหลฟรี เพราะมีระดับการกดไม่ลึกมาก เหมาะกับการท่องเน็ตและเช็คข้อมูล ใช้แบตจากถ่าน AA 1 ก้อน ระยะเวลาในการใช้งานได้นานถึง 6 เดือน เก็บตัวรับส่งสัญญาณด้านใต้ได้เลย พร้อมปุ่มเปิด-ปิด ราคา 430 บาท รับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
ปุ่มกดตอบสนองไว แบตใช้นาน 6 เดือน
รับประกัน 3 ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม: Microsoft


5.Logitech M190

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์กึ่งเกมมิ่งสไตล์ ที่มีขนาดค่อนไปทางใหญ่ แต่ยังอยู่ในไซส์ของการพกพา ถือว่าเป็นรุ่นยอดฮิตอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งจับถือได้สบายมือ โดยทาง Logitech เลือกเทรนด์ของการใช้วัสดุรีไซเคิล แต่ก็ทำให้ดูทันสมัย จุดเด่นคือ แบตใช้งานได้ 18-24 เดือน ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และปุ่มคลิ๊กที่ทนทาน กดตื้น ตอบสนองไว มีปุ่มเปิดปิด และซ่อนตัว USB รับส่งสัญญาณด้านใต้ได้ การรับประกัน 1 ปี ราคา 449 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย จับถนัดมือ
แบตใช้งานได้นาน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech


6.GENIUS NX-7015

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สาย ราคาหลักร้อยอีกรุ่นหนึ่ง ที่ดีไซน์ออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว กับความโค้งเว้า ให้จับถนัดมือ จุดโค้งรับอุ้งมือ ค่อนข้างสูง ความยาวเหมาะกับทั้งชายและหญิง และใช้ลวดลายมาเสริม ทำให้ดูน่าใช้ จุดขายไม่ได้อยู่ที่ฟังก์ชั่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเสริมลูกเล่นให้ปรับ DPI ผ่านซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย ปรับเซ็นเซอร์ได้ถึง 1600 DPI มีเมาส์ฟีตด้านล่างขนาดใหญ่ ปุ่มคลิ๊กซ้ายขวามีขนาดใหญ่ กดได้แม่นยำ แต่จะมีระยะการกดที่ลึกลงหน่อย รวมถึง Scroll wheel ที่ดูใหญ่พอสมควร แต่ก็ใช้งานได้ดี ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อน พร้อมปุ่มเปิดปิด เพื่อประหยัดแบต รับประกัน 3 ปี ราคา 499 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เมาส์ขนาดกลาง จับกระชับมือ Scroll wheel ค่อนข้างใหญ่
ปรับ DPI ผ่านซอฟต์แวร์ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: GENIUS


7.Logitech M221

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เป็นเมาส์ไร้สายที่มีให้เลือกแบบวาไรตี้มาก กับดีไซน์ที่กระชับ กระทัดรัด พกพาสะดวก วัสดุถือว่าดีในราคาไม่ถึง 500 บาท Logitech ชูในเรื่องของการลดเสียงรบกวนในเวลาทำงานได้มากขึ้น กับความโค้งรับอุ้งมือได้ดี แต่อาจจะเหมาะกับมือสาวๆ ที่เล็ก เนื่องจากความยาวไม่มากนัก ปุ่มหลัก 3 ปุ่ม พื้นฐาน กับการตอบสนองที่ 1000DPI กับเซ็นเซอร์แบบออพติคอล ใช้พลังงานจากแบต AA เพียงก้อนเดียว สามารถใช้งานได้นานถึง 18 เดือนด้วยกัน สามารถเก็บตัวรับส่งสัญญาณได้ในตัวเมาส์อีกด้วย พร้อมสวิทช์เปิด-ปิด ตรงนี้ผมคิดว่าสำคัญมากๆ สำหรับเมาส์แบบพกพาเช่นนี้ เคาะราคาอยู่ที่ 499 บาท รับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
มีปุ่มเปิด-ปิด มิติเมาส์ค่อนข้างเล็ก
ใช้ได้นาน 18 เดือน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech


8.Xiaomi Mi Wireless

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สายขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับคนเอเซียโดยเฉพาะ สามารถจับได้ทั้งแบบ Claw และ Palm Grip ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา โดยมีปุ่มกดที่ให้ความหนักแน่น เสียงค่อนข้างเบา เหมาะกับสายทำงานเป็นหลัก เคลื่อนไหวได้ลื่นไหล กับเมาส์สเกตด้านใต้ขนาดใหญ่ จุดเด่นคือ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wireless และ Bluetooth เช่นเดียวกับปุ่มกดด้านข้าง ที่เสริมเข้ามาให้ปรับใช้งานได้มากขึ้น ใช้ถ่านแบบ AAA จำนวน 2 ก้อน ให้การรับประกัน 1 ปี กับราคา 499 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ใช้ได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth ขนาดค่อนข้างใหญ่
ใช้ถ่านแบบ AAA 2 ก้อน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Xiaomi


9.Lenovo 530

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

ถ้าคุณมีงบสัก 500 นิดๆ คิดว่าเมาส์รุ่นนี้ มีดีให้คุณจับต้องได้ กับดีไซน์ที่จับกระชับมือ ในโทนสีที่ดูทันสมัย พื้นผิวเป็นแบบซอฟท์ทัช ที่ดูเป็นกันเองจับถนัด ขนาดกลางๆ ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา ความโค้งตรงอุ้งมือ เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่ได้ใส่ปุ่มมาโครด้านข้างมาด้วย เคลื่อนไหวได้แม่นยำกับเซ็นเซอร์ออพติคอล 1200DPI และปุ่มเมาส์ ที่ให้การคลิ๊กได้ระดับ 8 ล้านครั้ง ใช้ถ่านแบบ AA ก้อนเดียว ใช้ได้นานประมาณ 12 เดือน ราคาอยู่ที่ 590 บาท รับประกัน 1 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
เซ็นเซอร์ 1200 DPI
รองรับการคลิ๊กได้ 8 ล้านครั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lenovo


10.Logitech M331

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

แต่ถ้าใครชอบสไตล์ที่จับกระชับมือ มีเว้าในส่วนของ Grip ให้ถนัดมากขึ้น อาจจะช่วยให้เลื่อนได้ไว และเล่นเกมได้ในบางโอกาส รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจ ขนาดใกล้เคียงกับ M221 แต่จะเป็นแบบใช้มือขวา ด้านข้างออกแบบให้มีพื้นผิวจับถนัด ด้านหลังจากโค้งลาดลงเล็กน้อย และยังคงเป็น Silence Mouse คือลดเสียงคลิ๊กลงถึง 90% และใช้บนพื้นผิวต่างๆ ได้ดี ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ออพติคอล 1000DPI ในส่วน Scroll mouse รองรับการคลิ๊กได้ โดยใช้พลังงานจากถ่าน AA เพียงก้อนเดียว ใช้ได้ยาวถึง 24 เดือน ที่สำคัญตัวเมาส์รองรับ Unifying ได้อีกด้วย ราคา 590 บาท การรับประกัน 1 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
จับกระชับมือ เน้นผู้ใช้มือขวา
แบตใช้ได้นาน 24เดือน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech


Conclusion

Model Sensor Wireless Buttons Dimension (mm) Battery Batt life (Month) Price
1.Philips SPK7344 1600DPI 2.4GHz 3 101 x 61 x 33 1x AA 219
2.Anitech W226 1600DPI 2.4GHz,/ Bluetooth 5 103 x 65 x 37 1x AA 359
3.RAPOO M100 1300DPI 2.4GHz,/ Bluetooth 3 98 x 61 x 38 1x AA 9 399
4.Microsoft MBL 1850 1600DPI 2.4GHz 3 100 x 58.1 x 32 1x AA 6 430
5.Logitech M190 1000DPI 2.4GHz 3 115.4 x 66 x 40.3 1x AA 18 449
6.GENIUS NX-7015 1600DPI 2.4GHz 3 100 x 58 x 38.5 1x AA 499
7.Logitech M221 1000DPI 2.4GHz 3 99 x 60 x 39 1x AA 18 499
8.Xiaomi Mi Wireless 1200DPI 2.4GHz,/ Bluetooth 4 103 x 65 x 37 2x AAA 499
9.Lenovo 530 Wireless 1200DPI 2.4GHz 3 120 x 197 x 33 1x AA 12 590
10.Logitech M331 1000DPI 2.4GHz 3 105.4 x 67.9 x 38.4 1x AA 24 590

สำหรับเมาส์ไร้สาย หลักร้อยที่นำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมาส์อีกมากมายเลยทีเดียว ที่จะช่วยตอบโจทย์การใช้งานของหลายคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยากได้ความคล่องตัว เพราะลดความวุ่นวายจากสายที่พันกันยุ่งเหยิง และไม่ทำให้โต๊ะทำงานที่อาจจะมีพื้นที่น้อยนิดดูรกอีกด้วย การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ เพราะเมาส์แต่ละรุ่น ก็มีความโดดเด่นต่างกันออกไป เช่น เน้นราคา Philips ให้คุณได้ หรือต้องการมิติเล็กกระทัดรัด Genius, Microsoft และ Logitech M221 ให้การพกพาได้ดี แต่ในเรื่องความสะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย Xiaomi, Rapoo และ Anitech รองรับได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth และเรื่องแบตอึด เท่าที่ข้อมูลของแต่ละค่ายระบุมา ส่วนใหญ่จะเกิด 6 เดือนต่อการใช้แบต AA 1 ก้อน แต่จะมี Logitech ที่ส่วนใหญ่จะเกิน 12 เดือนขึ้นไป แต่ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วยครับ ใครที่กำลังมองหาเมาส์เล็กๆ ต่อไร้สาย สไตล์น่ารักเหล่านี้ ก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่ใส่ลิงก์เอาไว้ให้กันครับ

from:https://notebookspec.com/web/686108-10-wireless-mouse-under-1k-2023

Advertisement

10 อันดับ เคสคอม 2023 เปิดตัวใหม่ ไฟ ARGB ประกอบง่าย สุด Cool! เย็นสุดขั้ว

10 อันดับ เคสคอมสุด Cool เปิดตัวใหม่ CES2023 งานดี เทคโนโลยีสุด พร้อมไฟ RGB จัดเต็ม

10 อันดับ

10 อันดับ เคสคอมรุ่นใหม่ปี 2023 ที่เรารวบรวมมาให้ในครั้งนี้ จัดมาตั้งแค่เคสสุดล้ำ ดีไซน์หรู ไปจนถึงเคสคอม สำหรับเกมเมอร์ และนักโอเวอร์คล็อก กับเทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยในการระบายความร้อน และเพิ่มฟังก์ชั่น สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ได้สะดวกมากยิ่ง ซึ่งนับว่าในปี 2023 จะมีเคสรุ่นใหม่ๆ มาให้กับเหล่านักประกอบคอมเลือกใช้งานกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมเรื่องของการระบายความร้อน และการปรับแต่งที่น่าสนใจกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างเช่นที่เรานำเสนอนี้ จะมีบางรุ่นที่เสริมกลไกการระบายอากาศ บางรุ่นมาพร้อมกระจกเทมเปอร์ที่ดีไซน์ทันสมัยมากขึ้น และบางรุ่นก็มาพร้อมชุด Liquid Cooling ในตัว ส่วนใหญ่เป็นผลดีต่อการเล่นเกม และการปรับแต่งในปัจจุบัน รวมถึงรองรับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ๆ อีกด้วย วันนี้เรามาชมกันครับว่า จะมีเคสคอมรุ่นใด ที่ถูกใจคุณบ้าง เผื่อใครจะอยากเปลี่ยนเคสใหม่กันในปีนี้

10 อันดับ เคสคอม 2023

  1. Cyberpower Kinetix 360V
  2. Fractal Design – Torrent Compact Nano
  3. Lian Li – Lancool III
  4. Hyte Y60
  5. Thermaltake CTE
  6. Cooler Master Cooling X
  7. InWin POC Case
  8. COUGAR CRATUS
  9. MSI MEG Prospect 700
  10. ASUS HYPERION

1.Cyberpower Kinetix 360V

Cyberpower Kinetix 360V เป็นเคสคอมที่ออกแบบในแนวที่เรียกว่า Kinetic Enclosure หรือเป็นกล่องที่ขยับปรับเลื่อนได้ ซึ่งเมื่อปีก่อนก็จะมีของ Cyber Power ที่ทำออกมา แต่ตอนนั้นก็ลุ้นกันว่าจะออกมาวางตลาดมั้ย แต่ก็มีออกมาในบางรุ่น แต่สำหรับปีนี้ เป็นโมเดลพิเศษที่เรียกว่า Cyberpower Kinetix 360V Intelligent Airflow Series ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 เข้ามาใน 10 อันดับ เคสคอมครั้งนี้

Advertisementavw
10 อันดับ

ความโดดเด่นของเคสรุ่นนี้ อยู่ที่กลไกด้านหน้าของเคส ที่ขยับไปมาได้ เป็นแบบบานพับรูปทรงสามเหลี่ยม เลขาคณิต เปิดและปิดดูแล้วหวือหวา คล้ายกลไกของชุดไอรอนแมน ไม่ว่าจะเป็นสีสัน หรือการขยับของบานพับเหล่านี้

เคสรุ่นนี้ อาจจะไม่ได้นำเสนอเรื่องของ airflow เป็นหลักอย่างเดียว แต่มองว่าน่าจะเป็นการออกแบบเชิงนวัตกรรม ด้วยการใส่กลไกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายในเคส ซึ่งถ้าถามว่าดีกว่าเคสปกติ หรือเคสที่มีพัดลมเคสด้านหน้าอย่างไร? 

10 อันดับ

ถ้าสังเกต เคสคอมบางเคสก็มีฝาเคสปิดทึบด้านหน้ามา บางทีต้องการจะให้ลมเข้ามากๆ ในช่วงที่ทำงานแบบ Full load ให้มีอากาศระบายได้ดีก็ทำได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ต้องการเคสที่ว่า เปิดให้ลมไหลเข้าตลอดเวลา เพราะบ้านเราเรื่องฝุ่นเป็นปัญหาสำคัญ การมีกลไกเปิด-ปิดแบบนี้ ก็ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวครับ อยากได้ลมก็เปิด ไม่ใช้ก็ปิดง่ายมากๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม: Cyberpowerpc


2.Fractal Design – Torrent Compact Nano

สำหรับเคสคอมจาก Fractal Design นี้ ดูเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา ด้วยคาแรคเตอร์ที่ดูหรูหรา พรีเมียม และเป็นที่คุ้นหูคุ้นตากันหลายรุ่น เช่นเดียวกับ Torrent Nano ที่เป็นเคสขนาด Mid-Tower แต่ใส่ Air flow มาขั้นสุด กับรูปลักษณ์เคสในโทนสีขาว มีช่องระบายอากาศด้านหน้า ออกแบบมาได้ลึกล้ำดีทีเดียว

10 อันดับ

ความโดดเด่นอยู่ที่ พัดลมขนาดใหญ่ 18cm พร้อมแสงไฟ RGB สวยงาม สามารถควบคุมรอบพัดลมได้ เสียงรบกวนน้อย ส่วนพื้นที่ภายในดูกว้างขวาง เพราะย้ายช่องติดตั้งเพาเวอร์ซัพพลายไปไว้ด้านบน ให้เดินสายได้สะดวก และมีทางลมดูดลมร้อนจากซีพียูได้โดยตรง

10 อันดับ

ส่วนภายในรองรับเมนบอร์ด mATX และมีช่อง PCI-Express ได้ถึง 3 สล็อต ติดตั้งการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ ที่เป็น RTX40 series ได้และการ์ดความยาวระดับ 33.5cm เลยทีเดียว ใครที่ชอบเคสแนวนี้ เค้ามีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน สำหรับผมนะ สวยทุกสี ตามที่ปรากฏในคลิปนี้เลยครับ บ้านเรามีจำหน่ายแล้ว ราคาประมาณ 5 พันกว่าบาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: Fractal Design


3.Lian Li – Lancool III

เป็นเคสคอมที่เรียกว่า ถอดรหัสพันธุกรรมของสายพันธุ์ LANCOOL มาอย่างเต็มเปี่ยม แต่ที่โดดเด่น เราผมชอบมากคือ การเปิดช่องทางในส่วนต่างๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็น ฝาข้าง หน้า และฝาปิดเพาเวอร์ซัพพลายที่อยู่ด้านล่าง กระจกข้างใสเทมเปอร์ ถอดออกง่าย รวมถึงมีพัดลมไฟ RGB มาให้แล้วถึง 4 ตัวด้วยกัน แบ่งเป็นหน้า 3 ตัว หลัง 1 ตัว พร้อมตะแกรงด้านหน้าให้ Air flow แบบสุดๆ

10 อันดับ
10 อันดับ

ด้านในรองรับ Radiator ชุดน้ำ 3 ตอน 360 ได้อีก 3 ตัว คือ ด้านบน ด้านล่างและด้านหน้า ติดตั้งพัดลม รวมกันได้ถึง 10 ตัว ผมว่าดีไซน์ได้ค่อนข้างอลังการทีเดียว เหมาะสำหรับคนที่จะใช้ชุดน้ำสำหรับซีพียู การ์ดจอ และอื่นๆ เพิ่มเติม

10 อันดับ

แถมด้วยช่อง Mount เพื่อติดตั้ง Storage ได้สูงสุดถึง 12 ตัว ในจุดต่างๆ ที่เค้าเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งเท่าที่ผมสังเกต เพลตที่อยู่ด้านบนของเพาเวอร์ สามารถปรับเลื่อนได้หลายรูปแบบ ตรงนี่ถือเป็นจุดสำคัญในการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ เท่าที่ผมเช็คมาในบ้านเราพอมีจำหน่ายบ้างแล้ว ราคาประมาณ 4 พันปลายๆ เท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lian Li


4.Hyte Y60

แต่ถ้าจะเป็นเคสคอมที่ดูโดดเด่น เป็นกระแสมากที่สุดใน CES 2023 ปีนี้ ก็ต้องเป็นค่ายนี้ครับ HYTE ในรุ่น Y60 ล่าสุด ดีไซน์แนวตู้ปลา ราคาดี มีกระจกเทมเปอร์ 3 ด้าน งานดูพรีเมียม น่าสนใจไม่น้อยเลย เป็นเคสแนวที่คล้ายๆ กับเคสกระจกหลายรุ่นในบ้านเรา เมืองนอกเค้ายกให้เป็น Good compact, Good Material เลยทีเดียว แล้วถ้าถามว่าแปลกหรือเด่นอย่างไร

10 อันดับ

ก็ยังคงต้องเริ่มกันตั้งแต่ดีไซนกระทัดรัด ดีไซน์พรีเมียม ด้านหน้าตัดมุม 45 องศา ไม่เหมือนใคร ส่วนตัวผมรู้สึกว่า มันมองฮาร์ดแวร์ได้ในหลายมิติ ดูแล้วกว้าง แถบด้านบนและล่างกว้างขวาง ให้พื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์ได้มากขึ้น เช่น ปั้มน้ำ หรือชุดพัดลม Radiator ช่องตะแกรง ทั้งด้านบน และด้านล่าง ช่วยระบายอากาศ 

10 อันดับ

ติดตั้งชุด Radiator ได้อย่างน้อย 2 ชุด ด้านหลัง และด้านบน สามารถวางการ์ดจอแนวตั้งได้ ด้านหลังเหลือพื้นที่มากมาย ให้เก็บสายหรือประกอบฮาร์ดแวร์อื่นเพิ่มได้ เช่น SSD เป็นต้น

10 อันดับ

นอกจากนี้ภายในเคสยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งกราฟิกการ์ดแบบ Low-Profile ขนาดเล็กได้ ไม่ต้องไปหาแปลง Bracket ให้เสียเวลา และเสริมขาแขวนสายเพาเวอร์ที่ต่อการ์ดจอมาให้ในตัว พื้นที่ภายในรองรับการ์ดจอได้ยาวแบบ 3 พัดลมได้อีกด้วย บ้านเราพอมีให้ Pre-Order ในราคาประมาณ 8,000 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: HYTE


5.Thermaltake CTE

เป็นเคสคอมในซีรีส์ที่เปิดตัวในงานได้สุดอลังการ สำหรับ Thermaltake CTE ที่ดีไซน์ออกมาในแบบที่เรียกว่า Centralized Thermal Efficiency ซึ่งเน้นที่การระบายความร้อน ปรับจูนอากาศให้ไหลเวียนได้ดี และจุดเด่นอยู่ที่การปรับหมุนเมนบอร์ดได้ในแบบ 90 องศา 

10 อันดับ

ตัวเคสผมว่าคล้ายกับการนำเอาจุดเด่นของหลายๆ รุ่นมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็น Tower, V หรือ View ก็ตาม นำมาผสมผสานกันให้ลงตัว และภายในมีความยืดหยุ่น ปรับเลื่อน แกะ ประกอบได้หลากหลาย โดยเฉพาะการวางเมนบอร์ด ที่ปรับมุมได้ 90 องศา เพื่อให้รับลมหรือต่อเข้ากับ Block น้ำได้ลงตัวมากขึ้น

10 อันดับ

พัดลมและชุดน้ำก็วางกันได้แบบจุใจครับ ไม่มีกั๊ก ตามสไตล์ของค่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ที่ใส่ Radiator แบบ 360mm ได้ 2 ชุด ยังไม่รวมด้านล่างเคส และด้านบนก็ติดตั้งแบบ 240mm ได้ โดยที่ทาง Thermaltake เค้าดีไซน์ทางลมให้เป็นแบบ ดูดลมเข้าทางด้านหน้าและหลัง และระบายลมร้อนออกทางด้านบน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

10 อันดับ

หลายคนอาจสงสัยว่า แบบนี้จะมีพื้นที่ติดตั้งเพาเวอร์ตรงจุดใด? ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเพาเวอร์ในแต่ละรุ่น จะวางไม่เหมือนกัน บางรุ่นข้างล่าง หรือบางรุ่นก็อยู่ด้านหลังเคส และบางทีก็อยู่ด้านบน เพราะซีรีส์นี้ออกมาถึง 6 รุ่นด้วยกัน และการจัดวางก็ต่างกันไปตามดีไซน์นั่นเอง

10 อันดับ

ส่วนความยาวของการ์ดจอไม่น่ากังวล เพราะเท่าที่ดู นอกจากจะวางได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอนแล้ว ยังปรับ 90 องศาได้อีกด้วย การ์ดแบบ 3 พัดลมก็วางได้ ไม่ได้ดูติดขัดแต่อย่างใด ใครที่รอราคา คงต้องอดใจอีกนิดครับ เพราะบ้านเรากำลังเปิดตัวครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม: Thermatake


6.Cooler Master Cooling X

ถ้าพูดถึงเคสคอมและชุดระบายความร้อน ไม่มีค่ายนี้ไม่ได้เลยครับ และใน CES 2023 ครั้งนี้ เค้าก็จัดแบบพิเศษมาให้กับ Cooling X ที่เป็นเคสออกแบบใหม่ ซึ่งมาพร้อมชุด Liquid Cooling มาในตัว สำหรับซีพียูและการ์ดจอ โดยใช้พื้นที่ฐานของตัวเคสแบบ Tower ด้วยบอดี้ทื่ใหญ่ วางตำแหน่งเอาไว้สำหรับเกมเมอร์ระด้บไฮเอนด์ รูปทรงคล้ายกับ Cosmos และยังผสมกับหน้าตาของรุ่นอื่นๆ มาไว้อีกด้วย ซึ่งช่วงหลังๆ ผมเองรู้สึกว่า ดีไซน์เค้าเริ่มไปไกลมาก

10 อันดับ

อย่างที่เห็นคือ ด้านหน้ามาพร้อมกับโลหะแบบตะแกรงดูดอากาศด้านนอก พร้อม Strip แสงไฟ ด้านข้างและด้านหลัง ก็เป็นช่องขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้ถึงกับจะเป็นช่องลมทะลุไปยังภายในได้ทั้งหมด ซึ่งคล้ายกับว่าโครงสร้างภายนอก จะเป็นเหมือนครีบระบายความร้อน และใช้เป็นจุดไหลเวียนของเหลว โดยมีตัวปั้มและ Block อยู่ภายใน 

10 อันดับ

โดยเท่าที่ดูทิศทางการไหลของ Liquid Cooling ถ้าดูตามชาร์ทนี้แล้ว จะเป็นเหมือน มาจากด้านข้างซ้ายของเคส เข้าปั้ม ไหลไปยังซีพียู และ GPU แล้วไปยังฝาข้างด้านขวา แล้วไปเวียนที่ Radiator จากนั้นก็จะไหลกลับไปยังฝาข้างด้านซ้ายอีกครั้งหนึ่งแบบนี้

10 อันดับ

เปิดฝาข้างออกได้ทั้ง 2 ด้าน จัดวางเพาเวอร์ไว้ด้านล่าง ด้านหลังมี Radiator 1 ชุดสำหรับซีพียู แต่ที่แอบสงสัยคือ ช่องด้านหลังที่เป็นพอร์ตแสดงผลด้านบนเคสนี้ เอาไว้ให้การเชื่อมต่อในแบบใดกันแน่ หรืออาจจะเป็นการวางอีกแนว และเปิดฝาด้านบน เพื่อต่อจอก็เป็นได้ครับ ใครชอบเคสแนวนี้ อดใจรอครับ ถ้ามีข้อมูลมาเพิ่มเติม จะเอามานำเสนออีกครั้งหนึ่งนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม: wccftech.com


7.InWin POC Case

ใครที่เป็นนัก Mod ชอบเคสแบบมีสไตล์ มีชิ้นส่วนประกอบได้เองแบบอิสระ เคสรุ่นนี้ที่ InWin นำมาโชว์ในงาน น่าจะถูกใจคุณ ใช้แนวคิดคือ POC ออกแบบมาเป็นแผงโลหะ SECC แข็งแรงแบบโครงสร้างเคสปกตินี่เลย คุณสามารถนำมาประกอบจนกลายเป็นเคส Mini-ITX ได้ คล้ายกับการพับกระดาษ Origami อะไรแบบนั้น เคสจะเน้นสีสันที่สดใสหน่อย เพราะมีให้เลือกโทน เขียว/เหลือง (Tropical Sweetheart) และ น้ำเงิน/ดำ (Race Blue)

10 อันดับ

ตัวเคสมาพร้อมพัดลมขนาด 120mm มาให้ 1 ตัว รองรับการติดตั้งเพาเวอร์ยาว 16cm แต่ที่น่าสนใจคือ มีช่องสำหรับติดตั้งการ์ดจอแบบแนวตั้งได้อีกด้วย มี PCI-Express 4.0 riser cable ให้ และรองรับการ์ดจอรุ่นใหญ่ 3.5 สล็อต ยาวถึง 34cm ได้อีกด้วย

10 อันดับ

อย่างไรก็ดีในงานนี้ เท่าที่ได้เห็นไม่ได้มีความแปลกตากับโครงสร้างเคสเพียงอย่างเดียว แต่บรรจุภัณฑ์ที่เค้าใส่มาในแต่ละชิ้นนั้น ยังเป็นแบบซองกระดาษ รีไซเคิล ห่อมาให้อีกด้วย เซอร์ไพรซ์กันไปใหญ่ 

10 อันดับ

เคสแบบนี้ ชวนให้ผมนึกถึงบ้านน็อคดาวน์ในปัจจุบัน ที่คุณสามารถจัดการได้เอง เพราะเมื่อแกะของออกมาจากห่อ จะเป็นโลหะแบนเรียบ และคุณต้องมาพับงอในบางจุด แล้วไขน็อตยึดเพิ่มความแข็งแรง  เพื่อประกอบให้กลายเป็นเคสแบบ 3 มิติให้พร้อมใช้งาน

ตอนที่เห็นภาพเคสที่ประกอบสำเร็จแล้ว ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างทึ่ง แล้วน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีกับเคส Custom ในอนาคต ถ้ามีเรื่องของราคาเราจะมาอัพเดตให้ฟังกันอีกครั้งครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม: InWin


8.COUGAR CRATUS

ถ้าพูดถึงเคสล้ำๆ หลายคนก็น่าจะนึกถึงค่ายนี้ COUGAR ที่มีเคสสวยล้ำอีกรุ่นหนึ่งมาลงตลาด ในชื่อ CRATUS สำหรับผมมองว่า มันเหมือนกับแชสซีส์ของรถแข่งเลยทีเดียว กับรูปลักษณ์ที่ดูดุดัน โครงสร้างท่อโลหะ ผสานกับกระจกเทมเปอร์ ที่มีการดัดโค้ง ให้ดูลงตัว ภายในกว้างขวาง เหมาะกับการติดตั้งอุปกรณ์ และสายนักโมดิฟาย ที่แทบจะสวยมาจากโรงงาน 

10 อันดับ

กระจกเทมเปอร์ เป็นคีย์หลักที่สร้างความโดดเด่น เพราะมีให้ถึง 4 ด้าน ด้านหน้าดัดโครงให้เข้ากับโครงเคส ยาวไปจนถึงด้านบน และ

10 อันดับ

การจัดทิศทางลม ใช้การดูดลมเย็นจากด้านหน้า และด้านล่าง ให้หมุนเวียนภายในเคส แล้วปล่อยลมร้อนออกทางด้านหลัง พร้อมแสงไฟ ARGB สวยเวอร์วัง ปรับแต่งได้ ด้วยการกดปุ่ม RGB บนตัวเคส แต่ก็มีหัวต่อ เพื่อเสียบเข้ากับเมนบอร์ด ในการใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย 

10 อันดับ

จัดวางเคสได้ตั้งแต่ ATX ไปจนถึง E-ATX ซึ่งทำให้การวางการ์ดจอ ใส่ได้ยาวถึง 46cm ถ้าไม่ได้ติดตั้ง Radiator ด้านข้างเมนบอร์ด พร้อมพื้นที่ด้านหลังติดตั้ง SSD 2.5″ ได้ถึง 3 ตัวด้วยกัน และช่องสำหรับ HDD 3.5″ การติดตั้งชุดระบายความร้อน ทำได้ทั้งชุดพัดลมได้สูงสุด 9 ตัว และชุดน้ำ ติดตั้ง Radiator 360mm ได้ 

ที่ชอบเลยก็คือ ด้านหลังมีช่องเก็บสายเคเบิล ที่เปิดออกได้ ไม่ต้องแกะให้วุ่นวาย ความหนาที่มากพอสำหรับ ม้วนสายเอาไว้ในนั้น แทบจะมองไม่เห็นสายต่อเลยก็ว่าได้

10 อันดับ

เรื่องของราคายังไม่ได้เคาะออกมาเป็นทางการ ส่วนตัวมองว่า ถ้าคุณชอบเคสแบบนี้ ที่เปิดให้ลมเข้าหลายด้าน กระจกเทมเปอร์ที่โชว์ได้เกือบทุกอณู พร้อมกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร กำเงินรอไว้ได้เลยครับ ไตรมาสแรกปีนี้ได้ลุ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: COUGAR


9.MSI MEG Prospect 700

มาถึงเคสที่ 9 แล้ว เคสนี้ ไม่ได้ถือว่าใหม่มาก เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2565 และสื่อบ้านเราก็ได้รีวิวกันไปบ้างแล้ว แต่ที่นำมาเพราะความล้ำสมัย มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี โดยเฉพาะการมีพาแนลบนตัวเคส สำหรับปรับแต่งสิ่งต่างๆ ภายใน 

10 อันดับ

กระจกเทมเปอร์สวยใสด้านข้าง เปิดกางได้ง่าย รวมถึงฝาปิดข้าง ที่เก็บสายไฟ ก็กว้างขวางดีทีเดียว

10 อันดับ

จอเป็นแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่ ปรับโหมดไฟ ARGB ได้ เลือกได้หลายแบบ รวมถึงปรับรอบพัดลม มีโพรไฟล์ ตั้งเวลาเปิด-ปิดหน้าจอ ซิงก์กับซอฟต์แวร์บนเมนบอร์ดได้เช่นกัน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับที่มีอยู่บนเกมมิ่งพีซีบางรุ่นของ MSI 

10 อันดับ

ภายในติดตั้งชุดน้ำ Radiator 360mm ได้ มีพัดลมให้เป็นแบบ ARGB จำนวน 4 ตัว หน้า 3 หลัง 1 ขนาด 140mm พาแนลด้านหลังปรับเลื่อนได้ สำหรับการวาง Radiator หรือจะใช้เป็นพัดลมก็ได้เช่นกัน พื้นที่ภายในวางการ์ดจอตัวใหญ่ๆ 3 พัดลมได้สบายๆ กว้างขวาง

10 อันดับ

แต่เรื่องของมิติ ก็อาจจะดูใหญ่พอสวมควร แต่ถ้ามองว่า ตั้งใจจะจับฮาร์ดแวร์แรงๆ รุ่นใหญ่ ยัดเข้าไปให้ได้ รวมถึงชุดน้ำ ผมว่า MSI รุ่นนี้ตอบโจทย์คุณได้เลย เคาะราคาอยู่ที่ประมาณ 14,900 บาทครับ มีจำหน่ายแล้ว สนใจก็ไปตำกันได้เลย

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


10.ASUS HYPERION

เป็นเคสเกมมิ่งสำหรับคอเกม ที่มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบ ซึ่งหากคุณเป็นแฟนบอยของ ASUS ROG เคสนี้ น่าจะเป็นทางของคุณ ตัวเคสขนาดใหญ่ เพิ่มระดับความสูง ให้อากาศไหลเวียนได้มากขึ้น และรองรับ Radiator ขนาด 420mm ได้ถึง 2 ตัวด้วยกัน กับการออกแบบรูปลักษณ์ที่ยังล้ำสมัย พร้อมใส่สีสันไฟ RGB มาเป็นทางเลือกให้กับการแต่งคอม กับการจัดวางเคส ที่ใช้โครงรูปตัว X ในการกระจายน้ำหนัก

10 อันดับ

ภายในเปิดให้เป็นห้องขนาดใหญ่ รับการติดตั้งเมนบอร์ด E-ATX ได้ พร้อมพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้สามารถรองรับการ์ดจอรุ่นใหญ่อย่าง GeForce RTX4090 ได้สบาย ซึ่งสามารถใส่การ์ดจอได้ยาวสุดถึง 46cm เลยทีเดียว โดยให้พื้นที่แนวตั้งสูงสุด 13cm เผื่อการ์ดจอตัวใหญ่ จะได้ไม่ติดขอบฝาเคส

นอกจากนี้ยังมาพร้อมโครงอะลูมิเนียม สำหรับรับกราฟิกการ์ดแบบ 2-way ยึดไม่ให้ตัวการ์ดห้อย หรือเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง รวมถึงยังจัดสายเคเบิลได้ง่ายกว่าเดิม

10 อันดับ

พื้นที่ด้านหลังเมนบอร์ดกว้างพอในการจัดเก็บสาย พร้อมกับแถบยาง เพื่อใช้ในการรัดจัดเก็บให้เป็นระเบียบ เช่นเดียวกับฝาปิดอะคลิลิคทางด้านหลัง ให้เปิดออก และใส่สายเข้าไปได้ โดยมีคอนโทรลเลอร์ ARGB มาในตัว เพื่อใช้ต่อเข้ากับบรรดาอุปกรณ์ที่รองรับ AURA Sync ซึ่งติดตั้งชุดอุปกรณ์ไฟ RGB เพิ่มได้ถึง 8 ชิ้นและพัดลมแบบ PWM 6 ตัว

10 อันดับ

นับว่าเป็นเคสคอมอีกรุ่นหนึ่ง ที่สามารถปรับเปลี่ยนและโมดิฟายได้ง่าย เหมาะกับคนที่ชอบประกอบคอมเซ็ตด้วยตัวเอง และเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปได้สะดวก การระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Conclusion

10 อันดับ เคสคอม 2023 ที่เราได้รวบรวมมาในครั้งนี้ ในแต่ละรุ่นถือว่ามีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากมองกันที่นวัตกรรมแล้ว CYBERPOWERPC ถือว่ามีลูกเล่นที่น่าสนใจทีเดียว แต่ถ้าจะเน้นที่การระบายความร้อน MSI, COUGAR และ Cooler Master ก็มีทิศทางในการปรับแต่งเคสของตน เพื่อให้ผู้ใช้ได้นำไปใช้งานได้เลย แทบจะไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งอื่นใดมากนัก และยังรองรับการติดตั้ง Radiator ได้มากกว่า 1 ชุดอีกด้วย แต่ถ้าชอบความล้ำสมัย สวยงามเคสจาก COUGAR, MSI และ ASUS ก็ตอบโจทย์เกมเมอร์ และนักโมดิฟายได้ดี แต่ถ้าชอบความเก๋ไก๋ ดูไม่ซ้ำใคร สวยได้แม้จะมินิมอล เคสจาก InWin และ Hyte น่าจะเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบได้เป็นอย่างดีครับ ความชอบของคุณเป็นแบบใด เลือกใช้กันได้ตามสะดวก แล้วอย่าลืมคอมเมนต์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันบ้างนะครับ แล้วพบกันกับการรวบรวมข้อมูลไอทีครั้งต่อไปครับ

from:https://notebookspec.com/web/684474-10-pc-case-ces-2023

4TB SSD External 5 รุ่นเด็ด เก็บได้เยอะ โอนถ่ายข้อมูลไว เพื่อเกมเมอร์ ครีเอเตอร์ 2023

4TB SSD External 5 รุ่น เก็บข้อมูล โอนถ่ายไฟล์ เร็ว สายทำงาน เล่นเกม ต้องโดน! ความจุเหลือๆ

4TB SSD External

4TB SSD External เก็บข้อมูลแบบจัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ใครที่มีข้อมูลเยอะมาทางนี้ เรามี 5 SSD แบบต่อภายนอกมาแนะนำ กับความจุระดับ 4TB ให้พื้นที่ในการจัดเก็บงานปริมาณมากๆ และให้ความเร็วในการทำงาน ไม่ว่าจะโอนถ่ายไฟล์ ย้ายข้อมูล หรือจัดเก็บได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเกมเมอร์ในการสำรองไฟล์เกมที่ชื่นชอบ เอาไว้ใช้กับเครื่องอื่นได้ หรือนักสร้างคอนเทนต์ ที่ใช้สำรองข้อมูล ไฟล์ภาพ วีดีโอและเสียง ที่มีขนาดใหญ่และนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว หรือเหล่ายูทูปเบอร์ และสตรีมเมอร์ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บวีดีโอความละเอียดสูง เอาไว้ใช้ในการตัดต่อ หรือนำเสนอผลงาน ข้อดีคือ ทำงานได้ไวกว่าที่เป็นแบบฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หากกำลังมองหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุ และความเร็วสูงไปพร้อมๆ กัน มาติดตามบทความนี้ไปพร้อมๆ กันครับ


4TB SSD External

  1. WD MYPASSPORT 4TB
  2. Kingston SXS2000 4TB
  3. SANDISK Extreme 4TB
  4. SANDISK Extreme Pro 4TB
  5. LaCie Rugged SSD 4TB
  6. Crucial X8 4TB

External SSD vs HDD แบบไหนดี?

4TB SSD External

จากคำถามนี้ เชื่อว่าถ้าย้อนไป 4-5 ปีก่อน หลายคนอาจตอบเลยว่า External HDD ยังน่าใช้กว่า ทั้งราคาและความจุ ที่ดูไปด้วยกันได้ ซึ่งในปัจจุบันก็อาจจะยังเป็นเช่นนี้อยู่ เพราะอย่าง External HDD 1TB เริ่มที่พันกว่าบาท แต่ถ้าเป็น SSD 1TB แบบต่อภายนอก ราคาเริ่มต้น 3 พันกว่าบาท ซึ่งแพงกว่าเกือบเท่าตัว แต่เวลานี้ ผู้ใช้บางกลุ่ม ไม่ได้เน้นที่ราคาเป็นหลักอีกต่อไป แต่มองที่ศักยภาพ ความเร็ว และการตอบสนองกับงานได้ดี และให้ความสำคัญกับเวลา เนื่องจาก External SSD แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังให้ความเร็วในการค้นหาข้อมูลได้ดีกว่า และการโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็ว อย่างเช่น

Advertisementavw
4TB SSD External
source: Crucial

External HDD เมื่อเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 3.0 Type-A เป็นส่วนใหญ่ และเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เฟส SATA ซึ่งให้ความเร็วในการทำงานจะอยู่ที่ประมาณ 5Gbps ดังนั้นอัตราการ Read หรืออ่านข้อมูลสูงสุดที่ 120MB/s โดยประมาณ แต่ถ้าดูจาก Host ของการเชื่อมต่อบน USB รุ่นใหม่ๆ อย่างเช่น USB 3.1 Gen1 ให้ความเร็วในระดับ 5Gbps, แต่ถ้าเป็น Gen2 จะขยับไปที่ 10Gbps และสุดท้ายคือ Thunderbolt 3 ก็จะให้ได้ถึง 40Gbps เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อ SSD มีความเร็วมากพออยู่แล้ว มาเชื่อมต่อกับ Host ในแบบ External รุุ่นใหม่ๆ ก็ทำให้ความเร็วเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างเช่น SSD External รุ่นใหม่ๆ เมื่อเชื่อมต่อกับ USB 3.1 Type-C ก็ให้ความเร็วในระดับ 1,000MB/s ได้ ความเร็วก็จะเหนือกว่า External HDD เกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว


เลือกอย่างไร?

4TB SSD External
source: WD

แล้วถ้าต้องการใช้ External SSD หรือ SSD แบบต่อภายนอกนี้ จะต้องเลือกอย่างไร?

ความจุ: เรื่องนี้อาจจะต้องให้มองว่า คุณมีการใช้งานข้อมูลในแต่ละวันมากน้อยเพียงใด พิจารณาถึงการเก็บข้อมูลระยะสั้น และระยะยาว บางครั้งอาจจะต้องสำรองข้อมูลที่จำเป็นบ่อยครั้ง เช่น ไฟล์วีดีโอที่เป็นฟุดเทจ ถ่ายเก็บ และนำมาใช้ตัดวีดีโอในภายหลัง หรือเป็นไฟล์งานที่ต้องอัพเดตบ่อย รวมถึงเกมเมอร์ ที่ชอบสำรองตัวเกมที่ชอบเอาไว้ และลบไฟล์เกมจากไดรฟ์หลัก ให้เหลือพื้นที่ติดตั้งเกมใหม่เอาไว้เล่นนั่นเอง หากประเมินได้แล้ว ก็ให้เผื่อพื้นที่เอาไว้สักหน่อย กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่นอาจใช้ประมาณ 400GB ก็เลือก 500-512GB ได้เช่นกัน แต่ถ้างบประมาณมากหน่อย ตัวเลือก 1TB ก็น่าสนใจไม่น้อย

ดีไซน์และมิติ: เรื่องของดีไซน์ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวเลือกหลายแบบ เช่น บางเบา กระทัดรัด พกพาสะดวก บางรุ่นมีความแข็งแรง ทำบอดี้มาเป็นพิเศษ กันกระแทกและกันฝุ่น ละอองน้ำเป็นต้น หรือบางรุ่นมีที่แขวน จัดเก็บง่าย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะเลือกแบบใด แต่ถ้าจะแนะนำ วัสดุที่แข็งแรง ปกป้อง SSD ที่อยู่ภายในได้ดี มีกันกระแทก ไม่ต้องเล็กมาก หากกลัวว่าจะหาย และให้อยู่ในงบประมาณที่ไม่สูงเกินไปนัก

การเชื่อมต่อ: เวลานี้จะเป็นแบบเดียวกันเกือบทั้งหมด นั่นคือต่อผ่าน USB-C แต่จะเป็นมาตรฐานใดนั้น ก็ต้องเช็คที่สเปคกันอีกครั้ง โดยจะมีให้เลือกหลักๆ 2 แบบคือ USB 3.2 Gen1 x2 จะให้ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล ประมาณ 1,000MB/s ทั้งการ Read/ Write และ USB 3.2 Gen2 x2 ที่ให้ความเร็วได้มากกว่า อยู่ที่ประมาณ 2,000MB/s ทั้งการ Read/ Write จะเห็นได้ว่าความเร็วมากกว่าถึงเท่าตัว แต่ราคาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ราคาและการรับประกัน: การประกันจะคล้ายกับ SSD Internal มีอยู่ 2 แบบ ขึ้นอยู่กับซีรีส์ของ SSD ในแต่ละรุ่น แต่ละค่าย เช่น SANDISK Extreme การรับประกันอยู่ที่ 5 ปี ส่วน SANDISK Portable รุ่นพื้นฐานประกัน 3 ปี หรือจะเป็น WD Element ประกัน 3 ปี ส่วน MYPASSPORT จะรับประกัน 5 ปีเป็นต้น


1.WD MYPASSPORT 4TB

4TB SSD External

ถือว่าเป็น External SSD ของเจ้าตลาดอีกรุ่นหนึ่ง ราคาดีใน 4TB SSD External คร้ังนี้ ที่ทำออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายสะดวก และมีความทนทาน ทาง WD เลือกวัสดุที่เป็นเปลือกภายนอก มีความแข็งแรง ทนต่อการตกกระแทกได้ มีให้เลือก 4 สี แดง ทอง น้ำเงินและสีเทา โดยรุ่นที่เป็น 4TB เป็นสีเทา ดูพรีเมียมทีเดียว มาในมิติประมาณฝ่ามือเท่านั้น 100.08 x 55.12 x 8.89mm จัดว่าเล็กกว่ารีโมททีวีที่บ้านด้วยซ้ำ ให้การเชื่อมต่อผ่าน USB-C ในแบบ USB 3.2 Gen 1 จึงให้ความเร็วในการทำงานที่ 1050MB/s (Read) และ 1,000MB/s (Write) จัดว่าเร็วกว่าการที่เราใช้ External HDD พื้นฐานบน USB-A อยู่ไม่น้อยเลย เหมาะกับการทำงานพื้นฐานทั่วไป การจัดเก็บไฟล์จำนวนมาก และการอัพเดตไฟล์อย่างต่อเนื่อง พกพกสะดวก โดยปกติจะเชื่อมต่อแบบ Type-C to Type-C ได้ แต่หากมีโน๊ตบุ๊คหรือพีซีที่เป็นพอร์ตรุ่นเก่า ก็ใช้สายแบบ USB-C to Type-A ได้เช่นกัน การรับประกัน 5 ปี ราคา 15,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ขนาดกระทัดรัด ความเร็วในการทำงานที่ 1050MB/s
ราคาค่อนข้างดี

ข้อมูลเพิ่มเติม: WD


2.Kingston SXS2000 4TB

4TB SSD External

Kingston SXS2000 จัดว่าเป็น External SSD ในกลุ่มพรีเมียม ที่ออกแบบมาสำหรับงานที่สำคัญ และการพกพาที่สะดวก ด้วยมิติตัวไดรฟ์ 69.54 x 32.58 x 13.5mm ที่ถือว่าใกล้เคียงกับกุญแจรีโมทรถยนต์ในแบบ Keyless ในปัจจุบัน น้ำหนักประมาณ 29 กรัมเท่านั้น วัสดุโครงสร้างโลหะ และมีชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก ให้ทั้งความทนทาน และน้ำหนักที่เบา ซึ่งว่ากันตามมาตรฐาน IP55 ซึ่งมียางรองกันกระแทก เมื่อตกหล่นและกันละอองน้ำ รวมถึงกันฝุ่นได้ค่อนข้างดี ด้านในเป็น NAND Flash ที่ให้ความเร็วในการทำงานสูงถึง 2,000MB/s ทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล จึงมั่นใจได้ว่าไฟล์ขนาดใหญ่ อย่างเช่น วีดีโองานระดับ 4K/ 8K จะถูกจัดเก็บ และเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว โดยให้การเชื่อมต่อผ่านทาง USB 3.2 Gen2 x2 ซึ่งหากคุณมีพอร์ตนี้อยู่ที่เครื่องคอมหรือโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ ก็จะใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ การรับประกันอยู่ที่ 5 ปี สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 15,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เล็กสุดในรุ่น เบา วามเร็วในการทำงานสูงถึง 2,000MB/s
ความทนทาน IP55

ข้อมูลเพิ่มเติม: Kingston


3.SANDISK Extreme 4TB

4TB SSD External

จัดว่าเป็น 4TB SSD External ที่เป็นตัวเริ่มต้นของใครหลายคนได้เลย และยังเป็นตัวใช้สำรองงาน โอนถ่ายข้อมูลแบบจริงจัง สำหรับงานที่ต้องให้ความสำคัญทั้งในด้านความเร็ว และความจุ กับระดับ 4TB จาก SANDISK รุ่นนี้ ช่วยให้การทำงานไหลลื่นขึ้นไม่น้อยเลย มาพร้อมดีไซน์ของสีดำตัดเส้นสายสีส้ม อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ วัสดุภายนอกอะลูมิเนียมกับขอบยาง ที่ช่วยป้องกันแรงกระแทก และมีส่วนในการระบายความร้อนในการใช้งานได้ พอร์ตการเชื่อมต่อมาเป็น USB-C ในแบบ USB 3.2 Gen 2 เสียบใช้งานง่าย ให้มาตรฐาน IP55 เพิ่มความมั่นใจในการเคลื่อนย้าย กันฝุ่น ละอองน้ำได้ดีพอสมควร ให้ความเร็วที่ระดับ 1,050MB/s (Read) และ 1,000MB/s (Write) มิติอยู่ที่ประมาณ 102mm x 53mm x 10mm เท่านั้น ราคา 16,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย ความเร็วกานอ่านที่ระดับ 1,050MB/s
ความทนทาน IP55

ข้อมูลเพิ่มเติม: SANDISK


4.SANDISK Extreme Pro 4TB

4TB SSD External

อีกหนึ่งที่เข้ามาใน 4TB SSD External เป็นรุ่น Extreme Pro series นี้ ที่ขยายขีดความสามารถขึ้นมาจาก Extreme ทั้งในเรื่องความเร็ว ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ โดยที่ใช้ในแบบ USB-C เช่นเดียวกัน แต่เป็นอินเทอร์เฟสแบบ USB 3.2 Gen 2 x2 นั่นก็ทำให้ความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2,000MB/s ทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล เหมาะกับสายทำงานจริงจัง ที่ต้องจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ หรือไฟล์จำนวนมาก หรือบางครั้งอาจจะต้องพรีวิวงานผ่านทาง External Drive ได้อย่างรวดเร็ว หรือมีข้อมูลที่จะต้องอัพเดตในแต่ละวันบ่อย รวมถึงเหล่าเกมเมอร์ ที่อยากจะสำรองไฟล์ตัวโปรดเอาไว้ใช้ จะได้ไม่ต้องดาวน์โหลดกันบ่อยๆ บอดี้เป็นอะลูมิเนียม ที่ช่วยในการระบายความร้อนไปในตัว ดีไซน์ค่อนข้างทันสมัย เป็นสีเทาดำ ตัดด้วยเส้นสายสีส้ม ดูสปอร์ต พร้อมช่องสำหรับแขวนที่คล้องกุญแจได้ ขนาดประมาณ 110.26 x 57.34 x 10.22mm เรียกว่าแทบจะเท่ารีโมททีวีขนาดเล็กได้เลย โดยมีขอบเคสเป็นซิลิโคนโดยรอบ ทำให้ปกป้องได้ดียิ่งขึ้น กับมาตรฐาน IP55 กันน้ำและฝุ่น รวมถึงการหล่นกระแทก พร้อมการรับประกัน 5 ปี สนนราคาอยู่ที่ 19,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ความเร็วสูง 2,000MB/s
บอดี้พร้อมระบายความร้อนในตัว

ข้อมูลเพิ่มเติม: SANDISK


5.LaCie Rugged SSD 4TB

4TB SSD External

สำหรับค่าย Lacie เชื่อได้เลยว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะโด่งดังในตลาดด้าน Storage มายาวนาน โดยเฉพาะไดรฟ์ที่ให้การ Protect มาเป็นพิเศษ โดยในรุ่น RUGGED นี้ก็เช่นกัน ที่ออกแบบมาให้มีความทนทาน ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันฝุ่น ละอองน้ำ หล่นกระแทก บนมาตรฐาน IP67 ที่มากกว่าในรุ่นอื่นๆ หรือจะเป็นการเข้ารหัสไฟล์ โดยใช้ SSD ในแบบ NVMe ขนาดเล็ก ให้ความเร็วในการทำงานที่ 1,050MB/s (Read) เชื่อมต่อผ่านพอร์ตในแบบต่างๆ ได้ เช่น Thunderbolt 4, USB 3.2 Gen 2 ในแบบ USB-C เชื่อมต่อง่าย กับการออกแบบภายนอกที่ดูแปลกตา ในโทนสีส้มสดใส มิติอยู่ที่ประมาณ 97.9 x 64.9 x 17mm และน้ำหนักประมาณ 100 กรัมเท่านั้น การรับประกัน 5 ปี ราคาค่อนข้างจะโหดสักหน่อย เพราะอยู่ที่ราว 35,590 บาท แต่ก็มีความโดดเด่นในหลายด้าน จัดเป็น 4TB SSD External อีกรุ่นที่น่าสนใจ

จุดเด่น ข้อสังเกต
แข็งแรง ทนทานระดับ IP67 มิติค่อนข้างหนาเล็กน้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lacie


Crucial X8 4TB

4TB SSD External

รุ่นสุดท้ายนี้ผมขอเป็นตัวเสริมใน 4TB SSD External เผื่อเป็นทางเลือกของเพื่อนๆ แต่เท่าที่เช็คยังไม่เห็นจำหน่ายในบ้านเรา เคาะราคาต่างประเทศอยู่ที่ราวๆ หมื่นกว่าบาท ก็ถือว่าทำราคาได้ดีทีเดียว และบอดี้ก็ยังออกแบบมาค่อนข้างดี ตัวเคสรับหน้าที่ในการระบายความร้อนไปในตัว กับโทนสีดำ ตัดด้วยโลโก้สีขาว กับมิติที่อาจจะใหญ่กว่ารายอื่นๆ อยู่เล็กน้อย 110 x 53 x 10mm ให้การเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เฟส USB 3.2 Gen 2 ในแบบ USB-C ให้ความเร็วในการอ่านข้อมูล 1,050MB/s ใช้งานง่าย เป็น SSD ที่เหมาะกับคนทำงาน เก็บข้อมูลบ่อย หรืออัพเดตข้อมูลเป็นประจำ และอยู่กับข้อมูลปริมาณมากๆ ซึ่งจะทำให้การโอนถ่ายข้อมูลทำได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะทำงานเอกสาร หรือทำด้านงานวีดีโอและงานตัดต่อเป็นต้น โดยให้การรับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
รูปลักษณ์ทันสมัย ความเร็วในการอ่านข้อมูล 1,050MB/s

ข้อมูลเพิ่มเติม: Crucial


Conclusion

Model ความจุ มิติ อินเทอร์เฟส Sequential
Read
การรับประกัน (ปี) ราคา
1.WD MYPASSPORT 4TB 100.08 x 55.1 x 8.89mm USB 3.2 Gen 1 1,050MB/s 5 15,900
2.Kingston SXS2000 4TB 69.54 x 32.58 x 13.5mm USB 3.2 Gen 1 1,050MB/s 5 15,900
3.SANDISK Extreme 4TB 102 x 53 x 10mm USB 3.2 Gen 2 1,050MB/s 5 16,900
4.SANDISK Extreme Pro 4TB 110.26 x 57.34 x 10.22mm USB 3.2 Gen 2 2,000MB/s 5 19,900
5.LaCie Rugged 4TB 97.9 x 64.9 x 17mm USB 3.2 Gen 2 2,000MB/s 5 35,590
6.Crucial X8 4TB 110 x 53 x 10mm USB 3.2 Gen 2 1,050MB/s 3 249.99USD

ถ้ามองกันในภาพรวม 4TB SSD External ทั้ง 5-6 รุ่น ที่เรานำมาให้ชมกันในวันนี้ หลายรุ่นมีความน่าสนใจ สำหรับคนที่ทำงานจริงจัง และการใช้ในการบันทึกข้อมูลที่สำคัญ แม้ว่าความจุระด้บ 4TB อาจจะดูห่างไกลจากการใช้งานจริงของหลายคน แต่สำหรับบางท่าน ที่มีข้อมูลจำเป็นต้องใช้อยู่บ่อย อาจจะเป็นความจุที่กำลังพอเหมาะ ซึ่งถ้ามองว่าเยอะไป ยังมีตัวเลือก 1-2TB ให้ได้ใช้กัน ในเรื่องของประสิทธิภาพและความเร็ว SANDISK Extreme Pro ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะราคาเพิ่มจากรุ่นปกติที่ให้ความเร็วระดับ 1,050MB/s ขึ้นมาประมาณ 3,000-4,000 บาท แต่ได้ความเร็วในการอ่านข้อมูลเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว ส่วนคนที่ชอบความเล็กกระทัดรัด ตัวเลือกอย่าง Kingston SXS2000 ก็น่าสนใจ แต่ถ้าสายอึด ถึก ทน ก็มีตัวเลือกอย่าง LaCie Rugged ที่ทนกระแทก น้ำและฝุ่น พร้อมมาตรฐาน IP67 อุ่นใจได้ในทุกสภาวะ ส่วนถ้าเน้นราคาดี หาซื้อง่าย WD MYPASSPORT SSD ก็น่าใช้ไม่น้อยเลย ทั้งหมดนี้เป็น SSD รุ่นใหญ่ 4TB แบบต่อภายนอกที่นำมาฝากกันครับ สนใจรุ่นไหน ก็ไปจับจองกันได้เลย เวลานี้มีจำหน่ายเกือบครบทุกรุ่นแล้วครับ และถ้าคุณมองหา SSD ต่อภายในแบบ Internal สามารถเข้าไปชม ที่นี่ ได้เลย มีให้เลือกเพียบ

from:https://notebookspec.com/web/682248-5-4tb-ssd-external-2023

กู้ข้อมูลฟรี! WD จัดให้ ซื้อ External Drive ประกัน 3 ปี เพิ่มฟรี กู้ข้อมูล IDRLAB 1 ปี

กู้ข้อมูลเพิ่มจากประกัน 3 ปี WD บริการพิเศษฮาร์ดดิสก์พัง ยังกู้ข้อมูลกับ IDRLAB ได้อีก 1 ปี

กู้ข้อมูล

กู้ข้อมูล เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ใครหลายคนไม่อยากต้องประสบพบเจอ แต่หลายคนที่เคยเจอกับอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์สุดวิสัย ขณะที่ใช้ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD มาบ้างแล้ว ก็น่าจะเข้าใจได้ดี กับสาเหตุที่บางทีไม่น่าจะเป็นเรื่องได้ เช่น เพื่อนเดินชนฮาร์ดดิสก์หล่น ขณะที่ ย้ายไฟล์ หรือน้องแมวที่บ้านกำลังน่ารัก วิ่งชนหล่น ฮาร์ดไดรฟ์ที่ใช้กันหลายมือ ไม่ช่วยกันดูแล แม้จะเป็น External Drive ที่ว่าทนๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าไป ก็มักจะไม่รอด

เรื่องอุปกรณ์เสีย ฮาร์ดดิสก์พัง อาจจะไม่ค่อยเป็นปัญหา โดยเฉพาะทาง WD เอง ก็จัดประกันให้ถึง 3 ปี ตามเงื่อนไข สำหรับฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก (External HDD/ SSD) แต่ข้อมูลที่อยู่ในไดรฟ์บางอย่างประเมินราคาไม่ได้ แต่คุณก็อุ่นใจได้ เพราะเวลานี้มีโปรโมชั่นดีๆ จากทาง WD และ IDRLAB ที่จับมือกันผุดเป็นบริการสุดพิเศษ IDR-WD Care ฟรี! สำหรับผู้ใช้ที่ซื้อฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก ไม่ว่าจะเป็น HDD หรือ SSD ก็ตาม สามารถเข้ารับบริการกู้คืนข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับอุปกรณ์ จนเกิดความเสียหายได้ฟรี เป็นเวลา 1 ปีเต็มหลังจากที่ซื้ออุปกรณ์ที่ระบุตามเงื่อนไข นอกเหนือจากการรับประกันฮาร์ดไดรฟ์ 3 ปีที่เป็นมาตรฐาน

Advertisementavw

กู้ข้อมูล IDR-WD Care ฟรี! ประกันมั่นใจ


ข้อมูลสำคัญสูญหาย ประเมินค่าไม่ได้

สิ่งที่ว่ามานี้ มันชี้ให้เห็นอะไรบางอย่างครับว่า การรับประกันของฮาร์ดดิสก์ว่าสำคัญ แต่เรื่องข้อมูลก็สำคัญยิ่งกว่า โดยปกติถ้าคุณใช้ External HDD ถ้ายังอยู่ในประกัน เวลาที่พัง ก็สามารถส่งเคลม เปลี่ยนตัวใหม่มาให้ เชื่อเถอะครับว่า หลายคนก็แฮ้ปปี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮาร์ดไดรฟ์แบบต่อภายนอกของ WD ที่มาพร้อมประกัน 3 ปี ตามเงื่อนไขในการใช้งานตามปกติ และที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ การประกันกู้ข้อมูลมาให้ด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ได้ฮาร์ดดิกส์ใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าคืนไปด้วย กับข้อมูลสำคัญในชีวิตคุณเช่น

กู้ข้อมูล
  • ภาพถ่ายกับครอบครัว ในงานรับปริญญา
  • ช่างภาพรับถ่ายภาพงานแต่ง ซึ่งงานแต่งไม่สามารถมารีรันได้แน่ๆ
  • วีดีโองานลูกค้าที่เพิ่งถ่ายเสร็จ เอาไว้เตรียมตัดงาน
  • ไฟล์งาน Thesis ที่เพิ่งทำเสร็จ เตรียม Approve
  • ไฟล์พรีเซนเทชั่น ที่คุณอดหลับอดนอนทำมาทั้งคืน
  • ข้อมูลลูกค้าที่พยายามเก็บมาหลายปี

การเคลมได้ฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ ก็เป็นเรื่องดี เพราะคุณจะได้มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลใหม่ เพื่อความมั่นใจในการใช้งาน แต่ถ้าได้ข้อมูลเดิมกลับคืนมาด้วย ก็น่าจะเป็นข่าวดีที่สุดของคุณแล้วใช้มั้ยครับ ซึ่งสิ่งนี้เองน่าจะเป็นอีกปัจจัยที่คุณจะนำมาใช้ในการเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แบบต่อภายนอกตัวใหม่ของคุณในโอกาสต่อไป เช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์จากทาง WD ที่เสริมบริการใหม่เข้ามาให้กับผู้ใช้ได้อุ่นใจในการใช้งานนอกเหนือจากการรับประกันฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอกถึง 3 ปีเต็ม


สังเกตอาการฮาร์ดดิสก์หรือ SSD อย่างไร?

กู้ข้อมูล

อุบัติเหตุต่างๆ มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะกับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ลมฟ้าอากาศ ธรรมชาติหรือสัตว์เลี้ยง แม้ว่าคุณจะระมัดระวังตัวอย่างมากแล้วก็ตาม และแน่นอนว่า อาจจะส่งผลเสียต่อฮาร์ดดิสก์ในแง่ของฮาร์ดแวร์โดยตรง หรือส่งผลกระทบต่อข้อมูลที่อยู่ภายในได้เลย โดยเฉพาะในช่วงที่ฮาร์ดดิสก์ที่เป็นจานหมุน กำลังทำงาน เช่น การอ่านหรือก็อปปี้ รวมถึงการโอนถ่ายข้อมูล อาจะทำให้เกิดความเสียหาย ว่ากันตั้งแต่ เปิดติดบ้างไม่ติดบ้าง Detect ไม่เจอบน Windows รวมถึงกลายเป็นไดรฟ์ที่ว่างเปล่า ไม่สามารถทำอะไรได้เลย รวมถึงไดรฟ์ที่เป็น SSD ที่อาจจะมีความเสียหายที่เกิดจากแรงกระแทก รวมถึงกระแสไฟได้เช่นกัน โดยเฉพาะที่เกิดจากไฟช็อต ไฟเกิน ไฟกระชาก ฟ้าผ่าเป็นต้น

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ในการตรวจเช็คปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อมีอาการผิดปกติบนฮาร์ดดิสก์หรือ SSD ในแบบที่ต่อภายนอก หรือที่ติดตั้งอยู่ภายในพีซีหรือโน๊ตบุ๊คของคุณได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

HDTune: โปรแกรมตรวจเช็คความจุ สถานะ อุณหภูมิและคุณสมบัติของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งจะบอกรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Health ที่คอยแจ้งความผิดปกติ ซึ่งจะให้คุณ Scan ภายในฮาร์ดดิสก์ เพื่อตรวจเช็คว่าไดรฟ์ของคุณยังมีสุขภาพดี (Good) หรือเกิด Bad sector ที่ผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว เพื่อที่คุณจะได้ทำการสำรองข้อมูลหรือซ่อม เคลมกันต่อไปได้

กู้ข้อมูล

CrystalDiskInfo: โปรแกรมที่ช่วยบอกสถานะของ SSD ที่คุณใช้งานอยู่ได้อย่างชัดเจน คล้ายกับใน HDTune แต่ไม่มีฟีเจอร์ในการสแกน แต่ก็จะตรวจเช็คสิ่งต่างๆ ให้คุณทราบตั้งแต่โปรแกรมเริ่มทำงาน โดยตัวอย่างนี้ มุมบนซ้ายของโปรแกรม จะแจ้ง Health status ว่ายังดีอยู่ อุณหภูมิการทำงานก็ไม่ได้ร้อนจนเกินไป รวมถึงช่วงเวลาที่ใช้งาน SSD ลูกนี้ หรือ Power on Hours ก็ยังไม่ได้นาน จึงเรียกว่ายังพร้อมสำหรับงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดีครับ


บริการ IDR-WD Care ฟรี!

IDR WD logo 1

มาถึงตรงนี้ก็เชื่อว่ามีหลายคน เริ่มเห็นด้วยกับปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นได้เช่นนี้ รวมถึงทาง WD และ IDR LAB ที่เค้าต่างเล็งเห็นความสำคัญของข้อมูลผู้ใช้ จนตกผลึกกลายมาเป็นบริการพิเศษ ที่เรียกว่า IDR-WD Care ฟรี! ที่เป็นบริการกู้ข้อมูลจากทีมผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมากับ WD External Drives ทุกรุ่น สำหรับผู้ใช้ที่ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวนี้ แต่ก่อนจะไปเรื่องของบริการกู้คืนไฟล์ข้อมูล ขอกล่าวถึง WD หรือผู้ผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage) กันก่อนนะครับ

ลงทะเบียนกู้ข้อมูลได้ที่นี่ https://www.idrlab.com/idrwddatacare

WD Notebook

สำหรับฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แบบต่อภายนอกของทาง WD มีด้วยกันหลายรุ่น ว่ากันตั้งแต่ฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอกที่ใช้งานกันในชีวิตประจำวัน อาทิ WD Element, My Passport, My Passport Ultra ที่เป็นซีรีส์ที่เหมาะกับการพกพาและเดินทาง ส่วนถ้าคุณเป็นคอเกมตัวยง ไดรฟ์ในรุ่น WD Black Game Drive ก็ออกแบบมาเพื่อให้คุณใช้ในการเก็บไฟล์เกมขนาดใหญ่ และสามารถเคลื่อนพกพานำไปใช้กับคอมเครื่องอื่นได้อีกด้วย โดยฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอกเหล่านี้ มีให้เลือกทั้งแบบฮาร์ดดิสก์ 2.5″ และ SSD ความจุก็มีตั้งแต่ 480GB ไปจนถึง 5TB เลยทีเดียว พร้อมด้วยการเชื่อมต่อที่รวดเร็วผ่านทางพอร์ต USB 3.2 ทั้งบนอินเทอร์เฟส USB Type-A และ Type-C เป็นพื้นฐาน รวมถึงยังมีฮาร์ดไดรฟ์ในแบบ NAS หรือองค์กรให้เลือกอีกมากมาย พร้อมกันนี้ยังมีการรับประกันให้ถึง 3 ปี สำหรับอุปกรณ์ในกลุ่ม External Drive หลายคนจึงให้ความเชื่อมั่น ทั้งในด้านเทคโนโลยีและบริการหลังการขายจาก WD หรือ Western Digital นี้

กู้ข้อมูล

เงื่อนใขในการรับประกัน WD

ในเรื่องนี้ทาง WD ก็มีบริการพิเศษที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้คือ IDR-WD Care ฟรี! ให้บริการกู้คืนข้อมูลเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อ โดยเป็นผู้ให้บริการจาก IDRLAB นอกเหนือจากการรับประกันฮาร์ดดิสก์ 3 ปี ตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งเป็นมาตรฐานติดกับฮาร์ดดิสก์มาด้วย โดยผู้ใช้ต้องเข้าไปลงทะเบียน ที่นี่ ภายใน 30 วันหลังจากที่ซื้อฮาร์ดดิสก์มา พร้อมกับการแนบไฟล์ใบเสร็จ เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูล และยังสามารถเข้าไปเช็คสถานะการรับประกันของคุณได้ ด้วยการเช็คจากซีเรียลนัมเบอร์ที่มีมาบนแพ๊คเกจ


IDR Lab บริการมาตรฐานระดับ ISO9001:2015

กู้ข้อมูล

สำหรับ IDRLAB หรือ บริษัท อินเตอร์ ดาต้า รีคัฟเวอรี จำกัด นี้ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้คืนข้อมูล มาตรฐาน ISO9001:2015 ซึ่งเป็นรายใหญ่ในบ้านเรา ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี และเป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้ มีความพร้อมด้านเครื่องมือ พาร์ทหรือชิ้นส่วน ที่จะนำมาทดแทน กรณีที่ชิ้นส่วนในไดรฟ์เกิดความเสียหาย และมีผู้ชำนาญงานที่รองรับการกู้คืนข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ได้หลากหลายและรวดเร็ว พร้อมกับห้อง Lab เพื่อความปลอดภัยได้มาตรฐาน คุณจึงมั่นใจได้ว่า ข้อมูลต่างๆ ของคุณจะได้รับการกู้คืนอย่างมีประสิทธิภาพ และถูกเก็บเป็นความลับสำหรับคุณเท่านั้น โดยคุณสามารถไปส่งเคลมด้วยตัวเอง ที่ศูนย์ IDRLAB ที่บางนา-ตราด 25 ได้เช่นกัน หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่หมายเลขที่ขึ้นด้านล่างนี้เลยครับ 02-744-1911-2

ลงทะเบียนกู้ข้อมูลได้ที่นี่ https://www.idrlab.com/idrwddatacare

ที่สำคัญ IDRLAB ยังเป็นผู้ให้บริการในประเทศไทย และมีช่องทางการติดต่อมากมาย รวมถึงให้ความสะดวกในการจัดส่งและเคลมง่าย รวดเร็ว ซึ่งการส่งเคลมนั้น สามารถไปส่งได้ด้วยตัวเอง ส่งทางพัสดุ หรือจะเป็นบริการขนส่งเอกชนก็ตาม โดยที่คุณสามารถเคลมเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ที่อยู่ในการรับประกันกลับมาใช้ได้ทันที หรือจะให้ทาง IDR ทำการกู้ข้อมูลจนเสร็จสิ้น แล้วมารับกลับในภายหลังก็ได้อีกด้วย

กู้ข้อมูล

และเงื่อนไขของบริการ IDR-WD Care ฟรี! มีแค่นี้เลยครับ ไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด โดยบริการนี้ จะคุ้มครองการกู้ข้อมูลในทุกกรณี ทั้งที่เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สำหรับ External HDD รุ่นความจุไม่เกิน 5TB และ SSD ความจุไม่เกิน 1TB ของทาง WD เป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อ ซึ่งผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนกับทาง IDR ก่อนที่จะรับการบริการ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ สามารถดูได้จากด้านล่างนี้เลยครับ


เงื่อนไขการกู้ ข้อมูลจาก IDRLAB

  1. IDR-WD Care เป็นการบริการฟรี จะคุ้มครองการกู้ข้อมูลทุกกรณี ที่เป็น Hard ware และ Software เฉพาะ HDD External ของ WD รุ่นความจุไม่เกิน 5TB และ SSD รุ่นความจุไม่เกิน 1TB
  2. การให้บริการจะสมบูรณ์ได้ ต่อเมื่อมีการลงทะเบียนกับทาง IDR แล้ว เท่านั้น
  3. ให้บริการเป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อ HDD WD
  4. ให้บริการ ณ ศูนย์บริการ IDR ตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ) เวลา 8.00-17.00น.
  5. ระยะเวลาที่ใช้กู้ข้อมูล โดยปกติ 3-5 วันทำการ (อาจจะใช้เวลานานกว่านี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะที่เสียหาย)
  6. การกู้คืนข้อมูลไม่ได้รับประกันว่าจะได้ข้อมูลกลับมาทุกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่นำมากู้อาจถูกทำลายถาวรแล้ว เช่น จานแม่เหล็ก (Platter)ที่ใช้บันทึกข้อมูลเสียหายอย่างรุนแรงหรือพื้นที่เก็บข้อมูลเดิมถูกเขียนทับด้วยข้อมูลใหม่ เป็นต้น แต่การจะดำเนินการด้วย กรรมวิธีที่ดีที่สุด เพื่อให้การกู้คืนข้อมูลประสบความสำเร็จได้มากที่สุด
  7. กรรมวิธีการกู้คืนข้อมูลบางกรณี จำเป็นต้องเปิดฝาครอบ Hard disk ซึ่งการรับประกัน Hard disk จาก WD ยังไม่สิ้นสุด WD จะเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อเงื่อนไขการรับประกัน Hard disk ดังกล่าวนี้
  8. IDR-WD Care ได้รวมถึงค่าใช้จ่ายของอะไหล่ เครื่องมือ ห้อง LAB และค่าแรงในการกู้ข้อมูลเท่านั้น ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าขนส่ง ค่าความสูญเสียทางธุรกิจ เป็นต้น
  9. บริษัท อินเตอร์ ดาต้า รีคัฟเวอรี จำกัด เป็นผู้ให้บริการการตามเงื่อนไขข้างต้นเท่านั้น ไม่รวมถึงค่าซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ หรือ บริการอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากการกู้ข้อมูล
  10. การรับ-ส่งอุปกรณ์ เพื่อนำมากู้ข้อมูลที่ IDR ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเองทั้งหมด
  11. การลงทะเบียนจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้รับ Email ตอบกลับจากทาง IDR แล้วเท่านั้น
WD IDRLAB warranty

จากข้อมูลที่เรานำเสนอมาให้นี้ จะเห็นได้ กระบวนการต่างๆ นั้น ไม่ได้ซับซ้อน เมื่อต้องการใช้บริการกู้คืนข้อมูลจากทาง IDR-WD Care ฟรี! ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิพิเศษ สำหรับคนที่ซื้อ External Drive จากทาง WD ตามรุ่นและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่ย้ำอีกครั้งว่า ต้องทำการลงทะเบียน หลังจากที่ซื้อมาภายใน 30 วัน เรื่องร้ายๆ ก็กลายเป็นดีได้ รับประกันกู้คืนข้อมูล 1 ปี นับจากวันซื้อ เสียหาย ส่งไปได้ที่ IDRLAB รอ 3-5 วันทำการ จะไปรับเองหรือส่งพัสดุ ก็เลือกได้ตามต้องการ แถมยังเป็นการซ่อมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้คืนข้อมูลรายใหญ่อีกด้วย มั่นใจและอุ่นใจได้เลยครับ


Conclusion

กู้ข้อมูล

นับว่า IDR-WD Care ฟรี! เป็นอีกหนึ่งบริการดีๆ จากทาง WD ที่จับมือกับ IDR LAB มอบให้กับผู้ใช้ External Drive ของทาง WD ให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ไดรฟ์พัง แต่ยังกู้ข้อมูลได้ ซึ่งคุณสามารถดูรายละเอียดของบริการนี้ได้ใน บทความนี้ได้เลยครับ สุดท้ายนี้ผมก็ขอฝากข้อคิดดีๆ ไว้นิดนึงครับ การเลือกไดรฟ์เก็บข้อมูลแบบนี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องความเร็ว ความจุ หรือราคาเท่านั้น แต่การรับประกันและบริการหลังการขาย จะช่วยให้คุณสบายใจตลอดการใช้งาน อย่างเช่น IDR-WD Care ฟรี! นี้ครับ

from:https://notebookspec.com/web/647555-wd-external-drive-idrlab-service

7 SSD External เซฟงานไวทันใจในพริบตา เอามาต่อคอนโซลหรือมือถือก็ได้เริ่มแค่ 2,390 บาทเอง!

มี SSD External ติดกระเป๋าสักตัวเอาไว้เซฟงาน บอกเลยว่าประหยัดเวลาชีวิตไปเยอะมากๆ

ssd external cover

ก่อนหน้านี้หลายๆ คนน่าจะเซฟงานและแบ็คอัพไฟล์ต่างๆ ไว้ใน External Harddisk แต่ SSD External สำหรับหลายๆ คนอาจจะห่างตัวไปบ้างเพราะว่าราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ทั่วๆ ไปที่ขายราคาพันต้นๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมาเมื่อต้องจ่ายเงินมูลค่าครึ่งหมื่นไปนั้น คือประหยัดเวลาโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่หรือไฟล์เล็กๆ ปริมาณมากๆ มาแบ็คอัพเอาไว้ใน External SSD ก่อนเอาไปใช้ต่อได้เยอะมาก บางทีการโอนไฟล์ที่ใช้เวลา 3-5 นาที อาจจะร่นลงมาเหลือ 1-2 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องรอนานจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นต่อได้เลย

Advertisementavw

บางที หลายๆ คนอาจจะคิดวิธีทำ SSD External แบบง่ายๆ ด้วยการซื้อกล่องใส่ SSD แล้วเอา SSD ตัวเก่าที่ถอดจากโน๊ตบุ๊คเครื่องที่เราเพิ่งอัพเกรดมาใส่เอาไว้เซฟงานก็ได้ หรือลงทุนซื้ออันใหม่มาใส่มาทำเองก็ได้ SSD External มาใช้แล้ว แต่ข้อดีของการซื้อ External SSD สำเร็จรูปมาใช้เลย คือผู้ผลิตจะมีซอฟท์แวร์ช่วยแบ็คอัพงาน, จัดการพื้นที่ในตัว SSD และอื่นๆ เสริมเข้ามาให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น และบางรุ่นยังมี IP Rating กันน้ำกันฝุ่นเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ พกโน๊ตบุ๊คและ SSD ไปไหนมาไหนตลอดได้เป็นอย่างดี

SSD External

แต่บางคนอาจจะคิดว่าจะซื้อ SSD External มาใช้งานจะดีหรือเปล่า แล้วมันจะทนทานกว่า External Harddisk แบบจานหมุนที่เราคุ้นเคยกันไหม ถ้าในอดีตต้องถือว่า External Harddisk ทนกว่า แต่จากเทคโนโลยีปัจจุบันนั้นกลับกันแล้วเพราะเทคโนโลยีการพัฒนาชิปใน External SSD ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นมาก ถ้าให้เทียบข้อดีและจุดแตกต่างเป็นตารางให้เข้าใจง่ายๆ จะเป็นดังนี้

ข้อดีและจุดสังเกต เทียบระหว่าง External Harddisk และ External SSD
External Harddisk External SSD
1. ถ้าทำตก เข็มอ่านและจานอาจจะเสียหายและทำให้ข้อมูลหายได้ เหมาะจะใช้แบบตั้งโต๊ะแล้วแบ็คอัพงาน 1. ไม่มีเข็มและจานอ่าน มีแต่แผ่นวงจรและชิปต่างๆ ดังนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการตกเสียหาย พกพาไปไหนมาไหนไม่มีปัญหา
2. มีชิ้นส่วนที่ขยับหลายชิ้นกินไฟเยอะกว่า หลายรุ่นจึงต้องต่อสายไฟแยก 2. ใช้แฟลชเมมโมรี่ ไม่มีชิ้นส่วนที่ต้องขยับ จึงใช้ไฟฟ้าเล็กน้อยในการเขียนอ่านข้อมูล
3. ความเร็วในการรับส่งข้อมูลอยู่ระดับ Harddisk ทั่วไป ราว 120 MB/s 3. ความเร็วรับส่งข้อมูลระดับ SSD ตั้งแต่ 500MB/s ขึ้นไป
4. ความจุต่อ GB ถูกกว่า เหมาะกับการเซฟงานใหญ่ๆ แบ็คอัพไฟล์เยอะๆ 4. ความจุต่อ GB แพงกว่า เหมาะกับการเซฟและโอนไฟล์งานด่วนๆ ก่อนโอนเข้า External Harddisk ต่อไป
5. ถ้าข้อมูลหายสามารถกู้คืนได้ง่ายกว่า 5. ถ้าข้อมูลหายจะกู้คืนได้ยากกว่า
6. ใช้เป็นไดรฟ์เสริมสำหรับติดตั้งเกมได้ แต่ใช้เวลาโหลดนานกว่า 6. ใช้เป็นไดรฟ์เสริมติดตั้งเกมได้และโหลดได้เร็วกว่า

7 SSD External ตัวเด็ด แนะนำให้มีติดกระเป๋าเอาไว้เซฟงาน

จะเห็นว่า External Harddisk ก็มีข้อดี แต่ถ้าเน้นเรื่องความเร็ว เซฟงานไวทันใจค่อยเอาไปโอนเก็บทีหลัง ณ ตอนนี้ก็ต้อง SSD External สักตัว ซึ่งระดับความจุที่ผู้เขียนคิดว่าเยอะกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไปแล้วเอาไปเซฟงานเยอะๆ ได้สบาย ไม่ต้องคอยลบไฟล์บ่อยๆ ณ จุดนี้ ระดับ 1TB จัดว่าเยอะกำลังดี ซื้อทีเดียวคุ้มใช้งานได้นานแน่นอน โดยรุ่นแนะนำที่น่าซื้อมาใช้ทั้ง 7 รุ่นจะมีดังนี้

  1. Seagate SSD External Barracuda 1TB (2,390 บาท)
  2. WD My Passport Go 1TB (3,700 บาท)
  3. WD My Passport SSD 1TB (4,850 บาท)
  4. Seagate One Touch SSD 1TB (4,990 บาท)
  5. SanDisk Extreme Portable SSD V2 1TB (4,990 บาท)
  6. Samsung Portable SSD T7 1TB (6,650 บาท)
  7. WD_BLACK P50 Game Drive SSD 1TB (8,090 บาท)
1. Seagate SSD External Barracuda 1TB (2,390 บาท)

Seagate SSD Ext 1TB BarraCuda 01 square medium

External SSD ความจุ 1TB ที่เลือกมาแนะนำจะเป็นรุ่นที่จับมือกันระหว่าง Seagate ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ชั้นนำระดับโลกกับ Orico ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับพีซีระดับชั้นนำของโลก เป็น Seagate SSD External Barracuda 1TB ที่เอา SSD Seagate Barracuda 1TB ขนาด 2.5 นิ้วมาใส่กล่อง Orico 2139C3 ซึ่งข้อดีของ SSD รุ่นนี้คือสามารถถอด Seagate Barracuda 1TB ในกล่องออกมาแล้วใส่ 2.5″ SATA III SSD ตัวอื่นเข้าไปแทนได้ด้วย โดยตัวกล่อง Orico จะรองรับความจุสูงสุด 4TB

สเปคของ External SSD ตัวนี้ จะโอนไฟล์เข้าออก SSD ผ่านพอร์ต USB-C 3.1 ได้เลย มีความเร็ว Sequential Read 560 MB/s และ Sequential Write 540 MB/s รองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP หรือ Mac OS 9.0 เป็นต้นไป มีประกันสินค้า 5 ปี ซึ่งหลายๆ คนอาจจะคิดว่าถ้าแบบนี้เราซื้อกล่องกับ SSD แยกมาทำเองก็ได้ก็จริง แต่ข้อดีคือตัว External SSD ตัวนี้ทำสำเร็จรูปมาแล้ว สามารถใช้งานได้เลยแล้วจะอัพเกรดทีหลังก็ได้และราคาโดยรวมถือว่าไม่แพงมากไม่ต้องรอโปรโมชั่นเซลส์ราคาพิเศษก็ซื้อมาใช้งานได้คุ้มค่าแน่นอน

ข้อดีของ Seagate SSD External Barracuda 1TB ตัวนี้ คือเรื่องการถอด 2.5″ SATA III SSD มาอัพเกรดได้ด้วยตัวเอง ถ้าจะย้าย Seagate Barracuda 1TB ไปใช้งานทั่วไปแล้วเอาฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ตัวอื่นมาใส่ก็ได้ และพอร์ตรับส่งข้อมูลก็เป็น USB-C แล้ว แต่ข้อสังเกตหลักๆ คือกล่องประเภทนี้จะไม่มี IP Rating กันน้ำกันฝุ่น ดังนั้นควรระวังเวลาใช้งานด้วย

สเปคของ Seagate SSD External Barracuda 1TB
  • กล่อง SSD แบบถอดอัพเกรดได้ของ Orico มี SSD Seagate Barracuda 1TB ติดตั้งมา
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C 3.1 ได้ทันที โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • Sequential Read 560 MB/s และ Sequential Write 540 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP หรือ Mac OS 9.0 เป็นต้นไป
  • มีประกันสินค้า 5 ปี
  • ราคา 2,390 บาท (BaNANA)
ข้อดี จุดสังเกต
1. ถอดอัพเกรดเปลี่ยน SSD ในตัวได้ รองรับความจุสูงสุด 4TB 1. ไม่มีค่า IP Rating จึงไม่กันน้ำกันฝุ่น
2. ราคาไม่แพงมาก เพียง 2,390 บาทเท่านั้น  
3. พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C 3.1 แล้ว โอนไฟล์เร็วทันใจ  
2. WD My Passport GO 1TB (3,700 บาท)

my passport go blue front.png.wdthumb.1280.1280

เชื่อว่าคนทำงานหลายๆ คนน่าจะคุ้น External SSD รุ่นนี้ของ Western Digital กันมาบ้างไม่มากก็น้อยอย่างรุ่น WD My Passport GO รุ่นนี้ที่มีผู้ใช้เลือกซื้อไปใช้งานกันมากมาย โดยข้อดีของ SSD รุ่นนี้ คือตัวเคสภายนอกออกแบบให้รับแรงกระแทกจากการตกสูง 2 เมตรได้โดยไม่เกิดความเสียหายกับตัวชิปภายในกล่อง นอกจากนี้ยังมีการทดสอบแล้วว่าใช้งานได้โดยไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

สเปคของ WD My Passport GO 1TB ตัวนี้จะฝังสาย USB-A 3.0 มาให้กับตัวไดรฟ์และมีช่องเจาะสำหรับเก็บหัวสาย USB ในตัว ความเร็วอ่านเขียนข้อมูลสูงสุดที่ 400 MB/s รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ macOS Mojave เป็นต้นไป และมีซอฟท์แวร์ WD Discovery ติดมาให้ในไดรฟ์สำหรับแบ็คอัพไฟล์และจัดการตัว External SSD ได้ด้วย ถือว่ามาทีเดียวครบเครื่องพร้อมใช้งานทันที มีประกันสินค้า 3 ปี

ส่วนจุดเด่นของ SSD ตัวนี้คือ มีซอฟท์แวร์ซัพพอร์ตการใช้งานจาก Western Digital แถมมาในไดรฟ์พร้อมติดตั้งใช้งาน, สาย USB-A 3.0 สามารถพับเก็บเอาไว้ด้านหลังตัวกล่องได้เลย แต่ข้อสังเกตคือไดรฟ์ตัวนี้เปิดตัวมาสักพักแล้วและพอร์ตยังเป็น Type-A ดังนั้นถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนเปลี่ยนมาใช้ USB-C อย่างเดียวเช่น MacBook ก็ต้องหาอแดปเตอร์มาแปลงเพิ่มเติมและประกันตัวไดรฟ์มีเพียง 3 ปีเท่านั้น

สเปคของ WD My Passport GO 1TB
  • External SSD ความจุ 1TB ออกแบบรองรับการกระแทกจากที่สูง 2 เมตร
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-A 3.0 โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ความเร็วอ่านเขียนข้อมูลสูงสุด 400 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ macOS Mojave เป็นต้นไป
  • มีประกันสินค้า 3 ปี
  • ราคา 3,700 บาท (Speed Computer JD Central)
ข้อดี จุดสังเกต
1. มีซอฟท์แวร์ซัพพอร์ตการใช้งานจาก Western Digital แถมมาในไดรฟ์พร้อมติดตั้งใช้งาน 1. พอร์ตยังเป็น USB-A ถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนเป็น USB-C จะต้องหาอแดปเตอร์มาแปลง
2. สาย USB-A 3.0 สามารถพับเก็บเอาไว้ด้านหลังตัวกล่องได้เลย 2. มีประกันสินค้า 3 ปี เท่านั้น
3. WD My Passport SSD 1TB (4,850 บาท)

my passport usb 3 2 ssd MidnightBlue front.png.wdthumb.1280.1280

ถ้าอยากโอนถ่ายไฟล์ได้อย่างรวดเร็วมีงบพร้อมจ่ายและอยากได้ SSD ของ Western Digital ล่ะก็ ผู้เขียนแนะนำให้อัพเกรดเป็น WD My Passport SSD 1TB รุ่นนี้ที่เพิ่มระบบการเข้ารหัสไฟล์แบบ AES-256 เข้ามาให้, ใช้เชื่อมต่อกับ MacBook แล้วแบ็คอัพตัวเครื่องด้วย Time Machine ได้และออกแบบให้ตัวบอดี้รองรับการตกกระแทกจากที่สูง 1.98 เมตรได้ด้วย

สเปคตัวนี้รับส่งข้อมูลผ่านสาย USB-C to A ที่แถมมาในกล่องได้เลย มีความเร็ว Sequential Read 1,050 MB/s และ Sequential Write 1,000 MB/s จัดว่าเร็วมาก สามารถแบ็คอัพและจัดการตัวไดรฟ์ไดด้ด้วยโปรแกรม WD Discovery ได้ด้วย รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 หรือ macOS High Sierra เป็นต้นไป และมีการรับประกันตัวไดรฟ์ 5 ปีอีกด้วย

สำหรับข้อดีของ WD My Passport SSD 1TB ตัวนี้ คือความเร็วอ่านเขียนข้อมูลสูงและโอนไฟล์เข้าออกผ่านทาง USB-C to A ได้ มีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยข้อมูลและรองรับแรงกระแทกจากการตกได้สูง 1.98 เมตรอีกด้วย ส่วนข้อสังเกตคือราคาไดรฟ์ค่อนข้างสูงแล้วและต้องใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นค่อนข้างใหม่อย่าง Windows 8.1 เป็นต้นไป

สเปคของ WD My Passport SSD 1TB
  • External SSD ความจุ 1TB ออกแบบรองรับการกระแทกจากที่สูง 1.98 เมตร
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C to A โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ความเร็ว Sequential Read 1,050 MB/s และ Sequential Write 1,000 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 หรือ macOS High Sierra เป็นต้นไป
  • มีประกันสินค้า 5 ปี
  • ราคา 4,850 บาท (BaNANA)
ข้อดี จุดสังเกต
1. มีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล AES-256 และจัดการไดรฟ์ได้ด้วย WD Discovery และใช้งานกับ Time Machine ของ macOS ได้ด้วย 1. ราคาค่อนข้างสูง
2. โอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็ว 2. รองรับ Windows 8.1 ขึ้นไป
3. ออกแบบบอดี้ป้องกันไดรฟ์เสียหายการตกกระแทกจากที่สูง 1.98 เมตร  
4. Seagate One Touch SSD 1TB (4,990 บาท)

seagate one touch

Seagate One Touch SSD 1TB ดูเผินๆ แล้ว อาจจะเหมือน Exteral SSD แบรนด์อื่นๆ ทั่วไป แต่จุดเด่นของไดรฟ์นี้ นอกจากจะเข้ารหัสความปลอดภัย AES-256 แล้วก็มีบริการ Rescue Data Recovery Service กู้ข้อมูลในไดรฟ์เมื่อเกิดความเสียหาย ได้ใช้บริการ Adobe Cretive Cloud Photography Plan ฟรีเป็นเวลา 4 เดือนนับจากวันลงทะเบียน และโหลดแอพฯ Seagate SSD Touch ใช้แบ็คอัพไฟล์ภาพกับวิดีโอจากสมาร์ทโฟน Android มาเก็บไว้ในไดรฟ์ได้เลย

สเปคของไดรฟ์นี้จะนอกจากมีขนาดเล็กยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย USB-C 3.2 เข้ากับโน๊ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟน Android ก็ได้ มีความเร็วรับส่งข้อมูลสูงสุด 1,030 MB/s รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS มีประกันไดรฟ์ 3 ปี เรียกว่านำมาใช้งานได้ยืดหยุ่นทีเดียว

ข้อดีของไดรฟ์นี้ เรียกว่ามีหลายข้อทีเดียวไม่ว่าจะมีระบบเข้ารหัส AES-256, บริการกู้ข้อมูล Rescue Data Recovery Service, เชื่อมต่อแบ็คอัพไฟล์จาก Windows, macOS และสมาร์ทโฟน Android ผ่านทาง USB-C ได้อีกด้วย แต่ที่น่าสังเกตคือประกันตัวไดรฟ์อยู่ที่ 3 ปีเท่านั้น

สรุปสเปคของ Seagate One Touch SSD 1TB
  • External SSD ความจุ 1TB ขนาดเล็กพกพาง่าย แบ็คอัพข้อมูลให้มือถือ Android ได้
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C 3.2 โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ความเร็วรับส่งข้อมูลสูงสุด 1,030 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows กับ macOS
  • มีประกันสินค้า 3 ปี
  • ราคา 4,990 บาท (Advice)
ข้อดี จุดสังเกต
1. เข้ารหัสข้อมูลแบบ AES-256 เพิ่มความปลอดภัยให้ข้อมูลและมีบริการกู้ข้อมูลด้วย 1. ประกันตัวไดรฟ์อยู่ที่ 3 ปีเท่านั้น
2. แบ็คอัพข้อมูลให้มือถือ Android ได้  
3. ได้ใช้บริการ Adobe Cretive Cloud Photography Plan ฟรีเป็นเวลา 4 เดือน  
5. SanDisk Extreme Portable SSD V2 1TB (4,990 บาท)

extreme usb 3 2 ssd front.png.wdthumb.1280.1280

ถ้าเป็นคนพก SSD External ไปไหนมาไหนเป็นประจำ ต้องการไดรฟ์ทนๆ กันน้ำกันฝุ่นได้ด้วยจะมี SanDisk Extreme Portable SSD V2 เป็นตัวเลือกที่ดีมาก เพราะนอกจากจะแบ็คอัพไฟล์จากสมาร์ทโฟน Android เข้ามาในไดรฟ์ได้ด้วยแอพฯ SanDisk Memory Zone, เข้ารหัสรักษาความปลอดภัยข้อมูล AES-256, ออกแบบป้องกันการตกจากที่สูงแล้วไดรฟ์เสียหายระดับ 2 เมตรและกันน้ำกับฝุ่นระดับ IP55 อีกด้วย เรียกว่าเกิดมาเพื่อสายเดินทางตัวจริง

สเปคของ SSD External ตัวนี้ จะเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 ความเร็ว Sequential Read 1,050 MB/s และ Sequential Write 1,000 MB/s สามารถใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการทั้ง Windows, macOS และมีประกันตัวไดรฟ์อีก 5 ปี ดูแลกันต่อเนื่องได้หลายปีเลย

จุดเด่นหลักของ SanDisk Extreme Portabe SSD V2 นอกจากระบบการเข้ารหัส AES-256 และแบ็คอัพไฟล์ให้กับสมาร์ทโฟน Android ได้แล้ว ยังกันน้ำและฝุ่นระดับ IP55 และออกแบบให้ป้องกันการตกกระทบพื้นแล้วไดรฟ์เสียหายในระยะ 2 เมตรได้ด้วย แต่ข้อสังเกตคือเนื่องจากไดรฟ์นี้เป็น V2 แล้ว และมีไดรฟ์รุ่นแรกที่หน้าตาเหมือนกันเวลาเลือกซื้อต้องดูข้อมูลให้ดีไม่อย่างนั้นอาจจะซื้อผิดรุ่น

สเปคของ SanDisk Extreme Portable SSD V2
  • External SSD ความจุ 1TB ขนาดเล็กพกพาง่าย แบ็คอัพข้อมูลให้มือถือ Android ได้ กันน้ำและฝุ่นระดับ IP55
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ความเร็ว Sequential Read 1,050 MB/s และ Sequential Write 1,000 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows กับ macOS
  • มีประกันสินค้า 5 ปี
  • ราคา 4,990 บาท (Advice)
ข้อดี จุดสังเกต
1. เข้ารหัสข้อมูลแบบ AES-256 1. ไดรฟ์เวอร์ชั่นใหม่มีหน้าตาเหมือนรุ่นแรก เวลาเลือกซื้อต้องดูสเปคให้ดีไม่อย่างนั้นอาจจะซื้อผิดได้
2. แบ็คอัพข้อมูลให้มือถือ Android ได้  
3. กันน้ำและฝุ่นระดับ IP55 และป้องกันการตกกระแทกพื้นความสูง 2 เมตรได้  
6. Samsung Portable SSD T7 1TB (6,650 บาท)

th portable ssd t7 mu pc1t0t ww frontgray 266000762

ถ้าพูดถึง SSD External แล้ว แบรนด์ Samsung ก็ต้องมีติดโผมาด้วยเช่นกัน ซึ่งรุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำเป็น Samsung Portable SSD T7 1TB ที่ออกแบบมาใช้แบ็คอัพไฟล์งาน, ตัวเครื่องได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Shock Resistance ป้องกันไดรฟ์เสียหายจากการตกกระแทกและเข้ารหัสป้องกันไดรฟ์ นอกจากนี้ยังรองรับการฟอร์แมตเป็นไดรฟ์ติดตั้งเกมเพิ่มเติมให้เครื่องเกมคอนโซลได้อีกด้วย 

สเปคของ Samsung Portable SSD T7 1TB รุ่นนี้จะรับส่งไฟล์ผ่านทาง USB-C 3.2 Gen 2 มีความเร็ว Sequential Read 1,050 MB/s และ Sequential Write 1,000 MB/s เรียกว่าไวทันใจ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Android เครื่องเกมคอนโซลต่างๆ ได้ทั้งหมด มีประกันตัวไดรฟ์ 3 ปีอีกด้วย เรียกว่าเป็น SSD External ที่เอาไปใช้งานได้หลากหลายแบบมา

ข้อดีของไดรฟ์ Samsung Portable SSD T7 1TB คือเป็นไดรฟ์ที่มี Shock Resistance ป้องกันการตกกระแทกแล้วไดรฟ์กับข้อมูลในไดรฟ์เสียหาย, เชื่อมต่อกับเครื่องเกมคอนโซลเป็นฮาร์ดดิสก์เสริมได้และเอามาแบ็คอัพโอนไฟล์จากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็ได้ แต่ข้อสังเกตมีอย่างเดียวคือการรับประกันอยู่ที่ 3 ปีเท่านั้น จัดว่าค่อนข้างสั้น

สเปคของ Samsung Portable SSD T7 1TB
  • External SSD ความจุ 1TB ขนาดเล็กพกพาง่าย ใช้เป็นฮาร์ดดิสก์เสริมให้เครื่องเกมคอนโซลได้ด้วย
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ความเร็ว Sequential Read 1,050 MB/s และ Sequential Write 1,000 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Android เครื่องเกมคอนโซลต่างๆ
  • มีประกันสินค้า 3 ปี
  • ราคา 6,650 บาท (Samsung Thailand)
ข้อดี จุดสังเกต
1. มี Shock Resistance ป้องกันการตกกระแทกแล้วไดรฟ์กับข้อมูลในไดรฟ์เสียหาย 1. รับประกันตัวไดรฟ์เพียง 3 ปีเท่านั้น
2. เชื่อมต่อกับเครื่องเกมคอนโซลเป็นฮาร์ดดิสก์เสริมได้  
7. WD_BLACK P50 Game Drive SSD 1TB (8,090 บาท)

wd black p50 game drive usb 3 2 ssd front.png.wdthumb.1280.1280

สุดท้าย SSD External รุ่น WD_BLACK P50 Game Drive SSD 1TB ที่เลือกมาแนะนำจะเป็น SSD แยกที่ทาง Western Digital ออกแบบมาเป็น SSD ต่อแยกภายนอกสำหรับติดตั้งเกมโดยเฉพาะ จะเอามาต่อกับพีซีหรือเครื่องคอนโซลไหนก็รองรับ และดีไซน์ดูเท่ดุดันมาก

สเปคของ WD_BLACK P50 Game Drive SSD 1TB จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 รับส่งข้อมูลได้เร็วสุด 2,000 MB/s รองรับ Windows 8.1, Windows 10, macOS 10.11, PlayStation 4/4 Pro ที่อัพเดทซอฟท์แวร์เป็นเวอร์ชั่น 4.50 เป็นต้นไปและ Xbox One และรับประกันตัวไดรฟ์อีก 5 ปีเต็มๆ ซึ่งถ้าใครต้องการรับส่งไฟล์ได้อย่างรวดเร็วหรือจะเพิ่มพื้นที่ลงไฟล์ในเครื่องคอนโซลนั้นๆ ที่บ้าน ก็ซื้อไดรฟ์นี้ไปติดตั้งได้เลย

จุดเด่นของ SSD External ตัวนี้ คือเป็น SSD External สำหรับลงเกมโดยเฉพาะสำหรับเครื่องระบบปฏิบัติการไหนก้ได้ทั้งหมด รับส่งข้อมูลได้ไวและรับประกันยาว 5 ปีอีกด้วย จัดว่าคุ้มมาก แต่จุดสังเกตหลักๆ คือราคาของไดรฟ์ที่ความจุเพียง 1TB ก็ราคาเฉียดหมื่น ซึ่งถ้าใครต้องการอัพเกรดเครื่องคอนโซลให้ดีที่สุดจะเลือกซื้อไดรฟ์ตัวนี้มาติดตั้งก็ดีเช่นกัน

สเปคของ WD_BLACK P50 Game Drive SSD 1TB
  • External SSD ความจุ 1TB สำหรับเป็นไดรฟ์เสริมใช้ลงเกมโดยเฉพาะ รับส่งข้อมูลได้รวดเร็วและรองรับหลายระบบปฏิบัติการ
  • เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 โอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • รับส่งข้อมูลได้เร็วสุด 2,000 MB/s
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 8.1, Windows 10, macOS 10.11, PlayStation 4/4 Pro ที่อัพเดทซอฟท์แวร์เป็นเวอร์ชั่น 4.50 เป็นต้นไปและ Xbox One
  • มีประกันสินค้า 5 ปี
  • ราคา 8,090 บาท (BaNANA)
ข้อดี จุดสังเกต
1. รับส่งข้อมูลได้รวดเร็วมากถึง 2,000 MB/s 1. ราคาของไดรฟ์แพงมาก
2. ใช้เป็นไดรฟ์ติดตั้งเกมได้ รองรับหลากหลายระบบปฏิบัติการและคอนโซล  

สรุปสเปค SSD External 7 รุ่นตัวเด็ดแนะนำให้ซื้อไว้เซฟงาน

จะเห็นว่า SSD External ในปัจจุบันนั้นมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งรุ่นเริ่มต้นราคาหลักพันต้นๆ เอาไว้เซฟงานเป็นหลักไปจนรุ่นที่ทำมาเป็นไดรฟ์ติดตั้งเกมได้อีกด้วย ซึ่งถ้าสรุปสเปคแล้วจะเป็นดังนี้

สเปคของ SSD External จุดประสงค์ของไดรฟ์ การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล ระบบปฏิบัติการ ราคาและระยะเวลารับประกัน
Seagate SSD External Barracuda 1TB กล่อง SSD แบบถอดอัพเกรดได้ USB-C 3.1

Sequential Read 560 MB/s

Sequential Write 540 MB/s

Windows XP
หรือ
Mac OS 9.0
ขึ้นไป
2,390 บาท

รับประกัน 5 ปี

WD My Passport GO 1TB SSD ใช้เซฟงานทั่วไป รองรับการตกกระแทกได้สูง 2 เมตร USB-A 3.0

ความเร็วอ่านเขียนสูงสุด 400 MB/s

Windows 7
หรือ
macOS Mojave
เป็นต้นไป
3,700 บาท

รับประกัน 3 ปี

WD My Passport
SSD 1TB
SSD ใช้เซฟงานทั่วไป รองรับการตกกระแทกได้สูง 1.98 เมตร USB-C to A

Sequential Read 1,050 MB/s

Sequential Write 1,000 MB/s

Windows 8.1
หรือ
macOS
High Sierra
เป็นต้นไป
4,850 บาท

รับประกัน 5 ปี

Seagate One Touch SSD 1TB SSD ขนาดเล็กพกง่าย แบ็คอัพข้อมูลจากมือถือ Android ได้ด้วย USB-C 3.2

ความเร็วอ่านเขียนสูงสุด 1,030 MB/s

Windows
กับ
macOS
4,990 บาท

รับประกัน 3 ปี

SanDisk Extreme Portable SSD V2 1TB SSD พกพาเน้นความทนทาน กันน้ำและฝุ่นระดับ IP55 USB-C 3.2 Gen 2

Sequential Read 1,050 MB/s

Sequential Write 1,000 MB/s

Windows
กับ
macOS
4,990 บาท

รับประกัน 5 ปี

Samsung Portable
SSD T7 1TB
SSD ขนาดเล็กพกง่าย ใช้เป็นฮาร์ดดิสก์เสริมให้เครื่องคอนโซลได้ USB-C 3.2 Gen 2

Sequential Read 1,050 MB/s

Sequential Write 1,000 MB/s

Windows

macOS

Android

เครื่องเกมคอนโซล

6,650 บาท

รับประกัน 3 ปี

WD_BLACK P50 Game Drive SSD 1TB SSD เพื่อใช้เป็นฮาร์ดดิสก์เสริมให้เครื่องคอนโซล USB-C 3.2 Gen 2

ความเร็วอ่านเขียนสูงสุด 2,000 MB/s

Windows 8.1

Windows 10

macOS 10.11

PlayStation 4/4 Pro

Xbox One

8,090 บาท

รับประกัน 5 ปี

จะเห็นว่า SSD External นั้นมีรุ่นสเปคดีน่าสนใจให้เลือกมากมาย และข้อดีของการเลือกไดรฟ์ประเภทนี้มาเซฟงาน คือมันประหยัดเวลาเรื่องการโอนไฟล์เข้าออกไดรฟ์ไปมาก นอกจากนี้บางรุ่นก็เอามาแบ็คอัพไฟล์จากสมาร์ทโฟนได้ หรือจะเลือกเป็นไดรฟ์เสริมสำหรับเกมมิ่งพีซีหรือคอนโซลก็ได้ เรียกว่ามีให้เลือกหลากหลายแบบมาก

แต่สิ่งที่ต้องเตรียมตัวและระวังสักหน่อยเมื่อใช้ SSD External เป็นตัวเซฟไฟล์ คือถ้ามีไฟล์สำคัญเก็บไว้ในไดรฟ์นั้นๆ แล้วเกิดปัญหาข้อมูลหายจะกู้ไฟล์คืนจะทำได้ยากกว่า ดังนั้นผู้เขียนแนะนำในมุมว่าให้เอา SSD เป็นไดรฟ์พกพาเซฟงานแบบรวดเร็ว พอใช้ไฟล์เสร็จแล้วจะเอามาแบ็คอัพใน External Harddisk เผื่อเอาไว้ใช้ในอนาคตจะดีกว่า


บทความที่เกี่ยวข้อง

lol cover

tws 2 cover

asus vivobook cover

from:https://notebookspec.com/web/624216-7-ssd-external-1tb-to-have-in-your-bag

ย้ายข้อมูล คอมเก่า มาเครื่องใหม่ใน 5 วิธี ได้ระบบพร้อมข้อมูลเดิมเป๊ะปี 2021 ฟรี!

ย้ายข้อมูล คอมเก่า มาเครื่องใหม่ใน 5 วิธี ได้ระบบพร้อมข้อมูลเดิมเป๊ะปี 2021 ฟรี!

ย้ายข้อมูล

ย้ายข้อมูล คอมเครื่องเก่าเอามาไว้ในคอมใหม่ หรือโน๊ตบุ๊คที่ซื้อมาใหม่ ทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกในรูปแบบใด เพราะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฮาร์ดแวร์ สำหรับการจัดเก็บ เช่น External HDD, หรือเลือก SSD ที่ใส่ในกล่อง Enclosure หรือจะโอนถ่ายผ่านเครือข่ายไปเก็บไว้ใน Storage ประจำบ้าน เช่น NAS รวมไปถึงการฝากไฟล์ไว้ใน Cloud Storage ก็สามารถทำได้ เพียงแต่อาจจะต้องจัดสรรให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล เพราะบางคนอาจจะต้องการย้ายข้อมูลไปคอมเครื่องใหม่ หรือบางคนอาจจะต้องการสำรองข้อมูลเผื่อเอาไว้ และหลายคนต้องการจะเปลี่ยนไปเป็นฮาร์ดดิสก์ SSD ลูกใหม่ และส่งต่อเครื่องเก่าให้กับคนอื่น ก็ต้องมีโซลูชั่นสำหรับความปลอดภัยในการจัดการข้อมูล เพื่อไม่ให้รั่วไหลไปยังมิจฉาชีพได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาจัดการกับวิธีการย้ายข้อมูล และตัวเลือกสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ย้ายข้อมูล คอมเก่ามาเครื่องใหม่ เหมือนเป๊ะ

ทำไมต้องย้ายข้อมูล

คอมเก่าช้า: หรืออยากเปลี่ยนจากฮาร์ดดิสก์จานหมุนไปเป็น SSD ซึ่งหลายคนก็อยากจะทำงานได้ไว เปิดเครื่องเร็ว หรือย้ายข้อมูลได้ทันใจกว่าที่เป็นอยู่ บางคนก็อาจจะมองว่าประสิทธิภาพในการทำงานสำคัญกว่า ค่าใช้จ่ายของ SSD ก็ลดลงกว่าแต่ก่อน ราคาถูกลง รวมถึงบางคนอาจจะต้องการความเร็วในการตอบสนอง เช่น เปิดเครื่องไว ติดตั้งโปรแกรมได้เร็ว โอนถ่ายข้อมูลในเวลาสั้นๆ หรืออื่นๆ และเรายังมีวิธีแก้ปัญหาคอมช้ามาแนะนำในบทความนี้

ย้ายข้อมูล

คอมใกล้พัง: เช่นมีอาการจอฟ้าบ่อยขึ้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นปัญหาจากความผิดปกติหรือการเกิด Bad sector ซึ่งไม่เพียงจะทำให้ทำงานสะดุด แต่อาจส่งผลต่อไฟล์ระบบ และข้อมูลที่ทำอยู่เสียหายไปด้วย บางครั้งระบบบูตเข้าได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เล่นเกมกระตุก ก็อาจจะต้องเช็คที่ Storage ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD เพราะมีโอกาสที่เกิดความเสียหาย หรือมีความผิดปกติ จนทำให้ระบบไม่สามารถตรวจเช็ค บูตเครื่องหรือวินโดว์ได้ตามที่ควรจะเป็น ซึ่งบางครั้งติดๆ ดับๆ บอกได้เลยว่าอาการแบบนี้ ไม่เพียงทำให้เครื่องคอมค้างแล้วดับเท่านั้น แต่อาจทำให้วินโดว์เสีย หรือฮาร์ดดิสก์พังได้แบบถาวรอีกด้วย

ย้ายข้อมูล

พื้นที่ไม่พอ: ก็ต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ตัวเก่าหรือเพิ่มฮาร์ดดิสก์ใหม่เข้าไป ขึ้นอยู่กับว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานและคอมของคุณพร้อมเพียงใด วิธีง่ายๆ ที่จะพอสังเกตได้ว่า ไดร์ C เต็ม Windows 10 ก็คือ คอมเริ่มทำงานช้าลง หรือเปิดโปรแกรมและไฟล์ใหญ่ๆ ไม่ค่อยได้ หรือมีหน้าต่างเตือนอยู่บ้าง ว่าไม่สามารถติดตั้งโปรแกรมได้ หรือพื้นที่ไม่พอย้ายไฟล์ แต่ที่เข้าไปดูได้ง่ายๆ เลยคือ เปิด File Explorer หรือ Windows Explorer แล้วให้คลิ๊กขวาที่ Drive C: ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไดร์สำหรับติดตั้ง Windows ไปที่แท็บ General ดูจาก Use space: ซึ่งจะบอกถึงปริมาณข้อมูลในพื้นที่จัดเก็บ ว่าถูกใช้งานไปกี่ GB หรือ TB แล้ว ตัวเลขยิ่งมาก ก็หมายถึง ถูกใช้พื้นที่ไปเยอะ

เปิดเครื่องช้า: และหน่วงเป็นพักๆ ส่วนหนึ่งเพราะพื้นที่เริ่มเต็ม จนทำให้ระบบไม่สามารถ Swap file ได้คล่องตัวมากนัก การเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ให้ความจุมากขึ้น หรือเป็น SSD ที่มีความเร็วในการทำงานที่สูงกว่า ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะกว่าจะเข้าวินโดว์ได้นานผิดปกติ อาการแบบนี้ไม่ดีแน่ แม้จะแก้ไขได้ ด้วยการจัดการ Startup แต่บางครั้ง อายุการทำงานของฮาร์ดดิสก์ ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น


เช็คอย่างไรว่าฮาร์ดดิสก์ใกล้พัง

โปรแกรม HD Tune ไม่ได้เป็นเพียงโปรแกรมที่สำหรับใช้ทดสอบฮาร์ดดิสก์เท่านั้น แต่ยังเป็นโปรแกรมเช็คสภาพฮาร์ดดิสก์ ที่ใช้กันในประจำได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการดูความร้อน อาการผิดปกติ หรือ Bad sector เพื่อเป็นการตรวจเช็คและป้องกันในเบื้องต้น และยังนำมาใช้ในการประเมินสภาพ เพื่อช่วยคุณตัดสินใจก่อนที่จะเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ หลักๆ HD Tune จะมีไว้สำหรับทดสอบฮาร์ดดิสก์ธรรมดาที่เป็นจานหมุนเท่านั้น

Error Scan จะเป็นฟังก์ชันหนึ่งบน HD Tune ในส่วนของการตรวจสอบ HDD ว่ายังปกติดีไหม เพราะถ้าเกิดมีจุดสีแดงหรือสีเหลืองจุดใดจุดหนึ่งบนโปรแกรม แสดงว่าฮาร์ดดิสก์อาจจะเกิดความผิดปกติ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Bad sector และ Bad sector นี้ที่ทำให้ HDD เกิดอาการช้า ค้าง หรือบลูสกรีน ทำงานผิดปกติ เพราะ Bad sector เมื่อเกิดขึ้นตรงส่วนไหนของฮาร์ดดิสก์สักจุด เมื่อหัวอ่านเคลื่อนผ่านข้อมูลเหล่านั้น ก็จะแสดงอาการทันที สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิด Bad sector นั้นก็เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น ไวรัส ความเสื่อมของอุปกรณ์ ตกกระแทกหรือไฟฟ้าลัดวงจร เป็นต้น

file explorer drive properties

ต้องย้ายข้อมูลอะไรและย้ายอย่างไร?

  1. My Document: เป็นพื้นที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ในการเก็บไฟล์ข้อมูลพื้นฐาน เพราะค่าปกติเวลาที่เซฟงานจะอยู่ที่นี่หมด ควรจะเป็นโฟลเดอร์แรกๆ ที่ให้ความสำคัญ
  2. Picture, Video, Music และ Download: เวลาที่เซฟไฟล์รูปหรือเก็บไฟล์มัลติมเดีย รวมถึงไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต รวมถึงไฟล์ที่มีการแก้ไขต่างๆ มักจะกระจายตามหมวดหมู่ในโฟลเดอร์เหล่านี้ ฉะนั้นลองดูให้ดี
  3. Desktop: ข้อมูลจิปาถะ ที่หลายๆ คนมักจะโยนเข้าไปไว้ในนี้ บางทีเล่นเอาเต็มหน้าจอ อย่าลืมแบ็กอัพเอาไว้ด้วย
  4. Game: หลายเกมสามารถ Save ข้อมูลการเล่นหรือค่า Settings เดิมไว้ได้ โดยเฉพาะคนที่เล่นเกมเก่าๆ และสามารถนำไปใช้กับเครื่องอื่นได้ด้วย โดยส่วนใหญ่ก็จะเก็บไว้ในโฟลเดอร์เกมหรือ Program file ขึ้นอยู่กับตัวเกม
  5. ข้อมูลงาน: กรณีที่แบ่งพาร์ทิชันสำหรับเก็บข้อมูลแยกเอาไว้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ที่อยู่ในไดรฟ์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ ก็ควรจะเซฟเก็บมาไว้ให้หมด

ที่ต้องเพิ่มเติม

  • Bookmark หรือ Favorite จะเป็นการบันทึก URL หรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ บนเว็บเบราว์เซอร์ต่าง เช่น Google Chrome หรือ Microsoft Edge เป็นต้น
  • Sticky Note: ใครที่บันทึกข้อมูลเอาไว้ใน Sticky Note บนหน้าจอ อย่าลืม จัดเก็บเอาไว้ด้วย เพราะถ้าหายอาจจะงานงอก วิธีการทำงานก็ไม่ได้ยุ่งยาก โดยการ กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิดระบบ Run ขึ้นมา แล้วก็อปปี้คำสั่งตามด้านล่างนี้ ใส่ลงไปในช่องว่าง แล้วกด Enter %AppData%\Microsoft\Sticky Notes แต่ในกรณีที่มี Microsoft account เมื่อคุณไปล็อคอินในเครื่องใหม่ ก็จะย้ายข้อมูลตามไปให้ด้วยเช่นกัน

ใช้ Storage แบบต่อภายนอก

ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD ที่ต่อเข้ากับพอร์ต USB ของเครื่องแล้วเก็บข้อมูลเอาไว้ จากนั้นจึงนำข้อมูลมาใส่ไว้ในโน๊คบุ๊คที่จะใช้อีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้ค่อนข้างดีที่แทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย ยกเว้นว่าจะหายืม Ext.HDD ไม่ได้ และต้องซื้อใหม่ วิธีนี้ไม่ต้องแกะเครื่องและโยกย้ายไฟล์ แค่ต้องใช้เวลา กรณีที่ไฟล์มีขนาดใหญ่หรือจำนวนมากเท่านั้น

  • External HDD สำเร็จรูป: เป็นรูปแบบที่เห็นกันทั่วไปในท้องตลาด ใช้งานง่าย เมื่อต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำงานได้ทันที มีความจุให้เลือกมากมาย บางรุ่นมาพร้อมซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลหรือสำรองข้อมูลมาในตัว เหมาะกับคนที่ชอบความสะดวก แต่เลือกสเปกบางอย่างตามต้องการไม่ได้
  • HDD + Enclosure เลือกฮาร์ดดิสก์และกล่องด้วยตัวเอง: เป็นแบบที่ผู้ใช้หลายคนเลือกใช้ ข้อดีคือ สามารถเลือกฮาร์ดดิสก์และกล่องที่เหมาะสมได้ตามต้องการ เช่น อยากได้ฮาร์ดดิสก์ความเร็ว 7200rpm และกล่องที่เป็น USB Type-C เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกเยอะขึ้น ส่วนราคาจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟีเจอร์และชิ้นส่วนที่ประกอบมาภายใน
  • SSD + Enclosure เลือก SSD และกล่องด้วยตัวเอง: เป็นแบบที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะด้วย SSD ความเร็วสูง เมื่อเข้าคู่กับ USB 3.0 หรือ USB 3.1 ก็สามารถให้ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งใช้ไฟเลี้ยงน้อยลง จึงไม่ส่งผลการใช้พลังงานบนโน๊ตบุ๊คมากนัก ความร้อนลดลง พกพาสะดวก แม้จะมีราคาสูง แต่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
ย้ายข้อมูล

ตัวอย่างเช่น WD MY PASSPORT SSD โดดเด่นด้วยขนาดที่กะทัดรัด พกพาสะดวก และยังดีไซน์ไม่เหมือนใคร เหมาะกับที่ต้องการโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ ในเวลาจำกัด กับ SSD พกพาที่ให้ความเร็วสูงสุดในตอนนี้ และแม้จะเร็วแรงกว่าร่วมเท่าตัว แต่ก็มีราคาที่แทบไม่ต่างไปจากกลุ่มก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้บน USB 3.1 Gen 2 จึงจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ หรือSANDISK EXTREME PRO PORTABLE SSD รุ่นอัพเกรดขึ้นมาจาก SSD พกพายอดฮิตจาก Sandisk ที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังพกพาสะดวก วัสดุแบบยางกันลื่นกันกระแทกได้อย่างดี พร้อมห่วงห้อยเป็นพวงกุญแจได้ด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 2,xxx บาท

ซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงชั่วคราว

เช่น อุปกรณ์ที่ด้านหนึ่งเป็นหัวต่อพอร์ต SATA และอีกด้านเป็น USB ราคาแค่หลักสิบจนถึงร้อยบาทเท่านั้น จากนั้นใช้สายต่อฮาร์ดดิสก์โดยตรง ผ่านทางพอร์ต SATA แล้วต่อเข้าโน๊ตบุ๊คผ่านทาง USB โดยตรง ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้แล้ว บางทีก็อาจจะดูยากนิดหน่อย แต่ผลที่ได้ค่อนข้างคุ้ม


Backup บน Windows 10

ใช้ฟังก์ชั่นบน Windows 10 แบบดั้งเดิม ด้วยการเข้าไปในฟีเจอร์ Backup settings จากนั้นเลือกที่ Setup Backup บนเมนูทางด้านขวาของหน้าต่าง Backup or Restore your files จากนั้นต่อ Ext.HDD เข้ากับโน๊ตบุ๊ค แล้วเริ่มต้นการ Backup ได้ทันที

ย้ายข้อมูล

การใช้วิธี Backup บน Windows 10 ให้เข้าไปที่ Settings และเลือกที่ Storage แล้วเลือกหัวข้อ View backup options

ย้ายข้อมูล

เมื่เข้ามาในหัวข้อนี้ ให้เลือก Automatically back up my files เปิดให้เป็น On

ย้ายข้อมูล

ต่อมาระบบจะให้เราเลือกพื้นที่ใช้ในการ Back up โดยให้เราจัดเตรียม External Drive เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น HDD หรือ SSD ก็ตาม เมื่อต่อไดรฟ์เหล่านี้ เข้ากับเครื่องคอมแล้ว ให้กด Back up now ได้เลย นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถเลือกกำหนดรูปแบบการจัดเก็บได้เช่นกัน

ย้ายข้อมูล

โดยในส่วนของ Back up options จะมีให้เลือกว่า ต้องการ Back up ข้อมูลในส่วนใดบ้าง เช่น Game, Download, Contact หรือจะเป็น Desktop ก็ตาม

ย้ายข้อมูล

หรือถ้าในกรณีที่ไฟล์มีความสำคัญ และต้องการจะ Back up ในทุกระยะ ก็เลือกความถี่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทุก 10 นาที หรือจะเป็นรายชั่วโมง หรือรายวันก็ตาม


เก็บบน Cloud storage

หรือถ้าจะใช้งานบนวินโดว์โดยตรง ก็มีตัวเลือกอย่าง One Drive แต่พื้นที่อาจไม่ได้ใหญ่มาก เริ่มต้นที่ 5GB Free ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ดี หากเวลานั้นพร้อมทั้งเวลาและอินเทอร์เน็ต เพราะพื้นที่บน Cloud นั้น เป็นอะไรที่ง่ายและสะดวก ยิ่งเวลานี้มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dropbox, Google Drive หรือ IDrive, Backblaze และ pCloud เป็นต้น แค่ต่อเน็ตและคลิกลากไฟล์ก็ใช้งานได้แล้ว แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ ความเร็วและเวลาในการอัพโหลด เนื่องจากพื้นที่ของผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีเพียงไม่กี่ GB รวมถึงถ้าอัพโหลดในความจุระดับนั้น หากอินเทอร์เน็ตไม่เร็วจริง ก็คงต้องเสียเวลากันไม่น้อยเลยทีเดียว

ย้ายข้อมูล

การเลือกใช้ Cloud storage ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการ เพิ่มพื้นที่ว่าง ให้กับคอมของคุณ เพราะนอกจากจะให้พื้นที่ว่างแล้ว หลายที่ยังให้ใช้ฟรี แต่จำกัดปริมาณ หรือบางครั้งจ่ายแค่หลักร้อยบาทต่อเดือน หรือเริ่มสักพันต้นๆ ต่อปีเท่านั้น และแทบไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะคุณมั่นใจได้ในความปลอดภัยบนเซิร์ฟเวอร์ระดับโลก ที่สำคัญคุณยังสามารถเปิดดูไฟล์ได้จากทุกที่ที่ต้องการ ขอแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อเท่านั้น ก็สามารถเข้าถึงบริการ Cloud ได้สะดวกแล้ว

ที่น่าสนใจคือ การซื้อพื้นที่เพิ่มก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้การจัดเก็บเซฟไฟล์งานที่สำคัญเอาไว้ใช้งานได้ตลอด โดยไม่ต้องเคลียร์พื้นที่กันอยู่บ่อย ๆ โดยสามารถเลือกความจุเริ่มต้นที่ 100GB โดยเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 70 บาท และสามารถแชร์ให้คนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ของ Google Drive ได้ด้วย ตัวอย่างเช่นการสมัครใช้งาน Google One นั้น เราสามารถแชร์พื้นที่ร่วมกันได้ 5 คน (รวมเจ้าของคนที่ซื้อพื้นที่เป็น 6 คน) ซึ่งถัวเฉลี่ยแล้วจะตกราวคนละ 12 บาทต่อเดือนเท่านั้น


Clone ด้วยซอฟต์แวร์ Macrium Reflect 7

ย้ายข้อมูล

Macrium Reflect 7 จะช่วยให้คุณสามารถย้าย Windows 10 ไป SSD ด้วยการ Clone ระบบ และย้าย Windows 10 จากฮาร์ดดิสก์ ไปยัง SSD ลูกใหม่ของคุณบนโน๊ตบุ๊คได้ ขั้นแรกให้เข้าไป ดาวน์โหลดโปรแกรม ตามลิงก์นี้ Click

เมื่อลงทะเบียนและดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้งแล้ว จะเข้ามาสู่หน้าแรก สำหรับการติดตั้งในแท็ป Create & Backup ให้เลือกไดรฟ์ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ ในที่นี้ของทีมงานเป็น Disk 2 สังเกตง่ายๆ คือ จะมีข้อมูลและพาร์ทิชั่นเดิมอยู่ ถ้าเป็น SSD ลูกใหม่ ที่จะเอามาย้าย Windows จะไม่มีพาร์ทิชั่นใดๆ อยู่ ให้คลิ๊ก Clone this disk

ย้ายข้อมูล
  • จากนั้นระบบจะย้ายมายังหน้าที่ให้เราเลือกปลายทาง “Destination” หรือ SSD ที่เราติดตั้งเอาไว้ ให้คลิ๊กที่ Select a disk to clone to…
  • จะเห็นว่ามีไดรฟ์ของ SSD ปรากฏขึ้น ตัวอย่างของเราจะเป็น Disk 1 ซึ่งจะไม่มีข้อมูลใดๆ อยู่ในไดรฟ์นี้ ให้เราคลิ๊กเมาส์ที่ไดรฟ์ดังกล่าว
  • จะมีตัวเลือกให้เราใช้งาน เช่น จะ Backup ไว้ด้วยเลยหรือไม่ ตรงนี้แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน จากนั้นกด Ok
  • ระบบจะเริ่มทำตามกระบวนการ ซึ่งจะรวมถึงการ Backup file ด้วย ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูล
ย้ายข้อมูล

สุดท้าย เมื่อเสร็จสิ้นการย้าย Windows 10 ไป SSD ก็ตรวจเช็คในหน้าหลักของโปรแกรมได้ทันที ว่าไดรฟ์ SSD ที่เรานำมา Clone Windows นั้น ตรงกันหรือไม่ เท่านี้ถือว่าพร้อมใช้งาน


สุดท้าย เมื่อกระบวนการย้ายข้อมูลเสร็จสิ้น ต้องไม่ลืมตรวจเช็คอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ ก่อนจะเปลี่ยนถ่ายไปยัง SSD ลูกใหม่ หรือคอมเครื่องใหม่อย่างถาวร เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเปลี่ยนมือไปแล้ว เราจะสามารถขอไฟล์คืนได้อย่างไร เมื่อฮาร์ดไดรฟ์ไม่ได้อยู่ในมือเราแล้ว สิ่งที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การสำรองไฟล์ข้อมูลหรือการทำ Backup ตามที่ได้แนะนำไปในหัวข้อที่ 3 ที่จะทำให้ข้อมูลของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น HDD/SSD เสียหรือโน๊ตบุ๊คสูญหาย อย่างน้อยจะยังมีไฟล์เก่าเก็บเอาไว้ ใช้ในยามฉุกเฉินนั่นเอง


Related Topics

Install Windows 10
9 Problem notebook
Disk full Drive C
Upgrade Notebook

from:https://notebookspec.com/web/597105-back-up-file-for-new-pc-2021

เวสเทิร์น ดิจิตอล เปิดตัว WD_BLACK™ อุปกรณ์จัดเก็บแบบพกพาตัวเทพ

เวสเทิร์น ดิจิตอล เปิดตัว WD_Black™ ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุด ออกแบบมาเพื่อเอาใจนักเล่นเกมบนพีซีและคอนโซล ได้เข้าถึงประสบการณ์การเล่นเกมและชัยชนะได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่จัดเก็บอีกต่อไป ไดร์ฟนี้ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อแบบ Superspeed USB (รองรับความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 20Gb/s) รายแรกของอุตสาหกรรม และมีหัวเชื่อมต่อแบบ USB 3.2 gen 2×2 มาให้ด้วยกัน

เกมต่างๆ ที่มีขายในปัจจุบันตามท้องตลาดนั้นเป็นเกมที่มีเทคโนโลยีกราฟิกที่นำสมัย เช่น เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (AR) และความเป็นจริงเสมือน (VR) เพื่อทำให้คนเล่นเกมสามารถดำดิ่งไปกับบรรยากาศที่สร้างขึ้นภายในเกม แอพพลิเคชันทันสมัยเหล่านี้ย่อมต้องการผลิตภัณฑ์เสริมที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถรองรับไฟล์ขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากเกมบางตัวมีขนาดไฟล์ที่กินพื้นที่ความจุกว่า 100GB สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายของเหล่าเกมเมอร์ที่ไม่ต้องการสละเกมโปรดของพวกเขาทิ้ง เพื่อที่จะลองเล่นเกมตัวใหม่ที่เข้ามาในตลาด

WD_Black เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก WD_Black™ SN750 NVMe™ SSD สินค้าที่น่าเชื่อถือทั้งเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน และมีทั้งหมด 5 รุ่น โดยออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายในเรื่องพื้นที่จัดเก็บ WD_Black เป็นกลุ่มอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ให้อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพการทำงาน ความจุ และความน่าเชื่อถือ ที่จะช่วยให้นักเล่นเกมทั้งบนพีซีและคอนโซลสามารถควบคุมและเล่มเกมได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด นอกจากนี้ WD_Black SSD จะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดภาพบนจอ ทำให้เหล่าเกมเมอร์สามารถกลับไปยืนในจุดที่ต้องการมากที่สุดคือการคว้าชัยชนะในเกม

from:https://www.enterpriseitpro.net/wd-black-thailand/

Review – WD My Passport Ultra บางเบา สวยงามพร้อม USB-C

อุปกรณ์หนึ่งที่ต้องนี้ทุกท่านต้องมีกันเลยก็คือ harddisk external หรือฮาร์ดดิสค์พกพา เพราะปัจจุบันโน้ตบุ๊คหรือกระทั่ง Macbook รุ่นใหม่ มาพร้อม SSD ที่ความจุไม่ได้สูงมากเน้นเร็วแรง ทำให้ไม่มีพื้นที่เก็บข้อมูลมากนัก บางเครื่องแค่ลงโปรแกรมก็เต้มพื้นที่แล้ว เพราะฉะนั้นฮาร์ดดิสค์พกพาจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ยิ่งพูดถึง Macbook หรือโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่บางเบาด้วยแล้วมักมาแค่พอร์ต USB-C ทำให้ฮาร์ดดิสค์รุ่นเก่าไม่สามารถเชื่อมต่อได้ WD จึงได้พัฒนาฮาร์ดดิสค์พกพารุ่นใหม่ที่สวยงามขึ้น บางเบากว่าเดิม พร้อมพอร์ต USB-C มาเลยอย่าง WD My Passport Ultra

WD My Passport Ultra เป็นฮาร์ดดิสค์พกพารุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นเดิม หลักๆจะปรับการออกแบบให้บางเบาลงอีกนิด และเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อจากเดิม USB-A to Micro B มาเป็น USB-C มาตรฐาน USB 3.0 แบบเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ค และ Macbook รุ่นใหม่ ทำให้ไม่ต้องใช้สายแปลงอีกต่อไป แต่กระนั้นตัว WD ก็ยังแถมสายแปลง USB-C to USB-A มาให้ด้วยนะครับ โดยภายในจะเป็นฮาร์ดดิสค์แบบ 2.5 นิ้ว มี 3 ความจุให้เลือกตั้งแต่ 1 ,2 และ 4 TB

ฟีเจอร์

  • Innovative style with refined metal cover
  • USB-C ready, USB 3.0 compatible
  • Automatic backup and password protection
  • Social media and cloud storage import
  • Up to 4TB capacity
  • Easy to use
  • 3-year limited warranty

System Requirements

  • Windows® 10, 8.1 or 7
  • Downloadable NTFS driver to read⁄write on macOS.
  • Reformatting required to use Time Machine on macOS. Compatibility may vary depending on user’s hardware configuration and operating system.

Capacity

  • 4TB, 2TB, 1TB

Interface

  • USB-C and USB 3.0 compatible

Additional Details

  • Innovative Style and Function
  • Included WD Discovery™ software for social media and cloud storage import, backup and password protection
  • 3-year limited warranty

Package Includes

  • My Passport Ultra Portable Storage
  • USB-C™ cable with USB 3.0 adapter
  • WD Discovery™ software* for WD Backup™ , and WD Drive Utilities™
  • Quick install guide

หน้าตากล่อง WD My Passport™ Ultra โทนสีขาวเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสีของตัวฮาร์ดดิสคืที่เราเลือกซื้อ โดยที่ทีมงานได้มาทดสอบจะเป็นสีน้ำเงิน (Blue Black) และยังมีสีเงิน (Silver) ให้เลือกซื้ออีกด้วย โดยหน้ากล่องระบุฟีเจอร์ชั่นเจนไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB-C ความจุ การรับประกัน พร้อมซอฟแวร์พิเศษ สามารถใช้งานได้ทั้ง Mac และ Windows

ภายในกล่องจะมีตัวฮาร์ดดิสค์ ,สาย USB-C ,หัวแปลง USB-C to USB-A และคู่มือการใช้งาน

สาย USB ที่แถมาให้เป็นแบบ USB-C to USB-C ทำให้เชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊คและ Mac รุ่นใหม่ได้เลย เสียบด้านไหนก็ได้ แต่ถ้าใช้งานกับโน้ตบุ๊ครุ่นเก่าหรือเครื่องพีซีก็ยังมีหัว USB-C to USB-A แถมมาให้

WD My Passport™ Ultra มากับการออกแบบในสไตล์เมทาลิค หรือโลหะกึ่งเงา พร้อมมีการขึ้นลายแนวทะแยงเพิ่มความสวยงาม และช่วยให้จับได้กระชับมือไม่ลื่นหลุดง่าย โดยด้านหน้าจะเป็นสีน้ำเงิน ด้านหลังจะเป็นสีดำและมียางรองสี่มุมช่วยให้วางบนโต๊ะได้อย่างมั่นคง วัสดุโดยรวมจัดว่าดีทีเดียว ขนาดเหมาะมือบางกว่าฮาร์ดดิสค์พกพาอีกหลายรุ่น ด้านหน้ามีระบุแบรนด์ WD ขนาดไม่ใหญ่มาก ด้านหลังระบุรุ่น WD My Passport™ Ultra พร้อมข้อมูลของ S/N

พอร์ตเชื่อมต่อยังคงเป็น USB 3.0 อยู่ แต่ปรับมาเป็น USB-C เพื่อให้สามารถใช้งานในโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ได้สะดวกขึ้น ข้างกันนั้นจะเป็นไปแสดงสถานะการใช้งาน

WD My Passport™ Ultra จัดว่าบางเลยทีเดียวเพียง 12.8 มิลลิเมตร บางกว่าอัลตราบุ๊คบางรุ่นเสียอีก

WD My Passport™ Ultra ขนาดเหมาะมือเลยทีเดียวพกพาได้สะดวก

เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C ได้เลย เหมาะกับโน้ตบุ๊ค หรือ Mac รุ่นใหม่ เชื่อมต่อใช้งานได้ทันที

WD My Passport™ Ultra กับ Lenovo YOGA 530

ซอฟแวร์ของทาง WD ที่มีให้ติดตั้งเพิ่ม สามารถสำรอง กู้ข้อมูล พร้อมตั้งล๊อครหัสไม่ให้ผู้อื่นใช้งานก็ยังได้

WD My Passport™ Ultra ที่ทีมงานได้มาทดสอบเป็นรุ่นความจุ 2 TB โดยสามารถใช้งานได้จริงที่ราว 1.81 TB

สเปคโดยรวมของ WD My Passport™ Ultra ตามมาตรฐาน เป็นฮาร์ดดิสค์แบบ 5400 RPM ไม่ได้เร็วแรงมากนัก เน้นประหยัดพลังงาน

ความเร็วการอ่านเขียน WD My Passport™ Ultra ไม่ได้เร็วแรงมากนัก ตามมาตรฐานฮาร์ดดิสค์พกพาทั่วไปที่ใช้ฮาร์ดดิสค์แบบ 5400 RPM

บทส่งท้ายรีวิว WD My Passport™ Ultra คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากนัก เพราะทั้งการออกแบบที่สวยงาม บางเบา ประสิทธิภาพการใช้งานที่เป็นไปตามมาตรฐานฮาร์ดดิสค์พกพา แต่ที่น่าสนใจเลยคือพอร์ตการเชื่อมต่อที่ปรับมาใช้แบบ USB-C ซึ่งทำให้เพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ใช้งานโน้ตบุ๊ค ไปจนถึง Mac ซึ่งมีแต่พอร์ตแบบ USB-C หรือ Thunderbolt 3 ให้ใช้งาน ซึ่งถ้าต้องแปลงพอร์ตไปมาคงไม่สะดวกนัก เหมาะกับท่านที่ใช้โน้ตบุ๊คหรือ Mac รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อได้โดยตรงไม่ต้องมีหัวแปลง หรือจะไปใช้งานกับเครื่องอื่นก็ยังมีหัวแปลง USB-A แถมมาให้อยู่ดี

WD My Passport™ Ultra วางจำหน่ายแล้วด้วย 3 ความจุ

จุดเด่น

  • ดีไซน์สวย
  • บางเบา
  • เชื่อมต่อผ่าน USB-C

ข้อสังเกตุ

  • ความเร็วอ่านเขียนช้าตามแบบฮาร์ดดิสค์พกพา

from:https://notebookspec.com/review-wd-my-passport-ultra-usb-c/484138/

Lazada – ขาย External Harddisk / Flashdrive เพิ่มมูลค่า…แถมฟรีหนังโป๊ AV ไม่เซ็นเซอร์ ?!?! ราคาเริ่ม 320 บาท

เป็นอีกหนึ่งช่องทางการเพิ่มมูลค่าในการขายของใน Lazada จริงๆ ด้วยการขาย External Harddisk และ Flashdrive ที่ปกติแล้วเราซื้อมาไว้เก็บข้อมูลไฟล์ต่างๆ แต่มีอยู่ร้านค้าบางร้าน ได้ทำการแถมหนังผู้ใหญ่ไม่เซ็นเซอร์ลงไปด้วย หรือพูดง่ายๆ ก็คือหนังโป๊ AV (Adult Video) นั่นเอง พร้อมกับการเพิ่มราคาขายลงไปด้วย โดยมีทั้ง External Harddisk ความจุ 1TB – 2TB และ Flashdrive ความจุ 32GB – 64GB ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 320 บาท จนไปถึง 3,490 บาท เรียกได้ว่าเพิ่มราคาขายกันได้แบบสบายๆ

ที่ผ่านทางต้องยอมรับว่าการเสพหนังโป๊ AV (Adult Video) เป็นเรื่องปกติกับหลายๆ ประเทศ แน่ในส่วนของประเทศไทยไม่ถูกกฎหมายรวมไปถึงไม่ถูกกับศีลธรรมในคนหมู่มาก แต่ในความเป็นจริงเชื่อเถอะว่าเพื่อนๆ ชายไทยเกือบ 100 ทั้ง 100 มีกันทุกคน ซึ่งที่ผ่านมาหลายปีเราใช้วิธีการเสพด้วยการซื้อแผ่น CD รวมไปถึงโหลดจากอินเตอร์เน็ต แล้วเก็บรวบรวมไว้ในคอมและฮาร์ดดิสก์ จนถึงปัจจุบันรูปแบบการเสพก็เปลี่ยนไปโดยการใช้งานบริการสตรีมมิ่งมากยิ่งขึ้น ทั้งแบบเสียเงินและฟรี จากการที่อินเตอร์เน็ตที่ใช้งานกันอยู่มีความเร็วที่สูงแล้วนั่นเอง

แต่ล่าสุดที่แอดมินโป้งไปเจอมาต้องบอกว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าจริงๆ เพราะมีร้านค้าออนไลน์บางร้านในเว็บไซต์ Lazada ได้ทำการขาย External Harddisk / Flashdrive ซึ่งปกติไว้เก็บไฟล์ข้อมูล ที่เราจะเก็บอะไรก็ได้แหละ แต่ปกติแล้วมันจะเป็นฮาร์ดดิสก์โล่งๆ ไม่มีอะไรมาให้ แต่ต่างออกไปในครั้งนี้ได้มีการแถมหนังผู้ใหญ่ไม่เซ็นเซอร์ หรือภาพยนต์ญี่ปุ่น HD ตามที่เค้าใช้คำ พร้อมรูปปกสินค้าที่ดูแล้วก็รู้ได้ทันทีว่า จริงๆ แล้วที่เค้าแถมให้มันเป็นหนังโป๊ AV  แน่นอน

ถ้ามองในมุมของคนที่ต้องการซื้อ External Harddisk / Flashdrive แล้วได้หนังโป๊ AV ไปดูด้วยก็ถือว่าวินๆ เพราะจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาหาโหลดจากที่ไหน เพราะเค้าใส่มาให้เต็มที่สูงสุด 2TB อยู่แล้ว บริการกับคนที่ไม่สะดวกหรือไม่ได้ออนไลน์ บอกเลยว่าดูกันจนตัวแห้ง แต่นั่นเราก็ไม่รู้ว่าเค้าใส่เรื่องอะไรมาให้ เกรงว่าอาจจะไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ได้คัดมาจริงๆ เพราะรายละเอียดก็มีให้ไม่มาก โดยใครสงสัยก็ตาม Chat ไปถามทางร้านเค้าอีกที

เอาล่ะมาดูในเรื่องของราคาค่าตัวของ External Harddisk / Flashdrive ที่แถมหนังโป๊ ต่างจาก External Harddisk / Flashdrive ปกติที่ขายตามร้านค้าเท่าไรบ้าง อาจจะคุ้มค่าสำหรับบางคน หรือเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับบางคนก็เป็นไปได้

External Harddisk 2TB

  • แถมหนังราคา 3,490 บาท / ปกติ 1,970 บาท

External Harddisk 1TB

  • แถมหนังราคา 2,490 บาท / ปกติ 1,520 บาท

Flashdrive 64GB

  • แถมหนังราคา 650 บาท / ปกติ 295 บาท

Flashdrive 32GB

  • แถมหนังราคา 320 บาท / ปกติ 140 บาท

*อ้างราคา External Harddisk / Flashdrive ปกติจากร้าน JIB Online

ปิดท้ายนี้ก็ถือว่ามาเล่าให้ฟังก็แล้วกันครับ ว่ามีรูปแบบการขายนี้อยู่ด้วย ส่วนแหล่งที่มาไม่บอกนะ เชื่อว่าไปหากันเองก็คงเจอ หรือเพื่อนๆ ไปเจออะไรแปลกๆ มาก็ลองมาเล่ามาแชร์ให้ฟังกันได้เลย รวมไปถึงอยากให้แอดมินโป้งลองซื้อมารีวิวไหม เผื่อใครจะสนใจนะว่าของข้างในเป็นยังไง ฮา

 

from:https://notebookspec.com/lazada-sale-external-harddisk-flashdrive-free-adult-video/479437/

Microsoft – บอก ! ถอด USB Flashdrive / Ex.HDD ไม่ต้องกด “Safely Remove” อีกต่อไปใน Windows 10

อย่างที่เรารู้กันมาเนิ่นนาน ในการใช้งาน Windows สำหรับการถอด USB Flashdrive หรือ External Harddisk เราจำเป็นต้องกด Safely Remove ทุกๆ ครั้ง เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์ ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมที่เราทำกันมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ แต่ก็มีคนทำตามบ้าง หรือไม่ทำตายโดยดึงอุปกรณ์ USB นั้นๆ ออกเลย แม้ว่าอาจจะเกิดความเสียหายได้ แต่หลายๆ คนก็ไม่แคร์ จริงๆ ต้องบอกว่าอยู่ที่ว่าข้อมูลนั้นสำคัญแค่ไหนด้วยแหละ

แต่ล่าสุดนั้นทาง Microsoft ได้ออกมาบอกด้วยตนเองเลยว่า ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 เวอร์ชั่น 1809 ที่มีการอัพเดทไปตั้งแต่ตุลาคมปี 2018 ว่าผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกด Safely Remove เพื่อถอดอุปกรณ์ USB Flashdrive อีกต่อไปแล้วล่ะ ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นที่เรียกว่า Quick Removal ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถอดและเสียบอุปกรณ์ USB ต่างๆ ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการใช้ Safely Remove ทุกๆ ครั้ง เหมือน Windows สมัยก่อนๆ เรียกได้ว่าให้ความสะดวกให้การใช้งานมากขึ้นกับบรรดาผู้ใช้งานนั่นเอง

อย่างไรก็ตามฟังก์ชั่น Quick Removal ที่มาใน Windows 10 เวอร์ชั่น 1809 จะถูกตั้งค่าเปิดเป็นค่ามาตรฐาน ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายของข้อมูลสำหรับป้องกันการถูกถอดออกกระทันหัน แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวแล้วแนะนำเลยก็คือ เราไม่ควรจะถอดอุปกรณ์ USB ออกจากช่อง USB ในระหว่างการอ่านเขียนข้อมูลจะดีที่สุด เพราะเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายได้อยู่ดี ทั้งกับตัวอุปกรณ์หรือไฟล์ข้อมูลก็ตาม

สุดท้ายแล้วการกด Safely Remove ก็น่าจะมีอยู่ต่อไป เพราะยังไงก็เป็นการเช็คว่าระหว่างอุปกรณ์ USB กับฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ ว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่า เพราะบางครั้งอาจจะมีการทำงานอยู่เบื้องหลังที่เราไม่รู้ก็เป็นไปได้ แต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ว่าคนๆ ซีเรียสแค่ไหนด้วย ถ้าข้อมูลไม่สำคัญถอดออกถอดเข้าไปมา หายก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าข้อมูลหรืออุปกรณ์สำคัญมีร้องไห้แน่นอน ส่วนแอดมินโป้งก็เคยเจอมา กำลังซิงค์ข้อมูลไฟล์ภาพ Lightroom อยู่ ดีๆ เพื่อนมาถอดออก ฮาร์ดดิสก์กับไฟล์ไปทั้งลูกเลย ดีที่สามารถมาสแกนแล้วเรียกคืนกลับมาได้ ไม่งั้นดราม่าแน่ๆ

ที่มา : theverge

from:https://notebookspec.com/microsoft-confirms-you-really-really-dont-need-to-safely-remove-usb-flash-drives/477676/