คลังเก็บป้ายกำกับ: CPU_INTEL

MSI PRODP20ZA คอมจิ๋ว เทรดหุ้น เล่นเกมเบาๆ ต่อได้ 3 จอ ดูหนัง 4K เริ่มหมื่นกว่า

MSI PRODP20ZA มินิพีซีขนาดฝ่ามือ เล่นเกมเบาๆ ดูหนัง 4K เทรดหุ้น ต่อได้ 3 จอ ประหยัดไฟ

MSI PRODP20ZA

MSI PRODP20ZA มินิพีซีเครื่องจิ๋ว แต่ประสิทธิภาพเกินตัว พร้อมการเชื่อมต่อครบครัน รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้ ปรับเปลี่ยนการทำงานได้หลายสไตล์ เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานในยุคใหม่ได้หลายรูปแบบ ขุมพลัง AMD Ryzen 5000 series และแรม DDR4 รวมถึงกราฟิก Radeon Graphic ที่ตอบสนองได้ทั้งงานในสำนักงานทั่วไป งานเอกสาร และการทำบัญชี ไปจนถึงการตกแต่งภาพ รวมถึงการใช้งานส่วนตัว เช่นท่องอินเทอร์เน็ต ขายของออนไลน์ และความบันเทิงภายในบ้าน หรือเป็นพีซีเริ่มต้นการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ด้วยมิติที่เล็กกว่าเคสคอมทั่วไปหลายเท่า น้ำหนักเบา จึงติดตั้งได้ง่าย ใช้งานในจุดต่างๆ ของบ้านหรือสำนักงานได้ดี รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายรุ่นใหม่ กับดีไซน์ที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน และที่น่าสนใจคือ ประหยัดการใช้พลังงานลง ใครที่ชอบด้วยงบประมาณเริ่มต้นเพียง 15,000 บาท กับการรับประกัน 2 ปีอุ่นใจ ในแบบ Onsite Pickup & Return อีกด้วย ซื้อสินค้า MSI ได้ที่: https://msi.gm/DP20ZA-NBS

MSI PRODP20ZA มินิพีซีตัวจิ๋ว เพื่องานและความบันเทิง


จุดเด่น

Advertisementavw
  1. มิติที่เล็กมาก ขนาดเทียบเท่าฝ่ามือเองครับ เทียบกับเราเตอร์ขนาดย่อมๆ ก็ยังได้ เล็กกว่าพีซี 6-8 เท่าเลยทีเดียว เพราะขนาด 2.6L เท่านั้น ประหบัดพื้นที่บนโต๊ะไปได้เยอะ
  2. น้ำหนักประมาณ 1.5Kg เท่านั้นครับ วางมุมไหนก็ได้ โต๊ะไม่เอียงแน่นอน
  3. ออกแบบให้วางแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้หมด แล้วแต่ผู้ใช้จะดีไซน์ จัดโต๊ะคอมได้ง่ายขึ้น
  4. วางตรงไหนในห้องก็ได้ แทบจะเป็นดีไซน์แบบเดียวกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นในปัจจุบัน ต่อสายเข้าจอ ก็พร้อมทำงาน เพราะมี WiFi ในตัว
  5. ด้านหน้าทันสมัย เน้นเส้นสายสะดุดตา ติดอยู่นิดนึง คือปุ่มอาจจะดูกลมกลืนไปกับลายด้านหน้าอยู่บ้าง แต่ก็มีแสงไฟสถานะให้พอสังเกตครับ
  6. ด้านข้างซ้ายปิดทึบ ใช้วางแนวนอนได้, ด้านขวามีช่องระบายอากาศ สำหรับพัดลมซีพียู
  7. ด้านหลังจัดพอร์ตมาให้เยอะพอสมควร เช่น USB 3.2, USB 2.0, พอร์ตแสดงผล HDMI, DP และ VGA
  8. การใช้พลังงาน มาพร้อมอแดปเตอร์ 120W ขนาดย่อมๆ มาให้ ไม่เปลืองไฟครับ
  9. ต่อได้ 3 จอเลยครับ สำหรับคนที่ต้องใช้งานหลายจอพร้อมกัน

ข้อสังเกต

  • มีไฟสถานะแสดงผลไม่มาก
  • ไม่รองรับการอัพเกรดการ์ดจอแยก
  • ใช้แรมแบบ SODIMM เท่านั้น

Specification

Description
CPU MODEL AMD Ryzen 3 5300G, 4 core/ 8 thread
CPU COOLING Air cooling
MEMORY DDR4 SO-DIMM 2 slot, Max. 64GB
STORAGE SSD 256GB, PCIe GEN3x4
2x M.2 slot
2x 2.5″ Drive bay
WIRELESS LAN INTEL/3168.NGWG, 802.11ac 1×1+BT 4.2
AUDIO Realtek ALC233, 2.1 Channel HD Audio
I/O PORTS (FRONT) 1 x USB 3.2 Gen 2 Type A
1 x USB 3.2 Gen 2 Type C
Front Audio Mic-In x1,
Headphone x1
I/O Port (Rear) USB 3.2 Gen 2 Type A x1
USB 2.0 TYPE A x3
LAN (RJ-45) x1
WiFi Antenna x2
VGA x1
HDMI x1
DP Out x1
COM Port x1
Power 120W Adaptor
Keyboard/ Mouse RF1430, MA04
PRODUCT DIMENSIONS (WXDXH) 160.55 x 193.3 x 85mm
WEIGHT 1.42Kg.
VESA SIZE 75 x 75 mm
Source: MSI Pro DP20Z

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI PRODP20ZA


Hardware / Design

MSI PRODP20ZA

การออกแบบของมินิพีซีจาก MSI รุ่นนี้ ส่วนตัวผมมองว่ามินิมอลกว่ารุ่นที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้เสียอีก เพราะตัวถังแค่ 2.3L เท่านั้น มิติประมาณ 16cm x 19.3cm x 8.5cm หากเทียบกับเกมมิ่งตัวน้องอย่าง Trident AS ก็ยังเล็กกว่ามาก แต่จะพอๆ กับ MSI CUBI 5 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี Pro DP20ZA มีความคล่องตัว และสนับสนุนการติดตั้งฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมได้มากกว่า

ด้านหน้าออกแบบมาในโทนสีดำ มีเส้นสายที่มีการสลับไปมา ดูมีมิติ และทันสมัย แทรกปุ่มเพาเวอร์และแสงไฟสถานะมาด้วย พร้อมพอร์ตต่อพ่วง และโลโก้ MSI สีเงิน ซึ่งเป็นแนวที่เราอาจไม่ได้เห็นกันบ่อยบนพีซีขนาดเล็ก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบบเรียบ ไม่มีลวดลายมากนัก

MSI PRODP20ZA

เมื่อมาดูกันแบบใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าเส้นสายที่อยู่ด้านหน้านี้ จะมีมิติยื่นออกมา สลับกับภายในที่เป็นสีดำเงา โดยปุ่มเพาเวอร์จะซ่อนอยู่ในนี้ด้วย ซึ่งหากไม่ได้กด หรือมีแสงไฟสถานะลอดออกมา ก็แทบจะดูไม่ออกว่าเป็นปุ่มเปิดการทำงาน ไฟจะมีสีฟ้าและสีขาว อยู่ตรงด้านบนขวา ใกล้กันก็จะเป็นพอร์ต Front panel ที่อยู่หน้าเครื่อง ประกอบด้วย USB Type-C, Type-A และหูฟัง ไมโครโฟน

MSI PRODP20ZA

ด้านข้างขวา จะเป็นช่องระบายความร้อน โดยเราจะเห็นพัดลมพื้นฐานของทาง AMD ดูดลมเข้ามาจากช่องนี้ เพื่อระบายความร้อนให้กับฮีตซิงก์ของซีพียู ที่อยู่ด้านใน และโลโก้ Pro series และใกล้ๆ กับช่องพัดลม และใกล้กับด้านหน้าจะมีระบุไว้ว่า Design and Engineering by MSI

MSI PRODP20ZA

ด้านซ้ายจะเป็นช่องเล็กๆ สำหรับติดตั้ง VESA Mount กับด้านหลังจอมอนิเตอร์ และฝาผนังเป็นแบบ 75mm x 75mm ส่วนตัวมองว่าเป็นประโยชน์ค่อนข้างมาก เพราะผู้ใช้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะใช้ติดตั้งจอทีวีในบ้าน สำนักงาน สำหรับต้อนรับแขก พรีเซนเทชั่น หรือจะต่อกับจอภาพบางรุ่น เพื่อประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงาน ยิ่งใช้งานแบบไร้สาย ก็จะทำให้โต๊ะไม่ดูรกรุงรังอีกด้วย

MSI PRODP20ZA

MSI PRODP20ZA วางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ขึ้นอยู่กับการจัดวางองค์ประกอบบนโต๊ะ และความสะดวก ด้วยความกว้าง x ยาวระดับ 160.5 x 193mm เท่านั้น จึงไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะทำงาน เรียกว่าโต๊ะขนาด 120cm ก็ยังเหลือพื้นที่ใช้สอยได้อีกมากมาย

ด้านหน้าที่มีพอร์ตต่อพ่วงมาให้ทั้ง USB และแจ๊ค 3.5mm อีกด้านจะเป็นโลโก้ MSI บนเพลทสีเงินสวยงาม

และอีกสองด้านที่เหลือ จะเป็นช่องระบายอากาศ ซึ่งมาในแบบตะแกรงขนาดเล็ก เพื่อให้อากาศไหลเวียนในตัวเคสได้ดีขึ้น ซึ่งหากดูตามการใช้งานแล้ว พีซีเครื่องนี้แทบไม่เกิดความร้อนขึ้นมากมายนัก โดยพัดลมซีพียูสามารถจัดการเรื่องอุณหภูมิได้ดีทีเดียว

MSI PRODP20ZA

ด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมช่องระบายความร้อนแบบตะแกรงช่องเล็กและพอร์ตต่อพ่วงมากมาย รวมถึงจุดติดตั้งเสาสัญญาณ WiFi อีกด้วย และเป็นจุดที่ใช้ไขน็อต เพื่อแกะฝาครอบ สำหรับการอัพเกรด

MSI PRODP20ZA

การดีไซน์โดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แตกต่างจากมินิพีซีทั่วไป ทั้งเส้นสาย พอร์ตการเชื่อมต่อ เพียงแต่อาจจะเน้นไปที่ Business เป็นหลัก ทำให้ไม่ได้ใส่เรื่องของแสงสีมากมายนัก แต่ก็เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้ดี ดูมินิมอลมากขึ้น


Connector / Thin And Weight

MSI PRODP20ZA

พอร์ตการเชื่อมต่อด้านหน้า มีเป็นพอร์ต USB 3.2 Gen2 Type-C ที่ใช้ได้ทั้งการชาร์จไฟ และโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง ส่วนที่เป็น Type-A ผมว่าเหมาะกับผู้ใช้ที่มี External HDD หรือ SSD ที่ต่อภายนอก โอนถ่ายไฟล์ข้อมูลได้ไว เพราะเป็น USB 3.2 Gen2 ความเร็วระดับ 10Gbps เร็วกว่า Gen1 เท่าตัวเลยทีเดียว หรือใครสะดวกจะใช้พอร์ตด้านหลัง จะใช้พอร์ตนี้ในการต่อ เมาส์ คีย์บอร์ดได้เช่นกัน

ใกล้กันจะเป็นแจ๊ค 3.5mm ที่ทาง MSI ใส่แยกเอามาไว้ให้เป็น หูฟัง และไมโครโฟน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน จะต่างจากบนโน๊ตบุ๊คที่เป็นคอมโบมาให้ อาจจะไม่สะดวก เมื่อต้องแยกใช้ไมโครโฟน กับเอาท์พุตเสียง เพื่องานในสำนักงาน

MSI PRODP20ZA

ด้านหลังจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อหลักจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A 2 พอร์ต จุดนี้ผมมองว่าเหมาะกับการต่อเมาส์ คีย์บอร์ดเป็นหลัก เพราะไม่ได้เน้นความเร็ว ส่วนด้านล่างจะเป็น USB 3.2 Gen2 ซึ่งตอบโจทย์พรินเตอร์รุ่นใหม่ หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูล และอื่นๆ ที่เน้นเรื่องความเร็ว ใกล้กันเป็นพอร์ตเชื่อมต่อเครือข่าย RJ-45 สำหรับ Gigabit LAN และพอร์ตแสดงผล ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของมินิพีซีจาก MSI รุ่นนี้ เพราะมีให้ถึง 3 พอร์ตด้วยกัน ประกอบด้วย

  • VGA สำหรับต่อจอพื้นฐานแอนาลอกบนความละเอียด Full-HD
  • DisplayPort ต่อจอแสดงผลดิจิตอล รองรับความละเอียด 4K เหมาะกับจอรุ่นใหม่
  • HDMI ใช้ได้ทั้งจอมอนิเตอร์ โปรเจกเตอร์ และจอพื้นฐานที่มีอยู่ทั่วไป
MSI PRODP20ZA

เสาสัญญาณ WiFi รองรับ 802.11ac และ Bluetooth 4.2 ทำให้การเชื่อมต่อของคุณไม่ติดขัด เพราะมีให้เลือกทั้ง LAN และ WiFi


Inside / Upgrade

MSI PRODP20ZA

การแกะอัพเกรดทำได้ค่อนข้างง่ายบน MSI PRODP20ZA นี้ เพราะไขน็อตเพียง 4 ตัวเท่านั้น สามารถไขออกได้ทั้ง 2 ด้านซ้ายและขวา

MSI PRODP20ZA

ด้านที่เป็นช่องระบายอากาศ จะเห็นพัดลมซีพียูขนาดใหญ่ พร้อมฮีตซิงก์ติดตั้งมากลางตัวเครื่อง ซึ่งข้อดีคือ การกระจายลมออกไปได้ทั่วๆ ภายในเคส และให้ลมออกได้ถึง 3 ด้านด้วยกัน โดยสามารถอัพเกรดได้สูงสุด AMD Ryzen 7 5700G ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดที่วางจำหน่าย

MSI PRODP20ZA

พื้นที่ติดตั้ง Storage ด้านใน ติดตั้งได้ถึง 3 แบบ และยังอัพเกรดได้ โดยที่ติดตั้งมาให้เริ่มต้นเป็น SSD M.2 NVMe PCIe 256GB การถอดใช้เพียงไขควงแกะน็อตยึดเพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่พื้นที่ค่อนข้างแคบเล็กน้อย

MSI PRODP20ZA

ด้านล่างจะเป็นสล็อตสำหรับติดตั้งแรมเป็นแบบ SODIMM DDR4 3200 เดิมจะติดตั้งมาให้ 8GB มาตรฐาน แต่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้จากสล็อตที่เหลือ อัพเกรดได้สูงสุด 64GB (32GB x2)

MSI PRODP20ZA

แรมในแบบ SODIMM DDR4 3200 8GB จาก Samsung ที่ติดตั้งมาในระบบ

MSI PRODP20ZA

ด้านบนของโมดูล SSD M.2 เป็นพอร์ต SATA III เพิ่มเติมมาให้ สำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ 2.5″ หรือสำหรับโน๊ตบุ๊ค รวมถึง SSD SATA III เพิ่มได้อีก 2 ตัวด้วยกัน

MSI PRODP20ZA

นอกจากนี้แล้ว อีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเมนบอร์ด ก็สามารถแกะเปิดออกมาได้ ให้คุณสามารถอัพเกรดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก

MSI PRODP20ZA

MSI PRODP20ZA มีสล็อต M.2 PCIe รองรับการติดตั้ง SSD M.2 NVMe PCIe เพิ่มได้อีก 1 โมดูล รวมเป็น 2 โมดูลทั้งด้านหน้าและหลัง ได้ทั้งพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้น และความเร็วที่จาก SSD อีกด้วย เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกจะใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบต่อภายนอก


Performance / Software

MSI PRODP20ZA

โปรแกรม CPUz รายงานซีพียูที่ติดตั้งมาบน MSI PRODP20ZA รุ่นนี้เป็น AMD Ryzen 3 5300G เป็นแบบ 4 core/ 8 thread ความเร็วสูงสุดประมาณ 4.2GHz ซีพียูรุ่นนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มของกราฟิกในตัว ให้ประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความบันเทิง หรือเล่นเกมเบาๆ แต่อาจจะไม่ได้เจาะจงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่นงานตัดต่อ แต่งภาพจริงจังหรืองานด้านวิศวกรรมโหดๆ ได้มากนัก

MSI PRODP20ZA

ติดตั้งแรม DDR4 3200 ในแบบ SODIMM 8GB และใส่เพิ่มอีก 8GB เป็น 16GB มีให้ติดตั้งได้ 2 สล็อต

MSI PRODP20ZA

การทดสอบเบื้องต้นบน CPUz นี้ เทียบกับซีพียูรุ่นพี่อย่าง AMD Ryzen 7 2700X ที่เป็นแบบ 8 core/ 16 thread ซีพียู Ryzen 3 สามารถเบียดบี้ได้อย่างสูสี และโดดเด่นในงาน Single core ด้วยสัญญาณนาฬิกาที่สูง แม้จะเป็นรองในแง่ของ Multi-thread เพราะคอร์ เธรดน้อยกว่านั่นเอง

MSI PRODP20ZA

กราฟิกเป็นแบบ Integrate ที่มาในตัวซีพียู AMD Ryzen 3 รุ่นนี้ กับ Radeon Graphic ที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์กับการเล่นเกมโดยตรง เพราะจะเน้นที่การทำงาน ดูหนัง กับงานกราฟิกพื้นฐาน แต่ก็สามารถเล่นเกมที่ไม่ใช้ทรัพยากรมากๆ หรือแนวเกมออนไลน์ เช่น Genshin, Chrono Odyssy รวมถึงเกมพีซีที่แค่ปรับ Detail ก็สามารถเล่นได้ในหลายๆ เกม สามารถชมในส่วนการทดสอบเกมด้านล่างนี้ได้

MSI PRODP20ZA

การทดสอบ PCMark10 ให้ผลออกมาได้น่าพอใจ เพราะถ้าเทียบกับพีซีพื้นฐานขนาดใหญ่ MSI Pro DP20ZA นี้ ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นในชีวิตประจำวันได้ดีพอสมควร กับคะแนนรวมที่มากถึง 5,621 คะแนน รวมถึงคะแนน Essentials และ Productivity ที่มาแตะเกือบ 10,000 เพราะหลายครั้งที่เราทดสอบมาใน 2 ส่วนนี้ เฉลี่ยจะอยู่ที่ 10,000 ต้นๆ แสดงถึงความไม่ธรรมดาของซีพียูและการทำงานในภาพรวม

MSI PRODP20ZA

สำหรับ CINEBench นั้น จะเป็นการทดสอบด้านกราฟิก 3D Animation แม้ว่าจะเป็นซีพียูน้องเล็กอย่าง AMD Ryzen 3 แต่ก็สามารถผ่านการทดสอบได้ไม่ยาก แม้ว่าจะทำคะแนนได้ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับซีพียูรุ่นพี่ๆ ที่มี Core/ Thread จำนวนมากกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพลังของซีพียูระดับ 4 core นี้ ก็พอจะช่วยให้ใช้งานได้ แต่อย่างไรก็ไม่ได้จะแนะนำให้ใช้งานกับโปรแกรมขั้นสูงเช่นนี้ เพราะไม่ได้ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และอาจใช้เวลาในการประมวลผลมากเกินไป แต่ถ้าเป็นโมเดล AMD Ryzen 7 ก็พอจะช่วยงานนี้ได้ดียิ่งขึ้น

MSI PRODP20ZA

กับผลทดสอบด้านเกมกราฟิก ด้วยโปรแกรม 3DMark กับกราฟิก Radeon Graphic บนซีพียู AMD Ryzen 3 5300G นี้ แม้ว่าจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก แต่ก็แสดงศักยภาพได้ดีในระดับหนึ่ง โดยคะแนนอาจจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็ผ่านการทดสอบมาได้ อยู่ในเกณฑ์ของกราฟิกบนซีพียูในหลายๆ รุ่น อย่างไรก็ดี หากมีความต้องการเล่นเกม ร่วมไปกับการใช้งานพื้นฐาน บนเคสขนาดเล็กเช่นนี้ แนะนำโมเดลที่เป็น Ryzen 7 5700G ที่จะช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้พอสมควร

ทดสอบการเล่นเกม

MSI PRODP20ZA

เราทดสอบการเล่นเกม เพื่อให้เห็นศักยภาพของมินิพีซีจาก MSI รุ่นนี้ กับเกมพื้นฐานแนว MOBA อย่าง DOTA2 กับการปรับ Detail Fastest mode บนความละเอียด Full-HD เพื่อเน้นความลื่นไหล ตัวเกมสามารถให้เฟรมเรตได้ถึง 80-90fps. แต่ถ้าปรับเป็น High ให้เฟรมเรตเฉลี่ยที่ 47-48fps. แม้จะมีเอฟเฟกต์จากเวทย์ของฮีโรก็ตาม แนะนำตั้งค่านี้ได้เลยหากต้องการเล่น

MSI PRODP20ZA

ส่วนเกม PUBG บนความละเอียด Full-HD 1080p ตั้งค่า Very Low Detail ให้เฟรมเรตได้ในระดับ 39-45fps มีบ้างที่ขึ้นไป 50fps. บางจังหวะ แต่ก็ทำให้เล่นเกมนี้ได้ แนะนำให้ตั้ง Render scale ในระดับ 70-90 จะไม่กระทบต่อเฟรมเรตมากนัก และเล่นเกมได้สบายตามากขึ้น

MSI PRODP20ZA

มาสู่บททดสอบในด้านงานวีดีโอกันบ้าง ด้วยการ Export คลิปวีดีโอความละเอียด Full-HD มีความยาว 15 นาที ใส่เอฟเฟกต์ทั่วไป ด้วยการ Insert ภาพและเสียง ระบบใช้เวลาในการทำงานประมาณ 32 นาที ก็เป็นอันเสร็จสิ้น อย่างที่ได้แนะนำไปว่า หากต้องการจะเน้นไปที่การทำงานที่หนักมากขึ้น กับโปรแกรมเฉพาะทาง ทางเลือกของโมเดลรุ่น AMD Ryzen 7 มีความน่าสนใจ ส่วนในช่วงการใช้งานอาจมีบางจังหวะที่กระตุกเล็กน้อย เช่น ระหว่างการเลื่อนไทม์ไลน์ และพรีวิวภาพ เป็นปกติของการใช้งานที่เป็นซีพียูรุ่นน้องเล็ก และการ์ดจอแบบออนบอร์ดนั่นเอง แต่ในภาพรวมถือว่าทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง

MSI PRODP20ZA

และในครั้งนี้เราใช้งานร่วมกับจอแสดงผล MSI PRO MP241X ซึ่งเป็นจอที่ให้พื้นที่แสดงผล 23.8″ ใกล้เคียงกับ MSI PRO MP243 ความละเอียด Full-HD โดยเป็นจอพาแนล VA ให้ความสว่างสดใส และมุมมองที่กว้างใกล้เคียงกับ IPS เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือจะนำไปใช้ในสำนักงาน กับความสว่างสดใส และสีสันที่คมชัด ปรับแต่งได้ง่ายผ่านทางปุ่ม OSD ด้านหลังจอ มาพร้อมพอร์ตแสดงผล ที่มีให้เลือกทั้ง HDMI และ VGA เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน

MSI PRODP20ZA

แต่ที่น่าสนใจคือ MSI PRO MP241X รุ่นนี้ มี VESA Mount ด้านหลัง สำหรับติดตั้งกับ Wall mount หรือ Arm table เพื่อแขวนหรือติดกับขาจับจอบนโต๊ะได้ง่าย รวมถึงเมื่อใช้ร่วมกับอแดปเตอร์ ก็จะสามารถต่อ MSI Pro DP20ZA เข้ากับด้านหลังจอ เพื่อประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานได้อีกด้วย นับว่าเป็นโซลูชั่นที่เหมาะกับการทำงานในทืุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี

MSI PRODP20ZA

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ ทำให้แบ่งหน้าจอในการใช้งานได้สะดวก และใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเอกสาร ตรวจเช็คไฟล์งาน หรือจะด้านความบันเทิง ดูหนัง พร้อมดูหุ้นไปพร้อมกัน ด้วยการปรับแต่งเพียงเล็กน้อย เช่น การเพิ่มหรือลด Scale บนหน้าจอ ก็ช่วยให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นแล้ว

MSI PRODP20ZA

ด้วยมุมมองที่กว้าง ก็ทำให้การใช้งานด้านภาพและวีดีโอได้ชัดเจน ผิดเพี้ยนน้อย รวมถึงใช้ในการแบ่งปันหน้าจอให้กับคนข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ลูกค้าหรือสมาชิกภายในบ้านให้เห็นได้อย่างชัดเจน

MSI PRODP20ZA

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถต่อจอแสดงผลได้ถึง 3 จอพร้อมกัน ผ่านทางพอร์ตสัญญาณ Output ที่อยู่ทางด้านหลังของ MSI PRODP20ZA ไม่ว่าจะเป็น HDMI, DisplayPort และ VGA ให้คุณขยายศักยภาพการทำงานของคุณได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การท่องอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล เทรดหุ้น ไปจนถึงการสตรีมมิ่งได้แบบลื่นๆ เลยทีเดียว


Battery / Heat / Noise

MSI PRODP20ZA

สุดท้ายก็เป็นเรื่องของอุณหภูมิในการทำงาน เห็นเคสเล็กๆ แบบนี้ แต่ก็จัดการเรื่องอุณหภูมิได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะกับพัดลมซีพียูขนาดใหญ่ และครอบคลุมอุปกรณ์อื่นๆ ทั่วทั้งเมนบอร์ด ลมที่พัดเข้าไป ก็สามารถกระจายลมไปได้ทั่ว ลดความร้อนได้ดี โดยอุณหภูมิสูงสุดในการทดสอบบนแบบ Full load บนโปรแกรม FURmark อยู่ที่ราว 76 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65-68 องศาเซลเซียสเท่านั้น ถือว่าทำได้ดี เพราะโอกาสการใช้งานซีพียูระดับ 100% แบบนี้ มีไม่มากนัก ฉะนั้นหากเป็นการทำงานโดยทั่วไปน่าจะอยู่ที่ราว 55-60 องศาเซลเซียส เท่านั้น


Conclusion / Award

MSI PRODP20ZA

สรุปภาพรวมของ MSI PRODP20ZA รุ่นนี้ ผมว่าเหมาะกับคนที่ต้องการคอมทำงาน หรือใช้ในสำนักงานยุคใหม่ เน้นความมินิมอล ดูมันสมัย ลองนึกภาพดูครับว่า บ้านที่เป็นแบบ Smart Home ใช้งานไร้สายให้มากที่สุด โต๊ะคอมที่ไม่ต้องเทอะทะ และพีซีที่จัดวางได้ในทุกแนว ตกแต่งห้องได้สวย แต่ทำงานที่เหมือนกับใช้คอมเครื่องใหญ่ จะต่อ 3 จอก็ง่าย ทำงานเอกสาร ท่องเน็ตหาข้อมูล หรือจะเทรดหุ้น สตรีมมิ่งวีดีโอไปพร้อมกัน ก็ยังได้ครับ

แต่ก็บอกตรงๆ ว่าอาจจะไม่ใช่สำหรับคอเกม ด้วยสเปคที่ไม่ได้ใส่การ์ดจอแยกมาให้ จะเล่นได้ในบางเกม ที่ไม่ได้เรียกใช้ทรัพยากรมากมายนัก เกมออนไลน์พอเล่นได้แบบที่เราได้ทดสอบบน DOTA2 และ PUBG ที่เล่นได้ลื่นในระดับ Low หรือ Medium Detail ในแง่ของการอัพเกรด ก็ยังทำได้ แม้ในเคสจะมีพื้นที่จำกัดก็ตาม เพราะเพิ่มได้ทั้ง SSD และ RAM บนสล็อตที่เหลือ 

สุดท้ายก็คือ พอร์ตที่ให้มาก็เรียกว่าเกือบครบครัน ให้คุณต่อพ่วงอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงมี WiFi มาในตัวอีกด้วย สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท การรับประกัน 3 ปี เป็นแบบ Onsite Pickup and Return อุ่นใจได้ในการใช้งาน โดยซีรีย์ DP20ZA จะมีทั้งหมด 3 รุ่น

ซื้อสินค้า MSI ได้ที่: https://msi.gm/DP20ZA-NBS

  • MSI PRODP20ZA 5M-205TH เริ่มต้น 23210.-
  • MSI PRODP20ZA 5M-206TH 18920.-
  • MSI PRODP20ZA 5M-207TH 15070.-

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI PRODP20ZA

from:https://notebookspec.com/web/682753-msi-pro-dp20za-mini-pc

Advertisement

จอคอมมือสอง 2023 น่าซื้อมั้ย? เลือกแบบไหนดี เช็คอย่างไรให้ได้ของดี คุ้มค่า

จอคอมมือสอง 2023 รุ่นไหนน่าใช้ เลือกอย่างไรดี จอคอมเกมมิ่ง วิธีเช็คง่ายๆ ก่อนเลือกซื้อ

จอคอมมือสอง

จอคอมมือสอง อย่าไปซื้อ! ปี 2023 แล้วซื้อจอใหม่ดีกว่า… มักคำเตือนแบบนี้มักจะเป็นเรื่องที่หลายคนอาจเคยเจอ เมื่อรู้ว่าเราจะซื้อจอมือ 2 มาใช้งาน ซึ่งก็อาจจะเป็นคำเตือนที่ดี แต่บางทีก็ขัดกับใจใครบางคน เพราะบางทีงบประมาณจำกัด แต่ก็อยากได้จอคอมใหญ่ๆ ความละเอียดสูงมาใช้ 2K, 4K หรือยิ่งได้รีเฟรชเรตสูงๆ 144Hz ขึ้นไป แบบจอเกมมิ่ง ก็ยิ่งดี แต่ราคาต้องเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าด้วย การที่จะได้จอที่ถูกใจมานั้น คงไม่ใช่แค่กำเงินที่มี แล้วเดินไปหาอย่างเดียว เพราะคุณจะต้องพอเช็คสภาพจอ รวมถึงกลไกต่างๆ ในการขายของจากบรรดาพ่อค้า วันนี้เรามาดูกันครับว่า การจะเลือกจอมือ 2 เหล่านี้ จะซื้ออย่างไร ที่ไหนและต้องเช็คอะไรบ้าง


จอคอมมือสอง น่าซื้อมั้ย? เลือกแบบไหนดี


จอคอมมือสอง น่าซื้อมั้ย?

จอคอมมือสองน่าซื้อมั้ย ข้อนี้ต้องถามใจคุณดูก่อนว่า คุณพร้อมที่จะรับสภาพได้แค่ไหน มีความอดทนมากพอมั้ย และจอที่คุณมองไว้ เหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้หรือไม่ เพราะราคาจะเป็นตัวกำหนด บางครั้งถูกมากไป ก็ได้ลุ้น แพงไปก็อาจจะไม่คุ้ม ฉะนั้นก็ต้องอยู่กลางๆ แต่หากคุณได้จอดีๆ มาใช้ ในราคาที่ถูกกว่าราคากลางในตลาด ก็ถือว่าคุณโชคดีมาก แต่กว่าจะได้จอมือสองแบบนั้นก็คงจะไม่ง่าย

Advertisementavw
จอคอมมือสอง

จอคอมมือสอง ก็คล้ายกับของมือสองอื่นๆ ในตลาด มีให้ลุ้นกันอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การได้ของที่ถูกใจ ในราคาถูกมาใช้ แต่ของเหล่านั้น ก็ถูกใช้งานมาแล้ว โอกาสที่มีข้อบกพร่องหรือเกิดความเสียหายก็มีเช่นกัน เช่นเดียวกับสภาพของจอ บางคนก็ดูแลดี เก็บรักษาอยู่ในห้อง แต่บางคนก็ไม่ได้ดูแล มีกระแทกบ้าง สัตว์เลี้ยงมาแทะ ซนชนจนหล่นตกแตก หรือบางทีก็ชอบเอานิ้วจิ้มจอ เป็นต้น ก็อาจจะมีผลต่อการใช้งานเช่นกัน

จอคอมมือสอง

รวมถึงของที่ใช้แล้ว ก็มีความเสื่อมเป็นธรรมดา ยิ่งเป็นจอที่มีอายุในตลาดมายาวนาน และใช้งานต่อเนื่อง ลองนึกสภาพว่า ผู้ใช้ไม่เหมือนกัน บางท่านก็อาจจะเปิดใช้ทำงานแค่วันละ 5-8 ชั่วโมง ส่วนเกมเมอร์บางคน อาจจะเล่นต่อเนื่องวันละ 12 ชั่วโมง ความเสื่อมสภาพของหน้าจอ หรืออายุการทำงาน ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อครบปี โอกาสที่คุณจะรับไปใช้ต่อ แล้วเกิดปัญหาหรือการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนได้บ้าง ก็มีอยู่ไม่น้อย

จากข้อมูลพื้นฐานของผู้ผลิต จอภาพในแบบ LED นั้น จะมีอายุการใช้งานราวๆ 80,000-120,000 ชั่วโมง หรือราวๆ 20 ปี ในกรณีที่ใช้วันละ 8 ชั่วโมงนะ (อ้างอิง: digitalworld839.com) ยังไม่รวมปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุณหภูมิ ความชื้นหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจทำให้แผงวงจรหรือพาแนลเสียหายได้

จอคอมมือสอง

ยังไม่รวมถึงสภาพแวดล้อมหรือการจัดเก็บดูแล บางบ้านอยู่ในห้องปรับอากาศ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ ก็จะยังอยู่ในสภาพที่ดี เพราะชิ้นส่วนภายใน ไม่เจอกับอุณหภูมิที่สูง ก็จะทนทานกว่าจอภาพที่อยู่ในห้องธรรมดา อากาศร้อน หรือบางทีก็เสี่ยงกับความชื้น เช่นวางใกล้หน้าต่าง หรือสัตว์เลี้ยง แมลง มด สิ่งเหล่านี้ มีส่วนทำให้จอภาพเสียได้ไวขึ้น

แม้จะมีความเสี่ยง แต่ถ้าคุณได้จอคอมมือสองที่ถูกใจ ในราคาถูกลงเกือบครึ่ง สภาพดี มีประกัน แบบนี้ใครก็อยากเสี่ยง ไม่มีผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ดังนั้นถ้าคุณชอบของดี ราคาโดน เราไปดูรายละเอียดกันครับ ว่าจะเลือกอย่างไรบ้าง


ซื้อที่ไหนดี?

หลายคนตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อจอคอมมือ 2 มาใช้เป็นการชั่วคราว และเก็บเงินซื้อจอใหม่ที่ดีกว่า อาจจะด้วยสาเหตุที่จอเก่าเสีย ส่งต่อให้คนอื่นหรือบางทีก็งบประมาณจำกัด ต้องการจะใช้จอที่มีคุณสมบัติตามต้องการ ซึ่งของใหม่อาจจะราคาสูงเกินเอื้อม แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าซื้อจอได้ที่ไหนบ้าง เรามีข้อมูลมาเป็นแนวทางครับ

ห้างไอที ร้านตู้ มีร้านเยอะ ความหลากหลายอยู่ที่จังหวะ ราคาอาจสูงบ้าง แต่เห็นของ เช็คสภาพได้เลย ร้านออนไลน์ มีให้เลือกหลากหลาย ชำระผ่านแพลตฟอร์ม ราคาอยู่ที่สภาพและความต้องการ จัดส่งมั่นใจได้ กลุ่มและคอมมูนิตี้ มีให้เลือกเยอะ ราคาดี มีให้บิดกับพ่อค้า ความไว้วางใจ ชำระเงิน ส่งของ เร็วช้าอยู่ที่เครดิต

ห้างไอที: ห้างเหล่านี้ หลายๆ แห่งจะมีบรรดาร้านที่มีจำหน่ายอุปกรณ์คอมมือสองอยู่ด้วย จะมีทั้งร้านเล็กและร้านใหญ่ บางร้านก็จะมีหน้าร้านออนไลน์เอาไว้ด้วย คุณสามารถสอบถามข้อมูล ราคา ก่อนจะเข้าไปดูตัวจริงที่ร้าน ข้อดีของการซื้อแบบนี้อยู่ที่ การได้เห็นตัวจริงสินค้า สภาพ มีร้านการันตี หน้าร้านชัดเจน ต่อรองราคาได้ และมั่นใจเรื่องการบริการ แต่อาจจะมีให้เลือกไม่หลากหลาย รวมถึงราคาอาจจะสูงเล็กน้อย เพราะร้านมีค่าใช้จ่าย รวมถึงเราต้องเดินทางไป และบางครั้งก็อาจจะไม่มีของที่เราต้องการ

จอคอมมือสอง

ร้านค้าออนไลน์: ในนี้เราจะรวมเว็บไซต์ที่เป็นตลาดซื้อขายเข้าไปด้วย ซึ่งในบ้านมีให้เลือกเข้าไปช้อปมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, Kaidee หรือ Pantipmarket เป็นต้น ข้อดีของร้านค้าเหล่านี้คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการ ตั้งแต่ คัดกรองสินค้า ผู้จำหน่าย รวมถึงการค้นหา การชำระเงิน ส่วนใหญ่จะปลอดภัย สะดวก แต่ที่เหลือคือ ผู้ซื้อและผู้ขาย ต้องเช็คสินค้าและดูรายละเอียดให้ครบถ้วน ก่อนจ่ายเงิน และหลังจัดส่ง รวมถึงมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย สอบถามรายละเอียดในแต่ละร้านได้โดยไม่ต้องโทรหา หรือเดินหาด้วยตัวเอง แค่แชทผ่านช่องทางที่กำหนด ทำราคาได้ค่อนข้างดี มีระบบจัดส่งที่วางใจได้ แต่คุณจะไม่ได้เห็นสินค้าแบบสัมผัสได้ หรือว่าทดสอบได้นั่นเอง

จอคอมมือสอง

Group หรือ Community: ส่วนใหญ่จอคอมมือสองจะเป็นกลุ่มใน Facebook ที่มักรวมกันเป็น Community ที่มีคนที่เป็นสมาชิกที่ชื่นชอบในสินค้าหรืออุปกรณ์แบบเดียวกัน เช่น กล้อง การ์ดจอ คอมพิวเตอร์ รวมถึงจอคอมด้วยเช่นกัน ข้อดีของ Community แบบนี้คือ ไม่ใช่แค่การมองหาแล้วซื้อ แต่คุณยังเปิดรับสินค้า ให้ผู้ขายเข้ามานำเสนอได้ บางครั้งแข่งกันเรื่องราคา ผู้ซื้อก็จะได้ราคาพิเศษไป แม้จะเป็นข้อดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้ซื้อก็ต้องรับความเสี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะกลุ่มไม่ได้เป็นแพลตฟอร์ม การคัดกรองค่อนข้างยาก มีทั้งผู้ที่จำหน่ายจริง และคนที่ไม่สุจริตเข้ามาแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ขั้นตอนที่สำคัญคือ การชำระเงิน การส่งของ จนกว่าจะถึงปลายทาง เพราะโอกาสที่ผิดพลาดก็มีสูง จากเคสต่างๆ เช่น โอนเงินแล้ว แต่ไม่ส่งของ ส่งของไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ ส่งของเสียมาให้ หรือบางครั้งก็เป็นการหมุนเงินก่อน กว่าจะส่งของก็เป็นเดือนๆ หรือบางทีก็ไม่ส่ง การติดตามก็ยาก ช่วงหลายปีมานี้ ก็มีการใช้วิธี Verify ตัวบุคคล การสร้างเครดิตผู้ขาย รวมถึงการชำระแบบผ่านกลางแอดมินเป็นต้น

ห้างไอที ร้านค้าออนไลน์ Group หรือ Community
ความสะดวก ต้องเดินทางไป ดูข้อมูลง่าย ดูข้อมูลง่าย
ความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา มีหลายร้านให้เลือก มีผู้ค้าจำนวนมาก
เช็คสินค้า เช็คได้ทันที ดูจากภาพ วีดีโอ ดูจากภาพ วีดีโอ
การชำระเงิน สะดวกจ่ายได้เลย หลายช่องทางตามสะดวก ขึ้นอยู่กับผู้ขาย
การจัดส่ง รับกลับได้ทันที รอร้านตามกระบวนการ ช้า/เร็ว อยู่ที่ความรับผิดชอบผู้ขาย
การรับประกัน เช็คได้ที่ร้าน ตามเงื่อนไข ตามที่ตกลงกับผู้ขาย
ความเชื่อมั่น มีหน้าร้านอุ่นใจ มีแพลตฟอร์มคืนได้ อยู่ที่เครดิตและความรับผิดชอบ
ราคา บวกจากปกติอยู่บ้าง ตามกลไกตลาด ถูก แพงอยู่ที่จังหวะและความต้องการ

เลือกอย่างไร?

ก่อนจะเลือกจอคอมมาใช้งาน ก็ต้องดูจากความต้องการของตนเองก่อนว่า อยากได้จอแบบไหน มาใช้งานอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน ก่อนที่จะไปส่องจอคอมมือสอง เพราะจอแต่ละแบบก็มีคาแรคเตอร์ที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งราคาก็จะต่างกันด้วย เราไปดูกันก่อนว่าจอแบบไหน มีลักษณะอย่างไร

จอคอมมือสอง

จอคอมใช้งานทั่วไป: โดยพื้นฐานจะใช้สำหรับงานทั่วไป เช่นงานเอกสาร การเรียนรู้ หรือทำรายงาน แต่งภาพบ้าง สามารถใช้จอใหญ่ระดับ 24″-27″ ได้ ความละเอียด Full-HD และมีฟีเจอร์ถนอมสายตา เช่น Low Blue Light อัตรารีเฟรชเรตพื้นฐาน 60Hz อาจจะรองรับ HDR ได้บ้าง พาแนล IPS ปรับแต่งได้บ้าง แต่อาจไม่ถึงขั้นมี Game Mode ราคาจะไม่ค่อยสูง เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน หรือสำนักงาน

จอคอมทำงานเฉพาะทาง: จอคอมในกลุ่มนี้ ต้องการขอบเขตสี และความแม่นยำของสีสูง เพื่อให้สอดคล้องกับการทำสื่อสิ่งพิมพ์หรืองานด้านการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก 3 มิติ แอนิเมชั่น คอมพิวเตอร์กราฟิก รวมถึงงานด้านภาพ ตัดต่อวีดีโอ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือ จอต้องมีการแสดงภาพที่แม่นยำ สีสันคมชัด มองเห็นในมุมต่างๆ ได้ไม่ผิดเพี้ยน ปัจจุบัน เช่น มีขอบเขตสีครอบคลุมระดับ 100% sRGB พร้อมความแม่นยำของสี Delta E (ΔE) < 2 (น้อยกว่า 2) ความละเอียดสูง เพื่อให้รองรับงานและแอพพลิเคชั่นได้ดี เช่น 2K หรือ 4K มีความสว่างสูง ลดแสงสะท้อน การมีอัตรารีเฟรชเรตสูง ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเช่นกัน แต่ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าจอทั่วไป ก็ทำให้ราคาของจอภาพพุ่งสูงกว่าจอแบบอื่นๆ

จอคอมมือสอง

จอคอมเล่นเกม: Gaming monitor เป็นจอคอมที่เราเห็นได้บ่อย เมื่อค้นหาคำว่า จอเกมมิ่ง จอเล่นเกมนี้จะต่างจากแบบทั่วไปในหลายด้าน ว่ากันตั้งแต่พื้นที่แสดงผล ตั้งแต่ 24″ ขึ้นไป หากคุณอยากใช้จอใหญ่ 27″-29″ อาจจะยังไม่ทำให้คุณต้องถอยร่นจากจอมากนัก เห็นได้เต็มตายิ่งขึ้น รวมถึงความละเอียด ส่วนใหญ่อยากได้ฟีเจอร์ครบ เทคโนโลยีจัดเต็ม 24″ Full-HD เป็นตัวเริ่มต้น แต่ถ้าเครื่องคอมคุณแรงพอ การ์ดจอเทพ จัดไป 2K (1440p) และ 4K (2160p) แต่อย่าลืมอัตรารีเฟรชเรตที่สูงขึ้น เริ่มต้นที่ 144Hz จะเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้ดีทีเดียว

จอคอมมือสอง

นอกจากนี้หากคุณเลือกจอที่มีการปรับแต่งเพิ่มได้ เช่น Game Mode ให้เลือก รวมถึงเทคโนโลยีสนับสนุน เช่น nVIDIA G-Sync หรือ AMD FreeSync เป็นต้น เช่นเดียวกับฟีเจอร์ที่ติดกับตัวจอมาด้วย ในการช่วยให้การเล่นเกมสนุกหรือได้เปรียบมากขึ้น เช่น Crosshair หรือ Night Vision เป็นต้น และที่สำคัญถ้าได้ปุ่มที่ปรับแต่ง OSD ได้ง่าย ยิ่งใช้ซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้ก็จะดีไม่น้อย แต่ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่จะมาพร้อม Gaming monitor ที่ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

จอคอมมือสอง

จอคอมสำหรับความบันเทิง: จะเน้นไปที่จอคอมที่มีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ ให้ความละเอียดสูง และมีสีสันสดใส ไม่จำเป็นต้องมีอัตรารีเฟรชเรตที่สูงมาก แต่ให้การสนับสนุนด้านภาพที่ดี มีความสว่างสูง และมุมมองที่กว้าง เพื่อการรับชมได้อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงพาแนลแบบ IPS ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย บนจอกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น OLED, Mini OLED, QuantumDot เป็นต้น ที่นอกจากจะให้ความคมชัดสดใส สีดำดำสนิทแล้ว ก็ยังสนับสนุนหรือได้ Certified DisplayHDR ที่ทำให้การแสดงผลมีความกลมกลืนสวยสมจริง ให้ขอบเขตสีที่กว้าง และผู้ใช้ยังสามารถเลือกโหมดการแสดงผลให้เข้ากับการใช้งานได้อีกด้วย สนนราคาก็ขึ้นอยู่กับพาแนลที่ใช้และเทคโนโลยีที่เติมเข้ามานั่นเอง


เช็คสภาพจอได้อย่างไร?

เมื่อได้รับจอคอมมาแล้วต้องเช็คอะไรบ้าง? เป็นคำถามที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ซื้อจอมือสองมาใช้ โดยเฉพาะคนที่ซื้อแบบออนไลน์ และไม่ได้ทดสอบมาก่อน แนะนำว่าให้รีบทดสอบก่อนภายใน 7 วัน ที่มักจะเป็นประกันแบบสากล มีความผิดปกติจะได้แจ้งกับผู้ขายให้ได้รับทราบก่อน เผื่อว่าอาจจะต้องส่งคืน หรือส่งเคลม (อย่างไรก็ดี ย้ำกันอีกทีว่า การซื้อของมือสอง ก็อาจจะไม่ได้ใหม่กริ๊บ สวยไร้ริ้วรอยเสมอไป ยกเว้นว่าคุณได้มาครอบครอง ก็ถือว่าโชคดีสุดๆ)

จอคอมมือสอง

สภาพโดยทั่วไป น่าจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายที่สุด ก่อนจะไปดูสิ่งอื่นๆ ว่ากันที่ กรอบจอ ไม่อ้า ไม่กางออก ไม่แตกหัก งานประกอบเรียบสนิท ไม่มีคราบกาวไหลเยิ้ม อย่างน้อยถ้าเป็นงานซ่อม ก็ต้องออกมาดี รวมถึงด้านหลังจอ ควรยึดกับฐานได้แน่น ไม่หลวมหลุดแกว่งไปมา ซึ่งจะบอกถึงความแข็งแรงได้ดี

จอคอมมือสอง

ฐานขาตั้ง ข้อต่อ ขาตั้งจอควรมีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ หากเป็นจอที่ปรับมุม ก้ม-เงย, หันซ้าย-ขวา, หรือ Pivot ได้ ก็ควรให้เป็นไปตามนั้น ยกเว้นว่าคุณยอมรับสภาพนั้นอยู่แล้ว เพื่อราคาที่ถูกลงมากๆ ก็เป็นข้อยกเว้น เพราะอย่าลืมว่า เวลาที่ใช้งาน สายตาคุณจะไม่แกว่งไปตามจอภาพนั่นเอง

จอคอมมือสอง

ปุ่มปรับแต่ง สำคัญมากๆ สำหรับการใช้งาน เพราะบางครั้งคุณต้องปรับเลื่อนเลือกฟังก์ชั่น เพิ่ม-ลดความสว่าง หรือการเปลี่ยนโหมดการใช้งาน บางรุ่นมีแค่ OSD settings มาให้ แต่ไม่ได้มีซอฟต์แวร์ หากปุ่มเสียไปกด เลื่อน เลือกไม่ได้ ก็จะปรับอะไรไม่ได้เลย จึงต้องเช็คให้แน่ใจ

จอคอมมือสอง

พอร์ตสัญญาณ ควรจะต้องใช้ได้ทุกช่อง ให้ต่อสายจากคอมมาเช็คในทุกๆ พอร์ต ไม่ว่าจะเป็น VGA, DVI, HDMI หรือ DisplayPort บางรุ่นมี USB Type-A, Type-C สำหรับ PD Charging หรือช่อง Audio-Out มาอีกด้วย วันนี้คุณอาจไม่ได้ใช้ แต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่ ยิ่งมีฟีเจอร์ KVM หรือ Display-Out ต่อจอเสริมได้ ก็ควรจะต้องใช้งานได้ตามปกติ

จอคอมมือสอง

ระบบไฟ ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่จำเป็น ไม่ว่าจะใช้อแดปเตอร์ตัวแปลงไฟ หรือต่อสาย Powercord ต่อตรงก็ตาม ต้องแน่น ไม่หลุดหลวม เพราะโอกาสที่เกิดการลัดวงจร หรือภาพดับบ่อยๆ สามารถส่งผลเสียต่อการใช้งานอยู่ไม่น้อยเลย

จอคอมมือสอง

อุปกรณ์เสริม บางครั้งอาจจะครบ หรือไม่ครบ ก็ไม่ได้เป็นประเด็น แต่สิ่งที่ควรมี ก็ต้องมี เช่น น็อตสกรูสำหรับยึดจอเข้ากับขาตั้ง หรือสายไฟ สายสัญญาณ ในส่วนอื่นๆ ที่เสริมมานั้น ก็แล้วแต่กรณีไป ซึ่งถ้าเป็นเฉพาะของจอรุ่นนั้นๆ ก็ควรต้องสอบถามผู้ขายให้แน่ใจ

จอคอมมือสอง

หลังจากที่เช็คสภาพจอโดยทั่วไปแล้ว ก็ได้เวลาเช็คสิ่งสำคัญ นั่นคือการแสดงผล แม้จะเป็นจอคอมมือสอง แต่ก็ควรจะอยู่บนพื้นฐานของการใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสว่าง ภาพที่คมชัด ไม่มี Dead/Bright dot จนรบกวนการใช้งาน ไปจนถึงไม่มีเส้น แตก ลายเมื่อใช้งานต่อเนื่อง เป็นต้น แล้วจะเช็คได้อย่างไร?

เช็คบนวินโดว์ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจเช็ค ด้วยการเปิดจอในหน้า Desktop ว่างๆ ด้วยการคลิ๊กขวาบนเดสก์ทอป จากนั้นเลือก View > เอาเครื่องหมายหน้า Show icon ออก แล้วเปลี่ยนสีของหน้าจอ ไปเป็นสีต่างๆ แล้วสังเกตสิ่งเหล่านี้

จอคอมมือสอง
  • เปิดหน้าจอสีขาว ต้องไม่มีจุดดำหรือ Dead pixel หรือถ้ามีมากสุดแค่จุดเดียว ก็ทำให้คุณเสียสมาธิและเสียอารมณ์ในการใช้งานได้แล้ว ยกเว้นว่าคุณรับได้
  • เปิดหน้าจอสีดำ ต้องไม่มีจุดสะดุดตา สีขาวหรือสีแดง ที่เป็น Hot pixel หรือ Bright pixel เพราะจะอารมณ์เดียวกันกับ Dead pixel และเป็นไปได้ว่า จะมีแนวโน้มเกิดขึ้นเพิ่มได้อีกด้วย
  • ไม่มีเส้นในแนวยาว หรือแนวตั้งปรากฏให้เห็น ไม่ว่าจะตอนเปิดจอใหม่ๆ หรือใช้งานไปนานๆ ก็ตาม
  • อาการแสงรั่ว ตรงนี้อยู่ที่การผลิตจอ ซึ่งเราแทบจะไม่เห็นกันในจอรุ่นใหม่ๆ ถามว่าน่ากังวลมั้ย ก็อาจจะมีอยู่บ้าง เมื่อเราใช้ในสภาพแวดล้อมที่มืดๆ ตรงจุดที่รั่วออกมาเยอะ อาจทำให้ความชัดลดลง และมีความรำคาญบ้างในบางครั้ง ซึ่งหากคุณงบน้อยจริง ต้องซื้อจอรุ่นเก่า พอรับได้ก็ดี แต่ถ้าจะซื้อจอกลางเก่ากลางใหม่ ก็ให้สังเกตเอาไว้หน่อยครับ รั่วเล็กน้อย แค่ขอบมุม พอได้ แต่ถ้ารั่วออกมากินพื้นที่จอเยอะเกินไป ก็ลองคุยกับผู้ขายดูอีกที

แต่ถ้าในกรณีที่ไม่แน่ใจจอคอมมือสองที่ได้มานี้ ใช้งานได้ดีมั้ย อยากจะเช็คการแสดงผลให้ละเอียดไปกว่านั้น ก็สามารถใช้ซอฟต์แวร์ทดสอบมาเป็นตัวช่วยได้ เรียกว่า DPT หรือ Dead Pixel Tester ดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โปรแกรมนี้สามารถแสดงผลให้เราทราบได้เลยว่า มีความผิดปกติใด เกิดขึ้นกับจอคอมมือสองที่ซื้อมาบ้าง ไม่ใช่แค่ Dead/ Hot/ Bright Pixel เท่านั้น แต่การแสดงผลสีขาว/ ดำ หรือวงกลม สมดุล เส้นขอบแนว ก็ทำได้หมด จากตัวอย่างที่เรานำมาให้ชมนี้

จอคอมมือสอง ซื้อได้ ควรระวัง
สภาพโดยรวม ไม่แตกร้าว เบี้ยวหัก เสียหาย แตก งอ ชิ้นส่วนหาย
ขาตั้ง ฐาน รับน้ำหนักจอได้ สมดุล ปรับหมุนปกติ เอียง พับ เขย่าหรือเสียสมดุลเมื่อใช้
จอภาพ แสดงผลชัดเจน สว่าง สีสดใส ไม่มัว ภาพคมชัด ไม่กระพริบ จอสีเหลือบ มีเส้น หรือ Dead pixel เยอะ
พอร์ต ใช้งานได้ครบ ต่อพ่วงได้ตามปกติ พอร์ตเสีย สัญญาณขาดหาย ขั้วต่อเบี้ยง เอียง เสียบไม่แน่น
ปรับแต่ง ปุ่มใช้งานปกติ ตั้งค่าการทำงานได้ เปิด OSD settings ไม่ได้ ปุ่มพัง กดไม่ติด
เสียง เสียงดัง ฟังชัด ไม่ขาดหาย เสียงแตก ติดๆ ดับๆ
ประกัน ประกันศูนย์ ประกันร้าน ประกันใจ

Conclusion

จอคอมมือสอง

นอกจากคอมมือสอง จอคอมมือสองก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ สำหรับคนที่งบประมาณจำกัด หรือบางทีอาจจะหามาใช้เป็นจอสำรอง และนำไปใช้เป็นจอเสริม ต่อแบบมัลติมอนิเตอร์ได้อีกด้วย แต่จากที่ว่ามาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า การมองหาจอคอมให้ได้แบบที่ต้องการ บางครั้งก็ไม่ได้ง่าย และมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เมื่อมีการซื้อหาแบบออนไลน์ เพราะหลายท่านก็ไม่สะดวก ที่จะเดินทางไปดูที่ร้าน หรือชอบซื้ออยู่กับบ้านมากกว่า ดังนั้นการพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่เร่งรีบ หรือเช็คให้ถี่ถ้วนจะเป็นการดี นอกเหนือจากให้ความสำคัญกับสเปค ความสวยงาม บางครั้งถ้าถึงขั้นจะต้องขอ Live เพื่อดูการใช้งานจริงๆ ได้ ก็คงต้องทำ เพราะเมื่อเงินโอนออกจากคุณไปแล้ว โอกาสจะได้คืนก็จะยากขึ้น ในกรณีที่ปลายทางไม่มีของอยู่จริง หรือเป็นมิจฉาชีพมาหลอกคุณนั่นเอง การเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีแพลตฟอร์มก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง หรืออยากจะไปช้อปดูหน้าร้าน จ่ายเพิ่มอีกหน่อย แต่ได้เห็นของเช็คสภาพได้เลย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณคร่ำหวอดในตลาดมากพอ และรู้ช่องทางซื้อ จะทางไหนก็เลือกหากันได้เลย ตามความสะดวกของแต่ละบุคคลครับ


2nd hand gaming monitor 2023 63

จอคอมไม่ติด ไฟกระพริบ เช็คอาการ แก้ไขใน 7 ขั้นตอนปี 2023

from:https://notebookspec.com/web/684875-select-2nd-hand-display-2023

CES 2023 – พาไปชมโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ บาง แรง Intel Gen 13 + RTX เพื่อ Creator และเกมเมอร์

โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ใน CES 2023 ขุมพลัง Intel Gen 13 + GeForce RTX 40 โฉมใหม่ เทคโนโลยีล้ำๆ

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI ที่เปิดตัวครั้งใหญ่ในงาน CES 2023 ครั้งนี้ จัดว่ายกทัพมาครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป เกมเมอร์ และทำงานจริงจัง เรียกว่า All New เลยทีเดียว เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่ถูกปรับใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังยกเครื่องมาใหม่ ใส่ขุมพลัง Intel Gen 13 รุ่นล่าสุด เกือบทุกซีรีส์ และหลายรุ่นก็มาพร้อมแรม DDR5 แล้ว พร้อมกับ SSD PCIe รุ่นใหม่ กับการ์ดจอระดับ GeForce RTX 40 series อีกด้วย บนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง MSI เติมเข้ามาให้กับผู้ใช้โน๊ตบุ๊คได้สัมผัสกันอย่างจุใจเลยทีเดียว โดยในครั้งนี้จะเป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คพกพก โน๊ตบุ๊คทำงาน และไลฟ์สไตล์ ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คใหม่สไตล์ล้ำสมัย มาใช้งานในปีนี้ ไม่ควรพลาดครับ


โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ ในงาน CES 2023


MSI Creator series

มากันที่โน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มนักสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตัดต่อวีดีโอ ตกแต่งภาพ กราฟิกดีไซน์และเหล่ายูทูปเบอร์ อย่าง Creator มีด้วยกัน 2 ซีรีส์ อย่าง Creator Z16 HX Studio และ Creator Z17 HX Studio จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสอดคล้อง ไม่ว่าจะเป็นความบาง เบา มิติที่ดูกระชับ ขอบจอบาง โดยบอดี้นั้นขึ้นรูปในแบบ CNC ที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ซึ่งบางเพียง 19mm และน้ำหนักเบาเพียง ปปปKg. เท่านั้น

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน เพื่อตอบสนองการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแสดงผลก็ตาม โดยที่ MSI CREATOR Z16 HX Studio นี้ มีทั้ง USB 3.2 Gen2 และ Thunderbolt 4 รวมถึงพอร์ต HDMI มาด้วย

และที่สุดของการทำงานคือ ขุมพลังอย่าง Intel Core i9-13950HX ซึ่งเป็นซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูง ให้การทำงานแบบมัลติทากส์กรวมกันถึง 24 core และยังเป็นรุ่นใหม่ Intel Core Gen 13 จึงทำให้การทำงานในด้านคอนเทนต์ วีดีโอ กราฟิก 3 มิติ และงานด้านสตูดิโอ ภาพและเสียง ไหลลื่นได้ดีทีเดียว

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไม่เพียงแค่นั้น เพราะทาง MSI ยังได้ใส่ขั้นสุดของเทคโนโลยีกราฟิกมาให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยกราฟิกการ์ด GeForce RTX ที่สนับสนุน nVIDIA Studio มาด้วย เพื่อให้สายทำงานและนักสร้างคอนเทนต์ได้ยกระดับการทำงานให้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน 3D, Video และการบรอดแคส โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับ GeForce RTX ได้อย่างลงตัว

20230104 135156 1600x1200 1

จุดที่เป็นไฮไลต์อีกสิ่งหนึ่งบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็คือ ชุดระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost มาพร้อมพื้นที่หน้าสัมผัสขนาดใหญ่ ช่วยลดเสียงรบกวน และให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด QHD+ (2560×1600) ให้ความแม่นยำสีสูง เพื่อการทำงานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น 100% DCI-P3 และ Delta-E <2 อีกด้วย โดยหน้าจอนี้ยังผ่าน Calman Verify ด้วยการ Calibrate สีบนหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านภาพและวีดีโอได้อย่างเหมาะสม

โน๊ตบุ๊ค MSI

และไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความบันเทิง ด้วยระบบเสียงชั้นยอดจากลำโพง 2W จำนวน 4 ตัว ที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio และระบบเสียง DTS กับบิตเรตที่สูง เก็บรายละเอียดได้ดี พลังเสียงจัดจ้าน

สามารถปรับแต่ง และตรวจเช็คระบบการทำงานต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ MSI Center ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่าจอ ระบบเสียง หรือการเลือกโหมดใช้งาน รวมถึงการมอนิเตอร์อุณหภูมิ ความเร็ว หรือการใช้แรมได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

ด้วยคุณภาพและการออกแบบที่ลงตัว พร้อมความทนทานระดับ Military Grade ทำให้มั่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การทำงานในสำนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินทาง พกพา เคลื่อนย้ายไปใช้งานนอกบ้านได้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยในงานมีการจัดแสดงโน๊ตบุ๊ค MSI CREATOR 2 รุ่นด้วยกันคือ CREATOR Z16 HX Studio และ CREATOR Z17 HX Studio โดยจะต่างกันในแง่ของมิติ และดีไซน์อยู่เล็กน้อย องค์ประกอบส่วนใหญ่จะคล้ายกัน


MSI Modern series

สำหรับโน๊ตบุ๊ค MSI Modern ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 ครั้งนี้ มี 2 โมเดลด้วยกัน ตามไลน์เดิมที่เคยวางอยู่ในตลาด ประกอบด้วย Medern 14 C13M และ Modern 15 B13M ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ แม้จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับในรุ่นก่อน แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของวัสดุ และดีไซน์อยู่พอสมควร ทำให้ดูพรีเมียมมากขึ้น โดยยังคงคอนเซปต์ บาง กระทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเท่าเดินประมาณ 1.4Kg เท่านั้น สำหรับ Modern 14 โดยที่ MSI Modern รุ่นใหม่ปี 2023 นี้ มาในสไตล์ที่ Slim บางลง และบางสุดเพียง 19.35mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนไปใช้ขุมพลังรุ่นใหม่ อย่าง Intel Core Gen 13 ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว และมาคู่กับกราฟิกอย่าง Intel Iris Xe Graphic รุ่นใหม่ ในการตอบสนองด้านกราฟิก หรือด้านความบันเทิง โดยที่ยังใช้ร่วมกับแรมในแบบ DDR4 3200 และอัพเกรดเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบปุ่มใหญ่ ตอบสนองไวเช่นเดียวกัน และมีแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นบนคีย์อีกด้วย โดยมีปุ่ม Hot key มากมายให้ใช้ พร้อมทัชแพดขนาดใหญ่กว่าเดิม และสนับสนุนการใช้งาน Multi-Gesture

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงมีมาอย่างครบครัน อาทิ USB-A, USB-C 3.2 Gen2 ใช้กับ PD-In ชาร์จไฟได้ แสดงผล และต่อสัญญาณไปยังจอนอกได้อีกด้วย รวมถึงมี HDMI และ Micro-SD card reader มาอีกด้วย

และ MSI ไม่เคยลืมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ปลอดภัยให้กับโน๊ตบุ๊คทุกๆ รุ่น เช่นเดียวกับ MSI Modern นี้ ก็ให้ความทนทานในระดับ MIL-STD-810G เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิ ละอองน้ำ รวมถึงการกระแทก

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ MSI Center ได้เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในการตรวจเช็ค ปรับแต่ง และอัพเดตสิ่งต่างๆ ในระบบผ่านทางโปรแกรมนี้ได้ทันที


MSI Prestige series

สำหรับ โน๊ตบุ๊ค MSI Prestige เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา ดีไซน์ลงตัว พกพาสะดวก โดยมี 3 โมเดลคือ Prestige 13 EVO, Prestige 14 EVO และ Prestige 16 EVO พร้อมจบได้ทุกงาน กับการออกแบบที่พิเศษมากขึ้น ด้วยวัสดุ Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ซึ่งโดดเด่นทั้งในด้านความแข็งแรง และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยที่ Prestige 13 EVO นี้ เบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น แต่ให้ขุมพลังในการทำงาน พร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาอย่างครบครัน และระยะเวลาในการทำงานต่อการชาร์จที่ยาวนานเลยทีเดียว เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก หน้าจอ 13.3″ แต่เพื่อให้งานได้นานขึ้น MSI ใส่แบตระดับ 75Whrs มาให้ ซึ่งรองรับการใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ยังสนับสนุน Fast Charging โดยสามารถชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที ด้วยการชาร์จผ่าน PD-Charging 20V และสเปคยังระบุมาว่า ใช้ได้นานกว่า 1.5 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียง 15 นาทีเท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอภาพขนาด 13.3″ พร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การมองภาพแบบเต็มตา สามารถทำงานหรือใช้ในความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ สีสันสดใส ความละเอียดระดับ Full-HD และยังเป็นพาแนล IPS ให้ค่า sRGB 100%

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลังที่นำมาใส่ไว้ในโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 นี้ มาพร้อม Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ ตอบสนองในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ และประหยัดพลังงาน แต่ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลแจ้งมาว่า ทำงานร่วมกับแรม DDR5 แล้ว และมีกราฟิก Intel Iris X รุ่นใหม่มาอีกด้วย

คีย์บอร์ดปุ่มขนาดใหญ่ กดง่าย สวยงาม และยังสว่างชัดเจนในที่มืด ด้วยแสงไฟ Backlit เป็นแบบสีเดียว เปิด-ปิดได้ ทัชแพดกว้างกว่าเดิม รองรับ Multi-Gesture ด้วยเช่นกัน

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต HDMI และUSB-A 3.2 พร้อม micro-SD card reader

ระบบความปลอดภัย มีมาให้แบบจัดเต็ม โดยโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 EVO นี้ มาพร้อมกล้อง IR FHD camera รองรับการสแกนใบหน้า เพื่อเข้าเครื่อง อีกทั้งเพิ่มในส่วนสแกนลายนิ้วมือมาให้ บนปุ่มเพาเวอร์ สำหรับการ Log-in เข้าระบบอีกด้วย และไม่พลาดกับฟีเจอร์อย่าง Tobii Aware ที่เข้ามาเสริมความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ เมื่อไม่ได้ใช้งานอยู่หน้าจอ โดยระบบจะเบลอหน้าจอให้อัตโนมัติ ป้องกันการลอบมองหรือเข้าใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาต

โน๊ตบุ๊ค MSI

อีกรุ่นหนึ่งเป็น MSI Prestige 16 Studio จะเป็นรุ่นที่เพิ่มฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เพื่อมอบพลังในการสร้างสรรค์ผลงาน แก่เหล่านักสร้างคอนเทนต์ทั้งหลาย ดีไซน์ที่เน้นไปทางพรีเมียม ดูหรูหรา แต่ยังคงความ Mobility บางเบา พกพาสะดวก พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันเช่นกัน บนขุมพลัง Intel Core Gen 13

มาพร้อมการสนับสนุน nVIDIA Studio ร่วมกับกราฟิการ์ด GeForce RTX ทำให้การทำงานในด้าน 3D, Video หรือการบรอดแคสนั้นไหลลื่น

โน๊ตบุ๊ค MSI

เสริมความมั่นใจด้วยระบบระบายความร้อน Dynamic Cooler Boost ที่ออกแบบฮีตซิงก์และฮีตไปป์ พัดลมให้ลดความร้อนในระหว่างการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนน้อยที่สุด โดยพื้นฐานการออกแบบ เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Ultra-Slim ก็ไม่ผิดไปนัก เพราะบางเพียง 16.85mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอแสดงผลที่ให้มาบน MSI Prestige 16 Studio นี้ ให้พื้นที่แสดงผล 16″ ความละเอียด QHD+ 2560×1600 ขอบจอบางพิเศษ ให้ค่า DCI-P3 100% ความแม่นยำของสีสูง Delta-E <2 พร้อม Calman verified และเทคโนโลยี True Color และพิเศษคือ เป็นพาแนลแบบ Mini LED ซึ่งเม็ดพิกเซลเล็กลง แต่ให้ความสว่างสดใสมากขึ้น เหมาะทั้งการทำงาน และความบันเทิง ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม รองรับระบบเสียง Hires และ DTS เพื่อเพิ่มอรรถรสในด้านความบันเทิง และไมโครโฟน ที่รองรับการสนทนาได้อย่างคมชัด

พอร์ตให้มาแบบจัดเต็มเช่นกัน เพราะมีทั้ง Thunderbolt 4, HDMI, USB 3.2 Type-A และ microSD card reader สำหรับ MSI Prestige 16 Studio นี้ มาพร้อมการใช้งานที่ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ และให้แบตเตอรี่ระดับ 82Whrs มาอีกด้วย เหมาะกับคนที่ใช้งานนอกบ้าน หรือไปพรีเซนต์งานลูกค้านอกสถานที่ และสนับสนุนการชาร์จไวด้วย PD Charging 100W


MSI Stealth series

โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน ที่สามารถเล่นเกมได้ดี บนบอดี้ที่บางเบา หากเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทั่วไป กับดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์ Stealth 14 Studio นั้น มาในโทนสีที่ดูเคร่งขรึม มีให้เลือกทั้ง Star Blue และ Pure White ที่จะเหมือนยานอวกาศ มีการตัดเส้นสายได้อย่างลงตัว จุดเด่นอยู่ที่บางเพียง 19mm และน้ำหนักแค่ 1.8Kg เท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่คว้ารางวัล Gaming Award ในงานนี้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

กับความเบาบางนี้ ยังแฝงด้วยความแข็งแรง เพราะผลิตจาก Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ทำให้เบาลงกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้วัสดุทั่วไป อีกทั้งลดการเกิดรอยนิ้วมือบนบอดี้ได้ง่ายอีกด้วย

20230104 134037 1600x1200 2

นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว MSI ยังได้เติมสีสันมาบน Stealth 14 Studio รุ่นนี้ ด้วยแสงไฟ RGB บนคีย์บอร์ด ซึ่งเป็นบบ RGB per-key คือแยกสีบนปุ่มได้อิสระ และด้านหลังเครื่องยังมีแสงไฟที่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้

20230104 135637 1600x1200 1

พอร์ตต่อพ่วงตอบโจทย์ในการใช้งานครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C รองรับ PD Charging รวมถึง USB 3.2 Type-A และ Thunderbolt 4 พร้อมพอร์ตแสดงผล HDMI มาในตัว

ยกระดับความแรงด้วยซีพียู Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ในแบบ H-series ที่พร้อมสำหรับงานด้านภาพ สตูดิโอ วีดีโอและการบรอดแคส รวมถึงการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 รุ่นล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่มากพอสำหรับคอเกม และยังใช้พลังงงานได้อย่างคุ้มค่า รองรับ Ray-tracing ทั้งในงานและการเล่นเกม เช่นเดียวกับสนับสนุนไดรเวอร์ nVIDIA Studio ด้วยเช่นกัน โดยมีชุดคอนโทรลกราฟิกอย่าง MUX switch มาในตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการสนับสนุนแรม DDR5 ที่ให้แบนด์วิทธิ์สูง และรองรับ SSD PCIe Gen4 อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 14″ ที่ให้ความละเอียดได้สูงถึง QHD+ 2560×1600 และอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz ให้ภาพที่ดูสวย นุ่มนวล เพิ่มระดับความบันเทิงให้เร้าใจมากขึ้นด้วยลำโพงที่ติดตั้งมาให้ 2 ชุด และยังมีซับวูเฟอร์อีก 2 ชุด พร้อมระบบเสียง Nahimic สนับสนุน Hi-res Audio โดยที่ผู้ใช้ยังเพิ่มความสนุกสนานกับระบบเสียงรอบทิศทาง ด้วยการต่อพ่วงลำโพงบลูทูธเข้าไปเท่านั้น ก็จะได้มิติของเสียงที่เร้าใจมากขึ้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

Vapor Chamber ขนาดใหญ่ เพื่อการระบายความร้อนให้กับซีพียูและกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น ลดเสียงรบกวน

โน๊ตบุ๊ค MSI

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ซึ่งฟีเจอร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันในส่วนของมิติ และฟังก์ชั่นบางรายการ แต่ยังคงมาพร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และแรม DDR5 รวมถึงกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 เพียงแต่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น 16″
บนความละเอียด QHD+ 2560×1600 เช่นกัน แต่อัตรารีเฟเรชเรต 120Hz

20230104 134059 1600x1200 1

โดยที่เสริมระบบความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น Webcam shutter ปิดกล้องแบบ Manual ด้วยตัวเอง ชุดสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเข้าระบบ พร้อมกล้อง FHD IR Camera ที่ใช้ในการสแกนใบหน้าได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

เช่นเดียวกับระบบพลังงาน ที่ให้แบตขนาดใหญ่ถึง 99.9Whrs มาด้วย เรียกว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานนอกสถานที่ทำงานได้ยาวนานมากขึ้น และที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ใช้ชุดระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ กับไปป์ไลน์จำนวนมาก พัดลม 2 ตัว และเทคโนโลยี Cooler Boost 5 อีกด้วย

ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ WiFi 6E ร่วมกับ Intel KILLER ที่ให้การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว เชื่อมต่อได้ไว ช่องทางขนาดใหญ่ในการติดต่อ และการสนับสนุน 2.5G LAN


MSI Summit series

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit มีมาโชว์ตัวในงานนี้ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย Summit E13 Flip Evo, Summit E14 Flip Evo และ Summit E16 โดยโน๊ตบุ๊คซีรีส์นี้ มุ่งเป้าไปที่งานธุรกิจ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบความบางเบา แต่ให้การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จุดเด่น ไม่ได้อยู่ที่ขนาดกระทัดรัด และขุมพลังที่แรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมหน้าจอที่พับได้ 360 องศา เป็นแบบทัชสกรีน รวมถึงใช้ร่วมกับปากกา MSI Pen ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนานต่อการชาร์จ และระบบความปลอดภัย ที่ทาง MSI จัดมาให้อย่างครบครัน พร้อมกับแพลตฟอร์ม Intel EVO เพื่อยืนยันว่า โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ทั้่งประสิทธิภาพที่ดี น้ำหนักเบา การเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ และประหยัดไฟใช้งานได้นาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo และ E14 Flip Evo โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมียม มีให้เลือกทั้งตัวเคสสีดำ ตัดเส้นสายสีทอง และแบบสีขาวทั้งตัว ทำให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น นั่งที่ทำงาน พบลูกค้า จิบกาแฟในคาเฟ่ และการพรีเซนเทชั่น ให้ความยืดหยุ่นด้วยการปรับพับหน้าจอเพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tablet mode, Desk mode และ Tent mode

20230104 135055 1600x1200 1

หน้าจอแสดงผล 13.4″ FHD+ (Summit E13 Flip Evo) และ 14″ QHD (E14 Flip Evo) เป็นพาแนล IPS ให้ความคมชัดสูง ระดับ sRGB 100% พร้อมขอบจอที่บางพิเศษ ให้พื้นที่ในการรับชมกว้างขึ้น รองรับการทัชสกรีน และสนับสนุน MSI Pen สำหรับการเขียน จดบันทึกบนหน้าจอ

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลัง Intel Core Gen13 ใหม่ล่าสุด และกราฟิก Intel Iris Xe ที่รองรับทั้งการทำงานและความบันเทิงครบครัน และทำงานร่วมกับแรม LPDDR5 รุ่นใหม่แล้ว และการสนับสนุน SSD M.2 PCIe Gen4

คีย์บอร์ดกดได้ไว ปุ่มใหญ่ ตอบสนองเร็ว พร้อมแสงไฟ Backlit สีขาวสว่างสดใส เพื่อการใช้งานในที่แสงน้อย เช่นเดียวกับทัชแพดขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งาน รองรับ Multi-Gesture ใช้หลายนิ้วพร้อมกัน ในการเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ พอร์ตสำคัญมีให้ใช้งานครบครัน โดยเฉพาะพอร์ตความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt 4, USB Type-A หรือจะเป็น HDMI และ microSD card reader ก็ตาม

โน๊ตบุ๊ค MSI

ทนทานด้วยการผ่านการรับรอง MIL-STD-810G ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกกระแทก แรงสั่นสะเทือน หรือความร้อนเย็นมากๆ และความชื้นเป็นต้น โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ 70Whrs ใช้ได้นาน 14 ชั่วโมง ส่วน Summit E14 Flip Evo จะเป็นรุ่น 72Whrs รองรับการใช้งานได้ถึง 13 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ อีกทั้งสนับสนุน PD-Charging อีกด้วย ชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที

นอกจากนี้ยังมี Tobii Aware เพื่อป้องกันผู้อื่นมาแอบมองข้อมูล หรือใช้งานขณะที่คุณไม่อยู่ที่หน้าจอ เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับกล้องเว็บแคม ที่มีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดหน้ากล้อง ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หลังจากเลิกประชุม ที่สำคัญคือ ให้การป้องกันอย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะใช้การสแกนใบหน้าผ่าน FHD IR Camera หรือการสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งาน

ส่วน MSI Summit E16 Flip นั้น เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์เดียวกัน แต่ออกแบบมาเพื่อ นักธุรกิจ และเจ้าของกิจการ รวมถึงนักสร้างงานอิสระ ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น ในการทำงาน โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ รองรับการทัชสกรีน และ MSI Pen พับได้ 360 องศา พร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และกราฟิก GeForce RTX 40 series รวมถึงแรม LPDDR5

ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 82Whrs เพื่อการทำงานในแต่ละวันได้ยาวนานระดับ 11 ชั่วโมงต่อการชาร์จ อีกทั้งรองรับ PD-Charging 20V อีกด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการระบบระบายความร้อนในแบบ Dynamic Cooler Boost ที่ช่วยลดความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงรบกวนที่น้อย ไม่ทำให้การชมภาพยนตร์ หรือการนำเสนอผลงานของคุณถูกรบกวน


Conclusion

นอกจากโน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มบางเบา พกพาสะดวก และตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้แล้ว MSI ยังยกทัพเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คมาอวดโฉมภายในงานกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น MSI Titan, Raider, Pulse, Katana รวมถึงซีรีส์ใหม่อย่าง MSI Cyborg ที่จัดเต็มทั้งด้านประสิทธิภาพและการแสดงผลอันยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถเข้าไปดูบทความโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เหล่านี้ได้ที่นี่ และเชื่อเหลือเกินว่าจะยังมีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทะยอยเปิดตัวกันอย่างสนุกจากทาง MSI ให้คุณได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มในช่วงปี 2023 นี้ ทาง Notebookspec จะนำข่าวสาร และการรีวิวมาให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง MSI ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิดในงาน CES 2023 มา ณ ที่นี้ด้วย รวมถึงขอบคุณผู้ชมทุกท่าน และขอต้อนรับเข้าสู่ปีใหม่ 2023 นี้ด้วยครับ

from:https://notebookspec.com/web/681406-msi-intel-gen-13-rtx-ces-2023

MSI PRO AP242 All-in-One PC ฟังก์ชั่นครบ แต่งภาพ เทรดหุ้น จบได้ทุกงาน สำนักงานยุคใหม่

MSI PRO AP242 ออลอินวันพีซียุคใหม่ ต่อได้ 3 จอ กล้องชัดลำโพงเสียงจัด ความปลอดภัยสุดล้ำ

MSI PRO AP242

MSI PRO AP242 เป็นออลอินวันพีซี ที่มาแบบครบเครื่อง ราคาเบาๆ เริ่มที่ 2 หมื่นกว่าบาท แต่ได้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งจอมาในตัว ขุมพลัง Intel Core i5 Gen12 และแรม 8GB หน้าจอ 24″ Full-HD พาแนล IPS คมชัดและมุมมองที่กว้าง มิติกำลังพอเหมาะ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย สะดวกกับการจัดวางบนโต๊ะหรือคนที่มีพื้นที่ทำงานจำกัด พร้อมกล้องเว็บแคม Full-HD และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน โดยให้ความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นการ สแกนใบหน้าหรือ Tobii Aware รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 รวมถึงพอร์ตต่อพ่วงมากมาย เช่น USB-C, HDMI และ DP เป็นต้น รองรับการต่อจอภายนอกเพิ่มได้อีก 2 จอและซอฟต์แวร์เสริมการทำงาน ในการตรวจเช็ค ปรับปรุงตั้งค่า เพื่อการใช้งานที่คล่องตัว การรับประกัน 3 ปี พร้อม On-site pickup and return ติดต่อ รับซ่อม และส่งคืน ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สนนราคาอยู่ที่ 27,400 บาท

MSI PRO AP242 สวยลงตัว งาน บันเทิง


จุดเด่น

Advertisementavw
  • มิติที่บางเบา กระทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
  • มาพร้อมความปลอดภัยครบครัน
  • รองรับการสแกนใบหน้าเข้าระบบ
  • กล้องเว็บแคม Full-HD
  • มีระบบรักษาความเป็นส่วนตัว Tobii Aware
  • ลำโพงด้านหลัง ให้พลังเสียงในระดับที่ดี
  • รองรับการต่อจอภายนอกเพิ่มได้
  • มีพอร์ต USB-C
  • ประกอบง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือ
  • มี Windows 11 Home มาในตัว
  • รับประกัน 3 ปี พร้อม On-site pickup and return

ข้อสังเกต

  • พอร์ต USB ความเร็วสูงอยู่ด้านหลัง การต่ออุปกรณ์ต้องขยับเล็กน้อย
  • ถ้าเพิ่มแรมเป็น 16GB จะทำให้ไหลลื่นมากขึ้น
  • การปรับ OSD ต้องใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ Display Kit

Specification

Description
CPU Intel® Core™ i5-12400
OS Windows 11 Home
CHIPSET Intel® H610
STORAGE 1x 256GB M.2 SSD (auto switch)
1x 2.5” HDD / SSD
GRAPHICS Intel® UHD Graphics
PANEL RESOLUTION 23.8″ IPS Grade Panel LED Backlight (1920*1080 FHD) with MSI Anti-Flicker technology
AUDIO SPEAKER 2x 2.5W
I/O 1x USB 3.2 Gen 2 Type C
1x USB 3.2 Gen 2 Type A
2x USB 3.2 Gen 1 Type A
2x USB 2.0 Type A
1x RJ45
1x HDMI out (2.0)
1x DP out (1.4)
1x Mic-in
1x Line-out
AUDIO Realtek ALC897
LAN Realtek RTL8111H
WIRELESS LAN Intel Wireless AC 3168
Intel Wireless AX201
BLUETOOTH 4.2 (with Intel AC 3168) / 5.2 (with Intel AX201)
WEBCAM Built-in FHD Webcam which supports Windows Hello
Removable webcam cover design
KEYBOARD / MOUSE Optional
AC ADAPTER 120W
ADJUSTMENT (TILT) -5° ~ 20°
NET WEIGHT 4.63 kg / 10.21 lbs
Price 27,400 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม: MSI PRO AP242


Install

MSI PRO AP242

ในปัจจุบันเรียกว่าแทบแยกไม่ออก สำหรับ All-in-One PC กับจอมอนิเตอร์ของทาง MSI เพราะอย่างที่เห็นคือดีไซน์มาบาง กระทัดรัดมากๆ ครับ เรื่องการจัดวางองค์ประกอบ และปุ่มควบคุมที่ถูกซ่อนเอาไว้ ก็ดูลงตัวไม่น้อยเลย แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า การประกอบติดตั้งใช้งาน จะยุ่งยากมั้ย มาดูขึ้นตอนกันครับ

MSI PRO AP242

จากชิ้นส่วนที่มีอยู่ในกล่องนั้น ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ชิ้นหลักอยู่ที่ขาตั้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการใช้งาน จะมีสลักที่เป็นล็อคแบบนี้ สำหรับต่อเข้าไปด้านหลังจอ

MSI PRO AP242

เริ่มแรกให้นำชิ้นขาตั้ง วางให้ตรงกับจุดยึดบริเวณด้านหลังของจอ และกดลงไป โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ตัวล็อคที่อยู่บนขาตั้ง จะทำงานอัตโนมัติ และถ้าต้องการถอดขาตั้งออก ก็เพียงปลดล็อค แล้วดึงออกจากด้านหลังเครื่องได้เลย

MSI PRO AP242

ชิ้นวงกลมที่ให้มาด้วยนี้ ใช้เป็นตัวฐาน ติดตั้งได้แบบไม่ต้องใช้ตัวล็อคเช่นกัน แค่เสียบขาตั้งลงไป แล้วหมุนฐานครึ่งรอบ เมื่อล็อคกันดีแล้ว ก็ใช้งานได้ทันที

MSI PRO AP242

ทั้งหมดทุกชื้นที่นำมาประกอบกัน ไม่ต้องใช้เครื่องมืออื่นใด ที่เหลือจะมีตัวเก็บสายกลมอันเล็กที่สามารถประกบเข้ากับขาตั้ง และเสียบสายเพื่อใช้งานได้เลย

MSI PRO AP242

สำหรับออลอินวันพีซีรุ่นนี้ ใช้ตัวแปลงที่เป็นอแดปเตอร์ 120W @6.15A โดยเป็นแจ๊คหัวกลม ต่อเข้ากับพอร์ตด้านหลังตัวเครื่อง สายที่ให้มาความยาวมากกว่า 3 เมตร ซึ่งช่วยให้คุณจัดการพื้นที่วางได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

MSI PRO AP242

นอกจากนี้ในกล่องยังมีเมาส์ คีย์บอร์ดแบบไร้สายในแบบคอมโบ เพื่อนำมาใช้ร่วมกันกับตัวเครื่อง ซึ่งข้อดีคือ ใช้ตัวรับ-ส่งสัญญาณตัวเดียวเท่านั้น ทำให้ประหยัดพอร์ตบนพีซี เพื่อไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมได้

MSI PRO AP242

เมาส์ไร้สายที่ให้มาด้วยนี้โมเดล MA004 ขนาดมาตรฐาน ไม่ได้เป็นไซส์เล็ก จับกระชับมือดีทีเดียว ใช้พลังงานจากถ่านขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน แต่ที่ชื่นชอบก็คือ มีสวิทช์เปิด-ปิดการใช้งานมาอีกด้วย


Hardware & Design

MSI PRO AP242

มาในเรื่องดีไซน์ของ MSI PRO AP242 ออกแบบให้ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยลง เพื่อจะได้เหลือพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะมากขึ้น ตัวฐานเป็นแบบวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 23cm เท่านั้น และวัดความยาวของจอได้ประมาณ 54cm แต่ผมมองว่าเป็นจอที่กว้าง เพราะออกแบบขอบจอมาให้บาง แทบจะเป็นแบบไร้ขอบ บนหน้าจอระดับ 23.8” เช่นนี้ ทำให้สัดส่วนพื้นที่ในการแสดงผลกับบอดี้มีมากกว่า 80% เลยทีเดียว

ขอบด้านข้างสังเกตได้ว่ามิตินั้นบางพอสมควร ซึ่งเป็นแบบที่ถูกใช้อยู่ในจอของ MSI หลายรุ่น เพื่อให้พื้นที่ในการแสดงผลที่กว้างมากขึ้น

MSI PRO AP242

ขอบด้านล่าง ก็แทบจะเรียกได้ว่า บางเป็นพิเศษ แต่ก็เสริมความแข็งแรงมาด้านใน ทำให้ดูเหมือนเป็นแค่จอภาพ ที่ไม่มีพีซีติดตั้งมาด้านหลังด้วย ซึ่งจากที่เรานำจอ MSI Modern MD241 มาวางคู่กัน เกือบแยกไม่ออกเลยทีเดียว ว่าฝั่งไหนเป็นพีซี มีโลโก้ MSI สีขาววางอยู่ตรงกลาง

MSI PRO AP242

มาดูที่ด้านข้างกันบ้าง จุดหนาสุด ถ้าวัดเฉพาะขอบจอด้านหน้า มาที่ส่วนยื่นบริเวณที่เป็นชุดคอมทางด้านหลัง ความหนาประมาณ 5.5cm เท่านั้น โดยขาตั้งให้สมดุลได้ค่อนข้างดี เพราะไม่โยกคลอนได้ง่าย และรองรับการปรับได้รูปแบบเดียวคือ มุมก้ม-เงย อยู่ที่ระกับ -5 – 20 องศา ซึ่งพอให้การใช้งานบนโต๊ะทำงานได้สะดวกในระดับหนึ่ง

MSI PRO AP242

แม้ว่าการปรับเลื่อนจะได้เพียงมุมก้ม-เงย แต่ด้วยความเบาของตัวเครื่องที่อยู่ราวๆ 4Kg. และ MSI ยังดีไซน์ตัวฐาน ให้เอียงเล็กน้อย ทำให้คุณจับตัวเครื่องหันซ้าย-ขวาได้ไม่ยาก ทดแทนการปรับตัวหมุนที่ฐานได้ดีทีเดียว

MSI PRO AP242

กล้องเว็บแคมที่ติดตั้งมาบน MSI PRO AP242 All-in-One PC เครื่องนี้ ให้ความละเอียดระดับ Full-HD มีความคมชัดสูง ซึ่งมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่วางใกล้กัน สำหรับตรวจเช็คการเคลื่อนไหว รวมถึงไมโครโฟนในการตัดเสียงรบกวนในการสนทนาได้ดีเลย

MSI PRO AP242

เชื่อว่าหลายคนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย ในการเลือกใช้พีซีสักเครื่อง คงไม่ได้หยุดแค่การ กรอกพาสเวิร์ดแล้วเข้าใช้งานได้เลย เพราะบางคนก็แอบมองรหัสเรา ก็แอบใช้ได้แล้ว MSI PRO AP242 มีระบบ Log-in ได้ทั้ง ใส่รหัสหรือการสแกนใบหน้าด้วยกล้องเว็บแคม ผ่านทาง Windows Hello นั่นเอง

Tobii Aware

MSI PRO AP242

แต่นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน อย่างการตั้งรหัสเข้าเครื่อง หรือการสแกนใบหน้าแล้ว MSI ยังได้เสริมความปลอดภัยไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Tobii Aware ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับกล้องเว็บแคมของ MSI ในการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น ด้วยเงื่อนไขหลักๆ คือ

  • Privacy Screen – เมื่อคุณไม่ได้นั่งอยู่หน้าเครื่อง ระบบจะเบลอหน้าจอให้ทันที และจะกลับมาชัดเหมือนเดิม เมื่อคุณเข้ามานั่งใช้งาน แต่จะเพิ่มความปลอดภัยไปอีกชั้น นั่นคือ ระบบจะ Lock Windows ทันที เพื่อไม่ให้ผู้อื่น มาแอบเข้าใช้งานได้ ซึ่งตรงนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเวลาล็อคอินใหม่ เพราะแค่คุณมาอยู่ตรงหน้ากล้อง ระบบก็เปิดให้พร้อมใช้งานได้แล้ว
  • Peeker Detection – และเป็นเรื่องปกติที่เมื่อคุณนั่งหันหน้าเข้าคอม บางคนที่อาจจะไม่ประสงค์ดี แอบยื่นหน้ามาดูจอได้ ระบบนี้จะทำให้หน้าจอเบลอ เมื่อกล้องตรวจพบว่ามีใบหน้าเข้ามาใกล้หน้าจอ หรือยู่ด้านหลังของคุณ
  • Auto Lock Windows – ระบบนี้จะช่วยเสริมการทำงานของ Privacy Screen ด้วยการ Lock หน้าจอให้ทันที เมื่อคุณเดินออกไปจากหน้าคอม โดยผู้ใช้เลือกเวลาได้ว่า จะให้ล็อคหลังจากที่ออกไปจากหน้าจอเมื่อไร มีให้เลือกตั้งแต่ 0-5 นาที
MSI PRO AP242

ตัวอย่างดังเช่นภาพด้านบนนี้ เมื่อคุณออกห่างจากหน้าจอ ระบบจะทำการเบลอหน้าจอให้ทันที หรือในกรณีที่มีคนจะแอบใช้คอมของคุณ เมื่อไม่อยู่ที่โต๊ะ ระบบก็จะเบลอหน้าจอเช่นเดียวกัน เรียกว่าเป็นความปลอดภัย 2 ชั้น กรณีที่คุณซีเรียสกับความเป็นส่วนตัว

MSI PRO AP242

MSI ให้กล้องเว็บแคมความละเอียด Full-HD ภาพคมชัด เห็นรายละเอียดได้ครบ รองรับ Windows Hello ล็อกอินด้วยใบหน้า และยังมีของเล่นเล็กๆ มาให้ครับ Webcam Cover สำหรับคนที่ใช้กล้องเว็บแคมเป็นประจำ และต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวใครมา Hack กล้องเว็บแคมคุณได้ ดูมินิมอลดีทีเดียว

MSI PRO AP242

ด้วยความเป็น ออล-อิน-วันพีซี ข้อดีก็คือ รวมคอมพิวเตอร์และจอเอาไว้ด้วยกันแล้ว จึงประหยัดพื้นที่บนโต๊ะไปได้มากทีเดียว เหลือพื้นที่ให้คุณใช้งานได้อีกมากมาย โดยเฉพาะคนที่มีห้องเล็กๆ หรือต้องทำงานบนโต๊ะมาตรฐาน 120cm นอกจากนี้ ยังไม่ต้องต่อสายต่างๆ ให้วุ่นวาย อย่างเช่น MSI PRO AP242 เครื่องนี้ มีทั้ง WiFi, กล้องเว็บแคม และจอคอมในตัวอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ต่อ สายไฟ AC เข้ากับเครื่องเท่านั้น ก็ใช้งานได้ทันที


Screen & Speaker

MSI PRO AP242

จอ IPS ที่มากับ MSI เครื่องนี้ มองเห็นได้ชัด ด้วยมุมมองที่กว้าง ให้ความละเอียดที่ระดับ Full-HD 1080p และยังเป็นจอแบบ Anti-Glare ลดแสงสะท้อน เข้ากับการใช้งานในออฟฟิศได้ดีเลยทีเดียว หรือจะใช้ใกล้กับบริเวณที่มีแสงมาก ก็ยังมองเห็นได้ชัด รองรับกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ดูหนัง หรือแม้กระทั่งการตกแต่งภาพ หรือท่องอินเทอร์เน็ตก็ตาม

MSI PRO AP242

ท่องเว็บ เล่นอินเทอร์เน็ตและเทรดหุ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานหลายคน เลือก ออลอินวันพีซีมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะสะดวก จบในตัวและได้จอใหญ่ ไม่ต้องไปซื้ออะไรเพิ่ม กับการแสดงผลถือว่า 24″ กำลังดี ให้พื้นที่แสดงผลข้อมูลกว้างขวาง เรียกว่าแค่กรอกตาไปมา ก็มองได้ทั่ว เรื่องความคมชัดและสีสันสดใส ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เพราะไม่ว่าจะใช้ดูหุ้น กราฟ รวมถึงต้องมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน จุดที่น่าสนใจคือ สามารถเปิดดูกราฟ และข้อมูลการเทรดไปพร้อมๆ กัน หรือจะแบ่งหน้าจอ เพื่อดูข่าว และเทรดคริปโตไปพร้อมกันได้ ประสิทธิภาพแรงพอสำหรับการใช้งานมัลติทาส์กได้ดีทีเดียว

MSI PRO AP242

ชมภาพยนตร์และการสตรีมมิ่ง ในด้านความบันเทิงสีสันที่สดใสคือหัวใจของจอบนออลอินวันจาก MSI เครื่องนี้ก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงให้แค่ภาพที่คมชัด แต่ยังเลือกการแสดงผลได้อย่างเต็มตา ยิ่งเป็นวีดีโอในแบบ Full screen และปรับแสงที่เหมาะสมบน OSD ในโหมด Cinema ก็ได้ความสว่างสดใสมากขึ้น และหน้าจอแสดงผลเอง ยังรองรับการปรับ HDR ได้อีกด้วย การดูวีดีโอสตรีมมิ่งบอกได้เลยว่า ภาพดูสดใสและแสงที่ได้มีความอิ่มมากขึ้น แบบที่แทบจะไม่ต้องไปแตะกับค่าอื่นๆ เลย

MSI PRO AP242

ในแง่ของการทำงาน หน้าจอขนาด 24″ เช่นนี้ ก็เหมาะกับการใช้งานพื้นฐานต่างๆ ได้ไม่ยาก หากเป็นงานเอกสาร ซอฟต์แวร์สำนักงาน ให้คุณลองปรับ Scale ของหน้าจอได้อย่างเหมาะสม จากเดิม 100% โดยส่วนตัวมองว่าเป็นหน้าจอที่กำลังพอเหมาะ ซึ่งมองเห็นฟอนต์ได้ง่าย รวมถึงการทำงานในด้านของภาพหรือวีดีโอ ก็อยู่ในระดับที่ดี แต่อาจจะไม่ได้กว้างขนาดที่เวลาคุณวาง Tools ต่างๆ จะมองเห็นได้ครบทุกจุด แต่ก็แนะนำว่าให้ลองปรับขนาดของ Font เล็กลงอีกหน่อย ก็จะทำให้ใช้งานด้านนี้ได้ดียิ่งขึ้น

MSI PRO AP242

อย่างไรก็ดีหากคุณมองว่ายังได้พื้นที่การทำงานบน ออลอินวัน MSI รุ่นนี้ไม่เต็มอิ่ม หรืออยากได้จอส่วนต่อขยาย สำหรับใช้งานอื่นๆ ด้วย เช่น การแสดงหน้าจอพรีวิวฟุตเทจวีดีโอ หรือจะให้โชว์ไฟล์บน File Explorer ไว้ใช้งาน หรือการเปรียบเทียบเอกสาร MSI PRO AP242 รุ่นนี้ สามารถต่อจอแสดงผลผ่านทาง HDMI ได้อีกด้วย อย่างเช่น ในครั้งนี้เราได้จอ MSI Modern MD241 มาใช้งานร่วมกัน ซึ่งดูลงตัวมากขึ้น

MSI PRO AP242

เพราะจอรุ่นนี้ นอกจากจะให้ความละเอียดระดับ 1080p แล้วยังมาพร้อมกับคุณภาพในด้านการแสดงผลสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแม่นยำสี และเทคโนโลยีถนอมสายตา ที่สำคัญยังรองรับการปรับหมุนในแนวต่างๆ ได้ครบ ไม่ว่าจะเป็น ก้ม-เงย, ปรับความสูง, หันซ้าย-ขวา และการปรับ Pivot 90 องศา เรียกว่าปรับจูนเข้ากับ

MSI PRO MP242 รุ่นนี้ เค้าใส่เทคโนโลยีถนอมสายตามาเต็ม ไม่ว่าจะเป็น การลดแสงสีฟ้า, ลดการกระพริบของจอ และเป็นจอที่ลดแสงสะท้อนมาให้ เอาง่ายๆ ว่าวันนี้คุณจะสามารถเคลียร์เอกสาร ดูหนัง หรือจะเทรดหุ้นกันได้ยาวๆ แบบไม่แสบตา ซึ่งเดิม MSI จะใส่ไว้ในจอระดับงานธุรกิจ และวันนี้ก็เอามาลงในจอทำงาน และใช้ในชีวิตประจำวัน


OSD settings

MSI PRO AP242

โดยพื้นฐานของจอบนออลอินวัน MSI รุ่นนี้ มีปุ่มด้านหลังมาให้ก็จริง แต่ใช้สำหรับเป็นปุ่มเพาเวอร์ และเพิ่ม-ลดความสว่าง แต่ทาง MSI เสริมซอฟต์แวร์อย่าง DisplayKit มาให้ ซึ่งคุณจะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของจอได้เหมือนกับการปรับใช้ OSD เลยทีเดียว แต่สะดวกกว่า เพราะใช้เมาส์คลิ๊กเท่านั้น

MSI PRO AP242

ในหน้าแรก Split Window จะให้คุณเลือก Split หน้าต่างโปรแกรมได้ 4 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 2 หรือ 4 หน้าต่างบนหน้าจอเดียวกัน

MSI PRO AP242

และยังตั้งค่าในหน้าของ Display ได้อีกด้วย เลือกการปรับแต่งทั้งแนวตั้งหรือแนวนอน ความละเอียด อัตรารีเฟรชเรต ไปจนถึงการแสดงผล

MSI PRO AP242

มาถึงส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรมนี้ และเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณปรับแต่งค่าต่างๆ ของหน้าจอได้ถูกใจ เพราะคุณสามารถเลือกโพรไฟล์การแสดงผลได้ถึง 7 โพรไฟล์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นใช้งานทั่วไป เล่นเกม FPS, RTS หรือการชมภาพยนตร์และถนอมสายตา แต่ที่น่าสนใจก็คือ ระบบจะให้การปรับเห็นผลในแบบเรียลไทม์ เรียกว่าปรับก็เห็นผลลัพทธ์ได้ทันที ส่วนตัวผมมองว่าสะดวกกว่าการกดปุ่มเยอะเลย

MSI PRO AP242

แท็ป Tools เป็นเครื่องมือที่ช่วยปรับจูนเมาส์ คีย์บอร์ด และการซูม-ย่อขยายหน้าจอ และการจัดการเรื่องสัญญาณภาพต่อภายนอกได้รวดเร็ว คล้ายกับการกด Win+P แต่ทุกอย่างรวมเอาไว้ในที่เดียว ปรับเปลี่ยนได้ง่ายกว่าเดิม

MSI PRO AP242

MSI ก็ให้จอระดับคุณภาพมาบน ออลอินวันพีซี รุ่นนี้ด้วย เพราะให้ค่า Gamut Volume ไปถึง 98.5% sRGB แสดงให้เห็นถึงความเป็นจอ High Gamut ที่เป็นจอระดับ Creator ได้ในระดับเริ่มต้น และยังได้ค่า Delta-E น้อยกว่า 2 จัดว่ามีความเที่ยงตรงของสีมากพอสมควร รองรับการใช้งานด้านภาพและวีดีโอพื้นฐานได้ดี เช่น การพรีเซนเทชั่นงานวีดีโอ และการทำชิ้นงาน เพื่อนำเสนอและงานพิมพ์ให้กับงานลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง

MSI PRO AP242

ด้วยระบบเสียง dts ที่มาบน MSI PRO AP242 รุ่นนี้ จัดว่าเร้าใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะการชมภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟ ไม่ว่าจะเป็น Avenger: End Game, Transformer หรือใครชอบแนวยกพลขึ้นบก อย่าง Saving Private Ryan ที่จัดว่าระทึกเร้าใจ แต่แนะนำว่า หากจะให้เสียง มีความแน่นทุ้ม ลองขยับจอเข้าไปใกล้ผนังสัก 15-20cm จะได้อรรถรสในการฟังมากขึ้น


Keyboard & Mouse

MSI PRO AP242

เมาส์และคีย์บอร์ดไร้สาย ที่มีมาให้ใช้งานคู่กับ MSI ดูลงตัวกับการใช้งานได้ดีทีเดียว เพราะใช้ USB Receiver เพียงตัวเดียวเท่านั้น ทำให้โต๊ะทำงานของคุณดูโล่ง สะอาดตา และมีที่วางของอย่างอื่นได้อีกมากมาย

MSI PRO AP242

เมาส์ไร้สายรุ่นนี้ มาในมิติกำลังพอเหมาะถนัดมือสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่เคลื่อนไหวได้สะดวก โดยเฉพาะกับคนที่ชอบเมาส์เบาๆ ตอบสนองได้ดี ใช้ถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อนเท่านั้น เท่าที่ลองก็ใช้งานกันแบบยาวๆ หรือจะพกไปใช้กับโน๊ตบุ๊คนอกบ้านก็ได้นะ พกพาใส่กระเป๋าไปได้ไม่เกะกะ

MSI PRO AP242

สำหรับมือผู้รีวิวเอง ก็ประมาณนี้เลยขนาดกำลังดี และมีปุ่มด้านข้างมาให้ เลือกใช้งานหรือ Undo ได้ตามสะดวก ปุ่มคลิ๊กเสียงดังเล็กน้อย แต่ก็นุ่มนวล เช่นเดียวกับ Scroll wheel ที่ทำขึ้นมาให้ใช้งานถนัดมือ

MSI PRO AP242

คีย์บอร์ดไร้สายตัวบาง ขนาดกระทัดรัด แต่ก็มี Number Pad มาให้ พร้อมปุ่มขนาดใหญ่ ที่ให้การกดที่แม่นยำ และมีปุ่มฟังก์ชั่นมัลติมีเดียมาให้ใช้ เช่น เพิ่ม-ลดเสียง, Play/ Pause หรือจะ FW/RW รวมถึงไฟสถานะ การตอบสนองอยู่ในระดับที่ดี กดไม่ต้องลึก เหมาะกับคนที่ชอบการพิมพ์สัมผัส รวมถึงคนที่เล่นอินเทอร์เน็ต คีย์หาข้อมูลเป็นประจำ


Connector

MSI PRO AP242

สำหรับพอร์ตต่อพ่วง มีให้ใช้งานอย่างครบครันเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งเพราะความเป็นพีซี ไม่ได้เป็นจอแสดงผลเพียงอย่างเดียว เลยทำให้ไม่ต่างไปจากคอมพิวเตอร์พีซี หรือโน๊ตบุ๊คมากนัก เหมาะทั้งการใช้งานทั่วไปในบ้าน สำนักงานหรือธุรกิจส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะมีฮาร์ดไดรฟ์ต่อภายนอก พรินเตอร์ แฟลชไดรฟ์ เพราะมีพอร์ต USB Type-A ให้รวม 5 พอร์ตด้วยกัน หรือจะใช้ต่อจอเพิ่ม เพื่อขยายพื้นที่การทำงาน ด้วยพอร์ต HDMI และ DisplayPort

  • 1x USB 3.2 Gen 2 Type C
  • 1x USB 3.2 Gen 2 Type A
  • 2x USB 3.2 Gen 1 Type A
  • 2x USB 2.0 Type A
  • 1x RJ45
  • 1x HDMI out (2.0)
  • 1x DP out (1.4)
  • 1x Mic-in
  • 1x Line-out
MSI PRO AP242

แต่จุดที่ติดตั้งพอร์ต อาจจะอยู่ลึกเข้าไปนิดหน่อย อาจจะต้องเอียงตัวจอ ให้สามารถติดตั้งพอร์ตได้ง่ายกว่าเดิม และมีจุดที่ติดอยู่นิดหน่อยก็คือ ด้วยการที่พอร์ตความเร็วสูง USB 3.2 อยู่ในบริเวณด้านใต้นี้ด้วย การต่อพอร์ตก็จะยุ่งยากหน่อย เพราะคุณอาจจะต้องก้มลงมาดู เวลาใส่หรือถอด หากเป็นไปได้ก็ให้มองหาสาย USB Extended ต่อมาวางไว้ด้านหน้า ก็จะง่ายขึ้น

MSI PRO AP242

ด้านข้างก็มีพอร์ตมาให้ แต่เป็น USB 2.0 Type-A เหมาะกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อย่าง USB Flash drive หรือ USB Receiver เพราะไม่ต้องใช้ความเร็วสูงมากนัก อีกทั้งอยู่ตรงด้านขวาของตัวเครื่องใช้งานได้ง่ายกว่า

MSI PRO AP242

โดยการต่อจอเพิ่ม ก็สามารถเลือกได้ว่าคุณจะต่อจากพอร์ตใด มีให้เลือกทั้งแบบ HDMI และ DP ขึ้นอยู่กับจอที่คุณนำมาใช้ อย่างเช่น MSI Modern MD241 ที่มี HDMI มาให้ คุณอาจจะเลือกจออีกรุ่นที่เป็น DP เพื่อการขยายเป็น 3 จอก็ได้เช่นกัน


Performance & Software

MSI PRO AP242

หลังจากที่เราได้ลองใช้งานในโหมดการทำงานต่างๆ กันมาพอสมควรแล้ว ต่อไปจะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรมทดสอบในด้านต่างๆ กัน

MSI PRO AP242

CPUz รายงานข้อมูลซีพียูเป็น Intel Core i5-12400 ทำงานแบบ 6 core/ 12 thread และความเร็วบูสท์อยู่ที่ราวๆ 4.4GHz ทำงานคู่กับชิปเซ็ต Intel H610 พร้อมการเชื่อมต่อแบบ PCI-Express 3.0

MSI PRO AP242

มีแรมมาให้เป็น DDR4 3200 ความจุ 8GB ซึ่งสามารถอัพเกรดเพิ่มเติมได้ในภายหลัง แนะนำอยากจะให้อัพเกรดเพิ่ม เพื่อให้การใช้งานไหลลื่นมากกว่า และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกราฟิกการ์ดได้อีกด้วย

MSI PRO AP242
MSI PRO AP242

โดยกราฟิกที่มาพร้อมกับซีพียูรุ่นนี้ เป็นกราฟิกในเจนเนอเรชั่นใหม่อย่าง Intel UHD Graphic 730 และบน GPUz ก็รายงานมาตรงกัน ซึ่งมีชุด Shader แชร์แรมร่วมกับระบบอัตโนมัติ รวมถึงความเร็วในการบูสท์สูงกว่า 1,450MHz เลยทีเดียว

MSI PRO AP242

จากนั้นมาดูการทดสอบแรก เทียบกับซีพียูพีซีอย่าง Intel Core i7-10700 ที่มีจำนวน Core/ Thread มากกว่า ซีพียูบน MSI PRO AP242 รุ่นนี้เรียกว่าหายใจรดต้นคอก็ว่าได้ เพราะมีคะแนน Multi-thread ห่างอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับทำคะแนนได้ดีกว่าในส่วนของ Single-thread

MSI PRO AP242

ส่วน SSD ที่ติดตั้งมาให้นั้น เป็นรุ่น WD SN530 ความจุ 256GB ประสิทธิภาพจัดว่าอยู่ในระดับเบื้องต้น ความเร็วประมาณ 2,485MB/s สำหรับการ Read และ Write ใกล้ๆ 1,000MB/s แม้จะดูไม่ร้อนแรงจัดมากนัก แต่ก็เร็วกว่า SSD พื้นฐานและไวกว่า HDD พอสมควร คุณอาจจะเริ่มต้นใช้งานไปก่อน และอัพเกรดหรือเปลี่ยนในภายหลังก็ได้ แต่ที่น่าสนใจคือ MSI All-in-One รุ่นนี้ ยังรองรับการอัพเกรดเพิ่มเติมได้ หรือจะเพิ่มด้วยชุดคิทอัพเกรด HDD ในแบบ SATA ก็ได้เช่นกัน

MSI PRO AP242

ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 คะแนนในภาพรวมไปได้มากถึง 5,029 คะแนน ซึ่งจัดว่าทำได้ค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งมาจากการที่ซีพียูตอบโจทย์งานในส่วนต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น Productivity กับงานด้านเอกสารและงานวีดีโอ Digital Content ทำให้มั่นใจได้ว่า ผู้ใช้จะสามารถใช้งานเหล่านี้ได้ไหลลื่นพอสมควร

สำหรับ 3DMark แม้จะดูโหดหินไปสักหน่อย เพราะใช้กราฟิกของซีพียูเป็นหลัก รวมถึงแรมมีให้ 8GB ก็อาจจะอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ยังทำผลทดสอบผ่านออกมาได้ แม้ตัวเลขไม่ได้สูงมากนัก แต่อย่าลืมว่าเป็นพีซีออลอินวัน ที่ใช้กราฟิกในตัว ซึ่งคะแนนทีได้นี้ เป็นเครื่องยืนยันความสามารถในด้านเกมได้ดีในระดับหนึ่ง ยังพอตอบโจทย์เกมออนไลน์แบบง่ายๆ ได้อีกด้วย

MSI PRO AP242

ขยับมาที่ DOTA2 กันบ้าง บนความละเอียดระดับ Full-HD ด้วยการตั้งค่า Detail ในระดับต่างๆ ดังนี้ เน้นที่ความลื่นไหล ลองที่โหมด Fastest ภาพอาจไม่สวย ตัวละครจะดูแปลกๆ แต่เฟรมเรตไปได้เกือบ 100fps. เมื่อมีเอฟเฟกต์โจมตีด้วยเวทย์ใหญ่ แต่ถ้าเน้นไหลลื่นด้วย ภาพดีกว่าเดิมพอสมควร Medium ดูเหมาะ เพราะ Hero ของคุณยังดูสวยอลังการ เล่นไปได้ราวๆ 55fps. สวยๆ แต่ถ้าเอาภาพงามๆ ตัวละครคมกริบ High ได้แต่เฟรมเรตไม่ถึง 30fps. ไม่แนะนำครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าคุณอัพแรมเพิ่มขึ้น จะได้ความสวยงามกับเฟรมเรตที่ดีขึ้นอีกระดับได้ไม่ยาก

MSI PRO AP242

มากันที่เรื่องของอุณหภูมิในการทำงานบน MSI PRO AP242 รุ่นนี้กัน ทดสอบกันแบบโหดๆ เพื่อจำลองการทำงานกับการเรียกใช้ซีพียูหนักๆ Full load 100% ตามภาพที่ปรากฏอยู่นี้ และมีซอฟต์แวร์ตรวจเช็คสถานะ MSI Center แสดงให้เห็นถึงการออกแบบชุดระบายความร้อน ที่คอนโทรลได้ในระดับ 77-78 องศาเซลเซียสเท่านั้น กับความเร็วที่พุ่งไปมากกว่า 3GHz โดยพัดลมทำงานไปประมาณ 50% ก็ถือว่า MSI ก็มีการจัดวางโครงสร้างได้ดี ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องของความร้อนขณะใช้งาน

MSI PRO AP242

MSI Center นอกเหนือจากการเป็นซอฟต์แวร์ตรวจสอบ บอกสถานะระบบได้แล้ว ยังมีฟังก์ชั่นอีกมากมายให้ได้เลือกใช้ ซึ่งหากเริ่มติดตั้งเราจะสามารถเลือกธีมของการใช้งานคุณได้อีกด้วย เช่น Gaming, Work, Entertainment ในส่วนนี้เราแนะนำให้คุณจัดการได้ตามความเหมาะสม หรือเลือกที่จะไม่ใช้ฟังก์ชั่นบางอย่างก็ได้เช่นกัน แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากคุณได้ลองปรับจูนหรือใช้โหมดการทำงานที่เหมาะกับตัวคุณดู จะพบว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ


Conclusion

Conclusion Content MSI

สุดท้ายนี้ ถ้าใจให้ผมสรุปกับการใช้งานและความชื่นชอบบน All-in-One PC จากทาง MSI PRO AP242 รุ่นนี้ เรื่องแรกคือ ความง่ายและสะดวกในการใช้งาน หากใครไม่อยากจะยุ่งยากกับการถอด ประกอบ เดินสายหรือมีฟังก์ชั่นที่ซับซ้อนเกินไป พีซีรุ่นนี้ตอบโจทย์คุณได้ครับ เพราะง่ายตั้งแต่ประกอบ ไปจนถึงการใช้งาน กล้องชัด ความลื่นไหลของการทำงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะงานเอกสาร ท่องเว็บ เทรดหุ้น ดูคริปโตหรือจะดูหนัง 4K ระบบก็อยู่ในระดับที่พร้อม แต่ถ้าจะให้ดี อัพเกรดเพิ่มความจุ SSD และใส่แรมเป็น 16GB ก็จะทำให้งานต่างๆ ต่อเนื่องมากขึ้น ส่วนการเล่นเกม เพราะกราฟิกเป็นแบบออนซีพียูเท่านั้น กราฟิกเกมเบาๆ ออนไลน์ให้ความสนุกได้ แต่ถ้าเกมจะโหดหนัก เลือกใช้งานพีซีมีการ์ดจอแยกจะเหมาะกว่า

นอกจากนี้หน้าจอที่ชัด มุมมองกว้างช่วยให้การใช้งานสะดวกกว่า ระบบความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม Tobii Aware ก็ใช้ง่ายมาก แทบไม่ต้องคีย์รหัสทุกครั้ง เพราะระบบจัดการ Lock และ Unlock ให้ทันที พอร์ตต่อพ่วงก็มีให้ใช้ครบครัน โดยเฉพาะพอร์ต USB Type-A ก็มีให้ถึง 5 พอร์ต และมี USB-C มาให้อีก เลือกติดตั้งอุปกรณ์ได้บนพื้นที่โต๊ะตามความเหมาะสม และที่ดูน่าสนใจก็ตรงมี Windows 11 Home มาให้ เปิดเครื่องก็พร้อมใช้งานได้ทันทีอีกด้วย ในราคา 27,400 บาท ถือว่าน่าใช้งานไม่น้อยเลย

MSI PRO AP242 Series ราคา 27,400 บาท รับประกัน 3 ปีเต็ม
ซื้อสินค้า MSI ได้ที่: https://msi.gm/nbsWTB

ติดตามโปรโมชั่นได้ที่:https://msi.gm/Promotionth
MSI Facebook: https://www.facebook.com/MSIThailandOfficial
MSI Call Center: 02 409 2984(8.30 –17.30 น.)
#MSI #Monitor

รับเพิ่มฟรี! ของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ จาก MSI
เมื่อเขียนรีวิวการใช้งานสินค้าที่ร่วมรายการ
ดูเพิ่มเติมที่นี่: https://msi.gm/ShoutOutTH

from:https://notebookspec.com/web/674578-msi-pro-ap242-all-in-one-pc-2022

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Intel, nVIDIA, AMD 2022 เล่นเกม ทำงาน ทำกราฟิก รุ่นไหนปัง!

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค 2022 เล่นเกม ทำงาน มีรุ่นไหนบ้าง Intel, nVIDIA หรือ AMD เลือกแบบไหน เช็คอย่างไร

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊คปัจจุบัน มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำงาน ไปจนถึงเล่นเกม และมีให้เลือกเกือบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม แต่ละค่ายก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันออกแบบ ขึ้นอยู่กับโน๊ตบุ๊คที่เลือกใช้ด้วย เพราะบางรุ่นก็มาในแบบติดตั้งในซีพียู ที่เรียกว่า Integrate graphic หรือ iGPU และอีกแบบก็เป็นกราฟิกแยกหรือ Discrete Graphic ซึ่งจะมีในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบจริงจัง เพียงแต่เพิ่มรุ่นที่เป็นกราฟิกสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบา หรือโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ประหยัดพลังงาน ไม่เพียงแค่นั้น การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ยังมีเรื่องของ สเปค รุ่น และฟีเจอร์ ที่จะช่วยให้งานของคุณไหลลื่นมากขึ้น เช่น MUX Switch, e-GPU, Ray tracing หรือ AMD FSR และ nVIDIA DLSS รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันครับ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ Intel, nVIDIA, AMD


การ์ดจอโน๊ตบุ๊คมีกี่แบบ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค ก็ไม่ได้ต่างไปจากพีซีตั้งโต๊ะหรือเดสก์ทอปพีซีมากมายนัก เพราะการ์ดจอจะมีทั้งบนซีพียู ที่เรียกว่า Integrate Graphic หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า การ์ดจอออนบอร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งบนตัวซีพียู และอีกแบบจะเรียกว่าการ์ดจอแยก หรือ Discrete Graphic และทั้ง 2 แบบนี้ ก็มีความแตกต่าง ทั้งในแง่ของการติดตั้งและการใช้งาน โดยการ์ดจอบนซีพียู จะเป็นการเริ่มต้นใช้งานของโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป ซึ่งมีอยู่บนโน๊ตบุ๊คทุกรุ่น เพราะติดกับซีพียูโมบายมาทุกรุ่น แต่การ์ดจอแยก จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านนั้นๆ เช่น การเล่นเกมบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค หรือการทำงานบนโน๊ตบุ๊ค Workstation นั่นเอง

Advertisementavw
การ์ดจอบนซีพียู การ์ดจอแยก
ประสิทธิภาพ การทำงานทั่วไป เล่นเกมหรือทำงานเป็นหลัก
การใช้พลังงาน ใช้พลังงานน้อย ใช้พลังงานสูง
แชร์ทรัพยากร แชร์แรมระบบ มี VRAM แยก
การระบายความร้อน ใช้ชุดระบายความร้อนปกติ เพิ่มชุดระบายความร้อน
ค่าใช้จ่าย ขึ้นกับ Position ของโน๊ตบุ๊ค ขึ้นกับชิปกราฟิกที่เพิ่มเข้ามา

การ์ดจอออนบอร์ด: เป็นการ์ดจอในเบื้องต้น ที่ติดตั้งรวมเข้ามาในซีพียูแล้ว ใช้ในการแสดงผล และประมวลผลกราฟิกระดับพื้นฐาน รองรับการทำงาน ดูหนัง เปิดไฟล์เอกสาร และการเล่นเกมแบบง่ายๆ ได้อย่างครบครัน โดยจะใช้ทรัพยากร อย่างเช่น แรม ร่วมกับแรมของระบบ (Share memory) จึงเหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพด้านกราฟิกหรือการเล่นเกมที่หนัก แต่ก็ใช้งานได้ดี ขึ้นอยู่กับความสามารถของกราฟิกบางรุ่น แต่ที่โดดเด่นคือ ใช้พลังงานน้อยลง ไม่ต้องดีไซน์ระบบระบายความร้อนมากนัก และยังพกพาสะดวก เราจึงเห็นกราฟิกรูปแบบนี้ ได้ตั้งแต่โน๊ตบุ๊คราคาประหยัด สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งาน ไปจนถึงโน๊ตบุ๊คบางเบา และใช้ในงานธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ใช้ได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อยอีกด้วย มีด้วยกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Intel หรือ AMD ก็ตาม

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอแยก: จะเป็นการ์ดจอที่เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งาน โดยเฉพาะกับการเล่นเกม และโน๊ตบุ๊คทำงานเฉพาะทาง นอกเหนือจากการ์ดจอ Integrate ที่อยู่บนซีพียู ซึ่งจะเป็นชิปกราฟิก GPU ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาบนโน๊ตบุ๊ค รวมถึงการเพิ่ม VRAM แยกต่างหาก ไม่ต้องแชร์แรมระบบ ทำให้ได้พลังในการเล่นเกมหรือทำงานเฉพาะทางที่สูงมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานที่มากกว่า และต้องการชุดระบายความร้อนที่ดี ซึ่งบางครั้งก็ส่งผลต่อมิติของโน๊ตบุ๊ค ที่ต้องมีความหนาและหนักมากขึ้นนั่นเอง รวมถึงราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย มีให้เลือกทั้ง AMD Radeon Graphic และ nVIDIA GeForce หรือ Quadro เป็นต้น


MUX Switch คือ?

เมื่อมีทั้งการ์ดจอออนบอร์ด บนซีพียู และมีการ์ดจอแยกอยู่ด้วย แล้วแบบนี้ระบบจะงงมั้ย เวลาที่ทำงานหรือเล่นเกม โดยในอดีตระบบจะสลับการทำงานให้อัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่การเล่นเกมตามเงื่อนไข แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องเข้าไปกำหนดค่าใน Driver ของการ์ดจอ เพื่อให้ระบบสลับการทำงานของชิปกราฟิกให้รวดเร็ว และถูกต้อง ซึ่งก็ดูจะวุ่นวายอยู่เหมือนกัน แต่ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีและการปรับปรุงฟีเจอร์เข้ามา เพื่อให้ระบบจัดการกราฟิกได้ง่ายขึ้น

ASUS MUX
source: ASUS

MUX หรือ Multiplexer ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการจัดการระบบการทำงานของกราฟิก iGPU หรือเป็นชิปที่ Integrate อยู่บนซีพียู เพื่อที่จะควบคุมการแสดงผล ให้ปิดการทำงานของ iGPU เมื่อการ์ดจอแยกทำงาน (Discrete Graphic) ทำให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้น ลด Latency ที่จะเกิดขึ้นในการแสดงผล และปิดการทำงานของ iGPU ไป เพื่อให้การ์ดจอแยกทำงานได้เต็มที่ ส่งผลดีต่อการเล่นเกม แต่ก็ทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น ในปัจจุบัน MUX Switch ติดตั้งอยู่บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น เช่น ASUS ROG, Dell G16 และ MSI Titan GT77 เป็นต้น


การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ดูตรงไหน

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การเช็ครุ่นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค มีด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ฟังก์ชั่นบน Windows ไปจนถึงการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม แต่แบบไหนจะดีกว่ากัน คงต้องบอกว่า ถ้าเป็นฟังก์ชั่นเดิมๆ บนโน๊ตบุ๊ค ก็จะดูได้เพียงระดับหนึ่ง การจะลงรายละเอียด เช่น ข้อมูลภายในของตัวการ์ดจอ หรือจะ Monitor hardware ก็ทำได้ยาก การใช้โปรแกรมมาเสริม ก็ทำให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น จะดูเรื่องของความร้อน รอบพัดลม แรงดันไฟ ไปจนถึงสัญญาณนาฬิกา หรือบางโปรแกรมก็เช็ตได้ด้วยว่า เฟรมเรตในการเล่นเกมดีแค่ไหน ใช้งานก็ง่าย ไม่ซับซ้อน

DirectX Diagnostic: เป็นวิธีที่ดูการ์ดจอได้ค่อนข้างง่าย มีขั้นตอนอยู่ 2-3 สเตป ทำตามนี้ได้เลยครับ เริ่มด้วยกดปุ่ม Win+R, จากนั้นพิมพ์ dxdiag ในช่องว่าง แล้วกด Enter จะมีหน้าต่าง DirectX Diagnostic Tool ขึ้นมา ให้ไปดูที่แท็ป Display ได้เลย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

Advance Display: ให้เข้าไปที่ Settings แล้วเลือก System จากนั้นเลื่อนมาด้านล่าง เลือกที่ Advance Display จะมีชื่อของ Display Adaptor ปรากฏให้เห็น

Device Manager: เป็นวิธีที่ง่ายเลยทีเดียว หากเป็น Windows 11 ให้คลิ๊กขวาที่โลโก้ Windows จากนั้นเลือก Device Manager แล้วเลือกที่ Display Adaptor ก็จะบอกรุ่นของการ์ดจอให้เห็น

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

CPUz: เป็นโปรแกรมที่ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มจาก ที่นี่ เมื่อติดตั้งแล้ว ให้เข้าไปที่แท็ป Graphic จะบอกรายละเอียดของการ์ดจอให้ได้ทราบ ละเอียดกว่าบน Device Manager

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

GPUz: แต่ถ้าต้องการรายละเอียด ชนิดที่เห็นข้อมูลสำคัญ เช่น สัญญาณนาฬิกา, Shader, Memory speed หรือเฟิรมแวร์ ไบออส แนะนำโปรแกรมนี้ ดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โดยเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เข้าไปในหน้าแรก Graphic Card ตรงนี้จะให้ข้อมูลต่างๆ ของการ์ดจอโน๊ตบุ๊คได้อย่างครบถ้วน และยังใช้งานร่วมกับการ์ดจอออนบอร์ด และการ์ดจอแยก ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม มีการอัพเดตข้อมูลสดใหม่อยู่เสมอ


e-GPU การ์ดจอต่อภายนอก

โน๊ตบุ๊คก็ฝังบอร์ดมาเช่นกัน การอัพเกรดก็แทบจะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับซีพียู แต่ปัจจุบันก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง เช่น การใช้การ์ดจอต่อภายนอกหรือ e-GPU ที่เป็น Box ใส่การ์ดจอต่อภายนอก ซึ่งใช้การ์ดจอพีซีปกติได้เลย เพียงแต่ข้อจำกัดจะอยู่ที่ โน๊ตบุ๊คที่คุณใช้จะต้องมีพอร์ต Thunderbolt รวมถึงการซื้อ Box สำหรับ e-GPU ไม่ได้ถูกราคาใกล้หลักหมื่น ส่วนเลือกการ์ดจอแรงแค่ไหน ราคาก็จะสูงตามไปด้วย นั่นก็ทำให้สายเกม เลือกซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงๆ ไปเลย จะได้จบในทีเดียว และค่าใช้จ่ายถูกกว่า

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ กราฟิก GPU บนโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีให้ 2 แบบคือ รุ่นปกติ และรุ่นประหยัดพลังงาน เช่น nVIDIA GeForce ในซีรีส์ของ Max-Q ที่จะถูกปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานอยู่ด้วย โดยจะดรอปความเร็วและฟีเจอร์บางส่วนลงจากรุ่นปกติ เพื่อให้โน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบาหรือกึ่งทำงาน ที่ต้องการการ์ดจอแยกได้สามารถพกพาและใช้งานได้ดียิ่งขึ้น


การ์ดจอ Intel

Graphic Max.frequency EU
Intel Core i3-1115G4 Intel UHD Graphic 1.25GHz 48
Intel Core i5-1145G7 Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1195G7 Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-11600H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i9-11900H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i3-1210U Intel UHD Graphic 850MHz 64
Intel Core i5-1235U Intel Iris Xe Graphic 1.20GHz 80
Intel Core i5-1250P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 80
Intel Core i5-1240P Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1260P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-12700H Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i9-12900H Intel Iris Xe Graphic 1.45GHz 96
Intel Core i9-12900HX Intel UHD Graphic 1.55GHz 96

Intel Graphic: การ์ดจอโน๊ตบุ๊คจากทาง Intel จะเป็นแบบ Integrate มากับซีพียูที่เป็นแบบเดสก์ทอปและโน๊ตบุ๊ค โดยจะมีให้ใช้งานอยู่ 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน ประกอบด้วย Intel Iris Xe Graphic และ Intel UHD Graphic ไม่ว่าจะเป็นซีพียู Intel Gen 11 ที่เป็นแบบ G series เช่น Core i3-1115G4 หรือจะเป็น U series และ H series ไปจนถึง HX series ก็ต่างมีกราฟิกมาในตัวเช่นเดียวกัน โดยในรุ่น G1/G4 และ G7 ตามรหัสต่อท้ายของซีพียู Intel Gen 11 เช่น Intel Core i3-1115G4 หรือ Intel Core i5-1135G7 เป็นต้น โดยจะต่างกันทั้งในเรื่องความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงสุดและ Execution Units รวมถึงการเชื่อมต่อของ PCIe จากตัวอย่างในตารางด้านบนนี้ จะมีข้อมูลบางส่วน จะเห็นได้ชัดว่า แม้บางครั้ง จะเป็นซีพียูในระดับเดียวกัน แต่ก็มีกราฟิก 2 โมเดล ดังนั้นการเลือกใช้ก็คงต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วย หากเน้นไปที่การใช้โน๊ตบุ๊คแบบไม่มีการ์ดจอแยก และทั้งหมดจะเป็นการแชร์หน่วยความจำหลักของระบบมาใช้อัตโนมัติ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

ถ้ามองกันที่โครงสร้างสถาปัตยกรรม Iris Xe Graphic จะมีความทันสมัย และความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงกว่า รวมถึง CUs จำนวนมากกว่ากราฟิกรุ่นที่ผ่านๆ มาของ Intel โดยเริ่มต้นเปิดตัว Iris Xe ครั้งแรกบนซีพียู Intel Gen 11 ประมาณปี 2020 ซึ่ง Iris Xe Graphic บนซีพียู Intel Gen 12 จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมทั้งใน EUs และสัญญาณนาฬิกา มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมฟีเจอร์นหลายส่วนเข้ามา เช่น การเล่นเกมบนความละเอียดสูง 1080p @60fps. และ Ai ใหม่ ใช้พลังงานต่ำ รองรับ Intel Quick Sync แปลงไฟล์วีดีโอได้เร็วยิ่งขึ้น รองรับ API ใหม่ๆ ได้ดี รวมถึง OpenCL ด้วย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
source: Laptopmedia

ส่วน Intel UHD Graphic เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel เช่นเดียวกัน และได้รับการปรับปรุงมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว ล่าสุดกับซีพียู Intel Gen 12 จะมาพร้อม UHD Graphic 770 ที่มี CUs มากถึง 32 ชุดด้วยกัน ในส่วนของ UHD Graphic เอง แม้ว่าอาจจะดูมีอายุอานามมาพอสมควร แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมาตลอด ทำให้มีฟีเจอร์ต่างๆ แทบไม่ต่างไปจาก Iris Xe Graphic อย่างไรก็ดี หากมองไปที่รายละเอียดในตาราง จะเห็นได้ว่า execution units และสัญญาณนาฬิกาของ Iris Xe Graphic นั้นสูงกว่า UHD Graphic ดังนั้นประสิทธิภาพที่ได้ ก็ดูจะน้อยกว่ากันพอสมควร


การ์ดจอ nVIDIA

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊คของทาง nVIDIA จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ซีรีส์ หลักๆ คือ GeForce MX ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของการ์ดจอแยกบนโน๊ตบุ๊ค ซึ่งเน้นไปที่การทำงานเป็นหลัก โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านกราฟิกได้ดีกว่าการ์ดจอ iGPU ที่อยู่บนซีพียูพื้นฐาน ส่วนที่เป็น GeForce GTX จะเป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค สำหรับเกมเมอร์ในระดับเริ่มต้น ซึ่งให้ประสิทธิภาพทั้งด้านการทำงาน และการเล่นเกมได้ดีพอสมควร ใอยู่ในโน๊ตบุ๊คราคาไม่สูงเกินไป และรุ่นพี่ใหญ่ท็อปสุด ก็จะเป็นการ์ดจอในตระกูล GeForce RTX ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มของฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ได้ และมีอยู่ด้วยกันหลายโมเดลในปัจจุบัน ประสิทธิภาพจะเหนือกว่า GeForce GTX และฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา เช่น การสนับสนุน DLSS หรือ Ray tracing เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมไหลลื่น และมีความสวยงามมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาโน๊ตบุ๊ค ที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับเกมเมอร์ ที่เล่นเกมจริงจัง และยังพกพาไปเล่นข้างนอกได้อีกด้วย

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
RTX 3050 2048 1.74GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3050 Ti 2560 1.69GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3060 3840 1.70GHz 6GB GDDR6 192-bit
RTX 3070 5120 1.62GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3070 Ti 5888 1.48GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3080 Ti 7424 1.59GHz 16GB GDDR6 256-bit

ที่มา: GeForce RTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
GTX 1650 1024 1560 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1650 Ti 1024 1485 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1660 Ti 1536 1590 6GB GDDR6 192-bit

ที่มา: GeForce GTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
MX330 384 1.59GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX350 640 1.46GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX450 896 930MHz 2GB GDDR6 64 bit

Max-Q คืออะไร

เป็นรหัสที่ต่อท้ายการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ให้ทราบการ์ดจอรุ่นนั้นๆ จะถูกลดทอนบางสิ่งลง เพื่อให้สามารถติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่ ที่มีขนาดบางลงได้ โดยไม่ทำให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป และลดการใช้พลังงานได้มากขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ จากการ์ดจอรุ่นปกติมากนัก โดยสเปคที่จะถูกลดลง เช่น สัญญาณนาฬิกาของ GPU และค่าการใช้พลังงาน TGP โดย ประสิทธิภาพของตัว Max-Q แทบไม่ต่างจากรุ่นปกติ และยังได้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Ray Tracing ที่มีอยู่ในการ์ดจอปกติของเครื่องพีซี ก็ถูกนำมาไว้ในการ์ดจอของโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า nVIDIA จะไม่ได้ใส่คำว่า Max-Q ต่อท้ายผลิตภัณฑ์บนการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่เป็น GeForce 30 series แต่จะให้ทางผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ค แจ้งข้อมูลในรูปแบบของค่าการใช้พลังงานกราฟิก TGP แทน โดยในส่วนของ Max-Q นั้น จะมีค่า TGP น้อยกว่าการ์ดจอในรุ่นปกติ รวมถึงค่า Base clock/ Boost clock ก็น้อยตามลงไปด้วย แต่ CUDA core และ VRAM ยังเท่ากัน


การ์ดจอ AMD

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Radeon 600M series นั้น มาพร้อมกับซีพียู AMD Ryzen 6000 series อยู่บนซีพียูที่ใช้โค๊ตเนม Rembrandt หรือ Zen3+ รุ่นใหม่ เป็นกราฟิกแบบ Integrate ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา และถือว่าเป็นกราฟิกที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะให้ประสิทธิภาพแรงใกล้เคียงกับการ์ดจอแยก แม้ว่าจะเป็นการแชร์หน่วยความจำจากระบบก็ตาม ซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่นคือ Radeon 660M และ 680M โดยชูฟีเจอร์สำคัญอย่าง FidelityFX Super Resolution ที่ช่วยในการอัพสเกลภาพให้มีความละเอียดสูงขึ้น แบบไม่ส่งผลกระทบต่อเฟรมเรต เพราะฉะนั้นใครที่เล่นเกมที่รองรับ FSR นี้ ก็จะสามารถเล่นได้ลื่นบนภาพที่มีความละเอียดมากขึ้นนั่นเอง

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
Radeon 660M 384 1.90GHz Share system
Radeon 680M 640 1.46GHz Share system

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค AMD 6000 series นั้น เป็นการ์ดจอที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ และเป็นการ์ดจอแยก ที่ให้ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ 6000M เป็นกราฟิกที่เน้นสำหรับการเล่นเกมแบบจริงจัง ด้วยขุมพลังที่อัดแน่นมาให้กับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณนาฬิกา VRAM หรือค่า TGP ก็ตาม ส่วน 6000S นั้น จะลดทอนบางอย่างลง เพื่อให้เหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีความบางเบา สำหรับเกมเมอร์แบบพกพา ประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ยังคงความแรงไว้ได้ใกล้เคียงกับ 6000M โดยทั้งคู่ใช้โครงสร้างจาก RDNA2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญต่างๆ เช่น AMD Advantage, FidelityFX, Infinity Cache และ Ray tracing เป็นต้น เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่น่าจับตามอง สำหรับคอเกมในเวลานี้

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUs Game clock Memory Memory type
Radeon 5300M 22 1.18GHz 3GB GDDR6
Radeon 5500M 22 1.48GHz 4GB GDDR6
Radeon 5600M 36 1.19GHz 6GB GDDR6
Radeon 5700M 36 1.62GHz 8GB GDDR6
Radeon 6600S 28 1.80GHz 4GB GDDR6
Radeon 6700S 28 1.90GHz 8GB GDDR6
Radeon 6800S 32 1.97GHz 8GB GDDR6
Radeon 6300M 12 1.58GHz 2GB GDDR6
Radeon 6500M 16 2.19GHz 4GB GDDR6
Radeon 6600M 28 2.17GHz 8GB GDDR6
Radeon 6700M 36 2.3GHz 10GB GDDR6
Radeon 6800M 40 2.3GHz 12GB GDDR6

ข้อมูลเพิ่มเติม: AMD Radeon RX


Conclusion

สุดท้ายนี้การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ก็คงต้องดูตามรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล และงบประมาณที่มี เพราะในกรณีที่คุณแค่ทำงาน และความบันเทิงเล็กน้อย หรือจะเล่นเกมเบาๆ ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก โน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอออนบอร์ด หรือ iGPU หลายรุ่นก็ตอบโจทย์คุณได้ ในงบประมาณที่ไม่แพงมากนัก หมื่นต้นๆ ก็มีให้เห็น แต่ถ้าคุณเน้นที่การเล่นเกม คุณอาจจะเริ่มต้นด้วย GTX1650Ti หรือ RTX3050 ก็ดูจะเหมาะสม เพราะเริ่มที่ 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น หรืออาจจะสูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น ซีพียู หรือว่าแรมที่ใช้ เพราะถ้าเป็นเซ็ตใหม่อย่าง Intel Gen 12 และใช้ DDR5 ราคาก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงความพรีเมียมของโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

NBS MSI

แต่ถ้าคุณชื่นชอบในการเล่นเกม และเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ที่ยังชีวิตด้วยเฟรมเรต กระตุกไม่ได้ แร๊คก็ไม่ควร การ์ดจอแยก RTX3070, RTX3080Ti หรือจะเป็น Radeon RX6700M หรือ RX6800M ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และพาคุณไปให้สุดกับเกม ที่ให้ความสวยงามของเกม ได้มากกว่าเฟรมเรตอีกด้วย แต่อาจจะเคาะราคาไปเกือบแสนบาท หรือมากกว่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจ

from:https://notebookspec.com/web/670670-graphic-card-notebook-2022

Apple Mac Pro รุ่นใหม่อาจจะยังคงใช้หน่วยประมวลผลของ Intel อยู่

แม้ Apple จะเน้นการใช้งานหน่วยประมวลผล ARM ของตัวเองมากขึ้น ทว่าจากข้อมูลล่าสุดนั้นพบว่า Mac Pro รุ่นใหม่นั้นจะยังใช้หน่วยประมวลผล Xeon ของทาง Intel อยู่


Mac Pro
Mac Pro “cheese grater”

Mac Pro รหัส “cheese grater” ที่เป็นรหัสซึ่งมาจากดีไซน์เคสสุดแปลกรุ่นใหม่ของ Mac Pro นั้นใกล้ที่จะมีการเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นมีข่าวลือค่อนข้างหนาหูว่าท่ามกลางการสนับสนุนหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM ของทาง Apple ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ทาง Apple เองอาจจะใช้หน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM ของตัวเองกับ Mac Pro รุ่นใหม่ดังกล่าวนี้ด้วย

อย่างไรก็ดีตามข้อมูลที่หลุดออกมาล่าสุดจากทาง wccftech และ MacRumors นั้นพบว่าทาง Apple เองอาจจะยังคงเกาะติดอยู่กับทาง Intel อยู่สำหรับหน่วยประมวลผลของ Mac Pro สุดแรงเครื่องใหม่นี้ โดยตามรายงานนั้นระบุเอาไว้ทาง Apple นั้นจะยังคงใช้งานหน่วยประมวลผลของทาง Intel กับ Mac Pro รุ่นใหม่ดังกล่าวนี้อยู่โดยจะเลือกใช้หน่วยประมวลผลในรุ่น Ice Lake Xeon W-3300 ล่าสุดของทาง Intel

ทั้งนี้หน่วยประมวลผล Intel Xeon W-3000 series นั้นจะเริ่มต้นวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงอาทิตย์ที่จะถึงนี้ โดยรุ่นท๊อปสุดอย่าง Intel Xeon W-3375 นั้นจะมาพร้อมกับแกนการประมวลผลมากถึง 38 แกน 76 threads ในส่วนของราคานั้นคาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ $6,000 หรือประมาณ 197,280 บาท 

หมายเหตุ – สำหรับรุ่นที่คาดว่าทาง Apple จะเลือกมาใช้กับ Mac Pro นั้นจะมาพร้อมกับตัวเลือกแกนการประมวลผลที่มากที่สุดที่ 28 แกน สำหรับชิปกราฟิกนั้นทาง Apple จะยังคงเลือกใช้งานของทาง AMD อยู่ต่อไป

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/web/607014-apple-new-mac-pro-may-be-equipped-with-intels-latest-ice-lake-xeon-w-3300-cpus

Intel ลงทุน 600 ล้านดอลล่าร์เพิ่มกับ R&D ในอิสราเอล 2 แห่ง เตรียมตั้งโรงงานมูลค่า 1 หมื่นล้าน

แม้มีกระแสว่า Intel อาจจะให้ TSMC ช่วยผลิตชิปก็ตาม แต่ทางบริษัทก็ยังสร้างโรงงานและศูนย์วิจัยใหม่ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยแผนทัวร์ยุโรปของ Pat Gelsinger CEO คนปัจจุบันของอินเทล มีแผนแวะไปยังประเทศอิสราเอล 1 วัน โดยเป็นการประชุมระหว่างฝ่ายบริหารของอินเทลและ Mobileye บริษัทยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ทางอินเทลซื้อมาตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมา และ Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของอิสราเอลด้วย

intel

Intel ลงทุนเพิ่ม 600 ล้าน สำหรับ R&D สองแห่งในอิสราเอล

mobileye

การลงทุน 600 ล้านดอลลาร์ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ก้อน ได้แก่ 400 ล้านดอลลาร์ เป็น R&D วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Mobileye ตั้งอยู่ในศูนย์วิจัยนานาชาติของอินเทล ในกรุงเยรูซาเล็ม และ 200 ล้านดอลลาร์ เป็นศูนย์ R&D รหัส IDC12 ตั้งอยู่ในเมืองไฮฟาที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล โดยเป็นศูนย์วิจัยที่เน้นด้านซอฟท์แวร์, ฮาร์ดแวร์และ AI เป็นหลัก

สำหรับศูนย์ออกแบบชิปของทางอินเทลนั้น เป็นศูนย์ขนาดใหญ่ที่รองรับพนักงานได้กว่า 6,000 คน ซึ่ง Pat เห็นว่าการลงทุนครั้งนี้จะนำไปสู่อนาคตอันดีของทั้งทางอินเทลและอิสราเอล และถ้าย้อนไปในปี 2019 นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอิสราเอลก็พร้อมเพิ่มเงินอุดหนุนให้สร้างโรงงานผลิตซีพียูของทางบริษัท 1 พันล้านดอลลาร์ และตอนนี้ทางบริษัทตัดสินใจเริ่มลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเริ่มการก่อสร้างโรงงานในเฟสแรกแล้ว

นอกจากนี้ ทางอินเทลก็มีโรงงาน Fab 28 ใน Kiryat Gat ซึ่งเอาไว้ผลิตชิปขนาด 10 นาโนเมตรแล้ว และเริ่มลงทุนสร้างโรงงานในอาริโซน่าอีก 2 แห่ง สำหรับผลิตชิปขนาด 7 นาโนเมตร ด้วยเงินลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่โรงงานใหม่ที่เริ่มต้นสร้างนี้ยังไม่เผยว่าเอาไว้ผลิตชิปขนาดกี่นาโนเมตร ซึ่งคาดว่าทางบริษัทจะประกาศออกมาในภายหลัง

intelproductionplant1

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างอินเทลกับอิสราเอลนั้นเรียกว่าผูกพันกันมายาวนานตั้งแต่ปี 1974 ซึ่งทางบริษัทนั้นเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่จ้างงานชาวอิสราเอลมากสุดกว่า 14,000 คน และปัจจุบันนี้มีศูนย์ R&D ของทางบริษัทอยู่ 4 เมืองหลักได้แก่

  1. Haifa : เน้นพัฒนาซอฟท์แวร์, ฮาร์ดแวร์และ AI
  2. Petah Tikvah : ศูนย์พัฒนาด้านระบบการสื่อสารและระบบปัญญาประดิษฐ์
  3. Jerusalem : ศูนย์วิจัยนานาชาติสำหรับยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติโดย Mobileye, ศูนย์วิจัยด้านการสื่อสาร, ซอฟท์แวร์และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
  4. Kiryat Gat : ศูนย์การผลิตสินค้าที่ล้ำสมัยที่สุดของอินเทล

ส่วนบริษัทที่ทางอินเทลซื้อเข้ามาอยู่ในเครือนั้น นอกจาก Mobileye ที่ซื้อตั้งแต่ปี 2017 ก็มีบริษัท Habana ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกซื้อเข้ามาในปี 2019 และ Moovit บริษัทประเภท MaaS (Mobility as a Service) รวมทั้งแผนที่ซึ่งเข้ามาอยู่ภายใต้อินเทลเมื่อปีก่อน

อินเทลอิสราเอลนับว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง อัตราส่งออกสินค้าไฮเทคทั้งหลายของทางบริษัทนั้น เพิ่มจาก 6.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2019 เป็น 8 พันล้านในปี 2020 จัดเป็นปริมาณ 14% ของสินค้าไฮเทคส่งออกของอิสราเอล มีมูลค่า GDP ของทั้งประเทศร่วม 2% ทีเดียว

ที่มา : Reuters, Intel Israel

from:https://notebookspec.com/web/592481-intel-invest-600-million-rd-in-israel

Intel ออกโฆษณา 5 ตอนหยอก MacBook ด้วยอดีตนักแสดงโฆษณา Apple

เรื่องโฆษณาในวงการไอทีนั้นมักมีโฆษณาสนุก ๆ ออกมาให้เราเห็นเป็นระยะ ๆ ซึ่งเราอาจจะคุ้นกับงานแซว MacBook ของ Microsoft แต่ครั้งนี้เป็นคิวของ Intel ที่หยิบจุดเด่นของโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้งซีพียูรุ่นใหม่มาอวดว่ามีความสามารถมากกว่า Apple MacBook รุ่นใหม่ที่ติดตั้งซีพียู Apple M1 อย่างไรบ้าง โดยให้ Justin Long อดีตนักแสดงที่เคยเล่นโฆษณาเป็นตัวแทนฝั่ง Apple ในแคมเปญ “Get a Mac” ที่เคยโด่งดังเมื่อช่วงปี 2000 นั่นเอง

multi monitor

โฆษณา Intel ชุดนี้เทียบจุดเด่นของโน๊ตบุ๊ค Intel กับ MacBook

intel

โฆษณาชุดนี้ของอินเทลนั้นใช้ชื่อ Justin Gets Real ซึ่งเพิ่งอัพโหลดขึ้นบน YouTube ของบริษัท เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเอา MacBook ชิป M1 มาเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้งซีพียูอินเทลในหลายแง่มุม ทั้งดีไซน์, การแตะหน้าจอได้ รวมไปถึงการเล่นเกม มีทั้งหมด 5 ตอน โดยในแต่ละตอนจะใช้โน๊ตบุ๊คซีพียูอินเทลต่างรุ่นกัน

ทั้ง 5 ตอนก็จะเปรียบจุดที่โน๊ตบุ๊คฝั่ง Windows ที่ใช้ซีพียูอินเทลว่าเด่นกว่าทั้งเรื่องดีไซน์และสีสันที่มีให้เลือกเยอะกว่า โดยหยอกฝั่ง Apple ว่ามีแต่ MacBook Pro สีเทามาขาย

intel ads

การพับหน้าจอกลับได้โดยเอา Lenovo Yoga Slim 9i ราคาร่วม 60,000 บาท มาเทียบกับ Macbook Pro M1 ว่าตัวโน๊ตบุ๊ค Lenovo สามารถพับจอกลับเป็นแท็บเล็ตได้เลยไม่ต้องพกอุปกรณ์เยอะหรอกนะ แต่ MacBook Pro นอกจากต้องหอบเครื่องไปแล้วต้องมี iPad กับ Apple Pencil ด้วยถ้าต้องการวาดเขียนบนหน้าจอ ยิ่งถ้าอยากตั้งเครื่องได้ก็ต้องซื้อ Type Cover มาติดตั้งอีก

ด้านของการเล่นเกมใน  Justin Gets Real ก็เอา MSI Stealth 15M ที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องบางเบามาเปรียบเทียบว่าโน๊ตบุ๊คของ Apple นั้นไม่มีใครเอามาเล่นเกมเลย และทัชสกรีนไม่ได้อีกด้วย 

touch screen

และอีกจุดเด่นเช่นการต่อหน้าจอก็โชว์ว่าฝั่งโน๊ตบุ๊คอินเทลเองต่อจอเสริมได้เยอะกว่าเพราะตัวเครื่องมีพอร์ตหลายแบบให้ใช้โดยไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมมาใช้ ขณะที่ MacBook ทำได้แค่หน้าจอเดียว

แต่อันที่จริง MacBook Pro มีพอร์ต Thunderbolt อยู่ทั้งสองฝั่งของเครื่องถ้ามีจอและสายครบก็ต่อได้หรือจะเพิ่มหัวแปลงเพิ่มช่องต่อพอร์ตก็ต่อจอเพิ่มได้มากกว่า 1 จออย่างแน่นอน

ถ้าจำกันได้ Justin Long ก็เล่นโฆษณาของ Apple มาก่อนนะ (คนขวามือ)

แต่จริง ๆ แล้ว Justin Long เองหลังจากโฆษณาชุด Get a Mac เจ้าตัวก็ไปเล่นโฆษณาให้บริษัทคู่แข่งของ Apple อยู่เช่นกัน อย่างโฆษณา Huawei Mate 9 ของปี 2017 ก็เป็นผลงานของเจ้าตัวเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าโน๊ตบุ๊คฝั่ง Windows ที่ใช้ซีพียูอินเทลก็ชนะใจผู้ใช้เรื่องความคุ้นเคยและความสะดวกของผู้ใช้เป็นทุนมาแล้ว และเรื่องดีไซน์ก็จริงอย่างในโฆษณานี้หยิบยกมาเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วเราจะเลือกซื้อเครื่องไหนมาใช้งานก็เป็นความชอบและความสะดวกส่วนบุคคล ถ้าชอบอะไรก็เลือกซื้อไปตามนั้นจะดีที่สุด

ที่มา : Macrumors

from:https://notebookspec.com/web/583287-new-intel-ads-feat-get-a-mac-actor

Intel Tiger Lake-H มาไตรมาสแรก เร็ว 5 GHz แรงกว่า Ryzen 30%

ตลาดซีพียูโน๊ตบุ๊คตอนนี้เราจะเห็นว่า AMD Ryzen นั้นมาแรงมาก คู่แข่งอย่าง Intel จึงส่งซีพียูใหม่รุ่นที่ 11 รหัส Intel Tiger Lake-H ลงสนามเช่นกัน โดยซีพียูนี้จะมีค่า TDP 35W และ 45W โดยเป้าหมายคือตลาดเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คนั่นเอง โดย Intel เผยว่าตอนนี้ทางบริษัทได้แบ่งกลุ่มเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่กลุ่ม Essential ที่หาซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพดีราคาเป็นมิตรในเรท 20,000-30,000 บาท, Thin Enthusiast เน้นเครื่องเบาพกง่ายแต่เล่นเกมได้ด้วย และ Halo enthusiast เน้นประสิทธิภาพสูงเต็มทมีงบจ่ายที่ 60,000 บาทขึ้นไป

แต่กลุ่มใหม่กลุ่มที่ 4 อย่าง Ultraportable นั้นจะเป็นกลุ่มเครื่องบางพกพาง่าย แต่เล่นเกมปรับกราฟฟิคระดับ High แล้วได้เฟรมเรท 70 เฟรมขึ้นไปด้วย ซึ่งทาง Intel จะทำตลาดด้วยซีพียู Tiger Lake-H35 ส่วน Tiger Lake-H45 จะเป็นซีพียูของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นประสิทธิภาพสูง มีความเร็วต่อคอร์ที่ 5 GHz ขึ้นไป

Intel Tiger Lake-H

ประสิทธิภาพของ Intel Tiger Lake-H

csm 000685 9f8f517f69
csm 000882 f592e0f3b7
csm 000771 f14244d8db

สำหรับ Tiger Lake-H ที่จะติดตั้งในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คกลุ่ม Ultraportable จะมี Intel Resizable BAR แล้วก็มีฟีเจอร์พื้นฐานอื่น ๆ เสริมการทำงานติดตั้งมาด้วย ได้แก่

  1. อินเตอร์เฟสการรับส่งข้อมูลกับการ์ดจอประสิทธิภาพสูง PCIe Gen4
  2. Killer Wi-Fi 6E Gig+ พร้อม Killer Prioritization Engine ช่วยปรับแต่งการรับส่งข้อมูลไร้สายให้ดียิ่งขึ้น
  3. Thunderbolt 4
  4. รองรับ Intel Optane H20 ช่วย SSD ประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น

1 2

สำหรับ Tiger Lake-H35 จะมีรุ่นประสิทธิภาพสูงสุดคือ Intel Core i7-11375H Special Edition สามารถใช้ Turbo Boost 3.0 เพื่อเร่งความเร็วได้สูงสุด 5 GHz เป็นซีพียู 4 คอร์ 8 เธรด ส่วนรุ่นรองลงมาเป็น Intel Core i7-11370H กับ Intel Core i5-11300H มี 4 คอร์ 8 เธรด เหมือนกัน มีค่า TDP อยู่ระหว่าง 28-35 วัตต์

ประสิทธิภาพนั้น Intel เคลมว่าซีพียู Intel Core i7-11375H จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่า AMD Ryzen 7 4800HS, Ryzen 9 4900H ที่มี 8 คอร์ 16 เธรด ร่วม 30% ทีเดียว โดยทาง Intel ตั้งเป้าว่า Tiger Lake-H35 จะต้องเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p ได้ 70fps และ 4K ได้ลื่นไหลด้วย

2 4
3 4
4 3
5 1

จุดสังเกตคือตัว Tiger Lake-H35 จะไม่รองรับการ Overclock และไม่มีซอฟท์แวร์จูนประสิทธิภาพตัวเครื่องให้สูงขึ้นอย่าง Intel Extreme Tuning Utility (Intel XTU) ติดตั้งมาให้ เพราะถูกยกไปใส่ใน Intel Tiger Lake-H45 แทน

ด้านของ Intel Tiger Lake-H45 ของ Intel Core รุ่นที่ 11 นั้นจะมีค่า TDP 45W และมี 8 คอร์ 16 เธรด และทำความเร็วแตะระดับ 5 GHz ได้หลาย ๆ คอร์พร้อมกัน โดยรุ่นประสิทธิภาพสูงสุดเป็นรหัส Intel Core i9-11980HK มี 8 คอร์ 16 เธรด ส่วนกลุ่ม Tiger Lake-H45 จะมีซีพียูประสิทธิภาพสูงร่วมอีก 3 รุ่น ได้แก่

  1. Intel Core i9-11900H (8 คอร์ 16 เธรด)
  2. Intel Core i7-11800H (8 คอร์ 16 เธรด)
  3. Intel Core i5-11400H (6 คอร์ 12 เธรด)

ส่วนฟีเจอร์เด่น คือ มี PCIe 4.0 ทั้งหมด 20 เลน, รองรับ Thunderbolt 4, Wi-Fi 6 และ 6E, Intel XTU อีกด้วย

6

สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้ง Intel Tiger Lake-H45 จะเริ่มวางจำหน่ายก่อนหมดไตรมาสแรกของปี 2021 นี้ ส่วน Intel Tiger Lake-H35 จะมาหลังไตรมาสแรก ซึ่งคาดว่าเป็นเดือนเมษายนเป็นต้นไป ซึ่งผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Acer, ASUS, MSI, VAIO, DELL, HP, Lenovo และอื่น ๆ ร่วม 40 แห่ง ก็เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ซีพียู Tiger Lake-H35 ออกมาอย่างแน่นอน

ดังนั้นเกมเมอร์ที่รอจะซื้อโน๊ตบุ๊คติดตั้งซีพียูรุ่นใหม่ของ Intel อยู่ ควรกำเงินเอาไว้แน่น ๆ เพราะในปี 2021 นี้น่าจะมีรุ่นเด่นราคาไม่แรงเปิดตัวมาอย่างต่อเนื่องเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคเช่นเราอย่างแน่นอน

ที่มา : Notebookcheck (Tiger Lake-H35), Notebookcheck (Tiger Lake-H45)

from:https://notebookspec.com/web/577256-intel-tiger-lake-h-1st-quarter-5ghz

Intel ท้าชน Apple M1 ด้วย benchmark ได้ผลว่าอินเทลเหนือกว่า

กระแสความแรงของ Apple M1 เป็นเหตุจน Intel ต้องส่งผลคะแนน Benchmark เทียบระหว่างซีพียู Intel รุ่นที่ 11 “Tiger Lake” ออกมาเทียบกับ Apple M1 ใน MacBook Air, MacBook Pro ในทันทีเหมือนกับที่เคยเทียบกับซีพียูของ AMD ในอดีตที่ผ่านมานั่นเอง ซึ่งดูจะเป็นเหมือนธรรมเนียมของทางอินเทลที่มักเอาซีพียูของตัวเองไปเทียบกับซีพียูของคู่แข่งที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้เป็นประจำ

สำหรับเหตุผลที่อินเทลอ้างว่าซีพียูของตัวเองในโน๊ตบุ๊ค Windows 10 หลายรุ่นมีประสิทธิภาพสูงกว่า MacBook ที่ติดตั้ง Apple M1 คือเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน, ดีไซน์โน๊ตบุ๊คที่มีให้เลือกมากกว่า, หน้าจอสัมผัสและอื่น ๆ ซึ่งทางบริษัทเองก็นำกราฟ Benchmark ออกมาโชว์ด้วย

intel

ผลคะแนนที่ Intel นำมาเทียบกับ M1

intel performance
2 1
3 1
4 1

ผลคะแนนแรกที่อินเทลเอาซีพียูรุ่นที่ 11 มาเทียบกับ Apple M1 คือเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานในชีวิตจริง ทดสอบโดยใช้โปรแกรม WebXPRT 3 ของ Principled Technologies ทดสอบว่าการเปิดเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ จะทำได้เร็วแค่ไหน, ทดสอบโดยใช้ Microsoft 365 ทดสอบการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันในแบบของอินเทล, ทดลองกับโปรแกรมสาย AI จาก Topaz Labs รวมไปถึง Adobe Premiere, Photoshop, Lightroom อีกด้วย

โน๊ตบุ๊คที่ใช้ทดสอบคือ MSI Prestige 14 Evo ซีพียู Intel Core i7-1185G7 แรม 16GB เทียบกับ MacBook Pro M1 แรม 16GB ซึ่งผลที่ได้ อินเทลเคลมว่าถ้าเป็นงานออฟฟิศและการเปิดเว็บไซต์ อินเทลรุ่นที่ 11 ทำคะแนนได้ดีกว่า M1 ร่วม 30% ส่วนถ้าเป็นโปรแกรมที่มี AI มาเกี่ยวข้องอย่าง Adobe และ Topaz Labs ตัวอินเทลรุ่นที่ 11 เร็วกว่า Apple M1 ถึง 6 เท่าทีเดียว ส่วนเกมมิ่งดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่เพราะเกมที่เอามาทดสอบไม่มีใน Apple M1 แล้วอินเทลใส่คะแนนเป็น 0 แทน นอกจากนี้ชิป M1 ก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเป็นหลักอีกด้วย

Edq7JeTCei7JjnstyGwea 970 80
2 2
3 2

ส่วนการทดสอบเรื่องการใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่าง ๆ และแบตเตอรี่ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Intel Evo ภาคต่อของ Project Athena เป็นจุดที่ทางทีมงาน Tom’s Hardware ตั้งข้อสังเกตเพราะการทดสอบนี้เปลี่ยนตัว MacBook Pro จากรุ่นแรม 16GB ไปเป็น 8GB แทน และทดสอบแล้วเปิดโปรแกรมและใช้งานทั่วไป 25 รายการ (แต่ไม่เผยรายละเอียดการทดสอบ) ได้ผลคือชิป Apple M1 เกิดปัญหาตอนใช้งาน 8 รายการจาก 25 รายการ โดยเด่น ๆ คือ

  1. สลับไปปฏิทิน (Switch to Calendar) ใน Outlook
  2. เปิด Video Conference ในโปรแกรม Zoom
  3. คำสั่ง Select picture Menu ใน Microsoft Powerpoint

ซึ่งทางทีมงาน Tom’s Hardware แสดงความเห็นว่าพวกเขาก็ใช้ MacBook Pro M1 ทำงานอยู่และไม่เจอปัญหาราวนี้ตอนเปิด Zoom เลยเป็นจุดตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทดสอบของอินเทลว่าทดสอบกันอย่างไร

ด้านการทดสอบระยะเวลาใช้งานโน๊ตบุ๊คด้วยแบตเตอรี่ อินเทลเปลี่ยนเครื่องทดสอบเป็น Acer Swift 5 ซีพียู Intel Core i7-1165G7 เทียบกับ MacBook Air M1 แทน แล้วเปิด Netflix พร้อมเปิดแท็บอื่น ๆ เพิ่มด้วย ผลที่ได้คือ MacBook Air M1 ใช้งานได้นานกว่า 6 นาที

จุดนี้ทาง Tom’s Hardware ก็ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมเช่นกันว่าทำไมไม่ใช้ MacBook Pro M1 มาทดสอบเหมือนตอนทดสอบประสิทธิภาพของเครื่อง เพราะทางเว็บไซต์ก็เคยเทียบกับโน๊ตบุ๊คอินเทลแล้วได้ผลว่า MacBook Pro M1 ใช้งานได้นานกว่าโน๊ตบุ๊คอินเทลหลายชั่วโมงทีเดียว

ousCX5UicPSVazJturjnu8 970 80

ด้าน Form Factor หรือรูปร่างของโน๊ตบุ๊ค ทางอินเทลก็ชูจุดเด่นว่าโน๊ตบุ๊คอินเทลนอกจากจะมีรูปทรงหลากหลายและฟีเจอร์เยอะกว่า ทั้งหน้าจอสัมผัส, ตัวเครื่องแบบ 2-in-1 สามารถเปลี่ยนไปมาระหว่างโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ตได้, เครื่อง Desktop ก็มีขนาดให้หลากหลายขนาดรวมถึงพีซีแบบ All-in-One พร้อมซีพียูอินเทลก็มีให้เลือกซื้อเช่นกัน

ซึ่งในส่วนนี้ Tom’s Hardware แสดงความเห็นว่าอินเทลดูจะต่อยไม่ตรงจุดเท่าไหร่เนื่องจาก Apple ก็มี Mac Mini, Mac Pro ให้เลือกซื้อในหมวดของเครื่อง Desktop ทั้งแบบขนาดเล็กและใหญ่ ด้าน iMac ตัวเทียบกับพีซี All-in-One ทาง Apple ก็จะนำซีพียู Apple M Series ไปติดตั้งเช่นกัน 

A2wCJBNfjoYtxATQYQrCo4 970 80

จุดที่ดูจะตรงจุดกว่า คือเรื่องตัว MacBook Air, MacBook Pro คือ ตัวเครื่องเป็นแบบฝาพับ (Clamshell) อย่างเดียวและไม่มีจอสัมผัส ซึ่งโน๊ตบุ๊ค Windows มีตัวเลือกส่วนนี้มากกว่าทั้งแบบจอพับกลับ 360 องศา, จอสัมผัส, เครื่องแบบ Convertible และอื่น ๆ 

rvWRGjghWQA46e6CKPbuR5 970 80

ด้านการต่อหน้าจอเสริมให้โน๊ตบุ๊คก็เป็นประเด็นให้อินเทลเอามาเทียบเพราะ MacBook Air M1 รองรับการต่อหน้าจอ 6K 60 Hz เสริมเพียงจอเดียวเท่านั้น แต่ไม่พูดถึงในฝั่ง Desktop เพราะ Mac Mini มีพอร์ต HDMI 2.0 อยู่ 2 ช่อง ทำให้ต่อหน้าจอได้มากกว่า

1
2
3
4

ส่วนประเด็นเรื่องความเข้ากันได้กับโปรแกรมต่าง ๆ ทางอินเทลเคลมเอาไว้ทั้งเรื่องของการไม่รองรับ eGPU สำหรับต่อการ์ดจอแยกเพื่อเล่นเกม และในสไลด์นำเสนอก็ไม่แน่ใจว่าตัว MacBook M1 รองรับการต่อจอยเพื่อเล่นเกมหรือไม่ แต่ทาง Tom’s Hardware ก็เผยว่าจอยของ PS5 และ Xbox Seire X/S สามารถใช้งานกับ MacBook M1 ได้อยู่

ส่วนด้านซอฟท์แวร์ต่าง ๆ ที่อินเทลยกมาเทียบว่าตัว MacBook M1 ไม่ได้รองรับแบบ native แต่ต้องรันผ่าน Rosetta 2 และบางอย่างต้องเข้าผ่านเว็บไซต์ เช่น Google Drive เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้เป็นจุดอ่อนในช่วงแรก ๆ ของซีพียูและนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นส่วนใหญ่ และต้องรอการอัพเดทให้รองรับในอนาคตต่อไป

1 1
2 3
3 3
4 2
5

สุดท้ายข้อมูล Disclaimer ของอินเทลได้แสดงเรื่องวิธีและหลักการทดสอบของทางบริษัทเอาไว้ว่าการทดสอบในครั้งนี้ทางอินเทลใช้การตั้งค่าและโปรแกรมอะไรในการทดสอบบ้าง ซึ่งถ้าเราติดตามอ่านข่าวอยู่เป็นประจำจะเห็นว่าไม่ใช่แค่อินเทลเจ้าเดียวที่ชอบทำเช่นนี้ เพราะว่าแต่ละบริษัทก็ต้องการเทียบให้ผู้ใช้ได้เห็นว่าสินค้าของทางบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วมีจุดเด่นและประสิทธิภาพเหนือกว่าอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามผลคะแนนไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของโน๊ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง แต่อยู่ที่โจทย์การใช้งานของเราเป็นหลัก

ที่มา : Tom’s Hardware

from:https://notebookspec.com/web/575118-intel-fire-back-m1-by-benchmark