คลังเก็บป้ายกำกับ: COHESITY

[NCSA THNCW 2023] To Prevent Last Line of Defense / Edge to Cloud Security โดย HPE

หลายปีที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินหัวข้อที่พูดถึงเรื่องทำนองว่า Edge นั้นสำคัญกว่าที่เคย แต่นับวันประเด็นนี้เริ่มซับซ้อนมากขึ้นทุกที จากหลายความท้าทายที่ก่อตัวทับถมกันจนเกิดเป็นช่องว่างที่ยากจะแก้ไขหากไร้การวางแผนไว้ก่อน อย่างไรก็ดีนอกจากการป้องกันที่ระดับขอบเขตของเครือข่ายแล้ว สุดท้ายผู้ปฏิบัติงานในสายไอทีโดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ด้านความมั่นคงปลอดภัยคงเข้าใจดีว่าไม่มีอะไรที่ 100% ดังนั้นคำถามคือแนวป้องกันสุดท้ายขององค์กรควรอยู่ที่ใด 

ในงานมหกรรมนิทรรศกาลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติที่ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา HPE จึงได้มาให้ความรู้กับผู้ฟังในความท้าทายของ Edge และแนวป้องกันสุดท้าย พร้อมกับไอเดียในการวางแผนรับมือ ทั้งนี้สำหรับใครที่อาจจะพลาดช่วงหัวข้อนี้ไปก็สามารถติดตามบทความสรุปจากทางทีมงาน TechTalkThai ที่ได้หยิบยกประเด็นสำคัญมาให้ได้อัปเดตกันอีกครั้ง

Edge to Cloud Security

สถานการณ์ของวิธีการทำงานและสภาพแวดล้อมต่างๆได้ยกระดับให้ความมั่นคงปลอดภัยที่ระดับ Edge กลายเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง ปัจจัยแรกคือหากเราพิจารณาถึงการไปคลาวด์ท่านอาจจะพบว่ามีการใช้งานคลาวด์ขององค์กรแฝงอยู่มากมาย ไม่ใช่แค่เซิร์ฟเวอร์ที่ย้ายไปบนนั้นแต่ยังรวมถึง SaaS เช่น Dropbox, Microsoft 365, Google Cloud และอื่นๆ 

ปัจจัยที่สองคือ IoT ซึ่งประเด็นหลักคืออุปกรณ์จำพวกนี้มีทรัพยากรต่ำ ไม่มีระบบปฏิบัติการที่รองรับการทำงานขั้นสูงโดยเฉพาะงานด้านความมั่นคงปลอกภัย สาเหตุมาจากวัตถุประสงค์ที่ต้องคล่องตัว ราคาถูก และใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ซึ่งอุปกรณ์ที่สังเกตได้ง่ายในองค์กรเช่น ปริ้นเตอร์ voIP กล้องวงจรปิด ยังไม่นับรวมเซนเซอร์จำนวนมหาศาลที่ท่านอาจมองข้ามไป

ปัจจัยสุดท้าย คือการทำงานจากที่ใดก็ได้ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติที่เกิดขึ้นเป็นปกติแล้ว ทั้งนี้ความท้าทายสำคัญคือจะทำอย่างไรให้องค์กรของท่านสามารถบังคับหรือควบคุมการทำงานเหล่านี้ให้เป็นไปอย่างมั่นใจ เฉกเช่นเดียวกับระบบการทำงานที่เคยอยู่เพียงแค่ในองค์กร ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมองได้ถึงการติดตั้งการป้องกันระดับ Endpoint  แต่เชื่อได้แค่ไหนว่าทุกอุปกรณ์นั้นปลอดภัย โดยเฉพาะอุปกรณ์ส่วนตัวที่นำมาใช้ทำงาน ด้วยเหตุนี้เอง Edge ที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงปลอดภัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

Framework ของการทำ Zero Trust มีอยู่หลายขั้นตอน แต่หนึ่งในเสาหลักสำคัญก็คือสิ่งที่เรียกว่า Zero Trust Network Access (ZTNA) โดยจุดเริ่มแรกก็คือองค์กรจำเป็นที่จะต้อง ‘มองเห็น’ สิ่งที่มีอยู่ในองค์กรเสียก่อน การพิสูจน์ตัวตนจึงตามมา พร้อมกับกำหนดมาตรการเข้าถึงอย่างตรงบทบาทหน้าที่ ซึ่ง HPE Aruba มีโซลูชันที่ช่วยตอบโจทย์การทำ ZTNA ได้อย่างครบเครื่อง

ณ จุดแรกโซลูชันของ Aruba นั้นสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ใช้ หรืออุปกรณ์ที่เข้ามานั้นเป็นอะไร โดยเฉพาะกลุ่มของ IoT ที่ต้องตอบคำถามสำคัญคืออุปกรณ์นั้นเป็นอุปกรณ์อะไร ยี่ห้อไหน จากนั้นก็จะอาศัยความสามารถในการพิสูจน์ตัวตนผ่าน Clearpath หรือ CloudAuth และจากประเด็นของ IoT ที่ไม่มีความสามารถเหมือนอุปกรณ์อื่น ทำให้ภาระสำคัญตกมาอยู่ที่ตัว Edge ที่ต้องมองเห็นและรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เชื่อมต่อคือ IoT เพื่อการกำหนด Policy ได้อย่างเหมาะสมต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นการทำ Policy ที่ดีต่อ User Experience คือไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่สถานที่ใด ผ่านเครือข่าย LAN หรือ Wireless ก็ควรต้องได้รับ Policy เดียวกัน

ประสิทธิภาพของการทำงานเป็นหัวใจสำคัญที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะรูปแบบที่ผู้คนวิ่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปหาจุดหมายปลายทางไม่ว่า จะเป็นเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร หรือสาขาที่ต้องไปออกไปหาศูนย์ใหม่ ทั้งหมดนี้สามารถตอบโจทย์ได้ผ่านโซลูชัน Aruba SD-WAN ที่รองรับการเข้ารหัสการเชื่อมต่อ การันตีคุณภาพของบริการ และรู้จักกับบริการ SaaS ต่างๆในท้องตลาด ตลอดจนความสามารถในการ Integrate ตัวเองเพื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์ค่ายอื่นตอบสนองการทำงานแบบอัตโนมัติ

To Prevent Last Line of Defense

ประเด็นของแนวป้องกันระดับองค์กรคงไม่ได้อยู่ที่เพียง Edge หรืออุปกรณ์รอบนอกเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสุดท้ายแล้วการที่ไม่มีอะไรปลอดภัย 100% กลายเป็นการบ้านที่ผู้ดูแลระบบในทุกองค์กรต้องมาตีโจทย์ว่าอะไรคือแนวป้องกันสุดท้ายที่ท่านควรจะมี ซึ่งคำตอบเหล่านี้ก็ย้อนกลับมาที่จุดเดียวนั่นก็คือ ‘ข้อมูล’

จุดสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเสียหายได้อย่างมากก็คือข้อมูลนั่นเอง โดยเฉพาะหากเรามองไปถึงปัญหาเรื่องแรนซัมแวร์ ที่คนร้ายไม่เพียงแค่เข้ารหัสข้อมูลที่ใช้อยู่เท่านั้น แต่ยังมองไปถึงข้อมูลสำรองด้วยเช่นกัน และที่น่ากังวลก็คือท่านสามารถบริหารจัดการข้อมูลเหล่านี้ได้ดีแค่ไหน เพราะหากพูดถึงความท้าทายมักมีนัยยะซ่อนอยู่ 2 เรื่องคือ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าภายใต้กองข้อมูลมหาศาลนั้นข้อมูลที่เก็บเอาไว้สำคัญจริงหรือไม่ ประกอบกับข้อมูลเหล่านี้กระจายกันอยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งองค์กรมักมีการใช้โซลูชันประกอบกันหลายตัวเพื่อแก้ปัญหาแต่ก็อาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกันต่อไป

HPE Cohesity คือโซลูชันที่นำเสนอแนวทางการจัดการความท้าทายด้านข้อมูลอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปกป้องข้อมูล ความมั่นคงปลอดภัย การเคลื่อนย้ายข้อมูลไปยังสถานที่ต่างๆ พร้อมจำกัดการเข้าถึง และสุดท้ายคือการสกัดคุณค่าอันแท้จริงออกมาว่าข้อมูลมีความถูกต้องหรือมีคุณค่าอะไรแฝงอยู่ และนั่นคือการป้องกันด่านสุดท้ายที่ทุกองค์กรควรต้องมีการวางแผนรับมือครับ

from:https://www.techtalkthai.com/ncsa-thncw-2023-data-edge-cloud-security-by-hpe/

Advertisement

IBM ร่วมมือกับ Cohesity เสริมแกร่งให้กับชุดสตอเรจใหม่

ความสามารถของผลิตภัณฑ์สำรองและกู้คืนข้อมูล DataProtect ของ Cohesity จะเป็นหนึ่งในสี่ชุดคุณสมบัติหลักในโปรแกรม Storage Defender ตามประกาศความร่วมมือพันธมิตรใหม่ของ IBM
 

Image Credit : Cohesity
IBM และ Cohesity ผู้ให้บริการความปลอดภัยข้อมูลและการสำรองข้อมูล ได้จับมือร่วมกันในฐานะพันธมิตรใหม่ เพื่อผสานรวมความสามารถด้านการปกป้องข้อมูลของ Cohesity เข้ากับชุดผลิตภัณฑ์สตอเรจของ IBM ซึ่งจะถูกเรียกว่า “Storage Defender” เพื่อการปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรผู้ใช้ปลายทางที่ดียิ่งขึ้น
 
DataProtect ของ Cohesity จะมอบฟังก์ชันสแนปช็อตและการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อการกู้คืนอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์แรนซัมแวร์หรือภัยพิบัติอื่นๆ รวมถึง data footprint ที่ลดลงผ่านการขจัดความซ้ำซ้อนและการบีบอัดข้อมูล
 
ชุดโปรแกรม Storage Defender ได้รับการออกแบบมาเพื่อรวบรวมผลิตภัณฑ์ของ IBM เพื่อรวมการจัดการการจำลองแบบหลัก การจำลองแบบรอง และการสำรองข้อมูลเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อเสนอแบบ as-a-service ที่มีอินเทอร์เฟซแบบ single-pane-of-glass โดยมีการทำงานอัตโนมัติตามนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วย SLA และความสามารถในการทำงานกับแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึง Physical Storage, Cloud Hypervisors และ Database ประเภทต่างๆ ด้วย
 
นอกจาก DataProtect ของ Cohesity แล้ว Storage Defender ที่เพิ่งประกาศใหม่ยังผสานรวมกับ IBM Storage Protect ซึ่งเปลี่ยนชื่อเดิมจาก “Spectrum Protect” ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อมอบความยืดหยุ่นและการผสานรวมฟอร์มแฟกเตอร์การจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่หลากหลาย และยังรวมไปถึง Storage FlashSystem ของ IBM แพลตฟอร์มสตอเรจแบบออลแฟลชสำหรับเวิร์คโหลดประสิทธิภาพสูง และ Storage Fusion เครื่องมือจัดการข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อทำงานกับแอปพลิเคชันคอนเทนเนอร์
 
แนวคิดของ IBM สำหรับการประกาศพันธมิตรใหม่ร่วมกับ Cohesity คือ การจัดหาสถาปัตยกรรมแบบขยายขนาดที่ทันสมัยให้กับลูกค้าของบริษัท ในขณะเดียวกันก็ให้ความอุ่นใจในโลกที่การโจมตีทางไซเบอร์ยังคงเป็นเรื่องปกติ
 

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-partners-with-cohesity-to-strengthen-new-storage-suite/

[VDO] กรณีศึกษา – ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ จัดการแรนซั่มแวร์ด้วยเทคโนโลยีจาก HPE Cohesity

ทุกวันนี้เราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องของภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภัยคุกคามจากเจ้าตัวแรนซั่มแวร์ ทำให้บ่อยครั้งเราต้องตั้งคำถามว่า องค์กรทั้งหลายเตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ อย่างเจ้าตัวแรนซั่มแวร์ได้ดีเพียงพอแล้วหรือยัง?

บทความในครั้งนี้เราจะมาลองพูดคุยกันทาง คุณศิรวุฒิ จันทแสงสว่าง Senior vice president of system information technology บริษัท ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มหาชน เกี่ยวกับแนวทางที่ทาง ออริจิน ได้มีประสบการณ์กับแรนซั่มแวร์ตลอดจน การใช้แบ็กอัพจากของ Cohesity

สำหรับ ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ นั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ประกอบด้วย คอนโดมีเนี่ยม, บ้าน, โรงแรม นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอาหาร และโลจิสติกส์ รวมถึงการมีค่ายเพลงด้วยเช่นกัน เนื่องจากทางบริษัทมีข้อมูลไหลเวียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากภายนอกเช่นข้อมูลที่สำคัญของลูกค้า รวมถึงข้อมูลของการดำเนินธุรกิจและระบบแอปพคิเชั่นของบริษัทเอง ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ทำให้ระบบไอทีส่วนใหญ่ที่คุณศิรวุฒิดูแลนั้นจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับข้อมูลเป็นหลัก

HPE Cohesity ช่วยแก้ปัญหาแรนซั่มแวร์

ในช่วงที่ผ่านมา ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ ได้มีการใช้งานผลิตภัณฑ์ด้านแบ็กอัพจาก HPE Cohesity เพื่อทำการปกป้องและสำรองข้อมูลของบริษัทควบคู่กันไป ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนดำเนินการธุรกิจอย่างต่อเนื่องหรือ Business continuity planning (BCP Plan) และล่าสุดทาง ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ ได้ตรวจพบว่ามีมัลแวร์ประเภทแรนซั่มแวร์เข้ามาโจมตี โดยการลบข้อมูลของบริษัททิ้งไปและซอฟต์แวร์แบ็กอัพดั้งเดิมก็โดนเข้ารหัสไปด้วยก่อให้เกิดปัญหาแก่การทำงาน

แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นทางทีมงานได้มีการสำรองข้อมูลทั้งหมดไว้บน HPE Cohesity ทางคุณศิรวุฒิและทีมงานของ ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ ก็สามารถดึงข้อมูลที่สำรองไว้เอาไว้กลับขึ้นมาเพื่อใช้งานได้อย่างปกติ และที่สำคัญการกู้คืนยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วย (จากต้องใช้เวลาถึง 2 วันในการกู้คืนระบบทั้งหมดลดลงเหลือแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น) และก็สามารถกลับมารันระบบได้ปกติ แทบจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อโปรดักส์ชั่นของธุรกิจเลย

จะเห็นได้ว่า การเตรียมรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ เป็นเรื่องที่องค์กรควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การวางแผนระบบ BCP นับเป็นหนึ่งในความจำเป็นขององค์กรที่ไม่ควรละเลย รวมไปถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ประสิทธิภาพก็จะช่วยในการบริหารจัดการงานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

from:https://www.enterpriseitpro.net/case-stud-origin-properties-and-hpe-cohesity/

Cohesity เปิดตัว Data Security Alliance ใหม่ช่วยลูกค้ารับมือการโจมตีอย่างครบวงจร

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ต้องถูกแก้ไขทั้งภาพรวม Cohesity เองก็เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวจนนำไปสู่การจัดตั้งภาคีความร่วมมือจาก Vendor ต่างๆ โดยมุ่งเน้นให้ทุกคนนำความเชี่ยวชาญมาปะติดปะต่อกันเพื่อสร้างแนวป้องกันในภาพกว้าง

Credit: Rawpixel.com/ShutterStock

ปกติแล้ว Vendor ต่างมีความเชี่ยวชาญจำกัดในเฉพาะส่วนตนเท่านั้นและการทำงานกับแบรนด์อื่นเป็นเรื่องจำกัด ในขณะที่ภัยคุกคามเช่น แรนซัมแวร์ มีช่องทางเข้ามาจากทั้งอีเมล การอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือการใช้ช่องโหว่ ด้วยเหตุนี้เองการป้องกันจะทำเพียงแค่ใครคนหนึ่งไม่ได้ จุดมุ่งหมายของภาคีใหม่จะมุ่งเน้นการปกป้อง ป้องกัน ตรวจจับและฟื้นฟูให้รวดเร็ว

โดย Vendor ชุดแรกที่เข้าร่วมภาคีที่ถูกจัดตั้งจาก Cohesity คือ BigID, Cisco, Palo Alto Networks, Crowdstrike, CyberArk, Okta, Securonix, Splunk, Tenable, Mandiant และ PwC ซึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือเช่น Cisco และ Palo จะทำงานร่วมกับ Cohesity DataProtect เพื่อช่วยตรวจจับการโจมตี ในขณะที่ Madiant และ PwC จะเน้นเรื่องของการให้คำปรึกษาว่าทำยังไงระบบไอทีและธุรกิจถึงจะปลอดภัย กลับกันในมุมของพาร์ทเนอร์เองก็อาจจะใช้ความสามารถของ Cohesity เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การบริการของตนเช่นเดียวกัน

นี่ถือเป็นความพยายามตั้งต้นที่ดีเพราะที่ผ่านมาการทำงานอย่างไม่เชื่อมโยงได้เป็นปัญหาและข้อจำกัดในการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยเสมอมา

ที่มา : https://www.techtarget.com/searchdatabackup/news/252527292/Cohesity-launches-Data-Security-Alliance-for-customers และ https://betanews.com/2022/11/15/new-data-security-alliance-aims-to-help-enterprises-beat-cyberattacks/

from:https://www.techtalkthai.com/cohesity-data-security-alliance/

เชิญร่วมงานสัมมนา Cohesity Cyber Resilience Day Seminar (27 ตุลาคมนี้)

ในปัจจุบันนี้ข้อมูลมีความสำคัญต่อองค์กรต่างๆ แล้วทำไมองค์กรของคุณต้องให้ความสนใจกับการจัดการข้อมูล (Data Management) เพราะข้อมูลคือพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเติบโตและเป็นรากฐานของการดำเนินธุรกิจ หรือการจัดการภายในองค์กร เพื่อการตัดสินใจและการดำเนินการที่ถูกต้องที่สุดและดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงด้านการตลาด การทำแคมเปญ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินธุรกิจในการลดต้นทุน เพื่อนำไปสู่การเพิ่มรายได้และผลกำไรให้กับองค์กร แต่ข้อมูลเหล่านั้นจะมีคุณภาพสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการจัดการข้อมูลที่ดีเข้ามาช่วยนั่นเอง

การจัดการข้อมูล (Data Management) คือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของบริษัท หรือองค์กรใด ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนของการนำเข้าข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การจัดระเบียบข้อมูล และการบำรุงรักษารวบรวมข้อมูลเหล่านั้นให้คงอยู่ สามารถนำออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การจัดการข้อมูลยังครอบคลุมหน้าที่ในการวางแผนการใช้ข้อมูล ตรวจสอบ ประมวลผลและส่งมอบข้อมูลเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัท หรือองค์กรอีกด้วยและเพื่อให้องค์กรสามาถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของตนในยุค Digital Transformation ได้อย่างไร

ทาง Cohesity  ประเทศไทย เรียนเชิญทุกท่านหาคำตอบไปพร้อมกันได้ที่ งานสัมมนา Cohesity Cyber Resilience Day Event ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ตั้งแต่เวลา 8:00 น. ถึง 13:00. น. ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์

ท่านใดสนใจ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ลิงค์ลงทะเบียนด้านล่างนี้ – คลิกลงทะเบียน!

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/cohesity-resilience-day-event-on-27-oct/

[Guest Post] Ingram Micro ผนึกพันธมิตร รุกไฮบริด คลาวด์

Ingram Micro ผนึกพันธมิตร HPE Red Hat Cohesity และ NVidia รุกไฮบริด คลาวด์

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกบริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอชพีอี จัดงาน Get Ready for the Edge to Cloud As-a-Service รวมสุดยอดเทคโนโลยีที่หลากหลายและโซลูชันที่ตอบโจทย์การทำงานในยุคไฮบริด คลาวด์ จากผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น เอชพีอี (HPE)  เรดแฮต (Red Hat) เอ็นวิเดีย (Nvidia) และโคฮีซิตี้ (Cohesity) โดยมีประเด็นที่น่าสนใจต่าง ๆ สำหรับองค์กรที่กำลังเปลี่ยนผ่านระบบงานแบบเดิมเข้าสู่ระบบคลาวด์ สามารถปรับขยายระบบได้ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่รองรับระบบข้อมูล บิ๊กดาต้า นำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนในอนาคต และยังช่วยองค์กรในการบริหารตันทุนแบบจ่ายตามจริง  (Pay per Use)

ในภาพ – คุณพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย)  คุณพลาศิลป์ วิชิวานิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอชพีอี ประเทศไทย (ที่ 4 จากซ้าย) คุณทรงพล แสงมาศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท โคฮีซิตี้ (ประเทศไทย) (คนแรกจากซ้าย) คุณปานแก้ว สีหาวงษ์  ผู้จัดการธุรกิจระดับองค์กร ประจำประเทศไทย บริษัท เอ็นวิเดีย (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากซ้าย) และคุณเกรียงศักดิ์ จีระธัญญาสกุล  Solution Architect บริษัท เรดแฮต (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 5 จากซ้าย)

 

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-ingram-micro-hpe-red-hat-cohesity-nvidia/

อดีตดาวเด่นของ VMware ออกมารับตำแหน่งซีอีโอ Cohesity แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการข้อมูลอย่าง Cohesity ได้เปิดตัวหนึ่งในผู้บริหารที่ฮอตที่สุดในวงการไอที ที่จ้างมาจากอดีตคนดังของ VMware อย่าง Sanjay Poonen ขึ้นมาเป็นทั้งประธานบริษัท และซีอีโอคนใหม่เอี่ยมของตัวเอง

“Cohesity กำลังอยู่บนทางแยกของเรื่องที่สำคัญมากที่สุด 3 ประการในโลกธุรกิจปัจจุบัน ได้แก่ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ คลาวด์ และการจัดการดาต้า ซึ่งล้วนกลายเป็นขุมพลังสำหรับบริษัทด้านวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำและผู้เติบโตมากที่สุดในตลาด”

จากคำกล่าวของซีอีโอคนใหม่ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์จากผลงานที่ผ่านมาอย่างตำแหน่งล่าสุดที่เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ VMware ได้เป็นอย่างดี ที่เขาได้คุมทัพทั้งด้านเซลล์ การตลาด บริการ และแอพพลายแอนซ์

รวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มยอดขายของ VMware กว่าเท่าตัว จากแค่ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นมาถึงระดับ 12 พันล้านเหรียญฯ ในช่วงแค่ 8 ปีที่เขาอยู่ที่ VMware โดยเขาได้เผยเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วว่ากำลังจะออกจาก VMware แต่ยังไม่เคยเผยว่าเขาไปทำงานต่อที่ไหน

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – CRN

from:https://www.enterpriseitpro.net/vmware-ceo-to-cohesity/

การบริหารจัดการข้อมูล ที่กระจัดกระจายบน Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย HPE COHESITY

ธุรกิจยุคปัจจุบันต่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูล แต่ตัวข้อมูลเองอาจเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจต่างๆ ได้เช่นกัน เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นอาจเกิดจากข้อมูลที่มีปริมาณมากเกินไป มีการกระจายตัวกันออก มีการแบ่งเก็บอยู่คนละที่ มีวิธีจัดการกันคนละรูปแบบ รวมถึงการถูกเก็บอยู่บน Cloud ที่แตกต่างกัน เป็นต้น

โดย 9 ใน 10 ของบริษัทส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า การที่ข้อมูลอยู่กระจัดกระจายทำให้ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือไม่มีซอฟต์แวร์ที่ดีพอที่ใช้จัดการข้อมูลทั้งหมด ส่งผลทำให้มีค่าใช้จ่ายในการจัดการที่เพิ่มขึ้น และภาระงานของทีมไอทีก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเงาตามตัว

จะดีกว่าไหม หากการขับเคลื่อนธุรกิจโดยการเปลี่ยนมาสู่ระบบดิจิทัล การประยุกต์ใช้ Cloud ในการทำงาน และการจัดการข้อมูลที่อยู่กระจัดกระจายในแต่ละที่ไปพร้อม ๆ กัน โดยมี Cohesity มาช่วยคุณจัดการเรื่องทั้งหมดนี้แทน

HPE Cohesity ช่วยให้ธุรกิจก้าวสู่อนาคตในรูปแบบดิจิทัล

Cohesity Helios เป็น Software defined สำหรับ multi-cloud data platform เพื่อ Application และ Data ของคุณ โดยผสานการทำงานเข้ากับ Public cloud ได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณได้รับประโยชน์จากความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการใช้งานตามความต้องการ และสามารถเลือกวิธีคิดค่าใช้จ่ายแบบจ่ายเท่าที่ใช้จริงสำหรับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การสำรองข้อมูลไปจนถึงการกู้คืนระบบจากภัยพิบัติต่าง ๆ ช่วยให้คุณสามารถควบคุมข้อมูลทั้งหมดได้ง่ายขึ้น

HPE Cohesity สามารถผสานการทำงานร่วมกับ Amazon Web Services, Microsoft Azure, Google Cloud Platform และผู้ให้บริการ Cloud ในประเทศ โดยโซลูชั่นดังกล่าวจะครอบคลุมการจัดการข้อมูลทั้งในฝั่ง On-Premises ที่มีอยู่เดิมไปจนถึงบริการบน Public Cloud

ด้วย Cohesity Helios คุณจะสามารถติดตั้งและใช้งาน Cohesity บน Public cloud เพื่อปกป้อง Cloud-native application ต่าง ๆ และรองรับการ Replicate ข้อมูลจาก On-Premises ไปยัง Cloud สำหรับการใช้งานในรูปแบบของ Hybrid cloud ได้อีกด้วย

รวมการประยุกต์ใช้ Cloud ในหลาย ๆ รูปแบบไว้ในโซลูชั่นเดียว

 ความสามารถด้าน Cloud ที่มากับ Cohesity ให้คุณได้ความยืดหยุ่นในการใช้ประโยชน์จาก Cloud ได้หลายกรณีด้วยกัน:

  • Backup: สำรองและกู้คืนทุกอย่างจาก On-Premises ขึ้น Cloud หรือ ขึ้นไปยัง SaaS ไม่ว่าจะเป็น App หรือ Data
  • Long-term retention: ใช้ Cloud storage ในการเก็บข้อมูลระยะยาวโดยที่มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำมาก และไม่ต้องพึ่งพาเทปบันทึกที่จัดการได้ยากอีกต่อไป
  • Storage tiering: สามารถแบ่ง Tier ของ Cloud Storage ตาม Policy ในการจัดเก็บตั้งแต่ Hot, Warm, และ Cold พร้อมอำนวยความสะดวกในการเรียกข้อมูลกับมา On-Premises ได้ดังใจ
  • Backup clouds: ปกป้อง VM และ Storage, Platform services, และ SaaS apps อาทิเช่น Office 365 ด้วยการ backup แบบ Policy-based
  • Disaster recovery: สามารถทำการ Failover และ Failback แบบอัตโนมัติโดยมีการจัดการ workload แบบ orchestration กับการทำงานในรูปแบบของ Hybrid cloud ได้เป็นอย่างดี
  • Agile dev/test: สามารถสร้าง VM จากชุดข้อมูล backup ไปยัง Public cloud เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาและทดสอบ รวมทั้ง สามารถกำหนดช่วงเวลาในการ Replication, conversions และสร้าง VM จากชุดข้อมูล backup ได้ 

เปลี่ยนโฉมการจัดการข้อมูลได้ดีมากขึ้น

ด้วย 3 คุณสมบัติสำคัญของ HPE Cohesity ที่เปลี่ยนมุมมองการจัดการข้อมูลของคุณบน Cloud :

Cloud-native, globally efficient – ได้ประโยชน์จากความสามารถในการขยายระบบโดยการใช้งานบน Cloud ได้อย่างไม่จำกัด ใช้งานได้ง่าย มีประสิทธิภาพในการทำงานระดับโลก ลดทั้งความซับซ้อน ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยง

– ผสานการทำงาน หรือติดตั้งบน Cloud ต่างๆ ได้ตามต้องการ

– สามารถเริ่มจากระบบเล็กๆ ติดตั้งที่ไหนก็ได้ แล้วค่อยขยายในภายหลัง โดยไม่กระทบกับระบบเดิมได้ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Software-Defined

– ทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพด้วยการเข้ารหัส การลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลแบบ Global dedupe และสามารถสืบค้นข้อมูลได้ทั้งระบบด้วย Global search

One platform, universal protection – รวมศูนย์กลางจัดการและปกป้องข้อมูลที่กระจัดกระจายทั้งจาก Hybrid cloud และ multi-cloud ภายใต้ platform หนึ่งเดียวของ Cohesity ผ่านทางหน้าเว็บ

  • มั่นใจว่าข้อมูลของคุณสามารถย้ายไปยังผู้ให้บริการรายใดก็ได้โดยไม่โดนผูกขาดอีกต่อไป
  • ปกป้อง Cloud-native และ SaaS application ด้วยการ Integrate กับ software สำหรับ cloud backup โดยเฉพาะ
  • สามารถ Backup และจัดเก็บข้อมูลระยะยาว รวมถึงการ Failover ไปยัง Cloud ได้ โดยความสามารถในการกู้คืนได้จากทุกที่

Manage less, innovate more – ช่วยให้การจัดการข้อมูลเรียบง่ายและเป็นแบบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้ครอบคลุมทั้งหมด และเปิดการเข้าถึงข้อมูลโดยตรงให้แก่ 3rd application เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย การเรียกดูข้อมูลเชิงลึก และพัฒนานวัตกรรม

  • จัดการข้อมูลให้อัตโนมัติในการย้ายข้อมูล หรือกู้คืนข้อมูลข้าม cloud
  • ปลดปล่อยความสามารถด้านการพัฒนานวัตกรรมและการทำ DevOps ด้วย API และการโคลนข้อมูลอัตโนมัติ ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ปลดล็อกมุมมองเชิงลึก และรองรับการพัฒนา application ที่สามารถใช้งานข้อมูลจากส่วนกลาง เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการใช้ทำสำเนาข้อมูลที่ไม่จำเป็น และลดความวุ่นวายในการจัดการแบบแยกส่วน

จัดการข้อมูลบน cloud ของคุณได้ง่ายขึ้น

Cohesity platform สามารถทำงานผสานกับ public cloud ได้เป็นอย่างดี ช่วยปกป้องงานต่าง ๆ บน cloud และเมื่อติดตั้งบนฝั่ง On-Premises ก็สามารถเชื่อมต่อกับ public cloud ได้อย่างง่าย เพิ่มขีดความสามารถของ datacenter ให้สามารถจัดเก็บข้อมูลระยะยาว ทำ tiering ทำ DR และเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาและทดสอบระบบได้

ทั้งนี้ บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HPE COHESITY อย่างเป็นทางการ ได้รับความไว้วางใจจาก HPE และ COHESITY ให้เป็นส่วนหนึ่งในการขยายตลาดสู่บริษัทคู่ค้า เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านการจัดการข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงช่วยเหลือและส่งต่อความรู้ความชำนาญให้แก่บริษัทคู่ค้าเพื่อพัฒนาและต่อยอดโซลูชั่นที่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม https://www.metroconnect.co.th/products/hpe-hardware/ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายการตลาด โทร: 02-089-4343 email: mktmcc@metroconnect.co.th

from:https://www.enterpriseitpro.net/hpe-cohesity-platform-metroconnect/

Cohesity และ Cisco เปิดมิติใหม่ของโซลูชั่นระบบบริหารจัดการสำรองข้อมูล ช่วยให้องค์กรของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน นอกจากการแข่งขันทางตลาดกันอย่างสูง การบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะข้อมูลขององค์กร คือ พื้นฐานของการพัฒนาองค์กรในทุกมิติ อีกทั้งหากข้อมูลเกิดเสียหาย หรือรั่วไหลออกภายนอกองค์กร จะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ที่อาจจะไม่สามารถประเมิณค่าได้

alt="enter image description here"

วันนี้ Cohesity ผู้นำในการบริหารจัดการข้อมูล และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจาก Ransomware ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่ง Leader ในรายงาน Gartner Magic Quadrant ปี 2021 สำหรับ Enterprise Backup and Recovery Software Solutions นำทัพด้วยบุคคลมากความสามารถอย่างคุณทรงพล แสงมาศ Cohesity Thailand Country Manager ได้ร่วมจับมือกับ Cisco SecureX จากทาง Cisco ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Security มาอย่างยาวนาน เพื่อให้ตอบโจทย์การบริหารจัดการข้อมูลสำหรับทุกองค์กร ด้วย Cohesity and Cisco Data Management Solutions

alt="enter image description here"

Cohesity Helios เป็น Data Management Platform ยุคใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยให้องค์กรสามารถป้องข้อมูล สำรองข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การใช้งานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ล้ำค่าได้อย่างง่ายดายบน Platform เดียว พร้อมทั้งมีการทำ Smart File ที่เหนือกว่า Scale-Out NAS แบบเดิมในแง่ของการจัดการ, การ Scale, ประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล, การ Integrated กับ Application, Cybersecurity และการบริหารจัดการข้อมูลแบบ Muli-tiered เพื่อรองรับการขยายตัวของข้อมูลตามความต้องที่เพิ่มขึ้นในอนาคต Dev/Test เป็นการ Clones ข้อมูลจริงเพื่อนำมาพัฒนาและทดสอบระบบโดยไม่กระทบต่อระบบการใช้งานจริง นอกจากนี้ Cohesity ยังสามารถทำงานแบบ Muli-Cloud ได้อีกด้วย

No Description

Cohesity มีความสามารถในการต่อต้าน Ransomware ได้อย่างครอบคลุม โดย Cohesity Data Protect ด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้

1.Protect Backup การป้องกันระดับไฟล์ด้วยการใช้ DataLock เพื่อไม่ให้ Ransomware เข้ารหัส File ข้อมูล หรือไม่สามารถเขียนทับ File ข้อมูลได้, มีการใช้ Multi-Factor Authentication (MFA)และยังรองรับ Air-Gap ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการเข้าถึงของข้อมูลขึ้นอีกขั้น

No Description

2.Detect ใช้ Machine learning ในการสร้าง Patterns เพื่อตรวจจับ Ransomware, และวิเคราะพฤติกรรมการใช้ข้อมูลที่ผิดปกติที่มีความเสี่ยงจากภัยคุกคาม พร้อมแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติอย่างทันท่วงที

3.Rapid Recovery เทคโนยีที่เป็นสิทธิบัตรเดียวจาก Cohesity จะช่วยและช่วยให้องค์กร สามารถกู้ข้อมูลจากการถูกโจมตีของ Ransomware ได้อย่างรวดเร็ว, และสามารถค้นหา File ได้อย่างง่ายด้วย แบบ Google-like global search No Description

No Description

Cisco SecureX เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในส่วนของการปกป้องข้อมูลจากการถูกโจมตีทั้งระดับ Network, Endpoint, On-Cloud, On-Premises โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยให้การตอบโต้ภัยคุกคามสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการใช้ระบบ AI ทำงานร่วมกับ Cohesity เพื่อให้ความเสียหายจากการโดนภัยคุกคามเหลือน้อยที่สุด Cohesity และ Cisco SecureX สามารถสร้าง Single Dashboard ในการเฝ้าระวังความปลอดภัยที่เกี่ยวกับภัยคุกคามเพื่อตอบสนององค์กรในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างสะดวกและเป็นระบบ นอกจากนี้ Cohesity สามารถทำงานร่วมกับ Cisco Security Product อื่น ๆ ได้อีก ทำให้องค์กรสามารถเฝ้าระวังได้ถึงระดับ End-to-End visibility สำหรับเฝ้าดูภัยคุกคามทั้งหมดได้ภายในหน้าเดียว ความสามารถนี้สามารถพบได้บน Cisco UCS Product & Cohesity เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น เป็นทางเลือกเพื่อตอบโจทย์การป้องกันภัยคุกคามในปัจจุบันที่ดีสุดสำหรับองค์กร

No Description

เมื่อเกิดเหตุการณ์การโจมตีจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น Ransomware หรือภัยคุกคามอื่น ๆ Cohesity สามารถส่ง API พิเศษเพื่อแจ้งให้ทาง Cisco SecureX สามารถทำการกู้คืนระบบได้อย่างอัตโนมัติ ช่วยลดการทำงานของบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำงานรูปแบบนี้ทาง Cohesity และ Cisco ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด No Description

การจับมือกันของ Cohesity และ Cisco SecureX เป็นการรวมกันเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรในการบริหารจัดการข้อมูล ช่วยลดต้นทุนในการจัดการ อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของ AI ซึ่งสามารถตอบสนองในการป้องกัยภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติภายใต้การร่วมกันของ Cohesity และ Cisco เท่านั้น แต่ยังช่วยลด Downtime และลดมูลค่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อองค์กรเมื่อถูกโจมตี เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมทั้งคงประสิทธิภาพการใช้งานและการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

สนใจข้อมูลเพิ่มติดต่อเพื่อเข้าทดสอบประสิทธิภาพของ Cohesity ได้ที่…

คุณทรงพล แสงมาศ Cohesity Thailand Country Manager อีเมล์ songphon.sangmas@cohesity.com และเบอร์โทร 062 365 9000

คุณธนวิทย์ ชาญสุไชย Sale Specialist : CISG จากบริษัท Cisco Thailand อีเมล์ tchansuc@cisco.com และ เบอร์โทร 090 961 5246

from:https://www.blognone.com/node/129008

[Guest Post] Cohesity และ Cisco เปิดมิติใหม่ของโซลูชั่นระบบบริหารจัดการสำรองข้อมูล ช่วยให้องค์กรของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน นอกจากการแข่งขันทางตลาดกันอย่างสูง การบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะข้อมูลขององค์กร คือ พื้นฐานของการพัฒนาองค์กรในทุกมิติ อีกทั้งหากข้อมูลเกิดเสียหาย หรือรั่วไหลออกภายนอกองค์กร จะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ที่อาจจะไม่สามารถประเมิณค่าได้ 

วันนี้ Cohesity ผู้นำในการบริหารจัดการข้อมูล และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจาก Ransomware ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่ง Leader ในรายงาน Gartner Magic Quadrant ปี 2021 สำหรับ Enterprise Backup and Recovery Software Solutions นำทัพด้วยบุคคลมากความสามารถอย่างคุณทรงพล แสงมาศ Cohesity Thailand Country Manager ได้ร่วมจับมือกับ Cisco SecureX จากทาง Cisco ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Security มาอย่างยาวนาน เพื่อให้ตอบโจทย์การบริหารจัดการข้อมูลสำหรับทุกองค์กร ด้วย Cohesity and Cisco Data Management Solutions

Cohesity Helios เป็น Data Management Platform ยุคใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยให้องค์กรสามารถป้องข้อมูล สำรองข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การใช้งานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ล้ำค่าได้อย่างง่ายดายบน Platform เดียว พร้อมทั้งมีการทำ Smart File ที่เหนือกว่า Scale-Out NAS แบบเดิมในแง่ของการจัดการ, การ Scale, ประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล, การ Integrated กับ Application, Cybersecurity และการบริหารจัดการข้อมูลแบบ Muli-tiered เพื่อรองรับการขยายตัวของข้อมูลตามความต้องที่เพิ่มขึ้นในอนาคต Dev/Test เป็นการ Clones ข้อมูลจริงเพื่อนำมาพัฒนาและทดสอบระบบโดยไม่กระทบต่อระบบการใช้งานจริง นอกจากนี้ Cohesity ยังสามารถทำงานแบบ Muli-Cloud ได้อีกด้วย

Cohesity มีความสามารถในการต่อต้าน Ransomware ได้อย่างครอบคลุม โดย Cohesity Data Protect ด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้

  1. Protect Backup การป้องกันระดับไฟล์ด้วยการใช้ DataLock เพื่อไม่ให้ Ransomware เข้ารหัส File ข้อมูล หรือไม่สามารถเขียนทับ File ข้อมูลได้, มีการใช้ Multi-Factor Authentication (MFA)และยังรองรับ Air-Gap ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการเข้าถึงของข้อมูลขึ้นอีกขั้น 
    2. Detect ใช้ Machine learning ในการสร้าง Patterns เพื่อตรวจจับ Ransomware, และวิเคราะพฤติกรรมการใช้ข้อมูลที่ผิดปกติที่มีความเสี่ยงจากภัยคุกคาม พร้อมแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติอย่างทันท่วงที
    3. Rapid Recovery เทคโนยีที่เป็นสิทธิบัตรเดียวจาก Cohesity จะช่วยและช่วยให้องค์กร สามารถกู้ข้อมูลจากการถูกโจมตีของ Ransomware ได้อย่างรวดเร็ว, และสามารถค้นหา File ได้อย่างง่ายด้วย แบบ Google-like global search 

Cisco SecureX เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในส่วนของการปกป้องข้อมูลจากการถูกโจมตีทั้งระดับ Network, Endpoint, On-Cloud, On-Premises โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยให้การตอบโต้ภัยคุกคามสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการใช้ระบบ AI ทำงานร่วมกับ Cohesity เพื่อให้ความเสียหายจากการโดนภัยคุกคามเหลือน้อยที่สุด Cohesity และ Cisco SecureX สามารถสร้าง Single Dashboard ในการเฝ้าระวังความปลอดภัยที่เกี่ยวกับภัยคุกคามเพื่อตอบสนององค์กรในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างสะดวกและเป็นระบบ นอกจากนี้ Cohesity สามารถทำงานร่วมกับ Cisco Security Product อื่น ๆ ได้อีก ทำให้องค์กรสามารถเฝ้าระวังได้ถึงระดับ End-to-End visibility สำหรับเฝ้าดูภัยคุกคามทั้งหมดได้ภายในหน้าเดียว ความสามารถนี้สามารถพบได้บน Cisco UCS Product & Cohesity เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น เป็นทางเลือกเพื่อตอบโจทย์การป้องกันภัยคุกคามในปัจจุบันที่ดีสุดสำหรับองค์กร 

เมื่อเกิดเหตุการณ์การโจมตีจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น Ransomware หรือภัยคุกคามอื่น ๆ Cohesity สามารถส่ง API พิเศษเพื่อแจ้งให้ทาง Cisco SecureX สามารถทำการกู้คืนระบบได้อย่างอัตโนมัติ ช่วยลดการทำงานของบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำงานรูปแบบนี้ทาง Cohesity และ Cisco ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

การจับมือกันของ Cohesity และ Cisco SecureX เป็นการรวมกันเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรในการบริหารจัดการข้อมูล ช่วยลดต้นทุนในการจัดการ อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของ AI ซึ่งสามารถตอบสนองในการป้องกัยภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติภายใต้การร่วมกันของ Cohesity และ Cisco  เท่านั้น แต่ยังช่วยลด Downtime และลดมูลค่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อองค์กรเมื่อถูกโจมตี เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมทั้งคงประสิทธิภาพการใช้งานและการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

สนใจข้อมูลเพิ่มติดต่อเพื่อเข้าทดสอบประสิทธิภาพของ Cohesity ได้ที่
คุณทรงพล แสงมาศ Cohesity Thailand Country Manager
อีเมล์ songphon.sangmas@cohesity.com  และเบอร์โทร 062 365 9000

คุณธนวิทย์ ชาญสุไชย Sale Specialist : CISG จากบริษัท Cisco Thailand
อีเมล์ tchansuc@cisco.com และเบอร์โทร 090 961 5246

 

 

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-avery-digital-cohesity-cisco/