คลังเก็บป้ายกำกับ: CLOUD_NATIVE

Free Meetup! 17 มีนาคมนี้ หากคุณกำลังสนใจใน Cloud Native หรือ DevOps อยู่! พลาดไม่ได้กับงาน ‘Cloud Native DevOps on Open Infrastructure’ [Guest Post]

ในยุคที่เทรนด์การใช้งานแอปพลิเคชันของผู้บริโภคเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มาทำความรู้จักกับ ‘Cloud Native’ หนึ่งในเครื่องมือที่กำลังได้รับความนิยมในการพัฒนาแอปพลิเคชันมากที่สุดในปัจจุบัน!

เหล่านักพัฒนา (developer) ทั้งหลายไม่ควรพลาด! ร่วมรับฟังเทคนิค, Use case รวมถึงประสบการณ์ต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญ 4 ตัวแทนหลัก อย่าง NIPA Cloud, Juniper Networks, Jumpbox, Opsta (Thailand) พร้อมพบปะ พูดคุยกับเหล่านักพัฒนา รวมถึงผู้บริหาร ที่จะมาที่จะมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแบบจัดเต็ม ในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง

ด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด
📍 สำรองที่นั่งได้แล้วตอนนี้ที่ https://bit.ly/3DShdoW

รายละเอียดงาน

ชื่องาน: Cloud Native DevOps on Open Infrastructure
วันเวลา: ศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566  เวลา 18:00 – 19:45 น.
สถานที่: On-site – C asean Samyan CO-OP (สามย่านมิตรทาวน์ ชั้น 2)
              Online – Live via Zoom Webinars

หัวข้อการบรรยาย:

6:00 – 6:10 : Meetup kick-off
6:10 – 6:30 : The Beginning of Cloud Native ERA
6:30 – 6:50 : How to Integrate Rancher with OpenStack Environment
6:50 – 7:10 : A Showcase, Get into a Host Kernel from the Published Container-Based Application
7:10 – 7:30 : Leveraging Juniper Networks’ Cloud-Native Contrail Networking (CN2) for Open Infrastructure
7:30 – 7:45 : Post-meetup social hour

from:https://www.techtalkthai.com/free-meetup-cloud-native-devops-on-open-infrastructure-17-mar-23-guest-post/

Advertisement

GIGABYTE ประกาศเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์แบบ Dual Socket Arm-based สำหรับแอปพลิเคชัน Cloud Native เพื่อ Hyperscale Cloud Data Center

GIGABYTE Technology ผู้นำในอุตสาหกรรมเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชันประสิทธิภาพสูง ประกาศเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ความหนาแน่นสูงประมวลผลแบบ Arm-based รุ่นใหม่สำหรับแอปพลิเคชันบนคลาวด์โดยใช้โปรเซสเซอร์ Ampere® Altra® ที่รองรับซ็อกเก็ตคู่พร้อมคอร์ CPU สูงสุดถึง 256 คอร์ เซิร์ฟเวอร์ GIGABYTE R-Series มีตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว และเซิร์ฟเวอร์ใหม่ (R182-P91R282-P91 และ R282-P92 ) ได้ขยายการรองรับ NVMe (Gen4) SSD บนแพลตฟอร์ม Arm สำหรับการคำนวณความหนาแน่นสูงที่ปรับขนาดได้ เซิร์ฟเวอร์ใหม่ล่าสุด H262-P61 ยังไม่มีข้อจำกัดด้านความการระบายความร้อน เนื่องจากสามารถรักษาประสิทธิภาพสูงสุดและสม่ำเสมอโดยการให้กระแสลมที่เหมาะสม เซิร์ฟเวอร์ H-Series แบบหลายโหนดนี้รองรับ CPU ถึงแปดตัว ซึ่งแปลเป็นคอร์ CPU แบบ Arm ได้มากถึง 1,024 คอร์ในเซิร์ฟเวอร์ 2U แบบดั้งเดิม เริ่มจากจุดแข็งของสถาปัตยกรรม Arm ล่าสุดสำหรับโซลูชัน System on Chip (SoC) ตอนนี้โปรเซสเซอร์ Ampere Altra และ Altra Max สามารถรองรับได้ทั้งซ็อกเก็ตเดี่ยวและคู่โดย GIGABYTE

ข้อดีของ Ampere Altra Max สำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบซ็อกเก็ตคู่:

  • ประสิทธิภาพสูง: สูงสุด 256 คอร์พร้อม 256 เธรด (ต่อบอร์ด)
  • ปริมาณงานสูง (High Throughput): PCIe 4.0 192 เลน
  • CCIX ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการสื่อสารระหว่างซ็อกเก็ต
  • ประสิทธิภาพสูงต่อวัตต์: 128 คอร์พร้อม 250W TDP
  • แอปพลิเคชัน: การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics), AI, Edge Computing, เว็บโฮสติ้ง และอื่นๆ

เซิร์ฟเวอร์ R-series ใหม่

แร็กเซิร์ฟเวอร์ใหม่ (R182-P91R282-P91R282-P92) ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ของเรามีแพลตฟอร์มการประมวลผลซ็อกเก็ตคู่ ที่มีความหนาแน่นสูง พร้อมด้วยตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นซึ่งเน้น NVMe SSD ด้วยประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ

การออกแบบซ็อกเก็ตคู่โดย Ampere ใช้ PCIe Gen4 ถึง192 เลนสำหรับการจัดเก็บ GPU และระบบเครือข่าย สำหรับเซิร์ฟเวอร์ R182 และ R282 ที่ใช้ โปรเซสเซอร์ Arm นั้น NVMe SSD ทั้งหมดจะถ่ายโอนข้อมูลผ่านตัวเชื่อมต่อ Mini Cool Edge IO (MCIO) ในกรณีของ R282-P91 ถึงแม้ว่าจะมีสล็อต OCP 3.0 เพื่อรองรับ NVMe SSD ด้วยเช่นกัน แต่ก็ควรใช้ MCIO เนื่องจากสายเคเบิลเส้นเดียวสามารถรองรับเลน PCIe ได้มากเป็นสองเท่าของ SlimSAS ซึ่งจะช่วยลดสายเคเบิล ลดความซับซ้อนของการออกแบบ ปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ และช่วยให้สล็อตขยายมีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับ GPU โปรไฟล์ต่ำไปจนถึงเครือข่ายที่รวดเร็ว

สิ่งที่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ใหม่เหล่านี้แตกต่างก็คือความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่น เริ่มจาก ซีรีส์ R282 ตัว R282-P91 ทุ่มเทเพื่อรองรับ NVMe SSD ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ด้านหน้า และยังมี SATA HDD/SSD ด้านหลังอีกสี่ตัว ในทางกลับกัน R282-P92 มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 6 ช่อง เพื่อรองรับ HDDs 3.5 นิ้ว และ SATA SSDs ขนาด 2.5 นิ้ว ที่เร็วขึ้น โดยที่เหลืออีกหกช่องด้านหน้าสำหรับ NVMe SSDs โดยเฉพาะ สำหรับซีรีส์ 1U R182-P91 นั้นบางลงเพื่อรองรับ SSD ขนาด 2.5 นิ้ว โดยช่องเสียบฮาร์ดดิสก์ครึ่งหนึ่งสำหรับรองรับ NVMe/SATA SSD แบบไฮบริด และส่วนที่เหลือ สำหรับ NVMe SSD โดยเฉพาะ การแบ่งส่วนผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ต้องขอบคุณการออกแบบแบบโมดูลาร์ในเซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE

เซิร์ฟเวอร์ H-series ใหม่

ทุกการออกแบบมีการแลกเปลี่ยนที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ และนี่เป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีความหนาแน่นสูงแบบหลายโหนด เนื่องจากการใช้พลังงานต่อ CPU ยังเพิ่มขึ้นพร้อมกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ H262-P61 ใหม่จึงถอดช่องใส่ไดรฟ์ด้านหน้าบางส่วนออกเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ การออกแบบนี้จำเป็นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ 2U เพื่อให้มีการประมวลผลที่เสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ Ampere ทั้งหมด รวมถึง Ampere Altra Max โดย M128-30 มี 128 คอร์และ TDP 250W ส่วน H262-P60 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นก่อนมีวางจำหน่ายแล้วจะเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลและเต็มใจที่จะลดความเร็ว Clock จำนวนคอร์ และ TDP สูงสุดลง

ในแง่ของระบบปฏิบัติการ ผลิตภัณฑ์ เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ใหม่เหล่านี้รองรับระบบปฏิบัติการจาก Red Hat, SUSE, Ubuntu, Fedora, Oracle และ Debian

จิตวิญญาณของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตและการตัดสินใจของ GIGABYTE มาโดยตลอด ในฐานะบริษัทที่เน้นด้านฮาร์ดแวร์ บริษัทได้พัฒนาโซลูชัน Arm มากว่าทศวรรษแล้ว ระบบนิเวศของ Arm เป็นที่คุ้นเคยและได้รับการออกแบบมาอย่างดีโดยวิศวกรของเราเพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ GIGABYTE ด้วยข้อเสนอที่สามารถสร้างข้อได้เปรียบแม้จะมีการแข่งขันสูง โดยสามารถเข้าถึงทุกมุมของตลาดองค์กร โดยเซิร์ฟเวอร์ใหม่นำเสนอโซลูชันแก่ระบบ Cloud Native ที่กำลังเป็นที่ต้องการของลูกค้าในขณะนี้

ส่งคำถาม: ติดต่อฝ่ายขาย
ติดตาม GIGABYTE บน Twitter: twitter.com/GIGABYTEServer
ติดตาม GIGABYTE บน Facebook: facebook.com/gigabyteserver

from:https://www.techtalkthai.com/gigabyte-introduces-dual-socket-arm-based-servers/

[Guest Post] VMware ยกระดับประสบการณ์การมัลติคลาวด์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้าด้านนวัตกรรมใหม่

VMware เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอ พร้อมบริการ Cross-Cloud และประกาศความร่วมมือสำคัญที่งาน VMware Explore

เพื่อนำเสนอประสบการณ์คลาวด์ที่รวดเร็วและชาญฉลาดสำหรับธุรกิจดิจิทัล

ซาน ฟรานซิสโก – VMware Explore US 2022 (31 สิงหาคม 2565) – ที่งาน VMware Explore 2022 บริษัท วีเอ็มแวร์ จำกัด (VMware, Inc. หรือ NYSE: VMW) เปิดตัวนวัตกรรม บริการ ข้อเสนอใหม่ และขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการช่วยให้ลูกค้าใช้งานและเติบโตในมัลติคลาวด์ในปัจจุบัน ลูกค้ายังคงพัฒนาและปรับธุรกิจของตนให้เป็นดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ รวดเร็วและให้บริการลูกค้าของตนเองได้ดียิ่งขึ้น VMware และระบบนิเวศของพาร์ทเนอร์ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เลือกระบบคลาวด์ที่เหมาะสมกับแอปได้ดียิ่งขึ้น

นายรากู รากูราม ซีอีโอของ VMware กล่าวว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้มาใหม่ที่เกิดและเติบโตในคลาวด์หรือผู้ให้บริการที่เป็นที่ยอมรับ เป้าหมายสูงสุดสำหรับลูกค้าคือระบบมัลติคลาวด์ที่ช่วยให้พวกเขาเร่งการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น – ทั้งหมดขับเคลื่อนโดยรูปแบบการดำเนินงานที่สอดคล้องกันซึ่งขยายไปทั่วทุกคลาวด์ ที่ VMware Explore เราร่วมกับพาร์ทเนอร์นำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ด้วยแนวทาง Cloud-Smart”

คลิกเพื่อ อ่านบล็อกโพสต์ของ รากู รากูราม หัวข้อ จาก Cloud Chaos สู่ Cloud Smart

ความสามารถใหม่เหล่านี้สร้างขึ้นจากบริการ VMware Cross-Cloud™ ที่เปิดตัวในงาน VMworld 2021 ปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้องค์กรมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ Cloud-Smartเมื่อธุรกิจเพิ่มจำนวนคลาวด์เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ พวกเขาเผชิญกับความซับซ้อนในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดย VMware Cross-Cloud เป็นบริการแบบ unified service ซึ่งมีแนวทางที่เรียบง่ายในการสร้าง การใช้งาน การเข้าถึง และการรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชันบนคลาวด์ที่ใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ – สำหรับทุกแอปแพลตฟอร์ม และรองรับการทำงานจากทุกๆ ที่

เร่งการเปลี่ยนแปลงของคลาวด์ระดับองค์กร Enterprise Cloud

VMware เปิดตัวโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และเอดจ์ ที่ช่วยให้ธุรกิจเร่งการทรานส์ฟอร์มคลาวด์องค์กร และช่วยให้ลูกค้าสามารถรัน ปรับขนาด และรักษาความปลอดภัยเวิร์กโหลดขององค์กรได้ดียิ่งขึ้นทั้งบนไพรเวทคลาวด์ พับบลิกคลาวด์และที่เอดจ์ โดย VMware และพับบลิกคลาวด์พาร์ทเนอร์ยังช่วยเหลือลูกค้าในการโยกย้ายและรันเวิร์กโหลดเหล่านั้นบนพับบลิกคลาวด์ที่พวกเขาเลือก นอกจากนี้ VMware ยังเปิดตัวนวัตกรรมด้านเครือข่ายและความปลอดภัย เพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้งานคลาวด์อย่างปลอดภัยโซลูชั่นที่เปิดตัวในงานได้แก่:

  • VMware vSphere 8 คือก้าวใหม่ของการประมวลผลที่รองรับ DPU (Data Processing Units) ควบคู่ไปกับ CPU และ GPU ทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและทุกองค์กรสามารถใช้งานได้ vSphere 8 จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเวิร์กโหลดของลูกค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและประสิทธิภาพด้านไอที เร่งนวัตกรรมสำหรับ DevOps และอื่นๆ
  • ด้วยแพลตฟอร์มสตอเรจแห่งอนาคตที่ปรับให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ VMware vSAN 8 นำเสนอประสิทธิภาพที่ล้ำหน้าและคุณภาพสูง สถาปัตยกรรมการจัดเก็บข้อมูล vSAN Express ใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การจัดเก็บข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการจัดการ vSAN ที่ทำงานบนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรุ่นล่าสุด
  • VMware Cloud Foundation+ จะเปิดตัวสถาปัตยกรรมที่เชื่อมต่อกับคลาวด์สำหรับการจัดการและใช้งาน HCI แบบ full stack ในดาต้าเซ็นเตอร์
  • VMware Edge Compute Stack 2 จะช่วยให้ลูกค้าทำงานได้ง่ายและปรับขนาดที่เอดจ์ได้ รวมถึงรองรับขนาดคลัสเตอร์ที่เล็กลงเพื่อเรียกใช้คอนเทนเนอร์อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ COTS ที่มีขนาดเล็กลง
  • Project Northstar พรีวิวความก้าวหน้าครั้งสำคัญของแพลตฟอร์ม VMware NSX สำหรับเครือข่ายมัลติคลาวด์ ความปลอดภัย และการมองเห็นแบบ end-to-end
  • Project Watch แนวทางใหม่ของเครือข่ายมัลติคลาวด์และการรักษาความปลอดภัยที่จะให้การควบคุมนโยบายแอปไปยังแอปขั้นสูงเพื่อช่วยในการประเมินความเสี่ยงและการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างต่อเนื่อง

ความสามารถในการปรับขยายระบบปฏิบัติการของแพลตฟอร์ม Cloud Native

VMware ยังคงช่วยลูกค้ารักษาความปลอดภัย รัน และจัดการแอปบนคลาวด์ทั้งหมด ความสามารถใหม่ๆ ในพอร์ตโฟลิโอ VMware Tanzu ปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา ส่งมอบการรักษาความปลอดภัยแบบ end-to-end ตั้งแต่เริ่มจนเข้าสู่กระบวนการทำงาน และเปิดใช้งานการทำงานแบบมัลติคลาวด์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นครอบคลุมคลาวด์ทุกขนาด ไม่ว่าองค์กรจะอยู่ที่ใดในเส้นทางของ Kubernetes นอกจากนี้ VMware ยังเปิดตัวพอร์ตโฟลิโอการจัดการมัลติคลาวด์ตัวล่าสุดVMware Aria—ชุดโซลูชั่นแบบ end-to-end สำหรับการจัดการแอปพลิเคชั่นและโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์เนทีฟ ข้อเสนอใหม่นี้จะช่วยลูกค้าจัดการต้นทุน ขณะที่สามารถทำงาน กำหนดค่า และส่งมอบไพรเวทคลาวด์และพับบลิกคลาวด์สาธารณะได้อย่างประสิทธิภาพ โซลูชั่นที่เปิดตัวในงานได้แก่:

  • VMware Tanzu สำหรับ Kubernetes Operations—ซึ่งรวมถึง VMware Tanzu Mission Control, VMware Aria Operations for Apps และ VMware Tanzu Kubernetes Grid จะทำให้สามารถส่งมอบและจัดการได้ง่ายขึ้น ขณะที่สร้างความน่าเชื่อถือแก่ Kubernetes ได้
  • ความสามารถใหม่ใน VMware Tanzu Mission Control จะขยายและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ Kubernetes แบบมัลติคลาวด์และมัลติคลัสเตอร์ การเปิดตัวในครั้งนี้ยังโชว์พรีวิวไลฟ์ไซเคิลของคลัสเตอร์ Amazon Elastic Kubernetes Service (EKS) การผสานรวมกับ VMware Aria Automation การจัดการไลฟ์ไซเคิลของคลัสเตอร์ได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอผ่าน GitOps และสร้างความน่าเชื่อถือแก่แอปพลิเคชันด้วยการสำรองและกู้คืนข้ามคลัสเตอร์ได้
  • VMware Aria Graph เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบกราฟที่จะลดความซับซ้อนของมัลติคลาวด์ รองรับการทำงานทั้งบนคลาวด์ แอปและสไตล์การทำงานของทุกคน
  • VMware Aria Hub หรือชื่อเดิมคือ Project Ensemble ซึ่งจะให้มุมมองและการควบคุมแบบรวมศูนย์เพื่อจัดการสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ทั้งหมด และใช้ประโยชน์จาก VMware Aria Graph เพื่อกำหนดมาตรฐานทั่วไปหรือ common definition ให้กับแอปพลิเคชัน ทรัพยากร หน้าที่ และบัญชีต่างๆ

เสริมพลังให้กับ Hybrid Workforce

ลูกค้ายังคงต้องการประสบการณ์การทำงานที่ปลอดภัยและราบรื่นไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกออฟฟิศ VMware Anywhere Workspace ได้เพิ่มความสามารถด้าอุปกรณ์ของพนักงานขององค์กร ซึ่งช่วยให้ทีมไอทีทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง การปรับปรุงรวมถึง:

  • The next generation of VMware Horizon Cloud that will enable multi-cloud agility and flexibility
  • VMware Horizon Cloud รุ่นต่อไป จะเพิ่มความสามารถให้ใช้งานมัลติคลาวด์ได้คล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • ความสามารถในการจัดการอุปกรณ์บนโซลูชัน Digital Employee Experience ที่ล้ำกว่า Workspace ONE UEM โดยโซลูชันจะประกอบด้วย VMware Horizon และ บริหารจัดการ third-party และอุปกรณ์ยังไม่ได้จัดการ
  • ส่วนขยายของ Workspace ONE Freestyle Orchestrator ไปยังอุปกรณ์โมบายล์ และแอป นอกองค์กรสำหรับการออโตเมชั่นและ orchestration สำหรับมัลติแพลตฟอร์ม

ติดตามข่าวสารล่าสุดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่ VMware นำเสนอเส้นทางสู่ระบบคลาวด์ที่รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจดิจิทัล รวมถึงข่าวประกาศความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ได้ที่ VMware Explore 2022

เกี่ยวกับ VMware Explore

VMware Explore เป็นอีเวนท์เรือธงที่มีวิวัฒนาการมาจาก VMworld โดยมุ่งหวังที่จะเป็นงานประชุมใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมมัลติคลาวด์ ในปีนี้ จะมีการนำเสนอโซลูชันและเซสชันทางเทคนิคสำหรับอุตสาหกรรม ระบบนิเวศที่ครอบคลุม 90% ของพาร์ทเนอร์คลาวด์ชั้นนำ ยกระดับมาร์เก็ตเพลสมัลติคลาวด์ ISV ที่กำลังเติบโต และกิจกรรมเน็ตเวิร์กกิ้งต่างๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ VMware Explore คลิก: www.vmware.com/explore.html

เกี่ยวกับ VMware

VMware เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านบริการมัลติ-คลาวด์สำหรับแอป ทำให้เกิดนวัตกรรมดิจิทัลระดับองค์กร ในฐานะผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ในการเร่งสร้างนวัตกรรม ซอฟต์แวร์ VMware ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและมีตัวเลือกที่จำเป็นเพื่อรองรับการทำธุรกิจในอนาคต VMware มีสำนักงานใหญ่ในเมืองพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย มุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าผ่านวาระ 2030 ของบริษัท ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก www.vmware.com/company

VMware, Anywhere Workspace, Explore, VMworld, Tanzu, vSAN, และ vSphere, VMware Aria, NSX, Workspace ONE, และ Horizon เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ VMware, Inc. หรือ บริษัทในเครือ ในสหรัฐอเมริกาและเขตอำนาจศาลอื่น ๆ

 

from:https://www.techtalkthai.com/vmware-delivers-better-multi-cloud-experiences-for-its-innovative-customers/

[Video Webinar] เตรียมรับความท้าทายด้าน Observability เมื่อ Cloud Native กลายเป็นตัวหลักในระบบ IT

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าฟังการบรรยาย Dynatrace Webinar เรื่อง “เตรียมรับความท้าทายด้าน Observability เมื่อ Cloud Native กลายเป็นตัวหลักในระบบ IT” ที่เพิ่งจัดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือต้องการรับชมการบรรยายซ้ำอีกครั้ง สามารถเข้าชมวิดีโอบันทึกย้อนหลังได้ที่บทความนี้ครับ

วิทยากร: คุณเดชอุดม ศรีเณร Strategic Director จาก DPM (Thailand)

ในยุค Cloud Transformation หลายองค์กรเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันในรูปแบบ Cloud Native มากขึ้น เนื่องด้วยผลประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการวางระบบแอปพลิเคชัน ความสะดวกในการใช้งาน รวมไปถึงความสามารถในการขยายระบบได้ง่ายในอนาคตด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Microservices พร้อมเครื่องมือที่มีให้เลือกใช้ได้หลากหลายจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ Cloud

ในทางกลับกัน หลายองค์กรก็ได้เผชิญกับความท้าทายแบบใหม่ที่มาพร้อมกับความรวดเร็วและความสะดวกสบาย นั่นคือ ในกรณีที่เกิดปัญหา องค์กรจะใช้เวลาในการค้นหาและตรวจสอบปัญหาเหล่านั้นนานขนาดไหน และเมื่อปรับจูนแอปพลิเคชันแล้ว ผลที่ได้มาดีขึ้นหรือแย่ลง สาเหตุนั้นเป็นที่โค้ดขององค์กรหรือเป็นที่ Cloud Native กันแน่?

from:https://www.techtalkthai.com/dynatrace-webinar-observability-challenges-in-cloud-native-environment-video/

[Guest Post] OPPO เข้าร่วม Cloud Native Computing Foundation ในฐานะสมาชิกระดับ Gold Member

5 กรกฎาคม 2565, กรุงเทพฯ – OPPO ประกาศเข้าร่วม The Cloud Native Computing Foundation® (CNCF®) ในฐานะสมาชิกระดับ Gold member ร่วมสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนสำหรับซอฟต์แวร์ Cloud Native โดยในฐานะผู้ดูแลและผู้มีส่วนร่วมระดับแนวหน้าในโครงการ CubeFS การเข้าร่วมครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการตอบรับจากโครงการศูนย์บ่มเพาะ CNCF

ในฐานะหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก OPPO มีสาขากว่า 60 ประเทศและภูมิภาค โดยมีพนักงานมากกว่า 40,000 คนที่พร้อมทุ่มเทเพื่อสร้างชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าทั่วโลก บนพื้นฐานของเทคโนโลยี Cloud OPPO เป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งในการพัฒนาเทคโนโลยี Cloud native โดยมุ่งเน้นไปที่ Internet of Experience (IoE) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผลิตภัณฑ์เทอร์มินอลและให้การบริการที่เชื่อถือได้แก่ฐานผู้ใช้

OPPO เป็นผู้สนับสนุนและผู้ดูแลหลักของ CubeFS ซึ่งเป็นระบบไฟล์แบบกระจายสำหรับแอปพลิเคชั่น Cloud Native มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2021 ทำให้เราได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนิเวศบน Cloud Native มากขึ้น” Haifeng Liu, Vice President of OPPO AI and Data Engineering System กล่าว “เราหวังว่าการเป็นสมาชิกระดับ Gold Member ของ CNCF จะช่วยให้เราสามารถจัดหาทรัพยากรและการสนับสนุนที่จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมในโครงการ Cloud native ต่อไปได้ และเราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับนักพัฒนาที่มีความสามารถอันหลากหลายจากทั่วโลก

ด้วยโครงการบ่มเพาะของ CubeFS OPPO จะยังคงเข้าร่วมและร่วมมือกับสมาชิกในโครงการเพื่อส่งเสริม CubeFS ให้ประสบความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีที่แข็งแรงและยั่งยืน โดย CubeFS เป็นแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud ที่มีทั้งอินเทอร์เฟซที่รองรับ POSIX และ S3 ช่วยในการแยกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลออกจากการประมวลผลเพื่อมอบความยืดหยุ่นในการจับคู่ทรัพยากรกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจริงและความจุในการประมวลผลที่ต้องการได้ทุกเมื่อ

OPPO เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้โครงการ CubeFS เป็นโครงการบ่มเพาะ CNCF ที่ใช้งานได้จริง ทำให้โครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานสำหรับแอปพลิเคชันออนไลน์ ฐานข้อมูล หรือบริการประมวลผลข้อมูล และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่ควบคุมโดย Kubernetes ใช้งานได้” Chris Aniszczyk, CTO, CNCF กล่าว “เรามีความยินดีที่ OPPO มีความสนใจในด้านการมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ Cloud native และหวังว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกัน

from:https://www.techtalkthai.com/oppo-joined-cloud-native-computing-foundation-as-gold-member/

TTT Virtual Summit: Enterprise Cloud & Data Center 2022 | 21 – 23 มิ.ย. นี้

TTT Virtual Summit เป็นซีรีส์งานสัมมนาออนไลน์ของ TechTalkThai ที่มีคนสาย IT ติดตามมากกว่า 8,000 คน โดยครั้งที่ 3 ของปี 2022 นี้จัดขึ้นภายใต้ธีม Enterprise Cloud & Data Center 2022 เพื่ออัปเดตแนวโน้ม นวัตกรรม การประยุกต์ใช้ และแนวทางปฏิบัติทางด้าน Cloud และ Data Center ที่น่าสนใจในปี 2022 ทั้งเรื่อง Supercomputer, Cloud Native Technology, Industry Cloud, Container & Serverless, CPU & GPU, Server & Storage & HCI Trends และ Security & Compliance รวม 18 หัวข้อ

เนื้อหาทั้งหมดบรรยายโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก Data Center Providers, Internet Service Providers, Cloud Providers และบริษัท IT/Consult ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ AIS, AMD, Cloudflare, Computer Union, Cyber Elite, Dell Technologies, Fortinet, HPE Aruba, Infor, Intel, Microsoft, Nutanix, Oracle, Red Hat, Tenable และ Veeam

📍 ไฮไลต์ของงาน: พบกับวิทยากรรับเชิญพิเศษจากศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง (NSTDA Supercomputer Center: ThaiSC) ที่จะมาอัปเดต “แนวโน้ม ทิศทาง และตัวอย่างการใช้ Supercomputer ของไทยในปัจจุบัน” และ Microsoft ที่จะมาเจาะลึก “Microsoft Windows Server 2022 และ SQL Server 2022 กับการวางรากฐานสู่ Hybrid Cloud อย่างสมบูรณ์” ให้ทุกท่านได้ฟังกัน

📆 วันที่ 21 – 23 มิถุนายน 2022
⏰ เวลา 13:15 – 16:30 น.
🇹🇭 บรรยายภาษาไทยทุกเซสชัน

งานสัมมนานี้เหมาะสำหรับ: CIO, CTO, CISO, IT Manager, Cloud Architect, System Engineer, System Admin, และผู้ที่สนใจด้าน Cloud และ Data Center

🎉 พิเศษ!! ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานเพื่อลุ้นรับ iPad Air รุ่นใหม่, iPhone 13, AirPods Max และ Redmi Watch 2 Lite รวม 9 รางวัล มูลค่ากว่า 80,000 บาท จับรางวัลใหญ่ทุกวัน !!

ดูรายละเอียด กำหนดการ และลงทะเบียนได้ที่: https://conf.techtalkthai.com/cd22/

from:https://www.techtalkthai.com/ttt-virtual-summit-enterprise-cloud-and-data-center-2022/

Oracle Webinar: วางระบบ Cloud ระดับ 99.999% ด้วย Oracle Private Cloud Appliance

Oracle ขอเรียนเชิญผู้บริหารและผู้ดูแลระบบ Cloud เข้าร่วม Oracle Webinar เรื่อง “วางระบบ Cloud ระดับ 99.999% ด้วย Oracle Private Cloud Appliance” เพื่อเรียนรู้การออกแบบสถาปัตยกรรมระบบ Cloud ให้มี Availability ถึงระดับ 99.999% พร้อมอัปเดตแนวโน้มด้าน Cloud Native Technology ล่าสุดท้ายปี 2020 ในวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน เวลา 18:00 น. ผ่าน Live Webinar ฟรี

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: วางระบบ Cloud ระดับ 99.999% ด้วย Oracle Private Cloud Appliance
ผู้บรรยาย: Nattapon Sub-Anake, Director, Systems Business Development, Oracle ASEAN
วันเวลา: วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2020 เวลา 14:00 – 15:30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
ภาษา: ไทย
ลิงค์ลงทะเบียน: https://go.oracle.com/LP=102701

Cloud Native Technology เป็นแนวโน้มที่องค์กรทั่วโลกต่างให้การยอมรับ นอกจากจะช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีความซับซ้อนทำได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและวางระบบแอปพลิเคชันขึ้นได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

ภายใน Webinar นี้ท่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการทำ Digital Transformation ล่าสุด ประกอบด้วย Application Modernization, Cloud Portability และ Secure and Agile Infrastructure รวมไปถึง Cloud Native Technology นอกจากนี้ ท่านจะได้ทำความรู้จักกับ Oracle Private Cloud Appliance ระบบ Engineered Systems ที่สามารถลด CapEx ลงได้ถึง 50% และความซับซ้อนของ Infrastructure ลงได้ถึง 70% พร้อมการออกแบบสถาปัตยกรรมให้รองรับความพร้อมใช้งานระดับ 99.999% สำหรับ Cloud Native Applications

หัวข้อการบรรยายประกอบด้วย

  • Digital Transformation and IT Trends/Priorities
  • Cloud Native Technology and Oracle’s Approach
  • Oracle’s Private Cloud Appliance – PCA
  • Availability does Matter
  • Oracle’s Maximum Availability Architecture

กด Interested หรือ Going เพื่อติดตามอัปเดตและรับการแจ้งเตือนบน Facebook Event: https://www.facebook.com/events/3572658349459584/

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-webinar-deploying-five-nines-cloud-native-environment-with-oracle-pca/

Check Point Webinar: Erratic Times, Solid Security. Navigating Cloud Native Security in 2020

Check Point ขอเชิญผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน IT Security เข้าฟังบรรยาย Check Point Webinar เรื่อง “Erratic Times, Solid Security. Navigating Cloud Native Security in 2020” พร้อมอัปเดตแนวโน้มภัยคุกคามล่าสุดบนระบบ Cloud รวมไปถึงการวางกลยุทธ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยภายใต้สภาพแวดล้อม Multi-cloud อย่างชาญฉลาด ในวันอังคารที่ 29 กันยายน 2020 เวลา 14:00 ผ่าน Live Webinar

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Erratic Times, Solid Security. Navigating Cloud Native Security in 2020
ผู้บรรยาย: คุณสุพจน์ อร่ามเอกลาภ IT Security Consultant จาก Check Point
วันเวลา: วันอังคารที่ 29 กันยายน 2020 เวลา 14:00 – 15:30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 500 คน
ภาษา: ไทย
ลิงค์ลงทะเบียน: https://zoom.us/webinar/register/WN_17HYiTYjRZ68K3536slO7w

ปี 2020 นี้กลายเป็นปีที่หลายๆ องค์กรจำเป็นต้องเร่งการขยายระบบขึ้น Cloud เพื่อให้รองรับการทำงานจากภายนอกสำนักงานหรือ Work from Home การใช้งาน Cloud Apps ที่แพร่หลายมากขึ้น และจำนวนพนักงานที่ทำงานแบบรีโมตที่เพิ่มสูงขึ้น ก่อให้เกิดช่องโหว่ด้านความมั่นคงปลอดภัยจากการทำ Cloud Transformation ส่งผลให้ 91% ขององค์กรประสบกับการโจมตีไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นตาม

ภายใน Webinar นี้ท่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของการทำ Cloud Transformation เพื่อให้รองรับการ Work from Home รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนกระบวนการต่างๆ ให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยหัวข้อการบรรยายประกอบด้วย

  • แนวโน้มภัยคุกคามและความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud ล่าสุดในปี 2020
  • ภัยคุกคามล่าสุดที่กำลังแพร่กระจายไปยังหลายๆ องค์กรขณะ Work from Home
  • กลยุทธ์สำหรับรับมือกับภัยคุกคามภายใต้สภาพแวดล้อมแบบ Multi-cloud

กด Interested หรือ Going เพื่อติดตามอัปเดตและรับการแจ้งเตือนบน Facebook Event: https://www.facebook.com/events/3895442097149963/

from:https://www.techtalkthai.com/check-point-webinar-navigating-cloud-native-security-in-2020/