คลังเก็บป้ายกำกับ: BUYER’S_GUIDE

[TME 2016] แนะนำ 8 มือถือสมาร์ทโฟนสุดคุ้มเรือธงงบหมื่นกว่าๆ พร้อมผ่อน 0% ของแถมเพียบ

เป็นที่รอคอยของใครหลายๆ คนกับมหกรรมสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อุปกรณ์ไฮเทคครั้งยิ่งใหญ่ Thailand Mobile Expo 2016 ซึ่งงวดนี้ตรงกับเทศกาลตรุษจีน รวมถึงวันวาเลนไทน์พอดี ! อย่าลังเลที่จะช้อปปิ้งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อุปกรณ์เสริมในราคาพิเศษสุดๆ พร้อมโปรโมชั่นจากแบรนด์ชั้นนำ ผ่อน 0% ของแถมเพียบ แถมได้ลองเล่นเครื่องจริงก่อนตัดสินใจซื้ออีกด้วย ว่าแล้วเราก็จะมาแนะนำ 8 มือถือสมาร์ทโฟนสุดคุ้มเรือธงงบหมื่นกว่าๆ กันเสียหน่อย เรียกว่าจะได้ทำการบ้านก่อนไปซื้อจริงในงานครับ โดยงานมหกรรมมือถือ Thailand Mobile Expo 2016 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 14 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 10.00น. – 20.00น.

ASUS Zenfone Zoom ราคา 16,990 บาท

Asus Zenfone Zoom มาพร้อมกับกล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซล ที่รองรับการซูมภาพด้วยเลนส์ได้ 3 ระดับ (3X Optical Zoom) ซึ่งหาไม่ได้จากสมาร์ทโฟนทั่วไป และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS รวมทั้งยังมีระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติด้วยเลเซอร์ ซึ่งช่วยให้การโฟกัสมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งมีความละเอียดระดับ Full HD, หน่วยประมวลผล Quad-Core Intel Atom Z3580, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ PowerVR G6430, ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop, หน่วยความจำแรมขนาด 2 GB หรือ 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB, รองรับการใช้งานเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE และมีกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าจัดกันมาให้อย่างเต็มที่

ZenFone-Zoom

Samsung Galaxy A7 (2016) ราคา 15,900 บาท

สำหรับ Galaxy A7 (2016) เป็นรุ่นระดับกลางของ A-Series หน้าจอขยายใหญ่เป็น 5.5 นิ้ว ชนิดหน้าจอ Super-AMOLED ความละเอียด FHD เท่ากับ Galaxy A5 ชิพประมวลผล Octa-Core + RAM 3 GB ทำงานลื่นไหลบน Android 5.1 (อัพเดทเป็น Android 6.0 ได้) ด้านกล้องใส่มา 13 เมกะพิกเซล  + OIS ถ่ายกลางคืนดีเยี่ยม นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังเพิ่มเป็น 3,300 mAh เชื่อว่าจะเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมครับ รอติดตามได้

IMG_7150

Sony Xperia M5 ราคา 13,990 บาท

โมเดลระดับกลางที่ Sony นำเทคโนโลยีกล้องใหม่ (แบบเดียวกับ Xperia Z5) มาใช้ ความละเอียด 21.2 เมกะพิกเซล  โฟกัสเร็วสุดเพียง 0.2 วินาที พร้อมโหมดการใช้งานมากมาย เช่นเดียวกับกล้องหน้า จัดเต็ม 13 เมกะพิกเซล  มีออโต้โฟกัสด้วย สาย Selfie ไม่ควรพลาด บอดี้กะทัดรัดพกพาง่าย ขอบโลหะสวยงาม โดยเฉพาะตัวเครื่องสีทองแบบอลังการสุดๆ หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (FHD), ชิพประมวลผล Octa-Core 2.2 GHz (Mediatek Helio X10) + RAM 3 GB แรงไม่แพ้รุ่นใหญ่ๆ, รันบน Android 5.1.1 (อัพเกรดเป็น Android 6.0) ออฟชั่นครบ สามารถกันน้ำได้ แต่ราคาก็สูงขึ้นมาพอสมควรครับ หากเทียบกับ Xperia M4 รุ่นก่อน

sony-xperia-m5-2

i-mobile IQ Z PRO ราคา 11,990 บาท

ห้ามพลาดสำหรับ i-mobile IQZ PRO รุ่นแรกของทางค่ายที่มาพร้อมกับกล้องคู่ และนอกจากนั้นมาพร้อมสเปคแบบเรือธง ทั้งหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 × 1080 พิกเซล Full HD Super AMOLED ที่ให้ความสว่างคมชัด ไม่เพียงเท่านั้นยังรองรับดิจิตอลทีวีโดยการเชื่อมต่อกับเสาภายนอกที่แถมมาให้ภายในกล่อง สะดวกกับการใช้งาน 4G รองรับ 2 ซิม แบบไฮบริด รองรับหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 64 GB และใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นกับแบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh ด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Quad-core RAM 3 GB และ ROM 32 GB ราคาเปิดตัว 11,900 บาท

IQ_Z_PRO_11

Oppo R7 Plus ราคา 15,990 บาท

รุ่นท๊อปของ R7 Series พิเศษสุดสำหรับคนชอบจอใหญ่ 6.0 นิ้ว (FHD) ตัวเครื่องขนาดค่อนข้างใหญ่หน่อย มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง คุณสมบัติสเปคไม่ต่างจาก R7s มากนัก ชิพประมวลผล Snapdragon 615 เหมือนกัน ส่วน RAM เหลือ 3 GB, รันบน Android 5.1 กล้องความละเอียด 13 เมกะพิกเซล  แบตเตอรี่จัดเต็ม 4,100 mAh ส่วนราคาจะแพงกว่า OPPO R7s เล็กน้อยคือ 15,990 บาท

OPPO-R7-and-R7-Plus-front-and-back

HTC One A9

รุ่น(เกือบ)เรือธงจาก HTC เปิดตัวช่วงปลายปีก่อน พร้อมกระแสตอบรับค่อนข้างดีในฝั่ง US สำหรับ HTC One A9 โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่าย บางเฉียบ ใช้วัสดุโลหะ Unibody ด้านหน้ามีปุ่ม Home สามารถสแกนลายนิ้วมือ ติดกล้องความละเอียด 13 เมกะพิกเซล  พร้อมกล้องหน้า UltraPixel แบบ One E9+ ชิพประมวลผล Snapdragon 617 เร็วพอใช้ได้ ใช้งานพื้นฐาน ดูวิดีโอ FHD ถ่ายภาพ เล่นเกมไม่มีปัญหา นอกจากนี้ HTC One A9 ยังเป็นรุ่นแรกๆ ที่รัน Android 6.0 จากโรงงานเลย หวังว่าคงจะได้เล่นตัวจริงในงานนะ

one-4

Huawei P8 ราคา 13,990 บาท

ลืมไม่ได้เลยกับเรือธงปี 2015 ของเค้าดีจริงกับ Huawei P8 โดดเด่นด้วยดีไซน์บางเฉียบเพียง 6.4 มิลลิเมตร บอดี้โลหะขัดผิวทราย สวยงามทนทาน หน้าจอขนาดใหญ่ 5.2 นิ้ว (FHD) แสดงผลค่อนข้างดี กล้องหน้า 8 เมกะพิกเซล  ว่ากันว่าเป็นรุ่นที่ถ่าย Selfie ดีมากเลยทีเดียว ชิพประมวลผล Octa-Core 1.5 GHz (Kirin 930) เล่นเกม รันแอพพลิเคชั่นต่างๆ ลื่นไหล บน Android 5.1 ด้านกล้องใส่มาให้ 13 เมกะพิกเซล  พร้อมระบบ OIS (ป้องกันเลนส์สั่นไหว) ลดการสั่นของภาพหากถ่ายแสงน้อย – ถ่ายวิดีโอ รุ่นนี้มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่นคือ RAM 2 GB+เมภายใน 16 GB และ RAM 3 GB + เมโมรี่ภายใน 32 GB ตัวหลังจะแพงกว่าและมีเฉพาะสีทองเท่านั้น

a7

Lenovo Vibe X3 ราคา 15,990 บาท

รุ่นท๊อปไฮเอนด์จาก Lenovo ที่วางจำหน่ายก่อนช่วงสิ้นปี Vibe X3 ดีไซน์รูปแบบใหม่ เน้นสายเอ็นเตอร์เทนต์เต็มที่ ทั้งลำโพงคู่สเตอริโอด้านหน้า ระบบเสียง Dolby Atmos, ชิพประมวลผลเสียงแยก หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (FHD), ชิพประมวลผล Snapdragon 808 + RAM 3 GB แรงเอาเรื่อง รองรับวิดีโอ 4K เล่นเกมกราฟฟิคสูง สตรีมมิ่ง Full HD ลื่นไหล ติดกล้องความละเอียด 21 เมกะพิกเซล  ออฟชั่นเพียบ รองรับสแกนลายนิ้วมือ เมโมรีภายใน 32 GB และแบตเตอรี่ 3,500 mAh ทั้งหมดนี้ Lenovo จัดให้ราคา 15,990 บาท

pic01

ขอบคุณข้อมูลจาก Thailand Mobile Expo

from:http://notebookspec.com/tme-2016-buyer-guide-flagship-phone-budget-1xxxx-baht/334657/

[TME 2016] แนะนำ 8 มือถือสมาร์ทโฟนตัวท็อปเรือธงสุดคุ้มงบ 20,000 + พร้อมผ่อน 0% ของแถมเพียบ

เป็นที่รอคอยของใครหลายๆ คนกับมหกรรมสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อุปกรณ์ไฮเทคครั้งยิ่งใหญ่ Thailand Mobile Expo 2016 ซึ่งงวดนี้ตรงกับเทศกาลตรุษจีน รวมถึงวันวาเลนไทน์พอดี ! อย่าลังเลที่จะช้อปปิ้งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อุปกรณ์เสริมในราคาพิเศษสุดๆ พร้อมโปรโมชั่นจากแบรนด์ชั้นนำ ผ่อน 0% ของแถมเพียบ แถมได้ลองเล่นเครื่องจริงก่อนตัดสินใจซื้ออีกด้วย ว่าแล้วเราก็จะมาแนะนำ 8 มือถือสมาร์ทโฟนตัวท็อปเรือธงสุดคุ้มกันเสียหน่อย เรียกว่าจะได้ทำการบ้านก่อนไปซื้อจริงในงานครับ โดยงานมหกรรมมือถือ Thailand Mobile Expo 2016 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 14 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 10.00น. – 20.00น.

iPhone 6s/ 6s Plus ราคา 22,500 บาท

iPhone6s-624x347

ไม่แนะนำคงไม่ได้ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เชื่อว่าต้องมีหลายคนถามมาว่าในงานมีโปรโมชั่นเด็ดๆ มั้ย คำตอบคือมีครับ จาก Operator ทั้ง 3 ค่าย นอกจากจะมีโปรโมชั่นแพ็คเกจ ลดค่าเครื่อง ลดค่าบริการแล้ว ยังมีโปรโมชั่นบัตรเครดิต / ผ่อน 0% ด้วย สามารถ Walk-in ซื้อได้ทันทีครับ ด้านคุณสมบัติคงไม่ต้องพูดถึงมากมาย คงทราบดีอยู่แล้ว ทั้งนี้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องเปล่า หรือไม่ติดสัญญาก็มีจำหน่ายเช่นกัน แต่ซื้อกับโปรแพ็คเกจจะคุ้มกว่ามากครับ

LG G4 ราคา 20,990 บาท

lg-g4-leak-lulz-3

แม้ว่า LG Mobile (ประเทศไทย) จะยุติการทำตลาดในบ้านเราชั่วคราว แต่ด้านการให้บริการ / ศูนย์ซ่อมยังเปิดปกติครับ งานนี้จึงคาดว่า LG G4 จะปรับราคาทำโปรโมชั่นจาก 17,900 บาท ส่วนจะเหลือเท่าไหร่ แถมอะไรบางต้องรอติดตาม เทียบกับคุณสมบัติสเปคแล้วคุ้มจริงๆ ทั้งหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว (2560 x 1440), ชิพประมวลผล Snapdragon 808 + RAM 3 GB, Android 5.1 (อัพเกรดเป็น Android 6.0 เร็วๆ นี้), กล้องความละเอียด 16 เมกะพิกเซล  (F/1.8) พร้อม OIS แบบ Tri-Axis นิ่งมากๆ แม้ถ่ายกลางคืน ฝาหลังแบบหนังแท้ และแบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้

Huawei Mate 8 ราคา 23,990 บาท

mate-8-011

เพิ่งเปิดตัวล่าสุดต้นเดือนมกราคม 2016 กับเรือธงรุ่นใหม่ ‘Huawei Mate 8’ ภาคต่อของ Ascend Mate 7 ยอดฮิต ยังคงหน้าจอขนาดใหญ่เท่าเดิม 6.0 นิ้ว แสดงผลดีขึ้นเล็กน้อย พกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้อยู่ มีการปรับดีไซน์นิดหน่อย ดูเรียบง่ายทันสมัยกว่าเดิม ชิพประมวลผลอัพเป็น Kirin 950 + RAM 3 GB (หรือ 4 GB) เหลือเฟือกับการใช้งานทั่วไปครับ เล่นวิดีโอระดับ 4K พร้อมบันทึกผ่านกล้องหลัก ความละเอียด 16 เมกะพิกเซล  แบตเตอรี่ 4,000 mAh จัดเต็ม มีระบบ Fast-Charging อีกด้วย ที่เหลือมารอลุ้นว่าราคาจะเปิดตัวบ้านเราเท่าไหร่

Sony Xperia Z5 ราคา 22,990 บาท

xperia-z5-family_0

รุ่นมาตรฐานของตระกูล Xperia Z5 คุณสมบัติอะไรเหมือนกันหมด ความแรงไม่ต้องพูดถึง บอดี้ขอบโลหะ ฝาหลังกระจกผิวด้าน สวยงามแบบเรียบง่าย หน้าจอขนาดใหญ่ 5.2 นิ้ว (FHD) แสดงผลค่อนข้างดี คมชัด สว่างเป็นพิเศษ ตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้ (ใช้งานตามปกติในชีวิตประจำวัน) ลำโพงดัง ฟังเพลงผ่านแอพฯ Walkman ปรับเสียงได้หลายแบบ เมโมรีภายใน 32 GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 128 GB น่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีสุดในบรรดา 3 รุ่นแล้ว ลองเล่นของจริงที่บูธแล้วตัดสินใจสอยซะ

Sony Xperia Z5 Premium ราคา 25,990 บาท

1441209493-Z5Premium-o

แพงสุดเท่าที่ Sony เคยวางจำหน่ายมาเลยกับ Xperia Z5 Premium เป็นรุ่นแรกของโลกที่ใส่หน้าจอความละเอียด 4K (3840 x 2160) บนสมาร์ทโฟน ทั้งนี้ การแสดงผลจริงทำได้เฉพาะตอนดูรูปภาพ วิดีโอ และบางแอพฯ ของ Sony เท่านั้นครับ (ใช้งานปกติแสดงผลเพียง Full HD) ด้านดีไซน์เด่นตรงฝาหลังเป็นแบบกระจกเงามาเลย สวยงามมาก ! ขอบโลหะเงา อาจจะเป็นรอยง่ายหน่อย สเปคอื่นๆ เหมือนกับ Xperia Z5 Compact, Xperia Z5 ทุกประการ ทั้งชิพประมวลผล Snapdragon 810 + RAM 3 GB, Android 5.1.1, กล้อง 23 เมกะพิกเซล  ฯลฯ ส่วนราคาวางจำหน่าย 27,990 บาท อาจจะสูงไปบ้าง แต่ในงาน #mobileexpo คุณจ่ายถูกลงแน่นอน รอติดตาม : )

Samsung Galaxy S6 / Galaxy S6 Edge ราคา 23,900 บาท

galaxy-s6-edge-exquisitely-crafted-desktop

เรือธงแห่งปี 2015 ที่กลายเป็นต้นแบบดีไซน์ของ Samsung หลายรุ่นตอนนี้ หน้าตายังคงสวยงามครับ โดยเฉพาะ Galaxy S6 Edge หน้าจอโค้งขอบทั้ง 2 ด้าน ดีไซน์หรูหรา ขอบบอดี้โลหะ ฝาหลังกระจกเงางาม ติดกล้อง 16 เมกะพิกเซล พร้อม OIS ถ่ายภาพกลางคืนได้ดี แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Exynos 7420 รุ่นท๊อป รองรับวิดีโอความละเอียด 4K, เกมกราฟฟิคสูง เปิดแอพพลิเคชั่นพร้อมกันแบบไม่หน่วง สามารถอัพเกรดเป็น Android 6.0 ได้เร็วๆ นี้ และหาอุปกรณ์เสริมง่ายมาก คาดว่าในงาน #Mobileexpo จะมีโปรโมชั่นราคาสุดโดนใจ จับจองกันได้ราคาไม่ถึง 20,000 บาท

Samsung Galaxy S6 Edge Plus  26,900 บาท

images_14394909505

รุ่นใหญ่และราคาแพงที่สุดของ Samsung ณ เวลานี้เลยกับ Galaxy S6 Edge Plus คุณสมบัติภาพรวมเทียบเท่า Galaxy Note 5 โดยเฉพาะสเปคภายใน ชิพประมวลผล Exynos 7420 + RAM 4 GB, เมโมรี่ภายใน 32-64 GB ฯลฯ ส่วนที่แตกต่างกันคือหน้าจอครับ Galaxy S6 Edge Plus มาพร้อมกับหน้าจอโค้ง 2 ด้านขนาด 5.7 นิ้ว (ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล) ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งนี้ การใช้งานอาจจะแตกต่างจาก Galaxy Note 5 นิดหน่อย ต้องลองเล่นของจริงก่อนตัดสินใจ และแน่นอนว่ามีโปรโมชั่นเด็ดๆ ในงาน #Mobileexpo ต้องไม่พลาด !

Samsung Galaxy Note 5 ราคา 25,900 บาท

feature01

รุ่นระดับท๊อปของ Samsung ที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยคุณสมบัติครอบจักรวาล พร้อมปากกา S-Pen ใช้งานจดบันทึก วาดภาพ ครอบตัดคอนเทนท์ ส่งผ่าน Social – Cloud ได้ทันที สะดวกมากครับ หน้าจอ Super-AMOLED ขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว (2560 x 1440) แสดงผลคมชัด สีสันจัดจ้าน, กล้องหลัก 16 เมกะพิกเซล  (F/1.9) พร้อม OIS ถ่ายกลางคืนได้ดี ไม่สั่น ระบบสแกนลายนิ้วมือปุ่ม Home ดีไซน์หรูหรา ฝาหลังกระจกเงาแบบเดียวกับ Galaxy S6 สวยงามโดยเฉพาะสีทอง – สีดำแซฟไฟร์ แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Exynos 7420 + RAM 4 GB ขอบอกลื่นมากจริงๆ เสียดายไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้ จึงมีข้อจำกัดความจุที่ 32-64 GB เท่านั้น

from:http://notebookspec.com/tme-2016-buyer-guide-smartphone-20000-bath/334645/

Alphacool Eisplateau แผ่นรองกันไฟฟ้าสถิตย์สำหรับคนชอบโมดิฟาย

ต้องถือว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งสำหรับยุคของคนที่ชื่นชอบการโมดิฟายคอมพิวเตอร์หรือคนเล่นน้ำ (Water cooling) เพราะเป็นเวลาที่ทั้งมือเก่าและมือใหม่ สามารถหาของมาปรับแต่ง ติดตั้งชุดน้ำกันได้สะดวกขึ้น หลังจากที่เงียบหายกันไปสักระยะหนึ่ง คราวนี้มีของเล่นใหม่ๆ น่าใช้มากกว่าเดิมในท้องตลาด ใครที่ชอบไม่น่าพลาดเลยทีเดียว

1012118

สำหรับคนที่ชอบเล่นชุดน้ำ มือใหม่ หากยังกังวลเรื่องการต่ออุปกรณ์ชุดน้ำ ซื้อมาแล้วไปไม่ถูก รวมถึงช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะติดตั้ง ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ เช่นเมนบอร์ด การ์ดจอ Alphacool เลยออกแบบแผ่นรองสำหรับป้องกันปัญหาเหล่านี้ ในรุ่น Eisplateau ที่มีขนาดความกว้าง 120 x 60cm เรียกว่ากว้างประมาณโต๊ะทำงานย่อมๆ เลยทีเดียว โดยบนแผ่นมีผังของการเชื่อมต่อชุดน้ำให้ดูแบบง่ายๆ รวมถึงการจัดเรียง ปั้มน้ำ ตัวระบายความร้อนและอื่นๆ ให้ได้เห็นอย่างชัดเจน

1012118-5

สิ่งสำคัญก็คือ รูปที่มีการบอกถึงการใช้งานต่อพ่วงท่อสายยาง ปั้มน้ำ รังผึ้งระบายความร้อน พัดลม ที่ทำให้คุณไม่ต้องงงกับการเชื่อมต่อที่อาจวุ่นวายเล็กน้อย ซึ่งบอกเป็นขนาด 1:1 เท่าของจริง และแผ่นรองนี้ แค่คุณวางลงบนพื้นโต๊ะ แล้วนำสิ่งของต่างๆ ที่เป็นชุดน้ำ มาจัดเรียง และติดตั้งไปตามกลไกต่างๆ ก็พร้อมจะติดตั้งได้ทันที

1012118-3

 

ส่วนในกรณีที่เชื่อมต่อสายไฟ เพื่อลองการทำงาน แผ่นรอง Eisplateau ยังมาพร้อมกับสายรัดข้อมือ ที่เชื่อมต่อเข้ากับแผ่นโดยตรง ในการป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ระหว่างการประกอบ ให้ส่งผลกระทบต่อการอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย เรียกว่าทั้งปลอดภัยและใช้งานได้ครบครัน

คุณสมบัติทางเทคนิค:

  • ขนาด: 1200 x 600 x 4มม
  • น้ำหนัก: 1.785 กิโลกรัม
  • วัสดุ: พื้นยางและพื้นผิวทับด้านบน

อุปกรณ์ในกล่อง:

  • 1x Eisplateau
  • 1x cable with wristband
  • 1x cable with alligator clip

ที่มา : techpowerup

from:http://notebookspec.com/alphacool-intros-eisplateau-anti-static-work-mat-for-liquid-cooling-enthusiasts/333979/

[PC Tips] แนะนำ 6 แนวทางสำหรับการเลือกซื้อการ์ดจอและเกร็ดน่ารู้ที่มือใหม่ควรรับทราบ

การ์ดจอหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า GPU (Graphics Processing Unit) ก็เป็นหนึ่งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้สำหรับแสดงภาพกราฟิกบนหน้าจอแถมยังเป็นฮาร์ดแวร์ยอดฮิตที่มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกับกราฟิกเกมที่มีความสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ในปัจจุบันก็มีการ์ดจอวางจำหน่ายทั้งค่าย NVIDIA และ AMD ให้เลือกซื้อกันเต็มไปหมดแต่สำหรับมือใหม่ที่อยากจะถอยการ์ดจอตัวใหม่ก็คงจะต้องสับสนแน่ ๆ ว่าควรจะมีหลักการเลือกซื้ออย่างไรกันบ้าง ซึ่งวันนี้ก็มี Tips ดี ๆ จาก PCGAMER มาแนะนำการเลือกซื้อการ์ดจอและเกร็ดน่ารู้ที่น่าสนใจเป็นจำนวน 6 ข้อด้วยกันแต่จะมีอะไรบ้างก็ไปดูกันเลยครับ

Geforce_Radeon_GPU_ranking_1

 

ดูรหัสการ์ดจอให้เป็น

ไม่ว่าจะ NVIDIA ก็ดีหรือ AMD ก็ดีการเลือกซื้อขั้นพื้นฐานและสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยก็คือรหัสการ์ดจอที่จะแบ่งได้ง่าย ๆ เลยยกตัวอย่างเช่น GTX 780 เป็นการ์ดจอของ NVIDIA โดยที่เลข 7 ด้านหน้าจะเป็นตัวบ่งบอกความใหม่ของเทคโนโลยีส่วนเลขลำดับถัดมาก็จะเป็นความแรงของการ์ดจอสมมุติถ้าเทียบกันระหว่าง GTX 690 กับ GTX 680 ก็หมายความว่าทั้งสองตัวมีเทคโนโลยีเท่ากันแต่ GTX 690 แรงกว่า GTX 680 เพราะเลขลำดับที่สองมีจำนวนมากกว่านั่นเอง

ZjCPxLRBlZ0D.878x0.Z-Z96KYq

การณีของ AMD ก็จะคล้ายกับ NVIDIA โดยสังเกตุที่ตัวเลขถ้าหากตัวเลขมีจำนวนมากก็แสดงว่าการ์ดจอตัวนั้นมีความแรงมากเช่น AMD R9 290 กับ AMD R9 280 ก็แสดงว่า AMD R9 290 มีความแรงมากกว่า AMD R9 280 ครับและถ้าหากสังเกตุให้ละเอียดในการ์ดจอบางตัวจะมีตัวอักษรต่อท้ายอย่าง Redeon R9 290X โดยตัว X ที่ต่อท้ายนั้นก็หมายความว่าเป็นการ์ดจอที่ทางโรงงานเอาไปเพิ่มประสิทธิภาพให้แรงขึ้นไปอีกครับ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการที่จะซื้อการ์ดจอแรง ๆ ไว้ก่อนจะเป็นผลดีเสมอไปแต่จำเป็นจะต้องดูประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราด้วยว่ามันรองรับกันหรือสัมพันธ์กันหรือไม่ครับ

 

RAM การ์ดจอไม่สำคัญเท่า Bandwidth และ Bus Width

การซื้อการ์ดจอที่มี RAM สูง ๆ ก็ใช่ว่าจะได้ประสิทธิภาพที่สูงเสมอไปซึ่งการจะให้การ์ดจอแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องดูปัจจัยอื่นที่มากกว่า RAM เช่น Bandwidth และค่า Bus Width ที่เปรียบเหมือนช่องทางการรับส่งข้อมูลซึ่งถ้าหากค่า Bus Width สูงก็เหมือนกับช่องทางที่กว้างสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นไหลลื่นขึ้นซึ่งต่อให้การ์ดจอที่มี RAM เพียง 1.5 GB มีค่า Bus Width สูงกว่าย่อมมีประสิทธิภาพกว่าการ์ดจอ RAM 2 GB แต่มีค่า Bus Width น้อยครับฉะนั้นการเลือกซื้อการ์ดจอต้องดูข้อมูลมากกว่า RAM ไม่งั้นอาจจะโดนหลอกก็เป็นได้

gSordbhlRLBA.878x0.Z-Z96KYq

อย่างไรก็ตาม RAM ก็ยังสำคัญอยู่โดยเฉพาะกับความละเอียดหน้าจอยิ่งมีหน้าจอละเอียดมากแค่ไหนก็ต้องใช้ RAM ยิ่งสูงแต่ถ้าหากผู้ใช้มีหน้าจอความละเอียดสูงมากกว่า 1920×1080 ขึ้นไปก็ขอแนะนำง่าย ๆ เลยว่าให้เลือกการ์ดจอระดับ High-End ไปเลยดีกว่าเพราะตัว RAM หรือข้อมูลอื่น ๆ จะเป็นค่ามาตรฐานรองรับได้อยู่แล้วครับ

 

เลือกการ์ดจอให้เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ของเราด้วย

6o_ae8FEaTk1.878x0.Z-Z96KYq

อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้การ์ดจอเช่นกันโดยเฉพาะพวก CPU ที่ใช้ก็ควรจะต้องเหมาะสมหรือสัมพันธ์กันกับการ์ดจอด้วยเพราะถ้าหากคุณใช้ CPU รุ่นเก่าจำพวก Celeron , Pentium , Sempron หรือ Athlon X2 ก็ไม่ควรที่จะนำการ์ดจอแรง ๆ ระดับท็อปมาใช้เพราะมันจะส่งผลเสียและแสดงประสิทธิภาพได้ไม่เต็มที่ซึ่งทางที่ดีควรจะซื้อการ์ดจอในระดับกลางจะดีกว่าแถมยังประหยัดเงินไปได้อีกเยอะ แต่ถ้าหากอยากจะให้เกมที่เล่นแสดงผลได้เต็มสูบก็ควรจะต้องเปลี่ยน processor ใหม่ให้เข้ากับการ์ดจอด้วยและในกรณีที่มีหน้าจอเก่า ๆ ความละเอียดต่ำกว่า 1280×1024 ก็เช่นเดียวกันครับควรจะเลือกการ์ดจอในระดับที่เท่ากันเพื่อจะได้ไม่เสียเงินโดยไม่จำเป็นครับ

 

ไม่จำเป็นต้องต่อการ์ดจอ 2 ตัวเสมอไป

AXVmK4cbATlT.878x0.Z-Z96KYq

สิ่งที่เรียกกันว่า Crossfire หรือ SLI นั้นจริงอยู่ว่ามันจะช่วยให้การทำงานในด้านภาพ 3D แรงขึ้นแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไปครับเพราะในความเป็นจริงแล้วประสิทธิภาพของการ์ดจอตัวที่สองจะแสดงได้ไม่เต็มร้อยซึ่งส่วนมากมันจะทำงานเพียง 25-50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นและในขณะเดียวกันหากต่อการ์ดจอเพิ่มอีกเป็น 3 – 4 ตัวเปอร์เซ็นต์การทำงานของการ์ดจอตัวหลัง ๆ มันก็จะถูกลดทอนลงตามลำดับแต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีข้อดีในเรื่องของการประมวลผลกราฟิกหรือเล่นเกมบนหน้าจอความละเอียดสูงซึ่งการทำ Crossfire หรือ SLI ก็จะเห็นผลชัดเจนกว่าการมีการ์ดจอใบเดียวและถ้าหากในกรณีที่ผู้ใช้มีหน้าจอ 4K หรือต่อหน้าจอหลายจอแล้วหล่ะก็มันก็คุ้มค่าที่จะทำแต่ถ้ามีหน้าจอธรรมดาไม่เว่อร์เกินไปการทำ Crossfire หรือ SLI ก็คงจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักครับ

 

Power Supply ก็สำคัญนะ

AX1500i_three_quarter_hero

นอกจากจะต้องดูรายละเอียดของการ์ดจอให้ดีแล้วอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปรียบเหมือนหัวใจหลักก็คือ Power Supply นั่นเองเพราะการ์ดจอเป็นสิ่งที่ใช้ไฟเยอะมากที่สุดและถ้าหากเรามี Power Supply ตัวดี ๆ มันก็จะสามารถจ่ายกระแสไฟไปเลี้ยงได้เพียงพอและในขณะเดียวกันถ้าหากเรามี Power Supply ที่ไม่สัมพันธ์หรือมีประสิทธิภาพต่ำกว่ากับตัวการ์ดจอแล้วหล่ะก็อาจจะเกิดฝันร้ายของชาว PC เช่นอาจจะทำให้ฮาร์ดแวร์บางอย่างในเครื่องไหม้ก็ได้ครับ ทางที่ดีถ้าหากจะซื้อการ์ดจอก็ควรดูด้วยว่า Power Supply ที่มีนั้นเหมาะสมหรือไม่หรือจะลงทุนซื้อ Power Supply ใหม่ไปเลยก็เป็นทางเลือกที่ดีครับโดยมียี่ห้อแนะนำอย่างเช่น Corsair , Antec และ Seasonic โดยมีราคาระดับหลักพันขึ้นไปซึ่งขอแนะนำตรงนี้เลยว่าให้ลงทุนซื้อ Power Supply ตัวดี ๆ ครั้งเดียวไปเลยครับคุ้มค่าแน่นอน

 

ดูระบบระบายความร้อนของการ์ดจอประเภท Reference และ Non-Reference 

ในปัจจุบันนี้การ์ดจอก็มีระบบพัดลมระบายความร้อนเพื่อรองรับกับการทำงานหนัก ๆ ซึ่งแต่ละค่ายแต่ละรุ่นก็มีดีต่างกันไปแต่ทั้งหมดทั้งมวลมันสามารถแบ่งประเภทของการ์ดจอหลัก ๆ ได้ 2 แบบคือการ์ดจอแบบ Reference และการ์ดจอแบบ Non-Reference ครับ

สำหรับการ์ดจอแบบ Reference นั้นจะเป็นการ์ดจอที่มาจากโรงงานผู้ผลิตจาก 2 ค่ายดังได้แก่ NVIDIA กับ AMD โดยมีการออกแบบรูปร่างดีไซน์รวมถึงชิปทั้งหมดมาจากผู้ผลิต ส่วน Non-Reference ก็จะเป็นการ์ดจอที่มีชิปจาก NVIDIA หรือ AMD เหมือนกันแต่การดีไซน์ภายนอกจะมาจากผู้ผลิตเจ้าอื่นสามารถปรับแต่งได้ยืดหยุ่นหรือทำ Overclock ได้ดี

lWtQm0vknh6w.878x0.Z-Z96KYq

โดยทั้ง 2 ประเภทจะมีข้อแตกต่างในเรื่องของพัดลมระบายอากาศซึ่งการ์ดจอแบบ Non-Reference จะแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่านิดหนึ่งรวมไปถึงฟีเจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการดีไซน์สวยกว่า , ประหยัดไฟมากขึ้นหรือมีสเปคที่รองรับเกมได้ดีกว่าแบบ Reference ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแล้วว่าต้องการที่จะซื้อมาทำอะไรเช่นถ้าอยากจะเล่นเกมหนัก ๆ เป็นชีวิตจิตใจซื้อเกมใหม่มาลองเล่นตลอดตัวการ์ดจอแบบ Non-Reference ก็จะดูดีกว่าแต่ถ้าเล่นเกมหนักบ้างเบาบ้างหรือใช้ทำงานไปด้วยการ์ดจอ Reference อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้ครับว่าชอบแบบไหนมากกว่ากันโดยราคาของทั้งคู่ก็ไม่หนีไปจากกันมากเท่าไหร่ครับ

ก็จะเห็นว่าการซื้อการ์ดจอใหม่มาสักหนึ่งตัวจำเป็นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เยอะมากทีเดียวครับและหวังว่า Tips ที่นำมาเสนอนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือกซื้อการ์ดจอได้ง่ายขึ้นนะครับ

ที่มา : PCGAMER

from:http://notebookspec.com/6-tips-how-to-buy-best-gpu-card/333474/

Skylake รุ่นประหยัดจาก Intel มาแล้ว Core i5 และ Core i3 คุ้ม ถูก

สำหรับซีพียู Intel Skylake ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เรียกว่ามีจัดวางเพื่องานในแต่ละส่วนไว้อย่างชัดเจนแล้ว อย่างเช่นในกลุ่มของ Core i3 หรือ Core i5 ก็สำหรับผู้ใช้งานสำนักงานหรือมัลติมีเดียแบบกลางๆ ในราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก ส่วนถ้าเป็น Core i7 ก็จะขยับเป็นกลุ่มมืออาชีพหรือฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ก็ว่ากันไป แต่สำหรับใครที่ต้องการใช้งาน HTPC หรือกลุ่มโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ก็จะมีความแตกต่างออกไป ซึ่งทางอินเทลเองก็ได้ปล่อยซีพียูในกลุ่มตลาดซีพียูราคาประหยัดให้ได้ใช้งานกัน

Dell-XPS13-Skylake (13)

โดยก่อนหน้านี้อินเทลได้ปล่อย Celeron ออกมา 3 รุ่น ในตลาดระดับล่าง ไม่ว่าจะเป็น Celeron G3900, Celeron G3920 และ Celeron G3900T ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความประหยัดและใช้งานด้านมัลติมีเดียในบ้านได้พอเหมาะ ในราคาที่ไม่แรงเกินไป รวมไปถึงซีพียูรุ่นล่าสุดในไลน์ของ Intel P series ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการพัฒนามาเพื่อเน้นพลังในการประมวลผลของซีพียูเพียงอย่างเดียว โดยรหัส “P” นี้ จะไม่มีกราฟฟิกคอนโทรลเลอร์มาในตัว เช่นเดียวกับ Core i5-6402P ที่ทำงานในแบบ Quad-core และไม่มี Hyper-Threading สัญญาณนาฬิกาพื้นฐานอยู่ที่ 2.8GHz และเพิ่มขึ้นได้ถึง 3.4GHz มีแคช L3-cache 6MB รวมถึงค่า TDP 65W สนนราคาอยู่ที่ 182USD หรือประมาณ 6500 บาท

Lower End Skylake (1)

ส่วนซีพียูรุ่นที่สองในไลน์ของ P series นี้ เป็นรุ่น Core i3-6098P ที่เป็นซีพียูแบบ Dual core มาพร้อม Hyper-Threading ซึ่งจะมีความเร็วอยู่ที่ 3.6GHz ไม่มี Boost clock และมีค่า TDP เพียง 54W เท่านั้น และ L3-cache 3MB ราคาของซีพียูรุ่นนี้อยู่ที่ 107USD หรือประมาณ 3800 บาท เรียกว่าเอาใจคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้ซีพียู Skylake สามารถตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียได้ดียิ่งขึ้น กับราคาสบายกระเป๋า

Lower End Skylake (2)
ที่มา :vortez

from:http://notebookspec.com/intel_has_released_their_lower_end_skylake_line_of_cpus/333985/

มาแล้ว Dell UltraSharp U2717D IPS ขอบจอสุดบาง ต่อได้หลายจอ

ใครที่เป็นแฟนตัวยงของ Dell UltraSharp อยู่ละก็ ยิ้มออกได้แล้ว เพราะ Dell ปล่อยมอนิเตอร์รุ่นใหม่ที่มีขอบจอบางเฉียบ เอาใจคนที่ชอบใช้หรืออยากต่อจอหลายๆ จอที่มีขอบสุดบาง ในรุ่น UltraSharp U2717D มาให้ได้ลิ้มลองกัน กับคุณลักษณะเด่นที่ขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ

Dell UltraSharp U2717D-1

ด้วยสิ่งทื่ทางบริษัทเรียกว่า InfinityEdge ที่ช่วยให้การทำงานแบบมัลติมอนิเตอร์ดูเรียบเนียน ไร้รอยต่อให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น 2 จอหรือ 4 จอก็ตาม ด้วยหน้าจอขนาด 27 นิ้ว ซึ่งใช้พาแนลแบบ IPS ให้ความละเอียด WQHD (2560 x 1440 pixels) เป็นหน้าจอแบบ Anti-Glare ที่ให้ความคมชัดสูงเลยทีเดียว และมี Response time แค่ 6ms (GTG) รวมถึง Brightness 350cm/m แถมด้วย Contrast Ratio 1000:1

Dell UltraSharp U2717D-2

ส่วนพอร์ตต่อพ่วงสัญญาณมีให้เกือบครบ ไม่ว่าจะเป็น DisPlay Port 1.2, mDP 1.2, รวมถึง HDMI 1.4a (with MHL support) และยังมี USB 3.0 hub มาให้ในตัวอีกด้วย โดยฐานยังปรับพับได้อีกเล็กน้อย เพื่อปรับให้ใช้ได้งานยืดหยุ่นมากขึ้น แต่เวลานี้ยังไม่เปิดราคามาให้ได้ลุ้นกัน คิดว่าไม่น่าจะแรงเท่าใดนัก ใครอยากได้มาเปลี่ยนกับจอเดิม อดใจสักระยะ คิดว่าไม่นานนี้แน่
ที่มา : techpowerup

from:http://notebookspec.com/dell-intros-ultrasharp-u2717d-with-infinityedge-bezels/333968/

Dell Latitude 12 Rugged แท็ปเล็ตพันธุ์แกร่ง แบตสุดอึด

อะไรคือ Dell Latitude 12 Rugged Tablet หรือ? ง่ายๆ เลยคือ การเป็นแท็ปเล็ตที่ออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะ เปียกฝนหรือเลอะโคลนตามการใช้งานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในไซต์งาน งานสำรวจบุกเบิกหรือจะเป็นวันที่ฝนตกปรอยๆ ซึ่งงานในแต่ละอย่างนี้จำเป็นต้องทนต่อสภาพการทำงานได้ดี

Dell Latitude 12 Rugged tablet (1)

เช่นเดียวกับมาตรฐานความทนทาน IP65 ซึ่งทนทั้งน้ำและฝุ่น พร้อมกับปุ่มยางกันกระแทกทั้งสี่มุม แบตเตอรี่แบบคู่ ที่สามารถถอดเปลี่ยนแบบ Hot-swap ได้ทันที และหน้าจอสัมผัสที่สามารถทำงานได้ในสภาวะที่เปียกหรือขณะที่ใส่ถุงมือได้อีกด้วย

แม้รูปแบบการใช้งานดังกล่าวจะไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันของใครหลายคน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยกเว้นกลุ่มที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความยุ่งยาก ซึ่งน่าจะทำให้เหมาะกับการลงทุนในแง่ของการใช้งานภาคสนามมากกว่า

Dell Latitude 12 Rugged tablet (2)

การออกแบบและคุณสมบัติทั่วไป
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของแท็ปเล็ตขนาด 12 นิ้วนี้อยู่ที่ หน้าจอแสดงผล 1366 x 768 pixels พร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core M-5Y10c หรือ Core M-5Y71 ที่มีทั้งแบบแรม 4GB หรือ 8GB รวมถึงตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD 128GB

องค์ประกอบของหน้าจอและภายในตัวเครื่อง ทนต่อแรงกระแทก ทนน้ำและฝุ่น น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.62 กิโลกรัม ด้วยมิติ 312 x 203 x 24 มม. หน้าจอมีที่ครอบพลาสติกที่มีกรอบยางอย่างหนาคลุมไปทั้งสี่มุม ส่วนที่เหลือของบอดี้ผลิตจากพลาสติกที่มีความแข็งแกร่งพิเศษ ทนต่อการทุบกระแทก รวมถึงการเกิดรอยขูดขีด ที่สำคัญคือ ไม่แตกหรือทำลายได้ง่ายๆ ทุกพอร์ตเชื่อมต่อภายนอกถูกปิดด้วยยางที่หนา เพื่อให้กันน้ำและฝุ่นละอองให้ได้มากที่สุด

แต่คงไม่มีอะไรที่เด่นไปกว่าระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใน และใช้เทคโนโลยีป้องกันของเหลว HzO สำหรับการป้องกันไม่ให้น้ำใดๆ ให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องได้

Dell Latitude 12 Rugged tablet (3)

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะถ้าคุณต้องใช้งานอุปกรณ์ที่ใกล้กับน้ำ เช่นบ่อน้ำหรือน้ำทะเล ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปยังช่องว่างต่างๆ ได้ เพื่อให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย แม้ในการใช้งานในสภาวะที่เสี่ยงหรือในสภาพแวดล้อมของงานนั่นเอง

มองไปที่พอร์ตการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ประกอบด้วย USB 3.0 ที่อยู่ทางด้านขวาและ mini-VGA ที่อยู่ด้านใต้ของตัวเครื่อง รวมถึงพอร์ตในการต่อที่ชาร์จ นอกจากนี้ที่ขอบด้านบนซ้าย ยังมีช่องต่อหูฟังและ MicroSD รวมถึงพอร์ต mini-HDMI ขอบด้านบนสามารถเลื่อนได้ เพื่อให้ครอบปิดเว็บแคม รวมถึงช่องสำหรับร้อยสาย ที่เป็นออพชั่นที่ซื้อเพิ่มได้

เช่นเดียวกับสายคล้องไหล่และสายคล้องมือ ที่สามารถซื้อฝาปิดคีย์บอร์ด ขาตั้ง เคส สไตลัส รวมถึงโมดูลสำหรับการต่อขยายพอร์ตต่อพ่วง (2x USB 3.0, Ethernet) บาร์โค๊ตและตัวอ่านแถบแม่เหล็ก รวมไปถึงอุปกรณ์พิเศษอย่าง กล้องด้านหลังพร้อมแฟลช ตัวอ่านลายนิ้วมือ แบตเตอรี่แบบคู่และสไตลัส นอกจากนี้ยังรวมถึงสไตลัส รวมถึงการ์ดพลาสติกฉุกเฉินขนาดเล็กที่ภายในมีไม้บรรทัดและเครื่องมือแปลงค่าอยู่ด้านข้าง

Dell Latitude 12 Rugged tablet (4)

ฟีเจอร์การใช้งานอยู่ที่ปุ่มด้านหน้า โดยที่ปุ่มเพาเวอร์จะมีไฟเรืองแสง พร้อมปุ่มกดอีกจำนวน 7 ปุ่ม แต่ที่น่าเศร้าคือ ไม่ได้มีไฟเรืองแสงที่ปุ่ม Windows Start แต่อย่างใด นอกจากนี้ก็ยังมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มล็อคหน้าจอ รวมถึงปุ่มสำหรับโปรแกรมอีก 3 ปุ่ม แต่คงจะดีกว่าหากได้มีปุ่มสำหรับควบคุมความสว่างได้ตามสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้นำไปใช้ได้มากกว่าการเป็นปุ่มสำหรับโปรแกรมอื่นๆ เช่นนี้

นอกจากนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac และ Bluetooth 4.0 เพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงในประเทศ นอกจากนี้ยังมีออพชั่นในการใช้ GPS และ 4G LTE สำหรับอัพเกรดในการเล่นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้

หน้าจอแสดงผล
คุณภาพในการแสดงผลที่ชาญฉลาดของหน้าจอแท็ปเล็ตรุ่นนี้ ซึ่งดูแล้วการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอ สำหรับความละเอียด 1366 x 768 pixel เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือหรือองค์ประกอบต่างๆ ก็ดูจะใหญ่พอให้อ่านได้ชัด นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการใช้หน่วยประมวลผลที่น้อยลงและลดการใช้พลังงานไปในตัว

Dell Latitude 12 Rugged tablet (5)

หน้าจอความสว่างสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานภายนอกสถานที่ ซึ่ง Latitude 12 Rugged Tablet ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะด้วยค่าความสว่างสูงสุดที่แานได้ถึง 667nits ที่ถือว่าเป็นความสว่างที่มากกว่าโน๊ตบุ๊กและแท็ปเล็ตโดยทั่วไปอยู่มาก

นอกจากนี้ยังมีความคมชัดสูง เพื่อไม่ให้ดูจางลง เมื่อเปิดความสว่างหน้าจอมากๆ ด้วยความคมชัดที่วัดออกมาได้มากกว่า 1000 : 1 โดยที่ Latitude 12 Rugged Tablet ให้ตัวเลขได้มากถึง 1291 : 1 นั่นก็หมายความว่า หากใช้งานพื้นฐาน ก็จะได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ในส่วนของการทำงานอื่นๆ ของหน้าจอ ก็จะมีเรื่องของมุมมองหน้าจอ (View angle) ที่ทำได้ดี แต่จะมีส่วนของ White balance ที่ออกสีฟ้ามาไปนิดหน่อยเท่านั้น

Dell Latitude 12 Rugged tablet (6)

ระบบสัมผัสและสไตลัส
การตอบสนองความไวในของระบบสัมผัส อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ แม้ว่าจะใช้พาแนลที่ต้องมีความทนทานก็ตาม ก็ยังสามารถใช้แค่เพียงการแตะสัมผัสเท่านั้น ซึ่งก็รวมถึงการใช้งานผ่านถุงมือได้อีกด้วย และแม้จะในสภาวะที่หน้าจอเปียกก็ตาม รวมถึงการใช้งานใต้ผิวน้ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานบน Window 8 แต่ถ้าจะให้ดีก็อัพเกรดไปเป็น Windows 10 ก็น่าสนใจไม่น้อย

การใช้งานสไตลัส ก็จะยิ่งง่ายต่อการทำงานร่วมกับอินเทอร์เฟสของวินโดวส์ และดูน่าประทับใจมากกว่าการใช้งานอื่นๆ อย่างน้อยก็เรื่องของการเขียนและลายเซ็น รวมถึงการป้อนข้อมูลด้วยการเขียน ที่รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น แต่ที่น่ากังวลก็คือ ด้วยขนาดที่เล็กน่ารักและดูไม่ทันสมัยมากนัก พร้อมสายที่ดูเหมือนโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่น่าจะมีให้เปลี่ยนใช้งานได้บ้าง

Dell Latitude 12 Rugged tablet (7)

กล้องถ่ายภาพ
กล้องทั้งสองของแท็ปเล็ตรุ่นนี้ถือเป็นแบบพื้นฐาน กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 1920 x 1080 pixels และไม่มีแฟลชและกล้องหลัง 1280 x 720 pixels พร้อมแฟลช LED ซึ่งก็ถ่ายภาพได้กำลังพอเหมาะในการเก็บภาพประทับใจในบางขณะ ส่วนกรณีที่ถ่ายในบริเวณแสงน้อย รายละเอียดก็จะหายลงไปบ้างในการทำงานของกล้องทั้งสองนี้

ประสิทธิภาพในการทำงาน
เริ่มต้นก็ต้องดูที่ความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ของแท็ปเล็ตรุ่นนี้ ด้วยการลงไปคลุกกับโคลนแบบเต็มๆ แล้วลองล้างออกด้วยน้ำ ซึ่งผลที่ออกมาคือ ต้องใช้เวลาในการล้างโคลนออกจากช่องเล็กๆ และรอยต่อต่างๆ แต่ก็ล้างทีเดียวออก ไม่ได้วุ่นวายมาก พร้อมสำหรับการทดสอบต่อไปได้ทันที เพียงแต่อาจต้องจำไว้อย่างว่า แม้จะเป็นอุปกรณ์แบบ Waterproof แต่ก็อาจจะไม่รอด หากเราจุ่มมันลงไปในน้ำ

Dell Latitude 12 Rugged tablet (8)

แต่ถ้าไม่ทดสอบตามแบบแท็ปเล็ตรุ่นอื่นๆ ก็คงจะดูไม่ดีนัก จึงจัดการทดสอบ CPU Cinebench R15 ให้ผลคะแนน 149 อยู่ในระดับเดียวกับรุ่นอื่นที่ใช้ซีพียู Intel M-5Yxx ซึ่งจะใช้พลังงานประมาณครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊กอัลตร้าบุ๊กทั่วไป

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถจากการทดสอบบน PCMark7 ซึ่งให้ผลจากกราฟฟิกและความเร็วในการจัดเก็บข้อมูลที่โดดเด่น ด้วยคะแนนที่สูงถึง 3877 ซึ่งหากเทียบกับโน๊ตบุ๊กจะอยู่ที่ประมาณ 5xxx ขึ้นไป

อย่างไรก็ดี หากจะหวังผลการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์หนักๆ ก็คงไม่ใช่ แต่จะเห็นการทำงานของระบบอยู่ประมาณครึ่งเดียว เมื่อใช้งานเปิดเว็บเบราว์เซอร์หรือใช้งานพื้นฐาน แต่ก็ยังดีพอสำหรับการเล่นวีดีโอและดู Google Map ได้ไม่ยาก

Dell Latitude 12 Rugged tablet (9)

ระยะการทำงานของแบตเตอรี่
ระดับความประหยัดพลังงานของ Latitude 12 Rugged Tablet นี้ ค่อนข้างพอเหมาะ ด้วยแบต 26Wh และมีถึง 2 ก้อน จึงทำให้ใช้งานได้นานถึง 12 ชั่วโมง 36 นาที นั่นก็จะเท่ากับโน๊ตบุ๊กที่มีระยะการใช้งานนานๆ เลยทีเดียว ด้วยการทดสอบบนความสว่าง100nits ซึ่งการใช้งานจริงก็น่าจะยังนานกว่า 10 ชั่วโมงแน่นอน แต่นอกจากนี้ก็ยังสลับเปลี่ยนแบตออกได้อีกด้วย

Conclusion
Latitude 12 Rugged Tablet ให้ความทนทานในแง่ของการใช้งาน และสะดวกสำหรับการทำงานนอกสถานที่ ด้วยการออกแบบอย่างดี ให้ทนต่อฝุ่นและน้ำ มีหน้าจอแสดงระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้ไว ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับซอฟต์แวร์พื้นฐานทั่วไป กับสนนราคาที่ 1369 ปอนด์หรือประมาณ 70,xxx บาท สำหรับรุ่นที่ไม่มี GPS และ 1469 ปอนด์ (76,xxx บาท) สำหรับรุ่นมี GPS แต่รุ่นที่มีหน้าจอความละเอียดสูงที่มากับ 4G และพอร์ตที่มีการป้องกันที่ดีมากขึ้น แต่ไม่มีแบตคู่ ราคาจะมากกว่า 2000 ปอนด์ (100,xxx บาท) ขึ้นไป ก็จัดว่าเป็นแท็ปเล็ตเฉพาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้บางกลุ่มและบางงาน แต่ก็ความอึดทน และฟีเจอร์บางส่วนก็น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไปได้ เพียงแต่สนนราคาอาจจะสูงไปบ้างเท่านั้น

ที่มา :trustedreviews

 

from:http://notebookspec.com/dell-latitude-12-rugged-tablet/332827/

ไอเดียซ่อนเงิน ซื้อคอมใหม่ อัพเกรดเครื่องใหม่ รุ่งหรือรอด

กระแสช่วงนี้กำลังมาแรงเหลือเกินกับกรณีพ่อบ้านรายหนึ่งบอกราคาจักรยานกับคุณภรรยาไว้ แต่มาโดนจับได้ในภายหลัง ถูกยกขึ้นเป็นประเด็นบนโลกโซเชียลอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน และดูเหมือนว่าจะเป็นกรณีศึกษาให้กับคุณแม่บ้านอีกหลายคน ที่น่าจะต้องลองกลับไปล้วงแคะแกะเกา เรื่องของการใช้เงินของพ่อบ้านในสิ่งที่ดูแล้วไม่แน่ใจ กับราคาที่บอกเอาไว้นั้น

dsc00324-100636980-gallery

แต่ในฐานะที่เป็นพ่อบ้านใจ (ไม่) กล้าคนหนึ่ง ก็คงต้องขอใช้พื้นที่ตรงนี้ว่า ไม่อยากจะบอกราคาที่ผิดๆ ไปหรอก แต่บางครั้งด้วยความวู่วาม ก็ทำให้หลายๆ คนผลั้งเผลอไปบ้าง ก็ของราคามันยั่วใจ เลยต้องจัดหนักไปนิดนึง เมื่อว่ากันถึงตรงนี้ หลายคนคงตั้งคำถามว่า แล้วจะต้องทำอย่างไร แนะนำว่าไม่ต้องซีเรียสครับเรื่องนี้ เพราะผมเองก็ใช้เม้มเงินซ่อนไว้เหมือนกัน ถึงเวลาที่ซื้อก็ว่ากันตรงๆ ส่วนใหญ่ รอด (รอดจากมือ.. แต่ไปโดนอย่างอื่นแทน) มีเจ็บบ้าง แต่ไม่ถึงล้มตายครับ เลยเถิดไปไกลแล้ว วันนี้ผมมีไอเดียแจ่มๆ ในการซ่อนเงินของแต่ละคนจากทาง hybridtechcar มาให้ชมกัน ลองดูกันครับว่า ตรงใจ ปลอดภัยจริงหรือเปล่า

hide-money (1)

แบบแรก : ดูบรรเจิดมากครับ เล่นใส่ไว้ในเกลียวของหลอดไฟกันเลยทีเดียว แบบดีถือว่าคะแนนดีครับ เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงกับการเปลี่ยนหลอดไฟ ไม่ค่อยถูกโฉลกกัน แต่ถ้าตามช่างมาก็ตัวใครตัวมันนะ

hide-money (2)

แบบที่สอง : ใส่ไว้ใต้ผ้าปูที่นอน งานนี้เรียกว่าวัดใจ เพราะต้องดูว่าใครที่เป็นคนทำงานบ้าน แต่ถ้าให้เดา คงไม่พ้น…คุณ ปลอดภัยครึ่งเดียวนะแบบนี้

hide-money (3)

แบบที่สาม : ค่อนข้างแยบยล แต่เฉพาะบางคนเท่านั้น เนื่องจากเป็นจุดที่สะดุดตา และอาจจะหยิบจับได้ง่าย รวมถึงไม่น่าใส่ได้เยอะนัก เหมาะกับการซ่อนแบบชั่วคราว ไม่ถาวรนะ

hide-money (4)

แบบที่สี่ : ถือว่าต้องยกให้ในความพยายาม แต่ก็ยังอ่อนหัด เพราะถ้าสะบัดตีแมลงวันแรงๆ ก็อาจจะหลุดออกมาให้เห็น ไม่จำเป็นก็ลองหาที่อื่นน่าจะดีกว่า เดี๋ยวไม่ได้คอมชุดใหม่ แถมยังโดนฟาดด้วยไม้อีกนะ

hide-money (5)

แบบที่ห้า : ต้องยกให้กับความพยายาม ที่ต้องใช้ความสามารถและวัดใจพอสมควร เพราะบานพับประตู มีการเปิดปิดอยู่บ่อยครั้ง หากแน่นพอ ก็รอดไป แต่ถ้าถึงคราวเคราะห์ หล่นลงมา ก็ต้องว่ากันไปตามหลักฐาน

hide-money (6)

แบบที่หก : ใต้กระถางต้นไม้ ถ้าส่วนใหญ่เราดูแลต้นไม้ ตกแต่ง ด้วยตัวเองมาตลอด ก็คงจะเนียนได้ แต่ถ้าก่อนหน้าไม่เคยใส่ใจ อยู่ๆ ก็มาใส่ใจต้นไม้แบบไม่มีเหตุผล ก็ต้องระวังไว้หน่อย เพราะพรวนดินครั้งหน้า อาจไม่ได้เจอ (เงิน) อีก

hide-money (7)

แบบที่เจ็ด : ซ่อนไว้แบบนี้ค่อยสมกับเป็นชาวไอที ต้องใช้เทคนิคพอสมควรในการจัดใส่ รวมถึงไดรฟ์แบบนี้ ปัจจุบันแทบไม่มีใครใช้ ถือว่าเป็นช่องทางที่ดีในการซ่อน แต่อย่ายัดเพลินจนแน่นไป เดี๋ยวเปิดไดรฟ์ไม่ออกจะมีปัญหา

hide-money (8)

แบบที่แปด : ในโบว์ของตุ๊กตาหมี นี่ก็สุดๆ คุณผู้หญิงที่บ้านอาจไม่ทันเห็น แต่ถ้าวันไหนคุณใส่ใจตุ๊กตามากกว่าปกติหรือมีลูกๆ หลานๆ มาเล่น ก็อาจเป็นวันโลกาวินาศได้ อย่างไรแล้วเอาเป็นตุ๊กตาที่ตั้งโชว์ มากกว่าแบบที่อุ้มเล่นน่าจะดีกว่า

hide-money (9)

แบบที่เก้า : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพ่อบ้านที่ซักผ้าเอง เพราะมีโอกาสได้สองต่อ ต่อแรกหากมีเอกสารที่อันตรายตกค้าง ก็เช็คได้ก่อน ต่อที่สอง ถ้ามีเงินติดอยู่ในกระเป๋า เราเก็บไว้ได้ทัน แต่ที่สำคัญยังซ่อนไว้ในที่ตากผ้าดูแนวๆ แต่ระวังหลุดปลิวตกไปหน่อยนะ

hide-money (10)

แบบที่สิบ : เป็นเทคนิคสุดแสนจะส่วนตัว เฉพาะบุคคลจริงๆ เพราะซ่อนไว้กับสมาร์ทโฟนส่วนตัว การที่จะดู ก็คงต้องปิดเครื่อง เปิดแบต ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่คงเก็บได้ไม่มากเท่าไร ให้ได้พอใช้ได้ชั่วคราว ซึ่งให้ผลที่ดีทีเดียว

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นอีกหนึ่งไอเดียแบบขำๆ ที่้เราหยิบยกมาให้ได้ดูกันเท่านั้น ซึ่งความจริงจะใช้เป็นประโยชน์ได้ในบางกรณี ไม่รับประกันว่าจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น เพราะการพูดคุยกันอย่างจริงใจ ไม่ปิดบังซ่อนเร้นต่อกันน่าจะเป็นทางที่ดีกว่า อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องมากังวลในภายหลัง แค่จัดสรรการใช้จ่ายให้ดี แถมยังมีเงินใช้ในการอัพเกรดคอมเครื่องใหม่ได้อย่างสบายใจอีกด้วย

ที่มา :hybridtechcar

from:http://notebookspec.com/hide-stash-wife/333102/

[News] HP Stream 11-2016 โน้ตบุ๊ต 1.1 โล ฟรีไวไฟทั่วโลก l 4G ฟรี 3 ปี พร้อมเปิดให้ซื้อแล้ว

หากคุณกำลังมองหาโน้ตบุ๊คที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอในวันอันแสนยุ่ง เราขอแนะนำ HP Stream 11-2016 ที่สวยงามและพร้อมทำงานหนักไปกับคุณ ในราคาเบาๆ ด้วยประสิทธิภาพสุดล้ำจากคลาวด์ 100GB เป็นเวลา 2 ปี เพื่อการจัดเก็บ แบ่งปัน และเพลิดเพลินกับรูปภาพ วิดีโอ และเอกสารบน OneDrive อย่างง่ายดาย

 

Screenshot

 

HP Stream 11-2016 ไปทุกที่กับคุณ ด้วยน้ำหนักเบาให้เครื่องนี้สมบูรณ์แบบสำหรับการพกพาในทุกที่ๆ บนขนาดหน้าจอ 11″ บาง 18.6 ม.ม. เบากว่า 1.18 กก. และใช้แบตเตอรี่ได้ยาวนานสูงสุด 10 ชม. 45 นาที บอกลาเสียงรบกวนจากพัดลม พีซีของคุณทำงานได้อย่างเงียบๆ และเย็นสบาย บนระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยอย่าง Windows 10-64 Bit

 

Screenshot

 

สี

  • HP Stream 11-2016 สีน้ำเงิน Cobal Blue

สเปค

  • จอแสดงผล 11.6 นิ้ว HD WLED แบบด้าน
  • หน่วยประมวลผล Intel Celeron “Braswell” N3050 (2M Cache, up to 2.16 GHz)
  • แรม 2GB DDR3L แบบฝัง
  • ที่เก็บข้อมูล SSD แบบฝัง 32GB eMMC
  • ระบบเสียง DTS STudio Sound พร้อมลำโพงคู่ Dual Speakers
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10
  • สามารถใช้งานต่อเนื่องขณะเชื่อมต่อได้นานถึง 10.5 ชั่วโมงกว่า
  • น้ำหนักเบาเพียง 1.18 กิโลกรัม
  • รับประกัน 1 ปี On-Site Service รับเครื่องซ่อมถึงบ้านและคืนเครื่องที่ไหนก็ได้ในประเทศ , กู้ข้อมูลฟรี 1 ครั้ง และบริการคอลเซ็นเตอร์ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

การเชื่อมต่อ

  • 1x USB 2.0
  • 1x USB 3.0
  • 1x MicroSD Card Reader
  • 1x 3.5 Combo Jack
  • 1x Sim Card Slot รองรับ 4G LTE Quad Band ทั่วโลก

บันเดิล

  • Microsoft One Drive Cloud Storage 100GB นาน 1 ปี
  • iPass หรือ WiFi Global ให้คุณเข้าถึงและใช้งานอินเตอร์เน็ต WiFi ได้ฟรีทั่วโลกเป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปี
  • ซิม 4G LTE เครือข่าย TruemoveH โปรโมชั่น “No WiFi No Worry 4G” ใช้อินเตอร์์เน็ต 4G 200MB นาน 36 เดือน ในสถานที่ๆ WiFi เข้าไม่ถึง และสามารถเติมเงินซื้ออินเตอร์เน็ตเพิ่มได้

พร้อมไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อด้วย iPass ไวไฟฟรีที่ใช้ได้ทั่วโลกเป็นระยะเวลา 1 ปี และใช้งานแพคเก็จ 4G LTE data ฟรีเป็นเวลา 3 ปี เต็ม โดย TrueMove H ถ้าสนใจกันแล้วก็สามารถสั่งของล่วงหน้ากันได้เลยที่ hpstorethailand

from:http://notebookspec.com/hp-stream-11-2016-2/333391/

เช็คโปรโมชั่น ลดราคา JIB Online ประจำสัปดาห์ เกมมิ่งโน้ตบุ๊คลด 1 พัน แถมเมาส์ แผ่นรอง Razer

สัปดาห์นี้ต่อเนื่องกับโปรโมชั่นที่ 4 ประจำเดือนมกราคา 2016 กับทาง JIB Online กันอีกแล้วละครับ กับโปรโมชั่นที่เจ๋งๆ สุดๆ เลยก็ว่าได้ทั้งในส่วนของเกมมิ่งโน้ตบุ๊คที่ลดราคากันมากถึง 2 ตัว พร้อมด้วยของเกมต่างๆ มากมายรวมไปถึงยังมีฮาร์ดแวร์ DIY ต่างๆ ที่น่าสนใจอีกจำนวนมากมายทีเดียวซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันได้เลย

 

01

 

Jib Online

ซึ่งโปรโมชั่น เจ๋งๆ ที่น่าสนใจก็จะมี

  • ซื้อโน้ตบุ๊ค HP Pavilion Gaming เหลือราคา 28,900 บาทแถม ฟรีชุดเมาส์ และแผ่นรองเมาส์เกมมิ่งมูลค่ากว่า 1,290 บาท
  • ซื้อโน้ตบุ๊ค ASUS GL552JX เหลือราคา 27,900 บาทแถม
  • จอแสดงผล Dell E2416H เหลือราคา 5,650 บาท
  • การ์ดจอ ASUS GTX950 เหลือราคา 5,590 บาท
  • คีย์บอร์ด CM STROM QUICKFIRE เหลือราคา 2,990 บาท
  • SSD Kingston 60GB เหลือราคา 1,490 บาท แถม Flash Drive 8GB
  • และโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อนๆ สมาชิก NotebookSPEC ท่านใดที่สนใจก็อย่ารอช้านะครับ เพราะโปรโมชั่นเหล่านี้มีเวลาจำกัด ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าคุ้มและเพื่อนๆ สามารถซื้อกันได้เลยที่ JIB Online พร้อมส่งฟรีภายใน 6 ชั่วโมง(พื้นที่ในกรุงเทพฯ)

from:http://notebookspec.com/jib-online-promotion-4/332969/