ปี 2022 : ในปี 2022 ได้เป็น Microsoft Thailand Partner of the Year 2022, VMware Thailand Cloud Provider of the Year 2022, VMware LAUNCH PARTNER for Sovereign Cloud (First Sovereign Cloud Partner in Thailand and SEAK 2022) และ Veeam The Best Partner of the year Cloud Service Provider
100% Native S3 สามารถเชื่อมต่อด้วย API ที่อยู่ภายใน Data Center ของ AIS Cloud X ได้ โดยที่ทุกการเชื่อมต่อและการประมวลผลต่างๆ จะอยู่ภายใต้การดูแลของทาง AIS Business
SLA การันตีที่ 99.99%
AIS Cloud X ได้มอบระบบสำรองข้อมูลมาให้พร้อมใช้งาน
นอกจากนี้ Cloud X ยังได้เพิ่มความพร้อมใช้งานให้กับระบบด้วยแอปพลิเคชันของ VMware และ Veeam ทำให้ Cloud X มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับ Cloud ทั่วไปหรือ Cloud on Pre-premise เพื่อทำการ Migration / Backup / Replication / Work Load ระหว่างคลาวด์ได้ และสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่สูญหายไปไหนด้วย Near Zero (RPO) จาก Veeam
Backup to Cloud – การสำรองข้อมูลได้มากกว่าแห่งเดียว หรือที่เรียกว่า Off-site Data เพราะหัวใจสำคัญที่สุดขององค์กรคือข้อมูล ดังนั้นเราจึงเป็นที่เก็บข้อมูลสำรองอีกหนึ่งชุดให้แก่คุณ
Migration to Cloud – การย้ายข้อมูลด้วย Cloud Computing ซึ่งในปัจจุบันองค์กร ย้ายระบบจากศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ (ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่) ไปยัง Public Cloud ย้ายระบบจาก Cloud หนึ่งไปยัง Cloud อีกแห่งหนึ่งหรือที่รู้จักกันว่าการโยกย้าย Cloud-to-Cloud ในมุมของ Veeam จะใช้วิธีที่เรียกว่า Direct Restore เพื่อเข้าช่วยจัดการ
นักวิจัยของ Microsoft Security Response Center (MSRC) ร่วมกับ Orca Security ออกมาเผยช่องโหว่ร้ายแรงบน Microsoft Azure Cosmos DB ที่กระทบกับฟีเจอร์ Cosmos DB Jupyter Notebooks โดยเป็นบั๊กที่เปิดให้รันโค้ดอันตรายได้จากระยะไกลหรือ RCE
ช่องโหว่นี้ทำให้มองได้ว่า แม้แต่ระบบสถาปัตยกรรมแบบคลาวด์นาทีฟ ที่มีแบ๊กอย่างระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งนี้ก็ยังมีจุดอ่อนโดยเฉพาะด้านการยืนยันตัวตน ที่คุมในส่วนเฮดเดอร์การให้สิทธิ์ไม่เพียงพอ จนผู้ใช้ที่ไม่ได้ยืนยันตนได้สิทธิ์ทั้งอ่านและเขียนข้อมูลบน Azure Cosmos DB Notebooks จนเปิดให้ใส่โค้ดทับได้
บริการ Microsoft Azure อาจกำลังเผชิญปัญหาด้าน Capacity อย่างเงียบๆ อ้างอิงตามข้อมูลของสำนักข่าว The Information ที่ระบุบนหน้าเว็บกล่าวว่ามีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึงยี่สิบกว่าแห่งของ Azure ที่ Capacity กำลังจะเต็มล้นแล้ว โดยระบุว่าได้ข้อมูลจาก แหล่งข่าวจากผู้จัดการและวิศวกรในไมโครซอฟท์สองท่านที่ไม่ประสงค์ออกนาม
นอกจากนี้ยังมีบทความของ The Telegraph เขียนว่า ลูกค้าใหม่หลายรายกำลังถูกจำกัดไม่ให้ลงทะเบียนใช้บริการเพิ่มเติมโดยเฉพาะ Cosmos DB และการเปิดเวอร์ช่วลแมชชีนในเซิร์ฟเวอร์รีเจี้ยน UK West และ UK South ที่สำคัญ บทความดังกล่าวยังโยงไปถึงสาเหตุที่น่าจะมาจากการที่ไมโครซอฟท์ออกปากที่จะช่วยเหลือยูเครน และภาวะขาดแคลนชิปทั่วโลก
รวมทั้งอ้างถึงข้อความที่ไมโครซอฟท์ส่งไปยังผู้ให้บริการไอทีอย่าง QuoStar ทำนองว่า “โชคไม่ดีที่ตอนนี้ภูมิภาค UK South มีดีมานด์สูง จึงไม่สามารถตอบการร้องขอได้ในตอนนี้” สำหรับกรณียูเครนนั้น ไมโครซอฟท์ได้ช่วยอัพเครือข่ายโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐขึ้นคลาวด์ตัวเองด้วย
บริษัท Microsoft ไม่ใช่เพียงองค์กรเดียวที่เลือกแผนการรัดเข็มขัดต้นทุนค่าแรงของพนักงาน Meta บริษัทแม่ของ Facebook ผู้ผลิตชิป Nvidia และ Snap บริษัทโซเชียลมีเดีย ต่างก็ได้มีการประกาศแผนการชะลอการจ้างพนักงานเพิ่มในปีงบประมาณนี้เช่นกัน ด้วยสาเหตุเดียวกันในทั้งสองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและยังไม่รู้ตอนอวสานของเรื่อง
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์เป็นธุรกิจหลักของ Microsoft แต่เมื่อลูกค้ามีงบประมาณที่จำกัด การปรับแผนให้ตุ้นทุนทรงตัวไม่บวมจนกระทบกำไรจากการขายที่ได้รับอยู่เป็นประจำ ซึ่งเกือบ 88% ของรายได้ประจำไตรมาสของ Microsoft มูลค่ากว่า 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นรายรับเชิงพานิชย์แบบ (commercial in nature)
จากการคาดการณ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Windows และ Office ยังคงมีทิศทางที่ยังเติบโตได้ แต่ไม่หวือหวาเหมือนกลุ่มคลาวด์ Azure แม้จะเป็นอันดับสองรองจาก Amazon Web Services ก็ตาม
กลุ่มผลิตภัณฑ์พีซี การเติบโตลดลง 11% สำหรับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งแน่นอนฉุดให้รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ Windows กระทบตามไปด้วย
Microsoft องค์กรด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจด้าน Cloud ที่มีศูนย์ Data Center ให้บริการลูกค้าอยู่ทั่วทุกมุมโลก
Cloud for Sustainability คือ ปณิธานที่แน่วแน่ของ Microsoft เพื่อลบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากระบบนิเวศภายในปี 2573 และตั้งเป้าต่อยอดภายในปี 2593 ปริมาณค่าก๊าซเรือนกระจกจากธุรกิจจะต้องเท่ากับ “0”
Microsoft Cloud for Sustainability Solution เป็นพยายามที่ Microsoft ยินดีภูมิใจเสนอออกมาสู่สาธารณะ พร้อมเปิดให้ใช้งานความสามารถในระดับองค์กรเพื่อการบันทึกข้อมูล จัดทำรายงาน และสู่กระบวนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลโดยอัตโนมัติ และช่วยระบุพื้นที่ที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อเฝ้าติดตามวัดผล
ก่อนหน้านี้ Microsoft ได้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตัวอย่างของ Emissions Impact Dashboard (EID) สำหรับ Azure ช่วยให้ลูกค้า Azure สามารถติดตามการปล่อยมลพิษจากการใช้งานบนระบบคลาวด์ได้ และขยายความสามารถของ EID ไปใช้งานบน Microsoft 365 โดยภารกิจหลักเช่นเดียวกับ Azure แต่กลุ่มผู้ใช้งานจะมีความหลากหลายมากกว่า
กลุ่มลูกค้าระดับองค์กรสามารถใช้ความสามารถจาก Emissions Impact Dashboard สำหรับ Microsoft 365 เพื่อวัดค่าตัวเลขของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มาจากการใช้งานบน Exchange Online, SharePoint, OneDrive for Business และ Microsoft Teams