รางวัล Unified Communications Partner of the Year 2021, SEA ได้แก่ Radiant Communication Sdn Bhd โดย Radiant Communication ประสบความสำเร็จโดยมีรายได้เพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ รวมถึงการชนะโครงการที่สำคัญในภาครัฐที่มีผู้ใช้สูงถึง 20,000 ราย
รางวัล Network Partner of the Year 2021, SEA ได้แก่ First One Systems Co., Ltd First One Systems Co., Ltd สามารถเพิ่มรายได้จากโซลูชั่นของ ALE สูงขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้ธุรกิจของ ALE ในประเทศไทยขยายตัวเป็นอย่างมาก
รางวัล Growth Partner of the Year 2021, SEAได้แก่ Nokia Enterprise Philippines ความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรระหว่าง ALE และ Nokia Enterprise Philippines เป็นไปอย่างราบรื่น ปูทางไปสู่การสร้างลูกค้าใหม่ ๆ ร่วมกันในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการชนะโครงการต่าง ๆ ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการต่าง ๆ ทางเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศอีกด้วย
คุณ Belinda Lawrie หัวหน้าแผนก APJ Channel Sales ของ Nokia กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและตื่นเต้นที่ได้รับรางวัล “Growth Partner of the Year” จาก อัลคาเทล-ลูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรส์ สำหรับโครงการ GPON expansion project with Radius ของเรา โดยให้บริการผ่านไฟเบอร์และสร้างโอกาสในการเปลี่ยนองค์กรต่าง ๆ สู่การเป็นดิจิทัลให้กับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม”
ในงานนี้แสดงให้เห็นกลยุทธ์สำหรับปีต่อไปของกลุ่มผลิตภัณฑ์ ALE ด้านการสื่อสารและระบบเครือข่ายโดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มขีดความสามารถให้ธุรกิจต่าง ๆ ของลูกค้า ด้วยการเชื่อมต่อได้จากทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งสนับสนุนให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์และประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความต่อเนื่อง และเสริมความเข็มแข็งทางธุรกิจ
ภายในงานนี้ Nokia ได้นำเสนอแนวทางการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ ALE และประโยชน์ที่มีร่วมกันที่มีต่อระบบนิเวศของพันธมิตร (Partner Ecosystem) ความร่วมมือระหว่าง Nokia และ ALE เป็นการต่อยอดขยายธุรกิจในแนวดิ่งของ ALE ในปัจจุบันให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค พร้อมทั้งลดความซับซ้อนและสนับสนุนด้านเทคนิคและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของลูกค้า อีกทั้งส่งมอบโซลูชั่นระบบเครือข่ายแบบ end-to-end ที่คุ้มค่าและเชื่อถือได้อย่างคุ้มค่าให้กับลูกค้า
ALE ได้ฟื้นฟูโปรแกรมสำหรับพันธมิตรทั่วโลกในปี 2022 ด้วยโครงการใหม่ HI-TOUCH สำหรับพัฒนาบุคลากรและสนับสนุนทางเทคนิคให้กับพันธมิตรรายใหม่ ๆ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะใช้ประสบการณ์เพื่อสร้างประสิทธิภาพในระบบนิเวศของพันธมิตรและส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ ALE ยังได้เปิดตัวโปรแกรมรางวัลสำหรับช่องทางขายต่าง ๆ ในชื่อ GOPARTNERS2022 ชื่อเดิมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรู้จักกันในชื่อ Build2Win โปรแกรมใหม่นี้จะมุ่งเน้นที่การดูแลชุมชนผู้ค้าปลีกทางอ้อมของ ALE ด้วยโปรแกรมการส่งเสริมการขายและสนับสนุนผู้ขายที่เป็นพันธมิตรให้เติบโตไปพร้อมกับ ALE
โปรแกรมเหล่านี้สอดคล้องกับหลักการสำคัญของแนวทางการสร้างพันธมิตรให้แข็งแกร่งของ ALE ซึ่งจัดลำดับให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในเรื่องของความภักดีและการอุทิศตนให้กับระบบนิเวศทางพันธมิตรของ ALE ส่วนกลยุทธ์ในด้านองค์กรของ ALE นั้นมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับพันธมิตร ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ประโยชน์เพื่อสร้างแนวทางการทำงานที่คล่องตัวให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการสนับสนุนพันธมิตรให้ชนะโครงการต่าง ๆ และส่งเสริมให้พันธมิตรสามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว แนวทางนี้ทำให้ ALE สามารถเสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ปรับปรุงความแม่นยำในการส่งมอบ ลดระดับสินค้าคงคลัง และขับเคลื่อนการจัดส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นสำหรับธุรกรรมที่มีปริมาณมาก แม้ในช่วงที่ขาดแคลน เพื่อให้มั่นใจว่าพันธมิตรทางธุรกิจให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพการบริการอย่างสม่ำเสมอ
OmniAccess Stellar AP1301 ที่ให้เฟรมเวิร์กสถาปัตยกรรมแบบกระจายศูนย์ (distributed architecture framework) พร้อมความสามารถในการควบคุมแบบเสมือนที่บิวด์-อินมาในอุปกรณ์ จึงช่วยลดการใช้อุปกรณ์ควบคุมจากส่วนกลางที่มีราคาแพงและมีข้อจำกัดในเรื่องปัญหาคอขวดในระบบเครือข่ายและ single point of failure ที่ถ้าจุดหนึ่งมีปัญหาก็จะทำให้เกิดความล้มเหลวทั้งหมด
TechTalkThai ขอเรียนเชิญ IT Manager, Network Engineer, ผู้ดูแลระบบ IT และผู้ที่สนใจทุกท่าน เข้าร่วมฟัง TechTalk Webinar ในหัวข้อเรื่อง “Digital Age Technology – a Network and Communication Perspective โดย Alcatel-Lucent Enterprise” เพื่ออัปเดตแนวโน้มเทคโนโลยีด้าน Network และ Communication สำหรับปี 2020 และ 2021 นี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ผันผวน พร้อมปรับระบบเครือข่ายสู่ยุค Digital อย่างเต็มตัวด้วยแนวทางการออกแบบเครือข่ายสำหรับรองรับ IoT และการทำ Autonomous Network ในวันพุธที่ 30 กันยายน 2020 เวลา 10.30 – 12.00 น. โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้
รายละเอียดการบรรยาย
หัวข้อ: Digital Age Technology – a Network and Communication Perspective โดย Alcatel-Lucent Enterprise ผู้บรรยาย: คุณ Sathit Panpaisan, Country Manager, Alcatel-Lucent Enterprise Thailand วันเวลา: วันพุธที่ 30 กันยายน 2020 เวลา 10.30 – 12.00 น. ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 100 คน ภาษา: ไทย
เทคโนโลยีในยุค Digital Age ได้นำธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัลรูปแบบใหม่ ซึ่งมีระบบเครือข่ายเป็นหัวใจสำคัญในการส่งมอบบริการและสื่อสารระหว่างการทำงานเพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ช่วยให้เกิดการทำ Digital Transformation ได้อย่างรวดเร็วสำหรับหลายธุรกิจองค์กร
ใน Webinar ครั้งนี้ Alcatel-Lucent Enterpise จะมาเล่าถึงแนวโน้มในการใช้เทคโนโลยีในยุค Digital Age แห่งอนาคตนี้โดยเจาะลึกไปที่มุมของระบบเครือข่ายและการสื่อสาร ที่จะช่วยสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้ โดยภายใน Webinar นี้จะประกอบไปด้วยแนวโน้มอนาคตของประเด็นดังต่อไปนี้
วางระบบเครือข่ายใหม่ เน้นรองรับอุปกรณ์ IoT ตอบโจทย์ Smart City ขานรับ Thailand 4.0
โจทย์ของศาลาว่าการกรุงเทพมหานครนั้นคือการวางระบบเครือข่ายใหม่ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานที่มีอยู่เดิมกว่า 15,000 คนได้ และต้องรองรับการนำอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่จะนำมาใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขานรับต่อนโยบาย Thailand 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมากขึ้น
หลังจากที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครพิจารณาผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายหลายราย ก็พบว่า Alcatel-Lucent Enterprise หรือ ALE นั้นเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานนี้ได้เป็นอย่างดีด้วยความที่ ALE นั้นได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีระบบเครือข่ายเพื่อตอบโจทย์ Smart City หลากหลายโครงการทั่วโลกมาแล้ว ดังนั้นเทคโนโลยีของ ALE จึงสามารถนำมาใช้งานกับแผนของศาลาว่าการกรุงเทพมหานครได้อย่างเหมาะสม
สำหรับระบบเครือข่ายหลักภายในองค์กร ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครก็ได้เลือกใช้ ALE OmniSwitch 6860E และ ALE OmniSwitch 6900 ซึ่งเป็น Stackable Switch ในการใช้งานเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ โดยรองรับการเชื่อมต่อที่ความเร็ว 1/10/40GbE สำหรับรองรับอุปกรณ์เครือข่ายสมัยใหม่ได้ทันที และยังสามารถจ่ายพลังงานผ่าน Power over Ethernet หรือ PoE เพื่อรองรับอุปกรณ์ Access Point หรือ IoT ได้อีกด้วย
Switch ทั้งสองรุ่นนี้ต่างรองรับเทคโนโลยี Software-Defined Networking หรือ SDN เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ และในโครงการครั้งนี้ ALE ก็ยังได้ทำการนำเสนอ ALE OmniVista 2500 Network Management System เพื่อใช้ในการบริหารจัดการอุปกรณ์เครือข่ายภายในโครงการจากศูนย์กลางเข้ามาด้วย
ด้วยนวัตกรรมและความทุ่มเทเพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อดีตนั้น ก็ได้ทำให้ ALE ภายใต้แบรนด์ Alcatel-Lucent Enterprise นี้กลายเป็นผู้ให้บริการหลักทางด้านระบบเครือข่าย, การสื่อสาร และบริการสำหรับองค์กรให้แก่ลูกค้าทั่วโลกกว่า 830,000 ราย ALE นั้นมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก และให้ความสำคัญกับทุกภูมิภาคด้วยพนักงานมากกว่า 2,200 คนและพันธมิตรมากกว่า 2,900 รายใน 50 ประเทศทั่วโลก ที่ผ่านมา ALE ประสบความสำเร็จได้จากการช่วยให้องค์กรของคุณสามารถทำ Digital Transformation ในรูปแบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ ด้วยการผสานรวมระบบ, ติดตั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูล และนำเทคโนโลยี Mobile และ Internet of Things เข้ามาช่วยสร้างนวัตกรรมโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับนวัตกรรมที่จะมาต่อยอดในอนาคตเพิ่มเติม https://www.al-enterprise.com
หากจะพูดถึงระบบเครือข่ายขององค์กรที่มีขนาดใหญ่ในเมืองไทย หนึ่งในกรณีที่ต้องพูดถึงก็คือระบบเครือข่ายสำหรับมหาวิทยาลัยที่ถือเป็นโจทย์ที่ยากและมีความท้าทาย ในบทความนี้เราจะมาเล่าถึงกรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยพะเยาที่เลือกใช้โซลูชันอุปกรณ์เครือข่ายจาก Alcatel-Lucent Enterprise หรือ ALE ทั้งในส่วนของ LAN และ Wireless LAN ร่วมกัน พร้อมทั้งใช้งานเทคโนโลยีจาก ALE เพื่อช่วยให้การติดตั้งใช้งานและการดูแลรักษาเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
ความท้าทาย: พื้นที่กว้าง, ผู้ใช้งานจำนวนมาก และต้องรองรับอุปกรณ์ IoT ก้าวสู่ภาพ Smart City
การตอบโจทย์นี้ได้นั้นจะต้องอาศัยทั้งระบบเครือข่าย LAN ที่มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพเพื่อใช้งานเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือข่าย และมีระบบ Wireless LAN ที่มีทั้งความเสถียรและมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการรองรับผู้ใช้งานและอุปกรณ์ที่จะมาเชื่อมต่อจำนวนมาก โดยทั้งหมดนี้จะต้องบริหารจัดการจากศูนย์กลางได้อย่างง่ายดาย และทำงานได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
เลือกใช้โซลูชันจาก Alcatel-Lucent Enterprise ผสานระบบ LAN และ Wireless LAN เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อปี 2018 ทางมหาวิทยาลัยพะเยาก็ตัดสินใจเลือกใช้โซลูชันระบบเครือข่ายแบบครบวงจรจาก Alcatel-Lucent Enterprise หรือ ALE ที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของทางมหาวิทยาลัยได้ภายใต้งบประมาณที่จำกัดอย่างคุ้มค่า
ในส่วนของระบบ LAN นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้เลือกใช้ ALE OmniSwitch รุ่น Stackable เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีอยู่ ลดความซับซ้อนที่จะเกิดขึ้นจากการมีอุปกรณ์ Switch จำนวนมากลงด้วยการ Stack รวม Switch หลายๆ ชุดเข้าเป็นชุดเดียวและบริหารจัดการร่วมกันได้อย่างง่ายดายเสมือนเป็น Switch ชุดใหญ่เพียงชุดเดียวเท่านั้น และยังใช้ความสามารถ Power over Ethernet หรือ PoE ของ Switch เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ Access Point และอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ได้
ทางด้านระบบ Wireless LAN ทางมหาวิทยาลัยก็เลือกใช้ ALE OmniAccess WLAN AP มาตรฐาน Wi-Fi 5 ด้วยกันถึง 3 รุ่น เพื่อที่จะได้เลือกติดตั้งใช้งานรุ่นต่างๆ ตามความเหมาะสมในการใช้งาน เช่น ในพื้นที่ที่หนาแน่นก็เลือกติดตั้ง AP ที่มีประสิทธิภาพสูง และในพื้นที่ที่อาจจะต้องการความครอบคลุมของสัญญาณเป็นหลัก ก็เลือกติดตั้ง AP รุ่นที่เล็กลงมาได้ เพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่าสูงสุด และบริหารจัดการระบบผ่าน ALE OmniAccess WLAN Controller ได้จากศูนย์กลาง
ทำการตั้งค่าระบบเครือข่ายที่มีความซับซ้อนโดยอัตโนมัติ ด้วย ALE Intelligent Fabric (iFab)
เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ IT ของมหาวิทยาลัยทำงานได้ง่ายขึ้นในระยะยาว ALE จึงได้นำเสนอแนวคิด Software-Defined Networking หรือ SDN โดยอุปกรณ์ Switch ภายในโครงการนี้ต่างก็รองรับการทำ SDN ได้ และใช้เทคโนโลยี ALE Intelligent Fabric หรือ iFab เข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น
ด้วยนวัตกรรมและความทุ่มเทเพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อดีตนั้น ก็ได้ทำให้ ALE ภายใต้แบรนด์ Alcatel-Lucent Enterprise นี้กลายเป็นผู้ให้บริการหลักทางด้านระบบเครือข่าย, การสื่อสาร และบริการสำหรับองค์กรให้แก่ลูกค้าทั่วโลกกว่า 830,000 ราย ALE นั้นมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก และให้ความสำคัญกับทุกภูมิภาคด้วยพนักงานมากกว่า 2,200 คนและพันธมิตรมากกว่า 2,900 รายใน 50 ประเทศทั่วโลก ที่ผ่านมา ALE ประสบความสำเร็จได้จากการช่วยให้องค์กรของคุณสามารถทำ Digital Transformation ในรูปแบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ ด้วยการผสานรวมระบบ, ติดตั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูล และนำเทคโนโลยี Mobile และ Internet of Things เข้ามาช่วยสร้างนวัตกรรมโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับนวัตกรรมที่จะมาต่อยอดในอนาคตเพิ่มเติม https://www.al-enterprise.com