คลังเก็บป้ายกำกับ: โน๊ตบุ๊คบางเบา

CES 2023 – พาไปชมโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ บาง แรง Intel Gen 13 + RTX เพื่อ Creator และเกมเมอร์

โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ใน CES 2023 ขุมพลัง Intel Gen 13 + GeForce RTX 40 โฉมใหม่ เทคโนโลยีล้ำๆ

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI ที่เปิดตัวครั้งใหญ่ในงาน CES 2023 ครั้งนี้ จัดว่ายกทัพมาครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป เกมเมอร์ และทำงานจริงจัง เรียกว่า All New เลยทีเดียว เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่ถูกปรับใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังยกเครื่องมาใหม่ ใส่ขุมพลัง Intel Gen 13 รุ่นล่าสุด เกือบทุกซีรีส์ และหลายรุ่นก็มาพร้อมแรม DDR5 แล้ว พร้อมกับ SSD PCIe รุ่นใหม่ กับการ์ดจอระดับ GeForce RTX 40 series อีกด้วย บนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง MSI เติมเข้ามาให้กับผู้ใช้โน๊ตบุ๊คได้สัมผัสกันอย่างจุใจเลยทีเดียว โดยในครั้งนี้จะเป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คพกพก โน๊ตบุ๊คทำงาน และไลฟ์สไตล์ ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คใหม่สไตล์ล้ำสมัย มาใช้งานในปีนี้ ไม่ควรพลาดครับ


โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ ในงาน CES 2023


MSI Creator series

มากันที่โน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มนักสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตัดต่อวีดีโอ ตกแต่งภาพ กราฟิกดีไซน์และเหล่ายูทูปเบอร์ อย่าง Creator มีด้วยกัน 2 ซีรีส์ อย่าง Creator Z16 HX Studio และ Creator Z17 HX Studio จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสอดคล้อง ไม่ว่าจะเป็นความบาง เบา มิติที่ดูกระชับ ขอบจอบาง โดยบอดี้นั้นขึ้นรูปในแบบ CNC ที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ซึ่งบางเพียง 19mm และน้ำหนักเบาเพียง ปปปKg. เท่านั้น

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน เพื่อตอบสนองการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแสดงผลก็ตาม โดยที่ MSI CREATOR Z16 HX Studio นี้ มีทั้ง USB 3.2 Gen2 และ Thunderbolt 4 รวมถึงพอร์ต HDMI มาด้วย

และที่สุดของการทำงานคือ ขุมพลังอย่าง Intel Core i9-13950HX ซึ่งเป็นซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูง ให้การทำงานแบบมัลติทากส์กรวมกันถึง 24 core และยังเป็นรุ่นใหม่ Intel Core Gen 13 จึงทำให้การทำงานในด้านคอนเทนต์ วีดีโอ กราฟิก 3 มิติ และงานด้านสตูดิโอ ภาพและเสียง ไหลลื่นได้ดีทีเดียว

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไม่เพียงแค่นั้น เพราะทาง MSI ยังได้ใส่ขั้นสุดของเทคโนโลยีกราฟิกมาให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยกราฟิกการ์ด GeForce RTX ที่สนับสนุน nVIDIA Studio มาด้วย เพื่อให้สายทำงานและนักสร้างคอนเทนต์ได้ยกระดับการทำงานให้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน 3D, Video และการบรอดแคส โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับ GeForce RTX ได้อย่างลงตัว

20230104 135156 1600x1200 1

จุดที่เป็นไฮไลต์อีกสิ่งหนึ่งบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็คือ ชุดระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost มาพร้อมพื้นที่หน้าสัมผัสขนาดใหญ่ ช่วยลดเสียงรบกวน และให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด QHD+ (2560×1600) ให้ความแม่นยำสีสูง เพื่อการทำงานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น 100% DCI-P3 และ Delta-E <2 อีกด้วย โดยหน้าจอนี้ยังผ่าน Calman Verify ด้วยการ Calibrate สีบนหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านภาพและวีดีโอได้อย่างเหมาะสม

โน๊ตบุ๊ค MSI

และไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความบันเทิง ด้วยระบบเสียงชั้นยอดจากลำโพง 2W จำนวน 4 ตัว ที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio และระบบเสียง DTS กับบิตเรตที่สูง เก็บรายละเอียดได้ดี พลังเสียงจัดจ้าน

สามารถปรับแต่ง และตรวจเช็คระบบการทำงานต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ MSI Center ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่าจอ ระบบเสียง หรือการเลือกโหมดใช้งาน รวมถึงการมอนิเตอร์อุณหภูมิ ความเร็ว หรือการใช้แรมได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

ด้วยคุณภาพและการออกแบบที่ลงตัว พร้อมความทนทานระดับ Military Grade ทำให้มั่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การทำงานในสำนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินทาง พกพา เคลื่อนย้ายไปใช้งานนอกบ้านได้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยในงานมีการจัดแสดงโน๊ตบุ๊ค MSI CREATOR 2 รุ่นด้วยกันคือ CREATOR Z16 HX Studio และ CREATOR Z17 HX Studio โดยจะต่างกันในแง่ของมิติ และดีไซน์อยู่เล็กน้อย องค์ประกอบส่วนใหญ่จะคล้ายกัน


MSI Modern series

สำหรับโน๊ตบุ๊ค MSI Modern ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 ครั้งนี้ มี 2 โมเดลด้วยกัน ตามไลน์เดิมที่เคยวางอยู่ในตลาด ประกอบด้วย Medern 14 C13M และ Modern 15 B13M ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ แม้จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับในรุ่นก่อน แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของวัสดุ และดีไซน์อยู่พอสมควร ทำให้ดูพรีเมียมมากขึ้น โดยยังคงคอนเซปต์ บาง กระทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเท่าเดินประมาณ 1.4Kg เท่านั้น สำหรับ Modern 14 โดยที่ MSI Modern รุ่นใหม่ปี 2023 นี้ มาในสไตล์ที่ Slim บางลง และบางสุดเพียง 19.35mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนไปใช้ขุมพลังรุ่นใหม่ อย่าง Intel Core Gen 13 ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว และมาคู่กับกราฟิกอย่าง Intel Iris Xe Graphic รุ่นใหม่ ในการตอบสนองด้านกราฟิก หรือด้านความบันเทิง โดยที่ยังใช้ร่วมกับแรมในแบบ DDR4 3200 และอัพเกรดเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบปุ่มใหญ่ ตอบสนองไวเช่นเดียวกัน และมีแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นบนคีย์อีกด้วย โดยมีปุ่ม Hot key มากมายให้ใช้ พร้อมทัชแพดขนาดใหญ่กว่าเดิม และสนับสนุนการใช้งาน Multi-Gesture

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงมีมาอย่างครบครัน อาทิ USB-A, USB-C 3.2 Gen2 ใช้กับ PD-In ชาร์จไฟได้ แสดงผล และต่อสัญญาณไปยังจอนอกได้อีกด้วย รวมถึงมี HDMI และ Micro-SD card reader มาอีกด้วย

และ MSI ไม่เคยลืมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ปลอดภัยให้กับโน๊ตบุ๊คทุกๆ รุ่น เช่นเดียวกับ MSI Modern นี้ ก็ให้ความทนทานในระดับ MIL-STD-810G เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิ ละอองน้ำ รวมถึงการกระแทก

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ MSI Center ได้เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในการตรวจเช็ค ปรับแต่ง และอัพเดตสิ่งต่างๆ ในระบบผ่านทางโปรแกรมนี้ได้ทันที


MSI Prestige series

สำหรับ โน๊ตบุ๊ค MSI Prestige เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา ดีไซน์ลงตัว พกพาสะดวก โดยมี 3 โมเดลคือ Prestige 13 EVO, Prestige 14 EVO และ Prestige 16 EVO พร้อมจบได้ทุกงาน กับการออกแบบที่พิเศษมากขึ้น ด้วยวัสดุ Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ซึ่งโดดเด่นทั้งในด้านความแข็งแรง และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยที่ Prestige 13 EVO นี้ เบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น แต่ให้ขุมพลังในการทำงาน พร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาอย่างครบครัน และระยะเวลาในการทำงานต่อการชาร์จที่ยาวนานเลยทีเดียว เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก หน้าจอ 13.3″ แต่เพื่อให้งานได้นานขึ้น MSI ใส่แบตระดับ 75Whrs มาให้ ซึ่งรองรับการใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ยังสนับสนุน Fast Charging โดยสามารถชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที ด้วยการชาร์จผ่าน PD-Charging 20V และสเปคยังระบุมาว่า ใช้ได้นานกว่า 1.5 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียง 15 นาทีเท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอภาพขนาด 13.3″ พร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การมองภาพแบบเต็มตา สามารถทำงานหรือใช้ในความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ สีสันสดใส ความละเอียดระดับ Full-HD และยังเป็นพาแนล IPS ให้ค่า sRGB 100%

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลังที่นำมาใส่ไว้ในโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 นี้ มาพร้อม Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ ตอบสนองในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ และประหยัดพลังงาน แต่ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลแจ้งมาว่า ทำงานร่วมกับแรม DDR5 แล้ว และมีกราฟิก Intel Iris X รุ่นใหม่มาอีกด้วย

คีย์บอร์ดปุ่มขนาดใหญ่ กดง่าย สวยงาม และยังสว่างชัดเจนในที่มืด ด้วยแสงไฟ Backlit เป็นแบบสีเดียว เปิด-ปิดได้ ทัชแพดกว้างกว่าเดิม รองรับ Multi-Gesture ด้วยเช่นกัน

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต HDMI และUSB-A 3.2 พร้อม micro-SD card reader

ระบบความปลอดภัย มีมาให้แบบจัดเต็ม โดยโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 EVO นี้ มาพร้อมกล้อง IR FHD camera รองรับการสแกนใบหน้า เพื่อเข้าเครื่อง อีกทั้งเพิ่มในส่วนสแกนลายนิ้วมือมาให้ บนปุ่มเพาเวอร์ สำหรับการ Log-in เข้าระบบอีกด้วย และไม่พลาดกับฟีเจอร์อย่าง Tobii Aware ที่เข้ามาเสริมความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ เมื่อไม่ได้ใช้งานอยู่หน้าจอ โดยระบบจะเบลอหน้าจอให้อัตโนมัติ ป้องกันการลอบมองหรือเข้าใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาต

โน๊ตบุ๊ค MSI

อีกรุ่นหนึ่งเป็น MSI Prestige 16 Studio จะเป็นรุ่นที่เพิ่มฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เพื่อมอบพลังในการสร้างสรรค์ผลงาน แก่เหล่านักสร้างคอนเทนต์ทั้งหลาย ดีไซน์ที่เน้นไปทางพรีเมียม ดูหรูหรา แต่ยังคงความ Mobility บางเบา พกพาสะดวก พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันเช่นกัน บนขุมพลัง Intel Core Gen 13

มาพร้อมการสนับสนุน nVIDIA Studio ร่วมกับกราฟิการ์ด GeForce RTX ทำให้การทำงานในด้าน 3D, Video หรือการบรอดแคสนั้นไหลลื่น

โน๊ตบุ๊ค MSI

เสริมความมั่นใจด้วยระบบระบายความร้อน Dynamic Cooler Boost ที่ออกแบบฮีตซิงก์และฮีตไปป์ พัดลมให้ลดความร้อนในระหว่างการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนน้อยที่สุด โดยพื้นฐานการออกแบบ เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Ultra-Slim ก็ไม่ผิดไปนัก เพราะบางเพียง 16.85mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอแสดงผลที่ให้มาบน MSI Prestige 16 Studio นี้ ให้พื้นที่แสดงผล 16″ ความละเอียด QHD+ 2560×1600 ขอบจอบางพิเศษ ให้ค่า DCI-P3 100% ความแม่นยำของสีสูง Delta-E <2 พร้อม Calman verified และเทคโนโลยี True Color และพิเศษคือ เป็นพาแนลแบบ Mini LED ซึ่งเม็ดพิกเซลเล็กลง แต่ให้ความสว่างสดใสมากขึ้น เหมาะทั้งการทำงาน และความบันเทิง ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม รองรับระบบเสียง Hires และ DTS เพื่อเพิ่มอรรถรสในด้านความบันเทิง และไมโครโฟน ที่รองรับการสนทนาได้อย่างคมชัด

พอร์ตให้มาแบบจัดเต็มเช่นกัน เพราะมีทั้ง Thunderbolt 4, HDMI, USB 3.2 Type-A และ microSD card reader สำหรับ MSI Prestige 16 Studio นี้ มาพร้อมการใช้งานที่ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ และให้แบตเตอรี่ระดับ 82Whrs มาอีกด้วย เหมาะกับคนที่ใช้งานนอกบ้าน หรือไปพรีเซนต์งานลูกค้านอกสถานที่ และสนับสนุนการชาร์จไวด้วย PD Charging 100W


MSI Stealth series

โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน ที่สามารถเล่นเกมได้ดี บนบอดี้ที่บางเบา หากเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทั่วไป กับดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์ Stealth 14 Studio นั้น มาในโทนสีที่ดูเคร่งขรึม มีให้เลือกทั้ง Star Blue และ Pure White ที่จะเหมือนยานอวกาศ มีการตัดเส้นสายได้อย่างลงตัว จุดเด่นอยู่ที่บางเพียง 19mm และน้ำหนักแค่ 1.8Kg เท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่คว้ารางวัล Gaming Award ในงานนี้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

กับความเบาบางนี้ ยังแฝงด้วยความแข็งแรง เพราะผลิตจาก Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ทำให้เบาลงกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้วัสดุทั่วไป อีกทั้งลดการเกิดรอยนิ้วมือบนบอดี้ได้ง่ายอีกด้วย

20230104 134037 1600x1200 2

นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว MSI ยังได้เติมสีสันมาบน Stealth 14 Studio รุ่นนี้ ด้วยแสงไฟ RGB บนคีย์บอร์ด ซึ่งเป็นบบ RGB per-key คือแยกสีบนปุ่มได้อิสระ และด้านหลังเครื่องยังมีแสงไฟที่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้

20230104 135637 1600x1200 1

พอร์ตต่อพ่วงตอบโจทย์ในการใช้งานครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C รองรับ PD Charging รวมถึง USB 3.2 Type-A และ Thunderbolt 4 พร้อมพอร์ตแสดงผล HDMI มาในตัว

ยกระดับความแรงด้วยซีพียู Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ในแบบ H-series ที่พร้อมสำหรับงานด้านภาพ สตูดิโอ วีดีโอและการบรอดแคส รวมถึงการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 รุ่นล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่มากพอสำหรับคอเกม และยังใช้พลังงงานได้อย่างคุ้มค่า รองรับ Ray-tracing ทั้งในงานและการเล่นเกม เช่นเดียวกับสนับสนุนไดรเวอร์ nVIDIA Studio ด้วยเช่นกัน โดยมีชุดคอนโทรลกราฟิกอย่าง MUX switch มาในตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการสนับสนุนแรม DDR5 ที่ให้แบนด์วิทธิ์สูง และรองรับ SSD PCIe Gen4 อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 14″ ที่ให้ความละเอียดได้สูงถึง QHD+ 2560×1600 และอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz ให้ภาพที่ดูสวย นุ่มนวล เพิ่มระดับความบันเทิงให้เร้าใจมากขึ้นด้วยลำโพงที่ติดตั้งมาให้ 2 ชุด และยังมีซับวูเฟอร์อีก 2 ชุด พร้อมระบบเสียง Nahimic สนับสนุน Hi-res Audio โดยที่ผู้ใช้ยังเพิ่มความสนุกสนานกับระบบเสียงรอบทิศทาง ด้วยการต่อพ่วงลำโพงบลูทูธเข้าไปเท่านั้น ก็จะได้มิติของเสียงที่เร้าใจมากขึ้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

Vapor Chamber ขนาดใหญ่ เพื่อการระบายความร้อนให้กับซีพียูและกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น ลดเสียงรบกวน

โน๊ตบุ๊ค MSI

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ซึ่งฟีเจอร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันในส่วนของมิติ และฟังก์ชั่นบางรายการ แต่ยังคงมาพร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และแรม DDR5 รวมถึงกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 เพียงแต่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น 16″
บนความละเอียด QHD+ 2560×1600 เช่นกัน แต่อัตรารีเฟเรชเรต 120Hz

20230104 134059 1600x1200 1

โดยที่เสริมระบบความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น Webcam shutter ปิดกล้องแบบ Manual ด้วยตัวเอง ชุดสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเข้าระบบ พร้อมกล้อง FHD IR Camera ที่ใช้ในการสแกนใบหน้าได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

เช่นเดียวกับระบบพลังงาน ที่ให้แบตขนาดใหญ่ถึง 99.9Whrs มาด้วย เรียกว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานนอกสถานที่ทำงานได้ยาวนานมากขึ้น และที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ใช้ชุดระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ กับไปป์ไลน์จำนวนมาก พัดลม 2 ตัว และเทคโนโลยี Cooler Boost 5 อีกด้วย

ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ WiFi 6E ร่วมกับ Intel KILLER ที่ให้การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว เชื่อมต่อได้ไว ช่องทางขนาดใหญ่ในการติดต่อ และการสนับสนุน 2.5G LAN


MSI Summit series

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit มีมาโชว์ตัวในงานนี้ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย Summit E13 Flip Evo, Summit E14 Flip Evo และ Summit E16 โดยโน๊ตบุ๊คซีรีส์นี้ มุ่งเป้าไปที่งานธุรกิจ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบความบางเบา แต่ให้การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จุดเด่น ไม่ได้อยู่ที่ขนาดกระทัดรัด และขุมพลังที่แรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมหน้าจอที่พับได้ 360 องศา เป็นแบบทัชสกรีน รวมถึงใช้ร่วมกับปากกา MSI Pen ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนานต่อการชาร์จ และระบบความปลอดภัย ที่ทาง MSI จัดมาให้อย่างครบครัน พร้อมกับแพลตฟอร์ม Intel EVO เพื่อยืนยันว่า โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ทั้่งประสิทธิภาพที่ดี น้ำหนักเบา การเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ และประหยัดไฟใช้งานได้นาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo และ E14 Flip Evo โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมียม มีให้เลือกทั้งตัวเคสสีดำ ตัดเส้นสายสีทอง และแบบสีขาวทั้งตัว ทำให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น นั่งที่ทำงาน พบลูกค้า จิบกาแฟในคาเฟ่ และการพรีเซนเทชั่น ให้ความยืดหยุ่นด้วยการปรับพับหน้าจอเพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tablet mode, Desk mode และ Tent mode

20230104 135055 1600x1200 1

หน้าจอแสดงผล 13.4″ FHD+ (Summit E13 Flip Evo) และ 14″ QHD (E14 Flip Evo) เป็นพาแนล IPS ให้ความคมชัดสูง ระดับ sRGB 100% พร้อมขอบจอที่บางพิเศษ ให้พื้นที่ในการรับชมกว้างขึ้น รองรับการทัชสกรีน และสนับสนุน MSI Pen สำหรับการเขียน จดบันทึกบนหน้าจอ

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลัง Intel Core Gen13 ใหม่ล่าสุด และกราฟิก Intel Iris Xe ที่รองรับทั้งการทำงานและความบันเทิงครบครัน และทำงานร่วมกับแรม LPDDR5 รุ่นใหม่แล้ว และการสนับสนุน SSD M.2 PCIe Gen4

คีย์บอร์ดกดได้ไว ปุ่มใหญ่ ตอบสนองเร็ว พร้อมแสงไฟ Backlit สีขาวสว่างสดใส เพื่อการใช้งานในที่แสงน้อย เช่นเดียวกับทัชแพดขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งาน รองรับ Multi-Gesture ใช้หลายนิ้วพร้อมกัน ในการเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ พอร์ตสำคัญมีให้ใช้งานครบครัน โดยเฉพาะพอร์ตความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt 4, USB Type-A หรือจะเป็น HDMI และ microSD card reader ก็ตาม

โน๊ตบุ๊ค MSI

ทนทานด้วยการผ่านการรับรอง MIL-STD-810G ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกกระแทก แรงสั่นสะเทือน หรือความร้อนเย็นมากๆ และความชื้นเป็นต้น โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ 70Whrs ใช้ได้นาน 14 ชั่วโมง ส่วน Summit E14 Flip Evo จะเป็นรุ่น 72Whrs รองรับการใช้งานได้ถึง 13 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ อีกทั้งสนับสนุน PD-Charging อีกด้วย ชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที

นอกจากนี้ยังมี Tobii Aware เพื่อป้องกันผู้อื่นมาแอบมองข้อมูล หรือใช้งานขณะที่คุณไม่อยู่ที่หน้าจอ เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับกล้องเว็บแคม ที่มีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดหน้ากล้อง ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หลังจากเลิกประชุม ที่สำคัญคือ ให้การป้องกันอย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะใช้การสแกนใบหน้าผ่าน FHD IR Camera หรือการสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งาน

ส่วน MSI Summit E16 Flip นั้น เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์เดียวกัน แต่ออกแบบมาเพื่อ นักธุรกิจ และเจ้าของกิจการ รวมถึงนักสร้างงานอิสระ ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น ในการทำงาน โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ รองรับการทัชสกรีน และ MSI Pen พับได้ 360 องศา พร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และกราฟิก GeForce RTX 40 series รวมถึงแรม LPDDR5

ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 82Whrs เพื่อการทำงานในแต่ละวันได้ยาวนานระดับ 11 ชั่วโมงต่อการชาร์จ อีกทั้งรองรับ PD-Charging 20V อีกด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการระบบระบายความร้อนในแบบ Dynamic Cooler Boost ที่ช่วยลดความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงรบกวนที่น้อย ไม่ทำให้การชมภาพยนตร์ หรือการนำเสนอผลงานของคุณถูกรบกวน


Conclusion

นอกจากโน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มบางเบา พกพาสะดวก และตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้แล้ว MSI ยังยกทัพเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คมาอวดโฉมภายในงานกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น MSI Titan, Raider, Pulse, Katana รวมถึงซีรีส์ใหม่อย่าง MSI Cyborg ที่จัดเต็มทั้งด้านประสิทธิภาพและการแสดงผลอันยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถเข้าไปดูบทความโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เหล่านี้ได้ที่นี่ และเชื่อเหลือเกินว่าจะยังมีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทะยอยเปิดตัวกันอย่างสนุกจากทาง MSI ให้คุณได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มในช่วงปี 2023 นี้ ทาง Notebookspec จะนำข่าวสาร และการรีวิวมาให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง MSI ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิดในงาน CES 2023 มา ณ ที่นี้ด้วย รวมถึงขอบคุณผู้ชมทุกท่าน และขอต้อนรับเข้าสู่ปีใหม่ 2023 นี้ด้วยครับ

from:https://notebookspec.com/web/681406-msi-intel-gen-13-rtx-ces-2023

Advertisement

รีวิว Acer Swift Edge จอใหญ่ 16″ 4K เบาสุดๆ แค่ 1.17 กก. หัวใจ Ryzen 6000 Series แรงดีเริ่มแค่ 45,990 บาท

Acer Swift Edge โน๊ตบุ๊ค AMD Ryzen 6000 Series ใหม่ บาง เบา แรง!

Share image Edit Name 1swift 1

Acer Swift Edge เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาแต่หน้าจอใหญ่รุ่นใหม่ในตระกูล Acer Swift ซึ่งดีไซน์ยังดูเรียบง่ายสวยงามจนได้รับรางวัล reddot winner 2022 และ Good Design Award 2022 มาครองไม่พอ ทางบริษัทยังจัดการขยายขนาดจอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 16 นิ้ว ความละเอียด UHD (3840×2400) พาเนล OLED ทำอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง (Screen-to-Body Ratio) ได้กว้างถึง 92% ขอบเขตสีหน้าจอกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 การันตีค่า Contrast และความดำสนิทบนหน้าจออีกด้วย หากใครจะทำงานอาร์ตก็ไม่มีปัญหา และทำงานทั้งวันก็สบายตาด้วยการการันตี TUV Rheinland eyesafe Certified ด้วย 

Advertisementavw

ด้านความแข็งแรง บอดี้ของ Acer Swift Edge ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่แข็งแรงแต่เบากว่าอลูมิเนียมถึง 20% ซึ่งทางบริษัทเคลมน้ำหนักเอาไว้ 1.17 กิโลกรัมและหนาสุดเพียง 12.95 มม. เท่านั้น หากใครมีกระเป๋าโน๊ตบุ๊คที่ใส่เครื่องขนาด 15.6 นิ้วได้ ก็ใส่ Swift Edge แล้วพกไปไหนมาไหนได้สบายๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ทาง Acer ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้โดยรวมไว้กับปุ่ม Power แล้วเสริมความปลอดภัยด้วยชิป TPM 2.0 กับ Microsoft Pluton Security Processor ชิปเซ็ตสำหรับป้องกันการเจาะข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งเมื่อมีชิปทั้งสองตัวนี้ติดตั้งไว้ในเครื่องแล้ว ก็นับว่า Acer Swift Edge นั้นปลอดภัยกว่าโน๊ตบุ๊คหลายรุ่นในท้องตลาด ณ ตอนนี้ได้เลย

สเปคและฟังก์ชั่นก็ยอดเยี่ยม นั่นเพราะทางบริษัทติดตั้งชิปเซ็ต AMD Ryzen 6000 Series ใหม่ล่าสุดมาให้ ซึ่งประสิทธิภาพจัดว่ายอดเยี่ยม ติดตั้งพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 x 2 ช่อง ใช้ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery และต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort Alternate Mode แล้วยังโอนไฟล์ได้รวดเร็ว ประกบคู่กับพอร์ต HDMI 2.1 ที่รองรับหน้าจอความละเอียดสูงสุด 10K แถมยังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และรองรับคลื่นความถี่ 6GHz แถมยังได้กล้องเว็บแคมความละเอียด Full HD พร้อม Acer TNR ช่วยลด Noise ในภาพลงอีกด้วย ดังนั้นจะกล่าวว่านี่คือ Acer Swift รุ่นที่ดีสุด ณ ตอนนี้ก็ได้

Acer Swift Edge

NBS Verdicts

Acer Swift Edge DSC00768

Acer Swift Edge เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่เต็มตา ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD (3840×2400) พาเนล OLED มาให้จากโรงงานแล้ว มันจึงใหญ่เต็มตาทำงานสะดวก แสดงผลได้สวยงามยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ผู้ใช้สายศิลปินทุกท่านแน่นอน เพราะขอบเขตสีจอนี้กว้างถึง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 มาแบบครบถ้วน เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่หน้าจอดี สีสันสวยงามทำงานอาร์ตได้สบายๆ

สเปคและพอร์ตเชื่อมต่อก็ยอดเยี่ยม ได้ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รวมไปถึงพอร์ต USB-C 4, HDMI 2.1, Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax ครบถ้วน จะเชื่อมต่อหน้าจอ, โอนไฟล์ทำงานใดๆ ก็สะดวกไปหมด และตัวเครื่องก็เบาเพียง 1.17 กิโลกรัมเท่านั้น จึงพกไปไหนมาไหนได้ง่ายมากและมีชิป TPM 2.0 และ Microsoft Pluton Security Processor ติดตั้งมา จึงปลอดภัยไร้กังวลตอนเปิดเว็บไซต์และทำงานอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งผู้เขียนเองก็ตกหลุมรักโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยความครบเครื่องและทรงพลังของมัน

แต่จุดสังเกตที่คาดว่าจะได้รับการแก้ไขในเร็วๆ นี้ คือ ระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ของ Acer Swift Edge นั้นยังไม่ถึงกับน่าประทับใจ เพราะผู้เขียนคาดหวังว่ามันจะใช้งานได้นานเกิน 10 ชั่วโมง แต่เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์แล้วใช้ได้นานสุดเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนคาดหวังว่าทาง Acer จะอัพเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุมากขึ้นเป็นราว 75Wh จะได้ใช้งานได้นานขึ้น

ส่วนอีกจุดน่าเสียดาย คือ แม้ตัวเครื่องจะใหญ่ระดับ 16 นิ้ว แต่คีย์บอร์ดยังเป็น Tenkeyless ไม่ใช่ Full-size แต่เมื่อดูองค์รวมก็เข้าใจได้ว่าทางบริษัทน่าจะโฟกัสความสวยงามลงตัวก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งถ้าใครไม่คิดมากในเรื่องนี้ก็ไม่น่าเป็นประเด็นปัญหาตอนใช้งานอย่างแน่นอน

ข้อดีของ Acer Swift Edge
  1. บอดี้ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ แข็งแรงและเบากว่าอลูมิเนียมทั่วไปและงานประกอบแข็งแรงทนทาน งานประกอบแน่นหนา
  2. ตัวเครื่องใหญ่ถึงขนาด 16 นิ้ว แต่เบาเพียง 1.17 กิโลกรัมเท่านั้น พกพาง่ายมาก
  3. หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนหน้าจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified ครบถ้วน
  4. มี USB-C 3.2 Gen 2 Full-Function x 2 ช่อง รองรับ Power Delivery, DisplayPort Alternate mode และโอนไฟล์ได้รวดเร็ว
  5. พอร์ต HDMI 2.1 ต่อจอแยกระดับ 10K ได้ ใช้งานกับหน้าจอต่างๆ ในปัจจุบันได้แน่นอน
  6. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E คลื่น 6GHz ทำงานได้เร็วและเสถียรมาก
  7. ติดตั้งกล้องเว็บแคมมีความละเอียด 1080p Full HD พร้อมฟีเจอร์ Acer TNR
  8. ซีพียูเป็น AMD Ryzen 6000 Series เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ประสิทธิภาพดีทำงานลื่นไหล 
  9. มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ผสานงานกับชิป TPM 2.0 และ Microsoft Pluton Security Processor ได้ความปลอดภัยสูงสุด
  10. ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้
  11. มีซอฟท์แวร์ถนอมการใช้งานพาเนล OLED ติดตั้งมาให้ โดยระบบจะแจ้งผู้ใช้อัตโนมัติ
ข้อสังเกตของ Acer Swift Edge
  1. แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดประมาณ 8 ชั่วโมง ควรให้แบตเตอรี่ลูกใหญ่กว่านี้ให้ใช้งานได้นานเกิน 10 ชั่วโมง
  2. ขนาดตัวเครื่องใหญ่ถึง 16 นิ้ว แต่ไม่มีแป้น Numpad ติดตั้งมาให้ใช้งาน
  3. ไม่มีพอร์ต MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ ต้องต่อผ่านตัวอ่านการ์ดแทน

รีวิว Acer Swift Edge

Specification

acer laptop swift edge the design

Acer Swift Edge นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่ล่าสุดที่ขนาดใหญ่และจอมีความละเอียดสูงสุด ณ ตอนนี้ในซีรี่ส์ Swift เลย ยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทยังจับคู่ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series มาให้และเลือกได้ 2 สี คือ สีขาว Flax White (เครื่องรีวิว) หรือสีดำ Olivine Black ก็ได้ ซึ่งสเปคของรุ่นที่นำมาจำหน่ายในไทยจะเป็นดังนี้

สเปคของ Acer Swift Edge
  • CPU : แยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่
    • AMD Ryzen 5 6600U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9-4.5GHz
    • AMD Ryzen 7 6800U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.7-4.7GHz
  • GPU : แยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่
    • AMD Ryzen 5 6600U เป็นการ์ดจอ AMD Radeon 660M
    • AMD Ryzen 7 6800U เป็นการ์ดจอ AMD Radeon 680M
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4
  • RAM : ออนบอร์ด ความจุ 16GB LPDDR5
  • Display : 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified
  • Ports : USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery, USB-A 3.2 Gen 1 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax คลื่น 6GHz รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 1080p Full HD Camera, Acer TNR
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.17 กิโลกรัม
  • Price : แยกตามซีพียู เลือกได้ระหว่างสีขาว Flax White หรือดำ Olivine Black 

Hardware & Design

Acer Swift Edge DSC00762

Acer Swift Edge DSC00725
Acer Swift Edge DSC00726
Acer Swift Edge DSC00730
Acer Swift Edge DSC00727
Acer Swift Edge DSC00743
Acer Swift Edge DSC00745

ดีไซน์ของ Acer Swift Edge เมื่อมองหน้าตรงก็จะคล้ายไปกับซีรี่ส์ Swift รุ่นอื่น แต่ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นและกรอบหน้าจอบางลงและเน้นความสวยเรียบง่ายไม่หวือหวานัก ติดสติกเกอร์แสดงคุณสมบัติเอาไว้บนที่วางข้อมือครบถ้วน ทั้งซีพียูและการ์ดจอตรงที่วางข้อมือฝั่งซ้ายและสติ๊กเกอร์รับประกันดูแลถึงที่ภายใน 3 ชั่วโมงของ Acer ส่วนฝั่งขวามือเป็นสติ๊กเกอร์คุณสมบัติเด่นของ Swift Edge และจะเห็นว่ามีสติ๊กเกอร์ TUV Rheinland eyesafe Certified ติดมาด้วยเพื่อการันตีว่าหน้าจอนี้ถนอมสายตาของผู้ใช้ได้ดี ทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา ส่วนมุมบนขวาจะมีสติ๊กเกอร์ลายนิ้วมือเพื่อบอกผู้ใช้ว่าปุ่ม Power นี้สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้ด้วย

ขอบล่างของตัวเครื่องถัดลงมาจากทัชแพดจะเป็นขอบตัวเครื่องตัดเฉียงเล็กน้อยให้ใช้นิ้วดึงกางหน้าจอได้ มีความกว้างเท่ากับตัวทัชแพดและทาง Acer ก็ทำบาลานซ์น้ำหนักตัวเครื่องและทำตัวบานพับมาได้แข็งแรงดี จึงใช้นิ้วเดียวกางเปิดหน้าจอได้โดยเครื่องไม่กระดกขึ้นมาอีกด้วย

Acer Swift Edge DSC00721

ถัดขึ้นมาเหนือขอบชุดแป้นคีย์บอร์ด จะเป็นช่องลมเข้าเพื่อดึงอากาศเย็นเข้าเครื่องไประบายความร้อนและมีช่องระบายความร้อนซึ่งเป่าออกในส่วนขอบบนของตัวเครื่อง สังเกตว่าฝั่งซ้ายจะเป็นช่องเปิดโล่งเพราะเป็นช่องสำหรับพัดลมโบลวเวอร์เป่าออก ส่วนฝั่งขวามือเป็นช่องระบายความร้อนแบบติดครีบซึ่งในส่วนนั้นจะตรงกับ M.2 NVMe SSD ในเครื่องพอดี

Acer Swift Edge DSC00719

Acer Swift Edge DSC007581
Acer Swift Edge DSC006951
Acer Swift Edge DSC006961

ก้านบานพับของตัวเครื่องจะเป็นแบบก้านเหล็กสั้น ต่อเข้ากับตัวฐานรับก้านบานพับภายในเครื่องอีกทีหนึ่ง ซึ่งสามารถกางออกหรือพับเก็บได้อย่างแข็งแรงทนทานและมีก้านพลาสติกติดไว้ตรงขอบล่างด้านหลังหน้าจอเพื่อป้องกันขอบตัวเครื่องถูกกับพื้นโต๊ะโดยตรงตอนเปิดเครื่องใช้งาน และมันยังช่วยยกแป้นคีย์บอร์ดของ Acer Swift Edge ให้สูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้พิมพ์งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

Acer Swift Edge DSC00723

หน้าจอของ Acer Swift Edge จะกางได้กว้างสุดประมาณ 120 องศา ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ และสังเกตว่าขอบล่างหน้าจอนั้นดันตัวเครื่องให้เฉียงขึ้นเล็กน้อยด้วย เวลาวางเครื่องไว้บนโต๊ะทำงานตามปกติก็สามารถพิมพ์งานได้ง่ายขึ้น หรือจะวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็กางหน้าจอให้เข้ากับมุมสายตาของผู้ใช้ได้ง่ายขึ้นด้วย

Acer Swift Edge DSC007131

ส่วนฝาหลังของ Acer Swift Edge จะได้ความเรียบง่ายเหมือนกับ Acer Swift รุ่นใหม่นี้ โดยมีแค่โลโก้ Acer อลูมิเนียมติดเอาไว้ตรงกลางส่วนบนของฝาหลังเพียงอันเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นสีขาว Flax White ทั้งหมด ไม่มีลวดลายใดๆ แม้แต่ช่องระบายความร้อนก็กางออกมาปิดจนหมด ดูสวยเรียบร้อย

Acer Swift Edge DSC006751

ด้านใต้ตัวเครื่องจะมีช่องรับลมเย็นเข้าเป็นแถบแนวยาวสองชั้นอยู่ในส่วนบนเหนือสติ๊กเกอร์ประกันของทาง Acer ซึ่งใต้สติ๊กเกอร์นี้จะมีหัวน็อตทรงดาว (Trox) อยู่ 1 จาก 10 ดอกด้วย มีขอบยางติดเอาไว้ทั้ง 4 มุมเพื่อยกตัวเครื่องและป้องกันการไถล แต่สังเกตว่าลำโพงของ Acer Swift Edge จะไม่ได้ติดอยู่ตรงขอบล่างตัวเครื่องเหมือนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่เลื่อนขึ้นมาอยู่เกือบตรงกลางเครื่องพอดีแทน 

Screen & Speaker

Acer Swift Edge DSC007481

Acer Swift Edge DSC007521
Acer Swift Edge DSC007501
Acer Swift Edge DSC007531
Acer Swift Edge DSC007561
Acer Swift Edge DSC007791
Acer Swift Edge DSC007721

หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED ของ Acer Swift Edge มีอัตราส่วนจอ 16:10 ซึ่งได้พื้นที่ในแนวตั้งมากกว่าหน้าจอปกติเล็กน้อย แสดงขอบเขตสีได้กว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified แล้ว และหน้าจอพาเนล OLED ก็มีขอบเขตการแสดงผลกว้าง 178 องศาเหมือนกับพาเนล IPS ดังนั้นจะมองจากมุมแนวนอนหรือแนวตั้งสีสันก็ไม่เพี้ยนอย่างแน่นอน แต่หน้าจอนี้จะเป็นจอกระจกสะท้อนแสง ดังนั้นเวลาใช้งานอาจมีปัญหาเงาสะท้อนได้บ้าง

ขอบบนของหน้าจอจะมีลำโพงทั้งหมด 2 ตัวและกล้องเว็บแคมความละเอียด Full HD ติดตั้งมาให้ พร้อมฟีเจอร์ Acer TNR ช่วยลด Noise ในภาพที่กล้องจับได้ ช่วยให้ภาพสวยคมชัดยิ่งขึ้น ด้านอัตราส่วนหน้าจอกับตัวเครื่อง (Screen-to-Body ratio) ของจอนี้อยู่ที่ 92% ซึ่งกรอบหน้าจอที่มีอัตราส่วนเหลือเพียง 8% จะเป็นกรอบจอที่บางทั้ง 4 ด้าน และเห็นโลโก้ Acer ตรงขอบล่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนเมื่อชมคอนเทนต์และทำงานด้วยหน้าจอนี้ต้องถือว่ามันกว้างดีมาก เห็นหน้าจอเต็มตาไม่มีขอบหน้าจอมาเกะกะสายตาแม้แต่น้อย

display resolution

gamut 3
luminance 3

ขอบเขตสีหน้าจอที่ทางบริษัทเคลมไว้ Acer Swift Edge จะมีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ซึ่งถือว่ากว้างทีเดียว แต่เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 กับเครื่อง Colorchecker ของ Calibrite วัดได้ ค่า Gamut coverage ซึ่งเป็นค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอนี้จะได้ 100% sRGB, 94.5% Adobe RGB, 99.2% DCI-P3 ส่วนค่า Gamut volume ซึ่งเป็นขอบเขตสีทั้งหมดโดยรวมซึ่งหน้าจอนี้แสดงได้จะอยู่ที่ 167.8% sRGB, 115.6% Adobe RGB, 118.9% DCI-P3 มีค่าความเที่ยงตรงของสีบนหน้าจอ (Delta-E) เฉลี่ย 0.15 เท่านั้น ถือว่าจอของ Acer Swift Edge นั้นเที่ยงตรงพอใช้แต่งภาพถ่ายหรือจะพรู้ฟสีอาร์ตเวิร์คก็ได้สบายๆ

 ความสว่างหน้าจอของ Acer Swift Edge นี้ ทางบริษัทเคลมค่าสูงสุดเอาไว้ที่ 500 Nits แต่ความสว่างที่วัดได้ด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 ได้ที่ 404.59 cd/m2 ซึ่งถึงจะน้อยกว่าที่เคลมในหน้าสเปคเอาไว้ แต่ตอนใช้งานจริงถือว่าจอนี้สว่างมากไม่กลัวแดดแม้แต่น้อย สามารถเร่งความสว่างสู้แดดที่สะท้อนหน้าจอได้เลย แต่ถ้านั่งทำงานในออฟฟิศอยู่แนะนำให้ปรับความสว่างไว้ที่ 50~60% ก็สว่างพอใช้งานได้สบายๆ

Acer Swift Edge DSC00676
Acer Swift Edge DSC00677
Acer Swift Edge DSC00700
Acer Swift Edge DSC00699

ลำโพง DTS ของ Acer Swift Edge ถูกติดตั้งไว้ใต้ตัวเครื่องแต่เลื่อนขึ้นมาอยู่ตรงกลางแทน เพราะชุดลำโพงมีขนาดใหญ่ทีเดียว ซึ่งเสียงตอนฟังเพลงจะเด่นด้านเสียงเครื่องดนตรีและนักร้องและมีเสียงเบสซัพพอร์ตระดับหนึ่ง เนื้อเสียงเคลียร์ใสฟังชัดแต่แรงปะทะของเบสจะไม่หนักหน่วงแค่พอซัพพอร์ตเสียงเพลงโดยรวมเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน เสียงลำโพงตอนดูหนังนั้นมีมิติเสียงที่ดี เสียงตัวละครได้ยินชัดเจนและโทนเสียง BGM ในหนังก็ได้ยินชัดเจนทีเดียว

Keyboard & Touchpad

Acer Swift Edge DSC007241

Acer Swift Edge DSC007411111
Acer Swift Edge DSC00742111
Acer Swift Edge DSC007381
Acer Swift Edge DSC007391
Acer Swift Edge DSC007371
Acer Swift Edge DSC007351

คีย์บอร์ดของ Acer Swift Edge เป็นแป้นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless สำหรับโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้ว ซึ่งเลย์เอ้าท์ทั้งหมดนั้นยกจาก Acer Swift 3 ซีพียู Intel 12th Gen ซึ่งได้รีวิวไปก่อนหน้านี้มาใช้เลย ไม่ได้ปรับแต่งดีไซน์ใดๆ เพิ่มเติม ซึ่งแม้จะสะดวกและใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้เลยก็ตาม แต่ก็อยากให้ทาง Acer ขยับแป้นคีย์บอร์ดทางขวาแล้วติดตั้งชุด Numpad เพิ่มเข้ามาจะตอบโจทย์ผู้ใช้ที่เป็นพนักงานบัญชียิ่งขึ้น

ปุ่มคีย์บอร์ดจะมีไฟ LED Backlit ติดตั้งมาให้ แต่เป็นไฟเรืองขอบปุ่มเท่านั้น ไม่ได้สว่างลอดตัวอักษรขึ้นมา มีปุ่ม Function ติดตั้งเอาไว้รวมกับปุ่มต่างๆ ได้แก่ ปุ่มลูกศร 4 ปุ่มที่มีคำสั่ง Home, End, Page Up, Page Down อยู่ ส่วนด้านบนมีปุ่ม Delete กับ Insert และ Print Screen กับคำสั่งเรียกโปรแกรม Snipping Tool ด้วย ส่วนปุ่มลัดสำหรับปรับโหมดตัวเครื่อง ให้กด Fn+F จะสลับระหว่างโหมดประหยัดพลังงาน, ใช้งานตามปกติและเร่งการทำงานของตัวเครื่องได้

Acer Swift Edge DSC007301

ส่วนปุ่ม Power ส่วนมุมบนขวาของคีย์บอร์ดจะรวมกับฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งตัวปุ่มนี้จะแข็งและแม้จะเผลอกดโดนครั้งหนึ่งเครื่องก็ไม่ปิดทันที ซึ่งในยุค New Normal เช่นนี้ ผู้เขียนเห็นว่ามันใช้ยืนยันตัวได้สะดวกกว่าใช้กล้องสแกนใบหน้ามากและทำงานได้รวดเร็วอีกด้วย

Acer Swift Edge DSC00733

ส่วนของ Function Hotkeys ตรงปุ่ม F1~F11 นั้นจะมีคีย์ลัดแบบเดียวกับ Acer Swift 3 และไม่มี Hotkeys ตรงปุ่ม F12 เหมือนกันอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าทาง Acer น่าจะมีฟังก์ชั่นเปิดให้ผู้ใช้เซ็ตตั้งค่าปุ่มดังกล่าวได้ตามต้องการจะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ยิ่งกว่านี้แน่นอน โดยคีย์ลัดทั้งหมดมีดังนี้

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4 – ปิดหรือเปิดไมโครโฟน ถ้าปิดอยู่จะมีไฟ LED สีขาวติดอยู่
  • F5~F6 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F7 – ปุ่ม Project ตั้งค่าการแสดงผลหน้าจอหลักและเสริม
  • F8 – ปุ่ม Log Out กลับมาหน้า Lock Screen
  • F9 – Airplane Mode
  • F10 – ปิดหรือเปิดการทำงานทัชแพด
  • F11 – ปรับความสว่าง LED Backlit ของคีย์บอร์ด

Acer Swift Edge DSC007281
Acer Swift Edge DSC007291

ทัชแพดของ Acer Swift Edge จะมีขนาดใหญ่และรองรับ Gesture Control ของ Windows ครบถ้วน สามารถลากนิ้วเพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์จากขอบหน้าจอฝั่งหนึ่งสู่อีกฝั่งได้สบายๆ แต่แป้นนั้นมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นสันมือซ้ายจะพาดลงตัวแป้นทัชแพดอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอาการทัชแพดลั่นเมื่อพิมพ์งานอยู่ แต่ก็กด F10 เพื่อล็อคการทำงานได้

Connector / Thin & Weight

Acer Swift Edge DSC00759
Acer Swift Edge DSC00760

พอร์ตและการเชื่อมต่อของ Swift Edge จะติดตั้งเอาไว้สองฝั่งของตัวเครื่อง โดยเน้นฝั่งซ้ายเป็นหลัก ซึ่งมี USB-A 3.2 Gen 2 Full Function x 2 ช่อง ซึ่งใช้โอนไฟล์, ต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort Alternate mode และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ ถัดมาเป็น USB-A 3.2 Gen 1 และ HDMI 2.1 ที่รองรับการต่อหน้าจอความละเอียด 10K ได้

ส่วนฝั่งขวามี Audio combo, USB-A 3.2 Gen 1 และ Kensington Lock อยู่ จัดว่าครบเครื่องระดับหนึ่ง แต่เสียดายอยู่ว่าถ้าผู้ผลิตติดตั้ง MicroSD Card Reader มาด้วย จะครบเครื่องมาก ด้านการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับคลื่นความถี่ 6GHz รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ด้วย

Acer Swift Edge DSC006701

Acer Swift Edge DSC006741
Acer Swift Edge DSC006711

น้ำหนักของ Acer Swift Edge ที่ทางบริษัทเคลมเอาไว้ อยู่ที่ 1.17 กิโลกรัม เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วก็ตรงตามที่เคลมไว้ไม่มีผิด เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ในกล่องที่หนัก 179 กรัมแล้ว มีน้ำหนักรวมทั้งหมด 1.35 กิโลกรัม นับว่าเบาสบายพกสะดวกมาก จะพกอแดปเตอร์ใส่กระเป๋าไปก็ไม่เกะกะและไม่หนักอย่างแน่นอน หรือใครจะเอาปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ กับสาย USB-C มาใช้ก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้ Swift Edge ได้เช่นกัน

ตัวอแดปเตอร์ของ Swift Edge นี้ จะเป็นอแดปเตอร์ขนาดเล็ก ไซซ์ประมาณฝ่ามือและเป็นปลั๊กขาแบนไม่มีขั้วสายดินติดมาให้ จึงเสียบชาร์จกับเต้าเสียบแบบไหนก็ได้และหัวชาร์จอีกฝั่งเป็นแบบ USB-C จึงเสียบชาร์จได้สะดวกมาก

Inside & Upgrade

Acer Swift Edge DSC00690

ภายในเครื่อง Acer Swift Edge เมื่อขันน็อตหัวดาว (Trox) ทั้ง 10 ตัว ซึ่งดอกหนึ่งจะซ่อนอยู่ใต้สติกเกอร์รับประกัน แล้วเอาปิ๊กกีตาร์หรือการ์ดแข็งไล่ขอบตัวเครื่องแล้วเปิดฝาออกมาได้ทันที แต่จากที่ผู้เขียนเปิดฝาเครื่องออกมาแล้ว ส่วนที่อัพเกรดได้จะมีแต่ M.2 NVMe SSD เพียงอันเดียว ส่วนแรมของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นแบบออนบอร์ดทั้งหมด ดังนั้นผู้เขียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปิดฝาอัพเกรดก็ได้

ทว่าจากอีเว้นท์เปิดตัว ทาง Acer แจ้งว่าโมเดลจำหน่ายในประเทศไทยจะมีช่องอัพเกรด M.2 NVMe SSD กับแรมได้อีกอย่างละ 1 ช่อง และทางบริษัทได้แจ้งว่าแม้จะเปิดฝาอัพเกรดประกันก็ไม่ขาด (ยกเว้นว่าผู้ใช้จัดการดัดแปลงตัวเครื่อง) ถ้าสนใจจะอัพเกรดเพิ่มเติมก็ไม่มีปัญหา ทว่าผู้เขียนมองว่าสเปคเดิมจากโรงงานก็ดีมากแล้ว อาจจะเอาเงินที่กันไว้อัพเกรดไปซื้ออุปกรณ์เสริมสำหรับทำงานจะดีกว่า

Performance & Software

cpu 3

mb 3
ram 2

ซีพียูของ Acer Swift Edge เป็น AMD Ryzen 6000 Series รุ่น AMD Ryzen 5 6600U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9~4.5GHz ได้ชุดคำสั่งใช้งานพื้นฐานติดตั้งมาครบถ้วน โดยซีพียูนี้มีค่า TDP อยู่ที่ 15~28 วัตต์ ผลิตโดย TSMC มีขนาดทรานซิสเตอร์ 6 นาโนเมตรแบบ FinFET

แรมออนบอร์ดของ Acer Swift Edge จะมีความจุ 16GB LPDDR5 ซึ่งมีความจุพอใช้ทำงานต่างๆ ในปัจจุบันนี้ได้สบายๆ และยังรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จากที่ใช้งานมาต้องถือว่าแรมความจุนี้เยอะพอใช้ทำงานออฟฟิศได้สบายๆ

gpu 1

การ์ดจอออนบอร์ดของ Acer Swift Edge จะเป็น AMD Radeon 660M ซึ่งมีคอร์กราฟิค 6 คอร์มาในตัวซีพียู มีความเร็ว 1,900MHz รองรับ DirectX 12 และรองรับชุดคำสั่งกราฟิคต่างๆ ได้แก่ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing อีกด้วย จัดว่าได้ฟังก์ชั่นครบเครื่องพร้อมใช้ทำงานแต่งภาพได้อย่างแน่นอน

device mgr 1

พาร์ทภายในเครื่องเมื่อเช็คผ่าน Device Manager จะเห็นว่า Acer Swift Edge มีชิ้นส่วนสำคัญติดตั้งมาหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ ELAN WBF ส่วนการ์ด Wi-Fi ภายในเครื่องเป็น AMD RZ616 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E รองรับสัญญาณคลื่น 6GHz แบนด์วิธ 160MHz มีเสาสัญญาณแบบ 2×2 ซึ่งชิปเซ็ตนี้เป็นการร่วมมือพัฒนาโดย AMD และ MediaTek นั่นเอง มันจึงสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วและเสถียรมาก

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยภายในเครื่องนอกจากชิปเซ็ต TPM 2.0 ซึ่งเป็นชิปมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 และถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนเป็นซีพียู AMD ก็จะมี AMD PSP 10.0 ติดตั้งมาด้วย ที่สำคัญ Acer Swift Edge มีชิปเซ็ต Microsoft Pluton Security Processor สำหรับป้องกันการเจาะข้อมูลติดตั้งมาด้วย ซึ่งมีโน๊ตบุ๊คแค่ไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่จะมีชิปรักษาความปลอดภัยขั้นสูงติดตั้งมาให้ในตัวแบบนี้ จึงใช้งานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

ssd 3

ด้าน M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ที่ติดตั้งมาจากโรงงานเป็น Micron 2400 ซึ่งเมื่ออิงข้อมูลจากหน้าสเปคที่ทางผู้ผลิตเปิดเผยเอาไว้ จะเห็นว่า SSD นี้เลือกได้ 3 ขนาด ได้แก่ M.2 2230, M.2 2242 และ M.2 2280 เป็น 176-layer QLC NAND มีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล AES-256 และอื่นๆ ติดตั้งมาให้ครบถ้วน และอินเตอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 x4 โดยความจุ 1TB ใน Swift Edge มีความเร็ว Sequential Read 4,500 MB/s และ Sequential Write 3,600 MB/s รองรับการเขียนข้อมูลลงไดรฟ์ได้ 300 TBW

หลังจากทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 ได้ Sequential Read 4,577.13 MB/s และ Sequential Write 3,534.27 MB/s ซึ่งเร็วตรงตามที่ผู้ผลิตเคลมเอาไว้หน้าสเปคไม่มีผิด ใช้เรียกโปรแกรมและไฟล์งานขึ้นมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ส่วนตัวผู้เขียนไม่แนะนำให้ผู้ใช้อัพเกรด SSD ในเครื่องเพราะไม่จำเป็นนัก ความเร็วระดับนี้ที่ Micron 2400 ทำได้ก็ถือว่าเร็วเพียงพอสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานแล้ว ก็ขอแนะนำให้เอาเงินที่กันไว้เปลี่ยน SSD ไปซื้อ External SSD หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ มาใช้คู่กันดีกว่า

Screenshot 2
Screenshot 4

การเรนเดอร์กราฟิค 3D CG ต้องถือว่า AMD Ryzen 5 6600U มีประสิทธิภาพดี เมื่อรัน CINEBENCH R15 แล้วจะเห็นว่าทำคะแนน OpenGL ได้ 113.33 fps และ CPU 1,217 cb ส่วน CINEBENCH R20 เมื่อทดสอบพลังเรนเดอร์ของคอร์ซีพียู จะได้คะแนน 2,780 pts จัดว่าสูงพอใช้ทำงานกราฟิค, พรีวิวโมเดล 3D ต่างๆ ได้อย่างแน่นอน สังเกตว่าซีพียู AMD Ryzen 5 6600U ที่ทาง AMD ใส่การ์ดจอ AMD Radeon 660M มาให้นั้น แม้กำลังคอร์ซีพียูจะสูงระดับหนึ่ง แต่สังเกตว่าคะแนน OpenGL นั้นได้เฟรมเรทเกินร้อยเฟรมแล้ว จึงถือได้ว่าการ์ดจอออนบอร์ดของ AMD Ryzen รุ่นนี้ทรงพลังใช้ได้

3dmark 3

ส่วนการเล่นเกม เมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy แล้ว Acer Swift Edge ทำคะแนนเฉลี่ยได้ 1,561 คะแนน แยกเป็น CPU score 5,215 คะแนน และ Graphics score 1,390 คะแนน ซึ่งคะแนนเฉลี่ยระดับนี้ แม้จะพอเล่นเกมฟอร์มใหญ่ในปัจจุบันนี้ได้ระดับหนึ่งโดยใช้ซอฟท์แวร์ AMD Software: Adrenalin Edition ช่วยปรับจูนการทำงานเพื่อรีดเฟรมเรทให้สูงขึ้น ซึ่งระดับคะแนนนี้พอใช้เล่นเกมออนไลน์ต่างๆ ได้แก่ Valorant, PUBG หรือเกมที่ออกแบบมาเอื้อกับกราฟิคของ AMD Radeon ได้ระดับหนึ่งก็ตาม แต่โฟกัสหลักของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ต้องถือว่ามันออกแบบมาเพื่อทำงานเป็นหลัก ดังนั้นถ้าใครอยากเล่นเกมก็ยังพอเล่นฆ่าเวลาได้ระดับหนึ่ง

pcmark10 3

ด้านการทำงานเมื่อทดสอบด้วย PCMark 10 จะได้คะแนนเฉลี่ย 4,902 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ ถ้าดูแยกตามหมวดการทดสอบจะเห็นว่า Acer Swift Edge ใช้เปิดแอพฯ, ประชุมออนไลน์, เปิดเบราเซอร์ทำงานหรือเปิดไฟล์เอกสารก็ทำได้ดี ส่วนงานประเภท Digital Content Creation จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คนี้เหมาะกับงานแต่งภาพเป็นที่สุด แต่งานตัดต่อวิดีโอหรือจำลองแบบสามมิติอาจจะไม่โดดเด่นนัก

Battery & Heat & Noise

Acer Swift Edge DSC00702

แบตเตอรี่ของ Swift Edge เป็นแบบลิเธียมไอออน ความจุ Typical Capacity 4,670mAh (53.9Wh) และ Rated Capacity 4,570mAh (52.7Wh) มีขนาดใหญ่มากและกินพื้นที่ในเครื่องไปถึงครึ่งหนึ่ง และขอบแบตเตอรี่ทั้งสองฝั่งก็สุดขอบแตะลำโพงทั้งสองด้านอีกด้วย ซึ่งข้อดีของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เช่นนี้ คือ มันถ่วงน้ำหนักตัวเครื่องได้เป็นอย่างดีจึงใช้นิ้วเดียวกางกางหน้าจอใช้งานได้เลย

batt2

จากการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด, ลดความสว่างหน้าจอให้ต่ำสุดและเปิดเสียงลำโพงเพียง 10% และตั้งโหมดตัวเครื่องเป็นแบบประหยัดพลังงานแล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที โปรแกรม BatteryMon ก็ได้ผลการทดสอบว่า Acer Swift Edge ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 8 ชั่วโมง 7 นาที ซึ่งใช้ได้ค่อนข้างนาน แต่ก็ยังไม่เกิน 10 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นทำได้ในปัจจุบันนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนสันนิษฐานว่าจุดที่ทำให้ Acer Swift Edge ใช้งานได้ 8 ชั่วโมง อาจเป็นเพราะพาเนล OLED ซึ่งใช้พลังงานเยอะกว่าพาเนล IPS ระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ใช้งานได้นานระดับนี้ก็ถือว่านานพอสมควรแล้ว แต่ก็หวังว่าทาง Acer จะมีการอัพเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุมากขึ้นราว 75Wh ขึ้นไป จะใช้งานได้นานกว่านี้แน่นอน

แต่ Swift Edge นั้นมีพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 ที่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery และยังได้อแดปเตอร์ขนาด 65 วัตต์ ขนาดเล็กมาด้วย ก็ถือว่ายังพอชดเชยเรื่องเวลาใช้งานแบตเตอรี่ได้ระดับหนึ่ง ดังนั้น

Acer Swift Edge DSC00693

Acer Swift Edge DSC00708
Acer Swift Edge DSC00710
Acer Swift Edge DSC00694

ระบบระบายความร้อนของ Swift Edge จะมีฮีตไปป์หนึ่งเส้นพาดจากซีพียูตรงไปยังพัดลมโบลวเวอร์และฮีตซิ้งค์ซึ่งระบายความร้อนออกขอบบนของตัวเครื่อง ซึ่งเสียงตอนใช้งานตามปกตินั้นเบาไม่รบกวนหูเลยแม้แต่นิดเดียว ยกเว้นตอนปรับโหมดใช้ประสิทธิภาพตัวเครื่องสูงสุดแล้วรันโปรแกรมกินทรัพยากรตัวเครื่องจะได้ยินเสียงหวีดจากช่องพัดลมดังขึ้นมาเล็กน้อย

normal using temp
high temp

อุณหภูมิของซีพียูนั้นเมื่อวัดด้วย CPUID HWMonitor นั้น แม้จะไม่เห็นอุณหภูมิของซีพียูก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากอุณหภูมิของ SSD ที่เพิ่มจากเฉลี่ย 41 ไป 53 องศาเซลเซียสแล้ว ตัวซีพียูอาจจะมีความร้อนระดับหนึ่ง แต่ชุดระบายความร้อนยังจัดการได้อยู่ ส่วนอุณหภูมิตอนใช้งานจริงตามปกติ อย่างพิมพ์งานเอกสารหรือเปิดเว็บไซต์ Acer Swift Edge นั้นไม่มีอาการเครื่องร้อนขึ้นมาจนแตะใช้งานไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สามารถใช้ทำงานต่อเนื่องได้สบายๆ อาจกล่าวได้ว่า Swift Edge นั้นคุมอุณหภูมิภายในเครื่องได้ดีมาก ตัวเครื่องเย็นตลอดเวลาจนไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนตอนใช้งานเลย

User Experience

Acer Swift Edge DSC007631

ถ้าถามว่าโน๊ตบุ๊คขนาดไหนเป็นไซซ์ที่ถูกใจผู้เขียน อย่างไรก็ต้อง 15.6 นิ้ว หรือไม่ก็ 16 นิ้ว แต่ในอดีตที่ผ่านมานั้นโน๊ตบุ๊คทั้งสองไซซ์นี้จะมีน้ำหนักมาก ส่วนโน๊ตบุ๊คจอ 14 นิ้ว แม้จะพกง่ายน้ำหนักเบาแต่จอก็กว้างไม่เต็มอิ่มนัก ทว่า Acer Swift Edge นั้นรวมเอาข้อดีที่หน้าจอใหญ่เต็มตากับน้ำหนักเบาสบายไหล่มาไว้ด้วยกัน มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เพราะตัวเครื่องขนาด 16 นิ้ว แต่น้ำหนัก 1.17 กิโลกรัม สามารถหยิบใส่กระเป๋าเป้ที่ใส่โน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วไปไหนมาไหนได้สบาย จะติดอแดปเตอร์ไปด้วยหรือใช้แค่ปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้แล้ว จะพกไปนั่งทำงานหรือเรียนก็ทำได้สบายๆ แถมพอร์ตเชื่อมต่อก็มาค่อนข้างครบครันอีกด้วย

ด้านประสิทธิภาพของ Swift Edge พอจับคู่กับซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รุ่น AMD Ryzen 5 6600U แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องประสิทธิภาพตอนทำงานอีกต่อไป เพราะจากที่ผู้เขียนทดลองใช้มาก็ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ เพราะเมื่อใช้งานกับโปรแกรมทั่วไปอย่าง Microsoft Office Home & Student 2021 ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องหรือจะเปิดเบราเซอร์ทำงานบนเว็บแอพฯ ต่างๆ ก็ใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีปัญหา ส่วนการตัดต่อแต่งภาพหรืองานศิลป์ต่างๆ ก็ทำได้ดีเพราะหน้าจอ OLED นั้นแสดงผลได้สีสันสวยคมชัดมาก ดังนั้นการให้สีหรือเลือกโทนรวมถึงการพรู้ฟสีงานอาร์ตก็ทำได้ดีมาก

โดยรวมแล้ว Swift Edge นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ที่น้ำหนักเบามาก พกพาสะดวกและได้พอร์ตใช้งานติดตั้งมาครบถ้วน วัสดุตัวเครื่องเป็นแม็กนีเซียมอัลลอยด์แข็งแรงทนทานไม่พอ ประสิทธิภาพมันก็ดีมากจนใช้ทำงานทั่วไปในปัจจุบันนี้ได้สบายๆ จะงานหนักงานเบาก็รันได้ไม่มีปัญหาและสเปคในเครื่องก็ใช้งานได้อย่างน้อยๆ 3-5 ปีอย่างแน่นอน และเมื่อมันอัพเกรด SSD, RAM เพิ่มได้ ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ใช้ได้นานขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตที่แป้นคีย์บอร์ดเป็นแบบ Tenkeyless ไม่มีชุด Numpad และไม่มีช่อง MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ก็เป็นจุดน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่ถ้าใครใช้งานคีย์บอร์โน๊ตบุ๊คขนาด 14 นิ้วจนชินก็ไม่เป็นปัญหานัก และ Card Reader ในปัจจุบันนี้ราคาก็ไม่แพง ซึ่งถ้าใครต้องใช้เมมโมรี่การ์ดบ่อยๆ ก็ซื้อตัวอ่านการ์ดมาติดกระเป๋าเอาไว้ก็ช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว

Conclusion & Award

Acer Swift Edge DSC007651

Acer Swift Edge ถือเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเครื่องใหญ่ ใส่ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ ใส่ฟีเจอร์ดีมาครบเครื่องทั้งหน้าจอ 16 นิ้ว พาเนล OLED ความละเอียด 4K WQUGA, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือพร้อมพอร์ตใช้งานต่างๆ ติดตั้งมาครบเครื่องและน้ำหนักก็เบาเพียง 1.17 กิโลกรัม ดีกับผู้ใช้ที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหน ตอบโจทย์ยุคนี้ที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) เป็นอย่างมาก

ส่วนประกอบสำคัญอีกอย่าง คือ ชิปรักษาความปลอดภัยขั้นสูง Microsoft Pluton Security Processor ซึ่ง Swift Edge นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องแรกในประเทศไทยที่มีฟีเจอร์นี้ ช่วยรักษาความปลอดภัยไม่ให้ผู้ไม่หวังดีเจาะระบบเข้ามาขโมยข้อมูลได้อีกด้วย ถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือชั้นและทำงานได้สบายใจยิ่งกว่าเดิมมาก

หากยอมรับจุดสังเกตเล็กน้อยที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงไปข้างต้นได้ หรือไม่คิดว่ามันเป็นประเด็นตอนใช้งาน ก็กล่าวได้ว่า Swift Edge เป็นโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาจอใหญ่ที่ดีมากและราคาต่อสเปคค่อนข้างสมเหตุสมผล หากใครอยากได้โน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมแต่ราคาอยู่ในระดับจับต้องได้ล่ะก็ Acer Swift Edge จัดเป็นรุ่นที่ดีจนไม่น่ามองข้ามเลย

award

NBS award 7 Design

best design

การดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูสวยเรียบหรูและให้สีสวยงาม โดยเฉพาะสีขาว Flax White ที่เหลือบสีเป็นสีอื่นได้ด้วยจัดเป็นดีไซน์ที่ดึงดูดสายตา บอดี้แข็งแรงใช้โลหะแม็กนีเซียมอัลลอยด์นั้นจับแล้วแข็งแรงสัมผัสได้ความพรีเมี่ยม มีพอร์ตให้ใช้พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออีก ถือว่าสวยเรียบง่ายและได้ฟังก์ชั่นใช้งานครบเครื่องมาก

 

NBS award 4 Mobility

best mobility

ตัวเครื่อง Swift Edge ขนาด 16 นิ้ว แต่น้ำหนัก 1.17 กิโลกรัมเป็นมิติตัวเครื่องในใจของใครหลายคน ยิ่งใครชอบพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนบ่อยๆ ก็ไม่หนักไหล่เกินไปและยังใส่กระเป๋าเป้สำหรับโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วได้สบายๆ ดังนั้นมันจึงพกพาได้สะดวกมาก

award new Durability

best durability

บอดี้ของ Acer Swift Edge เป็นโลหะแม็กนีเซียมอัลลอยด์ทั้งตัว ตั้งแต่ฝาหลัง, ตัวเครื่องและแม้แต่ด้านใต้เครื่อง จับแล้วแข็งแรงทนทานไม่รู้สึกว่าจะบีบแตกหรือหักได้ง่ายๆ จะพกไปไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะเกิดความเสียหายได้ง่ายๆ 

from:https://notebookspec.com/web/673136-review-acer-swift-edge-amd-ryzen-6000

9 Notebook น้ำหนักเบา 2021 เครื่องบางพกง่าย หนักไม่ถึงโล แบตอึดได้ใจ เริ่ม 2 หมื่นต้น

Notebook น้ำหนักเบา 2021 แบตอึดได้ใจ เรียกว่าเป็นขวัญใจของคนทำงานสมัยนี้เลย

Share image Edit Name 3thinlaptop

Notebook น้ำหนักเบา 2021 กลายเป็นตัวเลือกที่คนทำงานยุคนี้เลือกหากันอย่างต่อเนื่องจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป หลาย ๆ ออฟฟิศเปลี่ยนเป็นการ WFH หรือ Remote work จากที่ไหนก็ได้ งานหลาย ๆ งานก็เปลี่ยนจากการนั่งออฟฟิศแบบเก่า ๆ เป็นการเปิดอินเตอร์เน็ตแล้วนั่งทำงานจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งผู้เขียนก็เชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้ อาจจะกำลังนั่งอ่านช่วงว่าง ๆ ตอนนั่งจิบกาแฟหรือกินข้าวอยู่ในช่วงพักกลางวันในคาเฟ่สักแห่งหลังจากผ่อนปรนมาตรการควบคุม COVID-19 ลงไประดับหนึ่งแล้วก็เป็นไปได้

ถ้าโจทย์คือการพกพาง่าย เอาไว้ทำงานและแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน ๆ หลายชั่วโมงนั้น โน๊ตบุ๊คในงบประมาณ 20,000-30,000 บาทนั้น ผู้ผลิตแบรนด์หลักหลาย ๆ เจ้าก็มีตัวเลือกดี ๆ ออกมาให้เลือกกันมากมาย มี Windows 10 Home (64-bit) ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน และบางรุ่นอาจจะแถม Microsoft Office Home & Student 2019 มาให้ใช้ทำงานอีกด้วย ซึ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นแนะนำสำหรับการทำงานที่เลือกมาร่วม 9 รุ่นนี้ น่าจะมีรุ่นในใจของผู้อ่านบางคนอยู่อย่างแน่นอน

Notebook น้ำหนักเบา 2021

Notebook น้ำหนักเบา 2021 หาได้ง่าย ๆ ผ่านระบบของ Notebookspec

search slim laptop

การเลือกหา Notebook น้ำหนักเบา 2021 ในระบบค้นหาของ Notebookspec นั้น จะมีระบบการกรองตัวเลือกรุ่นที่น้ำหนักเบามาให้เลือกซื้อได้ตามต้องการ เพียงคลิกที่ช่อง Type – ประเภทการใช้งาน แล้วระบบจะคัดเครื่องน้ำหนักเบามาให้

weight reduction

นอกจากนี้ ถ้าต้องการระบุน้ำหนักที่ต้องการ ก็เลื่อนลงมาแล้วคลิกที่คำว่า น้อยกว่า 1.5 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มตัวกรองให้ละเอียดยิ่งขึ้น ก็จะทำให้ระบบคัดมาแต่โน๊ตบุ๊คที่เบากว่า 1.5 กิโลกรัม และเครื่องที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ 1.49 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถ้าผู้ใช้ต้องการเปิดหารุ่นอื่นนอกเหนือจาก 9 รุ่นที่แนะนำมา ก็สามารถลองหาเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้เช่นกัน

9 Notebook น้ำหนักเบา 2021 ไล่เบาไปหนัก ซื้อไว้ใช้ยังไงก็เวิร์ค!

สำหรับ Notebook น้ำหนักเบา 2021 ที่ผู้เขียนเลือกมาทั้ง 9 รุ่นนั้น จะเน้นที่น้ำหนักเครื่องเบาเป็นหลัก ส่วนราคานั้นจะอยู่ราว 20,000-32,900 บาท นอกจากนี้ก็ได้กำกับน้ำหนักตัวเครื่องเอาไว้ที่ด้านหลังเพื่อให้ผู้ใช้หาซื้อได้ตามน้ำหนักที่ต้องการได้อีกด้วย โดยมีรุ่นแนะนำดังนี้

  1. Fujitsu Ultralight CH-4ZR1C22928 (0.99 กก.)
  2. Microsoft Surface Laptop Go (1.11 กก.)
  3. Acer Swift 3 SF314-42-R0ND (1.2 กก.)
  4. Apple MacBook Air (Apple M1) (1.29 กก.)
  5. HP ENVY x360 13-ay0001AU (1.3 กก.)
  6. MSI Modern 14 B11MOL-426TH (1.3 กก.)
  7. Lenovo IdeaPad 5 14ALC05-82LM006VTA (1.39 กก.)
  8. Asus VivoBook 14 D413IA-EB248TS (1.4 กก.)
  9. Huawei MateBook 14 (1.49 กก.)
1. Fujitsu Ultralight CH-4ZR1C22928 (0.99 กก.)

fujitsu

ถ้าเป็น Notebook น้ำหนักเบา 2021 ก็ต้องมี Fujitsu เข้ามาอยู่ในรุ่นแนะนำแน่นอน โดยโน๊ตบุ๊คจากประเทศญี่ปุ่น รุ่น Fujitsu Ultralight CH-4ZR1C22928 นั้นถูกนำกลับมาขายในประเทศไทยอีกครั้งผ่านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำในประเทศไทยเช่น JIB, BaNANA เป็นต้น และน้ำหนักตัวเครื่องจัดว่าเบาเป็นที่หนึ่งกับน้ำหนักตัว 0.99 กิโลกรัมเท่านั้น สามารถสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้ ส่วนสเปคก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวกับค่าตัว 32,900 บาท

สเปคใช้ Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4-4.2 GHz กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics G7 สำหรับทำงานประมวลผลกราฟฟิคต่าง ๆ ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 Home (64-bit) กับแรม 8GB LPDDR4x มาให้แบบออนบอร์ด มีบัส 4266MHz เรียกว่าเหมาะกับคนทำงานที่พกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนเป็นอย่างมาก หน้าจอมีขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB-C บนตัวเครื่องก็รองรับการชาร์จแบบ Power Delivery ด้วย จึงไม่ต้องพกปลั๊กของตัวเครื่องก็ได้ ใช้ปลั๊กมือถือก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้ Fujitsu เครื่องนี้ได้เช่นกัน ส่วนผู้อ่านที่สนใจรีวิว Fujitsu รุ่นอื่น ๆ สามารถคลิกอ่านได้ที่นี่

สเปคของ Fujitsu Ultralight CH-4ZR1C22928
  • ซีพียู Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4-4.2 GHz
  • การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics G7
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 8GB LPDDR4x มาให้แบบออนบอร์ด มีบัส 4266MHz
  • หน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit)
  • น้ำหนัก 0.99 กิโลกรัม
  • ราคา 32,900 บาท (JIB)
2. Microsoft Surface Laptop Go (1.11 กก.)

surface

หลายคนอาจจะมองข้าม Microsoft Surface Laptop Go เพราะเมื่อเทียบสเปคกับ Notebook น้ำหนักเบา 2021 เครื่องอื่นแล้ว สเปคไม่ดึงดูดเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วโน๊ตบุ๊คหน้าจอสัมผัส PixelSense 12.4 นิ้ว อัตราส่วน 3:2 เครื่องนี้จาก Microsoft ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็น
โน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ Microsoft ต้องการให้เป็น รวมทั้งน้ำหนักเพียง 1.11 กิโลกรัมนั้นถือว่าพกพาง่ายทีเดียวและสแกนนิ้วปลดล็อคเครื่องได้ด้วย

ซีพียูติดตั้ง Intel Core i5-1035G1 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 1.0-3.6GHz การ์ดจอ Intel UHD Graphics 620 ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุ 128GB พร้อม Windows 10 Home (64-bit) แรม 8GB DDR4 บัส 3733 MHz และหน้าจอสัมผัส 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1536×1024 พิกเซล พาเนล IPS อัตราส่วน 3:2 ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้น ไม่ต้องใช้เมาส์และควบคุมการทำงานต่าง ๆ ได้สะดวก ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเครื่องได้ผ่านทาง USB-C ที่ติดตั้งไว้กับตัวเครื่องได้ ส่วนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเป็น Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 ด้วย ส่วนการใช้งาน Microsoft เคลมไว้ว่าใช้งานได้นานสุด 13 ชั่วโมง

สเปคของ Microsoft Surface Laptop Go
  • ซีพียู Intel Core i5-1035G1 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 1.0-3.6GHz
  • การ์ดจอ Intel UHD Graphics 620
  • ฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุ 128GB
  • แรม 8GB DDR4 บัส 3733MHz
  • หน้าจอสัมผัส PixelSense 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1536×1024 พิกเซล พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit)
  • น้ำหนัก 1.11 กิโลกรัม
  • ราคา 25,990 บาท (BaNANA)
3. Acer Swift 3 SF314-42-R0ND (1.2 กก.)

swift

Notebook น้ำหนักเบา 2021 อีกรุ่นอย่าง Acer Swift 3 รหัส SF314 ก็เป็นรุ่นน่าสนใจมากเช่นกัน เพราะตัวเครื่องนอกจากบางเบา สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้และราคาก็ไม่แพงมากเพียง 21,900 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2019 มาให้ในตัว เรียกว่าครบเครื่องมากรุ่นหนึ่ง ซื้อแล้วใช้ทำงานได้สบาย ๆ

สเปคใช้ AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0 GHz นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้วประสิทธิภาพก็ดีอีกด้วย ใช้การ์ดจอออนบอร์ดเป็น AMD Radeon RX Vega 6 สำหรับทำงานและเล่นเกมออนไลน์ได้ จับคู่กับฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 10 Home (64-bit) มาให้ในตัวกับแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz ส่วนหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 ด้วย ส่วนตัวเครื่องทั้งหมดนักเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนใครที่สนใจรีวิวเจาะลึกคลิกอ่านได้ที่นี่

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-42-R0ND
  • ซีพียู AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0 GHz
  • การ์ดจอ AMD Radeon RX Vega 6
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • หน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit), Microsoft Office Home & Student 2019
  • น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม
  • ราคา 21,900 บาท (BaNANA)
4. Apple MacBook Air (Apple M1) (1.29 กก.)

mba

นาทีนี้ MacBook Air ชิป Apple M1 จัดเป็น Notebook น้ำหนักเบา 2021 ตัวเลือกแรก ๆ สำหรับคนที่อยากได้เครื่องที่ประสิทธิภาพสูงแบบไม่ต้องสืบ ทำงานตัดต่อและใช้โปรแกรมต่าง ๆ ได้ดีโดยไม่ต้องกังวล ยิ่งถ้าใครใช้คู่กับ iPhone แล้ว ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เนื่องจาก Ecosystem ของ Apple นั้นจัดว่าทำออกมาได้ดีมากจนหลายคนชื่นชอบแล้วถอนตัวได้ยากทีเดียว แต่ถ้าใครใช้โปรแกรมเฉพาะทางที่ Rosetta 2 ยังไม่รองรับ อาจจะมีปัญหาขลุกขลักอยู่บ้าง

ซีพียูเป็น Apple M1 แบบ 8 คอร์และการ์ดจอในตัวแบบ 7 คอร์ จับคู่กับฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe แบบบัดกรีติดตั้งไว้ในเครื่องกับแรม 8GB สามารถรันระบบปฏิบัติการ macOS ได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้น้ำหนักก็เพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าไม่หนักไม่เบาเกินไป หน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1600 พิกเซล) พาเนล IPS ราคารุ่นเริ่มต้นมาเพียง 32,900 บาท ซึ่งปรับลงจากรุ่นก่อน 3,000 บาท ให้เลือกซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

สเปคของ MacBook Air ชิป Apple M1
  • ซีพียู Apple M1 แบบ 8 คอร์
  • การ์ดจอ Apple M1 แบบ 7 คอร์
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 256GB
  • แรม 8GB
  • หน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1600 พิกเซล) พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ macOS
  • น้ำหนัก 1.29 กิโลกรัม
  • ราคา 32,900 บาท
5. HP ENVY x360 13-ay0001AU (1.3 กก.)

envy

ถ้าโจทย์ Notebook น้ำหนักเบา 2021 ต้องมีปากกา Stylus เอาไว้เขียนบนหน้าจอด้วย แนะนำให้เลือก HP ENVY x360 13-ay0001AU เครื่องนี้เอาไว้ใช้ทำงานเลย เพราะในแพ็คเกจจะมีปากกา Stylus เอาไว้เขียนทำเครื่องหมายหรือวาดภาพได้ สเปคจัดว่าครบเครื่องเพราะมี Microsoft Office Home & Student 2019 แถมมาในตัว ซื้อแล้วพร้อมใช้งานทันทีเช่นกัน ส่วนตัวเครื่องจะหนักขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.3 กิโลกรัม

สเปคใช้ซีพียู AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0 GHz จับคู่การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon RX Vega 6 กับฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 Home (64-bit) กับแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มาแบบออนบอร์ด ซึ่งถ้าใช้ทำงาน, เรียนและความบันเทิงทั่วไปจัดว่าเพียงพออย่างแน่นอน ส่วนหน้าจอเป็นแบบสัมผัสขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และรองรับ Bluetooth 5.0 ในตัว ค่าตัวเพียง 29,900 บาทเท่านั้น สำหรับรีวิวสามารถอ่านได้ที่นี่

สเปคของ HP ENVY x360 13-ay0001AU
  • ซีพียู AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0 GHz
  • การ์ดจอ AMD Radeon RX Vega 6
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • หน้าจอสัมผัส 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit), Microsoft Office Home & Student 2019
  • น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม
  • ราคา 29,900 บาท (BaNANA)
6. MSI Modern 14 B11MOL-426TH (1.3 กก.)

msi modern

ถ้าใครชอบ Notebook น้ำหนักเบา 2021 งานประกอบแข็งแรงเป็นอลูมิเนียมทั้งตัว ดีไซน์พรีเมียม MSI Modern 14 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ส่วนการออกแบบตัวเครื่องยังมี Ergonomics View Design ยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยเวลากางหน้าจอใช้งานอีกด้วย ส่วนตัวเครื่องก็หนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าค่อนข้างเบาทีเดียว ส่วนราคา 25,900 บาท ก็ถือว่าสมราคาอยู่พอควร ส่วนรีวิวเจาะลึกสามารถคลิกอ่านได้ที่นี่

สำหรับสเปคที่เลือกมาแนะนำเป็น Intel Core i7-1165G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.8-4.7 GHz สามารถประมวลผลงานหนัก ๆ ได้สบาย ๆ กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics G7 ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 Home (64-bit) และแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz ในตัว ส่วนหน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 ด้วย

สเปคของ MSI Modern 14 B11MOL-426TH
  • ซีพียู Intel Core i7-1165G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.8-4.7 GHz
  • การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics G7
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • หน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit)
  • น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม
  • ราคา 25,900 บาท (JIB)
7. Lenovo IdeaPad 5 14ALC05-82LM006VTA (1.39 กก.)

ideapad 5

ส่วนคนที่อยากได้ Notebook น้ำหนักเบา 2021 ที่สเปคสดใหม่และแรงขึ้นอีกนิด แนะนำเป็น Lenovo IdeaPad 5 รุ่นนี้ที่ใส่ AMD Ryzen 5 รุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นแทน ซึ่งนอกจากจะประสิทธิภาพสูงไล่เลี่ยกับ Intel Core i7 บางรุ่นแล้ว ยังประหยัดพลังงานมากด้วย นอกจากนี้ทีเด็ดของ Lenovo ก็ยังแถม Microsoft Office Home & Student 2019 มาให้ใช้งานด้วย ส่วนน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.39 กิโลกรัม

ซีพียูใช้ AMD Ryzen 5 5500U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.1-4.0GHz การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon RX Vega 7 ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 Home (64-bit) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน แรมความจุ 8GB DDR4 ออนบอร์ด บัส 3200MHz และหน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 ส่วนราคาปัจจุบันเพียง 20,900 บาทเท่านั้น

สเปคของ Lenovo IdeaPad 5 14ALC05-82LM006VTA
  • ซีพียู AMD Ryzen 5 5500U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.1-4.0GHz
  • การ์ดจอ AMD Radeon RX Vega 7
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz ออนบอร์ด
  • หน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit), Microsoft Office Home & Student 2019
  • น้ำหนัก 1.39 กิโลกรัม
  • ราคา 20,900 บาท (JIB)
8. Asus VivoBook 14 D413IA-EB248TS (1.4 กก.)

vivobook

ASUS VivoBook 14 ในกลุ่ม Notebook น้ำหนักเบา 2021 อาจจะดูแตกต่างจากชาวบ้านไปบ้าง เนื่องจากเป็นซีรี่ส์เน้นคุ้มค่าเหมือน Acer Aspire Series แต่เข้าเกณฑ์เนื่องจากน้ำหนักยังไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม โดยมีน้ำหนัก 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น พร้อมโปรแกรมติดตั้งมาให้ครบเครื่องทั้ง Windows 10 Home (64-bit) พร้อมกับ Microsoft Office Home & Student 2019 สนนราคาแล้ว 20,900 บาทเท่ากับ Lenovo IdeaPad 5 ในข้อที่แล้ว

สเปคเป็นซีพียู AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0 GHz จับคู่การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon RX Vega 6 กับฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB มีแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz ออนบอร์ด  ส่วนหน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

สเปคของ Asus VivoBook 14 D413IA-EB248TS
  • ซีพียู AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0 GHz
  • การ์ดจอ AMD Radeon RX Vega 6
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz ออนบอร์ด
  • หน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit), Microsoft Office Home & Student 2019
  • น้ำหนัก 1.4 กิโลกรัม
  • ราคา 20,900 บาท (JIB)
9. Huawei MateBook 14 (1.49 กก.)

matebook

ในกลุ่ม Notebook น้ำหนักเบา 2021 นั้น Huawei MateBook 14 ที่เคยมีรีวิวเปิดให้อ่านไปก่อนหน้านี้ถือว่าหนักที่สุดในกลุ่มถึง 1.49 กิโลกรัม แต่ด้านสเปคก็ถือว่าจัดเต็มไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน และเป็นรุ่นที่หลาย ๆ คนอาจจะเล็ง ๆ เอาไว้แล้ว เพราะซื้อมาก็แรงไม่ต้องอัพเกรดแล้ว และหน้าจอยังมีความละเอียดสูงสุดในกลุ่ม แลกกับราคาตัวเครื่องระดับ 25,500 บาท ก็จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย

สเปคใช้ซีพียู AMD Ryzen 5 4600H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.0-4.0GHz เป็นรหัส H ประสิทธิภาพสูง จับคู่การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon RX Vega 6 และฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 Home (64-bit) พร้อมใช้งานทันที แรม 16GB DDR4 บัส 2666MHz ออนบอร์ด หน้าจอเป็นแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2160×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 3:2 พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0 ซ่อนกล้อง Webcam เอาไว้ที่แถบคีย์บอร์ดและสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้ ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเครื่องผ่านพอร์ต USB-C ด้วยปลั๊กของมือถือได้ด้วยมาตรฐาน Power Delivery

สเปคของ Huawei MateBook 14
  • ซีพียู AMD Ryzen 5 4600H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.0-4.0GHz
  • การ์ดจอ AMD Radeon RX Vega 6
  • ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • แรม 16GB DDR4 บัส 2666MHz ออนบอร์ด
  • หน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2160×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 3:2 พาเนล IPS
  • เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit)
  • น้ำหนัก 1.49 กิโลกรัม
  • ราคา 25,500 บาท (BaNANA)

สรุปความเบาและความคุ้มของ Notebook น้ำหนักเบา 2021

จะเห็นว่า Notebook น้ำหนักเบา 2021 นั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก และมีให้เลือกหลายรุ่นหลากแบรนด์ตามความชอบอีกด้วย ซึ่งถ้าสรุปสเปคและจุดเด่นจะเป็นดังนี้

สเปคของ Notebook น้ำหนักเบา 2021 สเปค ระบบปฏิบัติการและโปรแกรม น้ำหนัก ราคา
FUJITSU ULTRALIGHT CH-4ZR1C22928 Intel Core
i5-1135G7

Intel Iris Xe Graphics G7

M.2 NVMe
ความจุ 512GB

8GB LPDDR4x

จอ 13.3 นิ้ว
ความละเอียด
Full HD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6
Bluetooth 5.0

Windows 10 Home
(64-bit)
0.99 กิโลกรัม 32,900 บาท
MICROSOFT SURFACE LAPTOP GO Intel Core
i5-1035G1

Intel UHD Graphics 620

SSD ความจุ 128GB

8GB DDR4

จอสัมผัส PixelSense
12.4 นิ้ว

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6
Bluetooth 5.0

Windows 10 Home
(64-bit)
1.11 กิโลกรัม 25,990 บาท
ACER SWIFT 3 SF314-42-R0ND AMD Ryzen 5 4500U

AMD Radeon RX Vega 6

M.2 NVMe
ความจุ 512GB

8GB DDR4

จอ 14 นิ้ว
ความละเอียด
Full HD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0

Windows 10 Home
(64-bit)

Microsoft Office
Home & Student 2019

1.2 กิโลกรัม 21,900 บาท
MACBOOK AIR ชิป APPLE M1 Apple M1 แบบ 8 คอร์

M.2 NVMe
ความจุ 256GB

แรม 8GB

จอ 13.3 นิ้ว
ความละเอียด QHD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0

macOS 1.29 กิโลกรัม 32,900 บาท
HP ENVY X360 13-AY0001AU AMD Ryzen 5 4500U

AMD Radeon RX Vega 6

M.2 NVMe
ความจุ 512GB

8GB DDR4

จอ 13.3 นิ้ว
ความละเอียด
Full HD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0

Windows 10 Home
(64-bit)

Microsoft Office
Home & Student 2019

มีปากกา Stylus
แถมมาในกล่อง

1.3 กิโลกรัม 29,900 บาท
MSI MODERN 14 B11MOL-426TH Intel Core i7-1165G7

Intel Iris Xe Graphics G7

M.2 NVMe
ความจุ 512GB

8GB DDR4

จอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 Bluetooth 5.1

Windows 10 Home
(64-bit)
1.3 กิโลกรัม 25,900 บาท
LENOVO IDEAPAD 5 14ALC05-82LM006VTA AMD Ryzen 5 5500U

AMD Radeon RX Vega 7

M.2 NVMe ความจุ 512GB

8GB DDR4

จอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 Bluetooth 5.1

Windows 10 Home
(64-bit)

Microsoft Office
Home & Student 2019

1.39 กิโลกรัม 20,900 บาท
ASUS VIVOBOOK 14 D413IA-EB248TS AMD Ryzen 5 4500U

AMD Radeon RX Vega 6

M.2 NVMe ความจุ 512GB

8GB DDR4

จอสัมผัส 14 นิ้ว
ความละเอียด Full HD

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0

Windows 10 Home
(64-bit)

Microsoft Office
Home & Student 2019

1.4 กิโลกรัม 20,900 บาท
HUAWEI MATEBOOK 14 AMD Ryzen 5 4600H

AMD Radeon RX Vega 6

M.2 NVMe ความจุ 512GB

16GB DDR4

จอสัมผัส 14 นิ้ว ความละเอียด 2K

เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0

Windows 10 Home
(64-bit)
1.49 กิโลกรัม 25,500 บาท

จากสเปคทั้งหมด จะเห็นว่า Notebook น้ำหนักเบา 2021 นั้นจะมีหลายรุ่นที่สเปคไล่เลี่ยกันแล้ว แต่ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบในแบรนด์ของแต่ละคน ว่าอยากใช้แบรนด์ใดและการรับประกันของเจ้านั้น ๆ ถูกใจเราไหมเป็นตัวช่วยตัดสินใจ ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าก่อนจะซื้อไม่ต้องรีบตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนนัก ค่อย ๆ หาข้อมูลประสิทธิภาพและการรับประกันของแต่ละแบรนด์ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยซื้อก็ไม่สายเกินไป เพราะโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งถ้าไม่เป็นคนชอบเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ ก็จะอยู่กับเรา 3-5 ปีหรือมากกว่านั้น ดังนั้นศึกษาข้อมูลให้รอบด้านแล้วจะไปรอซื้อพร้อมโปรโมชั่นในงาน COMMART แต่ละปีเพื่อความคุ้มค่าสูงสุดก็จัดว่าดีมากเช่นกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

windows 10 cover

kickstand cover

laptopbackpack cover

from:https://notebookspec.com/web/595795-9-light-weight-laptop-for-2021

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม 2021 การ์ดจอแยก ซีพียูแรง โน๊ตบุ๊คเล่นเกม ทำงาน เริ่ม 20,000 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม 2021 การ์ดจอแยกแรงๆ เล่นเกม ทำงาน เริ่ม 20,000 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม การ์ดจอแยกแรงๆ เล่นเกม ทำงานในครั้งนี้ ทีมงานจัดมาให้ในงบเริ่มแค่ 2 หมื่นนิดๆ เท่านั้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งจอ 14″ และ 15.6″ ตอบโจทย์กลุ่มที่เน้นการทำงาน และการเล่นเกมได้ โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบเน้นประสิทธิภาพซีพียูเพื่อเน้นการทำงานเป็นหลัก และยังพกพาได้สะดวก เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่ แต่ก็มีการ์ดจอแยกมาด้วย และรุ่นที่มาพร้อมการ์ดจอแยกแรงๆ เพื่อตอบโจทย์คอเกมโดยเฉพาะ ซึ่งโน๊ตบุ๊คทั้ง 10 รุ่นนี้ ก็จะมีความโดดเด่นที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชื่นชอบรูปแบบใด แต่ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 25,900 บาทเท่านั้น


10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

  1. Lenovo IdeaPad 5 14ITL05-82FE009TTA
  2. HP 15s-du3011TX
  3. DELL Inspiron 3501
  4. HP Pavilion 15-eg0034TX
  5. Acer Aspire 7 A715-42G-R113
  6. HP Pavilion Gaming 15-ec1117AX
  7. Lenovo IdeaPad 3 15ITL6
  8. Asus TUF Gaming F15 FX506LH
  9. Lenovo IdeaPad Gaming 3-82EY006VTA
  10. Acer Aspire 7 A715-42G-R7RS

เลือกการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค 2021

ในปัจจุบันโน๊ตบุ๊คได้ถูกจำแนกตามการใช้งานในรูปแบบต่างๆ มากมาย และในส่วนของผู้ผลิตเอง ก็มีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่แยกย่อยออกเป็นหลายซีรีส์ สำหรับใช้งานทั่วไป ทำงานกราฟิก Content Creator หรือจะเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกม และแบบบางเบา ซึ่งราคาจำหน่ายของโน๊ตบุ๊คเหล่านี้ ก็มีความแตกต่างกันไป การ์ดจอโน๊ตบุ๊คก็เป็นตัวแปรในเรื่องของราคาด้วยเช่นกัน ผลทดสอบประสิทธิภาพการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

เพราะถ้านับกันล่าสุดตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น nVIDIA, AMD หรือ Intel เอง ก็มีกราฟิกที่มาให้ใช้งานกันบนโน๊ตบุ๊คด้วยเช่นกัน ซึ่งใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ครั้งนี้ ก็มีกราฟิกจากค่ายต่างๆ มาเป็นตัวเลือกมากมาย มีทั้งที่เป็นการ์ดจอแยก (Discrete graphic) และการ์ดจอที่มากับซีพียู ที่มักเรียกกันว่าออนบอร์ด (Integrate graphic) ด้วยตัวแปรที่มีทั้งประสิทธิภาพและราคา การจะเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานจะต้องทำอย่างไร

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

โน๊ตบุ๊คใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน: เช่น ดูหนัง ฟังเพลง พิมพ์งานหรือแค่การท่องอินเทอร์เน็ต การ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับซีพียูทั่วไป ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ ในเวลานี้ ก็มีความสามารถมากพอต่อการทำงาน และบางครั้งตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น Intel Iris Xe graphic รุ่นใหม่ ความสามารถเทียบเท่ากับการ์ดจอแยกในระดับเริ่มต้นของคู่แข่งได้เลย ส่วนทางคู่แข่งอย่าง AMD ก็มีตั้งแต่รุ่นประหยัด เริ่มต้นด้วย RX Vega 2 ไปจนถึงซีพียูตัวท็อปอย่าง Ryzen 7 ที่มีทั้ง Radeon RX Vega 7 และ Vega 10 และย่อมมาพร้อมกับความแรงแบบสมศักดิ์ศรี เหมาะกับคนที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดจอแยก

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

โน๊ตบุ๊คสำหรับทำงาน การศึกษาและสำนักงาน: การใช้งานที่ต้องอาศัยประสิทธิภาพของกราฟิกเข้ามาช่วย รวมถึงการเล่นเกมออนไลน์ให้ไหลลื่นขึ้น การ์ดจอโน๊ตบุ๊คแบบแยกที่เป็นตัวเริ่มต้น และมีหน่วยความจำสำหรับกราฟิกมาโดยเฉพาะ ไม่ต้องแชร์จาก RAM ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น GeForce MX330 หรือ MX350 ก็จะเทียบเคียงกับ GeForce GTX960 ส่วนรุ่นใหม่ MX450 ก็ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GTX1050 เลยทีเดียว

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม: 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ครั้งนี้มีการ์ดจอแยกจากค่าย nVIDIA ค่อนข้างเยอะ เรียกว่าซอยรุ่นกันให้ถี่ยิบ และหลายโมเดล ก็ใช้ชิปที่เป็นแบบการ์ดจอบนพีซีมาอีกด้วย จึงให้ประสิทธิภาพในการทำงาน แทบไม่ต่างจากพีซีเดสก์ทอปเลยทีเดียว เพื่อให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมได้สนุกสนาน ตัวเลือกที่มีตั้งแต่ GeForce GTX และ RTX series ขึ้นอยู่กับงบประมาณและการเลือกใช้ของแต่ละบุคคล หากเน้นที่ประสิทธิภาพ มีตัวเลือกอย่าง GeForce GTX 1660 Ti หรือ RTX 2070 และ RTX 3060, 3070 รวมถึงล่าสุด น้องเล็กสเปคแรงอย่าง RTX 3050 Ti ก็มีมาให้เลือกกันแล้วด้วย


1.Lenovo IdeaPad 5 14ITL05-82FE009TTA ราคาประมาณ 25,900 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

Lenovo IdeaPad 5 14ITL05 เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานและบันเทิงสายพกพาหน้าจอ 14″ ให้ประสิทธิภาพและตอบสนองได้ดี เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานได้ในทุกๆ ช่วงเวลา การใช้งาน มาจากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 อย่าง Core i5-1135G7 โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอแยกรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce MX450 ที่มีความแรงอัพเกรดจากรุ่นก่อนอย่าง MX350 พอสมควร ซึ่งมีทั้งรุ่นที่เป็น GDDR5 และ GDDR6 พร้อมกันนี้ยังมีในส่วนของแรม ยังติดตั้งมาให้ระดับ 8GB DDR4 Bus 3200MHz พร้อมได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มาใช้งานเก็บข้อมูล ให้ประสบการณ์ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต และเล่นเกมออนไลน์เบาๆ ได้ไม่ยากหรือใช้งานเอกสาร ที่สบายๆ ออกแบบขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์ที่สวยงามเรียบง่ายคงความเอกลักษณ์ของ Lenovo ด้วยสเปคที่ว่ามานี้ พร้อมกับบอดี้ที่บางเบา คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit น้ำหนักประมาณ 1.4Kg และ Windows 10 มาในตัว กับสนนราคาระดับ 25,xxx บาท จึงเข้ามาสู่หนึ่งใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ในช่วงนี้

  • CPU: Intel Core i5-1135G7
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce MX450
  • Display: 14.0″ FHD
  • Weight: 1.38Kg
  • Price: 25,900 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

2.HP 15s-du3011TX ราคาประมาณ 21,900 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

HP Pavilion 15s โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่า ที่เข้ามาใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ด้วยดีไซน์บางเบา งานประกอบแน่นหนา หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยสเปกชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Intel Core i5-1135G7 ที่แรงกว่ารุ่น Core i Gen 8 ก่อนๆ อยู่พอสมควร ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร โดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel UHD Graphics G7 รุ่นใหม่ ที่รองรับการใช้งานทั่วไปหรือต่อจอความละเอียดสูงได้สบายๆ และการ์ดจอแยก GeForce MX350 ส่วนใส่ฮาร์ดดิสก์ให้มาแบบ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูง ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป อย่างพิมพ์งานเอกสารหรือเล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงความบันเทิงอย่างดูหนังฟังเพลง คีย์บอร์ดสามารถพิมพ์ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด อีกทั้งให้สัมผัส แบตเตอรี่ก็ยาวนาน พอร์ตต่อพ่วงสำคัญมีให้ครบครัน และการันตีด้วย HP On-site Service รับซ่อมเครื่องถึงหน้าบ้านเป็นระยะเวลา 2 ปี + Smart Friend (Plus) 1 ปี

โน๊ตบุ๊คที่ใช้การ์ดจอ GeForce MX350

  • CPU: Intel Core i5-1135G7
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce MX350
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 1.75Kg
  • Price: 21,900 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

3.DELL Inspiron 3501 ราคาประมาณ 25,490 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

เป็นโน๊ตบุ๊คกึ่งไลฟ์สไตล์ แต่ให้ประสิทธิภาพได้อย่างเหนือชั้น สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบให้ดูล้ำสมัย ตัวเครื่องเพรียวบาง แม้จะเป็นบอดี้ในแบบโน๊ตบุ๊ค 15.6″ พาแนล IPS ความละเอียด Full HD แต่ด้วยขอบจอที่บาง และการจัดพื้นที่ให้เหมาะสม จึงทำให้น้ำหนักตัวไม่ถึง 2Kg พร้อมกับขุมพลังซีพียู Intel Core i7-1165G7 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีกราฟิก Intel Iris Xe มาคู่กับการ์ดจอแยก GeForce MX330 (GDDR5 2GB) ตอบโจทย์ด้านกราฟิกและบันเทิงได้ดีในระดับหนึ่ง รวมถึงแรมที่จัดมาให้ DDR4 8GB และ SSD 512GB ในแบบ M.2 NVMe โดยมี ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ในตัว พร้อมใช้งาน เหมาะกับคนที่เน้นความแรงบนซอฟต์แวร์เฉพาะทาง หรืองานกราฟิก ที่ต้องการความสะดวกในการพกพา และการรับประกันที่มั่นใจได้

  • CPU: Intel Core i7-1165G7
  • RAM: DDR4 2666 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce MX330
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 1.83Kg
  • Price: 25,490 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

4.HP Pavilion 15-eg0034TX ราคาประมาณ 25,900 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

สำหรับ HP Pavilion 15 รุ่นนี้ สามารถเข้ามาติด 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ได้ไม่ยาก ด้วยตัวเครื่องที่บางเบา พกพาสะดวก ฝาหลังวัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมอัลลอยด์ ขุมพลัง Intel Core i5-1135G7 ที่ไม่ใช่แค่แรงขึ้น แต่มี AI ช่วยทำงานในตัว ทำงานร่วมกับการ์ดจอ GeForce MX450 ที่เล่นเกมได้ลื่นไหล รองรับการเล่นออนไลน์ได้ลื่นไหลใกล้เคียงการ์ดจอแยก Gaming โดยมีแรม 8GB รองรับการอัพเกรดใส่เพิ่มได้อีก 1 แถว และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB จอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล แบบด้าน พาเนล IPS เชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายด้วย Wi-Fi 6 AX201 (2 x 2) กับ Bluetooth 5.0 ถือว่าลงตัวมากๆ ในราคาที่สองหมื่นกว่าบาทเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์งานประกอบ ประสิทธิภาพความลื่นไหล ผู้ใช้ยังได้ Windows 10 และซอฟต์แวร์ช่วยจัดการ พร้อมประกัน 2 ปี On-site Service เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา คนทำงานที่เน้นใช้งานพื้นฐาน เล่นเกมบ้าง ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์ที่ดูดีในราคาที่คุ้มค่า

  • CPU: Intel Core i5-1135G7
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce MX450
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 1.75
  • Price: 25,900 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

5.Acer Aspire 7 A715-42G-R113 ราคาประมาณ 23,900 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

Acer Aspire 7 A715 มีความเรียบหรูดูดี สเปกแรงลื่นระดับ Gaming Notebook ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5700U ทำงานร่วมกับการ์ดจอเกมมิ่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 พร้อมได้หน้าจอ 15.6″ Refresh Rate ที่ 144Hz พาเนลแบบ IPS ให้แรมติดเครื่องมาทันทีที่ขนาด 8GB DDR 4 Bus 3200 MHx พร้อมใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB และ SSD M.2 512GB ระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 การเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C น้ำหนัก 2.15 กิโลกรัม การรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาคนทำงาน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ที่เป็น Gaming มากเกินไป แต่สเปคเล่นเกมได้ นับว่าเป็น 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ที่น่าจับตามอง

  • CPU: AMD Ryzen 7 5700U
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce GTX 1650
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 2.15Kg
  • Price: 23,900 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

6.HP Pavilion Gaming 15-ec1117AX ราคาประมาณ 24,900 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

จัดเป็น Gaming Notebook หนึ่งใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม ที่ใช้ขุมพลัง AMD ที่ให้ความคุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด และยืนระยะมานานพอสมควร ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แรงด้วยซีพียู AMD Ryzen 5 4600H + GTX 1650 Ti มีแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz และได้ SSD M.2 NVMe PCIe ที่ 512GB พร้อมติดตั้ง Windows 10 แท้ ตัวเครื่องมีความบางเพียง 23.6mm. พาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 144Hz ตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit เป็นสีเขียว ลำโพงแบบสเตอริโอของ Bang & Olufsen การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX พอร์ตเชื่อมต่อ 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้การรับประกันเป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี

  • CPU: AMD Ryzen 5 4600H
  • RAM: DDR4 2933 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce GTX 1650 Ti
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 2.3Kg
  • Price: 24,900 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

7.Lenovo IdeaPad 3 15ITL6 ราคาประมาณ 23,900 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

เป็นโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าไม่แพงของทาง Lenovo ตัวเครื่องสีสัน Platinum Grey Glossy คล้ายโลหะ ทำให้ดูน่าจับถือ งานประกอบค่อนข้างดี และน้ำหนักที่เบา ด้วยสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-1135G7 ตอบโจทย์ได้ทุกย่านการทำงานและความบันเทิง แม้ว่าจะเป็นกราฟิกแยกในระดับเริ่มต้น GeForce MX330 แต่เคาะราคามาระดับ 23,xxx บาท และน้ำหนักแค่ 1.65Kg ก็ทำให้น่าสนใจไม่เบา พร้อมแรม 8GB DDR4 และ SSD M.2 NVME PCIe ที่ความจุ 512GB ก็ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ระบบระบายความร้อน การไหลของลมที่ไม่ซับซ้อน ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 1 ชุด พัดลม 1 ตัว ผ่านทางฮีต์ไปป์ ทำงานหนักยังไงก็เอาอยู่ สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน เหมาะมากกับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ มาพร้อม Windows 10 และการรับประกัน 2 ปี

  • CPU: Intel Core i5-1135G7
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce MX350
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 1.65Kg
  • Price: 23,900 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

8.Asus TUF Gaming F15 FX506LH ราคาประมาณ 23,990 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

จัดเป็นอีกหนึ่งใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม Gaming Notebook สเปก Intel Core i Gen 10H มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i5-10300H ที่ได้รับการตีบวก พร้อมยัดสเปคจัดเต็มแน่นเอียดในราคาสุดคุ้ม แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933MHz และมี SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มาให้ หน้าจอก็ขนาด 15.6″ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับที่ 144 Hz จอบางทำให้ดูมิติของโน๊ตบุ๊คเล็กลง โดยมีการ์ดจอ GeForce GTX 1650 ที่ให้การตอบสนองกับเกมได้ดีพอสมควร ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้ประกัน 2 ปี แบบ Global Warranty และประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก การออกแบบให้ความรู้สึกดุดันและแข็งแกร่ง TUF Gaming ได้การรับรอง MIL-STD-810H โดยสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือน, อุณหภูมิและความชื้นสูง ลำโพงคุณภาพสูงระบบเสียง DTS:X Ultra ช่องระบายความร้อน สองช่องขนาดใหญ่ ให้การระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม พร้อมคีย์บอร์ดไฟ RGB แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ รองรับการกดได้ 20 ล้านครั้งเลยทีเดียว ตอบสนองได้ทั้ง การใช้งานทั่วไป และเล่นเกมจริงจัง ในราคาที่คุ้มค่า

  • CPU: Intel Core i5-10300H
  • RAM: DDR4 2933 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce GTX 1650
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 2.3Kg
  • Price: 23,990 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

9.Lenovo IdeaPad Gaming 3-82EY006VTA ราคาประมาณ 23,950 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

Lenovo IdeaPad Gaming 3 เป็น Gaming Notebook ปี 2020 ที่มาพร้อมสเปก Ryzen 5 4600H ที่ให้แรงพอตัว และโดดเด่นจนเข้ามาใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม โดยมีการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ดีไซน์ใหม่มีความเรียบง่าย พร้อมความทนทานระดับ Military Grade หน้าจอ 15.6″ Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ด้วยแรมขนาด 8GB และได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ขอบจอบางเฉียบ ขนาดกระทัดรัด รวมถึงมี USB 3.1 Type-C 3.1 ติดตั้งมา งานประกอบเรียบร้อยดี แต่เป็นรอยนิ้วมือง่ายไปบ้าง คีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นสีดำพร้อมตัวอักษรสีฟ้าพร้อมมีไฟคีย์บอร์ดสีฟ้า ระบบเสียง Dolby Audioให้เสียงดัง พอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิง ให้การเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX ตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB 1 แถว พร้อมอัพเกรดได้อีก 1 แถว ตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียง 2.20Kg. มี Windows 10 แท้ใช้งาน รับประกัน On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 2 ปี นับได้ว่าเป็นตัวเลือกในตลาดที่ให้ความคุ้มค่าสำหรับคอเกมเริ่มต้นได้ดี

  • CPU: AMD Ryzen 5 4600H
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce GTX 1650 Ti
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 2.2Kg
  • Price: 23,950 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก

10.Acer Aspire 7 A715-42G-R7RS ราคาประมาณ 20,750 บาท

10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม

เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีสเปคและราคาน่าสนใจ เข้ามาใน 10 อันดับ Notebook สุดคุ้มของวันนี้ ด้วยการออกแบบตัวเครื่องมีความเรียบหรูดูเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ดูพรีเมียม ตามสไตล์ของ Aspire Series มาพร้อมกับความบางของตัวเครื่อง 23mm เท่านั้น หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD Refresh Rate ที่ 144Hz พาเนล IPS ขอบหน้าจอที่บางเฉียบ พื้นที่แสดงผลเป็น 81.61% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็ก รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX มาพร้อมปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข มีฟอนต์เป็นสีขาว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ Backlit สีขาว โดยมีลำโพงจะมีด้วยกัน 2 ตัว ฟีเจอร์ Waves MaxxAudio เพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบสให้จัดจ้านยิ่งขึ้น พอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI ขุมพลัง AMD Ryzen 5 5500U และการ์ดจอระดับ GTX 1650 (4GB GDDR6) เน้นความแรงและคุ้มค่า ได้แรมติดเครื่อง 8GB DDR 4 Bus 3200 SSD M.2 PCIe Gen3 NVMe ความจุ 512GB รวมถึง Windows 10 Home ลิขสิทธิ์แท้ใช้งานได้ทันที พร้อมการรับประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน

  • CPU: AMD Ryzen 5 5500U
  • RAM: DDR4 3200 8GB
  • Storage: 512GB M.2 PCIe
  • Graphic: GeForce GTX 1650
  • Display: 15.6″ FHD
  • Weight: 2.35Kg.
  • Price: 20,750 บาท

ดูสเปคเพิ่มเติม คลิ๊ก


Model ซีพียู แรม SSD การ์ดจอ จอภาพ น้ำหนัก ราคา
1.Lenovo IdeaPad 5 14ITL05-82FE009TTA Intel Core i5-1135G7 DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce MX450 14.0″ FHD 1.38Kg 25,900
2.HP 15s-du3011TX Intel Core i5-1135G7 DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce MX350 15.6″ FHD 1.75Kg 21,900
3.DELL Inspiron 3501 Intel Core i7-1165G7 DDR4 2666 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce MX330 15.6″ FHD 1.83Kg 25,490
4.HP Pavilion 15-eg0034TX Intel Core i5-1135G7 DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce MX450 15.6″ FHD 1.75Kg 25,900
5.Acer Aspire 7 A715-42G-R113 AMD Ryzen 7 5700U DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce GTX 1650 15.6″ FHD 2.15Kg 23,900
6.HP Pavilion Gaming 15-ec1117AX AMD Ryzen 5 4600H DDR4 2933 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce GTX 1650 Ti 15.6″ FHD 2.3Kg 24,900
7.Lenovo IdeaPad 3 15ITL6 Intel Core i5-1135G7 DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce MX350 15.6″ FHD 1.65Kg 23,900
8.Asus TUF Gaming F15 FX506LH Intel Core i5-10300H DDR4 2933 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce GTX 1650 15.6″ FHD 2.3Kg 23,990
9.Lenovo IdeaPad Gaming 3-82EY006VTA AMD Ryzen 5 4600H DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce GTX 1650 Ti 15.6″ FHD 2.2Kg 23,950
10.Acer Aspire 7 A715-42G-R7RS AMD Ryzen 5 5500U DDR4 3200 8GB 512GB M.2 PCIe GeForce GTX 1650 15.6″ FHD 2.35Kg 20,750

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับ 10 อันดับ Notebook สุดคุ้ม การ์ดจอแยก ซีพียูแรง ในงบประมาณ เริ่มต้นแค่ 20,000 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีทั้งโน๊ตบุ๊คตัวแรง ซีพียูจัดจ้านสำหรับงานและความบันเทิง รวมถึงรุ่นที่มาพร้อมกับการ์ดจอแรง ในงบประมาณที่ไม่สูงเกินไป ใครที่ชื่นชอบแนวไหน สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ ตามลิงก์ที่ระบุให้ด้านล่างนี้ และถ้าอยากทราบอันดับโน๊ตบุ๊คโดนใจ ที่มีคนเข้ามาชมและให้ความสนใจในเว็บไซต์ Notebookspec กันมาก สามารถเข้าไปชมกันได้ที่ จัดอันดับ Notebook กันได้เลย


Related Topics

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค 5 วิธีดูสเปคโน๊ตบุ๊คเล่นเกม ออนบอร์ดหรือแยก

Lenovo YOGA Slim 7i Pro Review 79

วิธีดูการ์ดจอโน๊ตบุ๊คฉบับสมบูรณ์ปี 2021

Fixed Notebook 2020 25

6 โน๊ตบุ๊คเล่นเกม 2021 แรงลื่นราคาประหยัด งบไม่เกิน 26k

6 gaming notebook 2021

from:https://notebookspec.com/web/594149-10-best-value-notebook-2021

ยอมใจ! โน๊ตบุ๊คบางเบาที่สุดในโลก Fujitsu Lifebook แค่ 634g ดีกรีแรง ฝาคาร์บอน

ก็ต้องบอกว่าเป็นแบรนด์โน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Business และ Lifestyle ที่กลับเข้ามาบุกตลาดบ้านเราอีกครั้ง สำหรับ Fujitsu และล่าสุดใครที่ชอบโน๊ตบุ๊กบางเบา พกพาง่าย ค่ายนี้ก็ได้เติมไลน์กลุ่มที่เป็น Ultra-thin ที่เบาเพียง 643 กรัม ซึ่งเบาที่สุดในโลกสำหรับบอดี้ 13.3″ นี้ กับฝาปิดที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์

โน๊ตบุ๊คบางเบา

เพื่อที่จะได้ไล่เบา (คล้ายกับรถยนต์) หรือลดน้ำหนักของบอดี้ให้เหลือแค่ 643 กรัม Fujitsu จึงได้ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่าง และใช้ Cover ที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แทนโลหะในแบบเดิมที่หนักกว่า รวมถึงเซ็ตแผงเมนบอร์ดภายในใหม่หมด โดยในโมเดล UH-X/ E3 นี้ จะใช้ขุมพลังจากซีพียู Intel Core i7-1165G7 และมีแบตเตอรี่ 25 Wh ส่วนอีกรุ่นจะเป็นขุมพลัง AMD Ryzen 7 4700H และใช้แบตเตอรี่ 54 Wh ในรุ่น UH75 / E3 น้ำหนักไม่ถึง 1Kg.

โน๊ตบุ๊คบางเบา

Fujitsu Lifebook UH series โน๊ตบุ๊คบางเบา

ความจริงแล้วโมเดลโน๊ตบุ๊คบางเบาเหล่านี้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกมากมาย ถ้าเคยติดตาม Fujitsu กันมา เพราะมีหลายครั้งที่ออกแบบโน้๊ตบุ๊คที่เบาชนิดที่ทุบสถิติไปก็หลายครั้ง เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่มีการปรับมาใช้ขุมพลังใหม่ Intel Tiger Lake และ AMD Renoir แล้วปรับลดน้ำหนักของบอดี้ขนาด 13.3″ และชิ้นส่วนอีกหลายอย่าง เพื่อให้น้ำหนักลงไปตามเป้า ไม้เด็ดคือ การเปลี่ยน Cover ที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ลดชิ้นส่วนในการประกอบจาก 80 ชิ้น เหลือแค่ 40 ชิ้น และที่ชาร์จซึ่งเป็นขั้วต่อ DC ถูกแทนที่ด้วย USB-C ส่วนของขอบจอก็ลดลงด้วย ซึ่งทำให้ Lifebook UH-X / E3 รุ่นนี้หนักเพียง 634 กรัมเท่านั้น

โน๊ตบุ๊คบางเบา

โดยสเปคของ UH-X / E3 นั้น ใช้ซีพียู Intel Core i7-1165G7 แรม DDR4 8GB และ Storage SSD NVMe 1TB จอแสดงผล IGZO FHD 13.3″ แบตเตอรี่ 25 Wh ใช้ได้นานประมาณ 11 ชั่วโมง พร้อมพอร์ตต่อพ่วงที่มีมาไม่น้อยเลย 2x USB-C 3.2 Gen 2, 2x USB-A 3.2 Gen 1, GbE, HDMI และ SD card reader แต่ก็ย้ำว่าเพื่อการปรับลดให้ได้น้ำหนักน้อยที่สุด จึงไม่รองรับการอัพเกรดในรุ่นนี้

โน๊ตบุ๊คบางเบา

ยังมีสายโหดมาให้เลือกในโมเดล UH90 / E3 ที่มีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อย 834 กรัม โดยมี SSD 512GB แต่แบตเตอรี่ใหญ่กว่า 54 Wh ซึ่งส่งผลให้ใช้งานได้นานขึ้นอยู่ที่ประมาณ 22.5 ชั่วโมง มีตัวเลือกสีให้เยอะ Picto Black, Garnet Red และ Silver White

นอกจากนี้ทาง Fujitsu ยังมีแผนในการเพิ่มเติมโน๊ตบุ๊คบางเบาที่เป็นโมเดล AMD เข้ามาด้วย น้ำหนักน้อยกว่า 1Kg. ในรุ่น UH75 / E3 ใช้ขุมพลัง Ryzen 7 4700U APU พร้อมแรม 8GB DDR4 และ Storage 250GB ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนเรื่องราคาและการวางจำหน่าย UH-X / E3 คาดว่าจะเปิดขายประมาณ 30 ตุลาคมนี้ เคาะราคาราว 2,100USD เยน หรือประมาณ 69,xxx บาท ส่วนรุ่น UH90 / E3 จะอยู่ที่ราว 2,000USD ประมาณ 66,xxx บาท และในรุ่น UH75 / E3 ที่จะจำหน่ายช่วง 10 ธันวาคมปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,800USD (ราว 59,xxx บาท) แต่จะเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่น และปรับราคาก่อนวางขายทั่วโลกอีกครั้ง

ที่มา: Fujitsu Lifebook

from:https://notebookspec.com/web/543524-ultra-slim-fujitsu-lifebook-634g-uh-x

Dell XPS 13 9310 ใหม่ โน๊ตบุ๊คบางเบา light ขุมพลัง Tiger Lake พร้อม Thunderbolt 4 และ WiFi 6

การมาของซีพียูรุ่นใหม่ Tiger Lake ก็ทำเอาโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายค่าย รีบปรับโมเดลกัน เช่นเดียวกับ Dell ที่ปรับใหม่ XPS 13 9310 ด้วยซีพียู Intel Gen 11 และยังเป็น Evo-certified พร้อม WiFi 6 มาในแบบ 2-in-1 ชอบบางเบา ต้องโดน

โน๊ตบุ๊คบางเบา

Dell XPS 13 จัดเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาในแบบ 2-in-1 รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel Tiger Lake หรือ Gen 11 ใหม่ล่าสุด กับสเปคที่ไม่ธรรมดา มีการปรับโฉมทั้งภายนอกและภายในใหม่ ชูจุดเด่นด้วย Xe Graphic และ Intel Evo-compliant ในเบื้องต้นเป็นการออกแบบโครงสร้างอะลูมิเนียม ด้วยเครื่อง CNC ในโทนสีแพลตินัมซิลเวอร์ และสีดำจากคาร์บอนไฟเบอร์ หน้าจอขนาด 13.4″ ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Full-HD และ UltraSharp 4K UHD+ (3840 x 2400) โดยให้ความสว่างระดับ 500 nits เรียกว่าจัดจ้านสุดในตลาด รองรับ HDR400 และขอบเขตสี sRGB 100% ส่วนในรุ่น FHD+ จะมีค่า Contrast 1800:1 แต่เป็น sRGB 100% เช่นกัน ทั้งสองรุ่นได้การรับรอง Dolby Vision ด้วยเงื่อนไขลดแสงสะท้อนจากหน้าจอ Coating 0.65% และมีมุมมองกว้าง 178 องศา ที่น่าสนใจคือ เป็นหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 6 อีกด้วย

โน๊ตบุ๊คบางเบา

สเปคภายในนั้น XPS 13 9310 ของปี 2020 นี้ จะเป็นการอัพเกรดไปใช้ซีพียู Intel Tiger Lake โดยมีตัวเลือก Intel Core i3-1115G4, Core i5-1135G7 และ Core i7-1165G7 มีให้เลือกแรมตั้งแต่ 8GB – 32GB ความเร็วสูงสุด LPDDR4X-4267 ยกเว้นรุ่น Core i3 ที่ให้ความเร็ว 3733MHz เท่านั้น และ Storage มีให้เลือกตั้งแต่ 256GB, 512GB และ 1TB โดยเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen3 อย่างไรก็ดี SSD และ RAM จะถูกติดตั้งมาบนบอร์ด ไม่สามารถอัพเกรดได้

โน๊ตบุ๊คบางเบา

ในส่วนของคีย์บอร์ด Dell ยังคงใช้ magLev ที่เป็นคีย์บอร์ดแบบเดียวกับใน Gen2 ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อปากกา Dell Premium Active Pen ที่เป็นออพชั่น ตอบสนองต่อแรงกดได้ที่ 4,096 ระดับ ส่วนปุ่มเปิด-ปิดนั้น จะรวมเอาตัวสแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้วย พร้อมกล้องเว็บแคม ที่สนับสนุน Windows Hello ในการเข้าถึงระบบด้วยการสแกนใบหน้า

โน๊ตบุ๊คบางเบา

ด้านการระบายความร้อน ยังคงรูปแบบเดิมของปี 2019 เอาไว้ ประกอบด้วยพัดลมคู่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มีความบาง จึงทำให้มีพื้นที่ว่างภายในสำหรับอากาศที่ไหลเวียนได้ดี และเพิ่มจำนวนใบพัดลมให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณลม พอร์ตต่อพ่วงก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เน้นไปที่พอร์ตหลัก Thunderbolt 4 และมี USB-C และ USB-A รวมถึง microSD card reader พร้อมกับ Combo jack รองรับ WiFi 6 AX1650 Killer และการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 สนนราคาที่เคาะออกมาอยู่ที่ 1,249.99USD หรือประมาณ 41,xxx บาท

ที่มา: Dell

from:https://notebookspec.com/dell-xps-13-9310-tiger-lake-thunderbolt-4/539635/