คลังเก็บป้ายกำกับ: โน๊ตบุ๊กบางเบา

รีวิว Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 มิตรแท้สายประหยัดเอาอยู่ทุกงานออฟฟิศ หัวใจ Ryzen 7000 Series ใหม่แกะกล่อง! ค่าตัว 16,400 บาทเท่านั้น!

Lenovo IdeaPad 1 15AMN7

รีวิว Lenova IdeaPad 1 1

Lenovo IdeaPad เป็นโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าซึ่งผู้ใช้หลายๆ คนมักคิดถึงเมื่อจะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่และมันมีสายตระกูลแยกย่อยไปอีกมากพอควร ส่วน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 รุ่นใหม่ซีพียู AMD Ryzen 7000 Series ก็ยังคงคอนเซปท์โน๊ตบุ๊คสายทำงานราคามิตรรักนักเรียนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่หรือเพิ่งจบใหม่ได้งานทำก็หาโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพดีราคาเพียง 16,400 บาท ถือว่าราคาสมเหตุผลมาก ยิ่งใครทำงานเอกสารหรือเปิดเว็บทำงานผ่านทางเบราเซอร์เป็นหลักล่ะก็ IdeaPad 1 ก็นับว่าเหลือเฟือมาก

Advertisementavw

ด้านบอดี้ตัวเครื่องแม้จะเป็นพลาสติกแต่งานประกอบถือว่าแข็งแรงทนทานและดีไซน์ยังสวยเรียบง่าย น่าจะถูกใจผู้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คบอดี้สวยเรียบง่ายแน่นอน ภายในเครื่องได้ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 ติดตั้งมาให้ หาก SSD ติดเครื่องรันงานได้ไม่เร็วไม่ทันใจก็อัพเกรดไปใช้รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงขึ้นได้และแรมยังเป็น LPDDR5 จึงรับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แม้ทาง Lenovo จะติดตั้งมา 8GB ก็ยังทำงานได้เร็วทันใจไม่เจออาการเครื่องหน่วงทำงานช้าแน่นอน

Lenovo IdeaPad 1 15AMN7

NBS Verdicts

IdeaPad Slim 1 DSC00272

Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 รุ่นใหม่ที่อัพเดทซีพียูเป็น AMD Ryzen 3 7320U แล้วและทาง Lenovo ตั้งราคามาเพียง 16,400 บาท ถือเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานสเปคดีราคาเป็นมิตรกับผู้ใช้มาก เมื่อดูประกอบกับสเปคแล้วก็ถือว่าทาง Lenovo ให้มาคุ้มค่า ได้ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home และแรม 8GB LPDDR5 บัส 5500MHz และจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ด้วยก็นับว่าคุ้มค่าสุดๆ หาคู่เปรียบเทียบในระดับราคาใกล้เคียงกันได้ค่อนข้างยาก ซึ่งรุ่นที่สเปคไล่เลี่ยกันราคาอาจราคาสูงขึ้นไปถึงระดับ 19,990 บาทหรือสูงกว่านั้นได้เลย และน้ำหนักตัวเครื่องยังเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม พอรวมอแดปเตอร์แล้วก็อยู่ราว 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น จึงพกไปไหนมาไหนได้ง่ายไม่ลำบากแน่นอน

นอกจากนี้กราฟิคการ์ดออนบอร์ด AMD Radeon 610M แบบ 2 คอร์ในตัวก็มีประสิทธิภาพสูงพอทำงานกราฟิคหรือใช้เปิดเล่นเกมออนไลน์ก็ใช้งานได้ดีระดับหนึ่งทีเดียวและยังรองรับชุดคำสั่ง AV1 ด้วย เวลาเปิดดู Livestream หรือดูคลิปความละเอียดสูงบน YouTube ก็รันได้ลื่นไหลแถมยังได้พอร์ตพื้นฐานต่างๆ ติดตั้งมาให้ค่อนข้างครบเครื่องไม่ว่าจะ USB-A, USB-C, HDMI หรือแม้แต่ SD Card Reader ก็มีให้ใช้ด้วย จึงไม่ต้องหาพอร์ตมาต่อเสริมให้เปลืองเงินเลย

ด้านข้อสังเกตของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะมีอยู่เล็กน้อย อย่างแรกคือคีย์บอร์ดจะไม่มีไฟ LED Backlit ติดตั้งมาให้ เวลาใช้งานในที่แสงน้อยแล้วผู้ใช้คนไหนไม่ถนัดพิมพ์สัมผัสอาจจะทำงานได้ไม่สะดวกนัก และการอัพเกรดจะทำได้แค่ถอดเปลี่ยน M.2 NVMe SSD ได้อย่างเดียว ดังนั้นผู้เขียนแนะนำให้ใช้งานสเปคเดิมจากโรงงานแล้วหันไปซื้อ External HDD/SSD มาเซฟงานแทนจะสะดวกกว่ามาก

ข้อดีของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7
  1. ติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 3 7320U รุ่นใหม่ประสิทธิภาพดีขึ้นมาให้ใช้จากโรงงานแล้ว
  2.  แรมออนบอร์ดมีความจุ 8GB LPDDR5 บัส 5500MHz ประสิทธิภาพดีและประหยัดแบตเตอรี่
  3. กราฟิคการ์ดออนบอร์ด AMD Radeon 610M ใช้เล่นเกมออนไลน์หรือทำงานได้ดี
  4. จัดการอุณหภูมิในตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี แม้รันงานเต็มที่ตัวเครื่องก็ไม่ร้อนเลย
  5. มีพอร์ตใช้งานติดตั้งมาให้ครบถ้วนทั้ง USB-A, USB-C, SD Card Reader ไม่ต้องใช้ตัวแปลง
  6. มี Privacy Shutter ให้เลื่อนปิด Webcam เมื่อไม่ต้องการใช้งาน เพิ่มความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
  7. หน้าจอสามารถกางได้กว้างมากราว 170 องศา สามารถปรับมุมองศาหน้าจอให้มองได้สะดวก
  8. บอดี้ตัวเครื่องแม้เป็นพลาสติกแต่ก็ประกอบมาได้แข็งแรงทนทานและแกะอัพเกรดได้สะดวก
  9. น้ำหนักเครื่อง 1.5 กิโลกรัม สำหรับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้ว ถือว่าเบาพกพาง่าย
  10. ประสิทธิภาพต่อราคาถือว่าคุ้มค่า เพียง 16,400 บาทก็หาซื้อมาใช้งานได้ง่ายๆ
  11. แบตเตอรี่ 42Wh สามารถใช้งานได้นานถึง 11 ชั่วโมงด้วย Radeon Chill
ข้อสังเกตของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7
  1. แรมเป็นแบบออนบอร์ดจึงอัพเกรดได้เฉพาะ M.2 NVMe SSD เท่านั้น
  2. ไม่มีไฟ LED Backlit ถ้าใช้งานในที่แสงน้อยอาจทำงานไม่สะดวกบ้าง

รีวิว Lenovo IdeaPad 1 15AMN7

Specification

lenovo laptops ideapad 1i gen 7 14 AMD hero

Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานเน้นความคุ้มค่า ราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายคอมพิวเตอร์ชั้นนำเจ้าต่างๆ ได้ ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่อยากเปลี่ยนเครื่องแต่ไม่อยากจ่ายแพงอย่างแน่นอน ซึ่งสเปคของ IdeaPad 1 รุ่นใหม่จะเป็นดังนี้

สเปคของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7
CPU AMD Ryzen 3 7320U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.1GHz
GPU AMD Radeon 610M แบบ 2 คอร์ ความเร็ว 1,900MHz
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB LPDDR5 บัส 5500MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.1 Gen 1 x 1, USB-C 3.2 Gen 1 x 1, HDMI 1.4b x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.58 กิโลกรัม
Price 16,400 บาท

Hardware & Design

IdeaPad Slim 1 DSC00263

IdeaPad Slim 1 DSC00289
IdeaPad Slim 1 DSC00290
IdeaPad Slim 1 DSC00281

ดีไซน์ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะยังใช้บอดี้ร่วมกับ IdeaPad รุ่นก่อนหน้า มีความเรียบง่ายและสีตัวเครื่องเป็นสีเงินตัดกับกรอบหน้าจอสีดำ ทำให้ดูสวยเรียบร้อยและติดสติ๊กเกอร์แสดงคุณสมบัติเด่นและรุ่นซีพียูของตัวเครื่องเอาไว้ตรงที่วางข้อมือฝั่งว้าย ส่วนด้านขวามือจะเป็นป้ายอลูมิเนียมของ Lenovo ติดไว้ ซึ่งเหมือนกันกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นของทางบริษัท ส่วนมุมบนขวาเหนือคีย์บอร์ดจะมีปุ่ม Power และไฟ LED แสดงสถานะติดเอาไว้อีกดวงหนึ่งเพื่อบอกว่า ณ ตอนนี้เครื่องเปิดอยู่หรือไม่

IdeaPad Slim 1 DSC00276
IdeaPad Slim 1 DSC00301
IdeaPad Slim 1 DSC00256
IdeaPad Slim 1 DSC00257

ช่องระบายความร้อนของ IdeaPad 1 จะถูกดีไซน์ซ่อนเอาไว้ขอบส่วนบนเหนือแป้นคีย์บอร์ดและเป็นช่องเล็กเพียงช่องเดียวเท่านั้น เนื่องจากทาง Lenovo ติดตั้งพัดลมโบลวเวอร์เอาไว้เพียงตัวเดียว ก้านบานพับหน้าจอดีไซน์นก้านเดียวขนาดใหญ่ติดเอาไว้และมีฐานขาของหน้าจอติดเอาไว้ด้านในเครื่อง เมื่อลองกางหน้าจอดูแล้วต้องถือว่ามันแข็งแรงไม่มีอาการโยกคลอน ดังนั้นก้านบานพับและชิ้นส่วนขยับได้ของเครื่องนี้ถือได้ว่าแข็งแรงทนทาน กางเปิดพับปิดหลายครั้งไม่เป็นไรอย่างแน่นอน

IdeaPad Slim 1 DSC00275

ด้านดีไซน์ก้านบานพับของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 ถูกออกแบบให้มันกางได้กว้างมากราว 170 องศา มันจึงปรับมุมองศาให้เข้ากับมุมสายตาได้ง่าย จะวางบนโต๊ะทำงานตามปกติหรือวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ใช้ได้สะดวกอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกางให้เพื่อนร่วมงานดูเนื้อหาบนหน้าจอเวลาทำงานด้วยกันได้สะดวกยิ่งขึ้น 

IdeaPad Slim 1 DSC00298

ฝาหลังของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะเป็นพลาสติกสีเงินเหมือนตัวเครื่องแถบโซนคีย์บอร์ด แต่มีเพลตโลโก้ของทาง Lenovo ติดไว้ตรงมุมบนซ้ายมือของตัวเครื่องดูเรียบง่ายไม่รกเกะกะ ถูกใจผู้ใช้ที่ชอบดีไซน์ที่เรียบร้อยไม่หวือหวาอย่างแน่นอน

IdeaPad Slim 1 DSC00240

ฝาใต้ตัวเครื่องเป็นพลาสติกเนื้อด้าน มีแถบยางกันลื่นและรองเครื่องอยู่ไว้ 3 เส้น แบ่งเป็นเส้นสั้น 2 เส้นด้านล่างทั้งสองฝั่งใกล้ๆ กับลำโพงกับแถบยางเส้นยาวที่ขอบบนของฝาใต้ตัวเครื่องเหนือจากช่องนำลมเครื่องไประบายความร้อน มีน็อตหัวแฉก Philips Head 10 ดอกขันล็อคฝาใต้เข้ากับตัวเครื่อง ใช้ไขควงธรรมดาขันถอดใส่เข้ากลับได้ตามต้องการและยังเปิดฝาอัพเกรดได้สะดวกซ่อมเครื่องได้ง่ายมาก

Screen & Speaker

IdeaPad Slim 1 DSC00266

IdeaPad Slim 1 DSC00269
IdeaPad Slim 1 DSC00267
IdeaPad Slim 1 DSC00270
IdeaPad Slim 1 DSC00271

หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ของ Lenovo IdeaPad 1 เป็นจอขอบบางฝั่งซ้ายและขวา ส่วนขอบบนจะหนาขึ้นเพื่อติดตั้งชุดกล้อง, ไฟ LED แสดงสถานะการทำงานของกล้องและไมโครโฟนสำหรับพูดคุยสื่อสารเวลาประชุมออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีบานสไลด์ Privacy Shutter ติดตั้งมาให้สไลด์ปิด Webcam เวลาไม่ต้องการใช้งานได้อีกด้วย แม้จะเป็นฟีเจอร์เล็กน้อยแต่ก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้รู้สึกดีขึ้น เมื่อไม่ต้องการใช้งานและไม่อยากให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเจาะระบบเข้ามาเปิดกล้องโดยพลการก็สามารถสไลด์ปิดกล้องทิ้งได้เลย

ถ้าสังเกต จะเห็นว่าขอบบนหน้าจอจะไม่ได้ราบเป็นระนาบเดียวเหมือนกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปแต่จะทำหยักเป็นสันยื่นขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกับโน๊ตบุ๊คตระกูล Yoga ให้เจ้าของเครื่องกางเปิดหน้าจอได้สะดวกขึ้น

IdeaPad Slim 1 DSC00300

Screenshot 5
luminance
display

อย่างไรก็ตาม หน้าจอของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 แม้จะเป็นพาเนล IPS แต่เป็นเกรดพื้นฐานทั่วไป สามารถมองเห็นภาพและข้อความบนหน้าจอได้กว้าง 178 องศาก็ตาม แต่บางมุมหน้าจออาจจะมีเงาขึ้นมาบนหน้าจอเล็กน้อย และเมื่อทดสอบด้วย DisplayCal 3 และใช้เครื่อง Colorchecker ของ Calibrite วัดค่า Gamut coverage ซึ่งเป็นค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอนี้ได้ 54.8% sRGB, 37.9% Adobe RGB, 38.9% DCI-P3 ส่วน Gamut volume ซึ่งเป็นขอบเขตสีโดยรวมทั้งหมดของจอนี้ทำได้อยู่ที่ 55% sRGB, 37.9% Adobe RGB, 38.9% DCI-P3 มีค่าความเที่ยงตรงสีหรือ Delta-E เฉลี่ย 0.11~4.74 ซึ่งแม้จะแสดงภาพและสีสันบนหน้าจอได้ดีและพอใช้แต่งภาพอัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ก็ตาม แต่ถ้าทำงานอาร์ทแต่งภาพถ่ายจากกล้องแนะนำให้ต่อหน้าจอเฉพาะทางใช้งานจะดีกว่า

ความสว่างหน้าจอที่วัดได้จาก DisplayCal 3 เมื่อปรับความสว่าง 100% จะได้ความสว่าง 234.39 cd/m2 ซึ่งสว่างพอใช้ทำงานในออฟฟิศได้สบายๆ แต่อาจมีเงาสะท้อนตอนมีแสงอาทิตย์ส่องกระทบหรืออยู่นอกอาคารอาจจะสู้แสงในบางโอกาสไม่ได้บ้าง ดังนั้นถ้าใครนั่งทำงานชานนอกร้านกาแฟบ่อยๆ อาจจะใช้งานไม่สะดวกเล็กน้อย

IdeaPad Slim 1 DSC00244
IdeaPad Slim 1 DSC00245
IdeaPad Slim 1 DSC00246
IdeaPad Slim 1 DSC00247

ลำโพงของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 เป็นลำโพงคู่กำลังขับ 3 วัตต์ (1.5 วัตต์ x 2) เมื่อปรับเสียงลำโพงดังสุด 100% แล้ววัดด้วยเครื่องวัดเสียงได้ความดังราว 83dB แต่เนื้อเสียงเมื่อทดลองฟังแล้วโทนเสียงเครื่องดนตรีและนักร้องนำเด่นขึ้นมาและเบสสนับสนุนเสียงได้ระดับหนึ่ง แต่แรงปะทะจะน้อยและไม่โดดเด่นนัก ซึ่งถ้าใช้ประชุมออนไลน์, เปิดดูคลิปและ Podcast ต่างๆ ใน YouTube ก็ถือว่าพอฟังได้ระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่โดดเด่นนักและผู้เขียนแนะนำว่าถ้าต้องการฟังเพลงให้ได้อรรถรสควรต่อลำโพงหรือใส่หูฟังเพลงแทนจะดีที่สุด

Keyboard & Touchpad

IdeaPad Slim 1 DSC00277

IdeaPad Slim 1 DSC00278
IdeaPad Slim 1 DSC00279
IdeaPad Slim 1 DSC00283
IdeaPad Slim 1 DSC00280
IdeaPad Slim 1 DSC00282
IdeaPad Slim 1 DSC00284
IdeaPad Slim 1 DSC00288
IdeaPad Slim 1 DSC00285

คีย์บอร์ดแบบ Full-size ของ Lenovo IdeaPad 1 เป็นคีย์บอร์ดแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่แยกชุดปุ่มลูกศรออกมาจากชุดคีย์บอร์ดปุ่มหลักและมีปุ่ม Function Key ติดตั้งมาให้โดยรวมเอาไว้กับปุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะปุ่มลูกศรที่มี Page Up/Down, Home, End ที่รวมเอาไว้กับปุ่มลูกศร มีปุ่ม Insert อยู่กับ Numpad 0 และเครื่องหมายมหัพภาค (.) เป็นปุ่ม Del ที่ต้องกด Fn ร่วมด้วยถึงจะทำงาน ด้านปุ่ม Function Key ในบรรทัดบนถัดจาก F12 จะมี Insert ซึ่งมีคำสั่ง User Define Key ให้เจ้าของเครื่องตั้งค่าเรียกโปรแกรมหรือคำสั่งอื่นๆ ได้และ Print screen เมื่อกด Fn แล้วจะเรียกโปรแกรม Snipping Tool ขึ้นมาใช้งานได้ ส่วนปุ่ม Esc จะมี Fn Lock ติดตั้งมาให้กดสลับเลเยอร์ของ F1~F12 กับ Function Hotkey ด้วย

ส่วนจุดน่าสนใจของคีย์บอร์ด IdeaPad 1 15AMN7 จะเป็น Multimedia Key เหนือชุด Numpad โดยมีปุ่มเล่น/หยุดเพลงชั่วคราว, หยุดเล่นเพลง, เล่นเพลงก่อนหน้าและปุ่มเล่นเพลงถัดไปติดมาให้ใช้งานเช่นเดียวกันกับโน๊ตบุ๊ค IdeaPad รุ่นก่อนหน้า ช่วยให้ใช้ทำงานได้สะดวกทีเดียว ส่วนตัวปุ่มจะมีระยะกดสั้น ใช้แรงกดเพียงเล็กน้อยก็ทำงานแล้ว แต่อย่างไรก็ตามคีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไม่มีไฟ LED Backlit ติดตั้งมาให้ ซึ่งถ้าใครยังพิมพ์สัมผัสไม่ถนัดอาจใช้งานในที่แสงน้อยไม่สะดวก ซึ่งดูน่าเสียดายอยู่บ้างที่ทาง Lenovo ไม่ได้ใส่ฟังก์ชั่นนี้มาให้ใช้ด้วย

IdeaPad Slim 1 DSC00287

ปุ่ม F1~F12 ของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะมี Function Hotkey ติดตั้งมาให้ใช้งาน โดยคำสั่งจะมีส่วนคล้ายกับ IdeaPad หลายๆ รุ่นและมีคีย์ให้ใช้งานดังนี้

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4 – ปิดหรือเปิดไมค์
  • F5~F6 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F7 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและจอเสริม
  • F8 – Airplane Mode
  • F9 – เปิดคำสั่ง Settings
  • F10 – Windows Lock
  • F11 – ปุ่มคีย์ลัด Windows+Tab เรียกโปรแกรมที่เปิดอยู่ขึ้นมาให้เลือกสลับใช้งาน
  • F12 – เรียกโปรแกรม Calculator

แม้ Function Hotkey ของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะคล้ายกับคีย์ลัดของ IdeaPad หลายๆ รุ่นที่วางจำหน่ายมาก่อนหน้านี้ก็ตามแต่ก็มีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับเครื่องแต่ละรุ่นด้วย และทางบริษัทก็ติดตั้งคีย์ลัดที่จำเป็นต้องใช้งานอย่างคำสั่งเรียก Calculator ตรง F12 ซึ่งอยู่ใกล้ชุด Numpad พอดี ซึ่งถ้าผู้ใช้ปรับตัวได้แล้วก็จะใช้งานได้สะดวกอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนคิดว่าทาง Lenovo ควรจะเปลี่ยนปุ่มเรียกคำสั่ง Settings ของ Windows 11 ออกไปแล้วใส่ปุ่มปิดการทำงานทัชแพดเข้ามาแทนจะดีกว่า เนื่องจากบางครั้งผู้ใช้บางคนอาจจะต่อเมาส์แยกแล้วไม่อยากให้ทัชแพดมารบกวนการทำงานจะได้ปิดทิ้งได้สะดวกยิ่งขึ้น

IdeaPad Slim 1 DSC00291
IdeaPad Slim 1 DSC00293

ทัชแพดของ IdeaPad 1 จะมีขนาดใหญ่และรองรับ Gesture Control ของ Windows 11 ครบถ้วน ใช้งานได้สะดวกพอควร แต่ตัวแป้นจะติดตั้งใกล้มือซ้ายเป็นพิเศษ เวลาวางมือแล้วสันมือซ้ายจะพาดลงไปบนตัวแป้นพอดี แต่ก็ไม่ค่อยเจอปัญหาทัชแพดลั่นอย่างที่ผู้ใช้บางคนกังวลอย่างแน่นอน แต่ถ้าต้องการป้องกันเอาไว้ก่อนก็สั่งปิดการทำงานในคำสั่ง Settings ได้เช่นกัน

Connector / Thin & Weight

IdeaPad Slim 1 DSC00297
IdeaPad Slim 1 DSC00296

พอร์ตและการเชื่อมต่อของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะถูกติดตั้งเอาไว้ด้านข้างตัวเครื่องฝั่งซ้ายและขวา โดยจะมีพอร์ตใช้งานดังนี้

  • ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – USB-A 3.2 Gen 1, HDMI 1.4b, USB-C 3.2 Gen 1 (ใช้ถ่ายโอนไฟล์เท่านั้น), Audio combo
  • ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – SD Card Reader, USB 2.0
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

ถึง IdeaPad 1 15AMN7 จะเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นเริ่มต้นราคาไม่แพง แต่ทาง Lenovo ก็ยังติดตั้งพอร์ตพื้นฐานมาให้ใช้งานค่อนข้างครบถ้วนทีเดียว ไม่ว่าจะ USB-A, USB-C ก็มีให้ใช้งาน แม้แต่ USB 2.0 ก็ยังให้มาด้วยเผื่อใช้ต่อเมาส์คีย์บอร์ดเพื่อทำงาน จะได้ไม่รบกวน USB-A 3.2 ฝั่งซ้ายมือนั่นเอง และยังได้ Wi-Fi 6 อีกด้วย ซึ่งโน๊ตบุ๊คระดับราคานี้บางรุ่นยังเป็น Wi-Fi 5 อยู่ด้วยซ้ำ ก็กล่าวได้ว่าทาง Lenovo ให้พอร์ตมาครบพอใช้งานดีทีเดียว

IdeaPad Slim 1 DSC00235

IdeaPad Slim 1 DSC00239
IdeaPad Slim 1 DSC00236
IdeaPad Slim 1 DSC00308

น้ำหนักของตัวเครื่องในหน้าสเปคนั้นเคลมเอาไว้ 1.58 กิโลกรัม เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วได้ 1.59 กิโลกรัม ถือว่าน้ำหนักใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ เมื่อรวมอแดปเตอร์กำลังชาร์จ 65 วัตต์ น้ำหนัก 320 กรัมเข้าไปแล้ว น้ำหนักสุทธิจะอยู่ที่ 1.91 กิโลกรัมเท่านั้น ถ้าเทียบกับบรรดาโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วด้วยกันแล้ว ต้องถือว่า Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 มีน้ำหนักเบาพกพาง่าย สามารถพกเครื่องติดตัวไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบากจะผู้ชายหรือผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็พกได้สบายๆ แน่นอน 

Inside & Upgrade

IdeaPad Slim 1 DSC00248

การอัพเกรด IdeaPad 1 15AMN7 สามารถขันน็อตที่ล็อคฝาใต้ตัวเครื่องออกแล้วใช้การ์ดแข็งไล่ตามขอบแล้วดึงฝาใต้ตัวเครื่องออกได้ทันที แต่เมื่อดูบนเมนบอร์ดแล้วจะเห็นว่าจุดที่อัพเกรดได้ มีแต่ M.2 NVMe SSD ขนาด M.2 2242 ที่ติดแผ่นเหล็กยืดระยะให้ยาวขึ้นเป็น M.2 2280 เพียงตัวเดียวเท่านั้น หัวอินเตอร์เฟสได้อัพเกรดเป็น PCIe 4.0 แต่แรมของเครื่องนี้จะเป็นออนบอร์ดจึงอัพเกรดอะไรได้ไม่มาก ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าอย่างมากอาจจะถอดเปลี่ยน SSD ตัวหลักเปลี่ยนเป็นรุ่นอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วขึ้นแทนก็พอแล้วหรือจะใช้งานเดิมๆ ไปเลยก็ดีเช่นกันแล้วหาซื้ออุปกรณ์เสริมมาใช้งานควบคู่กันจะดีกว่า

Performance & Software

cpu

mb
ram

ซีพียูของ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 ถูกอัพเกรดมาเป็น AMD Ryzen 3 7320U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.1GHz ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นปรับปรุงรุ่นใหม่ของทาง AMD โดยมีค่า TDP 15 วัตต์ จึงจึดการพลังงานดีใช้งานได้หลายชั่วโมงและขนาดทรานซิสเตอร์ในตัวชิปเล็กเพียง 6 nm

เมนบอร์ดของ IdeaPad 1 นั้น ทาง Lenovo เป็นผู้ผลิตเองและติดตั้งอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 มาให้ใช้งานแล้ว สามารถเลือกติดตั้ง M.2 NVMe SSD ขนาด M.2 2280 รุ่นใหม่ความเร็วสูงได้ มีแรมออนบอร์ดมา 8GB LPDDR5 มีความเร็วรับส่งข้อมูลสูง ใช้เปิดเบราเซอร์และโปรแกรมต่างๆ เอาไว้แล้วใช้งานได้ค่อนข้างลื่นไหลต่อเนื่อง

314002974 619270526469025 4210931403582844625 n

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านอาจยังไม่ทราบวิธีการอ่านรหัสของ AMD Ryzen 7000 Series ว่าเป็นเช่นไร โดยทาง AMD ได้เปลี่ยนวิธีการตั้งชื่อรหัสรุ่นซีพียูใหม่โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2023 นี้เป็นต้นไป โดยวิธีการอ่านชื่อรุ่นตัวเลข 4 หลักกับ 1 ตัวอักษร จะเป็นดังนี้

  • ตัวเลขหลักแรก – ใช้บอก Model Year หรือปีที่ซีพียูรุ่นดังกล่าวเปิดตัว โดยเริ่มจากรหัส 7 คือปี 2023, รหัส 8 คือปี 2024 และรหัส 9 คือปี 2025 และคาดว่าปี 2026 ทาง AMD จะประกาศการใช้ตัวเลขใหม่อีกครั้งหนึ่ง
  • ตัวเลขหลักที่สอง – Segment ของซีพียู โดยซีพียูแต่ละรุ่นจะแยกเป็น Tier ทั้งหมด 2 ระดับ คือ รุ่นธรรมดาและรุ่นบนซึ่งมีตัวเลขสูงกว่า จากภาพคือ
    • X1XX ~ X2XX – Athlon โดย X1XX เป็น Silver และ X2XX เป็น Gold
    • X3XX ~ X4XX – Ryzen 3 ซึ่ง X3XX เป็นรุ่นธรรมดา X4XX เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง
    • X5XX ~ X6XX – Ryzen 5 ซึ่ง X5XX เป็นรุ่นธรรมดา X6XX เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง
    • X7XX ~ X8XX – Ryzen 7 ซึ่ง X7XX เป็นรหัสเฉพาะ Ryzen 7 เท่านั้น ส่วน X8XX อาจะเป็น Ryzen 7 หรือ Ryzen 9 ก็ได้ แต่มีประสิทธิภาพสูง
    • X9XX – รหัสเฉพาะ Ryzen 9 เท่านั้น
  • ตัวเลขหลักที่สาม – บ่งบอกสถาปัตยกรรมของซีพียูว่าเป็นรุ่นใด โดยแบ่งแยกดังนี้
    • 1 – Zen 1 / Zen+
    • 2 – Zen 2
    • 3 – Zen 3 / Zen 3+
    • 4 – Zen 4
    • 5 – Zen 5
  • ตัวเลขหลักที่สี่ – แยกโมเดลในรุ่นว่าเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงหรือรุ่นมาตรฐาน โดยใช้เลข 0 แทนรุ่นมาตรฐานในซีรี่ส์ ถ้าเป็นเลข 5 แทนรุ่นประสิทธิภาพสูง
  • ตัวอักษรท้ายชื่อ – Form Factor และค่า TDP เอาไว้จำกัดความว่าซีพียูตัวนั้นๆ โดดเด่นเรื่องใด
    • HX – รุ่นประสิทธิภาพสูงสุด ค่า TDP 55 วัตต์ขึ้นไป
    • HS – รุ่นประสิทธิภาพสูงเพื่อโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งบางเบาเหรือ Creator ค่า TDP 35 วัตต์ขึ้นไป
    • U – โน๊ตบุ๊คบางเบาคุณภาพสูง (Premium Ultrathin) ค่า TDP 15~28 วัตต์
    • C – ซีพียูเพื่อ Chromebook โดยเฉพาะ ค่า TDP 15~28 วัตต์
    • e – เป็นรุ่นย่อยของรหัส U แต่ถูกออกแบบให้ทำงานแบบไม่ใช้พัดลม ค่า TDP 9 วัตต์

จะเห็นว่าตั้งแต่ AMD Ryzen 7000 Series เป็นต้นไป วิธีการอ่านชื่อเรียกรุ่นของทาง AMD จะถูกเปลี่ยนมาใช้แบบนี้แทน หากใครต้องการทราบว่าซีพียูในโน๊ตบุ๊คของตนเองเป็นแบบใด ก็สามารถยึดตามนี้ได้เลย และหากจำกัดความให้กับ AMD Ryzen 3 7320U ใน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 แล้ว ก็คือ

AMD Ryzen 3 ผลิตในปี 2023 เป็นรุ่นมาตรฐาน สถาปัตยกรรม Zen 2 ผลิตมาเพื่อใช้ในโน๊ตบุ๊คบางเบาประสิทธิภาพสูง ค่า TDP 15~28 วัตต์

gpu z

กราฟิคการ์ดออนบอร์ดของ AMD Ryzen 3 7320U จะเป็น AMD Radeon 610M แบบ 2 คอร์ ความเร็ว 1,900MHz ใช้ประมวลผลกราฟิคต่างๆ ไม่ว่าจะแสดงภาพขึ้นหน้าจอ, ตัดต่อแต่งภาพหรือแม้แต่ใช้ทำงานก็ได้ รองรับชุดคำสั่ง OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan และได้ Ray Tracing ในตัวและยังรองรับการเข้ารหัสแบบ AV1 อีกด้วย

devicemgr

พาร์ทภายในเครื่องเมื่อเช็คใน Device Manager แล้ว นอกจากชิป TPM 2.0 สำหรับใช้ทำงานร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัย Windows 11 และ AMD PSP 10.0 แล้ว ก็ได้ Wi-Fi PCIe Card รุ่น Realtek RTL8852BE ซึ่งรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 ในตัว ซึ่งจากการใช้งานจริง ต้องถือว่าชิป Realtek ตัวนี้ทำงานได้ดีมากและสเปคถือว่าคุ้มค่าอีกด้วย นั่นเพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20,000 บาท มักได้ชิป Wi-Fi 5 เสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า IdeaPad 1 นี้คุ้มค่ามาก

crystaldiskmark

M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB จากโรงงานเป็นของ Samsung รหัส MZAL4256HBJD-00BL2 เมื่อทดสอบความเร็วอ่านเขียนข้อมูลด้วย CrystalDiskMark 8 แล้ว ได้ความเร็ว Sequential Read 1,768.56 MB/s และ Sequential Write 1,337.42 MB/s ซึ่งความเร็วระดับนี้ถือว่าเร็วพอสำหรับโน๊ตบุ๊คทำงานสักเครื่องหนึ่งแล้ว แต่ถ้าผู้ใช้คนไหนคิดว่ายังช้าไปไม่ทันใจจะอัพเกรดเป็นรุ่นอื่นที่มีความเร็วสูงกว่านี้ก็ได้เพราะอินเตอร์เฟส SSD ก็เป็น PCIe 4.0 แล้ว แต่ส่วนตัวผู้เขียนเสนอว่าแทนที่จะเปลี่ยน SSD ก็ขอแนะนำให้ซื้อ External Harddisk/SSD แบบ USB-C สำหรับเซฟงานแยกไปเลยจะดีกว่า

Screenshot 1 1

ประสิทธิภาพของ AMD Ryzen 3 7320U ด้านการเล่นเกม เมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy แล้ว จะได้คะแนนเฉลี่ย 633 คะแนน แยกเป็น CPU score 3,306 คะแนน และ Graphics score 554 คะแนน ซึ่งเป็นระดับคะแนนทั่วไปของโน๊ตบุ๊คพร้อมการ์ดจอออนบอร์ด ในแง่การเล่นเกมต้องถือว่าอยู่ในระดับทั่วไป

จากที่ผู้เขียนทดลองเล่นเกมดูแล้ว AMD Ryzen 3 7320U ใน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 พอเล่นเกมออนไลน์เช่น DotA 2 โดยปรับกราฟิคสูงสุดได้และไม่กระตุกตอนมีเอฟเฟคในเกมเยอะๆ แน่นอน แต่เมื่อเป็นเกมที่เน้นกราฟิคมากขึ้นอย่าง Genshin Impact ต้องปรับกราฟิคระดับ Low แต่ยังเปิดเฟรมเรทระดับ 60 fps ถึงพอจะเล่นได้บ้าง แต่เมื่อเป็นเกมฟอร์มใหญ่อย่าง Resident Evil Village จะเกิดอาการหน่วงและแล็คอย่างเห็นได้ชัด

สรุปได้ว่า IdeaPad 1 ถ้าเล่นเกมเน้นกราฟิคอย่าง Genshin Impact หรือ Resident Evil Village จะไม่เหมาะนักและต้องปรับกราฟิคระดับ Low ถึงจะพอเล่นได้ แต่ถ้าเน้นทางซีพียูเป็นหลักอย่าง DotA 2 จะเล่นได้แน่นอนหรือถ้าเป็นเกม 8-bit และ JRPG พอร์ตมาจากเครื่องคอนโซลก็ไม่มีปัญหา

Screenshot 2

ด้านการทำงาน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 ทำคะแนนเฉลี่ยในโปรแกรมทดสอบอย่าง PCMark 10 ไปได้ 4,162 คะแนน ใช้ทำงานทั่วไปอย่างประชุมงานออนไลน์, เปิดเว็บเบราเซอร์, ทำงานเอกสารได้ดี แต่ด้านการแต่งภาพทำงานอาร์ทต้องถือว่าพอใช้แต่งภาพอัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่ไหลลื่นเท่ากับโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอแยกเพื่อรันงานกราฟิคโดยเฉพาะ ดังนั้นลักษณะการทำงานที่เหมาะกับ IdeaPad 1 เป็นงานเอกสารและเน้นเปิดเว็บทำงานดูหนังฟังเพลงเป็นหลัก หากเป็นนักศึกษา, พนักงานออฟฟิศหรือฝ่ายบัญชีของบริษัทก็เหมาะกับมันอย่างแน่นอน

Screenshot 3
Screenshot 4

การทดสอบจำลองโมเดล 3D ด้วย CINEBENCH R15 จะเห็นว่า Ryzen 3 7320U ทำคะแนน OpenGL ได้ 63.14 fps ได้คะแนน CPU 757 cb ด้านของ CINEBENCH R20 ซึ่งเน้นทดสอบพลังการประมวลผลของซีพียูแล้วจะได้คะแนน CPU 1,787 pts ซึ่งผลคะแนนจากทั้งสองโปรแกรมนี้ถือว่าตัว IdeaPad 1 พอจะใช้รันงานกราฟิคทั่วไป อย่างการตัดต่อหรือแต่งภาพได้และพอใช้พรีวิวโมเดล 3D ได้ระดับหนึ่ง แต่ใช้โมเดลในโปรแกรม Blender อาจจะไม่ไหลลื่นไหลนักแต่ก็พอใช้ทำงานได้ระดับหนึ่ง

vantage 1

นอกจากนี้ ใน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะมีโปรแกรม Lenovo Vantage สำหรับปรับแต่งตัวเครื่อง, อัพเดทเฟิร์มแวร์หรือแม้แต่ต่อประกันภายในตัวได้ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าถ้าใครซื้อ IdeaPad 1 มาใช้งานแล้ว ควรเปิดโปรแกรมนี้มาอัพเดทเฟิร์มแวร์ทั้งหมดควบคู่กับระบบ Windows Update ให้เฟิร์มแวร์ในเครื่องเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเสมอจะได้ทำงานได้ดีที่สุด

Battery & Heat & Noise

IdeaPad Slim 1 DSC00252

แบตเตอรี่ใน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 เป็นแบตเตอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก มีความจุ Typical Capacity 3,735mAh หรือ 42Wh ส่วน Rated Capacity อยู่ที่ 3,635mAh หรือ 40Wh ขนาดตัวแบตเตอรี่ไม่ใหญ่มากและวางตัวยาวสุดขอบลำโพงทั้งสองด้าน

Screenshot 2023 01 27 104148

batt
Screenshot 2023 01 27 122605

ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ โดยลดความสว่างหน้าจอให้เหลือ 50%, ลดเสียงลำโพงเหลือ 10% และใช้โหมด Battery Saver เปิด Microsoft Edge ดู YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่าแบตเตอรี่ 42Wh จะใช้งานได้นานเพียง 6 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งถือว่าไม่นานเท่าที่ควร ถ้าไปพบลูกค้าหรือเข้าห้องเรียนจดเลคเชอร์อาจจะใช้งานได้ไม่จบวัน

ในทางกลับกันวิธีการยืดระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ให้นานยิ่งขึ้นสำหรับโน๊ตบุ๊ค AMD Ryzen โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็น Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 ให้ใช้ AMD Software: Adrenalin Edition ตั้งค่า Graphics Profile เป็น Power Saving และเปิด Radeon Chill และจำกัด Min FPS ให้เหลือ 30 Fps เพื่อลดการใช้พลังงานเกินจำเป็น เปิดความสว่างและเสียงเท่ากันและใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาทีเท่ากัน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 จะใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 10 ชั่วโมง 53 นาที เท่ากับได้เพิ่มมาราว 4 ชั่วโมงครึ่ง จัดเป็นวิธีการตั้งค่าจัดการพลังงานที่ดี ช่วยให้ใช้ทำงานได้นานขึ้นมากและแม้จะจำกัด FPS ลงมาแต่ก็ยังใช้ทำงานออฟฟิศหรือเปิดดูหนังฟังเพลงก็ได้สบายๆ 

IdeaPad Slim 1 DSC00258

normaltemp
gaming temp

นอกจากนี้จุดเด่นของ AMD Ryzen 3 7320U คือเรื่องอุณหภูมิในเครื่องเวลาใช้งาน ซึ่งตอนใช้งานตามปกติแล้วเครื่องจะไม่ร้อนและพัดลมแทบจะไม่หมุนส่งเสียงรบกวนเลย และพอเช็คด้วยโปรแกรม CPUID HWMonitor จะเห็นว่าอุณหภูมิของซีพียูวิ่งอยู่ราว 36~43 องศาเซลเซียสเท่านั้น พอเปิดเกมแล้วปรับโหมดตัวเครื่องเป็น Performance แล้ว อุณหภูมิขึ้นไปเป็น 36~74 องศาเซลเซียส เฉลี่ยราว 48 องศาเซลเซียสเท่านั้น ส่วนเสียงพัดลมแม้จะรันเต็มที่แล้วก็ตามแต่พอวัดด้วยเครื่องวัดเสียงแล้ว เสียงพัดลมดังสุดราว 55dB ซึ่งดังพอได้ยินว่าเครื่องกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่ไม่หนวกหูอย่างแน่นอน

User Experience

IdeaPad Slim 1 DSC00272

ประสบการณ์การใช้งาน Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักมาราว 1 สัปดาห์ ต้องถือว่าโน๊ตบุ๊คราคา 16,400 บาทในยุคปี 2023 นั้นใช้งานได้ดีเกินตัว แม้จะมีแรมแค่ 8GB ก็ตาม แต่พอเป็น LPDDR5 ซึ่งเป็นแรมออนบอร์ดและประสิทธิภาพสูงพอควร ก็สามารถรันงานต่างๆ ให้เสร็จได้เร็วขึ้นมาก ยิ่งถ้าใครทำงานโดยใช้เบราเซอร์ เปิด WordPress, Google Doc ฯลฯ เป็นหลัก ต้องถือว่าพลังของ AMD Ryzen 3 7320U นั้นดีพอใช้ทำงานออฟฟิศต่างๆ ได้ดีมากโดยเฉพาะงานเอกสารหรือแต่งภาพเล็กๆ น้อยๆ เพื่ออัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คก็ถือว่าดีเหลือเฟือพลังประมวลผลเหลือใช้และยังเย็นตลอดเวลาอีกด้วย จัดเป็นตัวเลือกที่น่าใช้มากๆ

ด้านการพกพา น้ำหนัก Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 รวมอแดปเตอร์อยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม ถือว่าไม่หนักเกินไปและเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้วหลายๆ รุ่นต้องถือว่าน้ำหนักเบาใส่กระเป๋าพกไปไหนมาไหนได้สะดวกหรือสาวๆ ที่มีกระเป๋าสะพายใบเล็กจะถือติดมือยกไปไหนมาไหนก็ไม่หนักจนเกินไป เพราะตัวเครื่องอย่างเดียวหนักเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น แต่จากการทดลองใช้งานจริงผู้เขียนไม่แนะนำให้กดโหมด Battery Saver ของ Windows แต่ให้กด Fn+Q ปรับโหมดการทำงานแล้วใช้ควบคู่กับโปรแกรม AMD Software: Adrenalin Edition ที่ได้ยกตัวอย่างไว้ในหัวข้อก่อนหน้าแทน จะทำให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานกว่า และระยะเวลาใช้งานก็อยู่ได้นานใกล้เคียงกับที่โปรแกรม BatteryMon ทดสอบได้จริงด้วย ดังนั้นในแง่แบตเตอรี่และการจัดการพลังงานของ AMD Ryzen 3 7320U นั้นก็ไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าติดใจเล็กน้อยหากใครจะใช้ Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 เครื่องนี้อีก 2~3 ปี อย่างแรกคือเรื่องแรมแม้มีความจุ 8GB LPDDR5 ก็ตาม แต่เมื่อเปิดเบราเซอร์ 10 แท็บและมีโปรแกรมอีกสัก 1~2 โปรแกรม เรื่องจะเริ่มหน่วงอย่างแน่นอน ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้บริหารจัดการโปรแกรมและแท็บเบราเซอร์ให้ดีอย่าเปิดทิ้งเอาไว้เยอะเกินจำเป็นจะดีกว่า เพียงเท่านี้ก็ใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ดีอย่างแน่นอน

Conclusion & Award

Lenovo IdeaPad Slim 1

Lenovo IdeaPad 1 15AMN7 แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คธรรมดาๆ หน้าตาเรียบง่ายบอดี้พลาสติกที่สร้างมาเพื่อนักศึกษาและคนทำงาน ตีตลาดด้วยราคาเบาๆ เพียง 16,400 บาท แต่ได้ซีพียู AMD Ryzen 3 7320U รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานได้ดีเกินตัว ซึ่งทั้ง 4 คอร์ 8 เธรด ในเครื่องนั้นสามารถรันงานพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเปิดเบราเซอร์, ทำงานเอกสารหรือแม้แต่ดูหนังดู YouTube เพื่อความบันเทิงได้สบายๆ และยังจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี เมื่อเปิด Radeon Chill แล้ว แม้จะตั้งค่าความสว่างหน้าจอเอาไว้ 50% ก็ยังใช้งานได้นานสุดร่วม 11 ชั่วโมงทีเดียว ดังนั้นในแง่สเปคต่อราคาถ้าหาเอาไว้ทำงานถือว่าคุ้มมากและน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม กับตัวเครื่อง 15.6 นิ้ว ถือว่าพกง่ายติดตัวไปไหนมาไหนก็สะดวกสบายอีกด้วย

ด้านสเปคต่อราคาระดับนี้ถือว่า IdeaPad 1 15AMN7 เป็นโน๊ตบุ๊คที่เข้ามาเขย่าตลาดโน๊ตบุ๊คราคาต่ำกว่า 20,000 บาทให้มีสีสันได้อีกครั้ง ดังนั้นถ้าทาง Lenovo ทำตลาดและเปิดตัวโน๊ตบุ๊คกลุ่มนี้ออกมาเรื่อยๆ ก็น่าจะจับใจผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าแต่สเปคดีได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

award

award new value

best value

IdeaPad 1 15AMN7 ราคา 16,400 บาท แต่ได้ AMD Ryzen 3 7320U รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้ทำงานออฟฟิศต่างๆ ได้สบายๆ ดีต่อผู้ใช้ที่ยังเรียนอยู่หรือเพิ่งได้งานใหม่ ถือว่าเป็นมิตรต่อกระเป๋าเงินมาก

NBS award 4 Mobility

best mobility

ปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักยืนพื้น 1.8~2.5 กิโลกรัม แต่ IdeaPad 1 15AMN7 มีน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าเบาพกง่าย ติดตัวไปทำงานหรือเข้าห้องเรียนก็ได้สบายๆ

award new Battery Life

best battery life

แบตเตอรี่ 42Wh ปกติแล้วจะอยู่ได้ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเปิด Radeon Chill แล้วก็ใช้งานได้นานสุดร่วม 11 ชั่วโมงทีเดียว ถือว่าระบบจัดการพลังงานของ AMD Ryzen 7320U ทำได้ดีขึ้นมาก ลบข้อครหาว่า AMD แรงแต่กินไฟไปได้อย่างสวยงาม

from:https://notebookspec.com/web/684449-review-lenovo-ideapad-1-15amn7

Advertisement

7 โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท สเปคดี AMD, Intel เลือกได้ จ่ายเบาๆ แค่ 14,890 ก็แรงแล้ว! อัพเดทต้นปี 2023

ปี 2023 นี้มีโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทสเปคดีจ่ายเบาๆ มาให้เลือกเพียบ!

Share image Edit Name 2laptop20k 1

โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท ในช่วงต้นปี 2023 นี้ถือว่าเป็นช่วงราคาไม่แพงมากและยังได้เครื่องสเปคแรงพอใช้ทำงานทั่วไปได้สบายๆ นักเรียนนักศึกษาหรือแม้แต่พนักงานออฟฟิศที่มีโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าอยู่แล้วมันเริ่มทำงานไม่ทันใจ กระตุกบ้างค้างบ้างจนคิดจะเปลี่ยนอยู่ก็เหมาะมากเพราะทาง AMD, Intel ได้เปิดตัวซีพียู Mobile รุ่นใหม่แล้วทางผู้ผลิตหลายๆ เจ้าก็เอามาอัพเกรดให้โน๊ตบุ๊ครุ่นที่ทำตลาดมาก่อนหน้าให้ใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น ดังนั้นช่วงต้นปี 2023 นี้จึงเหมาะจะจ่ายเงินเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่มาใช้งานมาก

Advertisementavw

ผู้อ่านหลายท่านอาจจะคิดว่าโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทนั้นสเปคอาจจะไม่ดีอะไร ทำงานก็ได้แค่เปิดเว็บไซต์ พิมพ์งานนิดหน่อยหรือประชุมงานออนไลนก็แค่พอได้ระดับหนึ่งก็ต้องเสริมความเข้าใจอีกเล็กน้อยว่า ซีพียูจาก AMD, Intel ณ ตอนนี้ได้รับการพัฒนามามาก นอกจากงานพื้นฐานที่ยกตัวอย่างไป ถ้าจะใช้แต่งภาพหรือตัด Vlog สั้นๆ ราว 1~10 นาทีเพื่ออัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ก็ทำได้สบายๆ อย่างแน่นอนและหลายๆ เครื่องก็ได้แรมยืนพื้นมา 8GB แล้ว อาจจะอัพเกรดเพิ่มเติมเป็น 16GB สักหน่อยหรือจะหันไปหาอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เลยก็จะช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นมาก

โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000

สรุปสเปค 7 โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทเพื่อนักเรียนจนพนักงานออฟฟิศ ดีงามแน่นอน

สเปค 7 โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Lenovo V15 Gen 3 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB DDR4
3200MHz

DOS

15.6″ FHD TN

1.7 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

14,890
MSI Modern 15 C5M AMD Ryzen 5 5625U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11
Home

14″ FHD IPS

1.4 กก.

USB 2.0 x 2

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

15,990
Lenovo IdeaPad 3 15IAU7 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11
Home

15.6″ FHD IPS

1.63 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

16,990
Hp 15s-eq2203AU AMD Ryzen 3 5300U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11
Home

15.6″ FHD IPS

1.69 กก.

USB-A 3.1 x 2

USB-C 3.1 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

15,990
DELL Vostro 3420 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11
Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ FHD WVA

1.48 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

18,490
Acer Aspire 3 A315-59-33NG Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11
Home

15.6″ FHD TN

1.78 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

17,050
Acer Aspire 3 A315-24P-R6XV AMD Ryzen 5 7520U

AMD Radeon 610M

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11
Home

15.6″ FHD IPS

1.78 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

18,990

7 โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท สเปคดี ราคาเบาเกรงใจกระเป๋าเงิน!

ผู้อ่านคนไหนที่คิดจะหาซื้อโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทมาใช้ ไม่อยากจ่ายแพงแต่ต้องการสเปคดีทำงานลื่นล่ะก็ ผู้เขียนได้เลือกโน๊ตบุ๊ครุ่นน่าสนใจทั้งหมด 7 รุ่นมาให้เลือกซื้อกัน โดยมีรายชื่อดังนี้

  1. Lenovo V15 Gen 3 (14,890 บาท)
  2. MSI Modern 15 C5M (15,990 บาท)
  3. Lenovo IdeaPad 3 15IAU7 (16,990 บาท)
  4. Hp 15s-eq2203AU (15,990 บาท)
  5. DELL Vostro 3420 (18,490 บาท)
  6. Acer Aspire 3 A315-59-33NG (17,050 บาท)
  7. Acer Aspire 3 A315-24P-R6XV (18,990 บาท)
1. Lenovo V15 Gen 3 (14,890 บาท)

v151

Lenovo V15 Gen 3 เป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท ที่ผู้เขียนแนะนำให้ซื้อมาใช้งาน มันเป็นโน๊ตบุ๊คราคาเบาแต่สเปคใช้ทำงานออฟฟิศได้สบายๆ และได้จอใหญ่ขนาด 15.6 นิ้ว แต่มีข้อสังเกตคือซีรี่ส์ V นี้จะเป็นเครื่องแบบไม่ติดตั้งระบบปฏิบัติการมาให้จากโรงงาน มีแต่ DOS เท่านั้น ซึ่งจะดีต่อผู้ใช้ที่อยากหาระบบปฏิบัติการอย่าง Linux มาติดตั้งแล้วลองใช้งานเองมากกว่า ถ้าเป็นผู้ใช้ทั่วไปอยากได้เครื่องราคาไม่แพงก็ถือว่าซื้อมาใช้งานได้อยู่

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz มาพร้อมกับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB และระบบปฏิบัติการ DOS ติดตั้งมาในเครื่อง แรมจากโรงงานมีอยู่ 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0 ได้ น้ำหนักตัวเครื่อง 1.7 กิโลกรัม ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่หาโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทเอาไว้ทำงานและอยากหาระบบปฏิบัติการมาติดตั้งเองมาก

สเปคของ Lenovo V15 Gen 3
CPU Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0

Software DOS Operating System
Weight 1.7 กิโลกรัม
Price 14,890 บาท (Advice) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่
2. MSI Modern 15 C5M (15,990 บาท)

modern152

โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท รุ่นถัดมาเป็น MSI Modern 15 C5M ที่มีจุดแข็งเรื่องน้ำหนักที่เบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น จึงพกติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวกและซีพียูเป็น AMD รุ่นปรับแต่งพิเศษซึ่งนอกจากประสิทธิภาพจะดีหายห่วงแล้ว ยังจัดการพลังงานได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย

MSI Modern 15 ใช้ซีพียู AMD Ryzen 5 5625U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.3~4.3GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics หน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาจากโรงงาน แรมในเครื่องมี 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตมี USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และรองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว น้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม จึงเหมาะกับเซลส์หรือนักเรียนนักศึกษาที่จะพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนเป็นอย่างมากและราคาก็ไม่แพง จับต้องได้ง่ายอย่างแน่นอน

สเปคของ MSI Modern 15 C5M
CPU AMD Ryzen 5 5625U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.3~4.3GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และรองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.4 กิโลกรัม
Price 15,990 บาท (BaNANA) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่
3. Lenovo IdeaPad 3 15IAU7 (16,990 บาท)

ideapad33

ถ้าหาซื้อโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทแล้วเอาสเปคต่อราคาคุ้ม มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ได้ชุด Numpad เอาไว้พิมพ์ตัวเลขและยังอัพเกรดเพิ่มแรมได้สบาย หาซื้อง่ายต้องยกให้ Lenovo IdeaPad 3 15IAU7 เครื่องนี้เลย และบางครั้งอาจจะมีโปรโมชั่นส่วนลดเพิ่มเติมด้วย

ซีพียูของ IdeaPad 3 ติดตั้ง Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มาให้พร้อม M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB และ Windows 11 Home ในตัว แรมออนบอร์ดในเครื่องมีความจุ 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตของเครื่องนี้มี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 1.63 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครมองหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท สเปคดีคุ้มค่าอัพเกรดต่อได้ IdeaPad 3 คือคำตอบที่น่าสนใจมาก

สเปคของ Lenovo IdeaPad 3 15IAU7
CPU Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 16,990 บาท (BaNANA) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่
4. Hp 15s-eq2203AU (15,990 บาท)

hp4

ด้านแบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Hp ก็มีโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทอย่าง Hp 15s-eq2203AU ให้เลือกซื้อ ซึ่งราคากับสเปคที่ได้จากทางบริษัทจัดว่าคุ้มค่ากันมาก แม้จะยังไม่ได้เป็น Ryzen 7000 Series ก็ตามแต่ประสิทธิภาพของมันยังดีใช้ทำงานต่างๆ ได้สบาย

HP 15s เครื่องนี้ได้ซีพียู AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6~3.8GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics สำหรับแสดงผลขึ้นจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และแรมอีก 8GB DDR4 บัส 3200MHz ติดตั้งมาให้ มีพอร์ต USB-A 3.1 x 2, USB-C 3.1 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0 ได้ น้ำหนักเครื่องเพียง 1.69 กิโลกรัมเท่านั้น นับเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทราคาดีน่าใช้อีกรุ่นที่แค่อัพเกรดแรมก็แรงและใช้งานได้อีกหลายปีอย่างแน่นอน

สเปคของ Hp 15s-eq2203AU
CPU AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6~3.8GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-A 3.1 x 2, USB-C 3.1 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.69 กิโลกรัม
Price 15,990 บาท (BaNANA) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่
5. DELL Vostro 3420 (18,490 บาท)

vostro6

แบรนด์ขวัญใจพนักงานออฟฟิศหลายคนอย่าง DELL ก็มีโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทอย่าง DELL Vostro 3420 ให้เลือกซื้อ ซึ่งจุดเด่นของตระกูล Vostro คือความแข็งแรงทนทานและระบบรักษาความปลอดภัยภายในเครื่องจัดว่าดีหายห่วงและทาง DELL ดีไซน์ให้ขาบานพับของ Vostro รุ่นใหม่กางแล้วยกแป้นคีย์บอร์ดขึ้นเล็กน้อย ทำให้พิมพ์งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ด้านสเปครุ่นแนะนำเป็นซีพียู Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล WVA ติดตั้ง M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้จากโรงงานพร้อมแรมอีก 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0 ได้ มีน้ำหนักเบาเพียง 1.48 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทสเปคดีราคาไม่แพงมากและได้ซอฟท์แวร์ครบเครื่องพร้อมทำงานทันที อาจจะหาอุปกรณ์เสริมอย่างเมาส์ไร้สายหรือ External Harddisk มาใช้ก็ได้

สเปคของ DELL Vostro 3420
CPU Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล WVA
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.48 กิโลกรัม
Price 18,490 บาท (Advice) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่
6. Acer Aspire 3 A315-59-33NG (17,050 บาท)

aspire35

แบรนด์โน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าแต่สเปคดีเกินตัวอย่าง Acer มี Acer Aspire 3 A315-59-33NG ให้เลือกซื้อถ้ามองหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทเอาไว้ทำงานสักเครื่อง โดยจุดเด่นของ Aspire 3 รุ่นนี้คือซีพียู Intel 12th Gen และ Numpad แถมยังอัพเกรดแรมหรือ SSD เพิ่มก็ได้ด้วย

ซีพียูในเครื่องก็ติดตั้ง Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics มาให้เช่นกัน ส่วนหน้าจอเป็นขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้กับแรมอีก 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ด้วย ส่วนน้ำหนักเครื่องถือว่าไม่หนักมาก เพียง 1.78 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครสนใจโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทเครื่องนี้อยู่แล้วสามารถอ่านรีวิวได้ที่นี่

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-59-33NG
CPU Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN
Connectivity USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.78 กิโลกรัม
Price 17,050 บาท (Advice) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่
7. Acer Aspire 3 A315-24P-R6XV (18,990 บาท)

aspire38

โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทรุ่นสุดท้ายที่เลือกมาแนะนำเป็น Acer Aspire 3 A315-24P-R6XV ซึ่งอิงบอดี้และจุดเด่นคล้าย Aspire 3 ในข้อก่อนหน้าแทบทั้งหมดและยังอิงสเปคบางส่วนร่วมกันด้วย แต่รุ่นนี้เป็น AMD Ryzen 5 7520U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.8~4.3GHz และการ์ดจอ AMD Radeon 610M และใช้พาเนลหน้าจอ IPS แทน ได้แรมออนบอร์ด 8GB LPDDR5 บัส 4800MHz ติดตั้งพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 แทน เป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาท สเปคทางเลือกเพื่อผู้ที่ต้องการใช้ซีพียู AMD ก็หันมาซื้อรุ่นนี้ไปใช้งานได้เลย

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-24P-R6XV
CPU AMD Ryzen 5 7520U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.8~4.3GHz
GPU AMD Radeon 610M
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB LPDDR5 บัส 4800MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.78 กิโลกรัม
Price 18,990 บาท (ราคากลาง) คลิ๊กเพื่อชมสเปคโดยละเอียดที่นี่

vostro 1

ต้องถือว่า ณ ปี 2023 นี้ โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 บาทนั้นสเปคดีขึ้นมากและน่าใช้งานกว่าเดิมหลายเท่า หากใครคิดจะซื้อเอาไว้ทำงานอย่างเดียวแล้วไม่อยากได้เครื่องสเปคแรงราคาสูงเกินความจำเป็นก็หันมาดูโน๊ตบุ๊คเหล่านี้เอาไว้ใช้ได้เลย และส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าใครใช้โน๊ตบุ๊คมานานระดับหนึ่งแล้วก็อยากให้อัพเกรดเป็นเครื่องใหม่เพื่อให้มันทำงานได้ดีพอใช้รันงานต่างๆ ในปัจจุบันได้โดยไหลลื่น แล้วจะขายเครื่องเก่าหรือยกให้คนใกล้ตัวก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านแต่ละท่านได้เลย 


บทความที่เกี่ยวข้อง

Razer Naga V2 Pro 1

Share image Edit Name 1g15 1

Share image Edit Name 1katanagf66gen12

from:https://notebookspec.com/web/683680-7-laptop-under-20000-baht-2023

9 โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ ลดเพิ่ม 4,000 ได้ของแถมเพียบ! ผ่อนนาน 24 เดือน ซื้อตอนนี้คุ้มสุดๆ !!

รวมโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรับเดือนมกราคม 2023 นี้เพื่อคนทำงานและเกมเมอร์แบบเต็มๆ !!

ร่วม 9 โน๊ตบุ๊ค BaNANA 1

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อในเดือนมกราคม 2023 นี้ ทางร้านได้จัดโปรฯ น่าสนใจต้อนรับเดือนแรกของปีให้คนที่มีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าที่ตะลุยงานกับเจ้าของมาด้วยนานหลายปีจนตอนนี้มันเริ่มไม่เร็วทันใจอย่างที่ควรแล้ว ให้ได้ซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ซีพียู Intel รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงไปใช้งานกัน โดยในโปรโมชั่นครั้งนี้รวมโน๊ตบุ๊คทั้ง Intel 11th Gen ประสิทธิภาพดีทั้งทำงานและเล่นเกมและ Intel 12th Gen รุ่นใหม่สถาปัตยกรรมผสมคอร์ 2 ชุดที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมมากทั้งการทำงานและจัดการพลังงาน แถมยังเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน 2566 อีกด้วย

Advertisementavw

สำหรับโปรโมชั่นของร้าน BaNANA ครั้งนี้จะร่วมกับโน๊ตบุ๊คซีพียู Intel ที่มีขายในร้าน ใช้โค้ดส่วนลดกับรุ่นที่ร่วมรายการได้สูงสุด 1,000 / 2,000 / 4,000 บาท โดยทางร้านจะขึ้นโค้ดส่วนลดเป็นพิเศษเอาไว้คู่กับโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ โดยเฉพาะ, เลือกผ่อนกับบัตรเครดิตได้นานสุด 0% 24 เดือนผ่านทาง SCB Easy App ได้และเมื่อสั่งซื้อแล้วยังรอรับสินค้าที่หน้าร้านได้ภายใน 1 ชั่วโมงอีกด้วย ได้ความรวดเร็วทันใจผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ไว้ทำงานมาก และบางรุ่นยังได้ของสมนาคุณเอาไว้ใช้งานเพิ่มเติมด้วย

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ

9 โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ พร้อมโปรโมชั่นเด็ด ส่วนลดเพียบผ่อนได้ตามสะดวก!

BNN Cover intel Brand Fair 160123 310123 category banner medium 1

สำหรับโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของร้าน BaNANA ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะมีโค้ดใช้งาน 3 รหัสตามภาพแบนเนอร์ข้างต้นนี้ และยังเอาไปใช้งานกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่ร่วมรายการได้อีกด้วย สำหรับผู้ใช้คนไหนที่มีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอยู่แล้วมองหาโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นใหม่ในโปรโมชั่นนี้มาใช้งาน ผู้เขียนได้เลือกรุ่นน่าสนใจมาทั้งหมด 9 รุ่น ผสมกันทั้ง Intel 11th Gen และ 12th Gen โดยมีรายชื่อดังนี้

  1. Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA (12,990 บาท)
  2. Acer Aspire Vero AV15-51R-52JY (23,990 บาท)
  3. Hp 15s-fq5083TU (26,990 บาท)
  4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA (30,990 บาท)
  5. MSI GF66 Katana 12UCO-637TH (31,990 บาท)
  6. Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 (32,990 บาท)
  7. Acer Nitro 5 AN515-58-50WD (35,990 บาท)
  8. Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL (49,990 บาท)
  9. ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W (99,990 บาท)
1. Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA (12,990 บาท)

Lenovo Notebook IdeaPad L3 15ITL6 01

 

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นแรกในโปรโมชั่นครั้งนี้ ผู้เขียนเลือก Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA มาแนะนำ นั่นเพราะเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงมากแต่สเปคน่าใช้และมีบานชัตเตอร์ปิดกล้อง Webcam เมื่อไม่ต้องการใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีชุด Numpad ติดตั้งมาให้ทำงานได้สะดวก หากอัพเกรดแรมไปเป็น 8~16GB ก็ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นแน่นอน

สเปคเครื่องนี้ได้ซีพียู Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics มาใช้ทำงานและแสดงผลขึ้นหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS ได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2933MHz ซึ่งถ้าอัพเกรดเพิ่มเติมก็ทำงานและเรียนได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน มีพอร์ต USB-C 3.2 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ในตัว ส่วนน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นแรกที่ผู้เขียนแนะนำและยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางครอบครัว, ผ่อนชำระ 0% ได้ 24 เดือนและยังได้ของแถมที่ร่วมรายการอีกด้วย

สเปคของ Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA
CPU Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2933MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS
Connectivity USB-C 3.2 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 2.2 กิโลกรัม
Price 12,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
2. Acer Aspire Vero AV15-51R-52JY (23,990 บาท)

Aspire Vero AV15 51R 52JY 01

 

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นถัดมาเป็นโน๊ตบุ๊คบอดี้รักษ์โลกอย่าง Acer Aspire Vero AV15-52JY ที่ได้ลวดลายพิเศษที่ร่วมกับนิตยสาร National Geographic เพื่อสื่อถึงการรักษ์โลกอีกด้วย บอดี้ตัวเครื่องนอกจากสวยแข็งแรงดูดีและทำจากพลาสติกรีไซเคิล PCR และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ยังใช้โค้ดส่วนลด BNINTBFJ40 ลดราคาได้อีก 4,000 บาทพร้อมรับของสมนาคุณเพิ่มด้วย

ซีพียูของ Aspire Vero ติดตั้ง Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มาให้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้พร้อมแรมออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.0 x 2, USB-C 3.0 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ในตัว น้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครหาโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นพิเศษเอาไว้ใช้งาน แนะนำให้ดู Aspire Vero รุ่นนี้เอาไว้ได้เลย

สเปคของ Acer Aspire Vero AV15-51-76YC
CPU Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.0 x 2, USB-C 3.0 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

Weight 1.8 กิโลกรัม
Price 23,990 บาท ใช้โค้ดส่วนลดได้ 4,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
3. Hp 15s-fq5083TU (26,990 บาท)

HP Notebook 15s fq5083TU Silver 01

 

Hp 15s-fq5083TU เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อสำหรับคนหาโน๊ตบุ๊คทำงานโดยเฉพาะ โดยจุดเด่นของมันคือได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, Numpad สำหรับพิมพ์ตัวเลข, สเปคจบจากโรงงานพร้อมใช้ไม่ต้องเสียเวลาอัพเกรด ด้านน้ำหนักยังเบาเพียง 1.69 กิโลกรัมเท่านั้น ด้านซีพียูได้ Intel 12th Gen ในตัวอีกด้วย เรียกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากอาจจะซื้อซอฟท์แวร์ทำงานอย่าง Microsoft Office เพิ่มหน่อยก็พอ ส่วนโปรโมชั่นเมื่อซื้อเครื่องแล้วยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางสำหรับครอบครัวและของแถมเพิ่มเติมและผ่อน 0% ได้นาน 24 เดือนอีกด้วย

ซีพียูของ HP 15s ติดตั้ง Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-C 3.1 x 1, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ ซึ่งถ้าดูโดยรวมต้องถือว่า HP เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อเพื่อสายทำงานและราคาก็ไม่เกิน 30,000 บาท จัดว่าไม่ถูกไม่แพงแต่แรงไว้ใจได้ด้วย หากใครใช้โน๊ตบุ๊คซีพียูรุ่นเก่าอย่าง Intel 8th Gen อยู่แนะนำให้ลงทุนอัพเกรดมารุ่นนี้รับรองว่าถูกใจทำงานดีขึ้นมากแน่นอน

สเปคของ Hp 15s-fq5083TU
CPU Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-C 3.1 x 1, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.69 กิโลกรัม
Price 26,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA (30,990 บาท)

Screenshot 2023 01 16 145918 1

 

หากใครรันโปรแกรมใหญ่กินทรัพยากรเครื่องมากๆ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะมันได้รับการรับรอง Intel Evo ว่าเครื่องเบาพกพาง่ายเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เสถียรรวดเร็ว, จอ OLED สีสันสวยสดขอบเขตสีกว้าง, กางหน้าจอได้ 180 องศา, ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 Full Function ต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ มี Microsoft Office แท้และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย นับว่าคุ้มครบเครื่องสุดๆ

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED HDR อัตราส่วน 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 120Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ มีแรมในเครื่อง 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, USB 2.0 x 1, HDMI 2.0 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11 ax รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ในตัว น้ำหนักเพียง 1.63 กิโลกรัม นับเป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นที่ผู้เขียนแนะนำเป็นส่วนตัวถ้ากำลังอยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่มาใช้งาน

สเปคของ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED HDR อัตราส่วน 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 120Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, USB 2.0 x 1, HDMI 2.0 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11 ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 30,990 บาท ใช้โค้ดส่วนลดได้ 1,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
5. MSI GF66 Katana 12UCO-637TH (31,990 บาท)

MSI Notebook Katana GF66 12UCO 01

 

ด้านเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ สเปคดุดันไว้ใจได้ มี MSI GF66 Katana 12UCO-637TH ให้เลือก ซึ่ง MSI Katana รุ่นใหม่ๆ นี้ทางบริษัทได้ปรับแต่งระบบระบายความร้อนให้จัดการอุณหภูมิได้ดีขึ้นแถมยังให้ฟีเจอร์ด้านการเล่นเกม เช่น เปิดเป้าเล็งปืน Crosshair ขึ้นมาค้างบนหน้าจอและเร่งระบบระบายความร้อนให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นแถมยังอัพเกรดเพิ่มแรมและ SSD ได้ ด้านราคานับว่าไม่แพงเกินและยังมีโปรโมชั่นแลกซื้อกระเป๋าเดินทางและของแถมร่วมรายการจาก BaNANA เข้ามาเสริมด้วย หากใครสนใจอยากอ่านรีวิว MSI Katana จะมีรุ่นเทียบเคียงที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ให้อ่านได้ที่นี่

ซีพียูใน MSI Katana เครื่องนี้เป็น Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz ใช้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home พร้อมแรม 8GB DDR5 บัส 4800MHz รองรับการอัพเกรดได้ถึง 64GB มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 2.25 กิโลกรัม หากใครหาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ ราคาสามหมื่นบาทต้นๆ อยู่ล่ะก็ แนะนำให้ดู MSI Katana รุ่นนี้เอาไว้รับรองคุ้มแน่นอน

สเปคของ MSI GF66 Katana 12UCO-637TH
CPU Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
Weight 2.25 กิโลกรัม
Price 31,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
6. Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 (32,990 บาท)

Lenovo IdeaPad Gaming 3i 01

 

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อต้องรวมถึง Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 เครื่องนี้ที่ได้บอดี้ของ Lenovo Legion มาใช้งานด้วย ซึ่งนอกจากระบายความร้อนได้ดีและบอดี้สวยดูแข็งแรงแล้ว ยังอัพเกรดเพิ่ม RAM, SSD เพิ่มได้ง่ายและมีไฟ LED Backlit ติดมาให้ มี Thunderbolt 4 แบบ Full Function ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ได้ จอมีขอบเขตสีหน้าจอยังกว้างพอใช้ทำงานอาร์ทได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวได้ที่นี่ และเมื่อซื้อกับทางร้าน BaNANA ยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางและได้รับของสมนาคุณพร้อมกันอีกด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 และจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรมในเครื่อง 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.0 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน  802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนักตัวเครื่อง 2.31 กิโลกรัม นับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อที่หน้าตาเรียบร้อยเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานธรรมดาแต่สเปคโดยรวมนับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเต็มตัวได้เลย หากใครมองหาโน๊ตบุ๊คสไตล์นี้อยู่ก็น่าซื้อเครื่องนี้ไปใช้งานมาก

สเปคของ Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
Connectivity USB-A 3.2 x 2, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.0 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน  802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.31 กิโลกรัม
Price 32,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
7. Acer Nitro 5 AN515-58-50WD (35,990 บาท)

Acer Notebook Nitro AN515 58 01

 

Acer Nitro 5 AN515-58-50WD เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อบอดี้ใหม่ซึ่งทางผู้ผลิตติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 แบบ Full Function ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่คืนให้เครื่องได้ หน้าจอมีขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้แต่งภาพทำงานอาร์ทได้สบายๆ และติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้และยังอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ได้ด้วย หากใครอยากได้ Nitro 5 เครื่องนี้สามารถใช้โค้ด BNINTBFJ10 เพื่อรับส่วนลด 1,000 บาทได้และยังได้รับของสมนาคุณเพิ่มเติมอีกด้วย หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ซีพียูของ Nitro 5 เป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มาให้ รองรับการอัพเกรดเพิ่มเติม ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ต้องถือว่า Nitro 5 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อและเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไม่กี่รุ่นที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ใช้จากโรงงาน

สเปคของ Acer Nitro 5 AN515-58-50WD
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 2.5 กิโลกรัม
Price 35,990 บาท ใช้โค้ดส่วนลดได้ 1,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
8. Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL (49,990 บาท)

Acer Notebook Predator PH315 01

 

Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL แม้จะตกรุ่นไปบ้างแล้วแต่ก็ยังเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้ออยู่ดี เพราะนอกจากทางร้านจะลดราคาจากตอนเปิดตัวมา 10,000 บาทแล้ว สเปคยังแรงพอใช้เล่นเกมฟอร์มใหญ่ในปัจจุบันนี้ได้สบายๆ ได้ของสมนาคุณเมื่อสั่งซื้อและยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางได้ด้วย ด้านจุดเด่นนอกจากได้แป้นคีย์บอร์ด Full-size มีไฟ RGB ตั้งสีได้รายปุ่มแล้ว ระบบระบายความร้อนยังออกแบบมาดี มีปุ่ม Turbo สำหรับเร่งประสิทธิภาพให้เฟรมเรทตัวเครื่องสูงขึ้นด้วย

สเปคของเครื่องนี้เป็นซีพียู Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.5~4.9GHz ใช้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz ด้านพอร์ตมี Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1, USB-A 3.2 x 3, Mini DisplayPort x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ต้องถือว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อที่แม้จะเปิดตัวมาสักพักและมีรุ่นใหม่แล้ว แต่ราคาจัดว่าคุ้มค่าและยังเล่นเกมฟอร์มยักษ์ ณ ปี 2023 นี้ได้สบายๆ หรือจะเเอามาทำงานครีเอเตอร์ก็ดีไม่แพ้กันเลย

สเปคของ Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL
CPU Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.5~4.9GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1, USB-A 3.2 x 3, Mini DisplayPort x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 2.5 กิโลกรัม
Price 49,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
9. ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W (99,990 บาท)

4711081612940 01

 

ปิดท้ายด้วยเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ สเปคแรงอลังการอย่าง ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W ซึ่งตอนนี้ลดราคาจากตอนเปิดตัวมา 20,000 บาท เหลือ 99,990 บาท ติดตั้งฟีเจอร์น่าใช้มาให้เต็มที่ไม่ว่าจะระบบระบายความร้อนชั้นสูงด้วยโลหะเหลว, หน้าจอค่า Refresh Rate 300Hz หรือแม้แต่ชิป ROG Keystone II ซึ่งมีลูกเล่นปรับโหมดการใช้งานเมื่อใส่เข้าหรือถอดออกก็ได้พร้อมลำโพง Dolby Atmos คุณภาพสูงและยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่ได้กล่าวไว้ในรีวิวรุ่นในซีรี่ส์นี้ด้วย หากใครไม่อยากประกอบเกมมิ่งพีซีให้ลำบากก็ซื้อเครื่องนี้ไปต่อหน้าจอแยกเพื่อทำงานหรือเล่นเกมได้เลย

ซีพียูใน ROG Strix SCAR 15 เป็น Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.8~5.0GHz ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti แรม 16GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 300Hz ตอบโจทย์เกมเมอร์มากๆ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้กับแรมอีก 32GB DDR5 บัส 4800MHz เอาไว้ใช้งาน ด้านพอร์ตมี Thunderbolt 4 Full Function x 1, USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery, DisplayPort, NVIDIA G-SYNC x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 2.3 กิโลกรัม

สเปคของ ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W
CPU Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.8~5.0GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti แรม 16GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 32GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 300Hz
Connectivity Thunderbolt 4 Full Function x 1, USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery, DisplayPort, NVIDIA G-SYNC x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.3 กิโลกรัม
Price 99,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)

สรุปสเปค 9 โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ รวมทั้งสายเกมมิ่งและทำงานครบเครื่อง

รวมสเปคโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity ราคา
(บาท)
Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA Intel Core
i3-1115G4

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2933MHz

Windows 11 Home

15.6″ HD IPS

2.2 กก.

USB-C 3.2 x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

12,990
 Acer Aspire Vero AV15-52JY Intel Core
i5-1155G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.8 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.0 x 2

USB-C 3.0 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

23,990

ลดได้ 4,000

Hp 15s-fq5083TU Intel Core
i7-1260P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.69 กก.

USB-C 3.1 x 1

USB-A 3.1 x 2

HDMI x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

26,990
ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.5″ 2.8K
(2880×1800)
OLED HDR

100% DCI-P3

Refresh Rate
120Hz

1.63 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

USB 2.0 x 1

HDMI 2.0 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

30,990 
ลดได้ 1,000
MSI GF66 Katana 12UCO-637TH Intel Core
i7-12650H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
144Hz

2.25 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

31,990
Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
165Hz

2.31 กก.

USB-A 3.2 x 2

Thunderbolt 4 x 1

HDMI 2.0 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

32,990
Acer Nitro 5 AN515-58-50WD Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
165Hz

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

35,990

ลดได้ 1,000

Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL Intel Core
i9-11900H

NVIDIA GeForce RTX 3060

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ QHD
(2560×1440)
IPS

Refresh Rate
165Hz

100% DCI-P3

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 Gen 2 x 1

USB-A 3.2 x 3

Mini DisplayPort x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

49,990
ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W Intel Core
i9-12900H

NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti

M.2 NVMe
1TB

32GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
300Hz

2.3 กก.

Thunderbolt 4 Full Function x 1

USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery, DisplayPort, NVIDIA G-SYNC x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

99,990

vinayak sharma AWSHg2mK Ho unsplash 1

ต้องถือว่าทาง BaNANA นั้นจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อผู้ใช้ที่อยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คได้อย่างน่าสนใจ มีทั้งโค้ดส่วนลดและแลกซื้อสินค้าต่างๆ เพิ่มได้อีกมาก ซึ่งถ้าใครมีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊ค ผู้เขียนก็อยากแนะนำให้ซื้อในงานอีเว้นท์ลดราคาครั้งนี้ได้เลย และนอกจาก 9 รุ่นในบทความนี้ก็ยังมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกซื้ออีกหลากหลายรุ่นทีเดียว หากใครสนใจผู้เขียนก็แนะนำให้เปิดดูที่ลิ้งค์นี้แล้วสั่งซื้อรุ่นที่ต้องการได้เลย


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 3vero 1

Share image Edit Name 1katanagf66gen12

Share image Edit Name 2predatorhelios 1

from:https://notebookspec.com/web/682826-9-recommend-laptop-from-banana-it

4 โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 น่าใช้ จะเน้นเบาหรือเกมมิ่งก็มี เริ่ม 29,990 บาท

รวมโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 รุ่นน่าซื้อช่วงปลายปี 2022 รวมทั้งสายทำงานและเกมมิ่งเลย

Share image Edit Name 1aceri5 1

หลังจากที่แนะนำโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i7 ไปก่อนหน้านี้แล้ว โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 ซึ่งทางบริษัทอัพเกรดซีพียูเป็น Intel 12th Gen แล้วก็จัดว่าน่าใช้ไม่แพ้กัน โดยซีพียู Intel ดังกล่าวมีคอร์ติดตั้งมาให้ 2 ชุด ได้แก่ P-Core สำหรับรันงานต่างๆ ซึ่งผู้ใช้กำลังใช้ทำงานอยู่และมี E-Core คอยซัพพอร์ตโดยเอาไว้จัดการงานเบื้องหลังของระบบ Windows เอง อย่างใช้รันระบบต่างๆ ของ Windows และโปรแกรมที่รันตัวเองในระบบเบื้องหลัง (Background) ให้ไม่ดึงประสิทธิภาพของ P-Core จนทำงานได้ไม่เต็มที่ จัดเป็นการดีไซน์ชุดคอร์ที่ดีทีเดียว

Advertisementavw

นอกจากได้ซีพียู Intel รุ่นใหม่แล้ว ทาง Acer ยังเอาไปติดตั้งในโน๊ตบุ๊คหลากหลายซีรี่ส์ ไม่ว่าจะเน้นคุ้มอัพเกรดได้ราคาต่อฟีเจอร์คุ้มค่าอย่าง Aspire, รุ่นน้ำหนักเบาฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่าง Swift และสายเกมมิ่งอย่าง Nitro 5 ก็มีให้เลือก ครบทุกสไตล์ตอบโจทย์ทุกรูปแบบว่าอยากได้โน๊ตบุ๊คประเภทไหนไว้ทำงานก็มีให้ใช้ และข้อดีอีกอย่างของโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 คือประสิทธิภาพของมันก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Intel Core i7 เลย แต่ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าพอควร ทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนสนใจมากกว่าด้วย

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5

สรุปสเปคซีพียูของโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 มีให้ใช้กี่คอร์กี่เธรดกันนะ?

acer laptop swift 3 pick up and go l 1

สิ่งสำคัญจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ Intel 12th Gen คือ เมื่อมีคอร์ 2 ชุดติดตั้งเอาไว้ในซีพียูตัวเดียว ทาง Intel ก็เขียนจำนวนคอร์เธรดทั้งหมดรวมกันจนดูมีปริมาณเยอะ แต่ให้ดีควรดูข้อมูลเชิงลึกด้วยว่า Intel ใส่ P-Core, E-Core มาเท่าไหร่ โดยซีพียูของโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 ในบทความนี้จะมีทั้งหมด 2 รุ่นดังนี้

สเปคซีพียู Intel Core i5 คอร์, เธรด ความเร็ว ค่า TDP การ์ดจอ สถาปัตยกรรม
Intel Core
i5-1240p
12 คอร์
16 เธรด

แยกเป็น

4 P-Core
8 E-Core

3.3~4.4GHz 20 วัตต์ Intel Iris Xe Graphics Intel 7
Intel Core
i5-12500H
12 คอร์
16 เธรด

แยกเป็น

4 P-Core
8 E-Core

3.3~4.5GHz 35 วัตต์ Intel Iris Xe Graphics Intel 7

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 ทั้ง 4 รุ่น ถูกใจสายเกมมิ่งและทำงาน

สเปคโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Aspire 7 A715-51G-51HN Intel Core
i5-1240P

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD
IPS

Refresh Rate 144Hz

2.15 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

29,990
Acer Swift 3 SF314-71-50E8 Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K HDR
(2880×1800)
OLED

1.4 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

31,990
Acer Nitro 5 AN515-58-52BB Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

35,990
Acer Nitro 5 AN515-58-56HV Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800MHz

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

45,990

4 โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 รุ่นน่าใช้ ทำงานได้ เล่นเกมก็ดี ซื้อเอาไว้ใช้เวิร์คแน่นอน

ผู้ใช้คนไหนที่มองหาโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 ณ ช่วงปลายปี 2022 แล้วจะใช้ทำงานไปอีก 3-4 ปี ล่ะก็ ทาง Acer ก็มีโน๊ตบุ๊คทั้งสายทำงานและเกมมิ่งให้เลือก โดยผู้เขียนเลือกรุ่นน่าสนใจมาให้ทั้งหมด 4 รุ่น โดยมีชื่อรุ่นดังนี้

  1. Acer Aspire 7 A715-51G-51HN (29,990 บาท)
  2. Acer Swift 3 SF314-71-50E8 (31,990 บาท)
  3. Acer Nitro 5 AN515-58-52BB (35,990 บาท)
  4. Acer Nitro 5 AN515-58-56HV (45,990 บาท)
1. Acer Aspire 7 A715-51G-51HN (29,990 บาท)

aspire7i5 1

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 เครื่องแรกเป็นรุ่น Acer Aspire 7 A715-51G-51HN ซึ่งจุดเด่นของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ นอกจากได้การ์ดจอแยก NVIDIA ติดตั้งมาให้ใช้ทำงานกราฟิคตัดต่อและเล่นเกมได้ระดับหนึ่งแล้ว ยังได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับหน้าจอค่า Refresh Rate 144Hz อีกด้วย เหลือแค่อัพเกรดแรมเป็น 16GB DDR4 เท่านี้ก็น่าใช้งานมากแล้ว

ซีพียูเป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มาให้ใช้ ตัวเครื่องมีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ได้ในตัว ส่วนน้ำหนักเครื่อง 2.15 กิโลกรัม จากสเปคต้องถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 ที่น่าสนใจ ใช้ทำงานได้เล่นเกมก็ดีและหน้าตาก็เรียบร้อยดีด้วย

สเปคของ Acer Aspire 7 A715-51G-51HN
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.15 กิโลกรัม
  • Price : 29,990 บาท (BaNANA)
2. Acer Swift 3 SF314-71-50E8 (31,990 บาท)

swiftoled 1

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 รุ่นถัดมาก็ยังเป็นสเปคสายทำงานอย่าง Acer Swift 3 SF314-71-50E8 ซึ่งทางบริษัทอัพเกรดพาเนลหน้าจอเป็น OLED และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับ Microsoft Office ตัวเต็มมาให้และยังออกแบบให้ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโลกรัม มันจึงพกติดกระเป๋าไปไหนมาไหนได้ง่ายด้วย

ซีพียูได้รุ่น Intel Core i5-12500H มี 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K HDR (2880×1800) พาเนล OLED ติดตั้ง M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB พร้อม Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ มีแรม 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz ให้ใช้งาน พอร์ตมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 หากใครหาซื้อโน๊ตบุ๊คบางเบาพกพาสะดวก สเปคดีทำงานไหลลื่นก็ซื้อ Swfit 3 รุ่นนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-71-50E8
  • CPU : Intel Core i5-12500H มี 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K HDR (2880×1800) พาเนล OLED
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (BaNANA)
3. Acer Nitro 5 AN515-58-52BB (35,990 บาท)

nitro51 1

ด้านเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 สำหรับเล่นเกมและทำงานครีเอเตอร์อย่างตัดต่อหรือแต่งภาพได้ด้วยมี Acer Nitro 5 AN515-58-52BB รุ่นดีไซน์บอดี้ตัวเครื่องใหม่และติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 ให้เลือกซื้อ หากผู้ใช้คนไหนสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ซีพียูเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz จับคู่การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 กับหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz จากโรงงาน ไม่ต้องอัพเกรดก็ได้เช่นกัน ส่วนพอร์ตมี Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ส่วนน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 รุ่นนี้ถือว่าครบเครื่องไม่ต้องเสียเงินอัพเกรดก็ยังได้ อย่างมากอาจจะเติม M.2 NVMe SSD ตัวรองเข้าไปอีกสักหน่อยก็พอแล้ว

สเปคของ Acer Nitro 5 AN515-58-52BB
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ (4P+8E) 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB 
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.5 กิโลกรัม
  • Price : 35,900 บาท (ราคากลาง)
4. Acer Nitro 5 AN515-58-56HV (45,990 บาท)

nitro52 1

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 รุ่นสุดท้ายในบทความนี้เป็น Acer Nitro 5 AN515-58-56HV ซึ่งแชร์สเปคร่วมกับ Nitro 5 ในข้อก่อนแทบทั้งหมด แต่อัพเกรดการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 และได้แรมเป็น 16GB DDR5 บัส 4800MHz แทน หากใครจะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงไว้เล่นเกมและใช้ทำงานได้อีกหลายๆ ปีก็ลงทุนซื้อเครื่องนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ Acer Nitro 5 AN515-58-56HV
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ (4P+8E) 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB 
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.5 กิโลกรัม
  • Price : 45,900 บาท (ราคากลาง)

acer laptop swift 3 kick start your productivity l 1 1

สุดท้ายแล้วแม้ผู้เขียนจะนำโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Core i5 12th Gen มาแนะนำกลุ่มเดียวก็ตาม แต่อันที่จริงโน๊ตบุ๊ค Acer ซีพียู Intel 11th Gen ก็ยังมีให้เลือกซื้ออยู่ในท้องตลาดอีกมากพอสมควรเลย และประสิทธิภาพของมันในแง่ใช้งานจริงก็นับว่าใช้งานได้ดีทีเดียว และบางร้านก็จัดโปรโมชั่นแถมอุปกรณ์เสริมหรืออัพเกรดแรมให้ด้วย ซึ่งถ้าใครมีงบจำกัดอาจจะไปมองโน๊ตบุ๊คกลุ่มนั้นเป็นตัวเลือกเสริมก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Intel ก็ดูตามโจทย์การใช้งานแล้วค่อยเลือกซื้อจะดีที่สุด


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 2acer 2022 office

Share image Edit Name 3acergameon 1

Share image Edit Name 2acer 1

from:https://notebookspec.com/web/679302-4-recommend-acer-intel-core-i5-laptop

รีวิว Acer Swift Edge จอใหญ่ 16″ 4K เบาสุดๆ แค่ 1.17 กก. หัวใจ Ryzen 6000 Series แรงดีเริ่มแค่ 45,990 บาท

Acer Swift Edge โน๊ตบุ๊ค AMD Ryzen 6000 Series ใหม่ บาง เบา แรง!

Share image Edit Name 1swift 1

Acer Swift Edge เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาแต่หน้าจอใหญ่รุ่นใหม่ในตระกูล Acer Swift ซึ่งดีไซน์ยังดูเรียบง่ายสวยงามจนได้รับรางวัล reddot winner 2022 และ Good Design Award 2022 มาครองไม่พอ ทางบริษัทยังจัดการขยายขนาดจอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 16 นิ้ว ความละเอียด UHD (3840×2400) พาเนล OLED ทำอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง (Screen-to-Body Ratio) ได้กว้างถึง 92% ขอบเขตสีหน้าจอกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 การันตีค่า Contrast และความดำสนิทบนหน้าจออีกด้วย หากใครจะทำงานอาร์ตก็ไม่มีปัญหา และทำงานทั้งวันก็สบายตาด้วยการการันตี TUV Rheinland eyesafe Certified ด้วย 

Advertisementavw

ด้านความแข็งแรง บอดี้ของ Acer Swift Edge ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่แข็งแรงแต่เบากว่าอลูมิเนียมถึง 20% ซึ่งทางบริษัทเคลมน้ำหนักเอาไว้ 1.17 กิโลกรัมและหนาสุดเพียง 12.95 มม. เท่านั้น หากใครมีกระเป๋าโน๊ตบุ๊คที่ใส่เครื่องขนาด 15.6 นิ้วได้ ก็ใส่ Swift Edge แล้วพกไปไหนมาไหนได้สบายๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ทาง Acer ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้โดยรวมไว้กับปุ่ม Power แล้วเสริมความปลอดภัยด้วยชิป TPM 2.0 กับ Microsoft Pluton Security Processor ชิปเซ็ตสำหรับป้องกันการเจาะข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งเมื่อมีชิปทั้งสองตัวนี้ติดตั้งไว้ในเครื่องแล้ว ก็นับว่า Acer Swift Edge นั้นปลอดภัยกว่าโน๊ตบุ๊คหลายรุ่นในท้องตลาด ณ ตอนนี้ได้เลย

สเปคและฟังก์ชั่นก็ยอดเยี่ยม นั่นเพราะทางบริษัทติดตั้งชิปเซ็ต AMD Ryzen 6000 Series ใหม่ล่าสุดมาให้ ซึ่งประสิทธิภาพจัดว่ายอดเยี่ยม ติดตั้งพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 x 2 ช่อง ใช้ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery และต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort Alternate Mode แล้วยังโอนไฟล์ได้รวดเร็ว ประกบคู่กับพอร์ต HDMI 2.1 ที่รองรับหน้าจอความละเอียดสูงสุด 10K แถมยังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และรองรับคลื่นความถี่ 6GHz แถมยังได้กล้องเว็บแคมความละเอียด Full HD พร้อม Acer TNR ช่วยลด Noise ในภาพลงอีกด้วย ดังนั้นจะกล่าวว่านี่คือ Acer Swift รุ่นที่ดีสุด ณ ตอนนี้ก็ได้

Acer Swift Edge

NBS Verdicts

Acer Swift Edge DSC00768

Acer Swift Edge เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่เต็มตา ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD (3840×2400) พาเนล OLED มาให้จากโรงงานแล้ว มันจึงใหญ่เต็มตาทำงานสะดวก แสดงผลได้สวยงามยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ผู้ใช้สายศิลปินทุกท่านแน่นอน เพราะขอบเขตสีจอนี้กว้างถึง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 มาแบบครบถ้วน เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่หน้าจอดี สีสันสวยงามทำงานอาร์ตได้สบายๆ

สเปคและพอร์ตเชื่อมต่อก็ยอดเยี่ยม ได้ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รวมไปถึงพอร์ต USB-C 4, HDMI 2.1, Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax ครบถ้วน จะเชื่อมต่อหน้าจอ, โอนไฟล์ทำงานใดๆ ก็สะดวกไปหมด และตัวเครื่องก็เบาเพียง 1.17 กิโลกรัมเท่านั้น จึงพกไปไหนมาไหนได้ง่ายมากและมีชิป TPM 2.0 และ Microsoft Pluton Security Processor ติดตั้งมา จึงปลอดภัยไร้กังวลตอนเปิดเว็บไซต์และทำงานอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งผู้เขียนเองก็ตกหลุมรักโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยความครบเครื่องและทรงพลังของมัน

แต่จุดสังเกตที่คาดว่าจะได้รับการแก้ไขในเร็วๆ นี้ คือ ระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ของ Acer Swift Edge นั้นยังไม่ถึงกับน่าประทับใจ เพราะผู้เขียนคาดหวังว่ามันจะใช้งานได้นานเกิน 10 ชั่วโมง แต่เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์แล้วใช้ได้นานสุดเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนคาดหวังว่าทาง Acer จะอัพเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุมากขึ้นเป็นราว 75Wh จะได้ใช้งานได้นานขึ้น

ส่วนอีกจุดน่าเสียดาย คือ แม้ตัวเครื่องจะใหญ่ระดับ 16 นิ้ว แต่คีย์บอร์ดยังเป็น Tenkeyless ไม่ใช่ Full-size แต่เมื่อดูองค์รวมก็เข้าใจได้ว่าทางบริษัทน่าจะโฟกัสความสวยงามลงตัวก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งถ้าใครไม่คิดมากในเรื่องนี้ก็ไม่น่าเป็นประเด็นปัญหาตอนใช้งานอย่างแน่นอน

ข้อดีของ Acer Swift Edge
  1. บอดี้ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ แข็งแรงและเบากว่าอลูมิเนียมทั่วไปและงานประกอบแข็งแรงทนทาน งานประกอบแน่นหนา
  2. ตัวเครื่องใหญ่ถึงขนาด 16 นิ้ว แต่เบาเพียง 1.17 กิโลกรัมเท่านั้น พกพาง่ายมาก
  3. หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนหน้าจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified ครบถ้วน
  4. มี USB-C 3.2 Gen 2 Full-Function x 2 ช่อง รองรับ Power Delivery, DisplayPort Alternate mode และโอนไฟล์ได้รวดเร็ว
  5. พอร์ต HDMI 2.1 ต่อจอแยกระดับ 10K ได้ ใช้งานกับหน้าจอต่างๆ ในปัจจุบันได้แน่นอน
  6. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E คลื่น 6GHz ทำงานได้เร็วและเสถียรมาก
  7. ติดตั้งกล้องเว็บแคมมีความละเอียด 1080p Full HD พร้อมฟีเจอร์ Acer TNR
  8. ซีพียูเป็น AMD Ryzen 6000 Series เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ประสิทธิภาพดีทำงานลื่นไหล 
  9. มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ผสานงานกับชิป TPM 2.0 และ Microsoft Pluton Security Processor ได้ความปลอดภัยสูงสุด
  10. ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้
  11. มีซอฟท์แวร์ถนอมการใช้งานพาเนล OLED ติดตั้งมาให้ โดยระบบจะแจ้งผู้ใช้อัตโนมัติ
ข้อสังเกตของ Acer Swift Edge
  1. แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดประมาณ 8 ชั่วโมง ควรให้แบตเตอรี่ลูกใหญ่กว่านี้ให้ใช้งานได้นานเกิน 10 ชั่วโมง
  2. ขนาดตัวเครื่องใหญ่ถึง 16 นิ้ว แต่ไม่มีแป้น Numpad ติดตั้งมาให้ใช้งาน
  3. ไม่มีพอร์ต MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ ต้องต่อผ่านตัวอ่านการ์ดแทน

รีวิว Acer Swift Edge

Specification

acer laptop swift edge the design

Acer Swift Edge นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่ล่าสุดที่ขนาดใหญ่และจอมีความละเอียดสูงสุด ณ ตอนนี้ในซีรี่ส์ Swift เลย ยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทยังจับคู่ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series มาให้และเลือกได้ 2 สี คือ สีขาว Flax White (เครื่องรีวิว) หรือสีดำ Olivine Black ก็ได้ ซึ่งสเปคของรุ่นที่นำมาจำหน่ายในไทยจะเป็นดังนี้

สเปคของ Acer Swift Edge
  • CPU : แยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่
    • AMD Ryzen 5 6600U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9-4.5GHz
    • AMD Ryzen 7 6800U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.7-4.7GHz
  • GPU : แยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่
    • AMD Ryzen 5 6600U เป็นการ์ดจอ AMD Radeon 660M
    • AMD Ryzen 7 6800U เป็นการ์ดจอ AMD Radeon 680M
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4
  • RAM : ออนบอร์ด ความจุ 16GB LPDDR5
  • Display : 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified
  • Ports : USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery, USB-A 3.2 Gen 1 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax คลื่น 6GHz รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 1080p Full HD Camera, Acer TNR
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.17 กิโลกรัม
  • Price : แยกตามซีพียู เลือกได้ระหว่างสีขาว Flax White หรือดำ Olivine Black 

Hardware & Design

Acer Swift Edge DSC00762

Acer Swift Edge DSC00725
Acer Swift Edge DSC00726
Acer Swift Edge DSC00730
Acer Swift Edge DSC00727
Acer Swift Edge DSC00743
Acer Swift Edge DSC00745

ดีไซน์ของ Acer Swift Edge เมื่อมองหน้าตรงก็จะคล้ายไปกับซีรี่ส์ Swift รุ่นอื่น แต่ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นและกรอบหน้าจอบางลงและเน้นความสวยเรียบง่ายไม่หวือหวานัก ติดสติกเกอร์แสดงคุณสมบัติเอาไว้บนที่วางข้อมือครบถ้วน ทั้งซีพียูและการ์ดจอตรงที่วางข้อมือฝั่งซ้ายและสติ๊กเกอร์รับประกันดูแลถึงที่ภายใน 3 ชั่วโมงของ Acer ส่วนฝั่งขวามือเป็นสติ๊กเกอร์คุณสมบัติเด่นของ Swift Edge และจะเห็นว่ามีสติ๊กเกอร์ TUV Rheinland eyesafe Certified ติดมาด้วยเพื่อการันตีว่าหน้าจอนี้ถนอมสายตาของผู้ใช้ได้ดี ทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา ส่วนมุมบนขวาจะมีสติ๊กเกอร์ลายนิ้วมือเพื่อบอกผู้ใช้ว่าปุ่ม Power นี้สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้ด้วย

ขอบล่างของตัวเครื่องถัดลงมาจากทัชแพดจะเป็นขอบตัวเครื่องตัดเฉียงเล็กน้อยให้ใช้นิ้วดึงกางหน้าจอได้ มีความกว้างเท่ากับตัวทัชแพดและทาง Acer ก็ทำบาลานซ์น้ำหนักตัวเครื่องและทำตัวบานพับมาได้แข็งแรงดี จึงใช้นิ้วเดียวกางเปิดหน้าจอได้โดยเครื่องไม่กระดกขึ้นมาอีกด้วย

Acer Swift Edge DSC00721

ถัดขึ้นมาเหนือขอบชุดแป้นคีย์บอร์ด จะเป็นช่องลมเข้าเพื่อดึงอากาศเย็นเข้าเครื่องไประบายความร้อนและมีช่องระบายความร้อนซึ่งเป่าออกในส่วนขอบบนของตัวเครื่อง สังเกตว่าฝั่งซ้ายจะเป็นช่องเปิดโล่งเพราะเป็นช่องสำหรับพัดลมโบลวเวอร์เป่าออก ส่วนฝั่งขวามือเป็นช่องระบายความร้อนแบบติดครีบซึ่งในส่วนนั้นจะตรงกับ M.2 NVMe SSD ในเครื่องพอดี

Acer Swift Edge DSC00719

Acer Swift Edge DSC007581
Acer Swift Edge DSC006951
Acer Swift Edge DSC006961

ก้านบานพับของตัวเครื่องจะเป็นแบบก้านเหล็กสั้น ต่อเข้ากับตัวฐานรับก้านบานพับภายในเครื่องอีกทีหนึ่ง ซึ่งสามารถกางออกหรือพับเก็บได้อย่างแข็งแรงทนทานและมีก้านพลาสติกติดไว้ตรงขอบล่างด้านหลังหน้าจอเพื่อป้องกันขอบตัวเครื่องถูกกับพื้นโต๊ะโดยตรงตอนเปิดเครื่องใช้งาน และมันยังช่วยยกแป้นคีย์บอร์ดของ Acer Swift Edge ให้สูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้พิมพ์งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

Acer Swift Edge DSC00723

หน้าจอของ Acer Swift Edge จะกางได้กว้างสุดประมาณ 120 องศา ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ และสังเกตว่าขอบล่างหน้าจอนั้นดันตัวเครื่องให้เฉียงขึ้นเล็กน้อยด้วย เวลาวางเครื่องไว้บนโต๊ะทำงานตามปกติก็สามารถพิมพ์งานได้ง่ายขึ้น หรือจะวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็กางหน้าจอให้เข้ากับมุมสายตาของผู้ใช้ได้ง่ายขึ้นด้วย

Acer Swift Edge DSC007131

ส่วนฝาหลังของ Acer Swift Edge จะได้ความเรียบง่ายเหมือนกับ Acer Swift รุ่นใหม่นี้ โดยมีแค่โลโก้ Acer อลูมิเนียมติดเอาไว้ตรงกลางส่วนบนของฝาหลังเพียงอันเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นสีขาว Flax White ทั้งหมด ไม่มีลวดลายใดๆ แม้แต่ช่องระบายความร้อนก็กางออกมาปิดจนหมด ดูสวยเรียบร้อย

Acer Swift Edge DSC006751

ด้านใต้ตัวเครื่องจะมีช่องรับลมเย็นเข้าเป็นแถบแนวยาวสองชั้นอยู่ในส่วนบนเหนือสติ๊กเกอร์ประกันของทาง Acer ซึ่งใต้สติ๊กเกอร์นี้จะมีหัวน็อตทรงดาว (Trox) อยู่ 1 จาก 10 ดอกด้วย มีขอบยางติดเอาไว้ทั้ง 4 มุมเพื่อยกตัวเครื่องและป้องกันการไถล แต่สังเกตว่าลำโพงของ Acer Swift Edge จะไม่ได้ติดอยู่ตรงขอบล่างตัวเครื่องเหมือนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่เลื่อนขึ้นมาอยู่เกือบตรงกลางเครื่องพอดีแทน 

Screen & Speaker

Acer Swift Edge DSC007481

Acer Swift Edge DSC007521
Acer Swift Edge DSC007501
Acer Swift Edge DSC007531
Acer Swift Edge DSC007561
Acer Swift Edge DSC007791
Acer Swift Edge DSC007721

หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED ของ Acer Swift Edge มีอัตราส่วนจอ 16:10 ซึ่งได้พื้นที่ในแนวตั้งมากกว่าหน้าจอปกติเล็กน้อย แสดงขอบเขตสีได้กว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified แล้ว และหน้าจอพาเนล OLED ก็มีขอบเขตการแสดงผลกว้าง 178 องศาเหมือนกับพาเนล IPS ดังนั้นจะมองจากมุมแนวนอนหรือแนวตั้งสีสันก็ไม่เพี้ยนอย่างแน่นอน แต่หน้าจอนี้จะเป็นจอกระจกสะท้อนแสง ดังนั้นเวลาใช้งานอาจมีปัญหาเงาสะท้อนได้บ้าง

ขอบบนของหน้าจอจะมีลำโพงทั้งหมด 2 ตัวและกล้องเว็บแคมความละเอียด Full HD ติดตั้งมาให้ พร้อมฟีเจอร์ Acer TNR ช่วยลด Noise ในภาพที่กล้องจับได้ ช่วยให้ภาพสวยคมชัดยิ่งขึ้น ด้านอัตราส่วนหน้าจอกับตัวเครื่อง (Screen-to-Body ratio) ของจอนี้อยู่ที่ 92% ซึ่งกรอบหน้าจอที่มีอัตราส่วนเหลือเพียง 8% จะเป็นกรอบจอที่บางทั้ง 4 ด้าน และเห็นโลโก้ Acer ตรงขอบล่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนเมื่อชมคอนเทนต์และทำงานด้วยหน้าจอนี้ต้องถือว่ามันกว้างดีมาก เห็นหน้าจอเต็มตาไม่มีขอบหน้าจอมาเกะกะสายตาแม้แต่น้อย

display resolution

gamut 3
luminance 3

ขอบเขตสีหน้าจอที่ทางบริษัทเคลมไว้ Acer Swift Edge จะมีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ซึ่งถือว่ากว้างทีเดียว แต่เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 กับเครื่อง Colorchecker ของ Calibrite วัดได้ ค่า Gamut coverage ซึ่งเป็นค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอนี้จะได้ 100% sRGB, 94.5% Adobe RGB, 99.2% DCI-P3 ส่วนค่า Gamut volume ซึ่งเป็นขอบเขตสีทั้งหมดโดยรวมซึ่งหน้าจอนี้แสดงได้จะอยู่ที่ 167.8% sRGB, 115.6% Adobe RGB, 118.9% DCI-P3 มีค่าความเที่ยงตรงของสีบนหน้าจอ (Delta-E) เฉลี่ย 0.15 เท่านั้น ถือว่าจอของ Acer Swift Edge นั้นเที่ยงตรงพอใช้แต่งภาพถ่ายหรือจะพรู้ฟสีอาร์ตเวิร์คก็ได้สบายๆ

 ความสว่างหน้าจอของ Acer Swift Edge นี้ ทางบริษัทเคลมค่าสูงสุดเอาไว้ที่ 500 Nits แต่ความสว่างที่วัดได้ด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 ได้ที่ 404.59 cd/m2 ซึ่งถึงจะน้อยกว่าที่เคลมในหน้าสเปคเอาไว้ แต่ตอนใช้งานจริงถือว่าจอนี้สว่างมากไม่กลัวแดดแม้แต่น้อย สามารถเร่งความสว่างสู้แดดที่สะท้อนหน้าจอได้เลย แต่ถ้านั่งทำงานในออฟฟิศอยู่แนะนำให้ปรับความสว่างไว้ที่ 50~60% ก็สว่างพอใช้งานได้สบายๆ

Acer Swift Edge DSC00676
Acer Swift Edge DSC00677
Acer Swift Edge DSC00700
Acer Swift Edge DSC00699

ลำโพง DTS ของ Acer Swift Edge ถูกติดตั้งไว้ใต้ตัวเครื่องแต่เลื่อนขึ้นมาอยู่ตรงกลางแทน เพราะชุดลำโพงมีขนาดใหญ่ทีเดียว ซึ่งเสียงตอนฟังเพลงจะเด่นด้านเสียงเครื่องดนตรีและนักร้องและมีเสียงเบสซัพพอร์ตระดับหนึ่ง เนื้อเสียงเคลียร์ใสฟังชัดแต่แรงปะทะของเบสจะไม่หนักหน่วงแค่พอซัพพอร์ตเสียงเพลงโดยรวมเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน เสียงลำโพงตอนดูหนังนั้นมีมิติเสียงที่ดี เสียงตัวละครได้ยินชัดเจนและโทนเสียง BGM ในหนังก็ได้ยินชัดเจนทีเดียว

Keyboard & Touchpad

Acer Swift Edge DSC007241

Acer Swift Edge DSC007411111
Acer Swift Edge DSC00742111
Acer Swift Edge DSC007381
Acer Swift Edge DSC007391
Acer Swift Edge DSC007371
Acer Swift Edge DSC007351

คีย์บอร์ดของ Acer Swift Edge เป็นแป้นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless สำหรับโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้ว ซึ่งเลย์เอ้าท์ทั้งหมดนั้นยกจาก Acer Swift 3 ซีพียู Intel 12th Gen ซึ่งได้รีวิวไปก่อนหน้านี้มาใช้เลย ไม่ได้ปรับแต่งดีไซน์ใดๆ เพิ่มเติม ซึ่งแม้จะสะดวกและใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้เลยก็ตาม แต่ก็อยากให้ทาง Acer ขยับแป้นคีย์บอร์ดทางขวาแล้วติดตั้งชุด Numpad เพิ่มเข้ามาจะตอบโจทย์ผู้ใช้ที่เป็นพนักงานบัญชียิ่งขึ้น

ปุ่มคีย์บอร์ดจะมีไฟ LED Backlit ติดตั้งมาให้ แต่เป็นไฟเรืองขอบปุ่มเท่านั้น ไม่ได้สว่างลอดตัวอักษรขึ้นมา มีปุ่ม Function ติดตั้งเอาไว้รวมกับปุ่มต่างๆ ได้แก่ ปุ่มลูกศร 4 ปุ่มที่มีคำสั่ง Home, End, Page Up, Page Down อยู่ ส่วนด้านบนมีปุ่ม Delete กับ Insert และ Print Screen กับคำสั่งเรียกโปรแกรม Snipping Tool ด้วย ส่วนปุ่มลัดสำหรับปรับโหมดตัวเครื่อง ให้กด Fn+F จะสลับระหว่างโหมดประหยัดพลังงาน, ใช้งานตามปกติและเร่งการทำงานของตัวเครื่องได้

Acer Swift Edge DSC007301

ส่วนปุ่ม Power ส่วนมุมบนขวาของคีย์บอร์ดจะรวมกับฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งตัวปุ่มนี้จะแข็งและแม้จะเผลอกดโดนครั้งหนึ่งเครื่องก็ไม่ปิดทันที ซึ่งในยุค New Normal เช่นนี้ ผู้เขียนเห็นว่ามันใช้ยืนยันตัวได้สะดวกกว่าใช้กล้องสแกนใบหน้ามากและทำงานได้รวดเร็วอีกด้วย

Acer Swift Edge DSC00733

ส่วนของ Function Hotkeys ตรงปุ่ม F1~F11 นั้นจะมีคีย์ลัดแบบเดียวกับ Acer Swift 3 และไม่มี Hotkeys ตรงปุ่ม F12 เหมือนกันอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าทาง Acer น่าจะมีฟังก์ชั่นเปิดให้ผู้ใช้เซ็ตตั้งค่าปุ่มดังกล่าวได้ตามต้องการจะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ยิ่งกว่านี้แน่นอน โดยคีย์ลัดทั้งหมดมีดังนี้

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4 – ปิดหรือเปิดไมโครโฟน ถ้าปิดอยู่จะมีไฟ LED สีขาวติดอยู่
  • F5~F6 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F7 – ปุ่ม Project ตั้งค่าการแสดงผลหน้าจอหลักและเสริม
  • F8 – ปุ่ม Log Out กลับมาหน้า Lock Screen
  • F9 – Airplane Mode
  • F10 – ปิดหรือเปิดการทำงานทัชแพด
  • F11 – ปรับความสว่าง LED Backlit ของคีย์บอร์ด

Acer Swift Edge DSC007281
Acer Swift Edge DSC007291

ทัชแพดของ Acer Swift Edge จะมีขนาดใหญ่และรองรับ Gesture Control ของ Windows ครบถ้วน สามารถลากนิ้วเพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์จากขอบหน้าจอฝั่งหนึ่งสู่อีกฝั่งได้สบายๆ แต่แป้นนั้นมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นสันมือซ้ายจะพาดลงตัวแป้นทัชแพดอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอาการทัชแพดลั่นเมื่อพิมพ์งานอยู่ แต่ก็กด F10 เพื่อล็อคการทำงานได้

Connector / Thin & Weight

Acer Swift Edge DSC00759
Acer Swift Edge DSC00760

พอร์ตและการเชื่อมต่อของ Swift Edge จะติดตั้งเอาไว้สองฝั่งของตัวเครื่อง โดยเน้นฝั่งซ้ายเป็นหลัก ซึ่งมี USB-A 3.2 Gen 2 Full Function x 2 ช่อง ซึ่งใช้โอนไฟล์, ต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort Alternate mode และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ ถัดมาเป็น USB-A 3.2 Gen 1 และ HDMI 2.1 ที่รองรับการต่อหน้าจอความละเอียด 10K ได้

ส่วนฝั่งขวามี Audio combo, USB-A 3.2 Gen 1 และ Kensington Lock อยู่ จัดว่าครบเครื่องระดับหนึ่ง แต่เสียดายอยู่ว่าถ้าผู้ผลิตติดตั้ง MicroSD Card Reader มาด้วย จะครบเครื่องมาก ด้านการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับคลื่นความถี่ 6GHz รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ด้วย

Acer Swift Edge DSC006701

Acer Swift Edge DSC006741
Acer Swift Edge DSC006711

น้ำหนักของ Acer Swift Edge ที่ทางบริษัทเคลมเอาไว้ อยู่ที่ 1.17 กิโลกรัม เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วก็ตรงตามที่เคลมไว้ไม่มีผิด เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ในกล่องที่หนัก 179 กรัมแล้ว มีน้ำหนักรวมทั้งหมด 1.35 กิโลกรัม นับว่าเบาสบายพกสะดวกมาก จะพกอแดปเตอร์ใส่กระเป๋าไปก็ไม่เกะกะและไม่หนักอย่างแน่นอน หรือใครจะเอาปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ กับสาย USB-C มาใช้ก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้ Swift Edge ได้เช่นกัน

ตัวอแดปเตอร์ของ Swift Edge นี้ จะเป็นอแดปเตอร์ขนาดเล็ก ไซซ์ประมาณฝ่ามือและเป็นปลั๊กขาแบนไม่มีขั้วสายดินติดมาให้ จึงเสียบชาร์จกับเต้าเสียบแบบไหนก็ได้และหัวชาร์จอีกฝั่งเป็นแบบ USB-C จึงเสียบชาร์จได้สะดวกมาก

Inside & Upgrade

Acer Swift Edge DSC00690

ภายในเครื่อง Acer Swift Edge เมื่อขันน็อตหัวดาว (Trox) ทั้ง 10 ตัว ซึ่งดอกหนึ่งจะซ่อนอยู่ใต้สติกเกอร์รับประกัน แล้วเอาปิ๊กกีตาร์หรือการ์ดแข็งไล่ขอบตัวเครื่องแล้วเปิดฝาออกมาได้ทันที แต่จากที่ผู้เขียนเปิดฝาเครื่องออกมาแล้ว ส่วนที่อัพเกรดได้จะมีแต่ M.2 NVMe SSD เพียงอันเดียว ส่วนแรมของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นแบบออนบอร์ดทั้งหมด ดังนั้นผู้เขียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปิดฝาอัพเกรดก็ได้

ทว่าจากอีเว้นท์เปิดตัว ทาง Acer แจ้งว่าโมเดลจำหน่ายในประเทศไทยจะมีช่องอัพเกรด M.2 NVMe SSD กับแรมได้อีกอย่างละ 1 ช่อง และทางบริษัทได้แจ้งว่าแม้จะเปิดฝาอัพเกรดประกันก็ไม่ขาด (ยกเว้นว่าผู้ใช้จัดการดัดแปลงตัวเครื่อง) ถ้าสนใจจะอัพเกรดเพิ่มเติมก็ไม่มีปัญหา ทว่าผู้เขียนมองว่าสเปคเดิมจากโรงงานก็ดีมากแล้ว อาจจะเอาเงินที่กันไว้อัพเกรดไปซื้ออุปกรณ์เสริมสำหรับทำงานจะดีกว่า

Performance & Software

cpu 3

mb 3
ram 2

ซีพียูของ Acer Swift Edge เป็น AMD Ryzen 6000 Series รุ่น AMD Ryzen 5 6600U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9~4.5GHz ได้ชุดคำสั่งใช้งานพื้นฐานติดตั้งมาครบถ้วน โดยซีพียูนี้มีค่า TDP อยู่ที่ 15~28 วัตต์ ผลิตโดย TSMC มีขนาดทรานซิสเตอร์ 6 นาโนเมตรแบบ FinFET

แรมออนบอร์ดของ Acer Swift Edge จะมีความจุ 16GB LPDDR5 ซึ่งมีความจุพอใช้ทำงานต่างๆ ในปัจจุบันนี้ได้สบายๆ และยังรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จากที่ใช้งานมาต้องถือว่าแรมความจุนี้เยอะพอใช้ทำงานออฟฟิศได้สบายๆ

gpu 1

การ์ดจอออนบอร์ดของ Acer Swift Edge จะเป็น AMD Radeon 660M ซึ่งมีคอร์กราฟิค 6 คอร์มาในตัวซีพียู มีความเร็ว 1,900MHz รองรับ DirectX 12 และรองรับชุดคำสั่งกราฟิคต่างๆ ได้แก่ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing อีกด้วย จัดว่าได้ฟังก์ชั่นครบเครื่องพร้อมใช้ทำงานแต่งภาพได้อย่างแน่นอน

device mgr 1

พาร์ทภายในเครื่องเมื่อเช็คผ่าน Device Manager จะเห็นว่า Acer Swift Edge มีชิ้นส่วนสำคัญติดตั้งมาหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ ELAN WBF ส่วนการ์ด Wi-Fi ภายในเครื่องเป็น AMD RZ616 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E รองรับสัญญาณคลื่น 6GHz แบนด์วิธ 160MHz มีเสาสัญญาณแบบ 2×2 ซึ่งชิปเซ็ตนี้เป็นการร่วมมือพัฒนาโดย AMD และ MediaTek นั่นเอง มันจึงสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วและเสถียรมาก

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยภายในเครื่องนอกจากชิปเซ็ต TPM 2.0 ซึ่งเป็นชิปมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 และถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนเป็นซีพียู AMD ก็จะมี AMD PSP 10.0 ติดตั้งมาด้วย ที่สำคัญ Acer Swift Edge มีชิปเซ็ต Microsoft Pluton Security Processor สำหรับป้องกันการเจาะข้อมูลติดตั้งมาด้วย ซึ่งมีโน๊ตบุ๊คแค่ไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่จะมีชิปรักษาความปลอดภัยขั้นสูงติดตั้งมาให้ในตัวแบบนี้ จึงใช้งานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

ssd 3

ด้าน M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ที่ติดตั้งมาจากโรงงานเป็น Micron 2400 ซึ่งเมื่ออิงข้อมูลจากหน้าสเปคที่ทางผู้ผลิตเปิดเผยเอาไว้ จะเห็นว่า SSD นี้เลือกได้ 3 ขนาด ได้แก่ M.2 2230, M.2 2242 และ M.2 2280 เป็น 176-layer QLC NAND มีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล AES-256 และอื่นๆ ติดตั้งมาให้ครบถ้วน และอินเตอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 x4 โดยความจุ 1TB ใน Swift Edge มีความเร็ว Sequential Read 4,500 MB/s และ Sequential Write 3,600 MB/s รองรับการเขียนข้อมูลลงไดรฟ์ได้ 300 TBW

หลังจากทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 ได้ Sequential Read 4,577.13 MB/s และ Sequential Write 3,534.27 MB/s ซึ่งเร็วตรงตามที่ผู้ผลิตเคลมเอาไว้หน้าสเปคไม่มีผิด ใช้เรียกโปรแกรมและไฟล์งานขึ้นมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ส่วนตัวผู้เขียนไม่แนะนำให้ผู้ใช้อัพเกรด SSD ในเครื่องเพราะไม่จำเป็นนัก ความเร็วระดับนี้ที่ Micron 2400 ทำได้ก็ถือว่าเร็วเพียงพอสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานแล้ว ก็ขอแนะนำให้เอาเงินที่กันไว้เปลี่ยน SSD ไปซื้อ External SSD หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ มาใช้คู่กันดีกว่า

Screenshot 2
Screenshot 4

การเรนเดอร์กราฟิค 3D CG ต้องถือว่า AMD Ryzen 5 6600U มีประสิทธิภาพดี เมื่อรัน CINEBENCH R15 แล้วจะเห็นว่าทำคะแนน OpenGL ได้ 113.33 fps และ CPU 1,217 cb ส่วน CINEBENCH R20 เมื่อทดสอบพลังเรนเดอร์ของคอร์ซีพียู จะได้คะแนน 2,780 pts จัดว่าสูงพอใช้ทำงานกราฟิค, พรีวิวโมเดล 3D ต่างๆ ได้อย่างแน่นอน สังเกตว่าซีพียู AMD Ryzen 5 6600U ที่ทาง AMD ใส่การ์ดจอ AMD Radeon 660M มาให้นั้น แม้กำลังคอร์ซีพียูจะสูงระดับหนึ่ง แต่สังเกตว่าคะแนน OpenGL นั้นได้เฟรมเรทเกินร้อยเฟรมแล้ว จึงถือได้ว่าการ์ดจอออนบอร์ดของ AMD Ryzen รุ่นนี้ทรงพลังใช้ได้

3dmark 3

ส่วนการเล่นเกม เมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy แล้ว Acer Swift Edge ทำคะแนนเฉลี่ยได้ 1,561 คะแนน แยกเป็น CPU score 5,215 คะแนน และ Graphics score 1,390 คะแนน ซึ่งคะแนนเฉลี่ยระดับนี้ แม้จะพอเล่นเกมฟอร์มใหญ่ในปัจจุบันนี้ได้ระดับหนึ่งโดยใช้ซอฟท์แวร์ AMD Software: Adrenalin Edition ช่วยปรับจูนการทำงานเพื่อรีดเฟรมเรทให้สูงขึ้น ซึ่งระดับคะแนนนี้พอใช้เล่นเกมออนไลน์ต่างๆ ได้แก่ Valorant, PUBG หรือเกมที่ออกแบบมาเอื้อกับกราฟิคของ AMD Radeon ได้ระดับหนึ่งก็ตาม แต่โฟกัสหลักของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ต้องถือว่ามันออกแบบมาเพื่อทำงานเป็นหลัก ดังนั้นถ้าใครอยากเล่นเกมก็ยังพอเล่นฆ่าเวลาได้ระดับหนึ่ง

pcmark10 3

ด้านการทำงานเมื่อทดสอบด้วย PCMark 10 จะได้คะแนนเฉลี่ย 4,902 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ ถ้าดูแยกตามหมวดการทดสอบจะเห็นว่า Acer Swift Edge ใช้เปิดแอพฯ, ประชุมออนไลน์, เปิดเบราเซอร์ทำงานหรือเปิดไฟล์เอกสารก็ทำได้ดี ส่วนงานประเภท Digital Content Creation จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คนี้เหมาะกับงานแต่งภาพเป็นที่สุด แต่งานตัดต่อวิดีโอหรือจำลองแบบสามมิติอาจจะไม่โดดเด่นนัก

Battery & Heat & Noise

Acer Swift Edge DSC00702

แบตเตอรี่ของ Swift Edge เป็นแบบลิเธียมไอออน ความจุ Typical Capacity 4,670mAh (53.9Wh) และ Rated Capacity 4,570mAh (52.7Wh) มีขนาดใหญ่มากและกินพื้นที่ในเครื่องไปถึงครึ่งหนึ่ง และขอบแบตเตอรี่ทั้งสองฝั่งก็สุดขอบแตะลำโพงทั้งสองด้านอีกด้วย ซึ่งข้อดีของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เช่นนี้ คือ มันถ่วงน้ำหนักตัวเครื่องได้เป็นอย่างดีจึงใช้นิ้วเดียวกางกางหน้าจอใช้งานได้เลย

batt2

จากการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด, ลดความสว่างหน้าจอให้ต่ำสุดและเปิดเสียงลำโพงเพียง 10% และตั้งโหมดตัวเครื่องเป็นแบบประหยัดพลังงานแล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที โปรแกรม BatteryMon ก็ได้ผลการทดสอบว่า Acer Swift Edge ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 8 ชั่วโมง 7 นาที ซึ่งใช้ได้ค่อนข้างนาน แต่ก็ยังไม่เกิน 10 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นทำได้ในปัจจุบันนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนสันนิษฐานว่าจุดที่ทำให้ Acer Swift Edge ใช้งานได้ 8 ชั่วโมง อาจเป็นเพราะพาเนล OLED ซึ่งใช้พลังงานเยอะกว่าพาเนล IPS ระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ใช้งานได้นานระดับนี้ก็ถือว่านานพอสมควรแล้ว แต่ก็หวังว่าทาง Acer จะมีการอัพเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุมากขึ้นราว 75Wh ขึ้นไป จะใช้งานได้นานกว่านี้แน่นอน

แต่ Swift Edge นั้นมีพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 ที่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery และยังได้อแดปเตอร์ขนาด 65 วัตต์ ขนาดเล็กมาด้วย ก็ถือว่ายังพอชดเชยเรื่องเวลาใช้งานแบตเตอรี่ได้ระดับหนึ่ง ดังนั้น

Acer Swift Edge DSC00693

Acer Swift Edge DSC00708
Acer Swift Edge DSC00710
Acer Swift Edge DSC00694

ระบบระบายความร้อนของ Swift Edge จะมีฮีตไปป์หนึ่งเส้นพาดจากซีพียูตรงไปยังพัดลมโบลวเวอร์และฮีตซิ้งค์ซึ่งระบายความร้อนออกขอบบนของตัวเครื่อง ซึ่งเสียงตอนใช้งานตามปกตินั้นเบาไม่รบกวนหูเลยแม้แต่นิดเดียว ยกเว้นตอนปรับโหมดใช้ประสิทธิภาพตัวเครื่องสูงสุดแล้วรันโปรแกรมกินทรัพยากรตัวเครื่องจะได้ยินเสียงหวีดจากช่องพัดลมดังขึ้นมาเล็กน้อย

normal using temp
high temp

อุณหภูมิของซีพียูนั้นเมื่อวัดด้วย CPUID HWMonitor นั้น แม้จะไม่เห็นอุณหภูมิของซีพียูก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากอุณหภูมิของ SSD ที่เพิ่มจากเฉลี่ย 41 ไป 53 องศาเซลเซียสแล้ว ตัวซีพียูอาจจะมีความร้อนระดับหนึ่ง แต่ชุดระบายความร้อนยังจัดการได้อยู่ ส่วนอุณหภูมิตอนใช้งานจริงตามปกติ อย่างพิมพ์งานเอกสารหรือเปิดเว็บไซต์ Acer Swift Edge นั้นไม่มีอาการเครื่องร้อนขึ้นมาจนแตะใช้งานไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สามารถใช้ทำงานต่อเนื่องได้สบายๆ อาจกล่าวได้ว่า Swift Edge นั้นคุมอุณหภูมิภายในเครื่องได้ดีมาก ตัวเครื่องเย็นตลอดเวลาจนไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนตอนใช้งานเลย

User Experience

Acer Swift Edge DSC007631

ถ้าถามว่าโน๊ตบุ๊คขนาดไหนเป็นไซซ์ที่ถูกใจผู้เขียน อย่างไรก็ต้อง 15.6 นิ้ว หรือไม่ก็ 16 นิ้ว แต่ในอดีตที่ผ่านมานั้นโน๊ตบุ๊คทั้งสองไซซ์นี้จะมีน้ำหนักมาก ส่วนโน๊ตบุ๊คจอ 14 นิ้ว แม้จะพกง่ายน้ำหนักเบาแต่จอก็กว้างไม่เต็มอิ่มนัก ทว่า Acer Swift Edge นั้นรวมเอาข้อดีที่หน้าจอใหญ่เต็มตากับน้ำหนักเบาสบายไหล่มาไว้ด้วยกัน มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เพราะตัวเครื่องขนาด 16 นิ้ว แต่น้ำหนัก 1.17 กิโลกรัม สามารถหยิบใส่กระเป๋าเป้ที่ใส่โน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วไปไหนมาไหนได้สบาย จะติดอแดปเตอร์ไปด้วยหรือใช้แค่ปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้แล้ว จะพกไปนั่งทำงานหรือเรียนก็ทำได้สบายๆ แถมพอร์ตเชื่อมต่อก็มาค่อนข้างครบครันอีกด้วย

ด้านประสิทธิภาพของ Swift Edge พอจับคู่กับซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รุ่น AMD Ryzen 5 6600U แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องประสิทธิภาพตอนทำงานอีกต่อไป เพราะจากที่ผู้เขียนทดลองใช้มาก็ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ เพราะเมื่อใช้งานกับโปรแกรมทั่วไปอย่าง Microsoft Office Home & Student 2021 ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องหรือจะเปิดเบราเซอร์ทำงานบนเว็บแอพฯ ต่างๆ ก็ใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีปัญหา ส่วนการตัดต่อแต่งภาพหรืองานศิลป์ต่างๆ ก็ทำได้ดีเพราะหน้าจอ OLED นั้นแสดงผลได้สีสันสวยคมชัดมาก ดังนั้นการให้สีหรือเลือกโทนรวมถึงการพรู้ฟสีงานอาร์ตก็ทำได้ดีมาก

โดยรวมแล้ว Swift Edge นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ที่น้ำหนักเบามาก พกพาสะดวกและได้พอร์ตใช้งานติดตั้งมาครบถ้วน วัสดุตัวเครื่องเป็นแม็กนีเซียมอัลลอยด์แข็งแรงทนทานไม่พอ ประสิทธิภาพมันก็ดีมากจนใช้ทำงานทั่วไปในปัจจุบันนี้ได้สบายๆ จะงานหนักงานเบาก็รันได้ไม่มีปัญหาและสเปคในเครื่องก็ใช้งานได้อย่างน้อยๆ 3-5 ปีอย่างแน่นอน และเมื่อมันอัพเกรด SSD, RAM เพิ่มได้ ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ใช้ได้นานขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตที่แป้นคีย์บอร์ดเป็นแบบ Tenkeyless ไม่มีชุด Numpad และไม่มีช่อง MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ก็เป็นจุดน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่ถ้าใครใช้งานคีย์บอร์โน๊ตบุ๊คขนาด 14 นิ้วจนชินก็ไม่เป็นปัญหานัก และ Card Reader ในปัจจุบันนี้ราคาก็ไม่แพง ซึ่งถ้าใครต้องใช้เมมโมรี่การ์ดบ่อยๆ ก็ซื้อตัวอ่านการ์ดมาติดกระเป๋าเอาไว้ก็ช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว

Conclusion & Award

Acer Swift Edge DSC007651

Acer Swift Edge ถือเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเครื่องใหญ่ ใส่ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ ใส่ฟีเจอร์ดีมาครบเครื่องทั้งหน้าจอ 16 นิ้ว พาเนล OLED ความละเอียด 4K WQUGA, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือพร้อมพอร์ตใช้งานต่างๆ ติดตั้งมาครบเครื่องและน้ำหนักก็เบาเพียง 1.17 กิโลกรัม ดีกับผู้ใช้ที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหน ตอบโจทย์ยุคนี้ที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) เป็นอย่างมาก

ส่วนประกอบสำคัญอีกอย่าง คือ ชิปรักษาความปลอดภัยขั้นสูง Microsoft Pluton Security Processor ซึ่ง Swift Edge นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องแรกในประเทศไทยที่มีฟีเจอร์นี้ ช่วยรักษาความปลอดภัยไม่ให้ผู้ไม่หวังดีเจาะระบบเข้ามาขโมยข้อมูลได้อีกด้วย ถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือชั้นและทำงานได้สบายใจยิ่งกว่าเดิมมาก

หากยอมรับจุดสังเกตเล็กน้อยที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงไปข้างต้นได้ หรือไม่คิดว่ามันเป็นประเด็นตอนใช้งาน ก็กล่าวได้ว่า Swift Edge เป็นโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาจอใหญ่ที่ดีมากและราคาต่อสเปคค่อนข้างสมเหตุสมผล หากใครอยากได้โน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมแต่ราคาอยู่ในระดับจับต้องได้ล่ะก็ Acer Swift Edge จัดเป็นรุ่นที่ดีจนไม่น่ามองข้ามเลย

award

NBS award 7 Design

best design

การดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูสวยเรียบหรูและให้สีสวยงาม โดยเฉพาะสีขาว Flax White ที่เหลือบสีเป็นสีอื่นได้ด้วยจัดเป็นดีไซน์ที่ดึงดูดสายตา บอดี้แข็งแรงใช้โลหะแม็กนีเซียมอัลลอยด์นั้นจับแล้วแข็งแรงสัมผัสได้ความพรีเมี่ยม มีพอร์ตให้ใช้พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออีก ถือว่าสวยเรียบง่ายและได้ฟังก์ชั่นใช้งานครบเครื่องมาก

 

NBS award 4 Mobility

best mobility

ตัวเครื่อง Swift Edge ขนาด 16 นิ้ว แต่น้ำหนัก 1.17 กิโลกรัมเป็นมิติตัวเครื่องในใจของใครหลายคน ยิ่งใครชอบพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนบ่อยๆ ก็ไม่หนักไหล่เกินไปและยังใส่กระเป๋าเป้สำหรับโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วได้สบายๆ ดังนั้นมันจึงพกพาได้สะดวกมาก

award new Durability

best durability

บอดี้ของ Acer Swift Edge เป็นโลหะแม็กนีเซียมอัลลอยด์ทั้งตัว ตั้งแต่ฝาหลัง, ตัวเครื่องและแม้แต่ด้านใต้เครื่อง จับแล้วแข็งแรงทนทานไม่รู้สึกว่าจะบีบแตกหรือหักได้ง่ายๆ จะพกไปไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะเกิดความเสียหายได้ง่ายๆ 

from:https://notebookspec.com/web/673136-review-acer-swift-edge-amd-ryzen-6000

5 เคล็ดลับเลือกโน๊ตบุ๊ค 2022 ฉบับเข้าใจง่าย อ่านแล้วเลือกคอมได้ถูกใจ! พร้อม 6 รุ่นน่าใช้ อัพเดทปลายปี 2022

ฮาวทูเลือกโน๊ตบุ๊ค 2022 ให้ดีให้เวิร์คใน 5 ขั้นตอนง่ายๆ

Share image Edit Name 1laptop2022 1

หลายคนน่าจะค้นหาวิธีการบนเว็บไซต์หรืออ่านบทความกันเป็นประจำว่าถ้าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 นี้จะต้องดูต้องคิดเรื่องอะไรบ้าง? นั่นเพราะปัจจุบันนี้แบรนด์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์นั้นแข่งกันผลิตโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีรุ่นย่อยร้อยแปดจนผู้ใช้หลายๆ คนเลือกกันไม่ถูกแล้วอาจจะซื้อรุ่นราคาไม่แพงแต่สเปคไม่ตอบโจทย์เลยทำงานได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้

Advertisementavw

อย่างไรก็ตาม วิธีการเลือกโน๊ตบุ๊ค 2022 นี้ไม่ยากอย่างนัก เพียงแค่เข้าใจว่าขอบเขตงานของเรามีอะไรบ้าง? จะซื้อไว้ทำงานเอกสารอย่างเดียวหรือมีงานกราฟิคอย่างตัดต่อคลิปหรือแต่งภาพด้วย หรือจะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเอาไว้เล่นเกมแบบเน้นๆ เลย? ซึ่งถ้าตอบคำถามของตัวเองได้ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คแบบไหนมาใช้ก็ไม่ยากแล้ว

โน๊ตบุ๊ค 2022

5 เคล็ดลับเลือกโน๊ตบุ๊ค 2022 ให้ดีโดนใจ ฉบับรีบอ่านจะไปซื้อคอม!

joseph frank XGC 1eH ZGI unsplash

เชื่อว่าผู้อ่านส่วนใหญ่จะซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องมักเปิดบทความประเภท Buyer’s Guide แล้วดูว่าบทความนั้นโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนที่ทางเว็บไซต์หรือผู้เขียนแนะนำบ้าง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเข้าใจหลักการเลือกโน๊ตบุ๊คง่ายๆ 5 ขั้นตอนนี้แล้ว ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก โดยมีหลักการเลือกดังนี้

  1. เลือกระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์เรา! – หลายคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก เพราะถ้าไม่ซื้อ MacBook มีแต่โน๊ตบุ๊ค Windows หรือบางเครื่องอาจเป็น Chrome OS มาบ้าง และหากใครจำได้จะเห็นว่าหลายปีก่อนหน้านี้ก็จะมีโน๊ตบุ๊คบางแบรนด์ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux อย่าง Ubuntu แทรกอยู่ในท้องตลาดด้วย นั่นเพราะมันเป็นปัจจัยหลักซึ่งกำหนดประสบการณ์ใช้งานของเราว่าจะใช้งานได้ดีไหลลื่นหรืออึดอัดจนแทบอยากขายทิ้งเลย ซึ่งจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนซึ่งเคยใช้โน๊ตบุ๊คทั้ง 4 ระบบปฏิบัติการนี้มาแล้วจะเป็นดังนี้
    1. Windows – เป็นระบบปฏิบัติการแรกของผู้ใช้หลายคน ซึ่งหลายคนก็ยังใช้งานอยู่หรือข้ามไประบบปฏิบัติการอื่นแล้วก็ตาม ข้อดีคือใช้โปรแกรมได้หลากหลายแบบตั้งแต่ใช้งานเอกสารหรือเบราเซอร์, โปรแกรมกราฟิคชั้นนำของโลกหรือแม้แต่เกมก็รองรับระบบปฏิบัติการนี้ เปิดมาก็พร้อมใช้งานได้เลย ใช้งานได้ง่ายในระดับ End User แต่ถ้าอยากให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต้องเรียนรู้เรื่องเคล็ดลับการใช้งานเพิ่มเติมอีก
    2. macOS – ใช้ง่าย หากผู้ใช้คนไหนมี iPhone, iPad จะยิ่งชอบระบบ Apple Ecosystem เพราะอุปกรณ์ต่างๆ ประสานงานกันได้ดีและต่อเนื่องและทางบริษัทก็ดีไซน์หน้า User Interface ให้ออกมาสวยงามใช้งานได้ง่ายเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป และแม้จะซื้อ MacBook รุ่นเก่าไป 2-3 ปี ก็ยังอัพเกรดเป็น macOS เวอร์ชั่นใหม่อยู่ อิงจากฐานข้อมูลว่า MacBook รุ่นไหนยังอัพเกรดเป็น macOS Monterey ได้ จะเห็นชื่อ MacBook Air ปี 2015 กับ MacBook Pro with Retina ปี 2015 ยังอัพเดทได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าใครใช้งาน Windows มานานแล้วย้ายมาใช้ macOS เป็นครั้งแรกก็ต้องปรับตัวเรื่องคีย์ลัดและฟังก์ชั่นต่างๆ สักระยะหนึ่ง และถ้าถนัดก็น่าจะถูกใจความเรียบง่ายของ OS นี้แน่นอน
    3. Chrome OS – เป็นระบบปฏิบัติการของ Google ซึ่งหน้าตาเหมือน Windows แล้วเอาประสบการณ์ใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android มาประยุกต์ใช้ได้ทันที และแอพฯ ส่วนใหญ่จะเน้นพึ่งอินเตอร์เน็ตเป็นหลักแต่ก็สามารถเปิดใช้งานแบบ Offline ได้ มีฟังก์ชั่นประสานงานกับสมาร์ทโฟน Android เหมือน macOS กับ iPhone อีกด้วย โดยปัจจุบันนี้นอกจากโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Chrome OS จากโรงงานโดยตรง ก็ยังโหลดระบบปฏิบัติการ Chrome OS Flex จาก Google มาติดตั้งในโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าให้รันระบบปฎิบัติการนี้ได้ด้วย
    4. Linux – เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Open-source ซึ่งหากผู้ใช้มีความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งก็สามารถโหลดไปใช้และพัฒนาต่อด้วยตัวเองก็ได้ โดยปัจจุบันนี้มีผู้เอา Linux ไปต่อยอดแล้วแยกเป็น Linux ฉบับใหม่ๆ ซึ่งเหมาะกับงานประเภทต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะ Ubuntu, Fedora, Linux Mint และหากใครติดตามข่าวอยู่ อาจจะได้ยินชื่อ Kylin Linux ซึ่งเป็น Linux อีกเวอร์ชั่นหนึ่งซึ่งออกแบบมาใช้กับภาษาจีนโดยเฉพาะ ซึ่งจากประสบการณ์ใช้งานส่วนตัวของผู้เขียนต้องถือว่า Linux เป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่กินทรัพยากรเครื่องมาก (Lightweight OS) ใช้ทำงานต่างๆ ได้ดีและยิ่งใครรู้เรื่องโปรแกรมมิ่งและการใช้ Command Line (แต่ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้), การหาซอฟท์แวร์ทางเลือก (Alternate software) ซึ่งเปิดให้ใช้งานฟรีแล้วดีเทียบชั้นซอฟท์แวร์เสียเงิน ก็เชื่อว่าจะใช้งาน Linux ได้สนุกสนาน จะลงเป็น OS หลักหรือเสริมในโน๊ตบุ๊ค 2022 ก็ได้
  2. จะใช้ 2-in-1 หรือแบบธรรมดา? – โน๊ตบุ๊คในปัจจุบันนี้ดีไซน์ไม่ได้จำกัดเอาไว้แค่แบบฝาพับอันคุ้นตา ก็จะมีโน๊ตบุ๊คแบบพับจอกลับเป็นแท็บเล็ต, มีปากกา, ถอดคีย์บอร์ดได้ ฯลฯ ให้เลือกอีกมากมาย ซึ่งเรื่องดีไซน์นั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคน ว่าจะใช้งานทั่วไปแค่เปิดมาใช้ทำงานแล้วพับเก็บไปหรือถ้ามีงานอื่นๆ อย่างไปถ่ายภาพหน้างานแล้วต้องการวาดจดด้วยสไตลัสก็อาจจะหันมาดูโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 แทนจะดีกว่า
  3. ขนาดและความละเอียดหน้าจอ – ขนาดหน้าจอโน๊ตบุ๊คปัจจุบันนี้มีตั้งแต่ 10 นิ้ว สำหรับเด็กไปจนจอใหญ่ 17 นิ้ว ซึ่งมักเจอเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวท็อปหลายๆ รุ่น ซึ่งถ้าเน้นพกพาใส่กระเป๋าก็น่าดูรุ่น 14 นิ้ว แต่ถ้าไม่ได้ไปไหน เน้นนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ ก็แนะนำรุ่นจอ 15.6 นิ้ว จะมีขนาดใหญ่กำลังดี และแนะนำให้ดูหน้าจอความละเอียด Full HD เป็นขั้นต่ำ และถ้าเจอหน้าจอความละเอียดสูงกว่านี้ก็ยิ่งดี
  4. เลือกรุ่นแบตอึด จะได้ใช้งานได้นาน – แม้โน๊ตบุ๊ค 2022 หลายๆ รุ่นจะใช้งานได้นานเกิน 5 ชั่วโมง แต่ถ้าวันไหนเจองานหนักเปิดเครื่องนานหลายชั่วโมงแล้วเครื่องอาจดับกลางคันได้ ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้หารีวิวโน๊ตบุ๊คอ่านเพื่อหาข้อมูลรุ่นที่สนใจใช้งานได้นานกี่ชั่วโมง ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่าถ้าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจะใช้งานได้ราว 5~7 ชั่วโมงก็เพียงพอ แต่หากเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาควรอยู่ได้ 9~12 ชั่วโมงจะดีที่สุด แต่ในทางกลับกันโน๊ตบุ๊คหลายรุ่นในปัจจุบันนี้ก็มีพอร์ต USB-C Full Function ให้เลือก ซึ่งพอร์ตนี้จะรองรับการต่อหน้าจอแบบ DisplayPort และชาร์จไฟแบบ Power Delivery ได้ ช่วยแก้ปัญหาว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องของเราใช้งานได้ไม่นาน ขอแค่เตรียม Power Bank กำลังชาร์จสูงเอาไว้ก็ชาร์จไปใช้งานไปได้เลย
  5. กำหนดสเปคโดยคร่าวๆ แล้วไปซื้อกัน – ส่วนของสเปคเครื่องขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ว่าเนื้องานของแต่ละคนเน้นไปด้านไหนเป็นหลัก เช่น ถ้ามีงานกราฟิคหรือตัดต่อวิดีโอก็ควรหารุ่นมีการ์ดจอแยกมาใช้งาน, หากเน้นน้ำหนักเบาก็ดูซีพียูว่าเป็นรหัสประหยัดพลังงาน แต่จุดที่ผู้เขียนขอเน้นให้ผู้ใช้พิจารณาไว้ก่อนเป็นอย่างแรก คือ ควรหาโน๊ตบุ๊ค 2022 แรม 16GB มาใช้งาน ไม่เกี่ยงว่าจะเป็น DDR4 หรือ DDR5 ส่วนผู้ใช้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับแรมสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับแรมได้ที่นี่ ส่วนซีพียูอาจจะเริ่มที่ AMD Ryzen 3 หรือ Intel Core i3 ก็ได้ และมี M.2 NVMe SSD ติดตั้ง Windows 10 หรือ 11 มาให้ในเครื่องพร้อมความจุ 256GB ขึ้นไปจะดีที่สุด

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นน่าใช้ ออกใหม่ล่าสุด ซื้อมาใช้แล้วเวิร์คแน่นอน

สเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Lenovo IdeaPad 5 15ALC05-82LN00UHTA AMD Ryzen 7 5700U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.66 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

SD Card
Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

22,490
HP Victus Gaming 15-fb0068AX  AMD Ryzen 5 5600H

AMD Radeon RX 6500M

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.29 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

SD Card
Reader x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

27,490
MSI Alpha 15 B5EEK-095TH AMD Ryzen 7 5800H

AMD Radeon RX 6600M

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.35 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

LAN x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

32,490
Acer Aspire Vero AV15-52-79Z9 Intel Core
i7-1255U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.76 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

30,990
Lenovo ThinkPad E15 Gen 4-21E600C1TH Intel Core
i7-1255U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.7 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

37,900
ASUS TUF Gaming Dash F15 FX517ZM-HN093W Intel Core
i7-12650H

NVIDIA GeForce RTX 3060 

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

44,990

6 โน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นแนะนำน่าใช้ทั้งสายทำงานและเล่นเกม

หากผู้ใช้คนไหนได้อ่านวิธีการเลือกโน๊ตบุ๊ค 2022 ตามที่แนะนำไปข้างบนแล้ว เริ่มเห็นภาพว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนมาใช้เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ของเราดี โดยผู้เขียนได้เลือกโน๊ตบุ๊คทั้งสายทำงานและเล่นเกม โดยมีรุ่นที่ติดตั้งซีพียู AMD กับ Intel มาให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่

  1. Lenovo IdeaPad 5 15ALC05-82LN00UHTA (22,490 บาท)
  2. HP Victus Gaming 15-fb0068AX (27,490 บาท)
  3. MSI Alpha 15 B5EEK-095TH (32,490 บาท)
  4. Acer Aspire Vero AV15-52-79Z9 (30,990 บาท)
  5. Lenovo ThinkPad E15 Gen 4-21E600C1TH (37,900 บาท)
  6. ASUS TUF Gaming Dash F15 FX517ZM-HN093W (44,990 บาท)
1. Lenovo IdeaPad 5 15ALC05-82LN00UHTA (22,490 บาท)

ideapad5

โน๊ตบุ๊ค 2022 เครื่องแรกในบทความนี้ ผู้เขียนแนะนำ Lenovo IdeaPad 5 15ALC05-82LN00UHTA ที่เหมาะจะใช้ทำงานออฟฟิศเป็นรุ่นแรก จุดเด่นของมัน คือ มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, อัพเกรดแรมเพิ่มได้และมีโปรแกรม Microsoft Office ติดตั้งมาให้ เพียงแค่อัพเกรดแรมไป 16GB ก็ใช้งานได้สบายๆ

เครื่องนี้ติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 7 5700U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 1.8-4.3GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics แบบ 8 คอร์มาให้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ในเครื่อง มีแรมออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตที่ตัวเครื่องมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 และน้ำหนักเพียง 1.66 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครต้องการโน๊ตบุ๊คเน้นทำงานแล้วสเปคคุ้มด้วยก็ซื้อ Lenovo IdeaPad 5 นี้ไปได้เลย

Lenovo IdeaPad 5 15ALC05-82LN00UHTA
  • CPU : AMD Ryzen 7 5700U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 1.8-4.3GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 8 คอร์
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.66 กิโลกรัม
  • Price : 22,490 บาท (BaNANA)
2. HP Victus Gaming 15-fb0068AX (27,490 บาท)

victusgaming

หากใครอยากได้โน๊ตบุ๊ค 2022 สเปค AMD ล้วนล่ะก็ HP Victus Gaming 15-fb0068AX เครื่องนี้น่าจะถูกใจผู้ใช้หลายๆ คนอย่างแน่นอน เพราะราคาแค่สองหมื่นกลางแต่สเปคจัดว่าแรงและเมื่อซีพียูกับการ์ดจอเป็น AMD ทั้งหมดแล้วก็จะรองรับฟังก์ชั่น AMD S.A.M. ทำให้โหลดฉากและ Texture ในเกมได้เร็วยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าอัพเกรดแรมเป็น 16GB ก็ยิ่งทำงานและเล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้นเยอะ

ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Ryzen 5 5600H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.3-4.2GHz จับคู่กับการ์ดจอ AMD Radeon RX 6500M แรม 4GB GDDR6 มาให้ใช้งาน ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรมอีก 8GB DDR4 บัส 3200MHz หากอัพเกรดแรมเป็น 16GB ก็ใช้งานได้ลื่นไหลขึ้นมาก ที่เครื่องมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ด้วย และน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 2.29 กิโลกรัม ดังนั้นถ้าใครอยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสเปค AMD ล้วนก็ซื้อ HP Victus เครื่องนี้ได้เลย

สเปคของ HP Victus Gaming 15-fb0068AX
  • CPU : AMD Ryzen 5 5600H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.3-4.2GHz
  • GPU : AMD Radeon RX 6500M แรม 4GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.29 กิโลกรัม
  • Price : 27,490 บาท (Advice)
3. MSI Alpha 15 B5EEK-095TH (32,490 บาท)

alpha15

MSI Alpha 15 B5EEK-095TH เครื่องนี้ก็เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค 2022 สเปค AMD ล้วนอีกเครื่องที่แรงจบตั้งแต่เปิดกล่อง สามารถเล่นเกมฟอร์มยักษ์ในปัจจุบันได้สบายๆ และยังอัพเกรดเพิ่ม SSD เข้าไปได้อีกด้วย จัดเป็นตัวแรงราคาน่าคบอีกเครื่องหนึ่ง

ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Ryzen 7 5800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.4GHz ใช้การ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6600M แรม 8GB GDDR6 กับหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz ในตัว ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, LAN x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ได้ น้ำหนักเครื่องอยุ่ที่ 2.35 กิโลกรัม หากใครจะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค AMD ล้วนสเปคแรงสักเครื่องก็ซื้อเครื่องนี้ไปเล่นเกมได้เลย

สเปคของ MSI Alpha 15 B5EEK-095TH
  • CPU : AMD Ryzen 7 5800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.4GHz
  • GPU : AMD Radeon RX 6600M แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, LAN x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.35 กิโลกรัม
  • Price : 32,490 บาท (ราคากลาง)
4. Acer Aspire Vero AV15-52-79Z9 (30,990 บาท)

vero

Acer Aspire Vero AV15-52-79Z9 รุ่นนี้เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ภาคต่อของตระกูล Vero ซึ่งบอดี้ทำจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิล มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้กับโปรแกรม Microsoft Office แท้ และรหัสนี้ก็ได้รับการอัพเกรดเป็น Intel 12th Gen แล้วด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ ในเครื่องมีแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 ต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และตัวเครื่องหนัก 1.76 กิโลกรัมเท่านั้น และจากโลโก้จะเห็นว่า Aspire Vero นี้ผ่านมาตรฐานเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ด้วย ดังนั้นจะได้เปรียบเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ทนทานยิ่งขึ้นด้วย

สเปคของ Acer Aspire Vero AV15-52-79Z9
  • CPU : Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.76 กิโลกรัม
  • Price : 30,990 บาท (ราคากลาง)
5. Lenovo ThinkPad E15 Gen 4-21E600C1TH (37,900 บาท)

thinkpad

สำหรับโน๊ตบุ๊ค 2022 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ต้องยกให้ Lenovo ThinkPad E15 Gen 4-21E600C1TH รุ่นนี้ที่นอกจากตัวเครื่องจะใหญ่กำลังดีและยังได้ Windows 11 Pro ซึ่งเพิ่มฟีเจอร์เรื่องความปลอดภัยให้รัดกุมยิ่งกว่าเวอร์ชั่น Home อีกด้วย ดังนั้นโน๊ตบุ๊คนี้จึงเหมาะกับคนหาโน๊ตบุ๊คเอาไว้ทำงานเป็นอย่างมาก และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ด้วย

สเปคของเครื่องนี้ใช้ซีพียู Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Pro มาพร้อมแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อมี USB 2.0, USB-A 3.2, USB-C 3.2, HDMI, LAN, Audio combo อย่างละ 1 ช่อง เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และตัวเครื่องหนัก 1.7 กิโลกรัม เรียกว่าเอาใจสายทำงานแบบเต็มที่และได้ Intel 12th Gen ไปด้วยเลย

สเปคของ Lenovo ThinkPad E15 Gen 4-21E600C1TH
  • CPU : Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.7 กิโลกรัม
  • Price : 37,900 บาท (ราคากลาง)
6. ASUS TUF Gaming Dash F15 FX517ZM-HN093W (44,990 บาท)

tufdash

ส่วนโน๊ตบุ๊ค 2022 ที่ได้ทั้งทำงานและเล่นเกม ASUS TUF Gaming Dash F15 FX517ZM-HN093W นับเป็นคำตอบที่ดีมาก เพราะนอกจากได้ดีไซน์สวยเรียบร้อยไม่หวือหวาแล้ว สเปคยังแรงตั้งแต่เปิดกล่องและพอร์ต USB-C ยังเป็น Full Function ด้วย

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ตัวเครื่องหนัก 2 กิโลกรัมพอดี เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าตาเรียบร้อยดูดีทำงานและเล่นเกมได้สบายๆ

สเปคของ ASUS TUF Gaming Dash F15 FX517ZM-HN093W
  • CPU : Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2 กิโลกรัม
  • Price : 44,990 บาท (Advice)

windows eGNLSgazDVU unsplash

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค 2022 ณ ตอนนี้มีรุ่นน่าสนใจให้เลือกเยอะทีเดียว และวิธีการเลือกโน๊ตบุ๊คนั้นก็ไม่ได้ยากมาก หากเข้าใจว่าเราเน้นใช้งานอะไรบ้างและต้องการโน๊ตบุ๊คแบบไหน เท่านี้ก็ช่วยตัดตัวเลือกรุ่นที่ไม่เกี่ยวข้องไปได้เยอะและไม่ต้องโดนคนขายเชียร์ปั่นยอดขายจนเสียโฟกัสอีกด้วย ดังนั้นผู้เขียนแนะนำให้เริ่มทำการบ้านหาดูรุ่นที่สนใจจากที่บ้านก่อนแล้วไปจบที่หน้าร้านหรือจะซื้อออนไลน์ไปเลยก็สะดวกเช่นกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 3msi 1

Share image Edit Name 1qdoled 1

Share image Edit Name 3acer 1

from:https://notebookspec.com/web/668571-5-tips-for-buying-laptop-in-2022

6 โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer หัวใจ Intel Gen 12 แรงคุ้มมีจอ OLED ให้เลือก! อัพเดทปลายปี 2022

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ปลายปี 2022 นี้มีของดีเปิดตัวมาเพียบ มีจอ OLED แล้วด้วย!

acer oled cover

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ในช่วงปลายปี 2022 นี้ มีรุ่นน่าสนใจเปิดตัวออกมามากมาย ปรับดีไซน์เปลี่ยนสเปคให้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเรื่องอัพเกรดเครื่องเพิ่ม RAM, SSD ให้มีความจุมากขึ้น บางรุ่นได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง และบางรุ่นยังแถม Microsoft Office Home&Student ของแท้ติดตั้งมาให้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นตอบโจทย์ผู้ใช้เน้นความคุ้มค่าอย่างแน่นอน

Advertisementavw

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ Intel 12th Gen ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี แบรนด์โน๊ตบุ๊คชั้นนำของตลาดอย่าง Acer ก็เปิดตัวโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นใหม่ทั้งสเปคและดีไซน์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะซีรี่ส์ Aspire ที่เน้นความคุ้มค่าอัพเกรดเครื่องได้, Swift ซึ่งเน้นความบางเบาพกพาสะดวกก็มีให้เลือกซื้อไปใช้ด้วย และราคาก็มีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นช่วง 20,000 บาท เพื่อนักเรียนนักศึกษาไปจนรุ่นพรีเมี่ยมดีไซน์สวยมีเอกลักษณ์ด้วย

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer น่าใช้ทั้ง 6 รุ่น หัวใจ Intel Gen 12 สดใหม่ประหยัดไฟ

สเปคโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Aspire 3 A315-31F5 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.77 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

17,900
Acer Aspire 3 A315-54S1 Intel Core
i5-1235U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.77 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

20,900
Acer Swift 3 SF314-51SQ Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
5200 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED HDR

VESA DisplayHDR True Black 500

100%
DCI-P3

Refresh Rate 90Hz

1.4 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

31,990
Acer Swift 3 SF314-75PN Intel Core
i7-12700H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
5200 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED HDR

VESA DisplayHDR True Black 500

100%
DCI-P3

Refresh Rate 90Hz

1.4 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

35,990
Acer Swift 3 SF314-512-51E2 Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2K
(2560×1440)
IPS

1.25 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

29,990
Acer Swift 3 SF314-512-75VX Intel Core
i7-1260P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2K
(2560×1440)
IPS

1.25 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

33,990

6 โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer น่าใช้ หัวใจ Intel Gen 12 แรงลื่นประหยัดไฟ

ผู้ใช้คนไหนที่มีแผนซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่เอาไว้ทำงานอยู่ ผู้เขียนอยากแนะนำให้ลองดูโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งอัพเดทสเปคมาเป็น Intel Gen 12 สักหน่อย เพราะนอกจากสเปคจะดีแล้วราคาก็ไม่แพงเกินไปอีกด้วย โดยผู้เขียนเลือกมาแนะนำทั้งหมด 6 รุ่นดังนี้

  1. Acer Aspire 3 A315-31F5 (17,900 บาท)
  2. Acer Aspire 3 A315-54S1 (20,900 บาท)
  3. Acer Swift 3 SF314-51SQ (31,990 บาท)
  4. Acer Swift 3 SF314-75PN (35,990 บาท)
  5. Acer Swift 3 SF314-512-51E2 (29,990 บาท)
  6. Acer Swift 3 SF314-512-75VX (33,990 บาท)
1. Acer Aspire 3 A315-31F5 (17,900 บาท)

Screenshot 2022 09 12 100950

Acer Aspire 3 A315-31F5 เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นแรกที่ราคาไม่แพงมาก ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษาที่หาโน๊ตบุ๊คเอาไว้เรียนและยังใช้งานต่อได้ยาวจนเริ่มทำงานเลยก็ไม่มีปัญหา ขนาดเครื่องใหญ่มี Numpad ติดตั้งมาให้ใช้งานอีกด้วย หากผู้อ่านคนไหนสนใจ Aspire 3 เครื่องนี้สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz มาให้ ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมใช้งาน มีแรมในเครื่อง 4GB DDR4 บัส 3200MHz สามารถอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ในเครื่องได้แน่นอน มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.77 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นแรกที่ราคาไม่แพงและสเปคดีน่าสนใจรุ่นหนึ่ง

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-31F5
  • CPU : Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.77 กิโลกรัม
  • Price : 17,900 บาท (Advice)
2. Acer Aspire 3 A315-54S1 (20,900 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101342

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นถัดมาเป็น Acer Aspire 3 A315-54S1 รหัสนี้เป็นรุ่นที่แชร์สเปคร่วมกับ Aspire 3 ในข้อก่อนหน้าแทบทั้งหมด แต่เปลี่ยนซีพียูเป็น Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz แทนและเพิ่มแรมให้เป็น 8GB DDR4 บัส 3200MHz แทน หากใครใช้โปรแกรมที่เน้นกำลังประมวลผลของซีพียูหนักๆ ตัวอย่างเช่น Microsoft Excel แล้วเป็นชีตมีตารางเยอะ รุ่นนี้จัดว่าน่าสนใจทีเดียว แค่เพิ่มเงินอีกเล็กน้อยสเปคก็จัดว่าดีน่าประทับใจทีเดียว

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-54S1
  • CPU : Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.77 กิโลกรัม
  • Price : 20,900 บาท (Advice)
3. Acer Swift 3 SF314-51SQ (31,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101432

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่น Acer Swift 3 SF314-51SQ รหัสนี้เป็น Swift รุ่นล่าสุดที่ได้หน้าจอพาเนล OLED สีสันสวยงาม ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ความละเอียดสูงถึง 2.8K จับคู่กับซีพียู Intel 12th Gen รหัส H ประสิทธิภาพสูงและมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย เหมาะกับคนที่ทำงานกราฟฟิคอย่างตัดต่อแต่งภาพหรือทำกราฟฟิคมาก

สเปคของ Swift 3 เครื่องนี้ได้ซีพียู Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พิกเซล พาเนล OLED HDR ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 90Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home&Student 2021 มาให้พร้อมแรมออนบอร์ด 16GB LPDDR5 บัส 5200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และตัวเครื่องเบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น จัดเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer เครื่องเบาแต่สเปคดีรุ่นหนึ่งเลย

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-51SQ
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 5200 MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พิกเซล พาเนล OLED HDR ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 90Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (ราคากลาง)
4. Acer Swift 3 SF314-75PN (35,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101712

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นถัดมาเป็น Acer Swift 3 SF314-75PN ซึ่งเป็นรุ่นอัพเกรดสเปคของ Swift 3 ในข้อที่แล้ว โดยเปลี่ยนซีพียูเป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz แทน จึงมีคอร์และเธรดเอาไว้ประมวลผลกับโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้าใครจะตัดต่อคลิปด้วยล่ะก็ แนะนำให้เพิ่มงบอีกสักนิดมาซื้อโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer เครื่องนี้ไปจะดีกว่า

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-75PN
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 5200 MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พิกเซล พาเนล OLED HDR ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 90Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 35,990 บาท (ราคากลาง)
5. Acer Swift 3 SF314-512-51E2 (29,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101742

Acer Swift 3 SF314-512-51E2 นี้จะเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ที่ผ่านมาตรฐาน Intel Evo ซึ่งข้อดีของ Swift 3 ตระกูลนี้ คือน้ำหนักเบา, พกพาง่าย มีพอร์ต Thunderbolt 4 และพอร์ตอื่นๆ ติดตั้งมาให้และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออีกด้วย ซึ่งถ้าใครชอบโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาแบตเตอรี่อึดใช้งานได้หลายชั่วโมง แนะนำให้ดูรุ่นนี้เอาไว้ได้เลย

ซีพียูของ Swift 3 นี้เป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz ใช้การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440) พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home&Student 2021 กับแรมออนบอร์ด 8GB LPDDR4x 4267MHz ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และน้ำหนักเครื่องเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเบาน่าใช้ทีเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนเป็นอย่างมาก

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-51E2
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB LPDDR4x 4267MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440) พาเนล IPS
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.25 กิโลกรัม
  • Price : 29,990 บาท (ราคากลาง)
6. Acer Swift 3 SF314-512-75VX (33,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101758

Acer Swift 3 SF314-512-75VX เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer อีกรุ่นที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ โดยสเปคจะแชร์กับ Swift 3 ในข้อที่แล้วทั้งหมด แต่ซีพียูถูกอัพเกรดเป็น Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4-4.7GHz แทน ทำให้ประสิทธิภาพตอนประมวลผลดีขึ้น หากใครชอบ Swift 3 ตรงน้ำหนักเบาอยู่แล้ว แต่อยากได้ซีพียูประสิทธิภาพสูงขึ้นสักหน่อย ก็ขยับมาซื้อเครื่องนี้แทนจะดีที่สุด

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-75VX
  • CPU : Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB LPDDR4x 4267MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440) พาเนล IPS
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.25 กิโลกรัม
  • Price : 33,990 บาท (ราคากลาง)

acer laptop swift 3 main banner l

จะเห็นว่าช่วงปลายปี 2022 นี้มีโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ดีๆ เปิดตัวมาให้เลือกหลากหลายรุ่น ได้ซีพียู Intel 12th Gen และมีหน้าจอพาเนล OLED ให้เลือกซื้อ ตอบโจทย์คนที่ทำงานกราฟฟิคอีกด้วย หรือใครที่อยากได้หน้าจอสีสดสวยเป็นพิเศษก็น่าซื้อไปใช้งานเช่นกัน ดังนั้นถ้าใครอยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอยู่แล้ว ก็อยากแนะนำแบรนด์ Acer เป็นพิเศษ เนื่องจากสเปคต่อราคาจัดว่าคุ้มค่าและด้านความแข็งแรงทนทานก็ไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำเจ้าอื่นอย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1predator 1

acer amd cover

swift cover 1

from:https://notebookspec.com/web/666634-6-acer-laptop-for-work-intel-gen-12

6 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท สเปคดีทำงานเลิศ เรียนออนไลน์เจ๋ง อัพเดทปลายปี 2022

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ซื้อเอาไว้ทำงานหรือเรียนออนไลน์ก็โอเคนะ

Share image Edit Name 2laptop 1 1

มั่นใจว่าผู้ใช้หลายๆ คนมองหาโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท เอาไว้ใช้สักเครื่อง นั่นเพราะโน๊ตบุ๊คระดับราคานี้เป็นกลุ่มที่สเปคและราคาสมเหตุผล ไม่แพงเกินไปจนซื้อไม่ไหวแล้วได้สเปคในระดับที่ใช้ทำงานออฟฟิศทั่วไปได้โดยไม่มีปัญหา เปิดไฟล์เอกสาร, เบราเซอร์และอื่นๆ ได้ดีไม่มีปัญหา และหากใครต้องการทดลองใช้งานโน๊ตบุ๊คที่เป็นระบบปฏิบัติการอื่นนอกจาก Windows ก็มีโน๊ตบุ๊ค Chome OS ให้เลือกไปลองใช้งานได้ด้วย น่าจะถูกใจผู้ใช้ที่ชอบทดลองใช้งานอะไรใหม่ๆ เป็นอย่างมาก

Advertisementavw

นอกจากนี้ จุดดีของโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท หลายๆ รุ่น คือ มันสามารถเปิดฝาอัพเกรด เพิ่ม RAM, SSD เข้าไปให้มีความจุมากขึ้น รันโปรแกรมต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม และซีพียูทั้ง AMD, Intel ของโน๊ตบุ๊คกลุ่มนี้ก็มีประสิทธิภาพสูงพอรันโปรแกรมทั่วไปในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเบราเซอร์, Microsoft Office และอื่นๆ ได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน และราคาระดับนี้ก็ตอบโจทย์ตั้งแต่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ไปจนจบใหม่เพิ่งได้งานทำเป็นที่แรกอย่างแน่นอน

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ทั้ง 6 รุ่น ตัวไหนน่าสนใจน่าซื้อมาทำงานบ้าง?
สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท CPU, GPU SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
HP Chromebook 11MK G9 EE MediaTek Kompanio 500 (MT8183)

ARM Mali-G72 MP3

32GB e.MMC 5.0

4GB LPDDR4x
4266 MHz

Chrome OS

11.6″ HD TN

1.34 กก.

USB-C 3.2
รองรับ
Power Delivery, DisplayPort

USB 2.0 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 4.2

4,899
HP 15s-fq3028TU Intel Pentium Silver N6000

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2933MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.65 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

12,590
Lenovo ThinkBook 14 ACL AMD Ryzen 3 5300U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
3200MHz

DOS

14″ FHD IPS

1.4 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

12,900
Fujitsu Lifebook E5410 Intel Core
i3-10110U

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2666MHz

DOS

14″ HD IPS

1.79 กก.

USB-A 3.2 Gen 1 x 2

USB-C 3.2 Gen 2
รองรับ
Power Delivery, DisplayPort x 1

HDMI x 1

VGA x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

14,990
INBook X2 Intel Core
i3-1005G1

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2666MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office

14″ FHD IPS

1.24 กก.

USB-C รองรับ
Power Delivery, DisplayPort x 1

USB-C x 1

USB 3.0 x 2

HDMI 1.4 x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.1

12,990
ASUS ExpertBook P2 P2451FA-EK2706 1 Intel Core
i3-10110U

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2666MHz

DOS

14″ FHD TN

1.5 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

VGA x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

14,990

6 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ไม่ต้องจ่ายแพงก็ได้ของดีเอาไว้ทำงาน

หากผู้ใช้คนไหนกำลังมองหาโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท เอาไว้ใช้งานสักเครื่องอยู่ ไม่อยากจ่ายแพงแต่ขอสเปคดี ใช้งานได้ไหลลื่น ก็สามารถหาซื้อมาใช้งานได้อย่างแน่นอนและมีตัวเลือกหลากหลายด้วย ซึ่งทั้ง 6 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำจะมีดังนี้

  1. HP Chromebook 11MK G9 EE (4,899 บาท)
  2. HP 15s-fq3028TU (12,590 บาท)
  3. Lenovo ThinkBook 14 ACL (12,900 บาท)
  4. Fujitsu Lifebook E5410 (14,990 บาท)
  5. INBook X2 (12,990 บาท)
  6. ASUS ExpertBook P2 P2451FA-EK2706 (14,990 บาท)
1. HP Chromebook 11MK G9 EE (4,899 บาท)

HP Chromebook DSC09405

HP Chromebook 11MK G9 EE เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ซึ่งผู้เขียนได้ทำรีวิวไปก่อนหน้านี้ หากผู้ใช้ท่านไหนสนใจโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่ ในแง่ของจุดเด่น คือ โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย แบตเตอรี่อึดใช้งานได้หลายชั่วโมงและใช้ความรู้ความเข้าใจของสมาร์ทโฟน Android มาประยุกต์กับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้เลย ไม่ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ต้นก็ได้

สเปคของ HP Chromebook ใช้ชิป MediaTek Kompanio 500 (MT8183) แบบ Octa-core กับจีพียู ARM Mali-G72 MP3 สามารถทำงานและเรนเดอร์ภาพขึ้นหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN ได้ดีไม่มีปัญหา มีหน่วยความจำแบบ e.MMC 5.0 ความจุ 32GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Chrome OS มาให้พร้อมแรมอีก 4GB LPDDR4x บัส 4266MHz มีพอร์ต USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort 1.2 x 1, USB 2.0 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทาง Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.2 ด้วย และน้ำหนักเครื่องเพียง 1.34 กิโลกรัม ประกอบกับราคาเครื่องเพียง 4,899 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมากหากใครต้องการทดลองใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS แล้วไม่อยากจ่ายแพงเกินไป ก็มาเริ่มกับ HP Chromebook 11MK G9 EE เครื่องนี้ก่อนได้เลย

สเปคของ HP Chromebook 11MK G9 EE
  • CPU : MediaTek Kompanio 500 (MT8183) แบบ Octa-core
  • GPU : ARM Mali-G72 MP3 Graphics
  • SSD : 32GB e.MMC 5.0
  • RAM : 4GB LPDDR4x บัส 4266 MHz
  • Monitor : 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN
  • Port : USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort 1.2 x 1, USB 2.0 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac, Bluetooth 4.2
  • Camera : 720p HD Camera
  • Software : Chrome OS
  • Weight : 1.34 กิโลกรัม
  • Price : 4,899 บาท (JD Central)
2. HP 15s-fq3028TU (12,590 บาท)

hp

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท เครื่องถัดมาเป็น HP 15s-fq3028TU ซึ่งประสิทธิภาพของมันจัดว่าใช้ทำงานเอกสาร, เปิดเบราเซอร์เข้าเว็บไซต์ได้ไหลลื่นแน่นอน และหากใครเป็นโปรแกรมเมอร์มือใหม่อาจจะซื้อเครื่องนี้ไปลองฝึก Coding ก่อนก็ไม่มีปัญหา ขอเพียงเพิ่มแรมเป็น 8GB เท่านี้ก็ใช้งานได้ดีขึ้นมากแล้ว

ซีพียูของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็น Intel Pentium Silver N6000 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1-3.3GHz จับคู่การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics ประมวลผลงานและเรนเดอร์ภาพขึ้นหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ได้ดีแน่นอน มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรมอีก 4GB DDR4 บัส 2933MHz รองรับการอัพเกรดได้ 16GB DDR4 มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 1.65 กิโลกรัม ซึ่งสเปคต่อราคาจัดว่าค่อนข้างดีแล้ว และถ้าอัพเกรดแรมสักหน่อย ก็ยังไม่เกินงบซื้โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท อย่างแน่นอน

สเปคของ HP 15s-fq3028TU
  • CPU : Intel Pentium Silver N6000 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1-3.3GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : M.2 NVMe SSD 256GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2933MHz
  • Monitor : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Port : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2
  • Camera : 720p HD Camera
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.65 กิโลกรัม
  • Price : 12,590 บาท (Advice)
3. Lenovo ThinkBook 14 ACL (12,900 บาท)

thinkbook

Lenovo ThinkBook 14 ACL รุ่นนี้จัดว่าได้สเปคต่อราคาคุ้มค่ามากในกลุ่มโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ได้ซีพียูประสิทธิภาพสูงอย่าง AMD Ryzen แบบประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ หน้าจอความละเอียด Full HD ขอแค่อัพเกรดแรมให้ได้ 8GB ขึ้นไปก็ใช้งานได้ดี มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว แต่ในเครื่องยังเป็น DOS อยู่ ผู้ใช้ก็ต้องหาระบบปฏิบัติการมาติดตั้งเอง ไม่ว่าจะเป็น Windows, Linux หรือจะเป็น Chrome OS Flex ก็ได้ ซึ่งอาจไม่ถนัดสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแต่ถ้าเป็นสายลองของก็น่าจะถูกใจอย่างแน่นอน

สเปคภายในเครื่องได้ซีพียู AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6-3.8GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์ ได้หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ใช้ระบบปฏิบัติการ DOS มีแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม หากใครต้องการโน๊ตบุ๊คสเปคดีเกินตัวแค่หาระบบปฏิบัติการมาติดตั้งเพิ่มนิดหน่อยก็ซื้อรุ่นนี้ไปใช้งานได้เลย

สเปคของ Lenovo ThinkBook 14 ACL
  • CPU : AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6-3.8GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Monitor : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Port : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac, Bluetooth 5.0
  • Camera : 720p HD Camera
  • Software : DOS
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 12,900 บาท (Advice)
4. Fujitsu Lifebook E5410 (14,990 บาท)

Screenshot 2022 09 08 091130

สำหรับโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ก็มีโน๊ตบุ๊ค Made in Japan คุณภาพดีอย่าง Fujitsu Lifebook E5410 ให้เลือก ซึ่งจุดเด่นของตระกูลนี้ซึ่งเป็นซีรี่ส์เริ่มต้นนั้น นอกจากราคาจะไม่แพงมากก็ยังได้งานประกอบแข็งแรง พอร์ตมีครบเครื่องพร้อม USB-C แบบรองรับการต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ก็ต้องหาระบบปฏิบัติการมาติดตั้งเองเช่นเดียวกับ Lenovo ในข้อก่อนหน้า แต่ก็ดีต่อผู้ใช้ที่อยากลองหาระบบปฏิบัติการอื่นๆ มาใช้งานอย่างแน่นอน

ซีพียูใน Fujitsu Lifebook ติดตั้ง Intel Core i3-10110U แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.1-4.1GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics กับหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ DOS มาให้พร้อมแรม 4GB DDR4 บัส 2666MHz ติดตั้งพอร์ต USB-A 3.2 Gen 1 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort และ Power Delivery x 1, HDMI x 1, VGA x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ส่วนตัวเครื่องหนัก 1.79 กิโลกรัม จัดว่ามีน้ำหนักนิดหน่อยแต่ก็ยังพกพาได้ง่าย หากใครชื่นชอบคุณภาพแบบ Made in Japan แต่ไม่อยากจ่ายแพงก็ซื้อเครื่องนี้ไปได้เลย

สเปคของ Fujitsu Lifebook E5410
  • CPU : Intel Core i3-10110U แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.1-4.1GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2666MHz
  • Monitor : 14 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS
  • Port : USB-A 3.2 Gen 1 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort และ Power Delivery x 1, HDMI x 1, VGA x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.1
  • Camera : 720p HD Camera
  • Software : DOS
  • Weight : 1.79 กิโลกรัม
  • Price : 14,990 บาท (JD Central)
5. INBook X2 (12,990 บาท)

ถ้าเอาโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท เน้นคุ้มค่าราคาเป็นมิตรใช้งานได้ดี INBook X2 ก็น่าสนใจมาก เพราะน้ำหนักเบา สเปคดีพกพาง่าย พอร์ตเชื่อมต่อครบเครื่องและมี Microsoft Office ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน หากใครสนใจโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

สเปครุ่นที่เลือกมาแนะนำเป็น Intel Core i3-1005G1 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.2-3.4 GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics มาให้ใช้งาน ได้จอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home, Microsoft Office มาให้พร้อมแรม 4GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-C รองรับการชาร์จแบตฯ Power Delivery และต่อหน้าจอแยก DisplayPort x 1, USB-C x 1, USB 3.0 x 2, HDMI 1.4 x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1 และตัวเครื่องเบาเพียง 1.24 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเบาพกง่าย สเปคดีตอบโจทย์การทำงานออฟฟิศระดับหนึ่งและเป็นมิตรกับกระเป๋าเงินของนักเรียนนักศึกษาทั้งที่เรียนอยู่และได้งานทำใหม่อย่างแน่นอน

สเปคของ INBook X2
  • CPU : Intel Core i3-1005G1 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.2-3.4 GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 256GB
  • RAM : ออนบอร์ด 4GB DDR4 
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB
  • Ports : USB-C รองรับการชาร์จแบตฯ Power Delivery, ต่อหน้าจอแยก DisplayPort x 1, USB-C x 1, USB 3.0 x 2, HDMI 1.4 x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera พร้อมดวงไฟคู่ Dual-Star light
  • OS : Windows 11 Home, Microsoft Office
  • Weight : 1.24 กิโลกรัม
  • Price : ราคา 12,990 บาท (JD Central)
6. ASUS ExpertBook P2 P2451FA-EK2706 (14,990 บาท)

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รุ่นสุดท้ายที่เลือกมาแนะนำเป็น ASUS ExpertBook P2 P2451FA-EK2706 ซึ่งมีพอร์ตสำหรับใช้งานติดตั้งมาให้ครบเครื่อง, อัพเกรดเพิ่ม SSD หรือ RAM ในเครื่องได้ พกพาสะดวกและสเปคก็ถือว่าดีระดับหนึ่ง แค่หาระบบปฏิบัติการอื่นมาติดตั้งเพิ่มเติมก็ใช้ทำงานได้ดีแน่นอน

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i3-10110U แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.1-4.1GHz มีการ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics ใช้จอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN กับ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ DOS มาให้ ส่วนแรมเป็นออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2666MHz ติดตั้งพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, VGA x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 และตัวเครื่องหนัก 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้จัดว่าเหมาะกับสายทำงานออฟฟิศที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปติดต่อลูกค้าและพรีเซนต์งานเป็นอย่างมาก เพราะมีพอร์ตต่อหน้าจอให้เลือกใช้ทั้ง HDMI, VGA ไม่ต้องพึ่งตัวแปลงแม้แต่น้อย และยังได้พอร์ตใช้งานหลักๆ มาครบถ้วนอีกด้วย จัดว่าน่าสนใจมาก

สเปคของ ASUS ExpertBook P2 P2451FA-EK2706
  • CPU : Intel Core i3-10110U แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.1-4.1GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2666MHz
  • Monitor : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN
  • Port : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, VGA x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.0
  • Camera : 720p HD Camera
  • Software : DOS
  • Weight : 1.5 กิโลกรัม
  • Price : 14,990 บาท (ราคากลาง)

campaign creators gMsnXqILjp4 unsplash 1

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1smartphone 1

Share image Edit Name 3monitor 1

Share image Edit Name 2tax2 1

from:https://notebookspec.com/web/666000-6-recommend-laptop-under-15000-in-2022

Lenovo ThinkPad X13 เบาบาง Intel Core i7, DDR5 มาพร้อม Thunderbolt 4 ความปลอดภัยขั้นสุด

Lenovo ThinkPad X13 แรงดี สเปคแน่น Security สูง DDR5 พร้อม Thunderbolt 4 เบาพกง่าย

Lenovo ThinkPad X13

Lenovo ThinkPad X13 ที่ถือว่าเข้าสู่ Generation 3 แล้ว ยังคงเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านงานธุรกิจ และเชื่อมโยงมาสู่การเป็นโน๊ตบุ๊คในชีวิตประจำวันของใครหลายคน ในแง่ของไลฟ์สไตล์ที่ให้ความบางเบา และในแง่ของความทนทาน ในการสร้างสรรค์งาน และการตอบสนองได้ดี ด้วยขุมพลัง Intel Core i7-1260P รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมแรม DDR5 4800 16GB และ SSD มาให้ถึง 1TB ด้วยกัน โดยมีหน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ ความละเอียด 1920 x 1200 pixels) ให้ภาพที่คมชัด และมุมมองกว้างด้วยพาแนลแบบ IPS ปุ่มคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ ตอบสนองได้ไว ให้ความนุ่มนวล มีแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้ พอร์ตต่อพ่วงอุปกรณ์ก็มีให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB, HDMI หรือ Thunderbolt 4 ก็ตาม เพิ่มระยะเวลาให้การใช้งานได้นานขึ้นกับแบตเตอรี่ระดับ 54.7Whr ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro และซอฟต์แวร์จัดการระบบ Lenovo Vantage ที่สำคัญก็คือ ThinkPad X13 ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อความปลอดภัย ด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่ป้องกันการคุกคามด้านไซเบอร์ เพื่อความมั่นใจในด้านข้อมูลและการทำธุรกรรมในแต่ละวันของคุณได้อย่างเต็มที่ รับประกัน 3 ปี สเปคสามารถปรับเลือกได้ ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 บาท

Lenovo ThinkPad X13

จุดเด่น

Advertisementavw
  • มีระบบความปลอดภัยหลายรูปแบบ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
  • มาพร้อมซีพียู Intel Core i7 และแรม DDR5
  • รองรับ Windows Hello ทั้งสแกนใบหน้าและสแกนนิ้ว
  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • บานพับกางได้ 180 องศา
  • มาพร้อม TrackPad คีย์บอร์ดนุ่มพิมพ์ง่าย เสียงเบา
  • มีพอร์ต Thunderbolt 4

ข้อสังเกต

  • ปุ่ม fn สลับตำแหน่ง Ctrl ด้านซ้าย
  • ฐานโน๊ตบุ๊คด้านหลังยกตัวไม่สูงนัก หากจะให้เอียงรับกับมือ ต้องใช้ตัวช่วย

Specification

Description
CPU Intel Core i7-1260P, 4P+8E/ 16Thread, Boost 4.70GHz
OS Windows 10 Pro
Display 13.3″ WUXGA (1920 x 1200) IPS, antiglare
RAM LPDDR5 16GB
Storage 1TB M.2 NVMe PCIe Gen4 x4
Graphic Intel® Iris® Xe graphics
Battery 54.7Whr
Camera 1080p FHD + IR hybrid camera with webcam privacy shutter
Connectivity Intel®WiFi 6E*
Optional: WWAN 4G/LTE CAT4 or CAT16
Bluetooth®5.2
NFC
Security Microsoft Secured-core PCs (varies by model)
Power-on match-on-chip touch fingerprint reader
Discrete trusted platform module (dTPM) 2.0
FHD + IR hybrid camera with webcam privacy shutter
Optional: PrivacyGuard
Tile® ready
Kensington Nano Security Slot™
Audio Dolby Audio™ Speaker System
Dimension 18.10mm x 305.8mm x 217.56mm
Keyboard Spill-resistant
TrackPoint
TrackPad: 115mm/4.52″
Optional: Backlit with white LED lighting
Port 2 x USB-A 3.2 Gen 1
2 x USB-C Thunderbolt™ 4
HDMI 2.0b
Headphone / mic combo
Optional: SIM
Optional: Smart card reader
Source: Lenovo ThinkPad

Hardware / Design

Lenovo ThinkPad X13

Lenovo ThinkPad X13 Gen3 รูปลักษณ์ที่มีความคลาสสิก ส่วนตัวผู้เขียนเอง ก็คุ้นเคยกับสไตล์นี้มาตั้งแต่ในยุคแรกๆ ก็ยังถือว่ามีการปรับปรุงเรื่องเส้นสายมาบ้างในบางจุด ทำให้ดูลงตัวขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ออกมาบางเหมือนในซีรีส์ของ X1 แต่ถ้ามองกันดีๆ แล้วที่การไล่ระดับมาได้อย่างสวยงาม กับโทนสีเทาดำ ชอบตรงพื้นผิวของบอดี้ที่มีสัมผัสนุ่มนวลจับถือได้อย่างถนัดมือ และเป็นแบบเดียวกันทั้งบอดี้ จุดเด่นอยู่ที่ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และบอดี้ก็ยังไม่หนาไม่บางเกินไป เรียกว่าผู้หญิงก็พกพาง่าย ผู้ชายก็จับถือได้สะดวก โดยที่วัสดุหลักยังคงเป็นแม็กนิเซียมอัลลอยและคาร์บอน โครงสร้างแข็งแรงแทบจะกลมกลืนเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด

Lenovo ThinkPad X13

ด้วยบอดี้ที่บางแต่อาจจะไม่ได้บางที่สุด หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับเดียวกัน แต่ก็สะดวกต่อการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ไม่ว่าจะใส่กระเป๋าสะพายใบเล็ก เป้สบายหลังแบบ 23L หรือจะเป็นกระเป๋า Messenger ก็ตาม น้ำหนักเพียง 1.33Kg โดยประมาณเท่านั้น จึงไม่ได้เป็นภาระ แม้จะต้องพกพาไปพบลูกค้า หรือเดินทางไปท่องเที่ยวก็ตาม หรือจะพกอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟไปด้วย ก็เพียง 297 กรัมเท่านั้น

Lenovo ThinkPad X13

บอดี้และบานพับที่ปรับได้หลายรูปแบบ เพื่องานและการใช้ในชีวิตประจำวันในรูปแบบต่างๆ ได้ ซึ่งสอดคล้องกับการใช้งานของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน ไซต์งาน หรือไลฟ์สไตล์ก็ตาม

Lenovo ThinkPad X13

บริเวณฝาปิด Cover ด้านบนตัวเครื่องมาในโทนสีดำ-เทาเช่นเดียวกับบอดี้หลัก และโลโก้ ThinkPad ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมุมบนซ้าย และแสงไฟสีแดงตรงจุดบนตัวอักษร i สว่างขึ้น เมื่อระบบทำงาน มุมล่างขวาก็จะมีโลโก้ Lenovo ติดไว้ให้ดูสะดุดตา

Lenovo ThinkPad X13

โลโก้ของ ThinkPad นี้ ก็มีมาด้านในด้วย ซึ่งเป็นตำแหน่งดั้งเดิมในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่ตรงจุดแดงๆ บน “i” นี้ จะไม่มีแสงไฟสว่างขึ้นมาแบบบน Cover นะครับ

Lenovo ThinkPad X13

สำหรับ Lenovo ThinkPad X13 รุ่นนี้ จะเป็นแบบกางหน้าจอได้ 180 องศา เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีและมีความยืดหยุ่น แต่ถ้าต้องการจะได้หน้าจอสัมผัสและบานพับที่ปรับได้ 360 องศา ก็มีตัวเลือกอย่าง ThinkPad X13 Yoga ให้เลือกอีกด้วย

Lenovo ThinkPad X13

บอดี้มีความบางในระดับหนึ่ง ตั้งแต่โครงสร้างของบอดี้ ไปจนถึงฝาพับ Cover ซึ่งเมื่อปิดฝาพับลงมาแล้ว จุดที่บางสุดบริเวณด้านหน้าอยู่ที่ประมาณ 1.4cm และจุดหนาสุดด้านท้ายบริเวณฝาพับประมาณ 1.6cm เท่านั้น บานพับทำได้แข็งแรงเรียกว่าแม้คุณจะเป็นคนที่พิมพ์หนัก ก็ไม่ทำให้บานพับหน้าจอสั่นคลอนแต่อย่างใด

Lenovo ThinkPad X13

พอร์ตสำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ทาง Lenovo ก็จัดเตรียมพอร์ตมาตรฐานมาให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB Type-A, HDMI หรือ Thunderbolt 4 และที่สำคัญรุ่นที่เราได้รับมาทดสอบนี้ ยังมีช่องใส่ SIM สำหรับระบบเครือข่ายได้อีกด้วย พร้อมช่อง Smart card reader ที่ดูจะลงตัวกับองค์กรอย่างครบครัน

Lenovo ThinkPad X13

กล้องเว็บแคมความละเอียดสูงระดับ Full-HD ที่ให้ภาพคมชัด เหมาะกับงานประชุมออนไลน์และการสนทนาที่ต้องการรายละเอียดและมุมมองของภาพที่ดีขึ้น อีกทั้งรองรับฟีเจอร์การล็อกอินเข้าระบบด้วย Windows Hello ได้อีกด้วย

Lenovo ThinkPad X13

คีย์บอร์ดที่มีปุ่มขนาดใหญ่ สำหรับการพิมพ์ที่แม่นยำ เหนือสิ่งอื่นใดคือ การตอบสนองของปุ่มทำได้ดี มีน้ำหนักพอประมาณ ทำให้การกดสนุกมากขึ้น ยิ่งเป็นคนที่พิมพ์สัมผัสได้คล่อง ก็จะได้ประโยชน์ไม่น้อยเลย โดย Lenovo ThinkPad X13 มีแสงไฟ Backlit สีขาวปรับความสว่างได้ 2 ระดับเอาไว้ใช้งานบริเวณที่แสงสว่างน้อยได้ดีทีเดียว

Lenovo ThinkPad X13

น้ำหนักโดยประมาณจากที่เราได้ลองตรวจเช็คดูเบื้องต้นอยู่ที่ราวๆ 1.32Kg ซึ่งถือว่าค่อนข้างเบา เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาดประมาณฝ่ามือ หนักราว 250g ยิ่งทำให้คุณพกพาไปใช้งานได้สะดวกไม่น้อย

Lenovo ThinkPad X13

ซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage เป็นอีกฟังก์ชั่นที่เตรียมมาให้กับผู้ใช้ได้จัดการ ดูแล ตั้งค่า รวมถึงการเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ที่สะดวกต่อการใช้งานมากทีเดียว


Keyboard / Touchpad

Lenovo ThinkPad X13

คีย์บอร์ดมาในรูปแบบมาตรฐาน ปุ่มขนาดใหญ่ดีไซน์ในแบบที่คุ้นตา ทั้งในส่วนของ IdeaPad, Yoga หรือจะเป็น Legion ก็ตาม ในแง่ของการใช้งานให้ความรู้สึกมีแรงต้านเล็กน้อย เสียงกดที่เงียบ ไม่ออกแนวกระแทก ปุ่มมีระยะห่างกำลังดี ให้การพิมพ์แบบสัมผัสได้ หรือจะใช้ท่องเน็ต ดูหนัง ฟังเพลง ก็สะดวก

Lenovo ThinkPad X13

นอกจากในเรื่องขนาดปุ่มที่ใหญ่ ระยะห่างดี มีการตอบสนอง ThinkPad X13 ยังคงภาพลักษณ์ที่หลายคนคุ้นตากันดีอย่าง TrackPoint ที่เป็นปุ่มยางสีแดง ตรงกลางคีย์บอร์ด ทำหน้าที่คล้ายจอยสติ๊ก แค่แตะที่ปุ่ม ก็เลื่อนเคอร์เซอร์บนหน้าจอแทนเมาส์ได้สะดวกแล้ว หลายคนยังติดอกติดใจกับฟีเจอร์นี้ ส่วนตัวก็ชอบนะครับ เพราะบางจังหวะการใช้นิ้วเลื่อนที่ทัชแพด ก็คอนโทรลได้ยาก สิ่งนี้ช่วยทำให้การเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

Lenovo ThinkPad X13

แสงไฟบนคีย์บอร์ดหรือไฟ Backlit ไม่ได้ถูกทิ้งไปไหน แต่ยังคงอยู่บนโน๊ตบุ๊ค ThinkPad X13 รุ่นนี้ ด้วยการปุ่ม Fn+Spacebar ก็สามารถเปิด-ปิดแสงไฟ และปรับความสว่างของปุ่มคีย์บอร์ดได้ 2 ระดับ แสงไฟที่ลอดออกมาบนตัวปุ่ม ยังมีความคมชัด ตัดกับพื้นหลังสีดำของปุ่มได้ชัดเจน

Lenovo ThinkPad X13

ด้านบนของปุ่มเป็นชุดฮอตคีย์ ที่รองรับการใช้งานได้เต็มทุกปุ่ม ตั้งแต่ เปิด-ปิดเสียง, ลด-เพิ่มเสียง, เปิด-ปิดไมค์, เพิ่ม-ลดแสงสว่าง, เปิด-ปิดทัชแพด, Airplane mode, ส่งสัญญาณไปจอภายนอก, รับสาย-วางสาย เพราะโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้มีช่องใส่ SIM มาให้ และปุ่ม Home, End, Del โดยย้ายปุ่ม Print screen ในการจับภาพหน้าจอไว้ด้านล่าง รวมถึงปุ่มปรับแสงไฟคีย์บอร์ดที่ Spacebar

Lenovo ThinkPad X13

ในแง่ของคีย์บอร์ด Lenovo ThinkPad X13 มีหลายส่วนที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นขนาดปุ่มกดง่าย เสียงรบกวนแทบไม่มี ให้ความนุ่มนวล ปุ่มฮอตคีย์ก็จัดมาแบบครบๆ ใช้ง่าย ปุ่มลูกศร ก็ให้มาแบบครึ่งปุ่ม แต่ก็ยังใหญ่กว่าโน๊ตบุ๊คในระดับ 13.3″ และ 14″ โดยทั่วไป รวมถึงแสงไฟก็สว่างชัดเจน แต่ติดเล็กน้อยตรงปุ่ม fn แถวด้านล่างซ้ายมือ ทำให้การใช้ปุ่มลัด เช่น Ctrl+C, Ctrl+V หรือ Ctrl+A ที่ส่วนใหญ่เราจะคุ้นกับการกดปุ่ม Ctrl ริมสุดด้านซ้ายตามความเคยชิน ก็อาจจะทำให้บางครั้งไม่สะดวก แต่เรื่องนี้คุณสามารถเข้าไปตั้งค่าในการสลับปุ่ม fn to Ctrl บนซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ได้ครับ

Lenovo ThinkPad X13

ปุ่มเพาเวอร์สำหรับเปิด-ปิดการทำงาน มีฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ ในการล็อกอินเข้าสู่ระบบได้อีกด้วย นอกเหนือจากการใช้งาน Windows Hello ผ่านกล้องเว็บแคม

Lenovo ThinkPad X13

แต่ที่น่าสนใจก็คือ ทัชแพดที่จัดเต็มฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้ รองรับการใช้งาน Multi-gesture ในแบบมาตรฐาน ตอบสนองได้ไว แม้จะมีปุ่มกดคลิ๊กซ้าย-ขวาที่ด้านบนมาให้แล้ว แต่คุณก็ยังคลิ๊กปุ่มที่ซ่อนอยู่ในทัชแพดได้อีกด้วย และให้การกดที่นุ่มนวล ตามสไตล์ของ ThinkPad ที่มีมาหลายยุคสมัย และบริเวณทัชแพด ยังเป็นจุดที่รองรับ NFC ในการเชื่อมสัญญาณของอุปกรณ์โมบาย ในการสแกนข้อมูลร่วมกันกับโน๊ตบุ๊ค Lenovo รุ่นนี้

Lenovo ThinkPad X13

ก็เรียกว่าทาง Lenovo ยังคงให้ความสำคัญกับสัมผัสและรูปแบบการใช้งานคีย์บอร์ดให้เข้ากับกลุ่มผู้ใช้ในด้าน Business และ Lifestyle ได้อย่างลงตัว


Screen / Speaker

Lenovo ThinkPad X13

Lenovo ThinkPad X13 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ ให้ความละเอียดที่ 1920 x 1200 pixels ลดแสงสะท้อนในแบบ Anti-Glare ให้ความสว่างมากถึง 400-nits และจากข้อมูลที่ได้มานี้ ยังเป็นจอที่มีความแม่นยำของสีในระดับ 100% sRGB อีกด้วย ตรงนี้เราได้ทดสอบในเบื้องต้นด้วยอุปกรณ์ทดสอบของเราผ่านทางซอฟต์แวร์ DisplayCAL ได้ถึง 100.1% Gamut volume

Lenovo ThinkPad X13

มุมมองของจอภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นมุมมองทางด้านซ้ายหรือขวา ด้วยการเป็นพาแนลแบบ IPS จึงให้สีสันได้ค่อนข้างดี ไม่ผิดเพี้ยน ความละเอียดที่มากขึ้นกว่าจอ Full-HD เท่าตัว ก็ยิ่งเพิ่มรายละเอียดในการรับชมได้น่าสนใจ เอาใจทั้งคอเกม ดูหนัง บันเทิง และการท่องเว็บ รวมไปถึงการทำงานเอกสาร ก็ยังมีเทคโนโลยีลดแสงสีฟ้าที่เป็นตัวการันตีความสบายตา เมื่อต้องใช้งานต่อเนื่อง

Lenovo ThinkPad X13

เรื่องของการเคลื่อนย้าย หรือการปรับมุมมองให้ใช้งานในโอกาสต่างๆ ก็ทำได้ดี อย่างเช่น เราจะยกให้หน้าจอให้กับลูกค้า หัวหน้าหรือคนที่อยู่ตรงข้ามได้ดู ก็จะใช้วิธีถือหันไปให้ดูแบบนี้ เพราะน้ำหนักเบา จอภาพก็ชัด

Lenovo ThinkPad X13

หรือจะกางออก 180 องศาแบบนี้ แล้วยื่นให้มาดูไปพร้อมๆ กันก็ยังได้ ด้วยวัสดุที่มี Texture ของบอดี้ ก็ทำให้หยิบจับได้สะดวก ถนัดมือมากขึ้น รวมถึงน้ำหนักก็เบาระดับกิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น

Lenovo ThinkPad X13

จะมีเพียงเรื่องของขอบจอที่อาจจะไม่ได้บางเฉียบมากนัก หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มเดียวกัน แต่สิ่งที่ทาง Lenovo ThinkPad พยายามย้ำชัดให้กับผู้ใช้ได้ทราบ ก็คือ โครงสร้างที่เพิ่มความแข็งแรง ให้รองรับกับการพกพา การเดินทาง และกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องไปพบกับสภาวะการทำงานที่โหดร้าย การเติมจุดแข็งให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัย จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ รวมไปถึงขอบจอที่แน่นขึ้น

Lenovo ThinkPad X13

เว็บแคมที่ติดตั้งมาด้านบนนี้ ให้ความละเอียดในระดับ Full-HD พร้อมฟีเจอร์ Webcam privacy shutter ซึ่งสามารถเลื่อนปิด-เปิดชัตเตอร์ของกล้องได้ ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบการรักษาความปลอดภัย และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีทีเดียว

Lenovo ThinkPad X13

ภาพที่ได้จากกล้องเว็บแคมในระดับ 1080p ที่เรียกว่ามีความคมชัด ให้สีสันและการเกลี่ยสีได้นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ จึงทำให้ภาพออกมาดูสมจริง ไม่ดูเรียบแบน เพราะตัวกล้องสามารถจัดการกับแสงและภาพได้ดีพอสมควร แต่หากคุณต้องการเพิ่มความสว่างให้กับหน้ามากขึ้น แสงไฟ ที่ส่องเข้ามาทางด้านหน้า ก็จะช่วยได้เยอะ

Lenovo ThinkPad X13

อาจจะพูดไม่ได้เต็มปาก ว่าตัวจอจะถูกนำมาเป็นตัวยกความสูงหรือปรับมุมให้กับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ เพราะเท่าที่ได้ทดลองใช้งาน จะเห็นได้ว่ามีผลน้อยมาก ทำให้บางครั้งโน๊ตบุ๊คจะเป็นแนวระนาบไปกับพื้นโต๊ะ ไม่ได้เอียงรับกับมุมการวางมือมากนัก อย่างไรก็ดีในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า การเพิ่มแท่นวางหรือ Cooling pad เพื่อเสริมการใช้งาน ก็ดูจะเป็นทางออกที่ดีมากขึ้น

Lenovo ThinkPad X13

แต่สิ่งหนึ่งที่เข้ามาทดแทนในเรื่องของมุมมองนั้น การกางจอออกได้ถึง 180 องศา ก็เป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ใช้ สามารถปรับมุมให้เข้ากับท่าทางในการใช้งาน ไม่ว่าจะนั่งหรือยืน รวมไปถึงมุมมองต่างๆ ได้สะดวก

Lenovo ThinkPad X13

และส่วนที่ชอบมากที่สุดสำหรับ Lenovo ThinkPad X13 เป็นการส่วนตัวเลยก็คือ บานพับที่แข็งแรง ทำให้จอไม่เขย่า เมื่อต้องมีแรงมากระทำ เช่น การพิมพ์งาน การวางของบนโต๊ะ หรือการต้องนั่งร่วมโต๊ะกับผู้อื่นในห้องประชุม ร้านกาแฟ หรือสนามบิน คุณจะทำงานได้ในทุกที่ ไม่ต้องกลับหน้าจอจะสั่นไหวให้รำคาญ

Lenovo ThinkPad X13

ชุดลำโพงถูกจัดวางอยู่ด้านบนแผงคีย์บอร์ด รองรับระบบเสียง Dolby Audio เรื่องคุณภาพเสียง ให้ความคมชัดของเสียงสนทนาได้ดี การประชุมจัดอยู่ในเกณฑ์ที่เก็บอารมณ์เสียงคู่สนทนาชัดเจน และตัดเสียงรบกวนโดยรอบได้พอสมควร ในด้านความบันเทิงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เพราะโทนเสียงกลางค่อนข้างหนักแน่น เอฟเฟกต์ระเบิด เสียงเครื่องยนต์ ก็มาเต็ม เพิ่มเสียงได้เร้าใจมากขึ้น แม้ว่าจะเก็บรายละเอียดได้ไม่มาก เพราะเป็นลำโพงขนาดเล็ก และเอาใจสายเกมเป็นหลัก เช่นเดียวกับการฟังเพลงก็ทำได้ดีในหลายๆ แนว แม้จะไม่ได้ดึงโทนของเสียงนักร้อง และเครื่องดนตรีออกมาอย่างจัดแจ้งนัก แต่ถ้าอยากได้ระดับนั้น จัดหูฟังเสียงดีๆ ในแบบ Gaming หรือ Audiophile สักรุ่น ก็สนุกได้แล้ว

Lenovo ThinkPad X13

หน้าจอแสดงผลในการเล่นเกม เรื่องสีสันและเอฟเฟกต์ต่างๆ จัดเต็ม เรียกว่าถ้าเป็นเกม ที่เน้นสีสัน อย่างเช่น DOTA2, APEX Legend หรือ Valorant คุณจะได้สัมผัสนี้อย่างเต็มที่ อีกทั้งภาพเคลื่อนไหวยังลื่นไหลได้ดีในโหมดความละเอียดกลางๆ

Lenovo ThinkPad X13

ดูวีดีโอ ดูหนังและสตรีมมิ่ง ก็จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในยามว่างของหลายๆ คน เรื่องของสีสันความสดใสของจอภาพ และความสว่างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งให้ความละเอียดของภาพและการเกลี่ยสีได้อย่างเต็มอารมณ์ ส่วนหนึ่งมาจากพื้นที่แสดงผลหน้าจอขนาดเล็ก ทำให้เห็นความคมชัดได้มากขึ้น

Lenovo ThinkPad X13

การทดสอบความแม่นยำของสีและขอบเขตสีด้วย DisplayCAL และผลทดสอบที่ได้ขอบเขตสีมาตรฐาน sRGB ได้ถึง 100.1% เรียกว่าตรงกับสเปคที่ระบุไว้ และอยู่ในเกณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการความบันเทิงและผู้ใช้กลุ่มทำงาน ที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องสีสัน เช่น การทำงานเอกสาร ภาพและงานที่ต้องมีรายละเอียดของสีมาเกี่ยวข้อง การนำเสนอภาพลักษณ์ให้มีความผิดเพี้ยนของสีน้อยที่สุด และตรงกับที่ลูกค้าต้องการ รวมไปถึงการทำพรีเซนเทชั่น และงานด้านสตูดิโอ แม้จะไม่ได้ชัดเป๊ะเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มด้านสตูดิโอมากที่สุด แต่ก็ถือว่าทำได้ดี หรือถ้าจำเป็น ก็สามารถนำจอภาพเกรดสตูดิโอมาต่อเพิ่มเพื่อใช้งานได้ ในแง่ของความสว่างตัวเลขที่ออกมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นเดียวกัน


Connector / Thin And Weight

Lenovo ThinkPad X13

พอร์ตการเชื่อมต่อก็มีมาให้ไม่น้อยเลย แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คไซส์ระดับ 13.3″ แต่มีพอร์ตสำคัญพร้อมใช้ และพอร์ตพิเศษความเร็วสูงมาให้ด้วย โดยจะแยกอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องตามมาตรฐาน ด้านซ้ายมือจะเป็น Thunderbolt 4 ในรูปแบบของ USB-C ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลถึง 40Gbps รองรับการชาร์จไว PD และการแสดงผลผ่านทางจอในแบบ DisplayPort ได้อีกด้วย พอร์ตแรกจะใช้ในการเป็นช่องชาร์จ Power-in ถัดมาเป็น HDMI 2.0 และใกล้กันเป็น USB 2.0 Type-A

Lenovo ThinkPad X13

ทางด้านขวาเป็นพอร์ต USB 3.2 Type-A ใกล้กันเป็นช่อง Smart card reader และ Kensington lock

Lenovo ThinkPad X13

สมาร์ทโฟนที่รองรับการชาร์จเร็วในแบบ PD ก็สามารถชาร์จไฟจาก Lenovo ThinkPad X13 ได้อย่างรวดเร็ว ผ่านทางพอร์ต Thunderbolt 4 ในแบบ USB-C เลือกใช้งานได้ทั้ง 2 พอร์ต

Lenovo ThinkPad X13

นอกจากนี้ยังกรณีที่ต้องพรีเซนเทชั่น และแสดงผลออกจอขนาดใหญ่ มีตัวเลือกอย่าง HDMI ส่งสัญญาณไปจอภาพภายนอก ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

Lenovo ThinkPad X13 review 18

ด้วยการมี Thunderbolt 4 ให้ถึง 2 พอร์ต จึงเป็นช่องทางเลือกที่ดีให้กับคนในการใช้งานหลากหลาย ทั้งโอนถ่ายข้อมูล ชาร์จไฟและการแสดงผล

น้ำหนักของโน๊ตบุ๊คเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ประมาณ 1.32 กิโลกรัม ส่วนของที่ชาร์จอแดปเตอร์ประมาณ 297 กรัมเท่านั้น ใกล้เคียงกับที่ Lenovo เคลมเอาไว้ในระบบ


Inside / Upgrade

Lenovo ThinkPad X13 2022 13

ฝาหลังจะมีช่องสำหรับดูดลมเย็นเข้าระบบ โดยเป็นช่องขนาดประมาณ 6cm x 6.5cm และไขน็อตเพียง 7 ตัวเท่านั้น ก็สามารถเปิดฝาหลังได้แล้ว

Lenovo TP X13 Inside 7

เมื่อเปิดฝาออก ด้านในจะเป็นอุปกรณ์ฺต่างๆ จัดเต็มมาบนพื้นที่ของบอดี้เล็กๆ แบบนี้ โดยมีแบตเตอรี่ขนาดไม่ธรรมดาใส่มาเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่เลยทีเดียว

Lenovo TP X13 Inside 9

พัอลมที่ใช้ในการระบายความร้อน มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น พร้อมฮีตไปป์ที่นำพาความร้อนมาจากซีพียูที่อยู่ในบริเวณใกล้กัน และมีช่องลมขาออกอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง

Lenovo ThinkPad X13

ในส่วนของการอัพเกรดจะมีเพียง SSD ที่เป็น M.2 NVMe PCIe นี้เท่านั้น ซึ่งจะเป็นการถอดเปลี่ยน ไม่ได้มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้แต่อย่างใด รวมถึงแรมระบบ ที่เป็นแบบออนบอร์ดมาแล้ว DDR5 16GB และไม่มีสล็อตให้อัพเกรดเพิ่ม แต่ก็ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีอยู่แล้ว แทบไม่ต้องเพิ่มเติม โดยเฉพาะใช้งานทั่วไป งานเอกสาร การแต่งภาพและการสร้างคอนเทนต์วีดีโอในเบื้องต้น ก็เพียงพอ


Performance / Software

Lenovo ThinkPad X13

มาดูสเปคของ Lenovo ThinkPad X13 Gen3 รุ่นนี้กันบ้าง เริ่มจาก CPUz แจ้งรายละเอียดซีพียูไว้ดังนี้ครับ Intel Core i7-1260P ซึ่งถือว่าเป็นซีพียู Intel Gen 12 ระดับ Performance ใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 12 core (แบ่งเป็น 4P + 8E) และมีถึง 16 thread ด้วยกันโดยมี L3 cache ขนาดใหญ่ ที่เป็นผลดีต่อการทำงานโดยรวม และก็ถือโอกาสนี้ในการทดสอบเบื้องต้น ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับอดีตเทพซีพียูเดสก์ทอป Intel Core i7-10700 ถือว่าซีพียูโมบายบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ก็แซงหน้าได้ในแบบ Single thread

Lenovo ThinkPad X13

มาที่แรมระบบกันบ้าง โน๊ตบุ๊ค Lenovo รุ่นนี้ ให้แรมแบบ DDR5 4800 มาให้ถึง 16GB ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากทีเดียว สำหรับจัดการงานพื้นฐานทั่วไป และช่วยให้งานในด้านเอกสาร เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ และการโอนถ่ายข้อมูลทำได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเท่าที่เราได้ทดสอบเปิดไฟล์ภาพขนาดใหญ่ และการโอนถ่ายไฟล์วีดีโอหลายๆ ไฟล์พร้อมกัน ระบบยังทำงานได้อย่างราบลื่น เรียกว่าแทบจะไม่ต้องอัพเกรดเพิ่มแต่อย่างใด

Lenovo ThinkPad X13

การทดสอบประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูล จัดว่าการอ่าน/เขียนข้อมูลไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ด้วยการเป็น SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 4.0 x4 ทำให้อัตราการอ่านข้อมูลทำได้ถึง 3,560MB/s และการเขียนที่รวดเร็ว 3,331MB/s ซึ่งประสิทธิภาพระดับนี้ ส่วนใหญ่จะได้เห็นบนโน๊ตบุ๊คระดับเกมมิ่ง และยังให้มาถึง 1TB ผู้ใช้จะได้ทั้งประสิทธิภาพและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลครบครัน

Lenovo ThinkPad X13

PCMark10 ตัวเลขคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 5,780 คะแนน แต่ตัวเลขที่น่าสนใจอยู่ที่ Essential ที่จะเกี่ยวข้องกับงานที่ส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวัน และงานเอกสารสำนักงาน ซึ่งคะแนนทะลุไปกว่า 10,000 คะแนน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากซีพียูตัวแรงอย่าง Intel Core i7 รุ่นใหม่ที่ใส่เข้ามา และคู่มากับแรม DDR5 ซึ่งมากถึง 16GB ก็ช่วยรีดประสิทธิภาพให้กับงานเหล่านี้ได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่ม Digital Content เช่นทำไฟล์มัลติมีเดีย ตกแต่งภาพ หรือการตัดต่อวีดีโอ ก็ได้คะแนนที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว หากเทียบกับซีพียูในระดับ Core/ Thread และสัญญาณนาฬิกาที่ใกล้เคียงกัน

Lenovo ThinkPad X13

CINEBench ผลการทดสอบเรียกว่าทำคะแนนออกมาได้ดี สำหรับซีพียูระดับ Intel Core i7 รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาบน ThinkPad X13 รุ่นนี้ ในภาพรวมถือว่ารองรับงานด้านกราฟิก 3 มิติได้ดีพอสมควร

Lenovo ThinkPad X13

3DMark กับคะแนนการทดสอบในระดับที่น่าพอใจ แม้จะไม่ได้สูงมากนัก ถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คกราฟิกแยก แต่ถ้ามองถึงตัวเลขที่ได้ และการใช้พลังงาน กราฟิก Intel Iris Xe ยังถือว่าให้ประสิทธิภาพได้ดี ทั้งในด้านของเกมสามมิติระดับเริ่มต้น หรือจะเป็นเกมที่ใช้ทรัพยากรมากขึ้น

Games 1

เพื่อให้สอดคล้องกับระบบที่มีมาให้ และเข้ากันกับจุดประสงค์ของโน๊ตบุ๊ค Lenovo ThinkPad X13 รุ่นนี้ โดยเกมพื้นฐานอย่าง DOTA2 และ PUBG ที่ถือว่ายังเป็นแนวติดตลาด เรื่องเฟรมเรตที่ออกมา ถือว่าทำได้ดีทีเดียว โดย PUBG นั้นจะค่อนข้างแกว่งไปบ้าง เพราะเป็นเกมที่โหลดข้อมูลค่อนข้างเยอะ SSD และ RAM ก็มีส่วนสำคัญ แต่ก็ยังถือว่าเล่นได้ในระดับที่มากกว่า 40fps. ในโหมด Very Low แต่ปรับ Render scale ให้ดูสิ่งแวดล้อมได้ชัดขึ้น ส่วนเกม DOTA2 ปรับได้ทั้ง Best Looking ไปจนถึงเกือบ Performance โดยถ้าไม่เน้นความสวยงาม เอฟเฟกต์หรูหรา ชุดตัวละครต้องงดงาม โหมดนี้สามารถเล่นได้ลื่นๆ เลยทีเดียว

Lenovo ThinkPad X13

ทดสอบการใช้งาน Web browser และสตรีมมิ่ง เราลองเปิดใช้งานพร้อมๆ กันประมาณ 8-10 แท็ป ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บไซต์ เทรดคริปโต รวมถึงการดูข้อมูล ค้นหาไฟล์ และสตรีมมิ่งวีดีโอ 4K ไปพร้อมๆ กัน ยังไม่รวมระบบที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง มีการใช้แรมไปประมาณ 7-8GB เท่านั้น ยังเหลือมากพอสำหรับทำงานอื่นได้อีก เช่น การทำงานเอกสาร พรีเซนเทชั่นหรือการตกแต่งภาพเป็นต้น


Battery / Heat / Noise

Lenovo ThinkPad X13

แบตเตอรี่ที่ให้มาบนโน๊ตบุ๊ค Lenovo ThinkPad X13 รุ่นนี้ เป็นแบบ 4-cell, 54Whr ถือว่าค่อนข้างใหญ่พอสมควร หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คทำงานระดับ 13.3″ ด้วยกัน

Lenovo ThinkPad X13

ในเรื่องของระยะเวลาในการทำงานของโน๊ตบุ๊ค Lenovo ThinkPad X13 รุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 6.40 ชั่วโมงจากการทดสอบด้วย BattMon กับการดูสตรีมมิ่งวีดีโอบน Youtube และเปิดระดับเสียง 20% และความสว่างหน้าจอ 20% สำหรับจำลองการใช้งานจริงอย่างต่อเนื่อง และการเชื่อมต่อผ่าน WiFi ซึ่งมีโอกาสที่จะนานกว่านี้ได้ หากมีการ Disable โปรแกรมเบื้องหลังบางส่วนออกไปบ้าง ก็จะผ่านระยะเวลา 7 ชั่วโมงได้ไม่ยาก

การระบายความร้อนและอุณหภูมิเราทดสอบด้วยโปรแกรม Furmark ในโหมด CPU Burner ด้วยการให้ซีพียูทำงานในแบบ Full load 100% และใช้โปรแกรมตรวจเช็ค HWMonitor ในการตรวจเช็คอุณหภูมิขึ้นไปอยู่ที่ราวๆ 94-96 องศาเซลเซียส แต่ก็ดรอปลงมาเป็นจังหวะ ซึ่งระบบยังทำงานได้ตามปกติ แต่โดยปกติโอกาสที่คุณจะใช้ซีพียู Intel Core i7 ขึ้นไปในระดับ 100% อย่างต่อเนื่อง มีน้อยมากๆ ยกเว้นในงานตัดต่อ เรนเดอร์วีดีโอ หรือจะเป็นการเล่นเกมในบางเกมเท่านั้น แต่ก็ถือว่าระบบยังจัดการเรื่องความร้อนในระดับน่าพอใจ ใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวล


Conclusion / Award

สำหรับในภาพรวมของ Lenovo ThinkPad X13 Gen3 ที่เราได้ลองใช้งานมาประมาณ 4-5 วัน สิ่งที่เราได้เห็นนอกเหนือจากเรื่องประสิทธิภาพ นั่นคือ ดีไซน์และฟังก์ชั่น ที่มีการออกแบบได้ลงตัวทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุและพื้นผิวสัมผัส แม้กลิ่นอายของโน๊ตบุ๊คจะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของงานธุรกิจเป็นหลัก แต่กลับเข้ากันได้กับสไตล์การใช้งานสมัยใหม่ ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ได้ในทุกที่ทุกโอกาส ตั้งแต่การพบลูกค้า พรีเซนท์งานหรือจะนั่งเทรดหุ้นอยู่ร้านกาแฟ ไปจนถึงการสอนการบ้านลูก และความบันเทิงแบบเบาๆ ขณะที่เดินทางหรือพักผ่อนก็ตาม

Lenovo ThinkPad X13 review 20

การเข้าใช้ก็สะดวกสบาย ด้วยการ Log-in ในแบบต่างๆ ที่ปลอดภัย ใช้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น Face recognize หรือใช้ Windows Hello รวมถึงการสแกนลายนิ้วมือ รวมถึงซอฟต์แวร์อย่าง Lenovo Vantage ที่รวมเอาทุกอย่างไว้ให้ ดูแล ตรวจเช็ค อัพเดต และตั้งค่า ไฮไลต์อีกส่วนหนึ่งน่าจะอยู่ที่พอร์ตต่อพ่วง ที่มีให้แบบครบๆ โดยเฉพาะ Thunderbolt 4 มีให้ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน และเพิ่มช่องใส่ SIM มาให้อีกด้วย (Optional) เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดที่นุ่มแน่น มีฮอตคีย์จัดเต็มพิมพ์สนุกมือ มีแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้ รวมถึงมีทัชแพดและปุ่ม TrackPad มาให้ใช้อีกด้วย

สุดท้ายนี้ส่วนตัวมองว่า ยังเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานที่ยังให้คนที่ต้องการความเชื่อมั่นและวางใจได้ในเรื่องความปลอดภัย และเสริมฟังก์ชั่นมาให้แบบจัดเต็มแทบไม่กั๊กเอาไว้ เพื่อธุรกิจส่วนตัว งานสำนักงานและการใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมาพร้อม Windows 10 Pro และการรับประกัน 3 ปีในแบบ On-site service ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 บาท

Award

NBS award 7 Design

ในแง่ของดีไซน์อาจไม่ได้มองถึงเรื่องของรูปลักษณ์ที่หวือหวา แต่ Lenovo ThinkPad X13 เข้ามาในเรื่องของความคลาสสิก ที่ดูเข้ากับในทุกช่วงเวลาที่ใช้งานได้ดีทีเดียว แต่จุดสำคัญคือ การจัดวางองค์ประกอบที่จำเป็นต้องใช้งานได้อย่างน่าสนใจ และใส่เข้ามาในแบบที่ไม่ต้องกังวลว่าบอดี้เล็กแบบนี้จะใส่ได้หรือไม่ เพราะผู้ใช้จะได้สัมผัสถึงการใช้งานทั้งเรื่องระบบความปลอดภัย คีย์บอร์ดใช้งานง่าย หน้าจอคมชัด และจัดพอร์ตต่อพ่วงใหม่ๆ มาให้แบบครบครัน ที่สำคัญมีขุมพลัง Intel Core i7 Gen12 มาให้ พร้อมแรม DDR5 ถือว่าพร้อมใช้งาน

NBS award 4 Mobility

แม้ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับ 13.3″ ที่น้ำหนักไม่ได้เบาสุดขีด แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พกพาได้สะดวก จับถือมือเดียวได้ เดินทางไม่ต้องแบก ความหนาประมาณ 1.5cm เท่านั้น โดยเฉพาะกับบอดี้ที่เป็นแม็กนิเซียมอัลลอยที่ให้ความทนทาน ควบคู่ไปกับความแข็งแรง บอดี้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็นริ้วรอยหรือการกระแทกมากนัก การเชื่อมต่อต่างๆ ก็มีให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น Wireless, Bluetooth หรือ NFC ก็ตาม ส่วนเรื่องระยะเวลาการใช้งานอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะได้ขุมพลังอย่าง Intel Core i7 ทำให้ได้ความแรงถูกอกถูกใจ พกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

from:https://notebookspec.com/web/663767-lenovo-thinkpad-x13-gen3

รีวิว DELL XPS 13 Plus 9320 ยกเครื่องดีไซน์ให้ล้ำสมัย ได้ Intel Evo กับราคา 73,990 บาท

DELL XPS 13 Plus 9320 รุ่นใหม่ล่าสุด ดีไซน์เหมือนหลุดจากหนัง Sci-Fi ได้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ล้นตัว!

Share image Edit Name 1xps13 1

DELL XPS 13 Plus 9320 น้องใหม่ในตระกูล DELL XPS ที่ย่อจาก “eXtreme Performance System” ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คระดับ High-End ที่โฟกัสกลุ่มองค์กรและบริษัทเป็นหลัก แต่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่ถวิลหาโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยม งานประกอบแข็งแรงสวยหรูหราและผ่านมาตรฐาน ได้ตรา Intel Evo มาประดับบนตัวบอดี้เพื่อการันตีว่ามันเกิดมาเพื่อตอบโจทย์คนทำงานอย่างแท้จริง

Advertisementavw

เมื่อเป็นรุ่นใหม่แกะกล่องแล้ว ทาง DELL ก็ไม่ได้แค่เปลี่ยนสเปคสเปคในเครื่องเป็น Intel 12th Gen เท่านั้น แต่ยกเครื่องปรับดีไซน์และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ DELL XPS 13 Plus 9320 ได้ความล้ำสมัยกว่าเดิมหลายอย่างจนโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ดูเหมือนหลุดจากภาพยนตร์ Sci-Fi สักเรื่อง ไม่ว่าจะคีย์บอร์ด Zero-Lattice ดีไซน์ใหม่ราบเรียบ ดีไซน์ปุ่มจากขอบสุดขอบ ตอบสนองไวและเป็นมิตรต่อนิ้วของผู้ใช้, Capacitive Touch Function แถบ Function Key ถูกดีไซน์เป็นปุ่มแบบทัชและมีไฟ LED แสดงสถานะตัวปุ่มให้เห็นชัดเจน รวมถึง Haptic Touchpad ซึ่งดีไซน์เป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง เรียบเนียนไม่มีขอบให้เห็น ได้ความสวยงามแตกต่างอย่างชัดเจน และก็ยังไม่ลืมฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวอย่างกล้อง IR Camera สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องและเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือซึ่งรวมกับปุ่ม Power อีกด้วย เรียกว่าได้ความแตกต่างและได้ความสวยงามยิ่งกว่ารุ่นก่อนชัดเจน

DELL XPS 13 Plus 9320

NBS Verdicts

DELL XPS 13 Plus DSC00213

DELL XPS 13 Plus 9320 นับเป็นการปรับดีไซน์ตัวเครื่องครั้งใหญ่ของทาง DELL ที่คงความสวยหรูพรีเมี่ยมของตระกูล XPS เอาไว้ครบถ้วน ได้รับการรับรองเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo พร้อมซีพียู Intel 12th Gen พร้อมสเปคตอบโจทย์คนทำงานและต้องการโน๊ตบุ๊คดีไซน์ระดับพรีเมี่ยมไว้เสริมบุคลิคและการใช้งานอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้านดีไซน์นับว่าโดดเด่นล้ำสมัยเหมือนหลุดจากภาพยนตร์ Sci-Fi ก็ไม่ผิด ด้วย Capacitive Touch Function, คีย์บอร์ด Zero-Lattice ซึ่งแบนราบและใช้แรงกดเพียงเล็กน้อยก็ตอบสนองการทำงานแล้วไม่พอ Haptic Touchpad ที่เรียบเนียนไปกับบอดี้ตัวเครื่องก็ได้ความสวยงามไม่มีขอบให้รกสายตาแม้แต่น้อย เมื่อองค์ประกอบทั้ง 3 นี้รวมกันก็ทำให้ DELL XPS 13 Plus 9320 มีความสวยโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมรุ่นอื่นอย่างชัดเจน ไม่พอ บอดี้อลูมิเนียมรวมกับงานประกอบของทาง DELL แล้ว ยิ่งให้ความแข็งแรงทนทาน จับถือได้ความรู้สึกหนักแน่นเป็นที่สุด ดียิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมทุกเครื่องที่ผู้เขียนเคยจับและได้รีวิวอย่างหาที่เปรียบได้ยาก แม้แต่ MacBook รุ่นใหม่ๆ ก็ให้สัมผัสแบบนี้ไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตที่พบเจอเมื่อนำ DELL XPS 13 Plus 9320 ไปใช้งานจริงก็มีเช่นกัน อย่างแรก คือ พอร์ตของตัวเครื่องมีแต่ Thunderbolt 4 เพียง 2 ช่อง ไม่มีพอร์ตอื่นเลย แม้จะมีหัวแปลง USB-C to 3.5 mm. Jack กับ USB-C to A แถมมาให้ในกล่องก็ไม่พอใช้งานอย่างแน่นอน ต้องมี USB-C Multiport Adapter ไว้แปลง Thunderbolt 4 เป็นพอร์ตอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถัดมาเป็นคีย์บอร์ด Zero-Lattice ที่แม้จะใช้แรงกดพิมพ์น้อยจนแทบจะแตะพิมพ์ได้ ทว่าตัวแป้นที่แบนราบและตัวปุ่มเหยียดสุดจากปุ่มต่อปุ่มทำให้แยกแต่ละปุ่มได้ค่อนข้างลำบาก ต้องใช้เวลาปรับตัวระดับหนึ่งรวมถึง Haptic Touchpad ที่เป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องแต่ไม่มีเครื่องหมายบอกระยะความกว้างและสูงของตัวแป้น แม้จะสวยงามแต่ใช้งานจริงก็จับระยะความกว้างได้ยากอีกด้วย แม้จะเป็นนวัตกรรมใหม่ก็ตาม ผู้เขียนก็อยากให้ทางบริษัทปรับดีไซน์อีกเล็กน้อยเพื่อให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นมิตรกับผู้ใช้อีกสักหน่อยก็จะดีมาก

ข้อดีของ DELL XPS 13 Plus 9320
  1. งานประกอบตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน จับถือได้หนักแน่นสมความพรีเมี่ยม
  2. ดีไซน์ได้ความเรียบร้อยแต่สวยหรูหรา เหมือนโน๊ตบุ๊คจากภาพยนตร์ Sci-Fi
  3. น้ำหนักตัวเครื่องเบาพกพาง่าย เพียง 1.26 กิโลกรัมเท่านั้น ไม่หนักกระเป๋าเกินไป
  4. คีย์บอร์ด Zero-Lattice ออกแรงพิมพ์น้อยและได้ความสวยงามล้ำสมัย
  5. แป้น Capacitive Touch Function แสดงฟังก์ชั่น F1~F12 และ Function Hotkey ได้ชัดเจน ดูเข้าใจง่ายมาก
  6. อัพเกรดซีพียูเป็น Intel 12th Gen มีประสิทธิภาพสูงและจัดการพลังงานได้ดี
  7. ติดตั้งหน้าจอทัชพาเนล OLED ความละเอียดสูงมาให้ แต่ขนาดกะทัดรัดเพียง 13.4 นิ้ว
  8. มีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ใช้งานถึง 2 ช่อง ใช้ต่อแยกเป็นพอร์ตอื่นได้
  9. ได้ Windows 11 Home และ Microsoft Office 2021 แท้ ติดตั้งมาให้ใช้จากโรงงาน
  10. มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับกล้อง IR Camera ใช้ปลดล็อคเครื่องแบบ Biometric ได้
  11. ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดี เย็นตลอดการใช้งานแม้รันโปรแกรมใหญ่ก็ไม่ร้อนมาก
  12. ลำโพงตัวเครื่องได้มิติเสียงดี สเตจเสียงกว้างและเก็บรายละเอียดดีมีเบสซัพพอร์ตดี
ข้อสังเกตของ DELL XPS 13 Plus 9320
  1. ตัวเครื่องมีแต่พอร์ต Thunderbolt 4 ต้องพึ่งอุปกรณ์ต่อพ่วงเมื่อต้องการใช้พอร์ตอื่น
  2. ดีไซน์ทัชแพดเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง แม้จะสวยงามแต่ใช้งานจริงยากเกินไป
  3. คีย์บอร์ด Zero-Lattice แม้จะสวยงามแต่พิมพ์สัมผัสยาก ใช้เวลาปรับตัวมากกว่าปกติ

รีวิว DELL XPS 13 Plus 9320

Specification

DELL XPS 13 Plus 9320 จัดเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับพรีเมียมซึ่งสเปคได้มาครบถ้วนพร้อมใช้งาน มีซอฟท์แวร์ครบเครื่องทั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 อีกด้วย ซึ่งมีรายละเอียดสเปคดังนี้

สเปคของ DELL XPS 13 Plus 9320
  • CPU : Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 5200 MHz
  • Display : จอทัช 13.4 นิ้ว ความละเอียด 3.5K (3456×2160) พาเนล OLED 
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD IR Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.26 กิโลกรัม
  • Price : 73,990 บาท (ราคากลาง)

Hardware & Design

DELL XPS 13 Plus DSC00210

DELL XPS 13 Plus DSC00163
DELL XPS 13 Plus DSC00170
DELL XPS 13 Plus DSC00202
DELL XPS 13 Plus DSC00203

ดีไซน์ของ DELL XPS 13 Plus 9320 จะเน้นความเรียบง่ายไม่มีลูกเล่นดีไซน์อะไรมาก แต่จุดเด่นซึ่งสังเกตเห็นได้ทันที คือ กรอบบานหน้าจอ 13.4 นิ้วของตัวเครื่องจะเป็นแบบบาง 4 ด้าน ทำให้เห็นคอนเทนต์บนหน้าจอได้เต็มตายิ่งขึ้น เมื่อมองลงมาอีกหน่อยจะเห็นว่ามีสติกเกอร์ Intel Evo ติดเอาไว้เพียงอันเดียวเท่านั้น และไม่มีการเจาะบอดี้ตัวเครื่องให้ช่องของไมโครโฟนเลย แต่ DELL เลือกติดตั้งเอาไว้ตรงขอบด้านบนหน้าจอเพื่อหลบสายตาแทน โดยติดเอาไว้ 2 ช่อง ซึ่งดีไซน์นี้ทำให้กรอบหน้าจอไม่มีช่องเจาะให้สะท้อนแสงเห็นด้วย ถือว่าสวยเรียบร้อยดี

DELL XPS 13 Plus DSC00166

DELL XPS 13 Plus DSC00169
DELL XPS 13 Plus DSC00200
DELL XPS 13 Plus DSC00185

ก้านบานพับหน้าจอจะเป็นก้านโลหะยึดขอบริมข้างตัวเครื่อง 2 ฝั่ง ให้ความรู้สึกแน่นไม่มีอาการพานพับกระพือแม้แต่นิดเดียว เมื่อพับจอแล้วตัวบานจะดูดติดเข้ากับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็ก ซึ่งแรงดูดดีและติดแน่นจนเอานิ้วเกี่ยวเปิดเล่นค่อนข้างยาก ตัวเครื่องจัดบาลานซ์เอาไว้ได้ดี ใช้นิ้วเดียวได้และตัวเครื่องไม่กระดกตามขึ้นมาเลยแต่ก็แน่นจนควรใช้มืออีกข้างช่วยจับเครื่องไว้ด้วย ส่วนองศาการกางหน้าจออยู่ราว 120 องศา ซึ่งถือว่ากว้างพอจัดองศาการมองเห็นได้สะดวก ทั้งตอนวางบนโต๊ะทำงานหรือแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ตาม

DELL XPS 13 Plus DSC00174

ฝาหลังตัวเครื่องยังคงเอกลักษณ์เดิมของทางบริษัทเอาไว้ โดยเป็นโลโก้ DELL ทรงกลมเพียงอันเดียวตรงกลางฝาหลังอลูมิเนียม โดยทำเป็นแบบเซาะบอดี้ตัวเครื่องเข้าไป ทำให้โลโก้ไม่หลุดหายง่ายๆ อย่างแน่นอน

DELL XPS 13 Plus DSC00177

ส่วนโลโก้ XPS ของ DELL XPS 13 Plus 9320 ถูกเอามาติดไว้ด้านใต้ตัวเครื่อง มีแถบยางรองตัวเครื่องติดไว้ 2 เส้นเป็นแถบยาว ด้านข้างมีช่องลำโพงเป็นแถบยาวติดเอาไว้ 2 ฝั่ง พร้อมน็อตขันล็อคบอดี้แบบหัว Trox ทั้งหมด 6 ดอกเท่านั้น ซึ่งบอดี้อลูมิเนียมโดยรวมต้องถือว่าแข็งแรง แน่นมาก จับถือแล้วให้ความรู้สึกหนักแน่นแข็งแรงเป็นพิเศษ ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้จับโน๊ตบุ๊คมาหลายรุ่น ต้องถือว่า DELL ประกอบ XPS 13 Plus 9320 มาได้แน่นแข็งแรงมาก จับถือแล้วได้ความรู้สึกหนักแน่นเป็นที่หนึ่ง ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง 

Screen & Speaker

DELL XPS 13 Plus DSC00125

DELL XPS 13 Plus DSC00128
DELL XPS 13 Plus DSC00127
DELL XPS 13 Plus DSC00129
DELL XPS 13 Plus DSC00130
DELL XPS 13 Plus DSC00123
display

หน้าจอทัชสกรีนขนาด 13.4 นิ้ว ความละเอียด 3.5K (3456×2160) พาเนล OLED เป็นหน้าจอกรอบบาง 4 ด้าน ทำให้เห็นคอนเทนต์บนหน้าจอได้กว้างยิ่งขึ้น ไม่มีกรอบหน้าจอมากวนสายตาไม่พอ ทาง DELL ยังติดกล้อง IR Camera เอาไว้สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องไว้ตรงขอบบนของหน้าจอด้วย และเมื่อลองพับหน้าจอลงมาแล้วมองจากมุมอื่นนอกจากหน้าตรง จะเห็นว่าพาเนล OLED ก็สามารถแสดงสีสันได้สวยสดเที่ยงตรง ไม่มีอาการสีเพี้ยนแม้แต่น้อย

gamut
luminance

สำหรับขอบเขตสีหน้าจอ เมื่อทดสอบด้วย Calibrite และใช้โปรแกรม DisplayCal 3 จะเห็นว่า Gamut coverage ที่เป็นขอบเขตสีหน้าจอจากโรงงานได้ขอบเขตสีกว้างมากถึง 99.9% sRGB, 93.5% Adobe RGB, 99.4% DCI-P3 และเมื่อคาลิเบรตเสร็จแล้ว จะเห็นว่าฝั่ง Gamut Volume นั้นดีขึ้นชัดเจนถึงระดับ 165.9% sRGB, 114.3% Adobe RGB, 117.5% DCI-P3 ซึ่งขอบเขตสีนี้นับว่ากว้างเทียบชั้นโน๊ตบุ๊คสายครีเอเตอร์หลายๆ รุ่น สามารถใช้พรู้ฟสีงานอาร์ตก็ทำได้สบายๆ อย่างแน่นอน

ด้านความสว่างหน้าจอวัดได้ 396.33 nits จัดว่าสว่างมากจนไม่ต้องกังวลเรื่องแสงแดดจะสว่างจนทำหน้าจอมืดไป สามารถปรับความสว่างหน้าจอสู้แสงได้หากนั่งทำงานชานร้านกาแฟหรือที่ที่มีแสงส่องกระทบหน้าจอ หากนั่งทำงานในอาคารหรือออฟฟิศแนะนำให้ปรับความสว่างลดลงเหลือสัก 50% ก็สว่างเพียงพอใช้งานแล้ว

DELL XPS 13 Plus DSC00178
DELL XPS 13 Plus DSC00179
DELL XPS 13 Plus DSC00196
DELL XPS 13 Plus DSC00197

ลำโพงของ DELL XPS 13 Plus 9320 มีทั้งหมด 2 ดอก กำลังขับรวม 4 วัตต์ แต่ทางบริษัทจะทำช่องลำโพงขนาดใหญ่มาให้เหมือนกับลำโพงของ XPS รุ่นอื่นๆ คาดว่าเพื่อใช้ระบายความร้อนตัวเครื่องร่วมกันไปเลย ความดังของลำโพงจัดว่าดังมาก เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดความดังแล้วจะอยู่ราว 85dB และได้สเตจเสียงกว้างฟังชัด รายละเอียดเนื้อเสียงจัดว่าครบถ้วนฟังเพลงได้ดีและมีเสียงเบสซัพพอร์ตได้ดี เนื้อเบสไม่บางเลย เรียกว่าไม่แพ้กับ DELL XPS 15 ซึ่งได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ เป็นลำโพงของโน๊ตบุ๊คที่ได้เสียงดีมากอีกรุ่นหนึ่ง

Keyboard & Touchpad

DELL XPS 13 Plus DSC00131

DELL XPS 13 Plus DSC00149
DELL XPS 13 Plus DSC00158
DELL XPS 13 Plus DSC00144
DELL XPS 13 Plus DSC00145
DELL XPS 13 Plus DSC00146
DELL XPS 13 Plus DSC00147

คีย์บอร์ดของ DELL XPS 13 Plus 9320 จะเป็นคีย์บอร์ดรุ่นใหม่แกะกล่องจากทางบริษัท โดยใช้ชื่อดีไซน์ว่า “Zero-Lattice” ซึ่งทรงตัวปุ่มเป็นสี่เหลี่ยมที่ออกแบบให้ขอบชิดขอบและตัวปุ่มราบเป็นระนาบเดียวกันไม่มีปุ่มไหนสูงหรือเตี้ยกว่ากันแม้แต่นิดเดียว หากหลับตาใช้มือลูบดูก็จะไม่รู้สึกถึงรอยต่อระหว่าปุ่มแม้แต่นิดเดียว จะรู้สึกเพียงขีดมาร์กกิ้งที่ติดเอาไว้ตรงปุ่ม F, J เท่านั้น ส่วนไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ดจะเป็นแบบไฟเรืองที่สว่างลอดตัวอักษรบนปุ่มขึ้นมาเท่านั้น ไม่สว่างรอบคีย์แคปเลย ในแง่การใช้งานจริงถือว่าสว่างมองเห็นชัดเจน

สัมผัสการพิมพ์ของคีย์บอร์ด Zero-Lattice ต้องถือว่าขนาดปุ่มใหญ่รับกับระยะนิ้วได้เป็นอย่างดี ลดโอกาสกดผิดพลาดไปได้มากและใช้แรงกดน้อยมาก เกือบจะเป็นการแตะเพื่อพิมพ์เสียด้วยซ้ำ แต่ข้อสังเกตตอนใช้งาน คือ ตัวปุ่มนั้นชิดกันเกินไปจนคนพิมพ์สัมผัสได้มีโอกาสกดพิมพ์ผิดปุ่มได้พอสมควร ต้องใช้เวลาปรับตัวในช่วงแรกๆ ระดับหนึ่ง

ด้านปุ่มใช้งานและคีย์ลัดที่ถูก Mapping ไว้บนคีย์บอร์ดของ DELL XPS 13 Plus 9320 มีน้อยมาก เพียงแค่ Page Up, Page Down ตรงปุ่มลูกศรขึ้นลงและปุ่มเสมือนคลิกขวาของปุ่ม Ctrl ขวามืออีกคำสั่งเดียวเท่านั้น และถ้าสังเกตจะเห็นว่าข้างปุ่ม Backspace จะมีปุ่มสีดำซึ่งเป็นปุ่ม Power พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดเอาไว้อีกปุ่มเท่านั้น

DELL XPS 13 Plus DSC00135

DELL XPS 13 Plus DSC00142
DELL XPS 13 Plus DSC00143

ดีไซน์อีกส่วนซึ่งแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ Capacitive Touch Function เป็นปุ่ม Function แบบทัช ติดอยู่ขอบบนเหนือคีย์บอร์ดและมีคำสั่ง Function Lock ติดอยู่กับปุ่ม Esc ด้วยและพอกดปุ่ม Fn แล้ว Capacitive Touch Function จะสลับแสงไฟไปมาระหว่าง Function Hotkey และ F1~F12 ให้โดยอัตโนมัติและสามารถกดล็อคสลับเลเยอร์ไปมาได้อีกด้วย ซึ่งการดีไซน์นี้ถือว่าดีมากและเข้าใจง่าย เมื่อมองก็ทราบทันทีว่าตอนนี้ใช้ปุ่มเซ็ตไหนอยู่

อย่างไรก็ตามถ้าสังเกตในภาพจะเห็นว่า Capacitive Touch Function ถูกเซ็ตเป็นปุ่มบังคับไว้บนชุดแป้นคีย์บอร์ด พอสังเกตในภาพตรงข้างปุ่มที่ไฟติดจะเห็นเงาของชุดคำสั่งอีกปุ่มอยู่ด้วย เมื่อเรากด Fn Lock จะเห็นว่าไฟของชุดคำสั่งหนึ่งจะดับลงแล้วไฟของอีกชุดคำสั่งจะติดขึ้นมาเท่านั้น เป็นชุดคำสั่งแบบล็อคการตั้งค่าเอาไว้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้

DELL XPS 13 Plus DSC00134

ส่วนของ Function Hotkey ที่ Capacitive Touch Function จะเซ็ตเพียงแต่คำสั่งทั่วไปที่ต้องใช้งานเท่านั้น อย่างเช่น ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง, ปิดไมค์, เล่นหรือหยุดสื่อและคลิปที่ดูอยู่, ปรับความสว่างไฟ LED Backlit และความสว่างหน้าจอและคำสั่ง Project ที่ใช้ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริมกับ Function Key อีกเล็กน้อยเท่านั้น หากนับในแง่การใช้งานจริงต้องถือว่าแป้น Capacitive นี้เป็นแป้นที่แนวคิดและดีไซน์ล้ำสมัยแต่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ค่อนข้างจำกัด

DELL XPS 13 Plus DSC00159

DELL XPS 13 Plus DSC00160
DELL XPS 13 Plus DSC00161

ด้านทัชแพดของตัวเครื่องถูกดีไซน์ให้เป็นเนื้อเดียวแบบไร้ขอบแป้นโดยเรียบเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง และไม่มีเส้นหรือเครื่องหมายใดๆ ขีดเอาไว้ให้รู้ว่าอาณาเขตของตัวแป้นทัชแพดเริ่มและสุดอยู่ตรงไหน แต่จากการลองลากเคอร์เซอร์เมาส์แล้วจะเห็นว่าขอบฝั่งซ้ายจะสุดเท่ากับตัวริมซ้ายของปุ่ม Spacebar แล้วฝั่งขวาไปสุดริมปุ่ม Alt และสูงเท่าระยะที่วางข้อมืออีกด้วย

ตัวแป้นรองรับ Gesture control ของ Windows ครบถ้วน สามารถปัดนิ้วเลื่อนใช้งานได้ตามปกติ ตอบสนองรวดเร็วเหมือนกับทัชแพดของโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น และการกดคลิกตัวแป้นจะตอบสนองแบบ Haptic Touch หรือเป็นการสั่นจากมอเตอร์ขนาดเล็กในตัวเครื่อง แต่สัมผัสนั้นเหมือนการกดปุ่มตัวเครื่องจริงๆ

Connector / Thin & Weight

DELL XPS 13 Plus DSC00167
DELL XPS 13 Plus DSC00168

พอร์ตของ DELL XPS 13 Plus 9320 ถือว่าน้อยเกินไปจนใช้งานค่อนข้างลำบาก เพราะมี Thunderbolt 4 เพียง 2 ช่อง ติดตั้งไว้ฝั่งซ้ายและขวาด้านละพอร์ตเท่านั้น ส่วนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเป็น Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและเสถียรทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็น Thunderbolt 4 แต่เมื่อมีพอร์ตเช่นนี้ จึงทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนต้องมี USB-C Multiport Adapter ติดกระเป๋าเอาไว้ต่อพ่วงแยกเป็นพอร์ตอื่นๆ เพื่อใช้งาน หรือถ้านั่งทำงานในออฟฟิศ ก็ต้องซื้อหน้าจอแบบ Port Hub มาใช้งานแล้วต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ ผ่านทางหน้าจอแทน แม้จะได้พอร์ตที่ล้ำสมัยมาใช้และได้บอดี้บางเบาก็ตาม แต่ก็ขาดพอร์ตที่จำเป็นอย่าง USB-A, HDMI และอื่นๆ ไปจนหมด

DELL XPS 13 Plus DSC00112

DELL XPS 13 Plus DSC00114
DELL XPS 13 Plus DSC00115

ในแพ็คเกจสินค้า ทาง DELL ก็แถมสาย USB-C to 3.5 mm. กับหัวต่อ USB-C to A มาใช้ต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ แก้ขัดแล้วก็จริง แต่ก็แค่เบื้องต้น ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าทาง DELL ตั้งราคาตัวเครื่องมา 73,990 บาททั้งที ก็น่าแถม DELL Mobile Adapter MH3021P หรือไม่ก็ DELL USB-C Mobile Adapter DA310 มาให้สมราคาไปเลยจะดีกว่ามาก

DELL XPS 13 Plus DSC00109

DELL XPS 13 Plus DSC00111
DELL XPS 13 Plus DSC00110

น้ำหนักตัวเครื่องจากสเปคบนหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ DELL USA ให้ข้อมูลไว้ว่า DELL XPS 13 Plus 9320 จะหนัก 1.23 กิโลกรัม เมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้วจะหนัก 1.26 กิโลกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับหน้าสเปคเป็นอย่างมาก ส่วนชุดอุปกรณ์เสริมและอแดปเตอร์จะหนัก 259 กรัม เมื่อพกใส่กระเป๋าแล้วจะได้น้ำหนักสุทธิ 1.52 กิโลกรัม จัดว่าไม่หนักมาก สามารถพกพาไปทำงานได้สะดวกพอสมควร และจะใช้อแดปเตอร์ GaN กำลังชาร์จเกิน 65 วัตต์ มาชาร์จแบตเตอรี่แทนอแดปเตอร์ในกล่องก็ได้ด้วย

Inside & Upgrade

DELL XPS 13 Plus DSC00190

การอัพเกรด DELL XPS 13 Plus 9320 ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่ขันน็อตหัว Trox ทั้งหมด 6 ดอกออก แล้วเอาการ์ดไล่ขอบตัวเครื่องเพียงเล็กน้อยก็เปิดฝาได้แล้ว แต่จะเห็นว่าบนเมนบอร์ดอัพเกรดได้เพียง M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 เท่านั้น และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ควรอัพเกรดได้ก็กลายเป็นชิปออนบอร์ดทั้งหมดและมีแบตเตอรี่อีกหนึ่งลูกติดตั้งเอาไว้แทน

ดังนั้นสรุปได้ง่ายๆ ว่า XPS 13 Plus 9320 สามารถอัพเกรดได้แต่ M.2 NVMe SSD เพียงชิ้นเดียว ผู้เขียนจึงคิดว่าถ้าจะอัพเกรดเพิ่มความจุอาจจะหันไปซื้อ External HDD/SSD แทนดีกว่า

Performance & Software

cpu
gpu

สเปคของ DELL XPS 13 Plus 9320 ติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen รุ่น Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4-4.7GHz มาให้ใช้งาน รองรับชุดคำสั่งต่างๆ ครบถ้วนและมีค่า TDP 28 วัตต์ ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics สำหรับเรนเดอร์ภาพขึ้นหน้าจอและใช้ทำงานกราฟฟิคอย่างการตัดต่อแต่งภาพและวิดีโอก็ใช้งานได้ รองรับชุดคำสั่งจำเป็นอย่าง OpenCL, Open GL, DirectCompute, DirectML, Vulkan ครบถ้วน

ram

แรมออนบอร์ดในเครื่องมีความจุ 16GB LPDDR5 บัส 5200 MHz ซึ่งความจุนี้ถือว่าเยอะเพียงพอใช้ทำงานต่างๆ ได้สบายๆ ไม่ว่าจะทำงานเอกสารไปจนงานตัดต่อแต่งภาพก็ทำได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องแรมไม่พอใช้งานอย่างแน่นอน

device mgr

เมื่อเช็คพาร์ทภายในตัวเครื่องด้วย Device Manager จะเห็นว่า DELL XPS 13 Plus 9320 ติดตั้งทั้งกล้องสแกนใบหน้าและเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Goodix มาครบถ้วน สามารถสลับใช้งานตามความสะดวก และรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัวแบบครบถ้วนด้วยชิป Intel AX211 ใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหล รวมทั้งมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาให้ใช้รักษาความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่องคู่กับ Windows 11 อีกด้วย

ssd

M.2 NVMe SSD จากโรงงานของ DELL XPS 13 Plus 9320 ผลิตโดย Western Digital รหัส SN810 ความจุ 512GB ถ้าอิงจากหน้าสเปคแล้วจะเห็นว่ารุ่นนี้ใช้อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 แล้ว มีความเร็ว Sequential Read 6,000 MB/s และ Sequential Write 4,000 MB/s และค่าความทนทานการอ่านเขียนไฟล์ที่ 300 TBW เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark 8 แล้วได้ความเร็ว Sequential Read สูงถึง 6,554.99 MB/s และ Sequential Write 4,461.94 MB/s ซึ่งถือว่าดีกว่าข้อมูลเคลมเอาไว้หน้าสเปคเสียอีก ซึ่งถ้าใช้ทำงานทั่วไปอย่างเปิดเว็บไซต์, ทำงานเอกสารและประชุมงานถือว่าเพียงพออย่างแน่นอน

หากผู้ใช้คนไหนคิดว่า M.2 NVMe SSD ที่ติดตั้งมาให้มีความจุน้อยเกินไปไม่พอใช้งาน ส่วนตัวผู้เขียนไม่แนะนำให้เปิดเครื่องมาเปลี่ยน SSD เพราะดูจะไม่คุ้มกันเท่าไหร่ แนะนำให้ซื้อ External HDD/SSD ความจุสูงระดับ 2~4TB มาต่อเพื่อเซฟงานแยกออกไปจะดีกว่า

r15
r20

ด้านการทดสอบเรนเดอร์ไฟล์โมเดล 3D CG ด้วยโปรแกรม CINEBENCH R15 จะเห็นว่าซีพียู Intel Core i7-1260P ในตัวเครื่องก็มีประสิทธิภาพดีพอสมควร สามารถพรีวิวโมเดล 3D ให้เห็นและเลื่อนโมเดลดูได้ โดยทำคะแนน OpenGL ไป 84.01 fps และคะแนน CPU 1,111 cb ซึ่งถือว่าแรงพอใช้ทำงานได้แน่นอน ด้านของ CINEBENCH R20 ซึ่งเน้นทดสอบการประมวลผลต่อคอร์ของซีพียู จะได้คะแนน CPU 2,721 pts จัดว่าสูงทีเดียว ช่วยการันตีว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ใช้ทำงานกราฟฟิคเบื้องต้นต่างๆ อย่างตัดต่อภาพหรือแต่งรูปก็ได้ไม่มีปัญหา

Screenshot 7 29 2022 12 18 53 AM

อย่างไรก็ตาม เมื่อทดสอบการเล่นเกมด้วย 3DMark Time Spy จะเห็นว่า DELL XPS 13 Plus 9320 ทำคะแนนเฉลี่ยได้เพียง 1,691 คะแนน แยกเป็นคะแนน CPU score 5,181 คะแนน และ Graphics score 1,512 คะแนนเท่านั้น จึงสรุปได้ว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องยนี้ไม่เหมาะจะเอามาเล่นเกมอย่างแน่นอน อย่างมากอาจจะเล่นเกม 8-bit ทั่วไปพอฆ่าเวลาได้เท่านั้น ไม่เหมาะจะใช้เล่นเกมฟอร์มยักษ์อย่างแน่นอน

PCMark 10 Advanced Edition 7 29 2022 12 04 11 AM

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วย PCMark 10 จะเห็นว่า DELL XPS 13 Plus 9320 ทำคะแนนรวมเฉลี่ยไปได้ 4,550 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับทั่วไปที่โน๊ตบุ๊คสายทำงานทำคะแนนได้ และถ้ามองแยกเป็นหมวดหมู่แล้วจะเห็นว่า XPS 13 Plus 9320 ทำคะแนนในหมวดการใช้งานทั่วไป (Essential) ได้ดีไม่มีปัญหา ส่วนงานเอกสารกับไฟล์ Word, Excel และงานตัดต่อแต่งภาพก็ทำได้ดีไล่เลี่ยกันทั้งคู่

ถ้าอิงจากคะแนน ก็สามารถสรุปได้ว่า XPS 13 Plus 9320 จะเหมาะกับกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่หาโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับพรีเมี่ยมเอาไว้ใช้งานสักเครื่อง เน้นการทำงานเอกสารและประชุมออนไลน์และแต่งภาพบ้างเป็นระยะๆ ก็สามารถใช้งานได้ดีอย่างแน่นอน

my dell 1

my dell cinema
my dell power manager
my dell seamless security
mode change

ด้านโปรแกรม My Dell เป็นโปรแกรมตั้งค่าตัวเครื่อง ซึ่งใช้อัพเกรดเฟิร์มแวร์ของตัวเครื่องหรือแม้แต่ตั้งค่าการทำงานตัวเครื่องก็ได้ ทั้งการแสดงผลหน้าจอ, การจัดการแบตเตอรี่รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยของตัวเครื่องอีกด้วย นอกจากนี้ทาง DELL ยังมีซอฟท์แวร์ปรับโหมดการทำงานตัวเครื่องให้เลือกเปลี่ยนโหมดได้ด้วย ว่าต้องการให้ DELL XPS 13 Plus 9320 ทำงานเต็มที่หรือเน้นประหยัดพลังงานเอาไว้ก่อนก็ได้ ซึ่งใช้งานได้ดีและสะดวกมาก

Battery & Heat & Noise

DELL XPS 13 Plus DSC00199

แบตเตอรี่ของ DELL XPS 13 Plus 9320 เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน ความจุ 55Wh มีขนาดใหญ่โดยกินพื้นที่ยาวจากขอบสู่ขอบตัวเครื่องติดลำโพงทั้งสองข้าง ซึ่งขนาดของมันใหญ่จนกินพื้นที่ในตัวเครื่องไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

batt

ระยะเวลาใช้งานเมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ ปิดไฟลดแสงสว่างจนต่ำสุด เปิดเสียงลำโพง 10% และเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube ต่อเนื่อง โดยครั้งนี้จะทดสอบนานราว 1 ชั่วโมง จะเห็นว่าแบตเตอรี่ 55Wh สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานราว 10 ชั่วโมง 39 นาที ซึ่งถ้าต้องการพกโน๊ตบุ๊คไปทำงานตามร้านกาแฟ, พกเข้าห้องประชุมคุยงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหา และผู้เขียนเชื่อว่าถ้าปิดเสียงลำโพงก็น่าจะใช้งานได้นานกว่านี้มาก

DELL XPS 13 Plus DSC00191

ระบบระบายความร้อนของ DELL XPS 13 Plus 9320 จัดว่าเรียบง่าย มีฮีตไปป์เส้นเดียวพาดยาวจากซีพียู Intel Core i7-1260P ออกไปยังฮีตซิ้งค์สองฝั่งด้านหน้าพัดลมระบายความร้อนที่เป่าออกด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งชุดระบายความร้อนเซ็ตนี้จัดว่าพอใช้งานอย่างแน่นอน เนื่องจากซีพียูตระกูลนี้ไม่ได้สร้างความร้อนมากหากใช้งานทั่วไป ซึ่งจากการใช้งานตามปกติอย่างเปิดเว็บไซต์, ดูหนังฟังเพลงตัวเครื่องก็ไม่ร้อนเกินไปจนรบกวนการใช้งานเลย

temp

ด้านอุณหภูมิสูงสุดจากการทดสอบด้วยโปรแกรม CPUID HWMonitor จะเห็นว่าทั้งแพ็คเกจนั้นมีอุณหภูมิอยู่ระหว่างช่วง 43~100 องศาเซลเซียส ซึ่งเกิดเฉพาะตอนรันโปรแกรมทดสอบตัวเครื่องเท่านั้น เวลาใช้งานจริงต้องถือว่า XPS 13 Plus 9320 ก็เย็นต่อเนื่องไม่มีอาการตัวเครื่องร้อนหรือเร่งความเร็วพัดลมกะทันหันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นถ้าใครต้องการซื้อโน๊ตบุ๊คนี้ไปใช้งานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิเลยก็ได้

User Experience

DELL XPS 13 Plus DSC00119

DELL XPS 13 Plus 9320 เป็นโน๊ตบุ๊คมาตรฐาน Intel Evo เน้นการพกพาง่าย ใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง ซึ่งจากการทดลองใช้งานจริงถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คพกพาง่ายและน้ำหนักเบาทีเดียว แต่ทีเด็ดคือบอดี้อลูมิเนียมนั้นแข็งแรง งานประกอบแน่นหนามากจนผู้เขียนเองยกให้เป็นเครื่องที่งานประกอบดีที่สุดในหมู่โน๊ตบุ๊คบอดี้อลูมิเนียมอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้านการล็อคอินเข้าใช้งานเครื่องนั้นง่ายมาก จะสแกนใบหน้าหรือนิ้วเพื่อปลดล็อคเครื่องก็ได้ไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านและไม่ต้องเปิดหน้ากากเพื่อสแกนใบหน้าเลยก็ได้ ตอนพกโน๊ตบุ๊คไปทำงานในร้านกาแฟจึงเปิดใช้งานได้สะดวกไม่ต้องเสี่ยงกับ COVID-19 สักนิดเดียว และระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่ในตัวเครื่อง ถ้าปิดลำโพงแล้วลดแสงลงสัก 50% ก็จะใช้งานได้นานขึ้น ไม่ต้องคอยมองหาหรือต้องนั่งใกล้ปลั๊กก็ทำงานภายในวันนั้นๆ เสร็จได้อย่างแน่นอน

หน้าจอทัชสกรีนก็เป็นอีกจุดเด่นที่ผู้เขียนชอบเช่นกัน นั่นเพราะหากเราใช้งานจนถนัดแล้วก็ไม่ต้องพกเมาส์ติดกระเป๋าไปคู่กับโน๊ตบุ๊คก็ได้ สามารถใช้นิ้วแตะหน้าจอเพื่อสั่งให้โน๊ตบุ๊คทำงานได้ทันที ช่วยลดอุปกรณ์ที่ต้องพกใส่กระเป๋าไปได้อีกชิ้นซึ่งสะดวกและประหยัดพื้นที่อีกด้วย

สำหรับคีย์บอร์ด Zero-Lattice นับเป็นคีย์บอร์ดที่ใช้แรงกดปุ่มน้อยมาก เบาจนแทบจะเป็นการแตะสัมผัสเพื่อพิมพ์งานได้เลยและระยะกดปุ่มก็ลึกกำลังดีเลยทำให้พิมพ์งานได้สะดวกมาก ไม่เหมือน Butterfly keyboard ของ Apple ซึ่งระยะกดสั้นเกินไป แม้จะใช้แรงกดน้อยเหมือนกันก็จริงแต่ระยะกดสั้นมากจนผู้เขียนซึ่งเคยใช้ MacBook Pro รุ่นดังกล่าวมาก่อนปวดนิ้วเป็นประจำ แต่กับคีย์บอร์ด Zero-Lattice ไม่พบอาการนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว และการดีไซน์ให้แป้นทัชแพดเรียบเป็นเนื้อเดียวกับที่วางข้อมือ ก็ได้ความเรียบร้อยสวยงามไปด้วย

ในทางกลับกัน คีย์บอร์ด Zero-Lattice ที่พิมพ์งานได้ดีกลับต้องใช้เวลาปรับตัวมากกว่าคีย์บอร์ดแบบอื่น เนื่องจากตัวแป้นที่เหยียดจนแต่ละปุ่มแทบจะชิดกันและเรียบเหมือนผ้าขาวบางขึงตึงนั้นไม่มีขอบปุ่มช่วยไกด์ว่าแต่ละปุ่มสุดขอบตรงไหน จึงกะระยะของแต่ละปุ่มลำบาก ตอนทดลองใช้งานในช่วงแรกก็พิมพ์ผิดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนแป้นทัชแพดที่ไม่รู้ว่าขอบของทั้งสองฝั่งอยู่ตรงไหนก็เช่นกัน ต้องปรับตัวเล็กน้อยถึงจะรู้ระยะเริ่มและสุดขอบ ซึ่งผู้เขียนใช้วิธีว่าถ้าแตะลงไปตรงขอบตัวเครื่องในระยะห่างไม่เกินขอบ Spacebar ทั้งสองข้าง ก็ใช้ทัชแพดได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ เมื่อทางบริษัทติดตั้งพอร์ตมาให้เพียงแค่ Thunderbolt 4 เพียง 2 ช่อง ทำให้เวลาต้องการใช้งานพอร์ตอื่นๆ เช่น HDMI, LAN ก็ต้องหา USB-C Multiport Adapter มาต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ และทาง DELL ก็แถมหัวแปลงมาเพียง 2 หัว เพื่อแปลง USB-C เป็นแจ็คหูฟัง 3.5 มม. กับ USB-A เท่านั้น ในแง่การใช้งานจริงถือว่าค่อนข้างลำบากและมีข้อจำกัดอยู่พอควร ยิ่งถ้าใครต้องพกโน๊ตบุ๊คไปพรีเซนต์งาน ก็จำเป็นต้องหาตัวแปลงมาต่อเสริมด้วย ดังนั้นผู้เขียนจึงมองว่าในเมื่อ DELL XPS 13 Plus 9320 ตั้งราคาและวางตัวเป็นโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมแล้วทั้งที ก็น่าแถมอุปกรณ์เสริมมาให้เท่าเทียมกัน อย่าง DELL USB-C Mobile Adapter DA310 หรือ Dell Mobile Adapter Speakerphone MH3021P ด้วยเลยจะเหมาะสมที่สุด

Conclusion & Award

DELL XPS 13 Plus DSC00206

ถ้านับในกลุ่มโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมแล้ว DELL XPS 13 Plus 9320 นั้นโดดเด่นทั้งเรื่องงานประกอบที่แข็งแรงทนทานมาก ซึ่งผู้เขียนยกให้โน๊ตบุ๊คยบอดี้อลูมิเนียมนี้เป็นเครื่องที่บอดี้แข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยได้ทดสอบมา ซึ่งถ้าใครหาโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมและถนัดใช้งานโน๊ตบุ๊ค Windows เป็นหลักแนะนำให้ดูโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปใช้งานได้เลย เพราะความหรูหราสวยงามจัดว่าไม่แพ้แบรนด์อื่นอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก XPS 13 Plus 9320 มีราคา 73,990 บาท ทำให้มีตัวเลือกในตลาดอยู่มาก ซึ่งหลายๆ รุ่นก็ได้สเปคไล่เลี่ยกันแต่ราคาถูกกว่าราวครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้เขียนจึงมองว่ามันเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานที่เสริมบุคลิคของผู้ใช้ไปในตัว ถ้าชื่นชอบและมั่นใจคุณภาพของแบรนด์ DELL XPS ก็ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน

Award

NBS award 7 Design

best design

งานประกอบและความแข็งแรงของ XPS 13 Plus 9320 นั้นน่าประทับใจมาก นับเป็นโน๊ตบุ๊คบอดี้อลูมิเนียมที่แข็งแรงแน่นหนาที่สุดเท่าที่เคยใช้งาน ไม่ว่าจะบานพับก็แน่นแข็งแรง บอดี้ตัวเครื่องทนทานและจับถือก็รู้สึกแน่นไปทั้งเครื่องอีกด้วย

award new multi media

best multimedia

ลำโพงของ XPS 13 Plus 9320 ได้คุณภาพเสียงดี เนื้อเสียงมีมิติและสเตจเสียงกว้าง ฟังเพลงและดูหนังได้อารมณ์ไม่ต้องต่อลำโพงแยกก็ฟังเพลงได้อรรถรส เนื้อเสียงดีน่าประทับใจอีกด้วย จัดเป็นลำโพงติดโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่เครื่องเท่านั้นที่คุณภาพเสียงดีน่าประทับใจเช่นนี้

award new mobility

best mobility

น้ำหนักของ XPS 13 Plus 9320 เบาเพียง 1.26 กิโลกรัม ตัวเครื่องบางทรงลิ่มทำให้ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าพอสมควร สามารถสอดเอกสารหรือแท็บเล็ตเพิ่มเข้าไปในกระเป๋าได้สบายๆ และยังใช้งานได้นานเกิน 10 ชั่วโมง และยังชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ผ่าน USB-C ได้อีก นับว่ามีคุณสมบัติของโน๊ตบุ๊คสายพกพาครบถ้วน

from:https://notebookspec.com/web/660717-review-dell-xps-13-plus-9320