คลังเก็บป้ายกำกับ: โน้ตบุ๊คพกพา

Commart Big Deal 2023 โปรคอมประกอบ คอมเล่นเกมทุกค่าย Advice, Banana, ACE, JIB และ Speed

Commart Big Deal 2023 รวมโปรโมชั่นคอมประกอบทุกค่าย ราคาดี มีของแถมอะไรบ้าง?

Commart Hot Deal 2023 PC promotion cov

Commart Big Deal 2023 รวมโปรโมชั่นคอมประกอบ คอมเล่นเกม จัดสเปคคอม ไม่ต้องไปเดินหาให้เหนื่อย เพราะเรารวมราคาคอมประกอบทุกค่ายมาให้ได้ชมกัน เช็คราคากันได้เลย เริ่มตั้งแต่ไม่ถึง 10000 บาท ถึงหลักแสน รวมทุกค่าย Advice, ACE, Banana E-QUIP, JIB, GALAX, Speed เป็นต้น บอกเลยว่าแต่ละค่ายจัดกันมาไม่ธรรมดา ว่ากันตั้งแต่ใช้งานเบาๆ ที่บ้าน เกมเมอร์ ฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ไปจนถึงการทำงานจริง พร้อมกับโปรผ่อนบัตร และของพรีเมียมต่างๆ ที่มีมาให้เลือกกันจนจุกเลยทีเดียว เรื่องของราคายังสามารถไปพูดคุยกันที่หน้าร้านได้เช่นกัน จะมีรุ่นไหนที่ถูกใจคุณกันบ้าง ไปติดตามชมกันเลยครับ


Commart Big Deal 2023 รวมโปรคอมประกอบ

โปรโมชั่นคอมเซ็ตจาก Advice

  • บูธ Advice: ไบเทคบางนา บูธ A2, B2, B3, C5, D14 และ X1
  • ผ่อนนานแบบตะโกน 0% นานสูงสุด 48 เดือน!!
  • ใบเสร็จนำไปเล่นกิจกรรมที่บูธ X1 ลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท
  • กิจกรรมพิเศษยิ้มแลกส่วนลด 😁
  • Computer Set โดย นพ ExtremeIT ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน กว่า 24 เซ็ต ลดสูงสุด 22,000 บาท เริ่มต้นเพียง 7,990 บาท พร้อมของแถมแบบจัดเต็ม
  • นาทีทองออนไลน์ ลดสูงสุด 99% เริ่มต้นแค่ 1 บาทกับสินค้าไอทีโคตรรรรรรคุ้ม!
  • โปรโมชั่นราคาพิเศษ และของแถมแบบจัดเต็ม
  • เป็นเจ้าของสินค้า Apple พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่แอดไวซ์
  • ส่วนลดสุดพิเศษสำหรับชาว TIKTOK ลดสูงสุด 2,400 บาท ที่ TikTok : @AdviceClub
  • Lazada x Advice แจกส่วนลด 3 ต่อ ลดสูงสุด 4,500 บาท
  • กระทบไหล่กูรูไอทีระดับประเทศ “นพ Extreme It” ตอบชัดทุกคำถาม
  • เกมเมอร์ตัวจริงต้องไม่พลาดกับ Gaming Gear จัดเต็มทุกแบรนด์ชั้นนำ!!
  • ช้อปสินค้าในงานครบ 5,000 บาท ส่งถึงบ้านฟรี!!
  • Commart Big Deal

โปรโมชั่นคอมเซ็ตจาก ACE Gamer

  • Commart Big Deal
  • ผ่อนสบายสูงสุด 36เดือน
  • ของพรีเมียม เสื้อ เมาส์ เกมและพัดลมเป็นต้น
  • บางรุ่นเป็นแว่นตา หูฟังเกมมิ่ง

โปรโมชั่นคอมเซ็ตจาก Banana

  • ผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน**
  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 30,000.-**
  • ใช้คะแนนแลกรับส่วนลดทันที 25%** กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
  • Lazada แจกโค้ดลับที่บูธ BaNANA ลดสูงสุด 4,500.- (จำนวนจำกัด)

โปรโมชั่นคอมเซ็ตจาก JIB

  • Commart Big Deal
  • รับส่วนลดสูงสุด 15,000 บาท
  • ยังไม่หมดแค่นั้น ซื้อวันนี้ รับฟรีของแถมสุดพิเศษ! เอ็กซ์คูซีฟไม่เหมือนใคร
  • คอมเซ็ตพร้อมใช้ ส่งด่วน ส่งไว ไว้ใจ #เจไอบี เครื่องเสียเปลี่ยนสวนทันทีภายใน 24 ชั่วโมง *เป็นไปตามเงื่อนไขกำหนด
  • สามารถผ่อน 0% นาน 10 เดือน บัตรเครดิต : กสิกร, เคทีซี, กรุงศรี และเฟิร์สช้อยส์
  • สามารถผ่อน 0% นาน 36 เดือน
  • ทุกเซ็ตส่งฟรี ภายใน 6 ชั่วโมง *เฉพาะกรุงเทพ และปริมณฑล
  • รับบัตรเครดิตเงินคืนสูงสุด 30,000 บาท

สเปคคอมไม่เกิน 30,000 บาท

Advice – ไม่เกิน 30,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

ACE Gamer – ไม่เกิน 30,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Banana E-QUIP – ไม่เกิน 30,000 บาท

Banana 1
Banana 4
Banana 13
Banana 3
Banana 8
Banana 5
Banana 14
Banana 2
Banana 15

xxxx

Advertisementavw

GALAX – ไม่เกิน 30,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

xxxx


JIB – ไม่เกิน 30,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

xxxx


Speed Gaming – ไม่เกิน 30,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

xxxx


สเปคคอม 30,000 – 60,000 บาท

Advice 30,000 – 60,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

xxxx


ACE Gamer 30,000 – 60,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Banana E-QUIP 30,000 – 60,000 บาท

Banana 6
Banana 9
Banana 10

GALAX 30,000 – 60,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

JIB 30,000 – 60,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Speed Gaming 30,000 – 60,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Speed 14

สเปคคอม 60,000 – 100,000 บาท

Advice 60,000 – 100,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal

ACE Gamer 60,000 – 100,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Banana E-QUIP 60,000 – 100,000 บาท

Banana 7
Banana 11

GALAX 60,000 – 100,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

JIB 60,000 – 100,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Speed Gaming 60,000 – 100,000 บาท

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Commart Big Deal สเปคคอม 100,000 บาท ขึ้นไป

Advice 100,000 บาท ขึ้นไป

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

ACE Gamer 100,000 บาท ขึ้นไป

Commart Big Deal
Commart Big Deal

Banana E-QUIP 100,000 บาท ขึ้นไป

Banana 12

GALAX 100,000 บาท ขึ้นไป

Commart Big Deal

JIB 100,000 บาท ขึ้นไป

Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal
Commart Big Deal

Speed Gaming 100,000 บาท ขึ้นไป

Commart Big Deal
Commart Big Deal

สรุปสเปคคอมในงาน Commart Hot Deal 2023

คอมประกอบราคา ไม่เกิน 10,000 บาท

  1. Advice_AMD#103 ให้มาเป็นสเปค ซีพียู AMD Ryzen 5 3400G พร้อมแรม 16GB และได้ SSD 240GB การ์ดจอ Radeon Graphic เพาเวอร์ 550W ราคา 7,990 บาท
  2. JIB MARU-2303022 ให้ซีพียู AMD Ryzen 5 4600G ให้แรมมา 8GB และ SSD 240GB การ์ดจอออนซีพียู เพาเวอร์ 550W และเคส AEROCOOL TALON ในราคา 8,990 บาท
  3. Speed SP_COM2318 ได้ซีพียู Intel Core i5-9500 พร้อมแรม 8GB และได้ SSD 240GB เพาเวอร์ 550W ราคา 8,990 บาท
  4. Banana E-QUIP เปิดราคาได้ดีเช่นกัน กับซีพียู AMD Ryzen 5 Pro 4650G มาคู่กับแรม DDR4 16GB และ SSD 256GB เพาเวอร์ 600W ราคา 9,700 บาท

คอมประกอบงบ 30,000 บาท คอเกมปลื้ม

  1. Advice ราคา 29,900 บาท ซีพียู Intel Core i5-12400F, แรม DDR4 16GB, SSD 500GB, RTX3060Ti, PSU 650W
  2. ACE Gamer ราคา 29,900 บาท ซีพียู Intel Core i5-13400F, แรม DDR4 16GB, SSD 500GB, RTX3060, PSU 750W
  3. GALAX Gamer ราคา 29,900 บาท ซีพียู Intel Core i5-12400F, แรม DDR4 16GB, SSD 500GB, RTX3060Ti, PSU 650W
  4. JIB ราคา 29,900 บาท ซีพียู AMD Ryzen 5 5600X, แรม DDR4 16GB, SSD 500GB, RX6750XT, PSU 750W
  5. Banana E-QUIP ราคา 29,500 บาท ซีพียู Intel Core i5-13400F, แรม DDR4 16GB, SSD 500GB, Intel ARC770, PSU 650W
  6. Speed Gaming ราคา 28,240 บาท ซีพียู AMD Ryzen 5 5600G, แรม DDR4 16GB, SSD 500GB, RX6700XT, PSU 750W

คอมประกอบตัวเทพเกมมิ่ง ราคาเกิน 100,000 บาท ใน Commart Big Deal

  1. Advice ราคา 199,900 บาท ได้ซีพียู Intel Core i9-13900K แรม DDR5 64GB กับ SSD 2TB การ์ดจอ RTX4090 เพาเวอร์ 1600W
  2. JIB ราคา 192,000 บาท ซีพียู Intel Core i9-13900K แรม DDR5 64GB และมี SSD 1TB การ์ดจอ RTX4090 เพาเวอร์ 1350W
  3. ACE Gamer อยู่ที่ 159,990 บาท ได้ซีพียู Intel Core i9-13900K พร้อมแรม DDR5 64GB กับมี SSD 1TB การ์ดจอ RTX4090 เพาเวอร์ 1350W
  4. GALAX ราคา 116,900 บาท ซีพียู Intel Core i7-13700K แรม DDR5 32GB ให้ SSD 1TB และการ์ดจอ RTX4090 เพาเวอร์ 1000W
  5. Banana E-QUIP ราคา 115,000 บาท ได้ซีพียู Intel Core i7-13700K แรม DDR5 32GB พร้อม SSD 1TB และการ์ดจอ RTX4090 เพาเวอร์ 1000W
  6. Speed Gaming ราคา 114,000 บาท ซีพียู Intel Core i7-13700K แรม DDR5 32GB ให้ SSD 1TB และการ์ดจอ RTX4090 เพาเวอร์ 1000W

Commart Big Deal 2023 ต้องถือว่าเป็นงานในช่วงต้นปีนี้ ที่จัดเต็มเรื่องของโมเดล ราคาและโปรโมชั่น มาแบบครบครัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อคอมใหม่ จัดสเปคคอม หรืออัพเกรดคอมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เพราะสินค้าหลายชิ้นลดราคาจากปลายปีก่อนมากมายเลยทีเดียว อย่างเช่น แรม และการ์ดจอ ส่วน SSD ก็มีตัวเลือกมาให้เยอะขึ้น ที่สำคัญบรรดาอุปกรณ์บางอย่าง ลดราคาแบบไม่ขนกลับอีกด้วย งานนี้ไม่ใช่แค่คอมเท่านั้น ที่ทำราคาได้ดี แต่ยังรวมถึงโน๊ตบุ๊ค และ Accessories ที่มีให้เลือกครบทุกไลน์ และยังมีรุ่นใหม่ที่ใช้ซีพียู การ์ดจอใหม่มาให้เลือกอีกด้วย ใครสนใจก็แวะกันเข้ามาช้อปได้เลย งานจัดขึ้นที่ ไบเทค บางนา ตั้งแต่วันที่ 2-5 มีนาคม 2566 นี้

from:https://notebookspec.com/web/688836-commart-big-deal-2023-pc-spec

Advertisement

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท จอใหญ่ แรม 8GB มีวินโดว์พร้อมใช้ ดูหนังเพลิน

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท จอใหญ่ Full-HD มี SSD พร้อม Windows แรม 8GB เบา เทรดหุ้น ดูหนังครบ

Top 10 value notebook 10000B cov

10 อันดับโน๊ตบุ๊คเริ่ม 10000 บาท จ่ายเบาๆ ได้จอใหญ่ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีอยู่จริง รวมมาให้แล้ว เป็นรุ่นเด็ดต้นปี 2023 นี้ สำหรับสายทำงานและบันเทิง ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพดี รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ เริ่มต้นกับการเรียน หรือการศึกษาของเด็กๆ ไปจนถึงการดูหนัง 4K ที่เป็นจอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด Full-HD แล้วด้วย ให้ภาพที่ดูได้อย่างเต็มตา และมาพร้อมแรม 8GB บางรุ่นเป็น 16GB รวมถึงใส่ SSD มาด้วยเช่นกัน เพื่อความลื่นไหล ซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่น้องเล็กอย่าง Intel Celeron หรือ AMD Athlon ไปจนถึง Intel Core i Generation แต่ที่สำคัญมี Windows มาให้พร้อมใช้ เปิดเครื่องมา ก็ทำงานได้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม แต่ละรุ่นจัดว่าเด็ด แต่มีรุ่นไหนที่จะโดนใจคุณบ้าง ไปติดตามชมกันครับ

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท


โน๊ตบุ๊ค 10000 บาท เลือกแบบไหนดี?

ทำงานเอกสาร เรียน ประชุมออนไลน์

Advertisementavw
10 อันดับ

สำหรับโน๊ตบุ๊คงบ 10000 บาท อยู่ในกลุ่มที่รองรับการใช้งานด้านงานเอกสาร และในสำนักงานเบื้องต้นได้ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก เช่น เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือใช้โปรแกรมที่ต้องอาศัยแรม และซีพียู เช่น โปรแกรมสร้างพรีเซนเทชั่น เปิดเอกสารทีเดียวจำนวนมาก ซีพียู 2 core/ 4 thread เป็นตัวเริ่มต้นได้ แต่ควรมีแรมอย่างน้อย 8GB เพื่อให้การทำงานลื่นขึ้น ส่วนการจัดเก็บข้อมูล หากมีจำนวนมาก แนะนำว่าให้ใช้ SSD 512GB หรือใช้บริการ Cloud Storage น่าจะสะดวกมากยิ่งขึ้น จอขนาดใหญ่ ช่วยให้มีพื้นที่ในการประชุมและมองเห็นข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น

เทรดหุ้น ท่องอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล

10 อันดับ

การใช้งานด้านเทรดหุ้น แม้จะมองว่าการดูกราฟ จะต้องใช้สเปคแรงด้วยหรือ? ถ้าเป็นการดูข้อมูลเฉยๆ ซีพียูรุ่นน้องเล็ก ก็เพียงพอ แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะควบคู่ไปกับการหาข้อมูลตลาด การฟังข่าวหรือการรีเช็คราคาที่ผ่านมาในอดีต ดังนั้นจึงเป็นการทำงานแบบมัลติทาส์ก เพราะต้องประมวลผลหลายอย่างพร้อมกัน การมีซีพียูในระดับที่สูงขึ้น เช่น Intel Core i3 หรือ AMD Ryzen 3 กับแรมอย่างน้อย 8GB ก็ช่วยให้ไหลลื่นขึ้น แต่ถ้าเปิดแท็ปเว็บเบราว์เซอร์ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าแรม 16GB เหมาะสมมากกว่า จอใหญ่ไฟสว่าง ก็ไม่ต้องซูมบ่อย ยกเว้นจะพกพาด้วยจอ 14″ FHD ก็เพียงพอแล้ว

ดูหนัง เล่นเกมออนไลน์เบาๆ

10 อันดับ

โน๊ตบุ๊ค 10000 บาท เป็นโน๊ตบุ๊คที่อาจจะคาดหวังกับการเล่นเกมได้ยาก แต่ถ้าเป็นเกมออนไลน์เบาๆ เช่น ยิงไข่ ไล่ซอมบี้ เรียงเพชรหรือจะเป็นแนว 2D ในแบบต่างๆ สามารถทำได้สบายๆ ดังนั้นหากคุณต้องการเล่นเกมหนักๆ ก็อาจจะต้องลองเริ่มต้นกับการตั้งค่าในเกม ปรับ Detail ให้เหมาะ แต่สุดท้ายไม่ได้ ก็คงต้องขยับไปที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ปัจจุบันเริ่มที่ประมาณ 20000 บาท ส่วนการดูหนัง Full-HD, 4K และใช้เพียงหน้าจอเดียว เลือกรุ่นประหยัดสุด ก็ยังไหว แต่อยากให้เป็นแรม 8GB ดูน่าสนใจกว่า และถ้ามีน้องๆ หนูๆ เล่นด้วยกัน จัดจอใหญ่ 15.6″ ก็แบ่งปันกันดูได้ดียิ่งขึ้น


1.Acer Aspire 3 A314-35

10 อันดับ

โน๊ตบุ๊คที่มาแบบครบครัน ใน 10 อันดับครั้งนี้ กับสายพันธุ์ของ Aspire 3 ที่ออกแบบมาลงตัวกับผู้ใช้ในกลุ่มคนทำงาน ไลฟ์สไตล์และนักเรียน ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาแค่ 1.6Kg สเปคพอใช้ท่องเน็ต ทำงานเอกสาร และดูหนังบนจอ 14″ Full-HD ได้ลื่นๆ กับซีพียู Intel Pentium N6000 (2 core/ 4 thread) พร้อมแรม 4GB ที่อัพเกรดเพิ่มได้ และใส่ฮาร์ดไดรฟ์มา 500GB รุ่นนี้เท่าที่เช็ค มีโมเดลที่เป็น SSD 256GB ด้วย มี Windows 10 มาให้ คีย์บอร์ดไม่มีแสงไฟ และแบตค่อนข้างเล็กไปนิด เคาะราคามา 8,990 บาท เท่านั้น ไปช้อปกันได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
น้ำหนักเบา แรม 4GB
ให้พอร์ตมาเยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: Acer


2.IPASON MAXBOOK P2 PRO-P981

10 อันดับ

ติด 10 อันดับ โน๊ตบุ๊คราคาไม่ถึงหมื่นบาท IPASON แบรนด์น้องใหม่ในบ้านเรา ที่กระแสตอบรับดี บอดี้ที่บางเบา ฟังก์ชั่นจัดเต็ม ทั้งสแกนลายนิ้วมือ กางได้ 180 องศา คีย์บอร์ด Full-size แต่เสียดายที่ไม่มีไฟ Backlit มาให้ แต่ก็ได้อย่างอื่นแทน เช่น แรม 16GB ใส่ซีพียู Intel Celeron มาให้ แต่เป็นรุ่นใหม่ 4 core/ 4 thread กราฟิก Intel UHD สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป หน้าจอ IPS 15.6” Full-HD สีสดใส พอร์ตใหม่ๆ USB-C และ HDMI มีให้ครบ พร้อมแบตขนาดใหญ่ Windows 11 พร้อมใช้ ตัวเครื่องรับประกัน 2 ปี ราคาแค่ 9,890 บาท แต่เวลานี้ค่อนข้างหายากนิดนึงครับ ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรมมาเยอะ ไม่มีไฟคีย์บอร์ด
กางจอได้ 180 องศา

รายละเอียดเพิ่มเติม: IPASON


3.Lenovo IdeaPad 1 15IGL7

10 อันดับ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค 10000 สุดประหยัดรุ่นนี้ ดีกรีไม่ธรรมดา วัสดุดูดี งานประกอบแน่น หน้าจอใหญ่ 15.6″ Full-HD ดูหนังเต็มตา ทำงานก็สะดวก เล่นเกมออนไลน์เบาๆ ขุมพลัง Intel Pentium N4020 กับกราฟิก Intel UHD ก็พอไหว งาน 2D/3D พรีเซนเทชั่นทั่วไป ไม่ยาก มาพร้อมแรม 4GB เสียดายที่อัพแรมเพิ่มไม่ได้ ส่วน SSD มีให้ 256GB พอร์ตก็มีให้ครบๆ USB-C, HDMI ใส่ Card Reader มาให้ด้วย พร้อม Windows 11 Home พร้อมใช้งาน แบตใหญ่ น้ำหนัก 1.5Kg ประกัน 2 ปี แต่เป็นอุบัติเหตุ 1 ปีด้วยนะ ราคาประมาณ 9,990 บาทเท่านั้น ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอใหญ่สีสดใส มีแรมให้ 4GB
วัสดุค่อนข้างดี

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


4.HP 15s-eq1575AU

10 อันดับ

เป็นอีกหนึ่งใน 10 อันดับโน๊ตบุ๊คสไตล์บางๆ ที่มีความพรีเมียม หน้าจอ 15.6″ Full-HD กว้างขวาง ขอบจอบาง เอาใจคนทำงานและการเริ่มต้นเรียนรู้ของเด็กๆ แถมยังให้ Windows 11 Home มาแล้วด้วย โดยมีขุมพลัง AMD Athlon Gold 3150U เป็นน้องเล็ก ทำงาน 2 core/ 4 thread พร้อมแรม 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ในภายหลัง กราฟิก AMD Radeon ดูหนัง เล่นเกมเบาๆ เอาใจน้องๆ ยังไหว ใช้เทรดหุ้นก็ลื่นดี มี SSD 256GB คีย์บอร์ด Full-size ใส่แบตมากลางๆ พอร์ต USB-C, HDMI มีให้ครบ น้ำหนักประมาณ 1.7Kg ประกัน 2 ปี ราคา 11,390 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรมมา 8GB น้ำหนักค่อนข้างเยอะ
พอร์ตเยอะ พร้อม USB-C

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


5.ASUS Vivobook 15 X1500EA-EJP01W

10 อันดับ

สำหรับ Vivobook 15 ก็มาตามคาด กับราคาที่ดีงาม บอดี้ที่ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ บางสวย แม้ซีพียูจะเป็นน้องเล็ก Pentium Gold 7505 แต่ถือว่าสดใหม่ เรี่ยวแรงพอใช้งานในหลายๆ ด้านได้ พร้อมแรม 4GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB หาได้ยากในราคาประมาณนี้ พอร์ตมีทั้ง USB-C และ HDMI หน้าจอ 15.6″ Full-HD กว้างขวาง สำหรับงานและความบันเทิง แม้จะไม่ได้เสริมฟีเจอร์พิเศษมามากมาย แต่ก็สะดวกต่อการใช้งานพื้นฐาน โดยมี Windows 11 พร้อมใช้ประกัน 2 ปี ราคา 12,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์บาง กระทัดรัด มีแรม 4GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


6.Lenovo V15 G3 ABA 82TV004VTA

10 อันดับ

เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มทำงาน บอดี้ที่ดูพรีเมียม ดูสบายตา ราคา 10000 บาทนิดๆ ได้สเปคใหม่หมดจด เหมาะทั้งเรียน ทำงาน และความบันเทิง กับซีพียู AMD Ryzen 3 5425U รุ่นใหม่ คู่กับแรม 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และให้ SSD 256GB บนจอแสดงผล 15.6″ กราฟิกสามารถเล่นเกมเบาๆ ได้ ดูหนัง 4K ระบบเสียงก็ถือว่าดี พร้อมพอร์ต USB-C ชาร์จเร็ว และต่อจอได้ แบตอาจจะน้อยไปบ้าง สำหรับจอใหญ่แบบนี้ และไม่มี OS มาให้ น้ำหนักประมาณ 1.7Kg พกได้ไม่ยาก ประกัน 1 ปี ราคา 12,990 บาท ถ้าใครอยากได้ Windows ด้วย ขยับไป IdeaPad 3 ก็ได้ เพิ่มอีกประมาณพันนึงครับ ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
วัสดุแข็งแรง น้ำหนัก 1.7Kg
ได้แรม 8GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


7.ASUS X515JA-EJ331W

10 อันดับ

10 อันดับโน๊ตบุ๊คราคาหมื่นนิดๆ แต่ได้เป็น Intel Core i3 Gen10 ได้แรงเพิ่มอีกนิด 2 core/ 4 thread ให้เร่งสปีดงานต่างๆ ได้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้งานทั่วไป และความบันเทิงภายในบ้าน จอใหญ่ 15.6″ Full-HD กับบอดี้ที่ทำออกมาได้ดี ตามสไตล์ ASUS แรมให้มา 4GB แต่อัพเกรดเพิ่มได้ภายหลัง SSD 512GB จัดเต็มมาให้แล้ว พอร์ต USB-C, HDMI มีให้ครบ คีย์บอร์ดฟอนต์ใหญ่ เห็นได้ชัดเจน มี Windows 11 Home มาพร้อมใช้ แบตอาจจะเล็กไปบ้าง น้ำหนักค่อนข้างเยอะหน่อย 1.7Kg แต่เรื่องสเปคและการอัพเกรดไม่ได้เป็นรองใคร รับประกัน 2 ปี ในราคาสบายกระเป๋า 12,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอใหญ่ ขอบจอบาง มีแรม 4GB
มีพอร์ตให้เยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


8.Infinix Book X2 I5 71008300113

10 อันดับ

Infinix Book เป็นโน๊ตบุ๊คที่เปิดตัวมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว กับความบางเบา ราคาเข้าถึงง่าย จุดแข็งที่บอดี้อะลูมิเนียมทั้งตัว สีสันสดใส พร้อมให้ Windows 11 มาด้วย นอกเหนือจากสเปค Intel Core i5-1035G1 พร้อมแรม 8GB และให้ SSD 512GB มาใช้งาน หน้าจอขนาด 14″ Full-HD พาแนล IPS คมชัด ขอบเขตสีกว้าง พอร์ตจัดวางให้ครบครัน รวม USB-C และ HDMI ที่สำคัญคือ คีย์บอร์ดกดง่าย มีไฟ Backlit แบตอึด หาตัวเทียบยากในราคาเดียวกัน รับประกัน 1 ปี น้ำหนัก 1.24Kg ใครที่ชอบความบางเบา พกพาง่าย บอดี้แกร่ง ไม่ควรพลาด ราคา 13,900 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรม 8GB
ซีพียู Intel Core i5

รายละเอียดเพิ่มเติม: Infinix


9.Lenovo IdeaPad Flex 5i

10 อันดับ

เข้ามาใน 10 อันดับ กับ Lenovo ที่มีโมเดลในตลาดเริ่มต้นค่อนข้างเยอะ เช่นเดียวกับรุ่นนี้ ที่ราคาจะสูงนิดนึง แต่ได้ลูกเล่นเพียบ เช่นการพับจอเป็นโหมดต่างๆ รองรับทัชสกรีน 14″ Full-HD พาแนล IPS คมชัด มุมมองกว้าง ซีพียู Intel Core i3 Gen 11 ให้แรม 4GB ออนบอร์ด แต่อัพเพิ่มไม่ได้ SSD 256GB มาตรฐาน กราฟิก Intel UHD Graphic ให้พอร์ตมาเยอะ USB-C และ HDMI แถมยังมีไฟคีย์บอร์ด มาอีกด้วย รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ บอดี้อะลูมิเนียม น้ำหนักตัวแค่ประมาณ 1.5Kg เท่านั้น ราคา 13,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอได้ 360 องศา ให้แรม 4GB
บอดี้แข็งแรง

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


10.HP 15s-fq5154TU

10 อันดับ

HP 15s รุ่นนี้ทำราคากับสเปคได้ดีน่าสนใจเข้ามาใน 10 อันดับโน๊ตบุ๊คนี้ ด้วยบอดี้ที่น่าจะถูกใจสายพรีเมียม เพราะดูเหมือนลายอลูมิเนียมปัดเสี้ยนมาสวยๆ หน้าจอ 15.6″ Full-HD มาให้ และใส่ซีพียู Intel Core i3-1215U รุ่นใหม่ แรง ประหยัดไฟ พร้อมแรม 8GB และ SSD 256GB กราฟิก Intel UHD มี Windows 11 Home พร้อมใช้ แบตจัดได้ว่ากลางๆ แต่ก็ใหญ่กว่าในหลายรุ่น พอร์ตมี USB-C พอให้ใช้กับ HDMI น้ำหนักตัว 1.69Kg ส่วนตัวถือว่าทำได้ค่อนข้างดี การรับประกัน 2 ปี ราคา 13,900 บาท แต่ซื้ออนไลน์ถูกลงอีก ใครชอบสไตล์นี้ จัดได้เลย ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
บอดี้แข็งแรง ดีไซน์สวย น้ำหนัก 1.69Kg
ให้แรม 8GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


Conclusion

Model Display CPU RAM Storage Graphic Weight Price
1.Acer Aspire 3 A314 14″ FHD Intel Pentium N6000 4GB 256GB Intel UHD 1.62Kg 8,990
2.IPASON MAXBOOK P2 15.6″ FHD Intel Celeron N5105 16GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 9,890
3.Lenovo IdeaPad 1 15.6″ FHD Intel Pentium N4020 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 9,990
4.HP 15s-eq1575AU 15.6″ FHD AMD Athlon Gold 3150U 8GB 256GB AMD Radeon 1.7Kg 11,390
5.ASUS Vivobook 15 15.6″ FHD Intel Pentium Gold 7505 4GB 512GB Intel UHD 1.8Kg 12,990
6.Lenovo V15 G3 15.6″ FHD AMD Ryzen 3 5425U 8GB 256GB AMD Radeon 1.7Kg 12,990
7.ASUS X515JA 15.6″ FHD Intel Core i3-1005G1 4GB 512GB Intel UHD 1.7Kg 12,990
8.Infinix Book X2 I5 14″ FHD Intel Core i5-1035G1 8GB 512GB Intel UHD 1.24Kg 13,900
9.Lenovo IdeaPad Flex 5i 14″ FHD Intel Core i3-1115G4 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 13,990
10.HP 15s 15.6″ FHD Intel Core i3-1215U 8GB 256GB Iris Xe 1.69Kg 13,900

10 อันดับโน๊ตบุ๊คในราคา 10000 บาท สเปคที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ ออกแบบมาเพื่องานพื้นฐาน เช่น งานเอกสาร ท่องเน็ตหรือความบันเทิงทั่วไป แต่ถ้าขับไปหมื่นต้นๆ มีตัวเลือกอย่าง Intel Core i3 หรือ i5 ให้ได้ใช้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณ เราขอสรุปกันแบบง่ายๆ ดังนี้ครับ

เน้นงบน้อยไม่ถึงหมื่นบาท มีทั้ง Acer และ IPASON และ Lenovo ซึ่ง IPASON ทำได้ดีทั้งสเปคและฟังก์ชั่น แต่ตอนนี้หาซื้อยากหน่อย

แต่ถ้าหมื่นต้นๆ ก็มี HP 15s, ASUS Vivobook และ Lenovo V15 ที่ส่วนใหญ่ให้แรมมากขึ้น และซีพียูที่แรงกว่า เช่น ซีพียู Core i และแรม 8GB เป็นต้น

ส่วนในกลุ่ม 13,900 บาท จะเป็นตัวสุดในราคานี้ มีทั้ง Infinix, HP15s และ Lenovo IdeaPad ซึ่ง Infinix ใส่ซีพียู Core i5 มาให้ แต่ Lenovo พับจอกับทัชสกรีนได้ แต่ HP 15s ได้ซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ ก็เรียกว่าวัดใจกันพอสมควรครับ ทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด ทั้ง 10 รุ่นที่เราเอามาแนะนำกันในวันนี้ครับ มีความคิดเห็นกันอย่างไร คอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/688656-10-value-notebook-10000-2023

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น เริ่มไม่ถึง 30,000 ปี 2023 เล่นเกมใหม่ เฟรมเรตลื่น

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่นเด็ด เริ่ม 29,900 การ์ดจอแรง จอใหญ่ เล่นเกมลื่น อัพเกรดได้

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น ต้นปี 2023 ครั้งนี้จัดมาให้สำหรับคอเกม ที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมใหม่ๆ ในปีนี้ กับราคาในระดับที่จ่ายง่าย สบายกระเป๋า เริ่มแค่ 29,900 บาท ไปจนถึง 35,900 บาท แต่เล่นเกมได้แบบโหดๆ กับสเปคที่ให้คุณเล่นเกมบนความละเอียด Full-HD ได้ลื่น ว่ากันตั้งแต่ซีพียูระดับ Intel Core i5 จนถึง Core i7 และ AMD Ryzen 5 กับความแรงที่จะตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมพื้นฐาน ไปจนถึงเกมระดับ AAA โดยมีกราฟิกการ์ด GeForce RTX3050, RTX3050Ti และ RTX3060 ให้ใช้งาน จอแสดงผลขนาดใหญ่ ซึ่งในเวลานี้มีให้เลือกเกือบทุกแบรนด์ แต่จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจ ซึ่งเข้ามาตามเงื่อนไขหรือจัดสเปคให้เกินจากนี้บ้าง ไปติดตามชมกันครับ

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น ปี 2023

  1. MSI GF66 Katana 12UC
  2. ASUS TUF Gaming A17
  3. Gigabyte A5 K1
  4. Gigabyte G5 ME
  5. HP Victus Gaming 16
  6. ASUS TUF Dash F15
  7. Lenovo Gaming3
  8. Acer Nitro AN515

1.MSI GF66 Katana 12UC

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาเริ่มกันที่โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นแรก ที่ทำราคาออกมาได้ดีเลยทีเดียว สำหรับ GF66 Katana ซึ่งเป็นซีรีส์ในตระกูลเกมมิ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา เพราะเรื่องของการดีไซน์และวัสดุ มีความคุ้มค่าน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ได้มีลูกเล่นหวือหวามากนัก คีย์บอร์ดเป็นไฟสีแดง ตัดกับโครงสร้างสีดำ ดูโหดๆ ดีเหมือนกัน แต่ถ้าเน้นที่พลังในการเล่นเกม หน้าจอขนาดใหญ่ สีสดใส ระดับ 15.6″ FHD และรีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ก็ต้องบอกว่า ราคาหาตัวจับมาแข่งได้ยาก ซึ่งทาง MSI ใส่ขุมพลัง Intel Core i5-12450H เกมมิ่งซีพียูตัวแรงมาให้ พร้อมแรม DDR5 8GB และใส่การ์ดจอ GeForce RTX3050 4GB มาให้ด้วย แบตเตอรี่อาจจะไม่ใหญ่นัก น้ำหนักตัวเลยอยู่ที่ประมาณ 2.25Kg เท่านั้น พอร์ตจัดมาให้ครบ เช่นเดียวกับชุดระบายความร้อน CooloerBoost 5 ที่มีฮีตไปป์หลายเส้น คู่กับพัดลมคู่ขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ กับการรับประกัน 2 ปี ราคาอยู่ที่ราว 29,900 บาทเท่านั้น

Advertisementavw
จุดเด่น ข้อสังเกต
มาพร้อมแรม DDR5 ไม่มี Thunderbolt 4
แบตค่อนข้างอึด

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


2.ASUS TUF Gaming A17

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวคุ้มสุดโหด ดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นเด่นในตลาดบ้านเรา สำหรับงบประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งมีการต่อยอดมาอย่างต่อเนื่องจาก ASUS TUF รุ่นก่อนๆ มาได้ดี จากบอดี้ที่ก่อนหน้านี้เน้นอึดถึก ดูบึกบึน มาถึงตอนนี้ เริ่มปรับเส้นสายและมิติให้ดูบาง ลงตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cover สีเทาเรียบๆ แต่ใส่โลโก้ให้ดูสะดุดตา ด้านใต้เป็นช่องลมแบบรังผึ้ง ด้านในลายอลูมิเนียมปัดเสี้ยน และให้หน้าจอใหญ่ 17.3″ FHD อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ขุมพลัง AMD Ryzen 7 4800H พร้อมแรม DDR4 3200 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB โดยใช้การ์ดจอพิมพ์นิยม GeForce RTX3050 มาด้วย กับระบบเสียงสุดกระหึ่มเอาใจเกมเมอร์ และคอบันเทิงได้ดีทีเดียว พอร์ตต่อก็ครบ ทั้ง USB 3.2, USB Type-C ที่ใช้ต่อจอได้ และ HDMI ไปจนถึง LAN ชุดระบายความร้อนพัดลมคู่ และฮีตไปป์ จุดเด่นอยู่ที่คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB ปรับแต่งได้ พร้อมโพรไฟล์ให้เลือก 4 แบบด้วยกัน การรับประกัน 2 ปี ราคาประมาณ 30,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
คีย์บอร์ด RGB แรม DDR4
จอขนาดใหญ่

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


3.Gigabyte A5 K1

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เข้าป้ายมาอีกหนึ่งรุ่นสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจาก Gigabyte ที่จัดสเปคมาให้แบบจัดเต็ม ไม่เป็นรองใคร อาจจะต่างจากรุ่นของ G5 อยู่บ้าง ในแง่ของบอดี้ที่อาจะดูบึกบึนขึ้นมา แต่มาในสไตล์ที่ดูเป็นเกมมิ่งดุดัน ให้ขุมพลังมาเพื่อรีดเฟรมเรตโดยเฉพาะ กับโครงสร้างที่แข็งแกร่ง หน้าจอแบบ 15.6″ IPS 144Hz Full-HD และมีขอบจอบางพิเศษ โดยให้ซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ที่รับได้ทั้งงานและการเล่นเกมปัจจุบัน พร้อมแรม DDR4 3200 8GB เช่นเดียวกับ SSD 512GB มาตรฐาน รองรับการอัพเกรดได้พอสมควร ส่วนการ์ดจอต้องจัดว่าแรงแซงหน้าคู่แข่งในงบพอกัน เพราะจัด RTX3060 มาให้ เล่นเกมได้ลื่นมากขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดสไตล์เกมมิ่ง ที่มีแสงไฟ Backlit มาในตัว ตั้งรูปแบบแสงไฟได้ 15 สี พอร์ตโดดเด่นตรงที่มี Mini DP เพิ่มมาให้ นอกเหนือจาก HDMI จึงต่อเพิ่มได้อีก 2 จอ และพอร์ต USB 3.2 Type-C แต่ไม่มี Thunderbolt 4 มาให้ น้ำหนักตัวประมาณ 2.12Kg ราคาสบายกระเป๋า 31,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้การ์ดจอ RTX3060 แรม DDR4
มีพอร์ต HDMI และ Mini DP ต่อจอใหญ่ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: Gigabyte


4.Gigabyte G5 ME-51TH263SH

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาถึงโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจากทาง Gigabyte ซึ่งเป็นค่ายที่ช่ำชองในตลาดของเกมมิ่งมายาวนาน และในไทยก็มีโน๊ตบุ๊คที่ล้ำๆ มาให้ได้ใช้กันด้วย ในราคาที่เป็นกันเอง อย่างเช่น G5 Gen12 รุ่นนี้ ที่ใส่มาทั้งดีไซน์และฟีเจอร์น่าสนใจมากมาย หน้าจอขนาด 15.6″ FHD 144Hz ฝาหลังมีการออกแบบเส้นสายให้ดูไม่น่าเบื่อ กับบอดี้ที่ดูปรับให้ลงตัวมากขึ้น บานพับขนาดใหญ่ เน้นการใช้งานที่ไม่โยกคลอนง่าย พอร์ตต่อพ่วงกระจายออกไปในทุกด้าน เพื่อลดความแออัด ขุมพลัง Intel Core i5-12500H และให้แรม DDR4 3200 8GB มาให้ และ SSD 512GB แต่ขยับการ์ดจอให้แรงขึ้นอีกนิดกับ RTX3050Ti น้ำหนักทำได้ค่อนข้างดีอยู่ที่ 1.9Kg เท่านั้น กับระบบเสียง DTS:X จัดเต็มสำหรับคอเกม คู่กับลำโพงใต้เครื่องให้มิติเสียงได้สนุก โดยมีพอร์ตพื้นฐานอย่าง USB 3.2 Type-C และ HDMI รวมถึง Mini-DP มาให้ จะขาดไปเพียง Thunderbolt 4 ที่จะอยู่ในรุ่น G5 KE เท่านั้น อย่างไรก็ดีโดยรวมยังถือว่ามาแบบครบๆ สเปคก็ถือว่าจัดจ้าน กับการรับประกัน 2 ปี ในราคา 32,490 บาท เท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้การ์ดจอ RTX3050Ti ไม่มี Thunderbolt 4
ดีไซน์ทันสมัย

ข้อมูลเพิ่มเติม: Gigabyte


5.HP Victus Gaming 16-e1081AX

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาถึงโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวแกร่งของทาง HP กันบ้าง ใครที่ชื่นชอบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มีมิติเพรียวบาง Victus ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ดีไซน์ของรุ่นนี้ จะออกไปทางสาย Pavilion ที่ดูมีความหรูหรา และให้ความแรงที่แตกต่าง กับหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ที่กว้างขึ้น ความละเอียด Full-HD รีเฟรชเรต 144Hz จัดได้ว่าเป็นหน้าจอที่สว่างสดใส ให้ความแม่นยำของสีได้ดีพอสมควร กับสเปคที่จัดว่าขิงกับค่ายอื่นได้สบาย ในราคาเดียวกัน เพราะได้ซีพียูใหม่อย่าง AMD Ryzen 5 6600H 6 core/ 12 thread กับความเร็วสูงสุด 4.5GHz ที่มากับแรม DDR5 ที่เสริมความแรงมาให้ถึง 16GB รวมถึง SSD 512GB และการ์ดจออย่าง GeForce RTX 3050Ti อีกด้วย อีกทั้งยังให้ระบบเสียงมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ กับพอร์ตเชื่อมต่อสำคัญก็มีมาเกือบครบ อย่าง USB 3.2 Type-C, HDMI และ RJ-45 แต่คีย์บอร์ดจะมาในแบบแสงไฟสีขาวมาเท่านั้น การรับประกันเป็นแบบ 2 ปี On-site service ราคาอยู่ที่ 33,400 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
แรม 16GB คีย์บอร์ดไฟขาว
ได้การ์ดจอ RTX3050Ti

ข้อมูลเพิ่มเติม: HP


6.ASUS TUF Dash F15 FX517

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เรียกว่าสายของ TUF Dash จาก ASUS ไม่เคยแผ่ว โตในสายเกมมิ่งได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นนี้เอง ก็จัดว่าน่าสนใจ เพราะใส่ขุมพลังตัวแรง อย่าง Intel Core i5-12450H เกมมิ่งตัวแรงมาด้วย คู่กับแรม DDR5 8GB รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้ เช่นเดียวกับ SSD 512GB M.2 รุ่นใหม่ ความเร็วสูง กับหน้าจอขนาด 15.6″ FHD อัตรารีเฟรชเรต 144Hz ซึ่งขอบจอบางพิเศษ กับใครที่อยากจะได้การ์ดจอที่แรงขึ้นสุดในราคาระดับนี้ ASUS ให้มาเป็น RTX3050Ti พร้อม MUX switch ในตัว คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB ใช้งานร่วมกับ AURA Sync ได้ จุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอความทนทานกับดีไซน์ที่สวยโดดเด่น วัสดุเป็นอะลูมิเนียม ชุดระบาบความร้อนออกแบบมาเป็นพิเศษ Arc Flow Fans ที่ให้การหมุนเวียนของอากาศได้ดี ช่วยลดความร้อนในขณะเล่นเกม กับพอร์ตต่อพ่วงสำคัญอย่าง Thunderbolt 4, USB 3.2 Type-C และ HDMI มีให้ใช้ครบ กับการรับประกัน 2 ปีและ Perfect Warranty น้ำหนักเบาเพียง 2Kg. เท่านั้น เคาะราคามาที่ 34,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ RTX3050Ti
คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


7.Lenovo IdeaPad Gaming 3 15IAH7

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

สำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจากทาง Lenovo ในราคาระดับนี้ ทำให้ผมชั่งใจพอสมควร ระหว่างรุ่นนี้ที่ใช้ Intel Core i5-12500H กับ i5-12450H เพราะได้การ์ดจอต่างกันในราคาเบียดๆ กันเลยทีเดียว โดย i5-12450H+RTX3050Ti ราคาสูงกว่ารุ่นนี้ 1,000 บาทเท่านั้น น่าสนใจด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าคุณอยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คและจะแบ่งไปจัดเกมมิ่งเกียร์ด้วย ก็จัดรุ่นนี้ได้เลย ดูคมเข้ม ยิ่งรุ่นสีขาว Limited Edition ยิ่งโดนใจกับแสงไฟสีฟ้า การออกแบบใหม่ จัดว่าสวยลงตัว จอขนาด 15.6″ FHD รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz จอสีตรง ให้ความสว่างสูง โดยมีแรม DDR4 3200 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB ที่มีสล็อตเพิ่มให้ ระบบเสียง Nahimic สดใส เอฟเฟกต์แน่น พอร์ตมีให้ครบ ส่วนใหญ่ไปอยู่ด้านหลังทั้ง Thunderbolt 4 และ HDMI คีย์บอร์ดกดได้สนุก ชุดระบายความร้อนขนาดใหญ่ ออกแบบมาได้ดี น้ำหนักประมาณ 2.31Kg รับประกัน 3 ปีแบบ Onsite Service ราคาอยู่ที่ 33,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
อัตรารีเฟรชเรตสูง 165Hz น้ำหนัก 2.31Kg
มี Thunderbolt 4

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lenovo


8.Acer Nitro AN515-58

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ออกโน๊ตบุ๊คเล่นเกมในกลุ่มเกมมิ่งได้ถูกอกถูกใจเหล่าเกมเมอร์มายาวนาน ในซีรีส์ Nitro ถือว่าโดดเด่น และทำราคาที่จับต้องได้ง่าย ใส่ฟีเจอร์มาแน่น เช่นเดียวกับสเปคที่ไม่ธรรมดา โดยมีซีพียู Intel Core i5-12500H ที่ถือว่าจัดจ้าน แต่น่าเสียดายที่ใส่แรม DDR4 มาให้ แต่ก็จัดมาให้เยอะกว่าคู่แข่ง เพราะให้ถึง 16GB และให้การ์ดจอเริ่มต้นอย่าง RTX3050 มาอีกด้วย กับหน้าจอแสดงผล 15.6″ FHD 165Hz เป็นแบบ IPS สีสดใสคมชัด เรื่องของเส้นสาย Cover มาในแบบที่เด่น ตามสไตล์ของรุ่นนี้ ด้านในขอบจอบางเฉียบ และฝาพับที่ค่อนข้างแข็งแรง คีย์บอร์ดเป็นแบบ RGB 4 zone ปรับโพรไฟล์สีได้ กดแน่นสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ การระบายความร้อนมาพร้อมพัดลม 2 ตัวกับฮีตไปป์ ด้านท้ายตัวเครื่องออกแบบมาให้มีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่มาให้ ทำงานคู่กับ Nitro Sense ให้การรับประกัน 3 ปี ราคา 35,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้จอรีเฟรชเรต 165Hz
แรม 16GB

ข้อมูลเพิ่มเติม: Acer


Conclusion

Display CPU RAM SSD Graphic Price
1.MSI GF66 Katana 12UC 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12450H DDR5 8GB 512GB RTX3050 29,900 บาท
2.ASUS TUF Gaming A17 17.3″ 144Hz AMD Ryzen 7 4800H DDR4 8GB 512GB RTX3050 30,990 บาท
3.Gigabyte A5 K1 15.6″ 144Hz AMD Ryzen 5 5600H DDR4 8GB 512GB RTX3060 31,990 บาท
4.Gigabyte G5 ME 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12500H DDR4 8GB 512GB RTX 3050Ti 32,490 บาท
5.HP Victus Gaming 16 16.0″ 144Hz AMD Ryzen 5 6600H DDR5 16GB 512GB RTX 3050Ti 33,400 บาท
6.ASUS TUF Dash F15 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12450H DDR5 8GB 512GB RTX 3050Ti 34,990 บาท
7.Lenovo Gaming3 15.6″ 165Hz Intel Core i5-12500H DDR4 8GB 512GB RTX3050 33,900 บาท
8.Acer Nitro AN515 16.0″ 165Hz Intel Core i5-12500H DDR4 16GB 512GB RTX3050 35,900 บาท

ก็เรียกว่าน่าจะครบครันไปแล้ว สำหรับข้อมูลของ 8 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูกในงบเริ่ม 29,900 บาท ซึ่งมีหลายรุ่นที่น่าสนใจ ซึ่งหากต้องการซีพียู และสเปคที่ค่อนข้างใหม่ ราคาราวๆ 3 หมื่นกว่าบาท มีให้เลือกมากมายเลยทีเดียว ถ้าเน้นราคาเริ่มต้น MSI GF66 ดีไซน์เกมมิ่ง ดุดันสเปคน่าใช้ แต่ถ้าอยากได้จอใหญ่ 17.3″ ซีพียูแรงๆ ASUS TUF A17 ตอบโจทย์คุณได้ ส่วนถ้าเลือกเฉพาะการ์ดจอแรงๆ มีทั้ง Gigabyte G5, HP Victus และ ASUS TUF Dash F15 ถือว่าน่าใช้ และถ้าต้องการจอรีเฟรชเรตสูง Lenovo และ Acer Nitro ทั้งคู่มาเป็น 165Hz แล้ว ส่วนถ้าอยากได้แรม 16GB มีทั้ง HP และ Acer แต่ HP จัดมาเป็น DDR5 อีกด้วย ที่เหลือจะเป็นเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชั่น อย่างเช่น เรื่องการระบายความร้อน คีย์บอร์ดไฟ RGB หรือจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ก็มีให้ในบางรุ่น อยู่ที่คุณจะตัดสินใจเลือกใช้ และเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนโดนใจคุณบ้าง อย่าลืมคอมเมนต์มาบอกเพื่อนๆ กันบ้างนะครับ

from:https://notebookspec.com/web/682754-8-value-gaming-notebook-2023

CES 2023 – พาไปชมโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ บาง แรง Intel Gen 13 + RTX เพื่อ Creator และเกมเมอร์

โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ใน CES 2023 ขุมพลัง Intel Gen 13 + GeForce RTX 40 โฉมใหม่ เทคโนโลยีล้ำๆ

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI ที่เปิดตัวครั้งใหญ่ในงาน CES 2023 ครั้งนี้ จัดว่ายกทัพมาครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป เกมเมอร์ และทำงานจริงจัง เรียกว่า All New เลยทีเดียว เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่ถูกปรับใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังยกเครื่องมาใหม่ ใส่ขุมพลัง Intel Gen 13 รุ่นล่าสุด เกือบทุกซีรีส์ และหลายรุ่นก็มาพร้อมแรม DDR5 แล้ว พร้อมกับ SSD PCIe รุ่นใหม่ กับการ์ดจอระดับ GeForce RTX 40 series อีกด้วย บนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง MSI เติมเข้ามาให้กับผู้ใช้โน๊ตบุ๊คได้สัมผัสกันอย่างจุใจเลยทีเดียว โดยในครั้งนี้จะเป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คพกพก โน๊ตบุ๊คทำงาน และไลฟ์สไตล์ ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คใหม่สไตล์ล้ำสมัย มาใช้งานในปีนี้ ไม่ควรพลาดครับ


โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ ในงาน CES 2023


MSI Creator series

มากันที่โน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มนักสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตัดต่อวีดีโอ ตกแต่งภาพ กราฟิกดีไซน์และเหล่ายูทูปเบอร์ อย่าง Creator มีด้วยกัน 2 ซีรีส์ อย่าง Creator Z16 HX Studio และ Creator Z17 HX Studio จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสอดคล้อง ไม่ว่าจะเป็นความบาง เบา มิติที่ดูกระชับ ขอบจอบาง โดยบอดี้นั้นขึ้นรูปในแบบ CNC ที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ซึ่งบางเพียง 19mm และน้ำหนักเบาเพียง ปปปKg. เท่านั้น

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน เพื่อตอบสนองการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแสดงผลก็ตาม โดยที่ MSI CREATOR Z16 HX Studio นี้ มีทั้ง USB 3.2 Gen2 และ Thunderbolt 4 รวมถึงพอร์ต HDMI มาด้วย

และที่สุดของการทำงานคือ ขุมพลังอย่าง Intel Core i9-13950HX ซึ่งเป็นซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูง ให้การทำงานแบบมัลติทากส์กรวมกันถึง 24 core และยังเป็นรุ่นใหม่ Intel Core Gen 13 จึงทำให้การทำงานในด้านคอนเทนต์ วีดีโอ กราฟิก 3 มิติ และงานด้านสตูดิโอ ภาพและเสียง ไหลลื่นได้ดีทีเดียว

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไม่เพียงแค่นั้น เพราะทาง MSI ยังได้ใส่ขั้นสุดของเทคโนโลยีกราฟิกมาให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยกราฟิกการ์ด GeForce RTX ที่สนับสนุน nVIDIA Studio มาด้วย เพื่อให้สายทำงานและนักสร้างคอนเทนต์ได้ยกระดับการทำงานให้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน 3D, Video และการบรอดแคส โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับ GeForce RTX ได้อย่างลงตัว

20230104 135156 1600x1200 1

จุดที่เป็นไฮไลต์อีกสิ่งหนึ่งบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็คือ ชุดระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost มาพร้อมพื้นที่หน้าสัมผัสขนาดใหญ่ ช่วยลดเสียงรบกวน และให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด QHD+ (2560×1600) ให้ความแม่นยำสีสูง เพื่อการทำงานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น 100% DCI-P3 และ Delta-E <2 อีกด้วย โดยหน้าจอนี้ยังผ่าน Calman Verify ด้วยการ Calibrate สีบนหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านภาพและวีดีโอได้อย่างเหมาะสม

โน๊ตบุ๊ค MSI

และไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความบันเทิง ด้วยระบบเสียงชั้นยอดจากลำโพง 2W จำนวน 4 ตัว ที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio และระบบเสียง DTS กับบิตเรตที่สูง เก็บรายละเอียดได้ดี พลังเสียงจัดจ้าน

สามารถปรับแต่ง และตรวจเช็คระบบการทำงานต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ MSI Center ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่าจอ ระบบเสียง หรือการเลือกโหมดใช้งาน รวมถึงการมอนิเตอร์อุณหภูมิ ความเร็ว หรือการใช้แรมได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

ด้วยคุณภาพและการออกแบบที่ลงตัว พร้อมความทนทานระดับ Military Grade ทำให้มั่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การทำงานในสำนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินทาง พกพา เคลื่อนย้ายไปใช้งานนอกบ้านได้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยในงานมีการจัดแสดงโน๊ตบุ๊ค MSI CREATOR 2 รุ่นด้วยกันคือ CREATOR Z16 HX Studio และ CREATOR Z17 HX Studio โดยจะต่างกันในแง่ของมิติ และดีไซน์อยู่เล็กน้อย องค์ประกอบส่วนใหญ่จะคล้ายกัน


MSI Modern series

สำหรับโน๊ตบุ๊ค MSI Modern ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 ครั้งนี้ มี 2 โมเดลด้วยกัน ตามไลน์เดิมที่เคยวางอยู่ในตลาด ประกอบด้วย Medern 14 C13M และ Modern 15 B13M ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ แม้จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับในรุ่นก่อน แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของวัสดุ และดีไซน์อยู่พอสมควร ทำให้ดูพรีเมียมมากขึ้น โดยยังคงคอนเซปต์ บาง กระทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเท่าเดินประมาณ 1.4Kg เท่านั้น สำหรับ Modern 14 โดยที่ MSI Modern รุ่นใหม่ปี 2023 นี้ มาในสไตล์ที่ Slim บางลง และบางสุดเพียง 19.35mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนไปใช้ขุมพลังรุ่นใหม่ อย่าง Intel Core Gen 13 ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว และมาคู่กับกราฟิกอย่าง Intel Iris Xe Graphic รุ่นใหม่ ในการตอบสนองด้านกราฟิก หรือด้านความบันเทิง โดยที่ยังใช้ร่วมกับแรมในแบบ DDR4 3200 และอัพเกรดเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบปุ่มใหญ่ ตอบสนองไวเช่นเดียวกัน และมีแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นบนคีย์อีกด้วย โดยมีปุ่ม Hot key มากมายให้ใช้ พร้อมทัชแพดขนาดใหญ่กว่าเดิม และสนับสนุนการใช้งาน Multi-Gesture

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงมีมาอย่างครบครัน อาทิ USB-A, USB-C 3.2 Gen2 ใช้กับ PD-In ชาร์จไฟได้ แสดงผล และต่อสัญญาณไปยังจอนอกได้อีกด้วย รวมถึงมี HDMI และ Micro-SD card reader มาอีกด้วย

และ MSI ไม่เคยลืมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ปลอดภัยให้กับโน๊ตบุ๊คทุกๆ รุ่น เช่นเดียวกับ MSI Modern นี้ ก็ให้ความทนทานในระดับ MIL-STD-810G เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิ ละอองน้ำ รวมถึงการกระแทก

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ MSI Center ได้เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในการตรวจเช็ค ปรับแต่ง และอัพเดตสิ่งต่างๆ ในระบบผ่านทางโปรแกรมนี้ได้ทันที


MSI Prestige series

สำหรับ โน๊ตบุ๊ค MSI Prestige เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา ดีไซน์ลงตัว พกพาสะดวก โดยมี 3 โมเดลคือ Prestige 13 EVO, Prestige 14 EVO และ Prestige 16 EVO พร้อมจบได้ทุกงาน กับการออกแบบที่พิเศษมากขึ้น ด้วยวัสดุ Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ซึ่งโดดเด่นทั้งในด้านความแข็งแรง และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยที่ Prestige 13 EVO นี้ เบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น แต่ให้ขุมพลังในการทำงาน พร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาอย่างครบครัน และระยะเวลาในการทำงานต่อการชาร์จที่ยาวนานเลยทีเดียว เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก หน้าจอ 13.3″ แต่เพื่อให้งานได้นานขึ้น MSI ใส่แบตระดับ 75Whrs มาให้ ซึ่งรองรับการใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ยังสนับสนุน Fast Charging โดยสามารถชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที ด้วยการชาร์จผ่าน PD-Charging 20V และสเปคยังระบุมาว่า ใช้ได้นานกว่า 1.5 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียง 15 นาทีเท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอภาพขนาด 13.3″ พร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การมองภาพแบบเต็มตา สามารถทำงานหรือใช้ในความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ สีสันสดใส ความละเอียดระดับ Full-HD และยังเป็นพาแนล IPS ให้ค่า sRGB 100%

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลังที่นำมาใส่ไว้ในโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 นี้ มาพร้อม Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ ตอบสนองในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ และประหยัดพลังงาน แต่ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลแจ้งมาว่า ทำงานร่วมกับแรม DDR5 แล้ว และมีกราฟิก Intel Iris X รุ่นใหม่มาอีกด้วย

คีย์บอร์ดปุ่มขนาดใหญ่ กดง่าย สวยงาม และยังสว่างชัดเจนในที่มืด ด้วยแสงไฟ Backlit เป็นแบบสีเดียว เปิด-ปิดได้ ทัชแพดกว้างกว่าเดิม รองรับ Multi-Gesture ด้วยเช่นกัน

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต HDMI และUSB-A 3.2 พร้อม micro-SD card reader

ระบบความปลอดภัย มีมาให้แบบจัดเต็ม โดยโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 EVO นี้ มาพร้อมกล้อง IR FHD camera รองรับการสแกนใบหน้า เพื่อเข้าเครื่อง อีกทั้งเพิ่มในส่วนสแกนลายนิ้วมือมาให้ บนปุ่มเพาเวอร์ สำหรับการ Log-in เข้าระบบอีกด้วย และไม่พลาดกับฟีเจอร์อย่าง Tobii Aware ที่เข้ามาเสริมความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ เมื่อไม่ได้ใช้งานอยู่หน้าจอ โดยระบบจะเบลอหน้าจอให้อัตโนมัติ ป้องกันการลอบมองหรือเข้าใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาต

โน๊ตบุ๊ค MSI

อีกรุ่นหนึ่งเป็น MSI Prestige 16 Studio จะเป็นรุ่นที่เพิ่มฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เพื่อมอบพลังในการสร้างสรรค์ผลงาน แก่เหล่านักสร้างคอนเทนต์ทั้งหลาย ดีไซน์ที่เน้นไปทางพรีเมียม ดูหรูหรา แต่ยังคงความ Mobility บางเบา พกพาสะดวก พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันเช่นกัน บนขุมพลัง Intel Core Gen 13

มาพร้อมการสนับสนุน nVIDIA Studio ร่วมกับกราฟิการ์ด GeForce RTX ทำให้การทำงานในด้าน 3D, Video หรือการบรอดแคสนั้นไหลลื่น

โน๊ตบุ๊ค MSI

เสริมความมั่นใจด้วยระบบระบายความร้อน Dynamic Cooler Boost ที่ออกแบบฮีตซิงก์และฮีตไปป์ พัดลมให้ลดความร้อนในระหว่างการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนน้อยที่สุด โดยพื้นฐานการออกแบบ เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Ultra-Slim ก็ไม่ผิดไปนัก เพราะบางเพียง 16.85mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอแสดงผลที่ให้มาบน MSI Prestige 16 Studio นี้ ให้พื้นที่แสดงผล 16″ ความละเอียด QHD+ 2560×1600 ขอบจอบางพิเศษ ให้ค่า DCI-P3 100% ความแม่นยำของสีสูง Delta-E <2 พร้อม Calman verified และเทคโนโลยี True Color และพิเศษคือ เป็นพาแนลแบบ Mini LED ซึ่งเม็ดพิกเซลเล็กลง แต่ให้ความสว่างสดใสมากขึ้น เหมาะทั้งการทำงาน และความบันเทิง ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม รองรับระบบเสียง Hires และ DTS เพื่อเพิ่มอรรถรสในด้านความบันเทิง และไมโครโฟน ที่รองรับการสนทนาได้อย่างคมชัด

พอร์ตให้มาแบบจัดเต็มเช่นกัน เพราะมีทั้ง Thunderbolt 4, HDMI, USB 3.2 Type-A และ microSD card reader สำหรับ MSI Prestige 16 Studio นี้ มาพร้อมการใช้งานที่ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ และให้แบตเตอรี่ระดับ 82Whrs มาอีกด้วย เหมาะกับคนที่ใช้งานนอกบ้าน หรือไปพรีเซนต์งานลูกค้านอกสถานที่ และสนับสนุนการชาร์จไวด้วย PD Charging 100W


MSI Stealth series

โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน ที่สามารถเล่นเกมได้ดี บนบอดี้ที่บางเบา หากเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทั่วไป กับดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์ Stealth 14 Studio นั้น มาในโทนสีที่ดูเคร่งขรึม มีให้เลือกทั้ง Star Blue และ Pure White ที่จะเหมือนยานอวกาศ มีการตัดเส้นสายได้อย่างลงตัว จุดเด่นอยู่ที่บางเพียง 19mm และน้ำหนักแค่ 1.8Kg เท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่คว้ารางวัล Gaming Award ในงานนี้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

กับความเบาบางนี้ ยังแฝงด้วยความแข็งแรง เพราะผลิตจาก Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ทำให้เบาลงกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้วัสดุทั่วไป อีกทั้งลดการเกิดรอยนิ้วมือบนบอดี้ได้ง่ายอีกด้วย

20230104 134037 1600x1200 2

นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว MSI ยังได้เติมสีสันมาบน Stealth 14 Studio รุ่นนี้ ด้วยแสงไฟ RGB บนคีย์บอร์ด ซึ่งเป็นบบ RGB per-key คือแยกสีบนปุ่มได้อิสระ และด้านหลังเครื่องยังมีแสงไฟที่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้

20230104 135637 1600x1200 1

พอร์ตต่อพ่วงตอบโจทย์ในการใช้งานครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C รองรับ PD Charging รวมถึง USB 3.2 Type-A และ Thunderbolt 4 พร้อมพอร์ตแสดงผล HDMI มาในตัว

ยกระดับความแรงด้วยซีพียู Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ในแบบ H-series ที่พร้อมสำหรับงานด้านภาพ สตูดิโอ วีดีโอและการบรอดแคส รวมถึงการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 รุ่นล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่มากพอสำหรับคอเกม และยังใช้พลังงงานได้อย่างคุ้มค่า รองรับ Ray-tracing ทั้งในงานและการเล่นเกม เช่นเดียวกับสนับสนุนไดรเวอร์ nVIDIA Studio ด้วยเช่นกัน โดยมีชุดคอนโทรลกราฟิกอย่าง MUX switch มาในตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการสนับสนุนแรม DDR5 ที่ให้แบนด์วิทธิ์สูง และรองรับ SSD PCIe Gen4 อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 14″ ที่ให้ความละเอียดได้สูงถึง QHD+ 2560×1600 และอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz ให้ภาพที่ดูสวย นุ่มนวล เพิ่มระดับความบันเทิงให้เร้าใจมากขึ้นด้วยลำโพงที่ติดตั้งมาให้ 2 ชุด และยังมีซับวูเฟอร์อีก 2 ชุด พร้อมระบบเสียง Nahimic สนับสนุน Hi-res Audio โดยที่ผู้ใช้ยังเพิ่มความสนุกสนานกับระบบเสียงรอบทิศทาง ด้วยการต่อพ่วงลำโพงบลูทูธเข้าไปเท่านั้น ก็จะได้มิติของเสียงที่เร้าใจมากขึ้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

Vapor Chamber ขนาดใหญ่ เพื่อการระบายความร้อนให้กับซีพียูและกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น ลดเสียงรบกวน

โน๊ตบุ๊ค MSI

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ซึ่งฟีเจอร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันในส่วนของมิติ และฟังก์ชั่นบางรายการ แต่ยังคงมาพร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และแรม DDR5 รวมถึงกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 เพียงแต่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น 16″
บนความละเอียด QHD+ 2560×1600 เช่นกัน แต่อัตรารีเฟเรชเรต 120Hz

20230104 134059 1600x1200 1

โดยที่เสริมระบบความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น Webcam shutter ปิดกล้องแบบ Manual ด้วยตัวเอง ชุดสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเข้าระบบ พร้อมกล้อง FHD IR Camera ที่ใช้ในการสแกนใบหน้าได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

เช่นเดียวกับระบบพลังงาน ที่ให้แบตขนาดใหญ่ถึง 99.9Whrs มาด้วย เรียกว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานนอกสถานที่ทำงานได้ยาวนานมากขึ้น และที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ใช้ชุดระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ กับไปป์ไลน์จำนวนมาก พัดลม 2 ตัว และเทคโนโลยี Cooler Boost 5 อีกด้วย

ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ WiFi 6E ร่วมกับ Intel KILLER ที่ให้การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว เชื่อมต่อได้ไว ช่องทางขนาดใหญ่ในการติดต่อ และการสนับสนุน 2.5G LAN


MSI Summit series

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit มีมาโชว์ตัวในงานนี้ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย Summit E13 Flip Evo, Summit E14 Flip Evo และ Summit E16 โดยโน๊ตบุ๊คซีรีส์นี้ มุ่งเป้าไปที่งานธุรกิจ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบความบางเบา แต่ให้การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จุดเด่น ไม่ได้อยู่ที่ขนาดกระทัดรัด และขุมพลังที่แรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมหน้าจอที่พับได้ 360 องศา เป็นแบบทัชสกรีน รวมถึงใช้ร่วมกับปากกา MSI Pen ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนานต่อการชาร์จ และระบบความปลอดภัย ที่ทาง MSI จัดมาให้อย่างครบครัน พร้อมกับแพลตฟอร์ม Intel EVO เพื่อยืนยันว่า โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ทั้่งประสิทธิภาพที่ดี น้ำหนักเบา การเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ และประหยัดไฟใช้งานได้นาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo และ E14 Flip Evo โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมียม มีให้เลือกทั้งตัวเคสสีดำ ตัดเส้นสายสีทอง และแบบสีขาวทั้งตัว ทำให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น นั่งที่ทำงาน พบลูกค้า จิบกาแฟในคาเฟ่ และการพรีเซนเทชั่น ให้ความยืดหยุ่นด้วยการปรับพับหน้าจอเพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tablet mode, Desk mode และ Tent mode

20230104 135055 1600x1200 1

หน้าจอแสดงผล 13.4″ FHD+ (Summit E13 Flip Evo) และ 14″ QHD (E14 Flip Evo) เป็นพาแนล IPS ให้ความคมชัดสูง ระดับ sRGB 100% พร้อมขอบจอที่บางพิเศษ ให้พื้นที่ในการรับชมกว้างขึ้น รองรับการทัชสกรีน และสนับสนุน MSI Pen สำหรับการเขียน จดบันทึกบนหน้าจอ

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลัง Intel Core Gen13 ใหม่ล่าสุด และกราฟิก Intel Iris Xe ที่รองรับทั้งการทำงานและความบันเทิงครบครัน และทำงานร่วมกับแรม LPDDR5 รุ่นใหม่แล้ว และการสนับสนุน SSD M.2 PCIe Gen4

คีย์บอร์ดกดได้ไว ปุ่มใหญ่ ตอบสนองเร็ว พร้อมแสงไฟ Backlit สีขาวสว่างสดใส เพื่อการใช้งานในที่แสงน้อย เช่นเดียวกับทัชแพดขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งาน รองรับ Multi-Gesture ใช้หลายนิ้วพร้อมกัน ในการเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ พอร์ตสำคัญมีให้ใช้งานครบครัน โดยเฉพาะพอร์ตความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt 4, USB Type-A หรือจะเป็น HDMI และ microSD card reader ก็ตาม

โน๊ตบุ๊ค MSI

ทนทานด้วยการผ่านการรับรอง MIL-STD-810G ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกกระแทก แรงสั่นสะเทือน หรือความร้อนเย็นมากๆ และความชื้นเป็นต้น โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ 70Whrs ใช้ได้นาน 14 ชั่วโมง ส่วน Summit E14 Flip Evo จะเป็นรุ่น 72Whrs รองรับการใช้งานได้ถึง 13 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ อีกทั้งสนับสนุน PD-Charging อีกด้วย ชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที

นอกจากนี้ยังมี Tobii Aware เพื่อป้องกันผู้อื่นมาแอบมองข้อมูล หรือใช้งานขณะที่คุณไม่อยู่ที่หน้าจอ เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับกล้องเว็บแคม ที่มีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดหน้ากล้อง ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หลังจากเลิกประชุม ที่สำคัญคือ ให้การป้องกันอย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะใช้การสแกนใบหน้าผ่าน FHD IR Camera หรือการสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งาน

ส่วน MSI Summit E16 Flip นั้น เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์เดียวกัน แต่ออกแบบมาเพื่อ นักธุรกิจ และเจ้าของกิจการ รวมถึงนักสร้างงานอิสระ ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น ในการทำงาน โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ รองรับการทัชสกรีน และ MSI Pen พับได้ 360 องศา พร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และกราฟิก GeForce RTX 40 series รวมถึงแรม LPDDR5

ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 82Whrs เพื่อการทำงานในแต่ละวันได้ยาวนานระดับ 11 ชั่วโมงต่อการชาร์จ อีกทั้งรองรับ PD-Charging 20V อีกด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการระบบระบายความร้อนในแบบ Dynamic Cooler Boost ที่ช่วยลดความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงรบกวนที่น้อย ไม่ทำให้การชมภาพยนตร์ หรือการนำเสนอผลงานของคุณถูกรบกวน


Conclusion

นอกจากโน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มบางเบา พกพาสะดวก และตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้แล้ว MSI ยังยกทัพเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คมาอวดโฉมภายในงานกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น MSI Titan, Raider, Pulse, Katana รวมถึงซีรีส์ใหม่อย่าง MSI Cyborg ที่จัดเต็มทั้งด้านประสิทธิภาพและการแสดงผลอันยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถเข้าไปดูบทความโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เหล่านี้ได้ที่นี่ และเชื่อเหลือเกินว่าจะยังมีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทะยอยเปิดตัวกันอย่างสนุกจากทาง MSI ให้คุณได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มในช่วงปี 2023 นี้ ทาง Notebookspec จะนำข่าวสาร และการรีวิวมาให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง MSI ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิดในงาน CES 2023 มา ณ ที่นี้ด้วย รวมถึงขอบคุณผู้ชมทุกท่าน และขอต้อนรับเข้าสู่ปีใหม่ 2023 นี้ด้วยครับ

from:https://notebookspec.com/web/681406-msi-intel-gen-13-rtx-ces-2023

MSI MODERN 15 B12M โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ พกพาได้ ทนทาน ทำงาน ดูหนัง เล่นเกมครบ

MSI MODERN 15 B12M โน๊ตบุ๊คทำงาน เรียนและงานออนไลน์ เบา 1.7Kg ชาร์จไว จอกางได้ 180 องศา คีย์บอร์ดใหญ่ เล่นเกมได้

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 B12M โน๊ตบุ๊คสำหรับกลุ่มคนทำงาน หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คจอใหญ่ แต่น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ขุมพลัง Intel Core i7-1255U รุ่นใหม่ ประหยัดพลังงาน ใช้ได้นานขึ้น พร้อมกับ Intel Xe Graphic มีให้เลือกแรม 8GB – 16GB และ SSD ความเร็วสูงรุ่นใหม่ กล้องเว็บแคมชัด และไมโครโฟนเสียงคมชัด พอร์ตมีให้ครบครัน รวมถึง USB-C PD Charge ชาร์จได้ไว หรือจะเน้นไปที่ความบันเทิงก็มีจอแสดงผล 15.6″ ความละเอียด Full-HD ดูภาพได้เต็มตา พรีเซนเทชั่นสะดวก เพราะกางหน้าจอได้ 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip & Share ให้คนรอบข้างมองเห็นได้ถนัด พิมพ์งานก็สะดวก เพราะปุ่มคีย์ขนาดใหญ่ กดนุ่มเบาสบายนิ้ว และมีแสงไฟ Backlit เห็นได้ชัดแม้แสงน้อย ฮอตคีย์มีให้ใช้มากมาย และทัชแพดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 30% รองรับ Multi-Gesture ปรับใช้ฟังก์ชั่นได้หลากหลาย โดยมีซอฟต์แวร์ช่วยจัดการอย่าง MSI Center Pro มาให้ ที่สำคัญความทนทานมาตรฐาน MIL-STD แกร่งรองรับการใช้งานในสภาวะต่างๆ ได้ มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น ตั้งแต่ 25,990 บาท ไปจนถึง 30,990 บาท ซึ่งเป็นท็อปสุดที่เรารีวิวอยู่นี้ การรับประกัน 2 ปี โดยปีแรก ประกันแบบ Global เข้าเคลมได้ที่ศูนย์ MSI ทั่วโลก


MSI MODERN 15 จอใหญ่ น้ำหนักเบา สเปคแรง


จุดเด่น

Advertisementavw
  • หน้าจอขนาดใหญ่ แต่ไซส์พกพา
  • กางจอได้ 180 องศา
  • มีฟีเจอร์ Flip & Share สลับหน้าจอได้
  • MSI Center Pro ตรวจเช็ค ดูแลระบบด้วยตัวเอง
  • คีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ มีแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้
  • ซีพียู Intel Core i7 มาพร้อมแรม 16GB
  • มีพอร์ตจำนวนมากและ USB-C PD Charge
  • สามารถเล่นเกมเบาๆ ได้ เช่น DOTA2, PUBG

ข้อสังเกต

  • แรมเป็นแบบออนบอร์ด
  • จอแสดงผลเหมาะกับงานและความบันเทิงพื้นฐานทั่วไป
  • ถ้ามีพอร์ต RJ-45 มาให้เป็นทางเลือกนอกจาก WiFi ก็จะดี

Specification

Description
CPU Up to 12th Gen Intel® Core i7-1255U Processor
OS Windows 11 Home (MSI recommends Windows 11 Pro for business.)
DISPLAY 15.6″ FHD (1920×1080), IPS-Level
GRAPHICS Up to Intel® Iris® Xe graphics
MEMORY Max 16GB DDR4-3200 onboard
STORAGE 1x M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen3) 512GB
WEBCAM HD type (30fps@720p)
KEYBOARD Backlight Keyboard (Single-Color, White)
COMMUNICATION 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.2
AUDIO 2x 2W Speaker
I/O PORTS 1x Type-C USB3.2 Gen2 with PD charging
1x Type-A USB3.2 Gen2
1x (4K @ 30Hz) HDMI™
1x Micro SD Card Reader
2x Type-A USB2.0
AUDIO JACK 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
BATTERY 39.3/53.8 Battery (Whr)
3-Cell
AC ADAPTER 65W adapter
DIMENSION (WxDxH) 359 x 241 x 19.9 mm
WEIGHT (W/ BATTERY) 1.7 kg
COLOR Classic Black
Price 30,990

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


Hardware / Design

MSI MODERN 15

มาเริ่มกันที่เรื่องของดีไซน์ของ MSI MODERN 15 รุ่นนี้กันก่อนกับสีที่เรียกว่า Classic Black ออกเป็นโทนสีดำกึ่งด้านเล็กน้อย และเป็นสีเดียวกันตลอดทั้งบอดี้ ด้านบนมีโลโก้ MSI สีเงินเงาดูสะดุดตากับการออกแบบที่ดูเรียบง่าย เหมาะกับการนำไปใช้ในที่ต่างๆ

MSI MODERN 15

เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6″ ในโทนสีดำ แต่กลับดูไม่ได้บึกบึน แม้จะไม่ได้มีเส้นสายนำสายตา ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ MSI ทำให้กรอบบานของหน้าจอบางลง จนทำให้ดูมีความกระทัดรัดมากขึ้น ด้วยวัสดุที่กึ่งเงา ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้บ้างในบางครั้ง แต่เช็ดออกง่ายเช่นกัน แต่จุดที่สำคัญคือ โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้คุณใช้งานได้อย่างอุ่นใจ เพราะผ่านมาตรฐาน MIL-STD 810G ที่ให้ความมั่นใจในเรื่องของความทนทาน ใช้ในสภาพอากาศที่ร้อนหนาว และรองรับแรงกระแทกได้ทีระดับหนึ่ง คุณจะเอาไปใช้งานข้างนอกหรือไปไซต์งานยังสบายใจได้

MSI MODERN 15

จากบอดี้ที่เป็น Cover ด้านนอก มาสู่ขอบจอด้านใน อย่างที่ได้เห็นคือ ขอบจอซ้ายและขวา ที่บางเป็นพิเศษ ข้อดีคือ ทำให้ได้พื้นที่ในการแสดงผลมากขึ้น ในขณะที่บอดี้ไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป และยังเป็นจอแบบ Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนได้ดีพอสมควร

ขอบจอในแต่ละด้าน มีความบางพิเศษ และดูลงตัวมากขึ้น ขอบบนหนาเล็กน้อย เพราะเป็นจุดที่ติดตั้งกล้องเว็บแคม ส่วนด้านล่าง เป็นตัวรับน้ำหนักกับส่วนของบานพับ ก็จะเพิ่มขนาดขึ้นมา โดยมีโลโก้ MSI จัดวางอยู่ตรงกลางชัดเจน

MSI MODERN 15

ในด้านของมิติจุดที่บางสุดเพียง 1.99cm เท่านั้น ทำให้ใส่ได้ทั้งซอฟต์เคสและกระเป๋าเอกสารบางๆ ได้ไม่ยาก ทำให้การพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น

MSI MODERN 15

ขอบด้านหลังของจอโน๊ตบุ๊ค MSI MODERN 15 ทำเป็นขอบยางยาวตลอดเกือบทั้งบอดี้ เมื่อคุณกางหน้าจอออก จะเป็นตัวยกทำมุมของคีย์บอร์ดให้สูงขึ้น รับกับการวางมือสะดวกกว่าเดิม อีกทั้งกันไม่ให้ขอบจอเป็นรอยอีกด้วย เรียกว่าออกแบบมาให้ใช้งานได้ประโยชน์ 2 ต่อ

MSI MODERN 15

จากมุมมองด้านข้าง ผมสังเกตว่าจะค่อนข้างต่างจาก MODERN 14 เล็กน้อย คือ จะไม่เว้าตรงกลางที่เป็นคีย์บอร์ดลงไป แต่ทำเสมอกันตลอดทั้งบอดี้ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะทำให้เมื่อกางหน้าจอออกแล้ว พิมพ์ได้ระดับมากขึ้น ระยะของคีย์บอร์ดอยู่ในแนวระนาบพอดี และกางได้สุดๆ 180 องศา

MSI MODERN 15

และที่สำคัญคือ ไม่เพียงกางหน้าจอออกไปได้แบบสุดๆ เท่านั้น แต่ MSI ยังให้ฟีเจอร์อย่าง Flip & Share มาให้สำหรับคนที่ต้องใช้งานแชร์หน้าจอ ให้คนรอบข้างได้ดู โดยกดปุ่ม F12 เพื่อสลับหน้าจอ เพื่อคนที่อยู่ตรงข้ามได้มองเห็นชัดเจนได้อีกด้วย

บานพับมีด้วยกัน 2 จุดอยู่บริเวณซ้ายและขวาของตัวเครื่องรับหน้าที่ทั้งการรับน้ำหนักหน้าจอ และดันกับพื้นเมื่อต้องกางหน้าจอออกแบบสุดๆ 180 องศา ค่อนข้างมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คจอใหญ่เช่นนี้ แต่ก็เป็นสไตล์ที่ทาง MSI ใช้อยู่บนโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไปหลายรุ่น

ด้านบน MSI MODERN 15 มาพร้อมกล้องเว็บแคม 720p ที่ให้ความคมชัดในระดับหนึ่ง จุดนี้มองว่าเหมาะกับการใช้สนทนา ประชุมออนไลน์และการเรียนได้ดี แต่ถ้าต้องการให้เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น แนะนำให้หาแสงไฟมาเพิ่มบริเวณด้านหน้าคุณ จะเสริมความสว่างสดใสได้ไม่น้อย

MSI MODERN 15

คีย์บอร์ดมาในแบบ Full-size ปุ่มใหญ่พิเศษ แต่ที่สำคัญคือ ฟอนต์สวย มองเห็นง่าย และมีปุ่ม Number-pad มาในตัว เพิ่มการมองเห็นด้วยแสงไฟ Backlit บนตัวคีย์บอร์ด ปรับระดับความสว่างได้อีกด้วย

MSI MODERN 15

ด้านหลังเป็นจุดที่ใช้ในการระบายความร้อน ซึ่งเราจะเห็นการออกแบบในลักษณะนี้บน MSI MODERN 14 มาบ้างแล้ว โดยใช้ในการดูดลมเย็นเข้าด้านใต้ของเครื่อง เพื่อนำพาความร้อนออกไปบริเวณช่องลมออก ด้านใต้ของจอนั่นเอง

MSI MODERN 15

Keyboard / Touchpad

MSI MODERN 15

ทาง MSI จัดวางคีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์คนเล่นเน็ต พิมพ์งานและใช้งานหนักมาให้บน MSI MODERN 15 ว่ากันตั้งแต่ปุ่มคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ ในแบบ Island มีระยะห่างจากปกติเล็กน้อย เพื่อให้การพิมพ์แม่นยำมากขึ้น กับพื้นที่ปุ่มขนาดใหญ่ ทำให้การพิมพ์สัมผัสมีประสิทธิภาพ และจุดเด่นคือ ระยะ Travel key ที่สั้นประมาณ 1.5mm เท่านั้น ส่วนตัวมองว่าเหมาะกับงานพิมพ์เป็นหลัก การเล่นเกมอาจจะไวไปสักนิด แต่ก็พอปรับให้ชินได้

MSI MODERN 15

คีย์บอร์ดในแบบ Full-size ที่มีปุ่ม Number-Pad มาด้วย ฟอนต์มีความคมและสวยงาม มองเห็นได้ชัด การจัดเรียงปุ่มดูลงตัวทีเดียว

ปุ่มคีย์บอร์ดมีแสงไฟ Backlit มาให้ด้วย มองเห็นในที่แสงน้อยหรือใช้งานในห้องที่มืดได้ดี ไม่รบกวนคนอื่น ปรับความสว่างแสงได้ 2 ระดับ รวมถึงปิดใช้งานได้ หากคุณไม่ต้องการใช้ และยังช่วยประหยัดไฟ ใช้แบตได้นานขึ้นอีกด้วย

MSI MODERN 15

ปุ่มเพาเวอร์เปิดเครื่อง จะอยู่ด้านบนมุมขวาสุดของคีย์บอร์ด มีแสงไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้น เมื่อระบบทำงาน

MSI MODERN 15

จุดที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ ปุ่มลูกศร ขึ้น,ลง,ซ้าย,ขวา ที่เป็นแบบปุ่มเต็ม ไม่ย่อครึ่งปุ่ม ทำให้กดใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อทำเอกสารหรือเลื่อนหน้าเว็บเป็นต้น

  • ปุ่มด้านบนสุดจะเป็นฮอตคีย์หรือฟังก์ชั่น การใช้ปุ่ม Fn+Lock เพื่อจะเปิดใช้ปุ่ม Fn ร่วมด้วยหรือไม่ใช้ก็ได้ ด้วยการกด Fn+Esc
  • เปิด-ปิดเสียง
  • ลดเสียง, เพิ่มเสียง
  • เปิด-ปิดใช้งานทัชแพด
  • เปิด-ปิดไมโครโฟน
  • ใช้งานกล้องเว็บแคม
  • เปิดใช้โปรแกรม MSI Center Pro
  • เพิ่ม-ลดแสงคีย์บอร์ด
  • เพิ่ม-ลดแสงสว่าง
  • ส่งสัญญาณไปยังจอภายนอก
  • เปิดใช้งาน Flip & Share
  • Printscreen
MSI MODERN 15

สัมผัสในการกดนุ่มนวลดีครับ ถ้ามองถึงระยะการกด ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างสั้น และมีแรงต้านในระดับหนึ่ง ให้อารมณ์ในการกดที่ดี เพราะไม่จมลึกเกินไป และมีแรงสะท้อนเล็กๆ พิมพ์งานได้สนุก ที่สำคัญคนไม่พิมพ์สัมผัส ก็มองได้ง่าย ฟอนต์ใหญ่ ทั้งไทยและอังกฤษ

MSI MODERN 15

ทัชแพดขนาดใหญ่บน MSI MODERN 15 มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อ เอาใจสายท่องอินเทอร์เน็ตและทำงาน พรีเซนเทชั่น ความลื่นไหลอยู่ในระดับที่ดี แตะสัมผัสเพื่อสั่งงานได้ง่าย เพราะรองรับ Multi-Gesture ใช้งาน 2 นิ้วหรือ 3 นิ้วได้สะดวกอีกด้วย พร้อมปุ่มคลิ๊กซ้าย-ขวาที่ซ่อนอยู่ใต้ทัชแพด

MSI MODERN 15

แถบวางมือด้านข้างซ้าย มีสติ๊กเกอร์ 3 ชิ้นด้วยกันคือ Intel Core i7, Intel Iris Xe Graphic และ HDMI มีพื้นที่สำหรับการวางมือ ใช้งานได้สะดวก ยิ่งเป็นคนที่พิมพ์งานบ่อยๆ ผมว่าน่าจะถูกใจไม่น้อย เพราะอุ้งมือคุณจะไม่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องเลย


Screen / Speaker

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 15.6″ เป็นพาแนลในแบบ IPS ซึ่งทำให้มุมมองของภาพกว้างขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานอยู่กับหน้าจอนานๆ ในแต่ละวัน อีกทั้งเป็นจอแบบ Anti-Glare ก็ยิ่งช่วยลดแสงสะท้อนได้ไม่น้อยเลย เรื่องสีสันอย่างที่ได้เห็นในภาพกันเลยครับ ส่วนตัวมองว่าให้ความสดใสได้ดีในระดับหนึ่ง หากเป็นการสตรีมมิ่งวีดีโอ หรือการดูภาพถ่าย จากทริปที่ไปเที่ยว ก็ให้ความรู้สึกเต็มอิ่มและได้ระลึกถึงบรรยากาศได้ดี หรือจะแชร์หน้าจอให้กับคนข้างๆ ได้ดูก็ง่ายมาก

MSI MODERN 15

ในด้านความแม่นยำของการแสดงผลและขอบเขตสีของหน้าจอ MSI MODERN 15 รุ่นนี้ ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลางตามมาตรฐานของจอทำงานในปัจจุบัน ให้ค่าหลังจากการทดสอบได้ในส่วน Gamut Coverage/ Volume ที่เป็นขอบเขตสีของจอรุ่นนี้ อยู่ที่ประมาณ 60% sRGB และในส่วนของ Delta-E อยู่ที่ประมาณ 0.13 ก็จัดว่าเป็นจอภาพสำหรับการทำงานทั่วไป รวมถึงการแสดงผลที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ในด้านของงานกราฟิก หรือการแสดงผลภาพสี ที่ต้องการความแม่นยำสูง หรือการตรวจเช็คงานอาร์ตสิ่งพิมพ์ อาจจะต้องพึ่งพาจอภาพมาต่อพ่วงเสริมเข้าไป เพื่อให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

MSI MODERN 15

แต่สำหรับการดูหนัง เล่นเกม หรือการเล่นไฟล์วีดีโอสตรีมมิ่งทั่วไป ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว การปรับสภาพแสงแบบสุดๆ ก็ให้ผลทดสอบในแง่ของความสว่าง (Brightness) ออกมาได้อย่างน่าสนใจ ใช้งานกับสภาพแสงภายนอกห้องได้อย่างชัดเจน โดยสรุปต้องถือว่าเป็นจอที่ใช้งานพื้นฐานได้ มีความสว่างสูง อีกทั้งตอบสนองกับการแสดงผลได้ดี ทั้งด้านของงานและความบันเทิง

MSI MODERN 15

ขยับมาดูทางด้านของเสียงที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้กันบ้าง ลำโพงเป็นแบบ 2W จำนวน 2 ตัว วางทางฝั่งซ้ายและขวา เป็นแนวเฉียงออกด้านข้างเล็กน้อย เพื่อให้เสียงกระจายออกไปได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไป เรื่องคุณภาพเสียงตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ดี เสียงแม้จะออกโทนกลาง แต่เสียงเบสไม่หนักมาก อาจจะเน้นไปที่การดูหนัง และเล่นเกมเป็นหลัก ส่วนเสียงตัวละคร อาจไม่โดดเท่ากับเอฟเฟกต์ แต่ก็ให้อารมณ์ความสนุกได้ดีพอสมควร แต่แนะนำว่าให้วางโน๊ตบุ๊คไว้บนโต๊ะที่ระดับใกล้กับตัวคุณ จะได้อรรถรสของเสียงได้มากขึ้น


Connector / Thin And Weight

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 มีพอร์ตมาให้ค่อนข้างเยอะ พอร์ตทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องต่อไฟเลี้ยง DC, HDMI, USB 3.2 Gen2 Type-A, USB 3.2 Gen2 Type-C โดยพอร์ตนี้ จะรองรับการชาร์จไฟ PD และการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงเท่านั้น และสุดท้าย 3.5mm Audio jack

MSI MODERN 15

อีกหนึ่งประโยชน์จาก USB Type-C ที่มากับโน๊ตบุ๊ค สามารถชาร์จไฟในแบบ PD หรือ Fast Charge ได้ เรียกว่าพอสำรองให้ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง กรณีที่เร่งด่วนหรือต้องใช้แบตมือถือชั่วคราว ให้การติดต่อธุรกิจสำคัญไปต่อได้ หรือจะใช้เพาเวอร์แบงก์ 65W ในแบบ PD ก็สามารถชาร์จไฟเข้าโน๊ตบุ๊คได้เช่นกัน

MSI MODERN 15

ทางด้านขวามีพอร์ต USB 2.0 Type-A ให้มา 2 ช่อง เหมาะกับการต่ออุปกรณ์พื้นฐานเช่น USB flash drive, Printer หรือของที่ไม่เน้นความเร็วสูงมากนัก และสล็อต microSD card reader

MSI MODERN 15

ช่องระบายความร้อน ที่อยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่อง โดยระบายลมร้อนออกมาได้ดี เมื่อกางหน้าจอออก

MSI MODERN 15

อแดปเตอร์ 65W ที่ใช้สำหรับการชาร์จไฟให้กับโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ โดยคุณยังสามารถหาอแดปเตอร์ขนาดเล็ก ที่รองรับการชาร์จแบบ PD มาใช้ร่วมกันได้ ด้วยการต่อผ่านพอร์ตชาร์จ USB-C ที่มีมาบนโน๊ตบุ๊ค

MSI MODERN 15

น้ำหนักตัวเครื่อง MSI MEDERN 15 อยู่ที่ราวๆ 1.8Kg ซึ่งสูงกว่าที่เคลมเอาไว้เล็กน้อยครับ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ของโน๊ตบุ๊คจอใหญ่พกพาได้

MSI MODERN 15

และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์แล้ว อยู่ที่ราวๆ 2.1Kg กับน้ำหนักประมาณนี้ การใส่กระเป๋าไปทำงาน หรือหาลูกค้าถือว่าทำได้ เพราะระยะการเดินทางไม่ไกล และบางครั้งก็วางได้ แต่ถ้าจะต้องสะพายไปด้วยไกลๆ ก็อาจจะต้องหาโซลูชั่นมาช่วยแบ่งเบา หรือจะไม่พกอแดปเตอร์ไปด้วย ก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง เพราะแบตเดิมๆ ปรับจูนไว้ดีๆ ใช้งานได้ราว 5-6 ชั่วโมง


Inside / Upgrade

MSI MODERN 15

สำหรับอุปกรณ์ภายในและการอัพเกรดของ MSI MODERN 15 เมื่อเปิดด้านใต้ออกมา ด้วยการไขน็อต 4 แฉกจำนวนประมาณ 13 ตัวออกมาแล้ว การเปิดฝาเคสไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่จะมีบางจุดที่ค่อนข้างแน่น อาจจะต้องเริ่มแกะจากขอบด้านหน้าก่อน แล้วค่อยๆ เลาะไปยังด้านหลังเครื่อง ภายใต้ฝาปิดจะออกมาเป็นเช่นนี้ พื้นที่เมนบอร์ดจะค่อนข้างใหญ่ และมองเห็นภายในได้เกือบทั้งหมด แบตเตอรี่ก็วางเอาไว้เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ภายใน

MSI MODERN 15

MSI ใส่แบตขนาด 39.3Whr มาไว้ให้ ซึ่งถือว่าไม่ได้เล็กหรือใหญ่ อยู่ในขนาดกลางๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คระดับเดียวกันในท้องตลาด

MSI MODERN 15

ที่เห็นนี้คือ แรมหรือหน่วยความจำระบบ เป็นแบบ On-board โดยในรุ่นนี้ติดตั้งมาให้แล้ว 16GB เป็นแบบ DDR4 3200 แต่ไม่มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้ ซึ่งก็จะคล้ายกับโน๊ตบุ๊คทำงานที่เน้นทำให้มิติบางลง ซึ่งมักจะมาพร้อม แรมในลักษณะนี้ อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างในการอัพเกรดเพิ่ม แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากเป็นการทำงาน หรือการเรียนทั่วไป RAM 8GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้แล้ว และอีกส่วนหนึ่งก็คือ ซอฟต์แวร์ MSI Center Pro ก็ยังให้คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรในเครื่องได้ง่าย และมีระบบ Smart auto ai คอยจัดการระบบเครื่องให้ทำงานได้ไหลลื่นได้อีกทางหนึ่ง

MSI MODERN 15

ในส่วนของ Storage มาพร้อม SSD 512GB จากทาง Kingston บนอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 และมีมาให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ซึ่งการอัพเกรดอาจจะต้องเป็นการเปลี่ยนความจุ รองรับได้ถึง 1TB

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 มีพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่ ที่นำมาระบายความร้อนภายในระบบ สามารถตอบโจทยช่วงการทำงานหนักได้ดีทีเดียว อาจจะมีเสียงอยู่บ้างในโหมดที่เป็น Full load แต่ก็ไม่ได้ดังจนถึงขั้นรบกวน อยู่ในเกณฑ์ของพัดลมโน๊ตบุ๊คทั่วไป ตรงนี้คุณสามารถเลือกปรับโหมดได้จาก MSI Center Pro ได้อีกด้วย

MSI MODERN 15

ฮีตไปป์ทองแดง 2 เส้นที่ช่วยในการนำพาความร้อนจากชุดซิงก์ระบายความร้อนของซีพียูไปยังพัดลม โดยเป็นไปป์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่

MSI MODERN 15

ภายในที่เป็นชุดลำโพงมีอยู่ทั้ง 2 ด้าน ติดตั้งในมุมเฉียงออก ทำมุมสะท้อนบนโต๊ะทำงาน ตามพื้นฐานการใช้งานของโน๊ตบุ๊คทั่วไป


Performance / Software

MSI MODERN 15

ซีพียูที่ติดตั้งมาบน MSI MODERN 15 รุ่นนี้ใช้เป็น Intel Core i7-1255U ทำงานในแบบ 10 คอร์ 12 เธรด สัญญาณนาฬิกาสูงสุด (Boost clock) 4.70GHz โดยเป็นซีพียูในรุ่นประหยัดพลังงาน แต่ให้ความเร็วและเทคโนโลยีต่างๆ มาครบถ้วน เช่นเดียวกับกราฟิกในตัว จุดเด่นอยู่ที่ค่า TDP 15W เท่านั้น กินไฟน้อย ความร้อนต่ำ เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่อง

MSI MODERN 15

ส่วนแรมออนบอร์ดในเครื่องมีความจุ 16GB DDR4 3200MHz ติดตั้งมาให้บนเมนบอร์ดจากโรงงาน โดยรุ่นนี้จะมี 2 โมเดลคือ แรม 8GB และแรม 16GB โดยรุ่น 16GB จะมีอยู่บนโมเดลที่เป็น Intel Core i7 เท่านั้น แนะนำว่าหากคุณต้องการประสิทธิภาพและความไหลลื่นในการทำงานมากขึ้น เลือกตัวท็อปสุดก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

MSI MODERN 15

ทดสอบในเบื้องต้น ทั้งในส่วนของ Single Thread และ Multi-Thread เมื่อเทียบกับซีพียูเดสก์ทอป Intel Core i7-10700 ก็เรียกว่าเป็นรองอยู่เล็กน้อย เพราะเป็นซีพียูในแบบประหยัดพลังงานและ Core/ Thread ที่น้อยกว่านั่นเอง แต่ใน Single-Thread ทำงานคอร์เดียว ทำคะแนนแซงหน้าได้

MSI MODERN 15

กราฟิกที่มากับโน๊ตบุ๊ค Intel Iris Xe Graphic ซึ่งเป็นกราฟิกออนซีพียู ที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานกับแอพพลิเคชั่นทั่วไป การชมภาพยนตร์ 4K หรือการเปิดไฟล์มัลติมีเดีย รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเบาๆ โดยแชร์หน่วยความจำร่วมกับระบบแบบอัตโนมัติ

MSI MODERN 15

CrystalDiskMark เป็นการทดสอบระบบ Storage โดยให้ผลทดสอบมาในเกณฑ์มาตรฐาน นั่นคือ การอ่านข้อมูลอยู่ที่ราว 2,500MB/s Read และ 1,200MB/s Write โดยประมาณ ตามพื้นฐานของอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4

MSI MODERN 15

CINEBench เป็นการทดสอบซีพียูในด้านของการเรนเดอร์ CG และผลที่ได้ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้จะเป็นซีพียูในซีรีส์ “U” ที่ประหยัดพลังงาน แต่ก็ให้คะแนนน่าพอใจ แต่ก็แนะนำว่าโน๊ตบุ๊คถูกออกแบบมาเพื่องานเอกสาร แอพพลิเคชั่นในชีวิตประจำวัน และความบันเทิง เช่นการเล่นเกมที่ไม่หนักมากเท่านั้น หากจะจริงจังกับงานระดับนี้ แนะนำให้โน๊ตบุ๊คในกลุ่ม MSI Stealth, Titan หรือ Bravo จะตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น

MSI MODERN 15

PCMark10 คะแนนออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ สำหรับผลของ Essential อาจจะลดลงมาเล็กน้อย หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ซีพียู Core i7 “P” series แต่ก็ใกล้เคียงกันมาก และการได้แรมมา 16GB ก็เป็นตัวที่ทำให้ผลคะแนนในหลายจุดเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งรวมถึงด้าน Productivity อีกด้วย

MSI MODERN 15

3DMark แม้ว่า MSI MODERN 15 จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีกราฟิกบนซีพียูอย่าง Intel Iris Xe Graphic แต่ก็รันโปรแกรม 3 มิติสุดโหดอย่างนี้ได้ และผลคะแนนที่ออกมา อาจจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ถ้าดูจากรายละเอียด สามารถทำได้ดีกว่าผลทดสอบบน UHD Graphic ที่เราเคยได้ทดสอบมา ก็เป็นแนวโน้มที่ดีว่า สามารถรองรับการเล่นเกมพื้นฐานได้อยู่

MSI MODERN 15

มาถึงการทดสอบบนเกมพื้นฐานกันบ้าง แม้ระบบจะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยตรง แต่ถ้าดูจากผลที่ได้บน 3DMark ก็พอจะตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ หรือคนทำงานที่อาจจะใช้เวลาว่างในช่วงพักมาผ่อนคลายด้วยการเล่นเกม ซึ่งเราก็นำเกมยอดนิยมอย่าง DOTA2 และ PUBG มาทดลองเล่นกันว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งผลที่ได้นั้น DOTA2 – ตั้งค่าไว้ที่ Fastest ให้เฟรมเรตได้สูงถึง 98-99fps. เลยลองขยับมาที่ High settings เพื่อเพิ่มความสวยงาม และดูจะลงตัวที่สุด เพราะรีดเฟรมเรตไปได้ถึง 49-51fps. ได้ภาพที่สวยขึ้นและยังไหลลื่นอีกด้วย

ส่วนเกม PUBG นั้นก็ค่อนข้างจะโหด กินสเปคเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย เพราะเราลองเริ่มต้นที่ Low settings ปรากฏว่าเฟรมไปอั้นๆ ที่ประมาณ 28fps. แต่พอลองปรับเป็น Very Low เฟรมเรต ก็ขยับไปได้ถึง 42fps. แม้จะมองเห็นภาพไม่ละเอียดสวยงามมากนัก แต่ก็เล่นได้ลื่นมากขึ้น

MSI Center Pro

MSI MODERN 15

สำหรับใครที่ใช้โน๊ตบุ๊คจากทาง MSI ที่รองรับซอฟต์แวร์นี้ แนะนำให้ติดตั้งและเปิดใช้งานเลยครับ เพราะเครื่องมือและฟังก์ชั่นต่างๆ จะช่วยให้คุณทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างจากที่นำมาให้ชมนี้ เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยคุณสามารถใช้งานโน๊ตบุ๊คในโหมดต่างๆ ตามความเหมาะสม ด้วยการคลิ๊กเมาส์ไม่กี่ครั้งเท่านั้น และมีตัวเลือกเป็นแบบโพรไฟล์ให้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิภาพ หรือการใช้พลังงานก็ตาม หรือจะใช้เป็น Ai ในแบบ Smart Auto ระบบจะประเมินให้ว่า ในช่วงเวลานั้น จะจัดการกับพลังงานหรือให้ประสิทธิภาพแบบใดดี

MSI MODERN 15

หรือจะเป็นการรายงานสถานะของฮาร์ดแวร์ เพื่อให้ระบบไหลลื่นขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Optimize ระบบไว้ให้อีกด้วย เร่งความเร็วขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องไปปรับแต่งบน Windows ให้ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นการ Clear cache หรือ Clear Memory ก็ตาม และคุณยังเลือกสร้างการคืนค่าระบบ หรือการทำ Recovery เอาไว้ได้เองแบบง่ายๆ

MSI MODERN 15

หรือถ้าติดปัญหาในการใช้งาน ก็สามารถเลือกขอคำปรึกษา หรือแนวทางแก้ไขได้ มีทั้งระบบอัตโนมัติ บอร์ดแนะนำข้อมูลหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ก็ได้เช่นกัน


Battery / Heat / Noise

MSI MODERN 15

อแดปเตอร์ที่มีมาให้เป็นแบบ 65W ขนาดกระทัดรัด ประมาณฝ่ามือเท่านั้น ใครที่ชอบการพกพา ก็ไม่ต้องกังวล เพราะใส่กระเป๋าติดไปกับโน๊ตบุ๊คได้ไม่สบาย พร้อมกับสายต่อที่เป็นแจ๊ค DC หัวกลมมาให้ คู่กับสายไฟ 3 ขา กับสายที่ยาวมากกว่า 2 เมตร เมื่อวัดความยาวรวมกัน ช่วยให้คุณลากสายได้แบบยาวๆ กรณีที่ปลั๊กต่ออยู่ไกล

MSI MODERN 15

ช่องชาร์จอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง ด้วยหัวต่อขนาดไม่ใหญ่นัก ทำให้ไม่เกะกะเวลาเชื่อมต่อ และยังมีพื้นที่สำหรับต่ออุปกรณ์ใกล้เคียงได้อีกด้วย

MSI MODERN 15

แบตเตอรี่ที่ทาง MSI ที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ 39.3Whr ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่าง ใต้ทัชแพด ซึ่งมีโครงสร้างโลหะเสริมมาอย่างแข็งแรงเลยทีเดียว

MSI MODERN 15

ทดสอบระยะการใช้งานด้วย BatteryMon เพื่อดูระยะเวลาในการทำงานของแบตเตอรี่ ด้วยการเปิดสตรีมมิ่งยูทูปเป็นวีดีโอต่อเนื่อง ตั้งค่าความสว่างที่ 20% และระดับเสียง 20% เพื่อจำลองกับการใช้งานจริง ในการเล่น Video Playback ซึ่งผลที่ได้นั้น อยู่ที่ราวๆ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจัดว่าทำได้ดีพอสมควร กับแบตเตอรี่ประมาณนี้ ซึ่งหากได้รับการปรับจูนที่ดี รวมถึงการปิดแสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด ก็น่าจะไปได้ถึง 6 ชั่วโมงแบบไม่ยาก ระยะเวลาในการทำงานนี้ ก็เท่ากับคุณออกไปใช้งานข้างนอกได้เกือบครึ่งวัน


Conclusion

MSI MODERN 15

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ MSI MODERN 15 โน๊ตบุ๊คทำงานสายพกพา ราคาเบาๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณชื่นชอบโน๊ตบุ๊คสไตล์เรียบง่าย ได้พอร์ตเยอะ สเปคซีพียูแรงๆ พกพาสะดวก ก็ไปเลือกตามโมเดลที่มีให้ 3 รุ่นกันได้เลย เริ่มแค่ 25,990 บาทเท่านั้น ข้อดี ก็จะเป็นเรื่องที่เราได้พูดถึงตั้งแต่ต้นคลิป อาทิ จอใหญ่ กางจอได้ 180 องศา แถมยังเป็นแบบ Flip & Share ชาร์จไฟเร็วรองรับ PD พอร์ตมีเยอะ และน้ำหนักเบา จะมีเพียงข้อสังเกตุเล็กๆ ที่สำหรับแอดมินก้อ ก็ไม่ได้ติดเรื่องนี้นะ เพราะเข้าใจอยู่ว่า โน๊ตบุ๊คทำงานส่วนใหญ่ ที่ทำให้บางลง มักจะมาพร้อม RAM On-board ที่มีข้อจำกัดในการอัพเกรดเพิ่มภายหลัง ซึ่งถ้ามองถึงการทำงาน หรือการเรียนทั่วไป RAM 8GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้แล้ว ส่วนถ้าใครที่งานหนัก เปิด Web browser ทีละหลายหน้า ทำงานพร้อมกันหลายโปรแกรม หรือต้องใช้งานร่วมกับไฟล์ขนาดใหญ่ แนะนำว่าแรม 16GB เหมาะที่สุด เพราะเพิ่มขึ้นมาจากรุ่นเล็กสุด ประมาณ 5 พันบาท แต่ก็ได้ซีพียูแรงขึ้น แรมเยอะขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เรื่องของพอร์ต ก็มีให้เลือกใช้มากมาย แบตก็ใช้ได้ราวๆ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ รวมถึงประสิทธิภาพในหลายๆ ส่วนก็ออกมาในแนวที่คุ้มค่าใช้งานได้อย่างหลากหลาย และยังมี Windows 11 Home มาให้ใช้กับการรับประกันแบบ Global อีกด้วย

  • สเปคแรก ราคา 25,990 บาท สเปค Intel Core i5 gen 12, RAM 8GB
  • สเปคที่ 2 ราคา 28,990 บาท สเปค Intel Core i7 gen 12 RAM 8GB
  • สเปคที่ 3 ราคา 30,990 บาท เป็น Intel Core i7 gen 12 เช่นกัน แต่จะได้แรมเพิ่มขึ้นเป็น 16GB
  • ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้ รับประกัน 2 ปี โดยปีแรก ประกันแบบ Global ซึ่งหมายความว่า หากเราพกไปทำงานต่างประเทศ แล้วเครื่องเกิดมีปัญหา ก็สามารถนำ Modern15 เข้ารับบริการศูนย์ MSI ได้ที่ศูนย์บริการทุกที่ทั่วโลก

Award

award new value

MSI MODERN 15 รุ่นนี้ เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มงานธุรกิจและใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี แม้จะไม่ได้มีดีไซน์ที่หวือหวา หรือฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยแบบสุดๆ แต่เรื่องของฟังก์ชั่นพื้นฐานในการใช้งานมีอยู่อย่างครบครัน คุณจะได้หน้าจอขนาดใหญ่ และกางได้ 180 องศา ที่ Flip หน้าจอได้ แชร์หน้าจอก็สะดวก ได้แรม 16GB และมีซีพียู Intel Core i7 มาอีกด้วย ในราคา 30,990 บาทเท่านั้น และถ้าหากคุณไม่ได้เน้นความเร็วแรงมากนัก ใช้งานเอกสารพื้นฐาน เทรดหุ้น เรียนออนไลน์ หรือใช้เป็นเครื่องกลาง สำหรับทุกคนภายในบ้าน รุ่นที่เป็น Core i5 และแรม DDR4 8GB ก็เพียงพอแล้ว ความแข็งแรงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ แบตก็ใช้ได้นานพอสมควร ในงบประมาณเท่านี้ เราถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

from:https://notebookspec.com/web/676081-msi-modern-15-b12m-i7-ram16

ASUS ExpertBook B5 Flip บางเบา พับได้ 360 องศา หน้าจอทัชสกรีน Thunderbolt 4 แบตอึด

ASUS ExpertBook B5 Flip จอทัชสกรีน พับได้ 360 ซีพียู Intel i7+DDR5 แบตใช้นาน มี Thunderbolt 4

ASUS ExpertBook B5 Flip cov4

ASUS ExpertBook B5 Flip B540RFB โน๊ตบุ๊คสำหรับงานธุรกิจ ที่ให้ความบางเบา สะดวกต่อการใช้งาน ด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เสริมความปลอดภัยมาเต็มพิกัด และเตรียมประสิทธิภาพ สำหรับงานธุรกิจ ในชีวิตประจำวันเอาไว้มากมาย ตั้งแต่งานในสำนักงาน องค์กร ไปจนถึงการเทรดหุ้น และเรียนออนไลน์ วัสดุที่ทนทาน น้ำหนักเบา พับได้ 360 องศา เพื่อการใช้ในโอากสที่ต่างกัน แบตอึด ประหยัดพลังงาน ขุมพลัง Intel Core Gen 12 และแรม DDR5 พร้อมปากกาสไตลัส ASUS Pen ช่วยการบันทึกได้รวดเร็ว นำเสนอจินตนาการของคุณผ่านการวาดภาพบนหน้าจอ เพิ่มความปลอดภัยด้วยสแกนใบหน้าด้วย IR Camera เพื่อเข้าสู่ระบบ และสแกนลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันตัวตน รวมถึงระบบ TPM 2.0 พร้อมกับมี Webcam Shield มาให้ด้วย ได้พอร์ต Thunderbolt 4 พร้อมการรับประกัน 3 ปี และมี Perfect Warranty อีก 1 ปีแรกอีกด้วย

ASUS ExpertBook B5 Flip


จุดเด่น

Advertisementavw
  • ระบบความปลอดภัยครบครัน
  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • จอพับได้ 360 องศา เป็นโหมดแท็ปเล็ต
  • กล้อง IR camera สแกนใบหน้าได้
  • ได้ซีพียู Intel Core i7 gen 12 และ DDR5
  • อัพเกรดแรมเพิ่มได้
  • มีระบบ Ai Noise cancelling
  • มีพอร์ต Thunderbolt 4 ให้ 2 พอร์ต
  • ให้พอร์ต RJ-45 มาในตัว ไม่ต้องใช้ตัวแปลง
  • แบตอึดใช้ได้นานระดับ 10 ชั่วโมง
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือ

ข้อสังเกต

  • ปุ่มเพาเวอร์สัมผัสยาก เมื่ออยู่ในที่แสงน้อย
  • ปากกาเหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน จดบันทึกทั่วไป

Specification

Description
CPU Intel Core i7-1260P 12 core/ 16 thread, Boost 4.70GHz
GPU Intel Iris Xe Graphic
RAM DDR5 4800 16GB (8GB on-board, 8GB slot)
Storage SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 512GB, Upto 2TB
Display 14.0″ Full-HD IPS, Anti-Glare, Touch screen, 400-nits, 100% sRGB
Port I/O 2x Thunderbolt 4 Type-C (โอนถ่ายข้อมูล 40Gbps, ต่อจอ 4K และ PD charge 3.0)
1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
1x USB 2.0 Type-A
1x HDMI 2.0
1x microSD card reader
1x 3.5mm Audio Combo jack
1x RJ-45
1x Kensington lock
Video Camera IR camera 720p HD Video, Webcam shield
Wireless Dual-band 2×2 WiFi 6E+ Bluetooth 5.2
Audio 2x Speaker
Weight 1.38Kg.
Dimension 32.34 x 22.31 x 1.79cm
Battery 63 Whr, 3-cell, Li-polymer
Security Fingerprint sensor
TPM 2.0
IR camera
Webcam shield
Kensington lock
Keyboard Full-size keyboard 1.5mm travel key, Backlit
Warranty 3 Year, Perfect Warranty 1 Year

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS ExpertBook B5 Flip


Unbox

ASUS ExpertBook

เริ่มจากการแกะกล่องกันเลยครับ ภายในกล่อง ประกอบด้วยตัวโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip ที่มาพร้อมกับ ASUS Pen ซึ่งอยู่ภายในตัวเครื่อง และอแดปเตอร์ 65W พร้อมสายต่อเป็นแบบ USB-C และเหมือนกับในหลายๆ รุ่น ASUS ให้เมาส์ไร้สายมาด้วย เพื่อความสะดวกของผู้ใช้

ASUS ExpertBook

อแดปเตอร์ไม่ใหญ่เทอะทะครับ เพราะขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้น เป็นแบบ 65W สายต่อค่อนข้างยาวทีเดียว พร้อมกับที่พันเก็บสายมาให้ในตัว พกพาสะดวกทีเดียว

ASUS ExpertBook

อแดปเตอร์เมื่อเทียบกับมิติของโน๊ตบุ๊ค ขนาดเล็กกระทัดรัดแบบนี้ ช่วยให้หลายคนมั่นใจที่จะพกไปใช้งานข้างนอกได้สบาย น้ำหนักเฉพาะอแดปเตอร์นี้ประมาณ 300 กรัมเท่านั้น

ASUS ExpertBook

เมาส์ไร้สายที่มาพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค เป็นเมาส์ออพติคอล ใช้ได้เกือบทุกพื้นผิว ขนาดกำลังพอดี ใช้ได้ทั้งคนที่ถนัดมือซ้ายและขวา โดยมี USB Receiver ขนาดเล็กมาด้วย และใช้ร่วมกับถ่าน AA จำนวน 1 ก้อน ติดอยู่อย่างเดียวคือ ไม่มีปุ่มเปิด-ปิดเมาส์มาให้ อาจจะทำให้เปลืองแบตอยู่บ้าง

ASUS ExpertBook

ตัวโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip ที่มาในกล่อง มาในโทนสีที่ดูเขร่งขรึม และบอดี้ที่บาง กระทัดรัดดีทีเดียว แพ๊คมาในกล่องที่กันกระแทกป้องกันไว้อย่างดี


Hardware / Design

ASUS ExpertBook

โน๊ตบุ๊คมาในโทนสีที่เรียกว่า Star Black ซึ่งถ้าดูจากคอนเซปต์ของทาง ASUS จะเปรียบประมาณท้องฟ้าในยามค่ำคืน และมีดาวสว่างกระจายทั่วท้องฟ้า จะดูเป็นโทนสีออกน้ำเงินเข้ม ไปจนถึงดำ และมีประกายเม็ดสีเล็กๆ ทั่วทั้งบอดี้ เลยเป็นที่มาของสีบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ เรื่องของผิวสัมผัสจับถนัดมือดีครับ

ASUS ExpertBook

โดยวัสดุที่ใช้เป็นแม็กนิเซียมและอะลูมิเนียม น้ำหนักเบา และมีความทนทานพอสมควร ตรงฝาด้านบนนี้ มีโลโก้ ASUS สีเงินเงาอยู่ตรงกลาง และมุมด้านบนซ้าย จะเป็นโลโก้ ExpertBook ที่มีแสงไฟสถานะปรากฏขึ้น เมื่อใช้งานกล้องหรือกำลัง Video Conference อยู่

ฝาด้านนอกของโน๊ตบุ๊คจะมีแสงไฟ LED ขนาดเล็กที่จะสว่างขึ้นเป็นแสงสีส้ม ASUS ออกแบบมาเพื่อให้คนอื่นที่เห็นคุณใช้งานแล้วแสงนี้ปรากฏขึ้น จะหมายถึงว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงที่ประชุมหรือใช้งานสนทนาออนไลน์ ภาพทางด้านซ้ายเป็น ExpertBook B3 และด้านขวาเป็น B5 Flip ต่างกันตรงแสงไฟอยู่เล็กน้อย

ASUS ExpertBook

ขอบจอของโน๊ตบุ๊คทำออกมาได้ค่อนข้างบาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ ExpertBook ในเกือบทุกรุ่น โดยด้านบนจะหนาขึ้นเล็กน้อย เพราะเป็นจุดที่ติดตั้งกล้องเว็บแคม พร้อมไมโครโฟนมาในตัว

สังเกตได้ว่าจากขอบบานของจอมาในแบบ NanoEdge Design ค่อนข้างบางทีเดียว โดยขอบซ้ายและขวานี้ บางเพียง 4mm โดยประมาณ ซึ่งทำให้มีพื้นที่ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น และเทียบสัดส่วนพื้นที่การแสดงผล มาถึง 80% เมื่อเทียบกับบอดี้ของโน๊ตบุ๊ค จัดอยู่ในเกณฑ์สัดส่วนที่กว้างมากทีเดียว หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับ 14″ ในท้องตลาด

ASUS ExpertBook

มองดูจากด้านข้าง จะเห็นว่า ASUS จัดพอร์ตมาให้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 4 x2 ช่อง สำหรับชาร์จไฟด้วย, RJ-45, HDMI, USB 3.2 Type-A และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กรณีที่ใช้โหมดแท็ปเล็ต ดูสวนทางกับบอดี้ที่บางแบบนี้

ส่วนโครงสร้างภายใน ทำจุดยึดมาให้แน่นหนา กับชิ้นโลหะขนาดใหญ่ ที่ทำเป็นบานพับ และมีน็อตสกรูที่เพิ่มเข้ามา ในการยึดจับ เสริมความแข็งแรง เมื่อต้องพับจอในรูปแบบต่างๆ บอดี้ใช้เป็นอลูมิเนียมอัลลอย และเสริมโครงสร้างที่เป็น Internal keyboard bracket และเพิ่มชั้นที่กันน้ำ เพื่อป้องกันของเหลวที่จะไหลลงมาได้ในระดับหนึ่ง

ASUS ExpertBook

บริเวณด้านหน้า มีเป็นช่องเว้าลึกเข้าไปเล็กน้อย ใกล้กับทัชแพด เพื่อให้มีพื้นที่ให้จับฝาเปิดได้ง่ายขึ้น แต่ด้วยบานพับที่แน่น ทำให้คุณอาจจะต้องจับ 2 มือในการเปิดฝาพับครับ ตรงนี้ผมถือว่าเป็นข้อดี เพราะเวลาเปิดฝาโน๊ตบุ๊คขึ้นมา ตัวจอจะไม่โยกคลอนหรือสั่นได้ง่ายๆ นั่นเอง

ASUS ExpertBook B5 Flip 32

ASUS เสริมการใช้งานบนทัชแพด ให้ใช้งานแทน Numpad ที่เป็นแบบปุ่ม ด้วยการเปิดใช้งานบนทัชแพดให้แล้ว นอกเหนือจากการใช้ Multi-Gesture ด้วยการใช้คลิ๊กซ้าย-ขวา และปัด เลื่อนด้วยการใช้สองนิ้วหรือสามนิ้วในการคอนโทรล โดย ASUS NumberPad 2.0 จะเป็นแถบตัวเลข ที่สว่างขึ้นเมื่อเปิดใช้งาน ด้วยการแตะที่รูปคีย์บอร์ด มุมขวาบนของทัชแพด จากนั้นแตะที่ตัวเลขบนทัชแพดได้ทันที แต่บน ASUS ExpertBook B5 Flip นี้ จะต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่มีฟีเจอร์เดียวกันอยู่พอสมควร และใช้งานได้ง่ายกว่า เนื่องจากตัวเลขและพื้นที่กว้างมากขึ้น

ASUS ExpertBook

กล้องเว็บแคมเป็นแบบ IR Camera ซึ่งรองรับ Windows Hello สำหรับการล็อคอินเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าของผู้ใช้ ซึ่งตัวกล้องให้ความละเอียดระดับ HD 720p ซึ่งคุณภาพก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพียงแต่ถ้าคุณต้องการความละเอียดในการใช้งานมากกว่านี้ ก็อาจจะต้องหากล้องเว็บแคมสำหรับสตรีมเมอร์สักรุ่นหนึ่งมาใช้ แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องเสีย USB Type-A ไปหนึ่งพอร์ตในการใช้งาน

Camera2

ตัวอย่างของคุณภาพกล้อง เมื่อคุณใช้งาน จัดว่าให้มิติและความคมชัดได้ในระดับมาตรฐาน มีการจัดการเรื่องแสงได้ดีพอสมควร สีสันสดใส เหมาะกับการใช้ในงานประชุม เรียนออนไลน์ และการสนทนากับสมาชิกในบ้าน แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีกล้องเสริมอย่างบน ExpertBook B3 ที่ช่วยเสริมการใช้งานบนโหมดแท็ปเล็ตได้สะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ คุณยังใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ Motion tracker ของกล้องได้ สำหรับคนที่อาจจะใช้ในเรื่องของการประชุมหรือการเรียนการสอน เพราะตัวกล้องจะโฟกัสที่หน้าคุณเป็นหลัก เวลาที่คุณเคลื่อนไหวออก หรือเอียงไปจากมุมปกติของกล้อง หน้าคุณหรือของที่คุณโฟกัสเอาไว้ก็จะยังคงชัดเจน


Keyboard / Touchpad

ASUS ExpertBook

คีย์บอร์ดเป็นปุ่มสวิทช์สีดำ ตัดกับตัวอักษรภาษาไทย-อังกฤษได้คมชัดดี คนที่ใช้งานแบบต้องมองแป้นพิมพ์น่าจะชอบ เพราะมองเห็นชัด และยังเพิ่มความสะดวกมากขึ้น ด้วยแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นทะลุตัวอักษร ทั้งไทย อังกฤษ และตัวเลขครบ เพื่อการใช้งานในที่มืดอีกด้วย ระยะการกดและตอบสนองประมาณ 1.4mm เท่านั้น ถือว่าค่อนข้างสั้น เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัส จะใช้งานได้ไวขึ้น

แต่ใครที่จะใช้ปุ่ม Page Up-Down ก็เหมือนเดิมครับ มาครึ่งปุ่ม ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ ให้ Priority ที่ปุ่มสำคัญอื่นที่ใช้บ่อยๆ มากกว่า

ASUS ExpertBook

โลโก้ ASUS ExpertBook B5 ที่ด้านล่างของขอบจอ จะต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่าง B1 หรือ B3 เพราะดูเงางามมากกว่าการเป็นแบบเรียบๆ

ให้มาเต็มทุกปุ่ม ไม่มีกั๊กเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เปิด-ปิดลำโพง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงหน้าจอ, ปิดทัชแพด, ปรับแสงคีย์บอร์ด ทำได้ 2 ระดับ, ต่อสัญญาณภาพไปภายนอก, ล็อคหน้าจอ, เปิด-ปิดกล้อง, จับภาพหน้าจอ, เรียกใช้งานซอฟต์แวร์ MyASUS, เปิด-ปิดไมค์, เปิดใช้งานระบบ Noise Cancelling และ PrintScreen ที่เป็นคีย์ลัด

ASUS ExpertBook

นอกจากนี้คุณจะเห็นปุ่มตัวเลขด้านบน 1-4 ที่จะไม่เหมือนปุ่มอื่นๆ เพราะมีแสงไฟลอดจากด้านข้างปุ่มให้เห็นอีกด้วย โดยปุ่มทั้ง 4 นี้จะทำหน้าที่นอกเหนือจากการเป็นตัวตัวเลขทั่วไป เช่น

  • Fn+1 = Motion tracker กล้องจะตามโฟกัสคุณตลอดเวลาที่เคลื่อนไหว
  • Fn+2 = เหมือนโหมด Power Option
  • Fn+3 = Status light on-off เปิด-ปิด ไฟสถานะตรง Cover
  • Fn+4 = เปิด-ปิด WiFi
ASUS ExpertBook

แสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด สามารถปรับความสว่างได้ถึง 2 ระดับ ด้วยการกดปุ่ม F7 ที่ฮอตคีย์ด้านบนสุด และเปิด-ปิดได้ตามความต้องการ เรื่องความสว่าง อยู่ในห้องมืด คุณก็ยังมองเห็นคีย์ได้อย่างชัดเจน นี่คือ ข้อดีอีกอย่างสำหรับโน๊ตบุ๊ค ASUS รุ่นนี้

ASUS ExpertBook
ASUS ExpertBook

ทัชแพดเน้นไปที่ความยาว ที่มีข้อดีตรงเหมาะกับการใช้งานในแบบ Multi-Gesture ร่วมกับ Windows ได้สะดวกทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นนิ้วเดียว เลื่อน แตะ เลือกหรือสองนิ้ว ซูม-ย่อ และสามนิ้วในการใช้งาน Task View หรือเลื่อนหน้าเดสก์ทอปอื่นๆ เป็นต้น

ASUS ExpertBook B5 Flip 34 1

นอกจากนี้แล้ว ASUS ยังดีไซน์ NumberPad มาให้กับผู้ใช้ โดยซ่อนเอาไว้บนทัชแพดนั่นเอง แค่คุณแตะเบาๆ ที่มุมขวาของทัชแพด ก็จะมีชุดตัวเลข ให้แตะใช้งานได้สะดวกเหมือนการมี NumberPad อยู่เลย ไม่ใช้ก็กดปิดได้ครับ

สติ๊กเกอร์ตรงพื้นที่วางมือ มีอยู่มากมายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ซีพียู Intel Core i7, Intel Iris Xe Graphic, มาตรฐาน Energy Star และฟีเจอร์ Eye Care กับโหมดถนอมสายตาที่มีมาให้บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้

ASUS ExpertBook

โดยรวมถือว่า ASUS ให้ฟังก์ชั่นของคีย์บอร์ดมาแบบเกินตัวสำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ยิ่งคุณจำได้เยอะ ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกมากขึ้น งานเร็วขึ้นครับ


Screen / Speaker

ASUS ExpertBook

ASUS ExpertBook B5 Flip มาพร้อมหน้าแสดงผล 14″ ให้ความละเอียด 1080p หรือ Full-HD พาแนลแบบ IPS ให้ความคมชัด โดยเป็นหน้าจอแบบ

ภาพจากมุมมองทั้ง 2 ด้านของจอภาพ จะเห็นได้ว่า มีความคมชัดสูง ทำให้มุมการมองกว้างมากขึ้น ส่วนจอภาพอาจจะดูเงาๆ อยู่บ้าง ด้วยความที่เป็นจอทัชสกรีน จึงมีการสะท้อนเล็กน้อย แต่ก็ยังจัดอยู่ในโหมดของ Anti-Glare ซึ่งช่วยลดแสงสะท้อนจากภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง

ASUS ExpertBook B5 Flip 37

นอกจากจะเป็นหน้าจอที่รองรับการทัชสกรีนแล้ว ก็ยังมาพร้อม ASUS Pen ในการบันทึกข้อมูลหรือเขียนบนหน้าจอได้เลย ด้วยการดึงออกมาจากช่องด้านข่างขวาของโน๊ตบุ๊ค และเสียบกลับเข้าไป เพื่อทำการชาร์จไฟ ซึ่งใช้เวลาชาร์จค่อนข้างสั้น แต่ใช้งานได้ยาวนานเลยทีเดียว

ASUS ExpertBook B5 Flip 6

ASUS Pen เป็นสไตลัสขนาดค่อนข้างเล็ก ผมว่าน่าจะเหมาะกับการจดบันทึกที่รวดเร็ว และการลากเส้นในเบื้องต้น ซึ่งมีจุดชาร์จที่จะชาร์จไฟ เมื่อเสียบเข้ากับช่องบนโน๊ตบุ๊ค ปุ่มกดบน-ล่าง ในการคอนโทรล ด้านท้ายจะเป็นจุดชาร์จ ที่ต่อเข้ากับในโน๊ตบุ๊ค และฝาปิดที่ดึงออกจากที่เก็บได้ง่ายขึ้น แต่การใช้งาน ด้วยความที่มีขนาดเล็ก มือผู้ใหญ่อาจจะต้องปรับตัวอยู่พอสมควร กว่าจะจับถือและเคลื่อนไหวลากเส้นได้อย่างคล่องตัว

ASUS ExpertBook

มิติของจอภาพที่ค่อนข้างบาง ก็ทำให้มิติโดยรวมของโน๊ตบุ๊คบางลงไปด้วย ซึ่งก็ถือเป็นผลดีต่อโน๊ตบุ๊ค Convertible แบบนี้ เมื่อพับเป็นโหมดแท็ปเล็ต

ASUS ExpertBook

รองรับการทำงานในโหมดต่างๆ หน้าจอสามารถพับได้หลากหลายโหมด ตั้งแต่เป็นโหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tent mode, Stand และ Tablet ที่สะดวกต่อการใช้งาน และขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ง่ายการจับถือและนำไปพรีเซนท์งานกับลูกค้านอกสถานที่ รวมถึงการจดบันทึก โหมดต่างๆ เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน และความบันเทิงส่วนตัวได้ง่าย เช่น สำหรับชมภาพยนตร์ หรือจะใช้เพื่อการเล่นเกมเบาๆ ในช่วงเวลาพัก เพราะเป็นจอทัชสกรีนได้ ใช้นิ้วแตะเลื่อนได้ รวมถึงในทุกๆ โหมด ก็สามารถนำปากกา ASUS Pen มาใช้งานร่วมกันได้อีกด้วย

ASUS ExpertBook

ชุดลำโพง จุดติดตั้งลำโพงทั้ง 2 ด้านอยู่บริเวณด้านใต้ เอียงไปทางซ้าย-ขวา ของโน๊ตบุ๊ค ให้ทิศทางเสียงยิงลงพื้น และสะท้อนขึ้นมา ซึ่งการใช้ในห้องทั่วไป มีเสียงที่เด่นชัดออกมาได้ดี เป็นแบบเดียวกับ B5 รุ่นก่อน แต่จะไม่เหมือน ASUS ExpertBook B3 ที่อยู่บริเวณด้านหน้า ที่เสียงจะค่อนข้างดังมากกว่า อย่างไรก็ดีจากที่เราทดสอบ มิติของเสียงยังคงให้ความคมชัด เสียงสนทนาชัดเจน เสียงเพลงอาจจะเด่นที่ดนตรี แต่ไม่ได้เน้นที่ความเปรี้ยงปร้างของเบส หรือเสียงกลางหนักหน่วง เพราะยังเป็นอารมณ์ของโน๊ตบุ๊คทำงาน พอให้ได้การสตรีมมิ่งและการเล่นเกมได้สนุก ซึ่งถ้าคุณอยากจะจริงจัง และเน้นความบันเทิง ได้ความเป็นส่วนตัว แนะนำหูฟังเกมมิ่งหรือฟังเพลงดีๆ สักรุ่น ของทาง ASUS ก็มีน่าสนใจหลายโมเดลเลยทีเดียว


Connector / Thin And Weight

ASUS ExpertBook

ASUS ExpertBook B5 Flip ให้พอร์ตความเร็วสูงมาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 4 มีให้ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน รองรับการโอนถ่ายข้อมูลระดับ 40Gbps ต่อจอแสดงผลภายนอกในระดับ 4K และเป็น USB PD charge 3.0 อีกด้วย เช่นเดียวกับ USB Type-A ก็ให้มาถึง 2 พอร์ต ในแบบ USB 3.2 Gen2 และ USB 2.0 แยกไว้ด้านซ้ายและขวา รวมถึงพอร์ต HDMI ในการต่อจอขนาดใหญ่ รวมถึง RJ-45 ที่เป็นไซส์มาตรฐาน ที่มีให้มาในตัวแบบไม่ต้องใช้ตัวแปลง มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1.38 กิโลกรัม ชาร์จไฟผ่าน USB-C ด้วยอแดปเตอร์ AC 65Wที่เบาเพียง 300 กรัมเท่านั้น

ASUS ExpertBook

ทางด้านขวามือ ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ASUS Pen ที่ซ่อนอยู่ภายใน ดึงออกมาใช้งานได้ทันที พร้อมปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งมีระบบสแกนลายนิ้วมือมาในตัว ช่องต่อ 3.5mm ที่ใช้งานร่วมกับหูฟังและไมโครโฟน พอร์ต USB 2.0 และสล็อต microSD card reader เรียกว่ามีมาให้แบบครบๆ เช่นนี้ หาได้ยากในท้องตลาด

ASUS ExpertBook

และจุดที่ชื่นชอบเป็นที่สุดโดยส่วนตัวก็คือ แม้จะมีบอดี้กระทัดรัดก็ตาม แต่ ASUS ก็เว้นระยะห่างของพอร์ตไว้ระดับหนึ่ง ทำให้เวลาที่ติดตั้งอุปกรณ์ หรือต่อสาย จะไม่เบียดกันจนเกินไป เรียกว่าฮาร์ดแวร์ เช่น RJ-45 หรือว่าสายชาร์จ USB-C รวมถึง USB Flash Drive ในปัจจุบัน ใช้งานและต่อเข้าในพอร์ตใกล้ๆ ได้อย่างสะดวก

ASUS ExpertBook

การที่มีพอร์ต USB Type-A ทั้ง 2 ข้าง ช่วยให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานของคนที่มีอุปกรณ์ USB มากกว่าชิ้นเดียว ทำให้การต่อพ่วงง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะเมาส์ หรือคีย์บอร์ดไร้สาย และการต่อเมาส์ทางขวา ก็สะดวกกว่าด้านซ้ายเยอะเลย

ASUS ExpertBook

น้ำหนักเฉพาะตัวโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip อยู่ที่ราว 1.39Kg. ซึ่งใกล้เคียงกับที่เคลมไว้ที่หน้าสเปคบนเว็บไซต์ ASUS

ASUS ExpertBook

และน้ำหนักเมื่อรวมกับอแดปเตอร์แล้ว อยู่ที่ราว 1.7Kg เท่านั้น ถือว่าค่อนข้างเบาทีเดียว สำหรับโน๊ตบุ๊คขนาด 14″ ที่เหมาะกับการพกพาไปใช้นอกสถานที่ได้สบายๆ


Performance / Software

ASUS ExpertBook

CPUz รายงานซีพียูที่ใช้เป็น Intel Core i7 1260p เป็นซีพียูระดับ 12 core/ 16 thread ซึ่งให้ความเร็วบูสท์สูงสุดที่ 4.70GHz

ASUS ExpertBook

โดยมีแรมมาให้ 16GB เป็นแบบ DDR5 แล้ว ทำให้การใช้งานด้านต่างๆ ได้รวดเร็วทันใจ รวมถึงยังมีสล็อตสำหรับการอัพเกรดเพิ่มได้อีกด้วย

ASUS ExpertBook

และในการทดสอบเบื้องต้นบน CPUz-Bench CPU ผลที่ได้เรียกว่า Single-thread แซงหน้า i7-10700 ที่เป็นซีพียูพีซีไปได้เล็กน้อย ส่วน Multi-thread ยังเป็นรองอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ถือว่าความแรงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ

ASUS ExpertBook

สำหรับกราฟิกชิป เป็นแบบ Integrate graphic ซึ่งมากับซีพียู Intel Iris Xe Graphic ซึ่งประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์การใช้งานทั่วไป สำหรับงานสำนักงาน หรือการใช้บนซอฟต์แวร์พื้นฐาน และในด้านความบันเทิง รวมถึงการเล่นเกมที่ไม่ได้เรียกว่าใช้ทรัพยากรมากมายนัก ซึ่งในครั้งนี้เราทดสอบร่วมกับเกมให้ได้ชมด้วยว่า สามารถเล่นได้ดีมากน้อยเพียงใด

ASUS ExpertBook

CrystalDiskMark เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ กับความรวดเร็วของ SSD ที่มาพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip รุ่นนี้ เพราะความเร็ว Read/ Write ทะลุไปเกือบ 6,500MB/s และ 4,000MB/s ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลดีมาจากการใช้ SSD ในแบบ PCIe 4.0 ที่ทำให้การเปิดไฟล์ โปรแกรม เข้าสู่เกม และโอนถ่ายข้อมูลรวดเร็วมากกว่าการใช้ SSD PCIe 3.0 อยู่ถึงสองเท่า

ASUS ExpertBook

PCMark10 กับผลทดสอบที่ทำได้ดีทีเดียวสำหรับในส่วน Essential ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยการผสมสานของซีพียู Intel Core i7 ที่มีคอร์/เธรดจำนวนมาก รองรับงานมัลติทาส์กได้ดี ก็ยังมีแรม DDR5 และ SSD ความเร็วสูงมาด้วย จึงทำให้งานด้านเอกสาร และเปิดโปรแกรมต่างๆ ไหลลื่นมากขึ้น ส่วนในด้าน Digital Content ก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คระดับธุรกิจในท้องตลาด ซึ่งโน๊ตบุ๊ค ASUS รุ่นนี้ ยังให้พลังในงานวีดีโอและมัลติมีเดียได้ดีพอสมควร

3DMark

ASUS ExpertBook

CINEBench ก็มาพร้อมผลที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น R15, R20 หรือ R23 ซึ่งถือว่าซีพียู Intel Core Gen 12 รุ่นใหม่นี้ ยังตอบโจทย์ในงานด้าน Render 3D ได้อย่างเต็มที่ โดยหากเทียบกับโน๊ตบุ๊ค Intel Core i5 Gen 11 ที่ใช้ DDR4 นั้น ASUS รุ่นนี้ ทำคะแนนแซงไปอย่างขาดลอย แม้ว่าจะไม่ได้เป็นงานหลักที่หลายๆ คนใช้ แต่ก็เป็นเครื่องการันตีในแง่ของผู้ใช้ที่เน้นการพรีวิว หรือตรวจงานวีดีโอ และกราฟิกได้ดีพอสมควร

Game

แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับงานธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ แต่ความสามารถและประสิทธิภาพในการเล่นเกม ยังอยู่ในระดับที่เล่นได้ในบางเกม ด้วยกราฟิก Intel Iris Xe ที่ช่วยให้การเล่นเกมพื้นฐานอย่าง DOTA2 และ PUBG ได้ไหลลื่น แต่แนะนำว่าควรจะตั้งความละเอียดที่ Low เอาไว้ก่อน ที่เหลือค่อยๆ ปรับ เพื่อให้สอดคล้องกับการเล่น บนโหมด 1080p โดยการทดสอบ DOTA2 นั้น เราใช้โหมด High เกือบๆ จะเป็น Best Looking ผลที่ได้เฟรมเรตยังไปแตะ 60fps. ได้ไม่ยาก ส่วนถ้าปรับที่ Best Looking จะได้มากกว่า 100fps. เลยทีเดียว ส่วน PUBG อยู่ที่ Low ภาพที่ได้ก็ยังดูดี มองเห็นศัตรูได้ชัด เฟรมเรตเฉลี่ยไปแตะที่ 30fps. ได้ครับ

DisplayCAL

การทดสอบความแม่นยำของสีหน้าจอ ซึ่งให้ผลของ Gamut Volume ได้ที่ 96.3% ซึ่งก็ถือว่ามีความแม่นยำของสีที่ดีพอสมควร ใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมไว้ที่ sRGB 100% โดยที่ Gamut volume จัดว่าอยู่ในระดับสีค่อนข้างสดใส เพราะไปได้เกือบ 85% จึงเหมาะกับการดูภาพ ทำงานเอกสาร และการพรีวิว ทำพรีเซนเทชั่น พอจะตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้พอสมควร ส่วนค่าความสว่างทำในการทดสอบได้เกือบ 400cd/m2 ครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานในสภาวะแสงน้อยหรือแสงมาก เพราะให้ความสว่างได้เกินกว่าที่เรามักจะเห็นกันบนโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป


Battery / Heat / Noise

ASUS ExpertBook
Battmon ASUS

ในการทดสอบของเรา ใช้เป็นเงื่อนไขที่เราทำกับโน๊ตบุ๊คที่นำมาทดสอบทุกรุ่น นั่นคือ ชาร์จแบตจนเต็ม 100% แล้วทดสอบด้วย Video Playback หรือการสตรีมมิ่งบน Youtube กับวีดีโอระดับ 4K เปิดเสียงเอาไว้ที่ 25% และความสว่างระดับ 20% เพื่อเป็นการจำลองใช้งานจริง ที่เป็นรูปแบบของผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน และผลทดสอบที่ได้จากโปรแกรม BattMon รายงานว่า ใช้งานได้ที่ระดับ 15 ชั่วโมง ในช่วงแรกครับ หลังจากที่รันไป 30 นาทีอยู่ที่ราวๆ 8 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมเอาไว้ว่า 10 ชั่วโมงครับ

ASUS ExpertBook

ผลทดสอบอุณหภูมิ เท่าที่เราได้ทดสอบด้วยโปรแกรม Furmark โหลดการทำงานของซีพียู 100% บนโหมด Performance อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ราว 90 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับการใช้งาน สังเกตได้ว่า วันที่ผมเอาไปใช้งานข้างนอก ไม่ได้อยู่ในห้องปรับอากาศ ก็ยังทำงานได้ดี และอย่างที่ได้ย้ำในทุกครั้งคือ โอกาสที่คุณจะเรียกใช้ซีพียูหนักๆ แบบนี้ ก็น้อยมากครับ รวมถึงชุดระบายความร้อนของโน๊ตบุ๊คก็ทำได้ดีทีเดียว ผมแนะนำว่า ถ้าคุณมีโหลดงานหนัก เลือกเป็น Performance mode ได้ครับ อาจจะมีเสียงเพิ่มขึ้นมาบ้าง ในบางจังหวะ แต่ก็ช่วยให้คุณได้ประสิทธิภาพ และการลดความร้อนที่รวดเร็วไปพร้อมๆ กัน


Inside / Upgrade

ASUS ExpertBook

การแกะอัพเกรดบน ASUS ExpertBook B5 Flip รุ่นนี้ ยังคงง่ายดาย ไม่ต่างจากในซีรีส์เดียวกัน เพราะไขน็อตสกรูประมาณ 11 ตัว ก็สามารถแกะฝาหลังออกมาได้แล้ว ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย เช่นเดียวกับที่คุณเคยเจอบนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง ที่บางครั้งทั้งแกะและงัด ก็ยังไม่ค่อยจะออก โดยเมื่อแกะออกมาได้แล้ว ก็จะเห็นบรรดาฮาร์ดแวร์ภายในต่างๆ เหล่านี้

ASUS ExpertBook

ชุดพัดลมและฮีตซิงก์ระบายความร้อน ให้กับซีพียู Intel Core i7-1260P ที่เป็นแบบ 12 core/ 16 thread มาในแบบที่เรียบง่าย แต่ก็ประหยัดพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์อื่นๆ เข้ามาได้อีกมากมายเลยทีเดียว โครงสร้างยังคงใกล้เคียงกับ ExpertBook B5 ที่เป็น Intel Gen 11 อยู่พอสมควร

ASUS ExpertBook

ASUS ExpertBook B5 Flip มีแรม DDR5 ออนบอร์ดมาให้แล้ว 8GB และติดตั้งเพิ่มเติมมาบนสล็อตอีก 8GB รวมเป็น 16GB และยังสามารถเปลี่ยน เพื่ออัพเกรดได้เพิ่มมากขึ้น แต่ความจุระดับนี้กับการเป็น DDR5 งานหลายอย่างก็ลื่น รวมถึงการเปิดโปรแกรม และโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็ว

โดยที่มีความพิเศษอย่าง SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 มาให้ด้วย ซึ่งติดตั้งมาที่สล็อตแรก ซึ่งอยู่ใกล้กับพัดลม 1 สล็อตความจุ 512GB และยังมีสล็อตว่างอีก 1 สล็อต รองรับการอัพเกรดได้สล็อตละ 1TB รวมทั้ง 2 สล็อตก็เป็น 2TB หรือจะใช้งานเป็นแบบ RAID ก็ได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วหรือความปลอดภัยได้อีกด้วย ผลที่ได้จากการทดสอบ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของ SSD รุ่นนี้ มากถึง 6,400MB/s และเขียนข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 4,000MB/s เลยทีเดียว

ASUS ExpertBook

ด้านล่างสุดเป็นชุดลำโพงที่ติดมาทั้ง 2 ข้างเอียงออกทางด้านข้าง ให้เสียงที่ค่อนข้างดีทีเดียว

ASUS ExpertBook

ส่วนที่เป็นจุดสำคัญของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ อยู่ที่บานพับ ซึ่งออกแบบมาอย่างแข็งแรง ด้วยแผ่นโลหะขนาดใหญ่ และจุดยึดน็อตขนาดใหญ่ ด้านละ 3 จุด ทำให้รองรับการพับหน้าจอ เพื่อใช้งานในโหมดต่างๆ ได้อย่างแข็งแรง


Conclusion / Award

ถ้ามองกันในแง่ของความคล่องตัว เชื่อได้เลยว่า ASUS ExpertBook B5 รุ่นนี้ น่าจะตอบโจทย์ในแง่ของงานธุรกิจได้อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ใช่แค่การทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ในชีวิตประจำวันของใครหลายคนได้เป็นอย่างดี ด้วยการจับคู่กันของ ซีพียู Intel Core i7 Gen 12 ที่เป็นรหัส P ซึ่งให้ Performance ได้อย่างคุ้มค่า มาคู่กับแรม DDR5 ที่แบนด์วิทธิ์มากกว่า DDR4 อยู่ไม่น้อยเลย ก็ยิ่งทำให้การใช้งาน ทั้งงานเอกสาร ไปจนถึงงานวีดีโอ ก็ลื่นไหลได้ โดยเฉพาะในงานพรีวิว ที่เน้นการแสดงผล พรีเซนเทชั่น แม้จอจะแค่ 14″ แต่ก็ยังต่อกับจอขนาดใหญ่ได้ถึง 3 จอด้วยกัน ผ่านช่องทางของ HDMI และ Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต จึงเหมาะกับคนที่ใช้งานธุรกิจจริงจัง หรือต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ดูหุ้น เทรดคริปโต ดูวีดีโอสตรีมมิ่ง และหาข้อมูล ทำเอกสารไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังได้ในเรื่องของพอร์ตที่ให้มาครบสุดๆ เรียกว่าจัดเต็มชนิดที่หาเทียบได้ยากในโน๊ตบุ๊คระดับเดียวกัน ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้บอดี้ ที่อาจจะดูเรียบง่าย แต่ก็ดูสะดุดตา เข้าได้ในทุกสถานการณ์ ที่สำคัญยังจัดแบตที่ใช้งานได้นานมาให้อีกด้วย การพกพาไปใช้งานข้างนอก จึงเป็นเรื่องที่ง่าย และสบายกว่าที่คุณเคยสัมผัส และที่น่าสนใจ นั่นก็คือ หน้าจอยังพับได้ 360 องศา และยังมาในแบบทัชสกรีน ดูลงตัวกับงานในหลายๆ ด้าน เพราะมีหลายโหมดให้เลือกใช้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่า ASUS รุ่นนี้เป็นโน๊ตบุ๊คที่มาสุดทาง สำหรับสายงานธุรกิจอย่างแท้จริง

การรับประกัน ASUS Exclusive Care

  • 3 Year Onsite Service: บริการตรวจซ่อมฟรีถึงที่ 3 ปี
  • 3 Year Global Warranty: ครอบคลุมการรับประกัน 3 ปี (57 ประเทศ)
  • 1 Year Perfect Warranty: เพิ่มการรับประกันอุบัติเหตุให้ใน 1 ปีแรก
NBS award 7 Design

เรื่องของรางวัล Best Design เราไม่ได้มองแค่ในเรื่องของการออกแบบหรือสวยงามอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟังก์ชั่น ที่จะเป็นภาพลักษณ์ให้กับผู้ใช้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ที่มีความกระทัดรัด แม้จะอยู่ในไซส์ 14″ ขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การแสดงผลที่กว้าง และการกางออกได้ 360 องศา ทำให้พับ ปรับใช้ในโหมดต่างๆ ได้ และยังเป็นจอทัชสกรีนอีกด้วย เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดที่มีแสงไฟ ลูกเล่นของ NumberPad บนทัชแพด ก็ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังไม่รวมฟีเจอร์ที่มีความสมาร์ทอีกหลายอย่าง ซึ่งรวมเข้ากันเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้

NBS award 4 Mobility

คล่องตัว กระทัดรัด พกพาสะดวก แบตอึด ใช้งานได้นาน น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็น Mobility บนโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 รุ่นนี้ ซึ่งตอบโจทย์ในงานและชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว น้ำหนักอาจจะไม่ได้เบาที่สุด แต่เชื่อว่ารวมอแดปเตอร์แล้ว ประมาณ 1.7Kg ก็ดีพอให้พกพา และใช้งานในที่ต่างๆ ได้ไม่ยาก ผู้ใช้สามารถเลือกกระเป๋าในสไตล์ที่ชอบ หรือซอฟท์เคสแบบที่ใช้ มาใช้กับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ได้ตามใจชอบเลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/672520-asus-expertbook-b5-flip-2022

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Intel, nVIDIA, AMD 2022 เล่นเกม ทำงาน ทำกราฟิก รุ่นไหนปัง!

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค 2022 เล่นเกม ทำงาน มีรุ่นไหนบ้าง Intel, nVIDIA หรือ AMD เลือกแบบไหน เช็คอย่างไร

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊คปัจจุบัน มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำงาน ไปจนถึงเล่นเกม และมีให้เลือกเกือบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม แต่ละค่ายก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันออกแบบ ขึ้นอยู่กับโน๊ตบุ๊คที่เลือกใช้ด้วย เพราะบางรุ่นก็มาในแบบติดตั้งในซีพียู ที่เรียกว่า Integrate graphic หรือ iGPU และอีกแบบก็เป็นกราฟิกแยกหรือ Discrete Graphic ซึ่งจะมีในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบจริงจัง เพียงแต่เพิ่มรุ่นที่เป็นกราฟิกสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบา หรือโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ประหยัดพลังงาน ไม่เพียงแค่นั้น การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ยังมีเรื่องของ สเปค รุ่น และฟีเจอร์ ที่จะช่วยให้งานของคุณไหลลื่นมากขึ้น เช่น MUX Switch, e-GPU, Ray tracing หรือ AMD FSR และ nVIDIA DLSS รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันครับ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ Intel, nVIDIA, AMD


การ์ดจอโน๊ตบุ๊คมีกี่แบบ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค ก็ไม่ได้ต่างไปจากพีซีตั้งโต๊ะหรือเดสก์ทอปพีซีมากมายนัก เพราะการ์ดจอจะมีทั้งบนซีพียู ที่เรียกว่า Integrate Graphic หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า การ์ดจอออนบอร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งบนตัวซีพียู และอีกแบบจะเรียกว่าการ์ดจอแยก หรือ Discrete Graphic และทั้ง 2 แบบนี้ ก็มีความแตกต่าง ทั้งในแง่ของการติดตั้งและการใช้งาน โดยการ์ดจอบนซีพียู จะเป็นการเริ่มต้นใช้งานของโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป ซึ่งมีอยู่บนโน๊ตบุ๊คทุกรุ่น เพราะติดกับซีพียูโมบายมาทุกรุ่น แต่การ์ดจอแยก จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านนั้นๆ เช่น การเล่นเกมบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค หรือการทำงานบนโน๊ตบุ๊ค Workstation นั่นเอง

Advertisementavw
การ์ดจอบนซีพียู การ์ดจอแยก
ประสิทธิภาพ การทำงานทั่วไป เล่นเกมหรือทำงานเป็นหลัก
การใช้พลังงาน ใช้พลังงานน้อย ใช้พลังงานสูง
แชร์ทรัพยากร แชร์แรมระบบ มี VRAM แยก
การระบายความร้อน ใช้ชุดระบายความร้อนปกติ เพิ่มชุดระบายความร้อน
ค่าใช้จ่าย ขึ้นกับ Position ของโน๊ตบุ๊ค ขึ้นกับชิปกราฟิกที่เพิ่มเข้ามา

การ์ดจอออนบอร์ด: เป็นการ์ดจอในเบื้องต้น ที่ติดตั้งรวมเข้ามาในซีพียูแล้ว ใช้ในการแสดงผล และประมวลผลกราฟิกระดับพื้นฐาน รองรับการทำงาน ดูหนัง เปิดไฟล์เอกสาร และการเล่นเกมแบบง่ายๆ ได้อย่างครบครัน โดยจะใช้ทรัพยากร อย่างเช่น แรม ร่วมกับแรมของระบบ (Share memory) จึงเหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพด้านกราฟิกหรือการเล่นเกมที่หนัก แต่ก็ใช้งานได้ดี ขึ้นอยู่กับความสามารถของกราฟิกบางรุ่น แต่ที่โดดเด่นคือ ใช้พลังงานน้อยลง ไม่ต้องดีไซน์ระบบระบายความร้อนมากนัก และยังพกพาสะดวก เราจึงเห็นกราฟิกรูปแบบนี้ ได้ตั้งแต่โน๊ตบุ๊คราคาประหยัด สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งาน ไปจนถึงโน๊ตบุ๊คบางเบา และใช้ในงานธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ใช้ได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อยอีกด้วย มีด้วยกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Intel หรือ AMD ก็ตาม

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอแยก: จะเป็นการ์ดจอที่เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งาน โดยเฉพาะกับการเล่นเกม และโน๊ตบุ๊คทำงานเฉพาะทาง นอกเหนือจากการ์ดจอ Integrate ที่อยู่บนซีพียู ซึ่งจะเป็นชิปกราฟิก GPU ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาบนโน๊ตบุ๊ค รวมถึงการเพิ่ม VRAM แยกต่างหาก ไม่ต้องแชร์แรมระบบ ทำให้ได้พลังในการเล่นเกมหรือทำงานเฉพาะทางที่สูงมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานที่มากกว่า และต้องการชุดระบายความร้อนที่ดี ซึ่งบางครั้งก็ส่งผลต่อมิติของโน๊ตบุ๊ค ที่ต้องมีความหนาและหนักมากขึ้นนั่นเอง รวมถึงราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย มีให้เลือกทั้ง AMD Radeon Graphic และ nVIDIA GeForce หรือ Quadro เป็นต้น


MUX Switch คือ?

เมื่อมีทั้งการ์ดจอออนบอร์ด บนซีพียู และมีการ์ดจอแยกอยู่ด้วย แล้วแบบนี้ระบบจะงงมั้ย เวลาที่ทำงานหรือเล่นเกม โดยในอดีตระบบจะสลับการทำงานให้อัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่การเล่นเกมตามเงื่อนไข แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องเข้าไปกำหนดค่าใน Driver ของการ์ดจอ เพื่อให้ระบบสลับการทำงานของชิปกราฟิกให้รวดเร็ว และถูกต้อง ซึ่งก็ดูจะวุ่นวายอยู่เหมือนกัน แต่ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีและการปรับปรุงฟีเจอร์เข้ามา เพื่อให้ระบบจัดการกราฟิกได้ง่ายขึ้น

ASUS MUX
source: ASUS

MUX หรือ Multiplexer ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการจัดการระบบการทำงานของกราฟิก iGPU หรือเป็นชิปที่ Integrate อยู่บนซีพียู เพื่อที่จะควบคุมการแสดงผล ให้ปิดการทำงานของ iGPU เมื่อการ์ดจอแยกทำงาน (Discrete Graphic) ทำให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้น ลด Latency ที่จะเกิดขึ้นในการแสดงผล และปิดการทำงานของ iGPU ไป เพื่อให้การ์ดจอแยกทำงานได้เต็มที่ ส่งผลดีต่อการเล่นเกม แต่ก็ทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น ในปัจจุบัน MUX Switch ติดตั้งอยู่บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น เช่น ASUS ROG, Dell G16 และ MSI Titan GT77 เป็นต้น


การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ดูตรงไหน

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การเช็ครุ่นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค มีด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ฟังก์ชั่นบน Windows ไปจนถึงการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม แต่แบบไหนจะดีกว่ากัน คงต้องบอกว่า ถ้าเป็นฟังก์ชั่นเดิมๆ บนโน๊ตบุ๊ค ก็จะดูได้เพียงระดับหนึ่ง การจะลงรายละเอียด เช่น ข้อมูลภายในของตัวการ์ดจอ หรือจะ Monitor hardware ก็ทำได้ยาก การใช้โปรแกรมมาเสริม ก็ทำให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น จะดูเรื่องของความร้อน รอบพัดลม แรงดันไฟ ไปจนถึงสัญญาณนาฬิกา หรือบางโปรแกรมก็เช็ตได้ด้วยว่า เฟรมเรตในการเล่นเกมดีแค่ไหน ใช้งานก็ง่าย ไม่ซับซ้อน

DirectX Diagnostic: เป็นวิธีที่ดูการ์ดจอได้ค่อนข้างง่าย มีขั้นตอนอยู่ 2-3 สเตป ทำตามนี้ได้เลยครับ เริ่มด้วยกดปุ่ม Win+R, จากนั้นพิมพ์ dxdiag ในช่องว่าง แล้วกด Enter จะมีหน้าต่าง DirectX Diagnostic Tool ขึ้นมา ให้ไปดูที่แท็ป Display ได้เลย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

Advance Display: ให้เข้าไปที่ Settings แล้วเลือก System จากนั้นเลื่อนมาด้านล่าง เลือกที่ Advance Display จะมีชื่อของ Display Adaptor ปรากฏให้เห็น

Device Manager: เป็นวิธีที่ง่ายเลยทีเดียว หากเป็น Windows 11 ให้คลิ๊กขวาที่โลโก้ Windows จากนั้นเลือก Device Manager แล้วเลือกที่ Display Adaptor ก็จะบอกรุ่นของการ์ดจอให้เห็น

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

CPUz: เป็นโปรแกรมที่ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มจาก ที่นี่ เมื่อติดตั้งแล้ว ให้เข้าไปที่แท็ป Graphic จะบอกรายละเอียดของการ์ดจอให้ได้ทราบ ละเอียดกว่าบน Device Manager

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

GPUz: แต่ถ้าต้องการรายละเอียด ชนิดที่เห็นข้อมูลสำคัญ เช่น สัญญาณนาฬิกา, Shader, Memory speed หรือเฟิรมแวร์ ไบออส แนะนำโปรแกรมนี้ ดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โดยเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เข้าไปในหน้าแรก Graphic Card ตรงนี้จะให้ข้อมูลต่างๆ ของการ์ดจอโน๊ตบุ๊คได้อย่างครบถ้วน และยังใช้งานร่วมกับการ์ดจอออนบอร์ด และการ์ดจอแยก ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม มีการอัพเดตข้อมูลสดใหม่อยู่เสมอ


e-GPU การ์ดจอต่อภายนอก

โน๊ตบุ๊คก็ฝังบอร์ดมาเช่นกัน การอัพเกรดก็แทบจะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับซีพียู แต่ปัจจุบันก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง เช่น การใช้การ์ดจอต่อภายนอกหรือ e-GPU ที่เป็น Box ใส่การ์ดจอต่อภายนอก ซึ่งใช้การ์ดจอพีซีปกติได้เลย เพียงแต่ข้อจำกัดจะอยู่ที่ โน๊ตบุ๊คที่คุณใช้จะต้องมีพอร์ต Thunderbolt รวมถึงการซื้อ Box สำหรับ e-GPU ไม่ได้ถูกราคาใกล้หลักหมื่น ส่วนเลือกการ์ดจอแรงแค่ไหน ราคาก็จะสูงตามไปด้วย นั่นก็ทำให้สายเกม เลือกซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงๆ ไปเลย จะได้จบในทีเดียว และค่าใช้จ่ายถูกกว่า

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ กราฟิก GPU บนโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีให้ 2 แบบคือ รุ่นปกติ และรุ่นประหยัดพลังงาน เช่น nVIDIA GeForce ในซีรีส์ของ Max-Q ที่จะถูกปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานอยู่ด้วย โดยจะดรอปความเร็วและฟีเจอร์บางส่วนลงจากรุ่นปกติ เพื่อให้โน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบาหรือกึ่งทำงาน ที่ต้องการการ์ดจอแยกได้สามารถพกพาและใช้งานได้ดียิ่งขึ้น


การ์ดจอ Intel

Graphic Max.frequency EU
Intel Core i3-1115G4 Intel UHD Graphic 1.25GHz 48
Intel Core i5-1145G7 Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1195G7 Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-11600H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i9-11900H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i3-1210U Intel UHD Graphic 850MHz 64
Intel Core i5-1235U Intel Iris Xe Graphic 1.20GHz 80
Intel Core i5-1250P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 80
Intel Core i5-1240P Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1260P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-12700H Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i9-12900H Intel Iris Xe Graphic 1.45GHz 96
Intel Core i9-12900HX Intel UHD Graphic 1.55GHz 96

Intel Graphic: การ์ดจอโน๊ตบุ๊คจากทาง Intel จะเป็นแบบ Integrate มากับซีพียูที่เป็นแบบเดสก์ทอปและโน๊ตบุ๊ค โดยจะมีให้ใช้งานอยู่ 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน ประกอบด้วย Intel Iris Xe Graphic และ Intel UHD Graphic ไม่ว่าจะเป็นซีพียู Intel Gen 11 ที่เป็นแบบ G series เช่น Core i3-1115G4 หรือจะเป็น U series และ H series ไปจนถึง HX series ก็ต่างมีกราฟิกมาในตัวเช่นเดียวกัน โดยในรุ่น G1/G4 และ G7 ตามรหัสต่อท้ายของซีพียู Intel Gen 11 เช่น Intel Core i3-1115G4 หรือ Intel Core i5-1135G7 เป็นต้น โดยจะต่างกันทั้งในเรื่องความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงสุดและ Execution Units รวมถึงการเชื่อมต่อของ PCIe จากตัวอย่างในตารางด้านบนนี้ จะมีข้อมูลบางส่วน จะเห็นได้ชัดว่า แม้บางครั้ง จะเป็นซีพียูในระดับเดียวกัน แต่ก็มีกราฟิก 2 โมเดล ดังนั้นการเลือกใช้ก็คงต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วย หากเน้นไปที่การใช้โน๊ตบุ๊คแบบไม่มีการ์ดจอแยก และทั้งหมดจะเป็นการแชร์หน่วยความจำหลักของระบบมาใช้อัตโนมัติ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

ถ้ามองกันที่โครงสร้างสถาปัตยกรรม Iris Xe Graphic จะมีความทันสมัย และความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงกว่า รวมถึง CUs จำนวนมากกว่ากราฟิกรุ่นที่ผ่านๆ มาของ Intel โดยเริ่มต้นเปิดตัว Iris Xe ครั้งแรกบนซีพียู Intel Gen 11 ประมาณปี 2020 ซึ่ง Iris Xe Graphic บนซีพียู Intel Gen 12 จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมทั้งใน EUs และสัญญาณนาฬิกา มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมฟีเจอร์นหลายส่วนเข้ามา เช่น การเล่นเกมบนความละเอียดสูง 1080p @60fps. และ Ai ใหม่ ใช้พลังงานต่ำ รองรับ Intel Quick Sync แปลงไฟล์วีดีโอได้เร็วยิ่งขึ้น รองรับ API ใหม่ๆ ได้ดี รวมถึง OpenCL ด้วย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
source: Laptopmedia

ส่วน Intel UHD Graphic เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel เช่นเดียวกัน และได้รับการปรับปรุงมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว ล่าสุดกับซีพียู Intel Gen 12 จะมาพร้อม UHD Graphic 770 ที่มี CUs มากถึง 32 ชุดด้วยกัน ในส่วนของ UHD Graphic เอง แม้ว่าอาจจะดูมีอายุอานามมาพอสมควร แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมาตลอด ทำให้มีฟีเจอร์ต่างๆ แทบไม่ต่างไปจาก Iris Xe Graphic อย่างไรก็ดี หากมองไปที่รายละเอียดในตาราง จะเห็นได้ว่า execution units และสัญญาณนาฬิกาของ Iris Xe Graphic นั้นสูงกว่า UHD Graphic ดังนั้นประสิทธิภาพที่ได้ ก็ดูจะน้อยกว่ากันพอสมควร


การ์ดจอ nVIDIA

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊คของทาง nVIDIA จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ซีรีส์ หลักๆ คือ GeForce MX ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของการ์ดจอแยกบนโน๊ตบุ๊ค ซึ่งเน้นไปที่การทำงานเป็นหลัก โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านกราฟิกได้ดีกว่าการ์ดจอ iGPU ที่อยู่บนซีพียูพื้นฐาน ส่วนที่เป็น GeForce GTX จะเป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค สำหรับเกมเมอร์ในระดับเริ่มต้น ซึ่งให้ประสิทธิภาพทั้งด้านการทำงาน และการเล่นเกมได้ดีพอสมควร ใอยู่ในโน๊ตบุ๊คราคาไม่สูงเกินไป และรุ่นพี่ใหญ่ท็อปสุด ก็จะเป็นการ์ดจอในตระกูล GeForce RTX ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มของฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ได้ และมีอยู่ด้วยกันหลายโมเดลในปัจจุบัน ประสิทธิภาพจะเหนือกว่า GeForce GTX และฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา เช่น การสนับสนุน DLSS หรือ Ray tracing เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมไหลลื่น และมีความสวยงามมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาโน๊ตบุ๊ค ที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับเกมเมอร์ ที่เล่นเกมจริงจัง และยังพกพาไปเล่นข้างนอกได้อีกด้วย

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
RTX 3050 2048 1.74GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3050 Ti 2560 1.69GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3060 3840 1.70GHz 6GB GDDR6 192-bit
RTX 3070 5120 1.62GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3070 Ti 5888 1.48GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3080 Ti 7424 1.59GHz 16GB GDDR6 256-bit

ที่มา: GeForce RTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
GTX 1650 1024 1560 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1650 Ti 1024 1485 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1660 Ti 1536 1590 6GB GDDR6 192-bit

ที่มา: GeForce GTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
MX330 384 1.59GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX350 640 1.46GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX450 896 930MHz 2GB GDDR6 64 bit

Max-Q คืออะไร

เป็นรหัสที่ต่อท้ายการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ให้ทราบการ์ดจอรุ่นนั้นๆ จะถูกลดทอนบางสิ่งลง เพื่อให้สามารถติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่ ที่มีขนาดบางลงได้ โดยไม่ทำให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป และลดการใช้พลังงานได้มากขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ จากการ์ดจอรุ่นปกติมากนัก โดยสเปคที่จะถูกลดลง เช่น สัญญาณนาฬิกาของ GPU และค่าการใช้พลังงาน TGP โดย ประสิทธิภาพของตัว Max-Q แทบไม่ต่างจากรุ่นปกติ และยังได้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Ray Tracing ที่มีอยู่ในการ์ดจอปกติของเครื่องพีซี ก็ถูกนำมาไว้ในการ์ดจอของโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า nVIDIA จะไม่ได้ใส่คำว่า Max-Q ต่อท้ายผลิตภัณฑ์บนการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่เป็น GeForce 30 series แต่จะให้ทางผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ค แจ้งข้อมูลในรูปแบบของค่าการใช้พลังงานกราฟิก TGP แทน โดยในส่วนของ Max-Q นั้น จะมีค่า TGP น้อยกว่าการ์ดจอในรุ่นปกติ รวมถึงค่า Base clock/ Boost clock ก็น้อยตามลงไปด้วย แต่ CUDA core และ VRAM ยังเท่ากัน


การ์ดจอ AMD

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Radeon 600M series นั้น มาพร้อมกับซีพียู AMD Ryzen 6000 series อยู่บนซีพียูที่ใช้โค๊ตเนม Rembrandt หรือ Zen3+ รุ่นใหม่ เป็นกราฟิกแบบ Integrate ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา และถือว่าเป็นกราฟิกที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะให้ประสิทธิภาพแรงใกล้เคียงกับการ์ดจอแยก แม้ว่าจะเป็นการแชร์หน่วยความจำจากระบบก็ตาม ซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่นคือ Radeon 660M และ 680M โดยชูฟีเจอร์สำคัญอย่าง FidelityFX Super Resolution ที่ช่วยในการอัพสเกลภาพให้มีความละเอียดสูงขึ้น แบบไม่ส่งผลกระทบต่อเฟรมเรต เพราะฉะนั้นใครที่เล่นเกมที่รองรับ FSR นี้ ก็จะสามารถเล่นได้ลื่นบนภาพที่มีความละเอียดมากขึ้นนั่นเอง

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
Radeon 660M 384 1.90GHz Share system
Radeon 680M 640 1.46GHz Share system

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค AMD 6000 series นั้น เป็นการ์ดจอที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ และเป็นการ์ดจอแยก ที่ให้ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ 6000M เป็นกราฟิกที่เน้นสำหรับการเล่นเกมแบบจริงจัง ด้วยขุมพลังที่อัดแน่นมาให้กับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณนาฬิกา VRAM หรือค่า TGP ก็ตาม ส่วน 6000S นั้น จะลดทอนบางอย่างลง เพื่อให้เหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีความบางเบา สำหรับเกมเมอร์แบบพกพา ประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ยังคงความแรงไว้ได้ใกล้เคียงกับ 6000M โดยทั้งคู่ใช้โครงสร้างจาก RDNA2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญต่างๆ เช่น AMD Advantage, FidelityFX, Infinity Cache และ Ray tracing เป็นต้น เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่น่าจับตามอง สำหรับคอเกมในเวลานี้

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUs Game clock Memory Memory type
Radeon 5300M 22 1.18GHz 3GB GDDR6
Radeon 5500M 22 1.48GHz 4GB GDDR6
Radeon 5600M 36 1.19GHz 6GB GDDR6
Radeon 5700M 36 1.62GHz 8GB GDDR6
Radeon 6600S 28 1.80GHz 4GB GDDR6
Radeon 6700S 28 1.90GHz 8GB GDDR6
Radeon 6800S 32 1.97GHz 8GB GDDR6
Radeon 6300M 12 1.58GHz 2GB GDDR6
Radeon 6500M 16 2.19GHz 4GB GDDR6
Radeon 6600M 28 2.17GHz 8GB GDDR6
Radeon 6700M 36 2.3GHz 10GB GDDR6
Radeon 6800M 40 2.3GHz 12GB GDDR6

ข้อมูลเพิ่มเติม: AMD Radeon RX


Conclusion

สุดท้ายนี้การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ก็คงต้องดูตามรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล และงบประมาณที่มี เพราะในกรณีที่คุณแค่ทำงาน และความบันเทิงเล็กน้อย หรือจะเล่นเกมเบาๆ ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก โน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอออนบอร์ด หรือ iGPU หลายรุ่นก็ตอบโจทย์คุณได้ ในงบประมาณที่ไม่แพงมากนัก หมื่นต้นๆ ก็มีให้เห็น แต่ถ้าคุณเน้นที่การเล่นเกม คุณอาจจะเริ่มต้นด้วย GTX1650Ti หรือ RTX3050 ก็ดูจะเหมาะสม เพราะเริ่มที่ 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น หรืออาจจะสูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น ซีพียู หรือว่าแรมที่ใช้ เพราะถ้าเป็นเซ็ตใหม่อย่าง Intel Gen 12 และใช้ DDR5 ราคาก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงความพรีเมียมของโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

NBS MSI

แต่ถ้าคุณชื่นชอบในการเล่นเกม และเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ที่ยังชีวิตด้วยเฟรมเรต กระตุกไม่ได้ แร๊คก็ไม่ควร การ์ดจอแยก RTX3070, RTX3080Ti หรือจะเป็น Radeon RX6700M หรือ RX6800M ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และพาคุณไปให้สุดกับเกม ที่ให้ความสวยงามของเกม ได้มากกว่าเฟรมเรตอีกด้วย แต่อาจจะเคาะราคาไปเกือบแสนบาท หรือมากกว่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจ

from:https://notebookspec.com/web/670670-graphic-card-notebook-2022

ASUS Vivobook Pro 15 OLED สีตรง แต่งภาพ ตัดต่อ เล่นเกม สีสดใส 2.8K 120Hz จบในตัว

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊ค 2.8K 120Hz จอสีสดใส การ์ดจอ RTX ราคาเบาๆ

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊คทำงานกึ่งไลฟ์สไตล์ เข้ากันได้ในทุกช่วงชีวิตกับหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ ให้ความละเอียดถึง 2.8K สีสันสดใสในแบบ OLED ขุมพลัง Intel Core i7-12760H ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับแรม DDR5 และกราฟิกการ์ดแบบแยก GeForce RTX 3050Ti กับดีไซน์บนพื้นฐานของ ASUS Vivobook อย่างเต็มรูปแบบ คีย์บอร์ด Full-size กดง่าย ตอบสนองไว แสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด ปรับระดับความสว่างได้ ฮอตคีย์มีมาให้ครบ และบานพับที่กางออกได้ถึง 180 องศา ให้การระบายความร้อน ASUS IceCool Plus ลดอุณหภูมิได้ดีขึ้น รวมถึงพอร์ตที่มีให้ครบครัน รวมถึง Thunderbolt 4 ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.8Kg เท่านั้น พร้อม Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที และมี Perfect Warranty มาให้อุ่นใจในการใช้งาน สนนราคาเริ่มอยู่ที่ 43,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15 OLED


จุดเด่น

Advertisementavw
  • จอภาพ OLED สีสันสดใส ให้ความแม่นยำสีสูง
  • ความละเอียด 2.8K เหมาะกับการทำงานด้านภาพ
  • สเปค Intel Core i7-12760H+DDR5 ให้ประสิทธิภาพที่ดี
  • มาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4
  • คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้
  • กล้องเว็บแคมคมชัด ไมโครโฟน Ai Noise Cancelling
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ระบายความร้อนได้ดีพอสมควร
  • มี Certified DisplayHDR True Black 600

ข้อสังเกต

  • มี Thunderbolt 4 มาให้พอร์ตเดียว
  • ไม่รองรับสแกนลายนิ้วมือ
  • แรมออนบอร์ด อัพเกรดไม่ได้

Specification

Description
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-12650H Processor 2.3 GHz (24M Cache, up to 4.7 GHz, 10 cores)
จอภาพ 15.6-inch, 2.8K (2880 x 1620) OLED 16:9 aspect ratio, 0.2ms response time, 120Hz refresh rate, 600nits peak brightness , 100% DCI-P3 color gamut , 1,000,000:1, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 600 , 1.07 billion colors, PANTONE Validated
หน่วยความจำ 16GB LPDDR5 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
การเชื่อมต่อและการต่อขยาย 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
2 x USB 2.0 Type-A
1x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
1 x HDMI 2.1
1x 3.5mm Combo Audio Jack
1x DC-in
Micro SD card reader
คีย์บอร์ดและทัชแพด Backlit Chiclet Keyboard with Num-key , 1.4mm Key-travel, -, Touchpad
กล้อง กล้อง 1080p FHD
With privacy shutter
เสียง Smart Amp Technology
Built-in speaker
Built-in array microphone
harman/kardon (Mainstream)
with Cortana and Alexa voice-recognition support
ระบบไร้สาย Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ 70WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion
น้ำหนัก 1.80 kg
ขนาด (กว้าง x ลึก x สูง) 35.98 x 23.43 x 1.89 ~ 1.99 cm
ASUS Exclusive technology ASUS Antibacterial Guard
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Price 43,990 Baht

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 มาในธีมสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเป็นสีพื้นฐานที่ถูกใช้บน Vivobook มาหลายๆ รุ่น รวมถึง ExpertBook ด้วยเช่นกัน โดยเป็นแนวสีน้ำเงิน+เทาเข้มๆ ดูแล้วเข้าได้กับทุกสภาพการณ์ จะเอาไปใช้ที่ทำงาน เรียนออนไลน์ นั่งชิลร้านกาแฟ หรือประชุมลูกค้าก็ลงตัวดีครับ

ASUS Vivobook Pro 15

โครงสร้างมาในไซส์ของโน๊ตบุ๊คระดับ 15.6″ หลายๆ รุ่นของ ASUS วัสดุแข็งแรงดี ฝา Cover จับแล้วไม่ยวบยาบ โลโก้ ASUS Vivibook เป็นแบบแวววาวอยู่ด้านบน เส้นสายทำให้ดูทันสมัยดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจออาจไม่ได้บางมาก เพราะต้องรับโครงสร้างของตัวจอขนาดใหญ่ กรอบจออยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 ด้าน บางพอๆ กับ Vivibook 16 ที่เราเคยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ให้พื้นที่ในการแสดงผลประมาณ 84% Screen to Display อยู่ในระดับที่กว้างดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองจากด้านข้าง มิติของขอบบานหน้าจอมีความบาง และบอดี้เอง ก็มีการจัดวางเส้นสาย ให้ดูมีมิติและความบางมากขึ้น พร้อมพอร์ตต่อพ่วงและไฟแสดงสถานะ

ASUS Vivobook Pro 15

ฝั่งขวามือมาพร้อมพอร์ตให้ใช้งานอย่างครบครัน เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และหนึ่งในนั้นก็เป็น Thunderbolt 4 อีกด้วย ซึ่งเป็นพอร์ตสารพัดประโยชน์เลยทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

บานพับที่กาง 180 องศา เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ เพื่อแบ่งปัน พรีเซนเทชั่นหรือการแนะนำสินค้าให้คนที่อยู่โดยรอบได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านหลัง มาพร้อมช่องดูดลมเย็นเข้าสู่ระบบ เป็นช่องขนาดเล็ก แต่มีความถี่จำนวนมาก ดีไซน์ให้เข้ากับเส้นสายของตัวเครื่อง ด้านล่างเป็นช่องลำโพงให้พลังเสียงได้อย่างเต็มอิ่มทีเดียวในการทดสอบของเรา ยิ่งเหล่าเกมเมอร์ กับเน้นชมภาพยนตร์เป็นหลัก ไม่ควรพลาด

ASUS Vivobook Pro 15

บรรดาสติ๊กเกอร์ที่บริเวณจุดวางมือ รายงานถึงคุณสมบัติสำคัญๆ เอาไว้อย่างครบครัน เช่น ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Plus, มีพอร์ต Thunderbolt 4 และ Privacy Shutter เป็นต้น

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดขนาดใหญ่ในแบบ Full Size ให้การพิมพ์ที่สนุกมือ โดดเด่นที่โลโก้แบบ Slate อยู่บริเวณปุ่ม Enter ระยะห่างของปุ่มกดง่าย ฮอตคีย์อยู่ด้านบน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน

ASUS Vivobook Pro 15

และที่ขาดไม่ได้นั่นคือ จอภาพในแบบ OLED สีสันสดใส ซึ่งพอใช้ดูภาพยนตร์แบบ Fullscreen ด้วยแล้ว นอกจากสีสันจะจัดจ้าน แบบที่เราคาดไว้ ขอบจอบางๆ ยิ่งทำให้ได้อรรถรสในการรับชมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโทนสีดำหรือฉากมืด คุณจะได้เห็นอะไรดีๆ บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อีกมากเลยทีเดียว และที่สำคัญยังมาพร้อม DisplayHDR TrueBlack 600 ตัวท็อปสุดในสายนี้ ต้องมีอะไรดีๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดในแบบ Full-size มาในสไตล์เดียวกับ Vivobook 16 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของเลย์เอาท์ การวางปุ่มต่างๆ ไปในทางเดียวกัน เรื่องระยะห่างของปุ่ม และพื้นที่วางมือ แทบจะใกล้เคียงกันทั้งหมด เสน่ห์อยู่ที่ปุ่มขนาดใหญ่ ฟอนต์ตัวอักษรก็ดูง่าย ทำให้เหมาะกับคนทำงาน หรือคนที่ต้องพิมพ์เอกสารบ่อยๆ เพราะง่ายต่อการมอง หรือจะพิมพ์สัมผัสก็สนุก

ASUS Vivobook Pro 15

ปุ่มกดแน่นนุ่ม แต่เสียงเบา ลงน้ำหนักนิ้วได้อย่างสะใจ โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบแนวนี้ เพราะมีงานที่ต้องใช้คีย์บอร์ดในแต่ละวันเยอะ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น แต่สายเกมมิ่ง อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินตอนแรก ซึ่งถ้าเล่นเกมแอ็คชั่นทั่วไป ไม่เน้นคีย์เยอะ ก็เล่นได้สนุก แต่ถ้าจะให้สนุกแบบมีแรงต้าน จังหวะคลิ๊กแนะนำว่าต่อ Mechanical keyboard เอาไว้เล่นจะได้ความมันส์เพิ่มขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

โลโก้สะดุดตาที่ปุ่ม Enter ที่เป็นแบบ Slate ในงานวีดีโอ

ฮอตคีย์ด้านบน มีให้อย่างครบถ้วน ตรงนี้ผมถือว่า ASUS เป็นอีกหนึ่งค่าย ที่มีให้ใช้งานครบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ปิดลำโพง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงหน้าจอ, ทัชแพด, แสงไฟคีย์บอร์ด, ส่งสัญญาณไปยังจอภายนอก, ไมโครโฟน, ปิดกล้องเว็บแคม, Snipping tool, MyASUS, จับภาพหน้าจอ ที่เหลือก็จะเป็น Del, Insert และ ปุ่มเพาเวอร์อยู่ทางขวามือสุด

ASUS Vivobook Pro 15

ที่ทัชแพดขนาดใหญ่ 13.5cm x 7cm พร้อมปุ่มคลิ๊กซ้าย-ขวา แบบซ่อนเอาไว้ รองรับการใช้ Multi-Gesture เช่น 2 นิ้วย่อ-ขยาย, 3 นิ้ว เปิด Task View เลือกหน้าต่างโปรแกรม เป็นต้น ด้านหน้ามีเว้าตรงกลาง ให้นิ้วดันจอขึ้นมาได้ ข้อดีคือ ทำให้จอมีความแน่นหนา ไม่เขย่าหรือสั่นง่าย เวลาใช้งาน โดยเฉพาะคนที่ลงน้ำหนักที่นิ้วเวลาพิมพ์

คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟ Backlit สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ และยังปรับการใช้งานได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ได้ที่ปุ่ม F7 รวมถึงการปรับระดับความสว่างได้อีก 2 ระดับ เพื่อการใช้งานในรูปสภาวะแสงในบริเวณต่างๆ

บริเวณที่วางมือ มาพร้อมโลโก้ต่างๆ เช่น ซีพียู Intel Core i7, กราฟิก GeForce RTX รองรับฟีเจอร์ที่ใช้ไดรเวอร์ Studio ได้ Pantone Validated: รองรับมาตรฐานเฉดสีที่ใช้งานจอในการตกแต่งภาพ โดยเฉพาะงาน Production ออกมาแล้ว ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เรื่องนี้หลายฝ่ายค่อนข้างให้ความสำคัญมากทีเดียว

ASUS Perfect Warranty การรับประกันที่มั่นใจได้จาก ASUS การรับประกัน 2 ปี ปีแรกครอบคลุมถึงอุบัติเหตุต่างๆ เช่น ตกหล่น น้ำหกใส่ หรือไฟฟ้าลัดวงจรเป็นต้น นอกจากจะมาพร้อม Windows 11 Home แล้ว ยังมี Office Home & Student มาอีกด้วย

ด้านขวาจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่บอกถึงฟีเจอร์หลักๆ บน ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เช่น

  • ชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus
  • พอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4
  • ฝาปิดกล้องเว็บแคม เพื่อความเป็นส่วนตัว
  • Ai Noise Cancelling ลดเสียงรบกวน ให้เสียงสนทนาเคลียร์ชัด
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ASUS WiFi Master Premium การเชื่อมต่อไร้สาย

Screen / Speaker

ASUS Vivobook Pro 15

ผมอยากจะให้มาเริ่มกับหน้าจอแสดงผล OLED ที่เป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ความละเอียดที่ 2880 x 1620 ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสัดส่วนของหน้าจอเป็นแบบ 16:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรตมาถึง 120Hz ด้วยกัน ซึ่งจะให้ภาพที่มีความนุ่มนวลลื่นไหล มาพร้อมกับ Certified ต่างๆ มากมาย เช่น Pantone Validate จอที่ได้การปรับจูนให้เข้ากับระบบสีสากลที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ตามมาตรฐาน ซึ่งจำเป็นอย่างมากในงานด้านภาพและคอนเทนต์

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจอที่บางสุดๆ ทำให้ความรู้สึกในการชมภาพยนตร์ หรือการใช้พื้นที่หน้าจอในการทำงานได้เต็มตาเต็มอารมณ์มากขึ้น ยิ่งเป็นจอขนาด 15.6″ ด้วยแล้ว และใช้ความละเอียดระดับ 2.8K ก็ทำให้คุณได้พื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม ในโหมดของ Full screen หรือ Frameless ก็ตาม

ขอบด้านข้างซ้าย-ขวา และบนมีความบาง แม้จะไม่ได้บางที่สุด เพราะด้วยโครงสร้างจอขนาดใหญ่ ซึ่งจะรับบทบาทในเรื่องน้ำหนัก และความแข็งแรงเอาไว้ด้วย การจับถือก็ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดตัวมากนัก

มุมมองจากทางด้านซ้ายและขวาของโน๊ตบุ๊ค ให้ความคมชัดด้วยกันทั้ง 2 ด้าน ด้วยความเป็นจอ OLED ที่ให้สีสันสม่ำเสมอ และภาพที่มีความสดใส จึงเหมาะกับการใช้งานในหลายๆ ประเภท รวมถึงการแชร์ภาพให้คนข้างๆ ได้ดูกันได้อย่างชัดเจน

บานพับหน้าจอสามารถกางได้หลายระดับ ตั้งแต่พับปิดทำได้แนบสนิท ไปจนถึงกางออกได้สุดถึง 180 องศา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็รวมถึงการพรีเซนท์งานของเหล่า Content Creator ที่ให้คนด้านข้าง หรืออยู่ตรงข้ามได้ชมกันแบบทั่วถึง หลายคนน่าจะชื่นชอบกับการกางแบบนี้ เพราะสามารถเปลี่ยนอิริยาบทในการใช้งานได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองใกล้ๆ ของบานพับที่เป็นส่วนหนึ่งในการยกมุมของคีย์บอร์ด และปรับมุมหน้าจออยู่บ้าง ในกรณีที่ปรับมุมแบบพื้นฐาน ส่วนการกาง 180 องศา ตัวยางที่อยู่ด้านใต้จะรับหน้าที่ป้องกันรอยขูดขีดจากพื้นโต๊ะได้เลย การปรับมุมนี้ จะคล้ายกับใน ASUS ExpertBook หลายๆ รุ่น

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 78

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayHDR True Black 600 จัดว่าท็อปสุดในเวลานี้แล้ว ขยายความตรงนี้นิดนึงครับ สำหรับคนที่อาจสงสัย สำหรับ DisplayHDR True Black เป็น Certified เดียวกับ Display HDR แต่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับจอ OLED ที่มีเรื่องการเปล่งแสงสีดำน้อยที่สุด โดยเงื่อนไขสามารถดูได้จากตาราง Certified นี้ได้เลย

DisplayHDR table
ที่มา: HDRDisplay

การเป็น DisplayHDR True Black 600 นี้ เหนือกว่า Certified อื่นๆ ที่เป็น DisplayHDR ธรรมดาอยู่มากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเปล่งแสงสีดำที่น้อยสุดๆ ทำให้ฉากสีดำ ดำสนิด มองเห็นรายละเอียดได้ชัด สิ่งที่ผู้ใช้จะได้ก็คือ ความลึกของภาพที่มีมิติ และลดการใช้พลังงานลง เพราะพิกเซลเปล่งแสงแบบจุด ไม่ได้เป็นแบบโซนเหมือน LED ทั่วไป

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 89

โดยการรองรับ HDR ก็ยิ่งทำให้การเกลี่ยสีมีความสดใส และยังได้ค่า Contrast ที่สูง จึงเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม และชมภาพยนตร์ได้มากกว่าเดิม อย่างเช่น ตัวอย่างที่เราได้นำเสนอนี้ ด้านซ้ายจะเป็นจอ OLED ส่วนทางด้านขวา จะเป็นจอ LED บนโน๊ตบุ๊ค ASUS จะเห็นความแตกต่างในด้านของสีอยู่ไม่น้อยเลย

ASUS Vivobook Pro 15

กล้องเว็บแคมที่มากับ ASUS Vivobook Pro 15 OLED ความละเอียด Full-HD 1080p มีความคมชัดสูง และยังมี Privacy Shutter ที่ปิดฝาด้านหน้ากล้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยี 3DNR ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ ด้านข้างมาพร้อมไมโครโฟน พร้อมฟีเจอร์ที่เรียกว่า AI Noise Cancellation ในการตัดเสียงรบกวน ให้การสนทนาที่ชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ต้องการความคมชัดในด้านของเสียง และใช้งานในที่ที่มีเสียงโดยรอบ ซึ่งจากการใช้งานในห้องทำงาน ที่มีพนักงานนั่งรวมกัน อาจจะมีเสียงแทรกมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความเคลียร์ชัดได้ดี และคุณยังเข้าไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้จากซอฟต์แวร์ MyASUS ในการตั้งค่าเสียงรบกวน จากด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการปิดเสียงที่มาจากรอบด้านได้ ฟีเจอร์นี้่ค่อนข้างจะได้ประโยชน์ในการใช้งานในหลายๆ สภาวะได้ดี

Webcam 2

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayCAL test

ส่วนค่าความสว่างจากการทดสอบบน DisplayCAL ก็ทำได้ถึง 388cd/m2 ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมเอาไว้อีกด้วย ถือว่าจอภาพที่ให้มาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะกับการทำงานได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะงานที่ซีเรียสเรื่องสี เช่น การพรีเซนเทชั่นสินค้าให้ลูกค้า ตรวจงานอาร์ตเวิร์กหรือต้องส่งงานโปรดักส์ชั่น ก็พอรับไหว

ASUS Vivobook Pro 15

ชุดลำโพงที่อยู่ด้านล่างทั้งซ้ายและขวา ให้ทิศทางเสียงกดลงพื้นโต๊ะ และสะท้อนเสียง เพื่อการรับฟังได้ชัดเจนมากขึ้น


Connector / Thin And Weight

ASUS Vivobook Pro 15

ทางด้านซ้าย จะมีเพียงพอร์ต USB 2.0 Type-A มาให้ 2 พอร์ต และไฟแสดงสถานะ และไฟแบตเตอรี่

ASUS Vivobook Pro 15

พอร์ตทางด้านขวา ประกอบด้วย DC-In สำหรับชาร์จไฟ, USB 3.2 Type-A, HDMI 2.1, Thunderbolt 4 อย่างละ 1 พอร์ต พร้อมสล็อต microSD card reader และ 3.5mm Audio jack โดยที่ Thunderbolt 4 รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง, การชาร์จไว และการแสดงผลร่วมกับ DP ได้อีกด้วย

ASUS Vivobook Pro 15

ลองต่อสายแบบจัดเต็ม ระยะช่องไฟมีพอสมควร ให้หัวต่อต่างๆ สามารถติดตั้งกันอย่างใกล้ชิดได้ แต่ก็จะมีบางอุปกรณ์ที่มีหัวต่อขนาดใหญ่ อาจจะไม่สะดวกต่อการติดตั้ง เพราะจะไปเบียดกับสายต่อข้างๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่ สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด แต่ที่ติดอยู่เล็กน้อยก็คือ น่าจะมีพอร์ต RJ-45 สำหรับสาย LAN มาให้บ้าง เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″ และเป็นสาย Creator ด้วย โดยส่วนตัวมองว่ามีบทบาทต่อการใช้งานพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

น้ำหนักที่ชั่งได้สุทธิก็คือ 1.79Kg ซึ่งเบากว่าที่เคลมไว้หน้าสเปคคือ 1.8Kg อยู่นิดหน่อย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อาจจะเหมาะวางโต๊ะ แทนพีซีก็ได้ หรือจะพกพาใส่กระเป๋าไปพบลูกค้าก็ยังพอไหว เพราะถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับใกล้กันอย่างที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ยังถือว่าเบากว่าพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

จะไม่บอกน้ำหนักอแดปเตอร์ ก็กลัวว่าจะไม่ครบ ก็จะประมาณ 400 กรัม เมื่อรวมกับตัวเครื่องแล้ว ก็อยู่ราวๆ 2.2Kg ครับ เน้นงานสั้นๆ ข้างนอก ไม่ต้องพกก็ได้ หรือถ้าจะเดินทางพกไปใส่กระเป๋าเป้ ก็ยังไหว


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook Pro 15

การแกะเปิดฝาหลัง เพื่อดูองค์ประกอบภายใน ทำได้ไม่ยากครับสำหรับโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เพราะใช้น็อตประมาณ 10 ตัวเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นพอร์ตด้านข้าง กับบริเวณใกล้กับบานพับอาจจะแน่นไปบ้าง แต่ใช้เครื่องมือที่เป็นพลาสติกบางๆ แกะออกมาได้ และภายในจะเป็นแบบในภาพนี้เลย การจัดวางสิ่งต่างๆ ทำได้ลงตัวดี กับชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus พัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัวและฮีตไปป์ที่วิ่งมาแบบเรียบง่าย

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดวางชิ้นส่วนต่างๆ เรียกว่าเต็มพื้นที่ภายในมาเลยทีเดียว โดยเฉพาะพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว และฮีตไปป์ ที่ช่วยในการระบายความร้อนกับเทคโนโลยี ASUS IceCool Plus โดยมีฮีตไปป์ 2 เส้น วิ่งผ่านระหว่างซีพียู และกราฟิก ซึ่งอาจจะดูน้อยไปบ้าง ถ้าเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เยอะกว่าโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป เพราะมีพัดลมให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านบนเป็นแรมระบบ LPDDR5 4800 ความจุ 16GB ติดตั้งมาบนบอร์ดให้แล้ว แต่ไม่มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้ อย่างไรก็ดีแรมระดับ 16GB นี้ ก็มากพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นแรม DDR5 ที่มีความเร็วและแบนด์วิทธิ์ที่กว้างกว่า DDR4 พอสมควร การใช้งานที่ต้องการทั้งความเร็ว และทำงานร่วมกับปริมาณข้อมูลเยอะๆ จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

ถัดลงมาจากพัดลม ก็จะมี Storage ที่เป็น SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 มาให้ ความจุ 512GB และมีให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบความเร็วอยู่ในระดับ 3,000MB/s (Read) ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่จัดการซอฟต์แวร์และงานต่างๆ ได้ในระดับที่ดี รวมถึงการเปิดเครื่อง และเข้าโปรแกรมอีกด้วย ส่วนการอัพเกรดต้องใช้การถอดเปลี่ยนตัวเดิมเท่านั้น

ASUS Vivobook Pro 15

โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 ยังได้รับการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD 810H เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ ว่ารองรับงานในสภาพแวดล้อมชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การสั่นสะเทือน เช่น การวางในรถหรือใกล้เครื่องจักร ตกกระแทก ความร้อนสูง หรือมีความเย็นและเมื่อต้องเจอกับความชื้นก็ตาม


Performance / Software

CPUz1

CPUz รายงานว่าเป็นซีพียู Intel Core i7-12650H เป็นซีพียูในตระกูลของเกมมิ่ง ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง ทำงานในแบบ 10 core/ 16 thread สำหรับการใช้งานแบบมัลติทาส์กกิ้ง ความเร็วในการบูสท์ได้สูงสุดถึง 4.7GHz เหมาะกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มนี้ เพราะค่าการใช้พลังงานไม่สูงมาก และ Max. สูงสุดแค่ 115W เท่านั้น พอที่จะให้ทำงานแบบโหดๆ ในช่วงที่ไม่ได้เสียบชาร์จได้พอสมควร เพราะแบตให้มาถึง 70Whr

CPUz3 1

ASUS Vivobook Pro 15 ให้แรมระบบมา 16GB เป็นแบบ LPDDR5 ซึ่งถือว่าจัดจ้านในย่านราคากับกลุ่มโน๊ตบุ๊คเดียวกัน ซึ่งความจุระดับนี้ ก็ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้แล้ว โดยเฉพาะงานที่ต้องการทั้งแบนด์วิทธิ์ และความเร็ว เช่นการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ มีไฟล์จำนวนมาก และการเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น ภาพหรือวีดีโอ รวมถึงการเปิดโปรแกรม ก็จะไหลลื่นมากขึ้น อย่างไรก็ดีเท่าที่เราเข้าไปเช็ค ไม่มีสล็อตสำหรับการอัพเกรด แต่ระดับ 16GB เท่าที่ทดสอบ รองรับความต้องการในชีวิตประจำวันของคุณได้เลย

CPUz3 2
CPUz2 2

GPUz สำหรับกราฟิกนั้นมีให้ทั้ง 2 แบบคือ Intel Iris Xe ที่มีอยู่ในซีพียู ซึ่งรองรับการใช้งานพื้นฐาน และความบันเทิงทั่วไป นอกจากนี้สำหรับเหล่าเกมเมอร์ ASUS ก็ให้กราฟิกแยกมาด้วยในรุ่น GeForce RTX3050Ti ซึ่งมาพร้อม VRAM GDDR6 4GB และเป็นตัวท็อปสุดของสายนี้ เพราะยังมี RTX3050 รุ่นน้อง ซึ่งเป็นรุ่นรอง และมีอยู่ในโมเดลของ ASUS รุ่นนี้ด้วย ราคาประมาณ 38,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15

CrystalDiskMark ให้ผลการทดสอบอยู่ในะดับที่ดี กับการอ่านข้อมูล 3,000MB/s และเขียน 1,600MB/s โดยประมาณ ซึ่งผลที่ได้ถือว่าทำได้ดีกว่า Vivobook 16 ที่เคยทดสอบมาเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 แต่ก็ตอบโจทย์ในงานต่างๆ ได้ดีไม่น้อยเลย การเปิดโปรแกรมและเกมก็ทำได้รวดเร็วดี แต่ถ้าใครจะอยากเพิ่มความเร็วมากขึ้น ลองเป็น SSD PCIe 4.0 ก็ช่วยได้มากเลยครับ

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบโดยรวมของระบบบน PCMark10 ที่แสดงให้เห็นศักยภาพในการทำงานในชีวิตประจำวัน โดยตัวเลขส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะกับ Essential ที่เป็นการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐานในชีวิตประจำวัน และด้าน Productivity ที่ทำคะแนนไปได้ถึง 8,564 ส่วน Digital Content ที่เป็นงานในด้านมัลติมีเดีย การเรนเดอร์วีดีโอ ซีพียูและแรมมีส่วนสำคัญ ก็ทำไปได้ถึง 7,651 ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานในด้านนี้ได้มากทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบ ASUS Vivobook Pro 15 ด้วยโปรแกรม CINEBench ซึ่งเป็นตัวแทนของ CINEMA4D ซีพียูสามารถให้ประสิทธิภาพได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการทำงานที่มี Core/Thread จำนวนมากแบบนี้ ก็ทำให้มีความลื่นไหลมากขึ้น เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับใกล้เคียง ถือว่า Intel Core i7 นี้ มีความโดดเด่นไม่น้อยเลยในหลายการทดสอบ ในโหมดของการทำงาน อย่างเช่น เรนเดอร์ 3D และตัดต่อวีดีโอ ก็ยังไปได้สวย สำหรับสาย Content Creator ที่กำลังเริ่มต้นกับงานวีดีโอพื้นฐาน ทำคลิปง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หรือทำพรีเซนเทชั่นเพื่อนำเสนอกับลูกค้า

Ray Bench scaled

การทดสอบ V-RAY ด้วยการเรนเดอร์กราฟิก 3 มิติทั้งในส่วนของซีพียูและ GPU ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ V-RAY CPU ได้ที่ 12730Ksample และ V-RAY GPU 201Mpaths

Game test 1

ผลที่ได้จากการทดสอบด้วยเกม 3 มิติ ASUS Vivobook Pro 15 ถือว่าไหลลื่นดีทีเดียว จากการทดสอบบน Settings Medium และ Balance บนความละเอียด Full-HD 1080p ส่วนของเกมที่ใช้สเปคหนักหน่อยอย่าง SCUM ก็ไปได้เกือบ 100fps. และเฉลี่ยที่ราว 82fps. ภาพออกมาสวยเนียนดีทีเดียว ซึ่งขยับมาเล่นที่ High พอได้ แต่อาจจะต้องเซ็ตค่า Detail บางอย่างลง เพื่อให้ได้อยู่ที่ 50fps ก็ดูสวย ส่วน Resident Evil Village เกมนี้ก็เล่นได้อย่างสบายตา เมื่ออยู่ในโหมดนี้ ลดความหลอนไปได้ระดับหนึ่ง กับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว นิ่งๆ อยู่ที่ 140fps. สำหรับ Average เกมนี้คุณตั้ง High ก็ยังสนุกได้ เพราะจากที่ได้ลองก็มีระดับ 90fps++ ไหลลื่นสนุกได้เต็มที่

ทำงานด้านตัดต่อวีดีโอ: เรา Export Video ด้วยไฟล์ 4K 30fps. ได้ลื่นไหล พรีวิวได้ไม่สะดุด เมื่อใช้งานร่วมกับ Adobe Premier Pro เรื่องการแต่งภาพทำได้อยู่แล้ว หน้าจอ OLED สีตรง ให้ความมั่นใจได้ในงานด้านนี้

MyASUS1

เพิ่มเติมให้อีกนิดสำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ กับซอฟต์แวร์ MyASUS ตั้งแต่การเช็คฮาร์ดแวร์ มอนิเตอร์ระบบ ดูเรื่องการรับประกัน การขอคำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา รวมไปถึงการเปิด-ปิดฟีเจอร์ และจูนอัพระบบมีมาให้ครบ ยังไม่รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ที่คุณจะได้รับเป็นพิเศษ และข่าวสารจากทาง ASUS อีกด้วย แนะนำให้ใช้ครับ เพราะรวมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คุณใช้ในการปรับแต่งระบบไว้ในนี้แล้ว หน้าตาอินเทอร์เฟสก็ดูใช้งานง่าย สะดวกมากครับ


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook Pro 15

พื้นที่ด้านล่างเป็นจุดที่ใช้ดูดลมเย็นตามมาตรฐาน โดยเป็นช่องลมขนาดเล็ก ดูดลมเย็นเข้ามาในระบบ โดยในแต่ละช่องจะมีทั้งช่วงที่เปิดและปิดเอาไว้ เข้าใจว่าออกแบบให้ตรงตามจุด ที่เป็นช่องทางระบายลมเข้าสู่พัดลม และช่วงที่เป็นฮีตไปป์ โดยปิดในช่องที่เป็นฮาร์ดแวร์สำคัญเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย

ASUS Vivobook Pro 15

ช่องทางลมออก จะอยู่ทางด้านหลัง ส่วนใต้ของจอภาพ แต่จะถูกผลักออกทางด้านล่าง ตามช่องทางที่บังคับเอาไว้ ซึ่งจะอยู่ทางด้านหลังซ้ายและขวา โดยจะไม่ได้ดีไซน์ออกทางด้านข้าง อย่างเช่นบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดเตรียมระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า ASUS IceCool Plus มาบน ASUS Vivobook Pro 15 กับใบพัดขนาดเล็กจำนวนมาก พร้อมตัวครอบลดเสียง ซึ่งจากการทดสอบใช้งาน ในโหมด Full load เมื่อรันทั้งซีพียู และกราฟิกการ์ด ผ่านทาง Furmark เสียงรบกวนแม้จะมีความดังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่ารบกวนแต่อย่างใด และระบบยังจัดการเรื่องความร้อนได้ดีอีกด้วย

BatteryMon

แบตเตอรี่ที่ติดมากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell 70Whr ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างใหญ่ สำหรับโน๊ตบุ๊คในระดับเีดียวกัน และยังมากกว่าใน Vivobook 16 ที่เราได้รีวิวไป แต่ในส่วนหนึ่งก็เพราะการเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีกราฟิกแยก ที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นนี้ ทำให้มีระยะการทำงานได้นานขึ้น ซึ่งในการทดสอบของเรา ยังคงเป็นมาตรฐาน นั่นคือ การเปิดเสียงและระดับความสว่างที่ประมาณ 20% เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง และจำลองด้วย Video Playback ด้วยการเล่นวีดีโอ 4K ต่อเนื่องและวัดผลด้วยโปรแกรม BatteryMon ซึ่งผลที่ได้ รายงานว่าอยู่ในระดับ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะถ้าหากใช้และสลับการสแตนบายไป ก็น่าจะได้ถึง 7-8 ชั่วโมง

ASUS Vivobook Pro 15

ในแง่ความบันเทิง โดยเฉพาะในเรื่องของเสียง ASUS Vivobook Pro 15 OLED ก็จัดเตรียมมาเอาใจคอบันเทิงแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบเสียง Dolby Atmos ที่เพิ่มมิติของเสียงได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยากได้รายละเอียดของเนื้อหา อย่างเช่น การชมภาพยนตร์ ซึ่งจากที่เราได้ลองกับการชมภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง ความโดดเด่นน่าจะอยู่ที่การเพิ่มรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในฉาก เช่น แรงกระแทกจากรถชน และเสียงของกระจกที่แตกกระจาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ยังให้ความชัดเจนได้ดี หรือจะเป็นลมหายใจของ Indominus rex กับเสียงที่แรพเตอร์สื่อสารกัน และฉากการเปลี่ยนร่างของเหล่าออโตบอท ที่ออกมาน่าติดตามมากขึ้น และอีกส่วนที่มีบทบาทไม่แพ้กันก็คือ ระบบเสียงสเตอริโอจาก Harman Kardon ที่ทำให้เอฟเฟกต์เสียงดุดันมากขึ้น คอเกมได้ประโยชน์ เวลาที่อยากได้ความตูมตาม และ Smart Amp ที่ติดมากับลำโพง ที่ยิงลงพื้นสะท้อนขึ้นมา การเพิ่มเลเวลเสียงได้หนักหน่วง แทบไม่มีอาการแตกพร่า เรียกว่าดูหนัง เล่นเกม หรือจะสนทนาออนไลน์ ได้แบบเต็มอิ่ม

Temp

ทดสอบการระบายความร้อนบน ASUS Vivobook Pro 15 OLED ด้วยการรัน CPU Burner บน Furmark ด้วยการให้ซีพียูทำงานแบบ 100% หรือ Full load อย่างเต็มที่ทุกคอร์ ในห้องอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งผลที่ได้นั้นบางจังหวะ ที่ขึ้นไปถึงระดับ 90++ องศาเซลเซียส และลดลงมาเป็นระยะ สำหรับ Core P ที่ทำงานหนักสุด จะอยู่ที่ราวๆ 92-94 องศาเซลเซียส ที่เป็น Package อยู่ที่ 89-92 องศาเซลเซียส แต่อย่างที่ได้แจ้งไปในทุกครั้งคือ นี่เป็นการเร่งการทำงานของซีพียูระดับ 100% ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งโดยปกติที่เราใช้งานกันอยู่ในทุกวัน แทบจะไม่ได้เจอกับสภาพการทำงานเช่นนี้ เช่น ทำไฟล์เอกสารจะอยู่ที่ราว 20-30% และการเล่นเกม ก็ไปที่ประมาณ 40-60% เท่านั้น ซึ่งก็ทำให้อุณหภูมิไม่ได้สูงแต่อย่างใด

ASUS Vivobook Pro 15


Conclusion / Award

ในภาพรวม ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นนี้ ให้คะแนนเรื่องจอนำมาก่อนเลย และดูจะตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมชัดกับ Resolution 2.8K บนจอ 15.6″ มีความลงตัวอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่คุณจะได้ นอกเหนือจากภาพที่มีความละเอียดสวยงามแล้ว ยังให้พื้นที่แสดงผลที่มากขึ้น การจัดวาง Tools บนโปรแกรมทำงานด้านภาพและวีดีโอ คุณจะเลือกใช้เครื่องมือทำงานได้ง่ายกว่า Full-HD อยู่มากทีเดียว สีสันโดดเด่นมาแต่ไกล แบบที่ไม่ต้องไปใส่ใจเปิด HDR ในฟีเจอร์ของ Windows ด้วยซ้ำ จากที่ได้ลองใช้กับการสตรีมมิ่งวีดีโอระดับ 4K การให้สีที่เด่นชัด พื้นหลังดำ ก็ดำสนิท การเกลี่ยสีที่ดูสบายตา ทำให้ดูหนังได้แบบเพลินๆ หรือจะใช้ในงานวีดีโอและการตกแต่งภาพ ขอบเขตสีและความเที่ยงตรงของสีในระดับ DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 คือเติมสิ่งที่หลายคนได้ขาดไปกลับมาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นกับการเป็น Content Creator มีงบไม่มาก อยากได้โน๊ตบุ๊คทำงาน สีตรง และพกพาได้ ตัดต่อสะดวก

นอกจากนี้ก็ยังได้ Windows 11 Home คู่มากับ Office Home and Student 2021 พร้อมกับ Perfect Warranty ที่ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุมาด้วย สนนราคาของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นที่เราได้มาทดสอบนี้ เป็นซีพียู Intel Core i7 และ RTX 3050 Ti ราคาอยู่ที่ 43,990 บาท และอีกรุ่นจะราคาน่าสนใจเช่นกัน 38,990 บาท ได้เป็น Intel Core i5 และ RTX 3050 องค์ประกอบอื่นไม่ต่างกัน ส่วนตัวแนะนำรุ่นท็อปที่เรารีวิวนี้ เพิ่มเงินประมาณ 5 พันบาท แต่ได้เพิ่มซีพียูกับกราฟิกที่แรงขึ้นอีกดูลงตัวมากกว่า

award new multi media

แม้ว่าทางของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED นี้ จะมาในแนวของ Content Creator หรือแนวกึ่งไลฟ์สไตล์ เพื่อการสร้างสรรค์ก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่าด้วยจอ OLED นี้ตอบโจทย์ในด้านมัลติมีเดียได้ดีไม่แพ้เรื่องของขุมพลังอย่าง Intel Core i7 ที่มีมาให้ รวมถึงยังมีกราฟิก GeForce RTX เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งการ์ดจอนี้ ช่วยในด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในการเล่นเกม จอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด 2.8K ก็ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ได้ Certified Display HDR True Black 600 มีรายละเอียดที่น่าติดตาม และฟีเจอร์อย่างระบบเสียง Dolby รวมถึงลำโพง Harman Kardon ที่มาพร้อมแอมป์ในตัว เพิ่มพลังเสียงให้กับการชมภาพยนตร์และการเล่นเกมได้อย่างสนุก เมื่อรวม 3 สิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ทำให้รางวัลนี้ ดูเหมาะสมอย่างยิ่งกับโน๊ตบุ๊คจาก ASUS รุ่นนี้

from:https://notebookspec.com/web/667714-asus-vivobook-pro-15-oled

ASUS Vivobook 16 รีวิวโน๊ตบุ๊คจอกว้าง กาง 180 ทำงานเช็คหุ้น ดูหนังก็ปัง! พลัง Ryzen 5

ASUS Vivobook 16 จอกว้าง พอร์ตเยอะ ทำงานหรือบันเทิงก็ลงตัว ฟีเจอร์ครบ Ryzen 5 แค่ 22,990.-

ASUS Vivobook D1603Q cov6

ASUS Vivobook 16 การที่มีเครื่องมือช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา การเลือกโน๊ตบุ๊คสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายก็เช่นกัน ASUS Vivobook เป็นไลน์โน๊ตบุ๊คกลุ่มไลฟ์สไตล์ ซึ่งเวลานี้มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เช่นเดียวกับ ASUS Vivobook 16 ที่เรานำมาให้ชมกันในวันนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด 1920×1200 ในแบบ 16:10 กางออกได้ 180 องศา เพื่อแชร์ไดเดียเด็ดๆ ของคุณให้คนอื่นๆ ได้ชม ยกขุมพลังซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ที่ถือว่าเป็นซีรีส์ของเกมมิ่งมาให้ผู้ใช้ได้ทำงานต่างๆ ลื่นไหลมากขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีการระบายความร้อนมาเป็นพิเศษ ลดเสียงรบกวน จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบและใช้วัสดุแข็งแรง น้ำหนักเบาแม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีจอใหญ่ก็ตาม และเคลือบสารป้องกันแบคทีเรียมาด้วย กล้องเว็บแคมที่ให้ความเป็นส่วนตัว ปิดการใช้งานได้ด้วยปลายนิ้ว และคีย์บอร์ด ErgoSense ให้มุมการกดที่เข้ากับสรีระ การกดที่นุ่มนวล และตอบสนองได้ดี เพิ่มความเร้าใจด้วยระบบเสียง ASUS SonicMaster เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงที่มีให้อย่างครบครัน และการเชื่อมต่อไร้สายอีกมากมาย พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ในตัว และการรับประกัน 2 ปี กับราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท


จุดเด่น

Advertisementavw
  • ให้พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 16″
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ให้ซีพียูระดับเกมมิ่ง AMD Ryzen 5 5600H
  • มีสล็อตอัพเกรดแรมเพิ่ม
  • ขอบจอบางมาก มี Privacy shutter มาให้
  • มีพอร์ต USB Type-C มาให้
  • กราฟิกพอเล่นเกมพื้นฐานได้ในระดับ 30-40fps
  • แบตค่อนข้างอึด 50Whr ใช้ได้ราวๆ 8-9 ชั่วโมง

ข้อสังเกต

  • ถ้ามีพอร์ต LAN RJ-45 เพิ่มมาให้ก็น่าจะดี

ASUS Vivobook 16 D1603


Specification

ASUS Vivobook 16 รายละเอียดผลิตภัณฑ์
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 5 5600H Mobile Processor (6-core/12-thread, 19MB cache, up to 4.2 GHz max boost)
กราฟิก AMD Radeon™ Vega 7 Graphics
จอภาพ 16.0-inch, WUXGA (1920 x 1200) 16:10, IPS-level Panel, 300nits, 45% NTSC color gamut for non-OLED, Anti-glare display, Screen-to-body ratio86 %
หน่วยความจำ 8GB DDR4 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
ช่องเสียบ 1x DDR4 SO-DIMM slot
การเชื่อมต่อ 1 x USB 2.0 Type-A
1x USB 3.2 Gen 1 Type-C
2 x USB 3.2 รุ่น 1 Type-A
1 x Micro HDMI 1.4
1x 3.5mm Combo Audio Jack
คีย์บอร์ดและทัชแพด Chiclet Keyboard with Num-key, 1.4mm Key-travel, Touchpad
กล้อง 720p HD camera
With privacy shutter
เสียง SonicMaster
with Cortana and Alexa voice-recognition support
การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน 50WHrs, 3S1P, 3 ก้อน
พาวเวอร์ซัพพลาย ø4.5, 90W AC Adapter, Output: 19V DC, 4.74A, 90W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
น้ำหนัก 1.88 kg
ขนาด (กxยxส) 35.84 x 24.77 x 1.99 ~ 1.99 cm
แอปที่มาพร้อมเครื่อง MyASUS
คุณสมบัติ MyASUS System diagnosis
Battery health charging
Fan Profile
Splendid
Function key lock
WiFi SmartConnect
Link to MyASUS
TaskFirst
Live update
ASUS Intelligent Performance Technology
AI Noise Canceling
Microsoft Office รวม Office Home และ Student 2021
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Regulatory Compliance
Energy star
ความปลอดภัย BIOS Booting User Password Protection
Trusted Platform Module (Firmware TPM)
BIOS setup user password
ภายในกล่อง Backpack
ราคา 22,990 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 D1603Q รุ่นนี้ มาในโทนสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็นสีประจำรุ่นก็ว่าได้ รวมไปถึงโน๊ตบุ๊คกลุ่มธุรกิจ อย่างเช่น ExpertBook ในหลายๆ รุ่น ซึ่งถือว่าค่อนข้างโดดเด่น และดูจะเข้ากันได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะใช้งานในออฟฟิศ ออกไปนั่งร้านกาแฟ หรือจะไปพบลูกค้านอกสถานที่ ส่วนตัวค่อนข้างชอบสีนี้ เพราะเห็นเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก และดูสุขุมเลยทีเดียว เช่นเดียวกับบอดี้ ที่ยังคงความกระทัดรัดเอาไว้ แม้ว่าจะอยู่ในแนวของโน๊ตบุ๊ค 16″ ก็ตาม

ASUS Vivobook 16

โคงสร้างหลักแข็งแรง Cover ยังคงเป็นแบบ ABS แต่จะไม่ได้เป็นซอฟต์ทัชแบบเดียวกับใน Zephyrus แต่เรื่องของสีสัน จะดูเป็นแบบสีด้าน ไม่มันเงา ไม่ต้องกลัวเรื่องริ้วรอยมากนัก ส่วนบอดี้หลักจะมีทั้งเป็นโลหะในบางส่วน ทำให้สัมผัสแข็งแรง และให้ความยืดหยุ่นพอสมควร มีการลบเหลี่ยมมุม เพื่อให้บอดี้ดูมีความบางและเล็กลงอีกด้วย สังเกตได้จากขอบด้านข้างทั้ง 4 ด้าน รวมถึงด้านใต้ของพอร์ตทั้ง 2 ด้าน

ASUS Vivobook 16

กรอบบานของหน้าจอบางเป็นพิเศษ ในส่วนนี้ ASUS เคลมว่าให้สัดส่วนพื้นที่หน้าจอแสดงผลมากถึง 86% เมื่อเทียบกับบอดี้ทั้งหมด ซึ่งดูแล้วเป็นผลดีสำหรับผู้ใช้ทั้งในงานเอกสาร ท่องเว็บหรือจะเน้นความบันเทิง เพราะไม่มีเรื่องของขอบหนาๆ มาทำให้เสียอรรถรสและยังมีส่วนทำให้บอดี้โดยรวมเล็กลงอีกด้วย

ASUS Vivobook D1603Q 36

มาพร้อมกล้องเว็บแคมความละเอียด HD พร้อมไมโครโฟน แต่ไม่รองรับการล็อคอินด้วยใบหน้าผ่านทาง Windows Hello พร้อมที่ปิดกล้อง privacy shutter โดยมีไมโครโฟน และมีไมโครโฟน ASUS AI Noise-Canceling ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนที่จะแทรกเข้ามาขณะใช้งานได้หลายรูปแบบ ร่วมกับเทคโนโลยี Ai

ASUS Vivobook 16

คีย์บอร์ด ASUS ErgoSense ในแบบ Full-size จัดเต็ม ถูกวางไว้จนเกือบเต็มพื้นที่กับปุ่มขนาดใหญ่ กดพิมพ์ได้ง่าย ดูสบายตากับฟอนต์ที่คมชัด และวางฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึงฮอตคีย์ให้ใช้งานอีกเพียบ ไม่ว่จะเป็นการเปิด-ปิดฟังก์ชั่น เพิ่มลดระดับเสียง แสงสว่าง รวมถึงมี Numberpad มาให้พร้อมใช้ จะขาดไปบ้างก็น่าจะเป็นเรื่องแสงไฟ Backlit แต่ก็ดูแล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าซีเรียสมากนักกับการใช้งานในแต่ละวัน

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 มีพอร์ตต่อพ่วงให้มาตามมาตรฐาน และน่าจะเยอะมากพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน โดยมี USB Type-A ให้ถึง 3 พอร์ตด้วยกัน และเพิ่ม USB-C มาด้วย แต่เน้นที่การถ่ายโอนข้อมูลเป็นหลัก รวมถึง HDMI นอกนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย WiFi 6 ax และ Bluetooth ซึ่งเรียกว่าพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อในเกือบทุกรูปแบบ

ASUS Vivobook 16

บานพับหน้าจอแข็งแรงและโดดเด่นในเรื่องของการกางออกได้ถึง 180 องศา ด้วยการออกแบบที่เรียกว่า lay-flat hinge เพื่อการแชร์ข้อมูลให้กับคนอื่นรอบข้างได้ดูพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงกับแนวคอนเซปต์ของทาง ASUS ในการใช้งานในสำนักงานหรือจะเป็นด้านความบันเทิงภายในบ้านก็ตาม นอกเหนือจากหน้าจอในแบบ IPS ให้มุมมองกว้างขึ้น และจอขนาดใหญ่ การกางได้แบบนี้เป็นผลดีต่อการใช้งานมากขึ้น

ASUS Vivobook 16

ปุ่ม Enter ที่ใส่โลโก้ในแบบดั้งเดิมที่ทาง ASUS ออกแบบไว้ ซึ่งในความหมายจะคล้ายๆ ว่า เมื่อคุณพร้อม ก็กด Enter เพื่อเข้าสู่การทำงานกันดีกว่า หรือคล้ายเป็นการยืนยันว่า มั่นใจก็กดปุ่ม Enter เพื่อจบงานของคุณกันเถอะ ประมาณนี้

ASUS Vivobook 16

ฝาปิดด้านใต้เป็นโครงโลหะซ่อนอยู่กับบอดี้ที่เป็น ABS เจาะช่องดูดอากาศเย็นด้านใต้เครื่อง และปิดบางจุดเอาไว้ เพื่อเป็นการบังคับทิศทางลม และป้องกันชิ้นส่วนด้านใน เป็นช่องลมที่เรียบง่าย ต่างจากใน TUF Gaming และมีแถบยางที่เป็น Feet ยกตัวโน๊ตบุ๊คให้สูงขึ้นเล็กน้อย

ASUS Vivobook 16

ภายในจัดมาแบบหลวมๆ ไม่ได้แน่นจนเกินไป มีลักษณะการวางองค์ประกอบบางอย่างให้ทำงานได้ดีมากขึ้น และมีสล็อตแรมสำหรับการอัพเกรดได้ โดยทาง ASUS ใช้ระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า IceCool technology ที่มาพร้อมใบพัดขนาดเล็ก เสียงรบกวนต่ำ และมีช่องระบายลมร้อนออก บริเวณด้านข้างซ้ายของโน๊ตบุ๊คอีกด้วย

ASUS Vivobook 16

อแดปเตอร์ชาร์จไฟให้มาไซส์ใหญ่แบบเดียวกับบน ASUS Vivobook 15 แต่ขยับมาเป็น 90W 4.74A ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีทีเดียว และขนาดเล็กกระทัดรัดประมาณฝ่ามือเท่านั้น น้ำหนักแค่ 300g จัดว่าเบาและสะดวกต่อการพกพาไม่น้อย สายไฟเป็นแบบยางเคลือบ ทนการพับงอได้ดี ความยาวประมาณ 1.50m

ASUS Vivobook 16

บอดี้โดยรวมถือว่าค่อนข้างลงตัว มิติอยู่ที่ประมาณ 35.84 x 24.77 และน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องราวๆ 1.8Kg เท่านั้น


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook 16

ชุดคีย์บอร์ดมาในแบบ Chiclet Island ที่แยกส่วนและมีระยะห่างกันกำลังดี เหมาะทั้งสายพิมพ์งานยาวๆ แบบสัมผัส หรือผู้ใช้ทั่วไป ให้แรงกดไม่ลึกมากนัก มีการสะท้อนพอเหมาะ ซึ่งจะคล้ายๆ กันเกือบทั้งหมดในสายทำงานอย่าง Vivobook แต่จะกดลึกกว่า Zephyrus เล็กน้อย ขณะที่มีการตอบสนอง ปุ่มมาในแบบ Full-size ซึ่งมี NumberPad มาในตัว แต่จะไม่มีแสงไฟ Backlit มาให้

ASUS Vivobook 16

ปุ่มคีย์บอร์ดมีความน่าใช้ ใครที่เป็นคนที่พิมพ์แล้วต้องมองแป้นพิมพ์น่าจะชื่นชอบไม่น้อย นั่นก็เพราะตัวฟอนต์ที่ทำออกมาใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน วางเลย์เอาท์ได้ลงตัว ปุ่ม Tab และ Accent อาจจะเล็กไปนิด แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ง่าย

ASUS Vivobook 16

ปุ่ม Spacebar ตรงกลาง ไม่ยาวนัก แต่ก็ใช้งานได้สะดวกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้พิมพ์เป็นหลัก เพื่อให้การจัดวางปุ่ม Ctrl และ Alt ได้ใกล้มือยิ่งขึ้น

ASUS Vivobook 16

ส่วนทาง NumberPad ที่ประกอบไปด้วยปุ่มตัวเลขต่างๆ มี โดยยกแถบของ -, + เอาไว้ด้านบน และบรรดาเครื่องหมายพิเศษต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกติดนิดหน่อยตรงปุ่ม Arrow ด้านล่าง ที่มีให้แบบครึ่งปุ่มเท่านั้น เล็กไปนิดนึง

จะเห็นว่าตรงปุ่ม Enter ค่อนข้างจะโดดเด่น เพราะมีการใส่ลายเส้นอารมณ์แบบป้าย Slate เวลาที่ถ่ายหนังเข้าไปด้วย ประมาณว่า กดสิ รออะไร เราจะได้เริ่มลุยงานกันเลย น่าจะประมาณนี้ โดยตัวปุ่มเกือบจะไปเชื่อมกับปุ่ม ฃ และ ฅ ทำให้มีพื้นที่ปุ่มมากขึ้นอีกนิด กดได้แม่นขึ้น

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 วางส่วนฮอตคีย์ที่อยู่ด้านบนก็เรียกว่ามีให้เกือบครบ หากต้องการใช้ปุ่ม F1-F12 แบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องกด Fn สามารถเปิด ไม่อยากกด Fn ค้าง สามารถกดเลือก Hotkey priority mode ได้ ด้วยการกด Fn+Esc สลับปุ่ม Function Hotkey กับ F1-F12 ตามปกติ ซึ่งเมื่อกดสลับแล้วบนหน้าจอจะมีหน้าต่างแสดงการสลับการทำงานระหว่างปุ่ม F1-F12 หรือ Function Hotkey แสดงขึ้นมาบนหน้าจอให้เราได้ทราบอีกด้วย ทีนี้ก็จะกดที่ฮอตคีย์ได้ทันที ไม่ต้องกดพร้อมปุ่ม Fn

ASUS Vivobook D1603Q 49 1

ส่วนปุ่มฮอตคีย์นั้น ประกอบด้วย เปิด-ปิดเสียง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงสว่างหน้าจอ, เปิด-ปิดทัชแพด, ต่อสัญญาณจอภายนอก, ไมโครโฟน, กล้องเว็บแคม, เรียกใช้ MyASUS และ จับภาพหน้าจอ

ASUS Vivobook 16

ทัชแพดขนาดใหญ่ประมาณ 8.5 x 13cm ถือว่ากว้างขวางทีเดียว หากเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ที่ใช้อยู่ ต่างกันอยู่พอสมควร ซ่อนปุ่มกดซ้าย-ขวาเอาไว้ และใช้ Multi-Gesture ได้อีกด้วย เรียกว่าเอาใจสายท่องเน็ต ดูหนังและการเรียนออนไลน์ได้ดีทีเดียว

สติ๊กเกอร์มีอยู่เป็นปกติบนโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ก็เช่นกัน นอกจากพื้นที่วางมือขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีบรรดาสติ๊กเกอร์อย่าง AMD Ryzen 5, Perfect Warranty, และ Office Home and Student มาให้คุณได้ใช้ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม รวมถึงอธิบายฟีเจอร์ที่มีอยู่มากมายบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ อาทิ กางได้ 180 องศา, มี Ai Noise cancelling หรือจะเป็น MyASUS, Physical webcam privacy เป็นต้น


Screen / Speaker

ASUS Vivobook 16

จอแสดงผลของ ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ มาในไซส์ที่ใหญ่กว่าปกติ อยู่ที่ระดับ 16″ พื้นที่การทำงานมากขึ้นกว่าเดิม และเป็น Ratio หรือสัดส่วนแบบ 16:10 ให้พื้นที่แนวยาวที่มากขึ้น ด้วยความเป็นจอใหญ่ และขอบจอที่บางมาก จึงทำให้มีพื้นที่การแสดงผลที่มากขึ้น

ASUS Vivobook 16 ให้อารมณ์ในการดูหนัง หรือต้องเปิดไฟล์ภาพ และการพรีเซนเทชั่น จึงดูอิ่มเต็มตา คือเรื่องการให้ความสำคัญของ ASUS ในเรื่อง Screen-to-Body บอกได้เลยว่า ทำให้ ASUS ดูน่าสนใจมากขึ้นในหลายๆ รุ่น และหน้าจอแบบนี้ ทำให้การแบ่งหรือ Split Window รวมถึงการใช้ประชุมออนไลน์ มองเห็นสมาขิกได้จำนวนมากและชัดกว่าเดิม โดยเฉพาะคุณครู ที่ต้องดูลูกศิษย์ขณะที่สอนงาน บอกเลยว่าน่าจะชอบเป็นพิเศษ

ASUS Vivobook 16

ขอบด้านล่างยังถือว่าค่อนข้างบาง เพราะมีพื้นที่กรอบอยู่เล็กน้อย กว้างราว 1.5cm เท่านั้น ซึ่งทำให้ตัวจอมีมิติกว้างขึ้น และดูไม่เกะกะสายตา พร้อมโลโก้ ASUS Vivobook สีขาวบนพื้นสีดำ

ASUS Vivobook 16
Webcam1
Physical Webcam Shield

กล้องเว็บแคมนี้ให้ความละเอียด 720p HD ที่ให้ความคมชัดในระดับหนึ่ง มาพร้อมกับ Privacy shutter ในแบบที่คุณใช้เลื่อนเปิด-ปิดหน้ากล้องได้ด้วยตัวเอง ใช้ก็เปิด ไม่ใช้ก็ปิด เป็นการป้องกันตัวเอง ในแง่ของการมีโทรจันหรือไวรัสที่ใช้ช่องทางเข้าถึงกล้องของเราได้ไม่ง่าย รวมถึงคนที่มักจะเผลอลืมปิดกล้องหลังประชุม หรือออนไลน์ทำงานอยู่

Webcam 1

ส่วนคุณภาพของกล้องเว็บแคม ก็เป็นไปตามตัวอย่างนี้ ความคมชัดอยู่ในระดับมาตรฐาน เรื่องแสงสีพอใช้ได้ แต่ถ้าคุณเซ็ตห้องหรือวางไฟ ให้มีความสว่างที่หน้าบ้าง ก็จะทำให้ดูสวยเนียนขึ้นได้อีกเยอะ เหมาะกับการประชุมหรือการเรียน หรือคุณจะใช้ในการนำเสนองานก็พอใช้ได้เช่นกัน

สำหรับไฮไลต์อย่างหนึ่งของโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้อยู่ที่ฟีเจอร์ 180° lay-flat hinge ที่สามารถกางหน้าจอออก 180 องศา มาพร้อมบานพับที่แข็งแรง โดยตัวจอที่กางออกนี้ เหมาะกับใช้ในโอกาสต่างๆ ได้มากมาย และถ้าจะให้ดี มีฟังก์ชั่นกลับภาพหน้าจอให้ได้เลย สำหรับแชร์ภาพให้คนตรงข้ามได้เห็น หรือแบ่งปันให้ดูกันได้หลายๆ คนก็คงจะดีไม่น้อย

ตัวอย่างภาพของเกม การสตรีมและการเล่นเกม เรารวมเอามาไว้ให้ได้ชมกัน ในส่วนของเกม ไม่มีติดขัด ยิ่งเป็นเกมสีสันสดใส เอฟเฟกต์อลังการอย่าง DOTA2, Overwatch, Apex หรือจะเป็นเกมอย่าง Diablo ก็ให้ภาพที่สวยงาม เพียงแต่ว่าในบางเกม ไม่สามารถอัพความละเอียด หรือเพิ่มความสวยงามเยอะๆ ได้ ตามสเปคของระบบ ส่วนการชมวีดีโอ ถือว่าทั้งรายละเอียดและความไหลเนียนของภาพ ทำได้ดี ดูได้เพลินตา และเมื่อเราลองปรับ HDR enable บน Windows ภาพที่ใด้ดูกลมกลืนมากขึ้น แม้จะไม่ได้ถูกวาง Certified ด้าน HDR มา แต่ Vivobook 16 นี้มีพื้นฐานของพาแนลมาดีพอสมควร เพราะให้ความต่างในการแสดงผลได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้สดใสแบบ HDR OLED แต่ถ้ามาดูพื้นฐานของจอบนโน๊ตบุ๊คราคาประมาณ 22,990 บาทนี้แล้ว จัดว่าเกินคาด

ASUS Vivobook 16

บน Display Properties บอกข้อมูลของ Resolution เป็น 1920 x 1200 ในแบบ Native อาจจะทำให้ดูฟอนต์ใหญ่อยู่บ้าง แต่สามารถปรับ Scale ให้เหมาะกับความชอบของคุณได้เลย

Display CAL 1 2

ในแง่ของสีสันและความสดใส รวมถึงความแม่นยำของค่าสี ที่จะนำมาใช้งานนั้น แนะนำว่า ถ้าใช้งานในห้องปกติ ปรับความสว่าง 60-70% ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรือถ้าชอบแนวสว่างชัดๆ ไปเลย ก็เพิ่มอีกเล็กน้อยตามสะดวก โดยใช้ฮอตคีย์ F4, F5 ส่วนในแง่ของความแม่นยำ เราใช้โปรแกรม DisplayCAL กับอุปกรณ์ทดสอบหลักอย่าง ColorChecker มาทดสอบ ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ครับ ค่า Gamut อยู่ที่ราวๆ 60% อยู่ในเกณฑ์พื้นฐานของจอโน๊ตบุ๊คทำงาน ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ หากเป็นในกลุ่ม Vivobook 15 ที่เป็น OLED หรือ Zephyrus ตัวเกมมิ่ง ก็จะทำได้ดีกว่า แต่อย่าลืมว่าราคาก็จะดีดเพิ่มขึ้นไป ส่วนถ้ามีความจำเป็นจะต้องทำงานเกี่ยวข้องกับด้านภาพและสีเพิ่ม ให้มองจอทำงาน ที่ต่อแยกเพิ่มดูจะเหมาะสมมากกว่า

แต่อีกค่าหนึ่งดูน่าสนใจเช่นกัน นั่นคือ ค่าความสว่าง ที่จอนี้ทำได้เมื่อเปิดสุด 100% ให้ผลทดสอบได้ถึง 361cd/m2 ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานในที่ที่แสงน้อย หรือมีแสงรอบข้างค่อนข้างมาก หรือคนที่ใช้งานนอกสถานที่บ่อย แต่กรณีที่ใช้ในสำนักงาน ปรับในระดับ 60-70% ที่มีแสงไฟรอบข้างเพียงพอ ก็มองเห็นได้ชัดแล้วครับ


Connector / Thin and Weight

ASUS Vivobook 16

ส่วนฝั่งทางด้านซ้ายของโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีเพียง USB 2.0 Type-A มาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น แต่ใช้พื้นที่ว่างอีกส่วนหนึ่ง มาเป็นช่องระบายความร้อน ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี การแยกฝั่งการใช้งานแบบนี้ เป็นผลดีหลายอย่าง ตั้งแต่การจัดระเบียบการต่อพ่วงอุปกรณ์ได้แล้ว ยังง่ายต่อการใช้ ไม่ต้องเกะกะอีกด้วย

ASUS Vivobook 16

โดยส่วนตัวการมี USB-C มาให้ก็จะเป็นการดีอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าได้เพิ่มฟังก์ชั่้น ที่นอกเหนือจากการถ่ายโอนข้อมูล ก็จะเป็นผลดีต่อผู้ใช้มากกว่าเดิม แม้ว่าการเติม Thunderbolt 4 เข้ามา อาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะอาจจะทำให้ราคาขึ้นไปเกินกว่า 25K ดังนั้นการเพิ่มบทบาทของ USB-C ก็ดูจะน่าสนใจไม่น้อย อย่างไรก็ดีหากผู้ใช้ไม่ได้ซีเรียส ก็อย่าลืมว่ายังมี HDMI ที่แสดงผลไปยังจอภายนอกได้อีกด้วย ก็พอจะตอบโจทย์ในด้านนี้ได้

ASUS Vivobook 16

ส่วนในเรื่องมิติและความบาง ASUS เคลมเอาไว้ว่า 1.99cm ก็เป็นเรื่องปกตินะของโน๊ตบุ๊คในระดับ 15.6″ หรือ 16″ แบบนี้ โดยเฉพาะการวัดในจุดที่หนาสุด เพราะอย่าลืมว่าโน๊ตบุ๊คจะต้องมีโครงสร้างส่วนหนึ่ง ในการรับภาระโดยรวมเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องเพิ่มความแข็งแรง และส่วนตัวก็มองว่าไม่ได้เป็นปัญหา หากจะใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้หรือใช้สะพายข้าง เพราะยังมีพื้นที่มากพอในการจัดวางสิ่งต่างๆ ได้ ไม่อึดอัดจนเกินไป

Weight 1
Weight 3

และน้ำหนักที่ได้ อยู่ที่ประมาณ 1.87Kg ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ในเว็บไซต์ของ ASUS อยู่ที่ 1.88Kg เมื่อรวมกับแอดปเตอร์ขนาดเล็กๆ น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ก็ทำให้โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ๆ แบบนี้ หนักประมาณ 2.1Kg เท่านั้น ยังอยู่ในเกณฑ์ของการพกพาได้ และอยู่ในระดับเดียวกับโน๊ตบุ๊ค 15.6″ อีกด้วย จะใส่กระเป๋าเป้เดินทาง ก็ยังพอไหว จะเป็นชายร่างใหญ่หรือสุภาพสตรีที่ยกบ้าง วางบ้าง แวะหาลูกค้าทำงาน และวางในรถยนต์ก็ไม่เกะกะ


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook 16

มาดูที่ด้านหลังหรือด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook 16 นี้กันก่อนจะไปแกะ เพื่อดูด้านในและการอัพเกรด สำหรับคนที่อยากจะลองทำด้วยตัวเอง สามารถใช้ไขควง 4 แฉกในการแกะได้ มีน็อตประมาณ 13 ตัวด้วยกัน ไขง่ายมาก ส่วนการแกะฝาปิดนั้น อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อย

ASUS Vivobook 16

เมื่อเปิดฝาออกมา จะเห็นด้านในเป็นเช่นนี้ โดยจะเป็นโครงที่มีชิ้นส่วนปกป้องอุปกรณ์ด้านในอยู่พอสมควร เช่น ขาล็อคน็อต, SSD module รวมถึงตะแกรงกรองฝุ่นในจุดที่เป็นพัดลม

ASUS Vivobook 16

ภายในของ ASUS Vivobook 16 เมื่อเปิดฝาออกมาทั้งหมดแล้ว ภายในเราจะได้เห็นเมนบอร์ดในไซส์ขนาดมาตรฐาน ซึ่งใช้พื้นที่ประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งหมดภายใน สำหรับการจัดวางชุดระบายความร้อน แม้จะเป็นแบบพัดลมเดียว และใช้ฮีตไปป์ทองแดงจำนวน 2 เส้น วิ่งคู่กันจากฮีตซิงก์ของซีพียู ผ่านมายังช่องพัดลม และไปยังครีบระบายความร้อน และให้พัดลมที่ดูดลมเย็นเข้ามา เป่าออกไปทางด้านข้างซ้าย และทาง ASUS ใช้เทคโนโลยี IceCool Thermal ช่วยในการระบายความร้อน

ASUS Vivobook 16

ใบพัดลมเป็นแบบ 87 ใบขนาดเล็กมากๆ และยังเป็น Liquid-crystal polymer ซึ่งถือว่าเป็นผลดี เพราะทำให้มีความแข็งแรง และเสียงรบกวนน้อย ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานทั้งในด้านของการเล่นเกม ดูหนังต่อเนื่องหรือในช่วงที่โหลดซีพียูหนักๆ ได้ดีพอสมควร

ASUS Vivobook 16

ช่องที่เป็นทิศทางลมออกอีกช่องหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลัง หรือใต้หน้าจอ เบี่ยงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย ช่วยให้การระบายอากาศทำได้คล่องตัวขึ้น

ASUS Vivobook 16

มาว่ากันที่การอัพเกรดกันบ้าง โดยพื้นฐาน ASUS Vivobook จะมาพร้อมกับแรมออนบอร์ด เช่นเดียวกัน รุ่นนี้มีมาให้ 8GB DDR4 แล้ว และยังมีสล็อตแรมเพิ่มให้อีก 1 สล็อต DDR4 SO-DIMM สำหรับการอัพเกรดอีกด้วย โดยเพิ่มได้อีกอย่างน้อย 24GB เมื่อรวมกับของเดิม

ASUS Vivobook 16

และอีกช่องหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ เดิมทาง ASUS ติดตั้ง SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 มาแล้ว 1 ตัว ความจุ 512GB ก็สามารถเพิ่มความจุ ด้วยการเปลี่ยนเป็น SSD ในรูปแบบเดียวกัน จะเพิ่มความจุหรือความเร็ว ก็ดูได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัว ถ้าคุณเป็นคนที่มีข้อมูลเยอะมาก ใช้โปรแกรมค่อนข้างหลากหลาย การเพิ่มเป็น SSD 1TB ก็ดูน่าสนใจ เพราะราคาเวลานี้ก็ถูกลงมาก 1TB ราคาเริ่มต้นประมาณ 3 พันบาทเท่านั้น

ASUS Vivobook 16

แบตเตอรี่ที่ให้มาเป็นแบบ 3-cell 50Whr ซึ่งอยู่ในเกณฑ์กลางๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คในขนาด 15.6″ หรือ 16″ ที่มีอยู่ในท้องตลาด เรื่องของระยะเวลาในการทำงาน สามารถเข้าไปดูในส่วนของการทดสอบ Battery / Heat / Noise กันได้เลยครับ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ บริเวณที่เป็นบานพับทาง ASUS ออกแบบมาเป็นแนวยาวตลอดทั้งบอดี้ และมีจุดยึดที่แข็งแรงพอสมควร ทำให้พอมั่นใจได้ว่า จะใช้ไปได้แบบยาวๆ เมื่อต้องเปิด-ปิดๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งคนที่ต้องเดินทางบ่อย น่าจะให้ความสำคัญในจุดนี้ด้วยเช่นกัน


Performance / Software

ASUS Vivobook 16

มาสู่โหมดการทดสอบ เริ่มที่ CPUz กับการรายงานข้อมูลฮาร์ดแวร์ โดยแจ้งเป็นซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ได้อย่างถูกต้อง ทำงานในแบบ 6 core/ 12 thread มีแคช L3 มากถึง 16MB ส่วนอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อเป็น PCI-Express 4.0 x16 แล้วนะ

ASUS Vivobook 16

แรมที่ติดตั้งมาเป็นแบบ DDR4 3200 ความจุ 8GB สามารถอัพเกรดเพิ่มเติมจากสล็อตที่มีมาให้บนเมนบอร์ดได้ แนะนำว่าถ้าคุณไม่ได้ติดเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก หรือต้องการประสิทธิภาพในงานที่มีการใช้ทรัพยากรเยอะ เช่น โปรแกรมแต่งภาพ เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือตัดต่อวีดีโอเบื้องต้น เพิ่มอีกสัก 16GB ก็จะเห็นศักยภาพที่ทำได้ดีมากขึ้น รวมถึงการเล่นเกมก็มีส่วนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

CPUz4

และกราฟิกที่มีมาพร้อมซีพียู AMD Ryzen 5 รุ่นนี้ เป็นรุ่น Radeon Vega Graphic ที่ถือว่าเป็นอีกเลเวลหนึ่งที่ช่วยให้การเล่นเกมหรือทำงานด้านวีดีโอได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบจะจัดการเรื่อง Cache หรือ VRAM ให้อัตโนมัติ ผลที่ได้ในการเล่นเกมเป็นอย่างไร ดูได้จากการทดสอบครับ

CPUz5

เราลองทดสอบระดับประสิทธิภาพ ASUS Vivobook 16 เมื่อเทียบกับซีพียูที่เป็นอดีตตัวแรงของเหล่าเกมเมอร์อย่าง AMD Ryzen 7 2700X เรื่องของ Single-Thread นั้น Ryzen 5 5600H สามารถกระชากลูกเลี้ยงหลบไปยิงได้ไม่ยาก ส่วน Multi-Thread ก็ทำได้สูสีเลยทีเดียว เป็นรองอยู่เล็กน้อย แต่ย้ำว่า Ryzen 7 2700X นั้นเป็นซีพียู PC ที่มีค่า TDP สูงกว่าและมี Core/ Thread ที่มากกว่านะ

ASUS Vivobook 16

ระบบ Storage เป็น SSD จากทาง Micron 2210 เท่าที่เช็คฮาร์ดแวร์จะเป็นแบบ 3D NAND QLC เป็น SSD สำหรับกลุ่มเอนด์ยูสเซอร์ เริ่มต้นกับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์การใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีพอสมควร ร่วมกับอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 ซึ่งความเร็วในการอ่านอยู่ที่ประมาณ 2,200MB/s และเขียนที่ 1,100MB/s

ASUS Vivobook 16

ในการทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 ทำคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 5,642 คะแนน โดยมีคะแนนในส่วนของ Essentials และ Productivity ทำได้ค่อนข้างดี เกือบถึง 10,000 คะแนน

ASUS Vivobook 16

ส่วนการทดสอบ 3DMark กับกราฟิก Radeon Vega ที่ติดตั้งมาบนซีพียู ซึ่งยังคงทำคะแนนได้ดีพอสมควรในหลายการทดสอบ ซึ่งเชื่อว่าถ้าติดตั้งแรมเพิ่มเติมเข้าไป น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ASUS Vivobook 16

ผลการทดสอบกับ CINEBench ในเวอร์ชั่นต่างๆ ด้วยซีพียูในระดับ 6 core/ 12 thread ก็จัดว่าตอบสนองการใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับเดียวกัน

ASUS Vivobook 16

การทดสอบด้วยเกม 3 มิติ เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพในการเล่นเกม ด้วยกราฟิก AMD Radeon Vega นี้ ก็ถือว่าให้คุณเล่นเกมในแนวต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากจนเกินไป หรือแทบจะไม่ต้องพึ่งพึงความสามารถของการ์ดจอแยก โดยเกมอย่าง DOTA2 ในโหมด Fastest ให้เฟรมเรตได้สูงถึง 80fps และเฉลี่ยอยู่ที่ราว 60fps ได้นิ่งๆ แม้ภาพจะไม่สวยงามหรูหรา แต่คุณยังคงได้เห็นเอฟเฟกต์และความลื่นไหลได้

ASUS Vivobook 16

โดยที่ในเกม Overwatch ก็ถือว่าทำตัวเลขเฟรมเรตออกมาได้ดีเช่นกัน โดยการตั้งค่าจะอยู่ที่ Low สามารถเล่นได้ในเฟรมเรตเฉลี่ยที่ 70fps ลื่นไหลสบายตา และสุดท้ายกับเกมที่โหดขึ้นมาอีกนิด อย่าง PUBG ที่ตั้งเอาไว้ในแบบ Very Low เล่นได้บนเฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 30-35fps. ก็จัดว่าพอเล่นได้ แต่ถ้าลด View Distance ลงอีกหน่อย ก็จะได้ถึง 40fps เลยทีเดียว


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook 16

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้บน ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell, 50Whr ในการทดสอบ ด้วยการใช้โปรแกรม BatteryMon และตั้งค่าการทดสอบด้วยเงื่อนไข ที่อยู่ในสมมติฐานด้วยการจำลองใช้งานแบบประหยัดแบต ในการทดสอบ Video Playback กับระดับเสียง 20% และความสว่างประมาณ 25% สตรีมมิ่ง Youtube ต่อเนื่อง และค่า Power Options ในโหมด Balanced ให้ระยะการทำงานได้เกือบ 9 ชั่งโมงเลยทีเดียว นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจพอสมควร ต้องถือว่าช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำโน๊ตบุ๊คไปใช้งานข้างนอกได้เกือบๆ ครึ่งวัน เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม และเราเพิ่มการทดสอบการชาร์จ โน๊ตบุ๊คสามารถชาร์จไฟที่ระดับ 30% ในเวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี

Battmon

มาทดสอบในด้านของอุณหภูมิขณะทำงานกันบ้าง จากที่ใช้โปรแกรม Furmark ในโหมด CPU Burner เพื่อให้ซีพียูทำงานในแบบ 100% Full-load ในห้องควบคุมอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส เพื่อจำลองการทำงาน เมื่ออยู่ในสภาวะที่ทำให้ซีพียูทำงานเต็มกำลัง บนความเร็วสัญญาณนาฬิกาประมาณ 4.0GHz ผลที่ได้คือ อุณหภูมิขึ้นไปสูงสุดประมาณ 94 องศาเซลเซียส และลงมาอยู่ที่ 84 องศาเซลเซียสแบบนิ่งๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มาจากความสามารถของระบบระบายความร้อน ASUS IceCool พัดลมตัวเดียวก็เอาอยู่

Temp 1

หากมองในความเป็นจริงแล้ว มีการทำงานไม่มากนัก ที่จะรีดพลังของซีพียูไปในระดับนั้น เพราะโปรแกรมส่วนใหญ่จะเรียกใช้ประมาณ 30-40% เท่านั้น ดังนั้นความร้อนที่จะเกิดขึ้นจริง ก็อยู่ที่ราวๆ 50-70 องศาเซลเซียสเท่านั้น


Conclusion / Award

ในภาพรวมของ ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ ผมมองเห็นความโดดเด่นในการถ่ายทอดเรื่องราวของโน๊ตบุ๊คที่มีจอขนาดใหญ่ ซึ่งดูเข้ากับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า ถ้าไม่นับเรื่องของของการพกพาสำหรับบางคน ด้วยจอขนาด 16″ 1920×1200 นี้ ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในงานและความบันเทิงได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรที่ต้องการพรีวิวงานให้กับลูกค้า หรือจะเป็นคุณครูที่ใช้พื้นที่ในการนำเสนอแก่นักเรียน หรือการเรียนออนไลน์ รวมถึงผู้ใช้ตามบ้าน ที่มีพี่น้องลูกหลาน ให้มาใช้งานร่วมกันได้ แบ่งปันความบันเทิงให้กับคนในครอบครัว หรือจะนั่งดูหนัง สตรีมมิ่งกับเพื่อนๆ ไปจนถึงเหล่ายูทูปเบอร์ที่พอจะใช้ในการตัดต่อวีดีโอเบาๆ กับการพรีวิวภาพได้กว้างกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นที่น่าสนใจ

ในแง่ของประสิทธิภาพ ถือได้ว่า AMD Ryzen 5 5600H นี้ ตอบสนองกับแอพพลิเคชั่นในด้านต่างๆ ได้ดี รวมถึงผลทดสอบต่างๆ ที่ออกมา ก็น่าพึงพอใจ เรียกว่างานบ้าน ไปจนถึงงานสำนักงาน สอบผ่านในทุกจุด และยังเติมความสนุกในการเล่นเกมได้ดีพอสมควร แม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลักก็ตาม ด้วยกราฟิกที่มากับซีพียู AMD รุ่นนี้ ก็เรียกว่าเน้นงานทั่วไป มากกว่า อย่างไรก็ดีเรายังได้เห็นเฟรมเรตสวยๆ จากเกมต่างๆ มาให้สัมผัส และเป็นการเล่นเกมในโหมด Full-HD อีกด้วย เช่นเดียวกับในเรื่องของเสียงก็ยังให้ความสนุกสนาน และเต็มอิ่มไปกับการชมภาพยนตร์ได้อีกด้วย

เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงมีมาให้เยอะพอสมควร โดยเฉพาะพอร์ตสำคัญๆ เช่น USB Type-C หรือ HDMI จะขาดก็เพียงเล็กๆ น้อยๆ ถ้ามองในแง่การใช้งานพอร์ต USB Type-A ก็จัดมาให้อีก 3 พอร์ต ก็เรียกว่าใช้งานได้เยอะแล้ว แต่น่าเสียดายที่ทาง ASUS ไม่ได้ติดตั้งแสงไฟ Backlit มาบนคีย์บอร์ด ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ โดยเฉพาะปุ่มคีย์ใช้งานง่าย กดสะดวก และยังมีฮอตคีย์มาให้อีกเพียบ แต่โดยปกติ ถ้าคุณเป็นคนที่วางมือ หยุดพักไม่ได้สนใจกับการใช้งานในที่มืดๆ หรือจะต้องทำงานในช่วงเวลาแสงน้อย ก็แทบจะไม่ได้จำเป็นเลย

ด้านการอัพเกรดอย่างน้อยๆ คุณเติมแรมเพิ่มได้ รวมถึงเปลี่ยน SSD ในแบบ M.2 ได้ ก็จัดว่าคุ้มค่าแล้ว ยังไม่รวมการมี Windows 11 Home และ Office Student 2021 มาด้วย รวมถึงการรับประกัน 2 ปี ในราคาแค่ 21,990 บาท เท่านั้น

Award

award new value

ด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คในราคาแค่ 2 หมื่นต้นๆ เท่านั้น แต่ ASUS จัดเตรียมองค์ประกอบมาให้ใช้งานครบครัน ว่ากันตั้งแต่ซีพียูที่ขยับมาเป็นแบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค มีพื้นฐานของระบบที่รองรับการอัพเกรด และหน้าจอขนาดใหญ่ รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่มอบให้กับผู้ใช้ หน้าจอใหญ่ อัพเกรดได้ พร้อม Windows 11 Home และ Office มาด้วย ราคานี้ถือว่าทำได้คุ้มค่าน่าใช้เลยทีเดียว ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ได้อย่างลงตัว

from:https://notebookspec.com/web/665992-asus-vivobook-16-ryzen5-5600h

6 โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer หัวใจ Intel Gen 12 แรงคุ้มมีจอ OLED ให้เลือก! อัพเดทปลายปี 2022

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ปลายปี 2022 นี้มีของดีเปิดตัวมาเพียบ มีจอ OLED แล้วด้วย!

acer oled cover

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ในช่วงปลายปี 2022 นี้ มีรุ่นน่าสนใจเปิดตัวออกมามากมาย ปรับดีไซน์เปลี่ยนสเปคให้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเรื่องอัพเกรดเครื่องเพิ่ม RAM, SSD ให้มีความจุมากขึ้น บางรุ่นได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง และบางรุ่นยังแถม Microsoft Office Home&Student ของแท้ติดตั้งมาให้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นตอบโจทย์ผู้ใช้เน้นความคุ้มค่าอย่างแน่นอน

Advertisementavw

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ Intel 12th Gen ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี แบรนด์โน๊ตบุ๊คชั้นนำของตลาดอย่าง Acer ก็เปิดตัวโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นใหม่ทั้งสเปคและดีไซน์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะซีรี่ส์ Aspire ที่เน้นความคุ้มค่าอัพเกรดเครื่องได้, Swift ซึ่งเน้นความบางเบาพกพาสะดวกก็มีให้เลือกซื้อไปใช้ด้วย และราคาก็มีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นช่วง 20,000 บาท เพื่อนักเรียนนักศึกษาไปจนรุ่นพรีเมี่ยมดีไซน์สวยมีเอกลักษณ์ด้วย

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer น่าใช้ทั้ง 6 รุ่น หัวใจ Intel Gen 12 สดใหม่ประหยัดไฟ

สเปคโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Aspire 3 A315-31F5 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.77 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

17,900
Acer Aspire 3 A315-54S1 Intel Core
i5-1235U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.77 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

20,900
Acer Swift 3 SF314-51SQ Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
5200 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED HDR

VESA DisplayHDR True Black 500

100%
DCI-P3

Refresh Rate 90Hz

1.4 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

31,990
Acer Swift 3 SF314-75PN Intel Core
i7-12700H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
5200 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED HDR

VESA DisplayHDR True Black 500

100%
DCI-P3

Refresh Rate 90Hz

1.4 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

35,990
Acer Swift 3 SF314-512-51E2 Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2K
(2560×1440)
IPS

1.25 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

29,990
Acer Swift 3 SF314-512-75VX Intel Core
i7-1260P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ 2K
(2560×1440)
IPS

1.25 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

33,990

6 โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer น่าใช้ หัวใจ Intel Gen 12 แรงลื่นประหยัดไฟ

ผู้ใช้คนไหนที่มีแผนซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่เอาไว้ทำงานอยู่ ผู้เขียนอยากแนะนำให้ลองดูโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งอัพเดทสเปคมาเป็น Intel Gen 12 สักหน่อย เพราะนอกจากสเปคจะดีแล้วราคาก็ไม่แพงเกินไปอีกด้วย โดยผู้เขียนเลือกมาแนะนำทั้งหมด 6 รุ่นดังนี้

  1. Acer Aspire 3 A315-31F5 (17,900 บาท)
  2. Acer Aspire 3 A315-54S1 (20,900 บาท)
  3. Acer Swift 3 SF314-51SQ (31,990 บาท)
  4. Acer Swift 3 SF314-75PN (35,990 บาท)
  5. Acer Swift 3 SF314-512-51E2 (29,990 บาท)
  6. Acer Swift 3 SF314-512-75VX (33,990 บาท)
1. Acer Aspire 3 A315-31F5 (17,900 บาท)

Screenshot 2022 09 12 100950

Acer Aspire 3 A315-31F5 เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นแรกที่ราคาไม่แพงมาก ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษาที่หาโน๊ตบุ๊คเอาไว้เรียนและยังใช้งานต่อได้ยาวจนเริ่มทำงานเลยก็ไม่มีปัญหา ขนาดเครื่องใหญ่มี Numpad ติดตั้งมาให้ใช้งานอีกด้วย หากผู้อ่านคนไหนสนใจ Aspire 3 เครื่องนี้สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz มาให้ ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมใช้งาน มีแรมในเครื่อง 4GB DDR4 บัส 3200MHz สามารถอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ในเครื่องได้แน่นอน มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.77 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นแรกที่ราคาไม่แพงและสเปคดีน่าสนใจรุ่นหนึ่ง

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-31F5
  • CPU : Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.77 กิโลกรัม
  • Price : 17,900 บาท (Advice)
2. Acer Aspire 3 A315-54S1 (20,900 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101342

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นถัดมาเป็น Acer Aspire 3 A315-54S1 รหัสนี้เป็นรุ่นที่แชร์สเปคร่วมกับ Aspire 3 ในข้อก่อนหน้าแทบทั้งหมด แต่เปลี่ยนซีพียูเป็น Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz แทนและเพิ่มแรมให้เป็น 8GB DDR4 บัส 3200MHz แทน หากใครใช้โปรแกรมที่เน้นกำลังประมวลผลของซีพียูหนักๆ ตัวอย่างเช่น Microsoft Excel แล้วเป็นชีตมีตารางเยอะ รุ่นนี้จัดว่าน่าสนใจทีเดียว แค่เพิ่มเงินอีกเล็กน้อยสเปคก็จัดว่าดีน่าประทับใจทีเดียว

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-54S1
  • CPU : Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.77 กิโลกรัม
  • Price : 20,900 บาท (Advice)
3. Acer Swift 3 SF314-51SQ (31,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101432

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่น Acer Swift 3 SF314-51SQ รหัสนี้เป็น Swift รุ่นล่าสุดที่ได้หน้าจอพาเนล OLED สีสันสวยงาม ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ความละเอียดสูงถึง 2.8K จับคู่กับซีพียู Intel 12th Gen รหัส H ประสิทธิภาพสูงและมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย เหมาะกับคนที่ทำงานกราฟฟิคอย่างตัดต่อแต่งภาพหรือทำกราฟฟิคมาก

สเปคของ Swift 3 เครื่องนี้ได้ซีพียู Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พิกเซล พาเนล OLED HDR ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 90Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home&Student 2021 มาให้พร้อมแรมออนบอร์ด 16GB LPDDR5 บัส 5200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และตัวเครื่องเบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น จัดเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer เครื่องเบาแต่สเปคดีรุ่นหนึ่งเลย

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-51SQ
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 5200 MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พิกเซล พาเนล OLED HDR ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 90Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (ราคากลาง)
4. Acer Swift 3 SF314-75PN (35,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101712

โน๊ตบุ๊คทำงาน Acer รุ่นถัดมาเป็น Acer Swift 3 SF314-75PN ซึ่งเป็นรุ่นอัพเกรดสเปคของ Swift 3 ในข้อที่แล้ว โดยเปลี่ยนซีพียูเป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz แทน จึงมีคอร์และเธรดเอาไว้ประมวลผลกับโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้าใครจะตัดต่อคลิปด้วยล่ะก็ แนะนำให้เพิ่มงบอีกสักนิดมาซื้อโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer เครื่องนี้ไปจะดีกว่า

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-75PN
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 5200 MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พิกเซล พาเนล OLED HDR ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 90Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 35,990 บาท (ราคากลาง)
5. Acer Swift 3 SF314-512-51E2 (29,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101742

Acer Swift 3 SF314-512-51E2 นี้จะเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ที่ผ่านมาตรฐาน Intel Evo ซึ่งข้อดีของ Swift 3 ตระกูลนี้ คือน้ำหนักเบา, พกพาง่าย มีพอร์ต Thunderbolt 4 และพอร์ตอื่นๆ ติดตั้งมาให้และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออีกด้วย ซึ่งถ้าใครชอบโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาแบตเตอรี่อึดใช้งานได้หลายชั่วโมง แนะนำให้ดูรุ่นนี้เอาไว้ได้เลย

ซีพียูของ Swift 3 นี้เป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz ใช้การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440) พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home&Student 2021 กับแรมออนบอร์ด 8GB LPDDR4x 4267MHz ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และน้ำหนักเครื่องเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเบาน่าใช้ทีเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนเป็นอย่างมาก

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-51E2
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB LPDDR4x 4267MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440) พาเนล IPS
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.25 กิโลกรัม
  • Price : 29,990 บาท (ราคากลาง)
6. Acer Swift 3 SF314-512-75VX (33,990 บาท)

Screenshot 2022 09 12 101758

Acer Swift 3 SF314-512-75VX เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer อีกรุ่นที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ โดยสเปคจะแชร์กับ Swift 3 ในข้อที่แล้วทั้งหมด แต่ซีพียูถูกอัพเกรดเป็น Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4-4.7GHz แทน ทำให้ประสิทธิภาพตอนประมวลผลดีขึ้น หากใครชอบ Swift 3 ตรงน้ำหนักเบาอยู่แล้ว แต่อยากได้ซีพียูประสิทธิภาพสูงขึ้นสักหน่อย ก็ขยับมาซื้อเครื่องนี้แทนจะดีที่สุด

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-75VX
  • CPU : Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB LPDDR4x 4267MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440) พาเนล IPS
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.25 กิโลกรัม
  • Price : 33,990 บาท (ราคากลาง)

acer laptop swift 3 main banner l

จะเห็นว่าช่วงปลายปี 2022 นี้มีโน๊ตบุ๊คทำงาน Acer ดีๆ เปิดตัวมาให้เลือกหลากหลายรุ่น ได้ซีพียู Intel 12th Gen และมีหน้าจอพาเนล OLED ให้เลือกซื้อ ตอบโจทย์คนที่ทำงานกราฟฟิคอีกด้วย หรือใครที่อยากได้หน้าจอสีสดสวยเป็นพิเศษก็น่าซื้อไปใช้งานเช่นกัน ดังนั้นถ้าใครอยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอยู่แล้ว ก็อยากแนะนำแบรนด์ Acer เป็นพิเศษ เนื่องจากสเปคต่อราคาจัดว่าคุ้มค่าและด้านความแข็งแรงทนทานก็ไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำเจ้าอื่นอย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1predator 1

acer amd cover

swift cover 1

from:https://notebookspec.com/web/666634-6-acer-laptop-for-work-intel-gen-12